16 เมษายน 2567, 13:23:57
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: [1]   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: เที่ยวดินแดนอวตา กับรุ่น 14  (อ่าน 15525 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Cinderlily
Full Member
**


Graceless lady you know who I am.
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 679

« เมื่อ: 10 มิถุนายน 2555, 18:07:25 »


เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หนุ่มสาวซีมะโด่ง ทั้งรุ่น 14 และเพื่อนผองน้องพี่ ได้เดินทางไปเที่ยวดินแดนแห่งฉากหนังเรื่อง อวตา AVATAR ซึ่งก็คือเมือง จาง เจี่ย เจี้ย นั่นเอง


จางเจี้ยเจี้ย ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลหูหนานตอนกลางค่อนมาทางใต้ของประเทศจีน เป็นพื้นที่ที่มีลักษณะพิเศษและมีทัศนียภาพที่งดงามจางเจียเจี้ยได้ถูกประกาศให้เป็นเขตอนุรักษ์วนอุทยานแห่งชาติในปี ค.ศ.1982 ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ วนอุทยานแห่งชาติ หุบเขาซูยี่ และภูเขาเทียนจื่อ ความโดดเด่นของสถานที่แห่งนี้ คือ ยอดเขาและเสาหินทรายที่ตั้งตระหง่านกว่า 3,000 ยอด และสูงกว่า 200 เมตร นอกจากนี้ยังมีช่องแคบ ลำธาร สระน้ำ และน้ำตกมากมาย รวมทั้งมีถ้ำกว่า 40 ถ้ำ ซึ่งทำให้สถานที่แห่งนี้มีภูมิทัศน์ที่งดงามจนได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกปี 1992  จากองค์การ UNESCO

      บันทึกการเข้า

Cinderlily
Cinderlily
Full Member
**


Graceless lady you know who I am.
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 679

« ตอบ #1 เมื่อ: 10 มิถุนายน 2555, 19:01:51 »


เราเดินทางสู่  กวางเจา  โดยสายการบิน SRI LANKAN AIRLINES   เที่ยวบิน UL 882
ถึง  สนามบินไป่หวิน  กวางเจา  เมืองหลวงของมณฑลกวางตุ้ง ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่เติบโตอย่างรวดเร็วจากธุรกิจการค้า และเป็นเมืองต้นทางที่จะเดินทางต่อไปยัง จาง เจี่ย เจี้ย



การเดินทางไป จาง เจี่ย เจี้ย ยาวนานยิ่งนัก ต้องเดินทางไปนอนที่เมืองฉางซา อันเป็นเมืองปากทางเข้าจาง เจี่ย เจี้ย ก็ว่าได้ ซึ่งใช้เวลาอีก 3 ชั่วโมงในการนั่งรถไฟหัวกระสุน เพื่อเดินทางสู่  เมืองฉางซา  รถไฟที่เราไปเป็นรถด่วนขบวนที่ G6020  รถไฟด่วน ความเร็ว 350 กิโลเมตร/ชั่วโมง เราพยายามพิสูจน์ความเร็วของรถไฟด่วนสายนี้ ซึ่งถือเป็นความเร็วอันดับหนึ่งแบบทิ้งห่างจากคู่แข่งหลายช่วงตัว ซึ่งก็ยังเร็วกว่าคู่แข่งอื่นๆ มาก อาทิ รถไฟหัวกระสุนของญี่ปุ่น (243 ก.ม./ช.ม.), เยอรมันนี (232 ก.ม./ช.ม.), และฝรั่งเศสที่ (277 ก.ม./ ช.ม.)  รถไฟสายใหม่ของจีนนี้จะเชื่อม 20 เมืองตลอดเส้นทางเพื่อเชื่อมโยงภาคกลางของประเทศเข้ากับภูมิภาคที่ยังคงพัฒนาล้าหลังอีกจำนวนมาก  ค่าโดยสาร กว่างเจา -ฉางซา เป็นเงิน 315 หยวน


ภายในสถานีรถไฟเมืองกวางเจา


ถ่ายหัวรถไฟไม่ทัน  ถ่ายได้แค่ตอนจอดแล้ว คณะของเราก็รีบขึ้น กลัวตกรถไฟ


รอให้ความเร็วถึง 350 กม.ต่อชั่วโมงแต่ไม่ถึงสักที ถ่ายได้แค่ 303 กม.ต่อชั่วโมง


ผู้โดยสารหน้าระรื่น


ภายในรถสะอาดดี




มีห้องน้ำสะอาดไว้บริการผู้โดยสาร



มีน้ำร้อน น้ำเย็นไว้บริการฟรี สำหรับผู้ที่ไม่อยากเสียเงินซื้อเครื่องดื่มบนรถ แต่ตอนเราจะขึ้นรถ เราสามารถเอาตั๋วไปแลกน้ำดื่มฟรี ได้คนละขวดแล้ว



สำหรับผู้ที่ต้องการเสียเงิน ทางรถไฟนอกจากจะมีตู้เสบียงที่มีโต๊ะนั่งทานแบบสบายๆแล้ว  ยังมีพนักงานเข็นรถขายอาหารและเครื่องดื่มเกือบตลอดเวลา  อาหารที่ขาย จะเป็นข้าวกล่อง คล้ายของญี่ปุ่น  บะหมี่ถ้วยแบบเติมน้ำร้อน ชา  กาแฟ และน้ำเปล่า




รถขายอาหารไปไม่นาน  แม่หนูคนนี้ก็เดินมาขาย ชา กาแฟ อีก แบบว่าไม่อดตายแน่



นายตรวจแต่งตัวหล่อดี ไม่เห็นมีที่ตัดตั๋ว เสียงแป๊กๆๆๆ แบบบ้านเราเลย

รถกำลังจะถึงเมืองฉางซา ซึ่งเป็นสถานีสุดท้ายของขบวนนี้ พี่แฉก กำลังเตรียมตัวแบกกระเป๋าให้น้องๆ  เรามาถึงเมืองฉางซาตอนเที่ยงคืนกว่าๆ  ถึงโรงแรมที่พักเกือบตีหนึ่งแล้ว กว่าจะได้นอน ตี 2  ไกด์บอกเราว่า พรุ่งนี้ใช้สูตร 5ครึ่ง -6ครึ่ง -7ครึ่ง นะคร๊าาาาาาาา   ไอ๊หยา อาหมวย อั๊ว..ยังม่ายล่ายนอนเลยอ่ะ ....


นี่คือหน้าของอิฉันวันรุ่งขึ้น ตาขวางแบบนี้ ใครเข้าใกล้เป็นโดนกัดทุกคนค่ะ
วันนี้ขอพักก่อนนะคะ ยังเพลียไม่หายเลย ทริปนี้โหดจริงๆขอบอก ......

      บันทึกการเข้า

Cinderlily
Cinderlily
Full Member
**


Graceless lady you know who I am.
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 679

« ตอบ #2 เมื่อ: 11 มิถุนายน 2555, 08:35:26 »

ตื่นมาเล่าต่อจากเมื่อวานนะคะ


เนื่องจากเมื่อคืนได้นอนแค่ 3 ชั่วโมง หลังอาหารเช้าจึงมีบางคนสลบไสลขณะนั่งรอเพื่อน
หลังจากตื่นมาเราก็ต้องนั่งรถไปอีก 3-4 ชั่วโมงเพื่อไปยังเมืองจางเจี่ยเจี้ย การเดินทางแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะเมื่อคืนนอนกันน้อย ได้หลับในรถค่อยมีแรงปีนเขาหน่อย

  





 หลังรับประทานอาหารกลางวัน เติมพลังกันให้ดีแล้ว  เราก็เดินทางสู่ ภูเขาเทียนเหมินซาน ซึ่งตั้งอยู่มณฑลหูหนาน สมัยก่อนเรียกว่า ภูเขาหวินเมิ้งซาน หรือ ซงเหลียวซาน เป็นประวัติแรกของจางเจียเจี้ย โดยการนั่งกระเช้าจากตัวเมืองจางเจียเจี้ย มีความยาวที่สุดในโลก คือ 7.5  กิโลเมตรเมตร เป็นกระเช้าที่ทันสมัยที่สุด ขึ้นสู่  เขาเทียนเหมินซาน  ใช้เวลาในการนั่งกระเช้า 40 นาที
น่าประทับใจมากที่สถานีรถกระเช้าตั้งอยู่ใจกลางเมืองเลย  กระเช้าที่นั่งก็ลอยผ่านบ้านผู้คนออกไปนอกเมือง ขึ้นเขาไปเรื่อยๆ สะดวกดีมากประหยัดเวลาในการนั่งรถไปได้มาก










ระหว่างทาง เห็นประตูสวรรค์อยู่รำไร



      บันทึกการเข้า

Cinderlily
Cinderlily
Full Member
**


Graceless lady you know who I am.
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 679

« ตอบ #3 เมื่อ: 11 มิถุนายน 2555, 08:54:14 »

เรายังไม่ไปประตูสวรรค์ เพราะต้องนั่งรถไปอีก 99โค้ง  จึงลงจากกระเช้าแล้วเดินชมวิว และสัมผัส ความมหัศจรรย์ของ “หน้าผาลอยฟ้า”  ซึ่งเป็นความแปลกใหม่ของการท่องเที่ยว








เนื่องจากเทียนเหมินซานถูกรายล้อมด้วยภูเขารูปทรงสวยงามแปลกตา จึงมีการสร้างทางเดินแบบสะพานให้นักท่องเที่ยวได้เดินลัดเลาะชมวิวทิวทัศน์ไปตามขอบหน้าผาสูงชัน ซึ่งนอกจากจะสร้างความตื่นตาตื่นใจแล้ว ยังทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกตื่นเต้นหวาดเสียวไม่น้อย โดยเฉพาะผู้ที่กลัวความสูงล่าสุด ได้มีการเปิดจุดชมวิวรูปแบบใหม่บนภูเขาเทียนเหมินซาน ที่มีลักษณะเป็น สะพานแก้ว หรือ “ทางเดินลอยฟ้า” พื้นกระจกหนา 2.5 นิ้ว ตัวสะพานมีความกว้าง 3 ฟุต ยาว 200 ฟุต (61 ม.) ตั้งอยู่บนความสูง 4,700 ฟุต ( 1,433 เมตร) เหนือระดับน้ำทะเล  


สะพานแก้วที่น่าหวาดเสียว


คนที่จะเดินสะพานแก้ว ต้องสวมรองเท้าผ้าหุ้มรองเท้าไว้ก่อน กันพื้นแก้วมีรอย



ถ่ายรูปขาตัวเองขณะเดินบนสะพาน เพราะตอนเดินไปคนเดียว ไม่มีใครถ่ายให้



มองลงไปเป็นแบบนี้ค่ะ



ถ่ายกับกลุ่มสาวๆที่นั่งขาสั่นอยู่หน้าสะพาน  ไม่ได้เดินข้ามสะพานแก้วหรอก แค่เห็นก็จะเป็นลมแล้วค่ะ

      บันทึกการเข้า

Cinderlily
Cinderlily
Full Member
**


Graceless lady you know who I am.
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 679

« ตอบ #4 เมื่อ: 11 มิถุนายน 2555, 09:21:27 »


เสร็จจากเดินขาสั่น ก็ถึงเวลาไปประตูสวรรค์กันเสียที  ตอนเดินกลับมาก็พบกับศาลาลอยฟ้า ซึ่งจำได้ว่าเคยเห็นในอีเมล์ที่คนส่งมาให้หลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้เดินไปที่ศาลานี้เพราะเวลาหมดแล้ว










เราต้องลงจากกระเช้าครึ่งทาง แล้วนั่งรถบัสเล็กขึ้นไปอีกยอดเขาหนึ่ง ซึ่งมี 99 โค้ง คนขับก็ขับแบบไม่ปราณี  ทั้งเร็ว ทั้งเหวี่ยง นึกว่าจะเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่เสียแล้ว

ในที่สุดก็มาถึงประตูสวรรค์เสียที โล่งอกไป......






ถ้ำเทียนเหมิน หรือเรียกว่า  ถ้ำประตูสวรรค์เทียนเหมินซาน  เป็น 1 ใน 4 ของภูเขาที่สวยที่สุด สาเหตุที่เรียกว่าเทียนเหมินซานเพราะว่า ภูเขาเกิดระเบิดขึ้นเองโดยธรรมชาติจนกลายเป็นถ้ำ ประตูนี้มีความสูง 131.5 เมตร ความกว้าง 57 เมตร ความลึก 60 เมตร เมื่อท่านมาถึงถ้ำประตูสวรรค์  จะมีบันได 999 ขั้น ขึ้นสู่ ภูเขาประตูสวรรค์   ครั้งหนึ่งเคยมีชาวรัสเซียได้ขับเครื่องบินเล็กลอดผ่านช่องภูเขาประตูสวรรค์มาแล้วเป็นสถานที่ที่น่าสนใจจากชาวต่างชาติอีกแห่งหนึ่ง  การขึ้นถ้ำเทียนเหมินขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศด้วย  ในวันที่ฟ้าปิดนักท่องเที่ยวจะไม่สามารถขึ้นมาเที่ยวได้    










ถ่ายรูปมาเหมือนกับว่าเดินขึ้น 999 ขั้นได้ แต่ไม่มีใครเดินถึงสักคน
 อิฉันขอเดินเอาเคล็ดแค่ 9 ขั้น ก็พอแล้ว  อีก 990 ขั้นฝากไว้ก่อนค่ะ
      บันทึกการเข้า

Cinderlily
Cinderlily
Full Member
**


Graceless lady you know who I am.
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 679

« ตอบ #5 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2555, 19:51:02 »


กลับมาเล่าต่อค่ะ ขอโทษด้วยที่หายศรีษะไปหลายวัน  เนื่องจากมีอาการปวดตาเล็กน้อย น่าจะเป็นเพราะใช้สายตามาก และพักผ่อนน้อยไปหน่อย

โปรแกรมวันแรกยังไม่หมดค่ะ  หลังรับประทานอาหารเย็นแล้ว  เราก็รีบบึ่งกลับไปที่ภูเขาที่เราเที่ยวตอนกลางวัน  แต่คราวนี้อยู่แถวตีนเขา  เพื่อชมการแสดงโชว์จิ้งจอกขาว  การแสดงที่ถือว่าครบครันด้วยอารมณ์ต่าง ๆ ชวนให้เคลิบเคลิ้มไปกับการแสดง เป็นการแสดงบทเกี่ยวกับความรักของนางพญาจิ้งจอกขาวที่มีต่อชายผู้เป็นที่รัก แต่ต้องพลัดพรากจากกันทั้งที่ยังรักกัน ถือเป็นบทตำนานแห่งความรักที่น่ายกย่องยิ่งนัก พวกเราเพลิดเพลินไปกับการ แสดงที่ประกอบด้วยนักแสดงคุณภาพกว่า 600 คน ฉากที่น่าชมคือ ฉากสะพานคู่เชื่อมเขาสองลูก  ชื่อว่าสะพานคู่รักใต้หล้า นับว่าอลังการณ์กว่าโชว์ใดใดที่เคยสัมผัสมา



ฉากที่แสดงครั้งนี้ เป็นฉากกลางแจ้ง มีเทือกเขาสูงเป็นแบ็คกราว  เมื่อส่องไฟไปตามภูเขาแล้วสวยงามมาก
การแสดงจะไม่หยุดเลย แม้ฝนตก ( แจกเสื้อกันฝน) ยกเว้นวันที่หิมะตกหนัก ไม่เล่นค่ะ













โดยส่วนตัวแล้ว ชอบฉากที่นางจิ้งจอกขาว  กรีดเสียงร้องไห้ด้วยความเสียใจที่ไม่สามารถครองคู่กับชายตัดฟืนคนรักได้ 
โดยการแสดงจะดำเนินไปด้วยเพลงที่ร้องว่า " เคยเห็นจิ้งจอกร้องไห้ไหม ?  เคยเห็นน้ำตาจิ้งจอกหรือไม่ ? "
ความที่ไม่เคยมีจิ้งจอกร้องไห้  ดังนั้นเมื่อจิ้งจอกขาวร้องไห้  จึงทำให้เกิดฝนตกฟ้าคนอง ฟ้าผ่า จนเทพยาดาเห็นใจ
แต่กระนั้น ทั้งคู่ก็ต้องรอถึงหมื่นปี จึงจะได้กลับมาครองคู่กัน ( นิยายจีน ชอบให้รอเป็นหมื่นปีทุกเรื่องเลยนะ)
      บันทึกการเข้า

Cinderlily
Cinderlily
Full Member
**


Graceless lady you know who I am.
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 679

« ตอบ #6 เมื่อ: 15 มิถุนายน 2555, 10:12:09 »


การท่องเที่ยววันรุ่งขึ้น คิดว่าจะได้เที่ยวแบบเบาๆ  แต่ก็เหนื่อยเอาการ แถมยังเจอฝนอีกต่างหาก  แม้จะนอนอยู่ใกล้ๆทางเข้าอุทยาน แต่เราก็ต้องตื่นแต่ไก่โห่ เพื่อทำเวลาให้เที่ยวได้ครบตามโปรแกรม  ยามเช้าของเมืองจาง เจี่ยเจี้ย ดูเงียบเหงาแบบนี้






หน้าทางเข้าอุทยาน จาง เจี่ย เจี้ย



อดไม่ได้ที่จะแวะช้อปสักนิ๊ดดด



เข้าแถวรอขึ้นรถอย่างเป็นระเบียบ

เมื่อเข้าไปถึงภายใน อุทยานจางเจียเจี้ย  เราไปเปลี่ยนนั่งรถรางไฟฟ้าชมความสวยงามของ ระเบียงภาพวาดสิบลี้  ซึ่งวิ่งไปตามแนวทิวเขาที่ประกอบด้วยยอดเขารูปร่างแปลกพิสดารเรียงรายกัน 200 ยอดโดยมีลำธารเล็กๆ ไหลผ่านตามแนวทิวเขาข้างทางที่ผ่าน ก่อให้เกิดเป็นภาพที่สวยงามราวกับเรานั่งชมภาพวาดขนาดยักษ์ ระยะทาง10 ลี้  แต่วันนั้นอากาศค่อนข้างปิด จึงเห็นรูปภูเขาสวยแบบลึกลับ




















จุดนี้ถ่ายรูปคณะทัวร์ได้แค่นี้ เพราะสาวๆ พอลงจากรถรางก็หายไปตามสูตร คือ " ช๊อป  +  ฉี่ "
      บันทึกการเข้า

Cinderlily
Cinderlily
Full Member
**


Graceless lady you know who I am.
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 679

« ตอบ #7 เมื่อ: 15 มิถุนายน 2555, 10:42:12 »


เราเที่ยวอยู่ในอุทยานด้าน ระเบียงภาพวาดสิบลี้ จนเที่ยง จากนั้นเราต้องออกมารับประทานอาหารกลางวันข้างนอกก่อนที่จะเข้าไปเที่ยวจุดอื่น  ที่ร้านอาหารมีกลองใหญ่ผูกผ้าแดงแบบจีน  เข้ากับเสื้อสีสดของพี่ติ๋มมาก จะถูกจะแพง ขอให้แดงไว้ก่อน ฮ่า ฮ่า


จากนั้นการเดินทางของเราก็เริ่มขึ้น  เรามาถึง เขตอนุรักษ์ธรรมชาติเทียนจื่อซาน  ซึ่งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,290 เมตร และเป็นเขตป่าอนุรักษ์ ต่อเนื่องมาจากทางด้านทิศเหนือของอุทยานแห่งชาติจางเจียเจื้ย   เป็นสถานที่ที่มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี และมีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นยอดเขาน้อยใหญ่มากกว่าร้อยยอด  เที่ยวครั้งนี้ หากใครกลัวความสูงไม่ควรมา  เพราะนั่งกระเช้าขึ้นที่สูงมากๆ ( ย้ำ มากๆ)




ถึงยอดเขาต้องเดินอีกตามระเบียบ แต่ฝนก็ไม่ยอมหยุด เราจึงมีสภาพแบบนี้



แม้ฝนจะตกแต่เราก็ไม่ถอย จุดแรกคือ สวนสาธารณะเฮ่อหลง สวนแห่งนี้ได้รับการจัดตั้งขึ้นเมื่อ ปี ค.ศ. 1986 เพื่อเป็นเกียรติแก่ นายพลเฮ่อหลง  แห่งพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งเป็นชาวสี่เจียและมีถิ่นกำเนิดอยู่ในบริเวณนี้ ภายในบริเวณสวนสาธารณะประกอบไปด้วย จุดชมวิวบนยอดเขา เซียนหนี่ว์ซ่านฮวา หรือ นางฟ้าโปรยดอกไม้ และหน้าผาเจียงจวิน หรือ หน้าผาท่านนายพล ให้ท่านชมวิวที่สามารถมองเห็นยอดเขาเป็นรูปร่างต่างๆ ตามจินตนาการ เช่น พู่กันจักรพรรดิ สวนสวรรค์ สะพานอมตะ และยังมีลานแสดงดนตรีพื้นเมือง

มีการสร้างอนุสาวรีย์ ท่านนายพลเฮ่อหลงไว้  ในบริเวณสวนสาธรณะ  ภาพวิวโดยรอบที่ปรากฏจะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ตามแต่ดินฟ้าอากาศที่แปรปรวน และจะเปลี่ยนไปตามสี่ฤดูกาลอีกด้วย กล่าวคือ ในบางเวลาจะปกคลุมด้วยเมฆหมอกหนาทึบ แต่ในบางขณะจะเห็นท้องฟ้าแจ่มใสปราศจากฟ้าฝน คนแถวนี้บอกว่าวิวแบบนี้สามารถทำให้นักทัศนาจรเกิดความรู้สึกว่าตัวเองกำลังเดินเข้าสู่แดนสวรรค์




และที่นี่คือฉากหลักในภาพยนต์เรื่อง อวตา นั้นเอง น่าเสียดายที่วันนี้อากาศปิด มิฉนั้นเราคงเห็นฉากได้ชัดเจนกว่านี้



















ทุกคนถ่ายรูปกับวิวสวยๆ แต่ความที่อากาศปิด ฝนตก และคนเยอะมาก มุมให้ถ่ายแคบจนแทบไม่มีที่ยืน รูปจึงออกมาไม่ดีเลย ทุกคนดูหน้ามืด เพราะไม่อยากใช้แฟรช ไปรบกวนวิว ต้องขอโทษทุกคนด้วยที่ทำได้แค่นี้  และขอขอบคุณเพื่อน และหลานที่ช่วยกางร่มให้ขณะถ่ายรูป เพราะกลัวกล้องโดนน้ำ  ซึ่งก็ช่วยได้มาก  แต่ก็ไม่วาย ต้องส่งกล้องเข้าศูนย์หลังกลับมา เพราะเลนส์ขึ้นราเจ้าค่ะ

      บันทึกการเข้า

Cinderlily
Cinderlily
Full Member
**


Graceless lady you know who I am.
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 679

« ตอบ #8 เมื่อ: 15 มิถุนายน 2555, 11:14:25 »


ถ่ายรูปที่จุดนี้กันจนหนำใจแล้ว นึกว่าจะลงจากเขาเสียที  แต่ยังค่ะ เรายังต้องเดินไปอีกจุดหนึ่ง ( ไม่เดินย้อนหลัง) นั่นคือ สะพานอันดับหนึ่งใต้ฟ้า (เทียนเสี้ยตี้อี้เฉียว) ซึ่งมีทิวทัศน์ที่สวยงามเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ชื่อดังหลายเรื่อง เป็นสถานที่ที่จะตื่นตาตื่นใจกับทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามแสนประทับใจอีกแห่ง



เราเดินไปบ่นไป เผลอแป๊บเดียวก็เห็นสิ่งนี้อยู่ตรงหน้า  ค่อนข้างตลึงเอามากๆ เพราะจุดนี้อยู่ในซอกเขาค่อนข้างลึกลับ แบบว่าเมื่อเลี้ยวเข้ามาในหุบเขาสะพานนี้ก็โผล่ให้เห็นอย่างกระชั้นชิด  ความที่อยู่ในมุมแคบทำให้ไม่ได้ภาพที่สวยตามที่หวัง  สะพานหินนี้ เป็นสิ่งที่เกิดจากธรรมชาติ ( พยายามสังเกตุดูว่าเขาสร้างแบบทางด่วนหรือเปล่า)  เป็นสะพานที่เชื่อมสองยอดเขาไว้อย่างแข็งแรง  น่าเสียดายที่วิวที่สวยงามควรจะดูจากระยะไกลสักนิด แต่ก็นับว่าเป็นจุดที่ชื่นชอบเป็นอย่างยิ่ง






มองทะลุใต้สะพาน เห็นเขาด้านหลัง








ถึงจะสูงปานใด  แต่คู่รักหนุ่มสาว ก็นิยมเอากุญแจมาคล้องล๊อคกันไว้ แสดงถึงความรักที่มีต่อกัน โดยส่วนตัวแล้วดิฉันไม่นิยมการทำแบบนี้ เพราะนึกถึงเวลาเลิกกัน คงไม่มีปัญญากลับมาหากุญแจแล้วปลดล็อคเพื่อโยนทิ้งเป็นแน่



สำหรับคู่นี้ ไม่ต้องล็อคกุญแจค่ะ  หนึบ หนึบ


เสร็จจากชมวิวแบบเปียกๆ เราก็กลับลงมาด้วยลิฟท์แก้วไป่หลง ลงจากจุดสูง 326 เมตร เป็นการลงที่เสียวสุด เพราะเลิฟท์ไต่ลงมาตามแท่งหินที่สูงมาก   ความที่ฝนตกเลยถ่ายรูปลิฟท์มาให้ดูได้แค่นี้เอง  กล้องพังก็ด้วยเหตุฉะนี้ 


แม้จะหวาดเสียวเพียงใด แต่คณะทัวร์ของเราก็ยังหน้าระรื่น พร้อมไปช้อปต่อที่ร้านค้าได้อย่างสบายใจ เป็นอันจบอีกหนึ่งวันของการผจญภัยค่ะ
      บันทึกการเข้า

Cinderlily
Cinderlily
Full Member
**


Graceless lady you know who I am.
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 679

« ตอบ #9 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2555, 23:50:27 »

วันต่อมา เราเดินทางไปยัง ทะเลสาบเป่าเฟิ่งหู ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ตั้งอยู่บนช่องเขาสูง รายล้อมด้วยยอดขุนเขาและพรรณไม้นานาชนิด ชมทัศนียภาพอันสวยงามยามเช้าที่เต็มไปด้วยสายหมอกที่ตัดกับสายน้ำที่ใสสะอาดในทะเลสาบ


ทะเลสาบนี้ ตั้งอยู่บนหุบเขาสูง ต้องขึ้นบันได 135 ขั้น แต่ตอนขึ้นนับได้เกินกว่าที่ไกด์บอกเอามากๆ เลยไม่แน่ใจว่าขึ้นกี่ขั้นกันแน่  แต่ขาลงต้องลงประมาณ 375 ขั้น  ระหว่างทางขาขึ้น ขนาดยังไม่ถึงบันได ทางก็ชันมาก แต่มีน้ำตกซึ่งเป็นน้ำที่ไหลมาจากทะเลสาบนี้ ตกลงมาข้างทาง มองขึ้นไปยอดเขา ที่นั่นแหละที่ทะเลสาบตั้งอยู่



พอถึงยอดเขาก็จะพบทะเลสาบ มีท่าเรืออยู่ไม่ไกล  เชิญชมบรรยากาศที่สุดแสนโรแมนติกค่ะ












ภายในทะเลสาบ เขาจะมีเรือจอดไว้สองลำ เป็นเรือของนักร้องพื้นบ้านชายหนึ่งลำ หญิงหนึ่งลำ พอเรือเราผ่านมาเขาก็จะออกมาร้องเพลง คล้ายเพลงจีบโต้ตอบกันตามประเพณี ที่ชายหญิงหากจะเป็นแฟนกันได้ ต้องร้องเพลงตอบกันให้ได้ อย่างน้อยสามเพลง  โดยแต่ละเพลงจะจบด้วยคำว่า " โย่วเว่ย"   พอเขาร้องเสร็จพวกเราในเรือก็ช่วยกันร้อง " โย่วเว่ย" กันดังลั่นหุบเขาไปเลย  คนร้องตัวจริงบอกว่า งงอ่ะพี่ 












โรส นางเอกเรื่องมนต์รักเรือล่ม TITANIC



แจ๊ค พระเอกของเรื่องไททานิค

      บันทึกการเข้า

Cinderlily
Cinderlily
Full Member
**


Graceless lady you know who I am.
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 679

« ตอบ #10 เมื่อ: 18 มิถุนายน 2555, 09:30:10 »


เราสนุกสนานกับการล่องเรือในทะเลสาบอยู่ครึ่งวัน  จากนั้นก็ต้องรีบเดินทางไปยัง เมืองโบราณเฟิ่งหวง (เมืองหงส์) ที่ขึ้นอยู่กับเขตปกครองตนเองของชนเผ่าน้อยถูเจีย ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของมณฑลหูหนาน  แต่ระหว่างทาง มีสถานที่ท่องเที่ยวเปิดใหม่คือหมู่บ้านของคนเผ่าถูเจีย ที่คล้ายกับคนเผ่าแม๊วบ้านเรา  สภาพบ้านเรือนของเขาดูสงบสวยงามดีมาก






หลังจากชื่นชมวิวทิวทัศน์บ้านชาวเขาเสร็จ เราก็นั่งรถยาวไปยังเมืองเฟิ่งหงษ์ กันเลย


เมืองเฟิ่งหงษ์สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ชิง มีประวัติกว่า 400 ปี เมืองโบราณหงส์ตั้งอยู่ริมแม่น้ำถัว ล้อมรอบด้วยขุนเขาเสมือนด่านช่องแคบภูเขา ที่เด่นตระหง่านมียอดเขาติดต่อกันเป็นแนว  สภาพเมืองนี้คล้ายกับเมืองโบราณลี่เจียง  แต่ดูว่าจะใหม่กว่า และรูปลักษณ์สถาปัตย์กรรมแตกต่างกันมาก แต่เสนห์ของเมืองเก่า ที่มีถนนแคบๆ บ้านติดกันแบบห้องแถว ก็ยังคล้ายกับเมืองเก่าของจีนทุกเมือง




เราไปถึงเมืองนี้ก็ค่ำแล้ว  แต่ก็สามารถเดินชมสภาพบ้านเมืองยามค่ำคืนได้อย่างดี ผู้คนยังเดินเที่ยวมากมาย  แสงสียามค่ำทำให้เมืองนี้ดูเหมือนเมืองสมัยใหม่  แต่พอรุ่งเช้าก็จะกลับมาเป็นเมืองเก่าอย่างเดิม







สาวๆยืนชมแสงสียามค่ำที่งดงามของริมแม่น้ำถัว








ตื่นเช้าหลังเติมพลังกันดีแล้ว เราก็เตรียมตัวลุยเมืองเฟิ่งหงษ์  โดยมีไฮไลท์อยู่ที่การล่องเรือในแม่น้ำถัว ที่มีบรรยากาศน่าประทับใจมาก















      บันทึกการเข้า

Cinderlily
Cinderlily
Full Member
**


Graceless lady you know who I am.
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 679

« ตอบ #11 เมื่อ: 18 มิถุนายน 2555, 09:58:08 »

การล่องเรือในแม่น้ำถัวเจียง เพื่อเที่ยวชมบรรยากาศสองฝั่งริมลำน้ำถัวเจียง ทำให้ทุกคนเพลิดเพลินและดื่มด่ำกับบรรยากาศที่สวยงาม ในการชมบ้านเรือนสองฟากฝั่งแม่น้ำ และ ชมการหมู่บ้านวัฒนธรรม จากนั้นเดินชม กำแพงโบราณ ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง เป็นที่นิยมชื่นชอบและเป็นสถานศึกษาค้นคว้าประวัติความเป็นมาทั้งชาวจีนและต่างชาติ   และที่ชอบที่สุดคือ การเดินเที่ยวในถนนโบราณซิงซือกู่เฉิน และถนนหัตถกรรม เพื่อชมและเลือกซื้อของฝากของที่ระลึก

บรรยากาศการล่องเรือที่สนุกสนาน ก็เพราะคนแจวเรือจะร้องเพลงโต้ตอบกันขณะล่องไปตามลำน้ำ และก็เป็นตามธรรมเนียมที่จะลงท้ายด้วย " โย่วเว่ย" โดยมีผู้โดยสารชาวไทยช่วยร้องด้วย



































ขึ้นจากเรือก็มาช๊อปปิ้งต่อ





ในเมืองนี้ ชาวบ้านจะเก็บดอกหญ้ามาทำเป็นมงกุฏดอกไม้ขายอันละ 5 หยวน สาวๆซื้อใส่กันแทบทุกคน ซึ่งก็ช่วยให้หน้าตาดูดีขึ้นได้มากทีเดียว

      บันทึกการเข้า

Cinderlily
Cinderlily
Full Member
**


Graceless lady you know who I am.
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 679

« ตอบ #12 เมื่อ: 18 มิถุนายน 2555, 10:29:29 »

เราเที่ยวกันจนเกือบหมดรายการแล้ว (บางแห่งที่เล็กๆก็อาจจะไม่ได้นำมาเล่า) ช่วงสุดท้ายเรานั่งรถตียาวกลับมาเมืองฉางซา ซึ่งมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาอันยาวนานกว่า 3,000ปี ในสมัยราชวงศ์ฉินราชสำนักได้สั่งให้มีการจัดตั้งเขตฉางซาเป็นลักษณะเขตปกครอง ต่อมาเปลี่ยนชื่อเขตฉางซาเป็นรัฐฉางซา ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของแม่น้ำเซียง ตอนเหนือติดกับทะเลสาบต้งถิง ตะวันออกติดกับภูเขาลัวเซียว ตะวันตกติดกับภูเขาอูหลิง ทิศใต้ติดกับภูเขาเฮิงชาน มีพื้นที่ประมาณ 12,500 ตารางกิโลเมตร แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 5 เขต และ 4 อำเภอ ฉางซาเป็นเมืองหลวงของมณฑลหูหนานซึ่งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งหนึ่งของจีน รวมทั้งเป็นศูนย์กลางด้านการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของมณฑล   หูหนาน ด้วยมีคำกล่าวว่า “หากมาจางเจียเจี้ยแล้วไม่ได้มาเมืองฉางซาก็เหมือนมาไม่ถึงหูหนาน”






ความที่เราใช้เวลาในการเดินทางยาวนานมาก เราจึงมาถึงฉางซา ในตอนค่ำ สิ่งที่ทำได้คือการไปเดินถนนคนเดิน เพื่อช๊อปปิ้ง (อีกแล้ว) บรรยากาศสนุกสนานดีมาก  

เราจบการท่องเที่ยวทริปนี้ที่เมืองฉางซา  ก่อนที่จะนั่งรถไฟความเร็วสูงกลับเมืองกวางเจา  
เพื่อขึ้นเครื่องกลับโดยสวัสดิภาพ

ในการเที่ยวเมืองจีนทุกครั้ง เรามีรายการช๊อปตามประเพณีที่ร้านของรัฐบาล  แต่คณะนี้มีการจัดทีมการเจรจาต่อรองได้ดีมาก  จะเห็นว่าเราส่งนักต่อรองที่ไม่คิดจะซื้อไปนั่งแถวหน้าเพื่อต่อราคา  เมื่อได้ตามประสงค์ ก็ส่งให้คนซื้อที่นั่งจิบชาสบายๆด้านหลังจ่ายสตังค์  กลยุทธ์นี้ คนขายตามไม่ทัน คนซื้อจึงได้ราคาดีทุกแห่งไป  



นักต่อรองแถวหน้า คุณนายแววตา กะ คุณนายน้อยหน่า


สาวๆคนซื้อนั่งจิบชาผัวเอ๋อ  หรือผัวเก่า อยู่ข้างหลังสบายใจ




ขอจบทริปนี้ด้วยการคารวะน้ำชาจากแม่นางแต๊ก แม่นางลี่ และ แม่นางหล้า มาณ ที่นี้


      บันทึกการเข้า

Cinderlily
nok15
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 529

« ตอบ #13 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2555, 14:19:37 »

   
     สวัสดีค่ะพี่Cinderlily
              ดีใจจังที่เปิดมาอ่านกระทู้ของพี่ๆรุ่น2514ในวันนี้
      โดยเเฉพาะกระทู้เที่ยวแดนอวตาร์ของพี่ เนื่องจากเป็นไกด์
      นำทางได้อย่างดีในการเตรียมตัวเดินทางของกลุ่มที่สาธิตเกษตร
      ที่จะเดินทางระหว่าง25-31ตุลานี้(โดยมี่พี่พรทิพย์ นามสกุลเดิมคือบุษรานุวงศ์
      ชาวRCU2514เป็นผู้นำทีม)
               พอพวกเราเห็นภาพที่พี่นำมาPostก็พอนึกออกว่าจะต้องเตรียมตัวอย่างไร
       เพื่อนๆฝากถามว่า
        .......ตอนขึ้นบันไดเก้าร้อยกว่าขั้นนี้จะมีปัญหาสำหรับผู้ที่เป็นโรคเข่ามากหรือไม่
        .......ต้องเตรียมยาแก้เมาตอนผ่านทางโค้งหลายพันโค้งหรือไม่(ปกติไม่ค่อยเมา)
        .......มีของให้ซื้อเยอะไหม และเป็นของประเภทใด
        .......ทางน่าเสียวไส้เท่าแชงกรีลาไหม
        .......คำถามสุดท้ายหนาวไหม นกเลยตอบแทนว่าน่าจะหนาวเพราะดูภาพของพี่ๆ
        เดินทางเมื่อเดือนมิถุนายนหลายคนยังใส่เสื้อกันหนาว ไม่ทราบว่าถูกต้องไหม ทุกคนกะว่า
        จะซื้อมงกุฎมาสวมกันบ้างเพราะน่ารักดีเวลาถ่ายภาพ
                 อยากทราบว่ามีข้อมูลอื่นๆที่ควรเตรียมกันอีกหรือไม่
                              ขอบคุณค่ะ
                                    Nok15
                 

      บันทึกการเข้า
Cinderlily
Full Member
**


Graceless lady you know who I am.
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 679

« ตอบ #14 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2555, 15:02:54 »

โห...ดีใจจัง มีคนสนใจอ่านกระทู้เราด้วย  เอาล่ะตอบนะ

1.บันได 999 ขั้น มีปัญหาแน่สำหรับผู้สูงอายุ  และผู้ที่เป็นโรคเข่า ตอนขึ้นไม่เท่าไร แต่ตอนลงเข่าจะมีปัญหามาก  ปกติทัวร์จะพาไปที่นี่ในช่วงวันแรกๆ  หากเราไม่ออมแรง หรือเซฟตัวเองไว้ก่อน  วันท้ายๆ ขาจะอ่อนนะน้อง เพราะทุกวันต้องใช้แรงขาในการเดินจ๊ะ ไม่มีที่ไหนที่ไม่ต้องเดิน
   เรื่องบันไดขึ้นประตูสวรรค์นี่  หากมีความศรัทธาอันแรงกล้าตามความเชื่อว่าขึ้นไปถึงประตูสวรรค์แล้วจะดี ก็ขึ้นไปเหอะ ( แต่ต้องคำนึงถึง The Long Returning ด้วย ไม่ใช่ขึ้นแล้วหมดแรง ลงมาไม่ได้ ที่นี่ไม่มีคนหามนะ)
    ถ้าถามคนถ่ายรูป คำตอบคือ ยิ่งใกล้ วิวยี่งไม่สวย เพราะ ความใหญ่โต ทำให้รูปไม่ครอบคลุมวิว  ถ่ายรูประยะห่างจะสวยกว่า  เก็ยรายละเอียดได้หมด บางคนไปแค่ครึ่งทางก็สลบแล้ว  ขาสั่นลงแทบไม่ไหว ยืนถ่ายรูปแค่ครึ่งทางก็พอ
   คนจีนเขามีเคล็ดว่า ให้ขึ้นตามเลข 9 คือ 9 ขั้น  19ขั้น 29 หรือ 39 ขั้น ก็พอ

2. ยาแก้เมารถหรือ  ที่ไปไม่เห็นมีใครกินนะ พี่เองก็เป็นคนขี้เมา(รถ) เหมือนกัน เพราะมีความดันในร่างกายต่ำมาก  แต่ก็ไม่เมา สงสัยว่ามัวแต่ดูวิวเสียวๆ  อีกอย่างคือ เราจะขึ้นรถเพียงแค่ช่วงท้าย ช่วงแรกเป็นกระเช้า รถที่นั่งเป็นรถบัสเล็ก ที่อัดคนจนแน่น คนขับชำนาญทางมาก จึงเหวี่ยงเราไปมาตลอดทาง พี่ว่าเสียวมากกว่าจะเมารถนะ แต่เอายาติดไปด้วยก็ดี เพราะดูๆแต่ละคนอายุก็ไม่น้อยกันแล้ว  เอายาประเภท ยาหอม  ยาลม ยาอม ยาหม่อง ไปพร้อมเถอะจ๊ะ

3. ของที่ระลึก บนประตูสวรรค์ มีขายไม่มาก และราคาค่อนข้างสูง ต่อราคาไม่ได้ด้วย  ของขายมีทุกที่ที่ไป โดยเฉพาะแถวหน้าอุทยาน มีเป็นร้อยร้าน ต่อรองราคาก่อนซื้อ  ของที่ขายเป็นของฝากที่เหมือนกันทั่วประเทศจีน

4. ทางหวาดเสียวไหม?  ก็พอๆกัน แต่สถานที่เที่ยวดูดี และหวาดเสียวกว่าแชงกรีล่า  หากฝน และ หิมะ ไม่ตกนะ

5. ช่วงที่น้องไป พี่ว่าน่าจะหนาวกว่าของพี่นะ  หากอยู่ในเมืองแค่เย็นๆ แต่พอขึ้นเขา หนาวมั่กๆๆ หากมีโปรแกรมดูโชว์จิ้งจอกขาว  ต้องใส่เสื้อหนาๆ ใส่หมวกด้วย เพราะเป็นโชว์กลางแจ้ง  บางกรุ๊ปไปช่วงฤดูหนาว หิมะตก ก็อดดูไป เพราะเขาไม่เล่น

เรื่องมงกุฏดอกไม้ จะมีเฉพาะที่เมืองโบราณเฟิ่งหงษ์  ซึ่งบางทัวร์ไม่พาไป เพราะไกลมาก นั่งรถ 7 ชั่วโมง  ต้องลองเช๊คกับบ.ทัวร์ก่อนนะ  แต่พี่ว่าน่าจะไปเพราะสวยมาก

ฝากความคิดถึงให้พรทิพย์ด้วย บอกให้ ติดต่อกับเพื่อนๆ 14 บ้างจิ....

      บันทึกการเข้า

Cinderlily
ภาณุ ปาตานี
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,254

« ตอบ #15 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2555, 18:56:07 »

สวัสดีครับ มาตามชมครับ
      บันทึกการเข้า
ภาณุ ปาตานี
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,254

« ตอบ #16 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2555, 19:33:23 »


ขออภัยครับพี่

ผม. Ya.  Law 27. ครับ
      บันทึกการเข้า
Cinderlily
Full Member
**


Graceless lady you know who I am.
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 679

« ตอบ #17 เมื่อ: 14 ตุลาคม 2555, 16:12:21 »


ขอบคุณค่ะ Ya.  Law 27.  ที่สนใจ
      บันทึกการเข้า

Cinderlily
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #18 เมื่อ: 15 ตุลาคม 2555, 11:17:52 »

ตามมาเที่ยวด้วยคนค่ะ พี่เน็ก
น่าสนุกค่ะ พี่เล่าละเอียดดีจังค่ะ
      บันทึกการเข้า
pusadee sitthiphong
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 4,689

« ตอบ #19 เมื่อ: 15 ตุลาคม 2555, 13:42:49 »

เที่ยวกับพี่เน็กสนุกอยู่แล้วค่ะ สวยทั้งที่เที่ยวอร่อยทั้งของกิน เอื๊อกๆอิ่ม
      บันทึกการเข้า

pom shi 2516
  หน้า: [1]   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><