19 เมษายน 2567, 12:02:01
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: [1] 2 3  ทั้งหมด   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: ภัยรายวัน  (อ่าน 61988 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« เมื่อ: 07 มกราคม 2551, 21:13:17 »

มาช่วยกันกระโตกกระตาก ... เพื่อคนที่เรารัก และห่วงใย  จะได้ระมัดระวังตัว  รู้เท่าทันภัยรายวัน  ที่อาจจะเกิดขึ้นกันตนเองได้ ... กันเถอะ

เริ่มที่เรื่องแรกกันเลยค่ะ

เหตุทำร้ายร่างกาย ภายในห้างหรูกลางกรุง

พี่วิวิธ ดวงรัตน์ - วิศวะ 07 ... ส่งมา

วันที่ 20 ธันวาคม 2550

ดิฉันมีเรื่องนำแจ้งเกี่ยวกับภัยในเมืองหลวง ที่เกิดขึ้นจริงกับตัวดิฉัน และผู้เสียหายอีกท่านซึ่งเป็นนายแพทย์ศัลยกรรมสมอง โรงพยาบาลรัฐบาลชื่อดังใจกลางเมือง เพื่อรบกวนสื่อมวลชนได้นำเสนอเรื่องราวที่เกิดขึ้น เพื่อเตือนภัยให้เพื่อนท่านอื่นๆ ได้มีความระมัดระวังภัยคุกคามจากบุคคลอันตรายต่างชาติรายนี้


เหตุเกิดประมาณเวลา 13.00 น.เศษของวันอังคารที่ 18 ธันวาคม 2550 ที่ชั้น 7 บริเวณ Food Loft ภายในห้างสรรพสินค้า Zen Central World ขณะที่ดิฉันกำลังสั่งอาหารจากร้าน Gianni ได้มีชายผิวขาว ลักษณะเป็นชาวจีน แต่งกายแบบนักท่องเที่ยวคือนุ่งกางเกงขาสั้น ใส่เสื้อยืด รองเท้าผ้าใบและสะพายกระเป๋าพาดเฉียงไหล่ รูปร่างกำยำ ( ซึ่งต่อมาภายหลังทราบว่าเป็นชาวสิงคโปร์ที่อาศัย และทำงานอยู่ในเมืองไทย เนื่องจากมี Work Permit และใบขับขี่ในประเทศไทย และอ้างว่าเคยเป็นครูสอนออกกำลังกายอยู่ที่ฟิตเนสชื่อดัง ) ได้เดินตรงมาที่ดิฉัน และไออย่างแรงใส่หน้า พร้อมทั้งจ้องแบบหาเรื่องไม่พอใจ หลังจากนั้นดิฉันได้เดินไปซื้อน้ำ ชายดังกล่าวได้เข้ามายืนข้างๆ และไอแบบขากเสลดใส่หน้าดิฉัน และยังขึ้นมากระทืบเท้าของดิฉันจนเกิดบาดแผล ดิฉันจึงถามว่ามาเหยียบเท้าทำไม เขาตอบเป็นภาษาไทยว่า ” จะทำ เ พราะยูเป็นผู้หญิง เป็นผู้หญิงชั้นต่ำ ” พร้อมกันนั้นได้ยกหมัดซึ่งในมือกำกระป๋องชาเขียวยี่ห้อ Pokka ซึ่งยังไม่ได้เปิดดื่มชกเข้ามาที่ใบหน้าดิฉัน ดิฉันจึงผลักชายคนนั้นออกห่างตัว โชคดีที่มีชาวต่างชาติซึ่งบังเอิญซื้อน้ำอยู่ในบริเวณใกล้เคียงได้วิ่งเข้ามาช่วยล็อคตัวชายชาวสิงคโปร์คนนั้นไว้ หลังจากได้ตามหน่วยรักษาความปลอดภัยของห้าง และนายตำรวจ 191 พร้อมทั้งพยานบุคคลซึ่งเป็นพนักงานขายน้ำบริเวณบู๊ธน้ำ 2 ท่านมาให้การถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยพยานทั้งสองเห็นเหตุการณ์ตรงกันว่าชายชาวสิงค์โปร์คนดังกล่าวทำร้ายดิฉันก่อน โดยในระหว่างนั้นชายคนนั้นได้พยายามพูดจาข่มขู่พยานต่างๆ นานา กล่าวหาว่าพยานเข้าข้างดิฉัน ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหัวหน้าร.ป.ภ.ของห้าง ทั้งยังได้หยิบนามบัตรของใครก็ไม่ทราบมาโชว์เจ้าหน้าที่ตำรวจ ดิฉันต้องการดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จึงตกลงให้ไปแจ้งความ โดยนำผู้เกี่ยวข้องรวมทั้งพยาน 1 ท่าน ไปที่ส.น.ปทุมวัน

ร้อยเวรเจ้าของคดี คือ ร.ต.ท. สิทธิเดช หาญจิง เมื่อเห็นชายชาวสิงคโปร์ผู้นั้นได้แสดงสีหน้าตกใจ และอุทานว่าไอ้นี่อีกแล้วเหรอ ? ดิฉันได้สอบถามจึงทราบว่าชายคนดังกล่าวได้เคยก่อคดีที่คล้ายคลึงกันมาก่อนหน้านั้นแล้วถึง 3 ครั้ง ภายในห้างหรูชื่อดังตรงข้ามสยามสแควร์ ครั้งล่าสุดก่อนหน้าคือเมื่อประมาณ 5-6 เดือนก่อน และบังเอิญเจ้าของคดีเป็นนายร้อยเวรท่านเดียวกัน ส่วนเจ้าทุกข์ผู้เสียหายเป็นนายแพทย์ศัลยกรรมสมอง โรงพยาบาลรัฐบาลชื่อดังใจกลางเมือง ในครั้งนั้นได้ทำร้ายนายแพทย์ผู้เสียหายจนได้รับบาดเจ็บหนัก ถึงขนาดถูกชกต่อยจนมีเลือดออกในตาดำ ต้องนอนพักรักษาตัวที่ ร.พ. เป็นสัปดาห์ ทางนายแพทย์ผู้เสียหายได้แจ้งความแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจว่าขณะที่ตนกำลังพูดโทรศัพท์ และลงบันไดเลื่อนภายในห้างซึ่งมีงาน Watch Fair อยู่ จู่ๆ ชายสิงค์โปร์ดังกล่าวและพวกอีก 2 คน ( ชาย 1คน หญิง 1 คน ) ได้เข้ามากระชากข้อมือ พยายามปลดนาฬิกายี่ห้อ Britling และรุมทำร้ายร่างกายโดยไม่รู้ตัวมาก่อน ซึ่งเหตุการณ์นี้ได้มีลงในเว็บไซท์แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลแจ้งเตือนภัยกับสังคม ( ดิฉันได้ทราบข้อมูลโดยละเอียดในภายหลัง จากนายแพทย์ผู้เสียหายด้วยตนเอง โดยขอเบอร์โทรติดต่อจากเพื่อนซึ่งเป็นแพทย์และทำงานอยู่ที่เดียวกันกับนายแพทย์ท่านนั้นในวันรุ่งขึ้น และขอความกรุณาสงวนนามนายแพทย์ท่านนั้น เนื่องจากเหตุผลทางหน้าที่ในราชการ ) เมื่อเรื่องราวไปถึงที่ส.น. กลุ่มชายชาวสิงค์โปร์คนดังกล่าวก็แต่งเรื่องว่ามีการไอรดศีรษะกัน ทำให้ไม่พอใจแล้วเกิดการทะเลาะวิวาท ทั้งที่ตามลักษณะนั้นเป็นการพยายามชิงทรัพย์ แต่เนื่องจากไม่มีพยานบุคคลรู้เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่แรก และทางห้างดังกล่าวไม่ให้ความร่วมมือโดยอ้างว่าไม่มีภาพจากกล้องวงจรปิดในบริเวณที่เกิดเหตุ ทำให้ไม่สามารถเอาผิดกลุ่มมิจฉาชีพในคราบนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ได้ ผลสรุปของคดีจึงเป็นเรื่องของการทะเลาะวิวาท

ส่วนกรณีของดิฉัน ชายชาวสิงค์โปร์ดังกล่าวได้พยายามใช้รูปแบบคล้ายเดิมที่เคยทำครั้งก่อน คือเมื่อไปถึงที่ ส.น. ก็บอกว่าตนเป็นเจ้าของธุรกิจฟิตเนสย่านพระราม 9 มีฐานะดี ขับรถแคมรี่ เป็นนักธุรกิจ โดยแต่งเรื่องว่าดิฉันกับเพื่อนผู้หญิงอีกคนที่ไปด้วยกัน กับชายฝรั่ง ( ซึ่งก็คือคนที่เข้าไปช่วยล็อค กันไม่ให้เขาเข้ามาทำร้ายดิฉันเพิ่ม ) ช่วยกันล็อคตัว และรุมทำร้ายเค้า ทำให้เค้าได้รับบาดเจ็บหนัก แต่เนื่องจากมีพยานรู้เห็น หลักฐานต่างๆ มัดแน่น ตลอดจนบาดแผลจากการถูกทำร้ายที่ดิฉันได้รับ มันแจ่มแจ้งชัดเจนมากคือตาและโหนกแก้มบวมช้ำไปครึ่งหน้า ในขณะที่บาดแผลที่ตัวเขากล่าวอ้างมีเพียงรอยแดงที่แขน ซึ่งเกิดจากดิฉันผลักเขาออกไปตอนที่เขาเข้ามาทำร้าย และรอยแผลภายในริมฝีปากด้านใน ( ที่เกิดจากอาการร้อนในเดิม ) ชายสิงค์โปร์ดังกล่าวจึงต้องยอมรับความผิดที่ก่อขึ้น

เมื่อได้ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นกับนายแพทย์ผู้นั้นโดยคร่าวๆ จากร้อยเวรเจ้าของคดี ดิฉันสันนิษฐานว่ามีความเป็นไปได้ที่ชายชาวสิงค์โปร์ผู้นั้น อาจต้องการทำร้ายร่างกายเพื่อชิงทรัพย์คือนาฬิกาข้อมือ ( Frank Muller ) และกระเป๋าสะพายไหล่ ( Louis Vuitton ) ของดิฉันเช่นกัน ในระหว่างอยู่ที่ ส.น. ชายดังกล่าวได้ตามเพื่อนซึ่งเป็นคนไทย เป็นชาย 1 คน ลักษณะผอมสูงดำ ก้องแก้ง ยังอยู่ในช่วงวัยรุ่นอายุประมาณ 20 ปี และหญิง 1คน ลักษณะผอมสูง ผิวสองสี หน้าแหลมเรียว อายุประมาณ 40 ปี มาเพื่อเจรจาต่อรองกับดิฉันให้เป็นรูปคดีแบบเดิมกับที่เกิดกรณีกับนายแพทย์ศัลยกรรมสมองคือทะเลาะวิวาท ไม่มีผู้เสียหาย และในที่สุดตัวชายสิงค์โปร์คนนั้นได้เข้ามาเจรจาต่อรองขอยอมความ และลดค่าเสียหายเอง ซึ่งในตอนนี้ท่าทีเขาเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน กลายเป็นพูดจาสุภาพ ขอโทษขอโพย พยายามเข้ามาทำท่าทีสนิทชิดเชื้อ ราวกับว่าไม่ใช่แค่คนรู้จักแต่เป็นเพื่อนกันมาก่อน เมื่อดิฉันถามเขาว่ามาชกทำร้ายดิฉันทำไม ทั้งที่ไม่เคยรู้จักหรือแม้แต่เห็นหน้ากันมาก่อน เขาไม่ตอบ และอ้างว่าคุณเป็นคนไทย คนไทยใจดี รักสงบ เรื่องที่ผ่านมาแล้ว อย่าไปพูดถึงมันเลย ดิฉันย้อนกลับว่าไม่รู้สึกละลายบ้างหรือที่ทำร้ายผู้หญิง ไม่มีใครเค้าทำกัน ตอนนี้เขาเปลี่ยนท่าทีดูก้าวร้าวขึ้น จ้องเข้าไปในตา และพูดเสียงกดต่ำใส่ดิฉันว่า ถ้าดิฉันเป็นผู้ชาย ดิฉันก็จะรู้ดีว่าผลมันจะเป็นอย่างไร ถึงตอนนี้ดิฉันก็เลยตะโกนเรียกนายตำรวจร้อยเวรซึ่งยืนคุมเชิงอยู่ใกล้ๆ ให้เข้ามาดูแลคดีต่อ เพราะไม่ต้องการเจรจากับชายวิปลาสคนนี้ต่อไป

กรณีทีเกิดขึ้นนี้ ดิฉันถือว่าเป็นภัยใกล้ตัวของคนเมืองหลวง ไม่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้จะเกิดจากคนป่วยทางจิต มิจฉาชีพในคราบนักท่องเที่ยว หรือทั้งสองอย่างผสมกัน ล้วนแล้วแต่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และทรัพย์สินของพวกเราด้วยกันทั้งสิ้น ประการสำคัญคือ ผู้ก่อเหตุมีความย่ามใจ ไม่ให้เคารพหรือเกรงกลัวใดๆ ก่อกฎหมายบ้านเมืองของเรา ก่อเหตุทำร้ายร่างกายผู้อื่นขึ้นหลายครั้ง ในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน ก็ยังไม่ต้องรับโทษหนักใดๆ ทั้งสิ้น เสียเพียงค่าปรับ หรือค่าเสียหายซึ่งถือว่าเป็นจำนวนเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับผลจากความรุนแรงที่ผู้เสียหายได้รับ หากเหตุการณ์ในทำนองเดียวกันนี้ไปเกิดขึ้นในประเทศของชายผู้นั้น แต่ผู้ก่อเหตุเป็นคนไทย คงไม่ต้องคาดเดาว่าการลงโทษที่ได้รับจะหนักหนาเพียงใด

นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มสูงที่กลุ่มของชายดังกล่าวจะก่อเหตุขึ้นอีกในเร็วๆ นี้ซึ่งใกล้เทศกาลขึ้นปีใหม่ ทางห้างสรรพสินค้าต่างๆ โดยเฉพาะห้างหรูที่เป็นแหล่งช็อปปิ้งของคนเมือง สมควรที่จะมีมาตรการในการป้องกัน ระแวดระวังกลุ่มคนโรคจิต / มิจฉาชีพในมาดนักท่องเที่ยวเหล่านี้ให้รัดกุม และจริงจังมากกว่านี้ เพราะเห็นได้ชัดเจนว่าคนร้ายเลือกกลุ่มเป้าหมาย โดยเลือกลงมือภายในห้างหรูกลางเมืองทุกครั้ง

โชคดีที่กรณีของดิฉันนี้ ทางห้างเซ็นทรัลเวิล์ดได้ช่วยดูแล ให้ความร่วมมือทั้งยังส่งพนักงานของตนที่รู้เห็นเหตุการณ์ไปให้การตามจริงที่ส.น. ในฐานะพยาน ทำให้ผู้ก่อเหตุต้องยอมจำนนต่อหลักฐาน

ขอให้ทุกคนช่วยกันแจ้งข่าวนี้แก่ผู้ที่ท่านรู้จัก เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น และเพื่อช่วยกันระแวดระวังป้องกันการก่อเหตุซ้ำอีก

ขอแสดงความนับถือ

น.ส.ขนิษฐา ภู่ตระกูล
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 07 มกราคม 2551, 21:29:06 »

ส่วนเรื่องในลำดับต่อๆ มา  ก็ขอเชิญติดตามไปอ่านได้ที่ link นี้ก่อน นะคะ ... แล้วเราค่อยนำมาเล่าเพิ่มเติมกันอีก

http://www.cu2516.com/phpBB/viewtopic.php?t=42

อย่าลืม ... ช่วยกันเล่าต่อด้วยน้าค้า ...
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 12 มกราคม 2551, 23:23:34 »

ATM ต้องการให้อ่านทุกคน

พี่วิวิธ - วิศวะ 07 ... ส่งมา

กระผม นายถวัลย์ วิรุฬห์เพชร ผจ.ผ.รซ./คก.บป. มีประสบการณ์อยากเล่าสู่กันฟังเกี่ยวกับการกดเงินจากตู้ ATM ที่ ธนาคารกรุงไทย สาขาสมเด็จ ณ ศรีราชา ( กรุงไทย ศรีราชา เดิมอยู่ในตลาดศรีราชา ) ดังนี้

1. เมื่อวันเสาร์ ที่ 16 มิ.ย.50 เวลา 07.47 น. กระผมกด ATM ของ ธ.กรุงไทย สาขาสมเด็จฯ 9,900.-บาท ( ดู Slip แนบ )




2. กระผมหยิบเงินจากช่องรับเงิน แล้วนับดูเป็นเงิน 9,800.- บาท พร้อมเศษกระดาษ ขนาด ~10 x 4 ซม. 1 แผ่น ( ดูรูปแนบ )



3. ครั้งแรกคิดว่า...

3.1 ช่างมัน เงินร้อยเดียว
3.2 วันนี้แบงค์ก็หยุด มาติดต่อวันจันทร์คงจะไม่ได้เรื่องแล้ว เพราะทิ้งห่างหลายวัน
3.3 ค่าน้ำมัน และเวลาที่เสียไป ถ้ากลับมาติดต่อในวันจันทร์ จะคุ้มกันหรือไม่ ?
3.4 เวลาที่จะมาติดต่อก็ไม่ค่อยมี
3.5 หากเหตุที่เกิดขึ้น เป็นความจงใจของ จนท.แบงค์ ลูกค้าแบงค์รายอื่น ๆ อาจโดนบ้าง ก็เลยลองโทรฯ 1551 ( ดูเบอร์โทรศัพท์จาก Sticker หน้าตู้ ATM )

4. จนท.แบงค์ ( โดยคุณพรเพ็ญ ) รับเรื่องไว้ และตรวจสอบให้ในวันจันทร์ที่ 18 มิ.ย.50 โดยขอเวลา ~ 1 สัปดาห์ หากเป็นจริงจะคืนเงินให้ โดยจะโอนเข้าบัญชีธนาคารให้เลย

5. ตอนนี้ได้แต่คิดว่า แล้วถ้าไม่ได้เงินคืน จะทำอย่างไร ?

6. หรือถ้าได้เงินคืน แบงค์จะสอบสวนหาสาเหตุเพื่อป้องกันหรือไม่ ?

6.1 ถ้าเป็นความผิดพลาด คงให้อภัยได้ และแบงค์ควรหาทางแก้ไขป้องกัน
6.2 ถ้าเป็นความจงใจของ จนท. ยักยอกเงิน จากตู้ ATM โดยเอาเศษกระดาษมาแทรกใว้ การยักยอกต้องไม่ทำถี่ และไม่ทำกับธนบัตรใบละ1000.- / 500 .- บาท เพราะถ้ายักยอกเงินจากธนบัตรมูลค่ามาก ๆ ลูกค้าต้องโวยวายแน่ จึงทำกับธนบัตรใบละร้อยก็พอ ใส่ธนบัตรใบละ 100.- บาท สัก 10,000 ใบ แทรกเศษกระดาษไว้ห่าง ๆ สัก 10 ใบ ก็จะยักยอกได้แล้ว 1,000.-บาท ลูกค้ารับเงิน โดยไม่โวยวาย หรือไม่เคยนับว่าได้เงินครบหรือไม่ ( คงจะมีลูกค้าแบบนี้ไม่น้อย ) เป็นการเปิดโอกาสให้ จนท. ยักยอกเงินได้


กระดาษที่เครื่องจ่ายออกมาแทนแบงค์



7. ไม่แน่ใจว่ากรณีที่เกิดขึ้น แบงค์จะมีการแก้ไขป้องกัน หรือไม่ ? ฉะนั้นตั วเราเองต้องป้องกันตัวก่อน โดย

7.1 นับเงินทุกครั้งที่ใช้บริการแบงค์ ทั้งการถอนเงินสด หรือ กด ATM
7.2 เก็บ Slip เพื่อการตรวจสอบ
7.3 หลักฐานที่ธนาคารต้องการในการตรวจสอบ คือ หมายเลข บ/ช บัตรประชาชน ข้อมูลส่วนบุคคล ฯลฯ
7.4 เบอร์โทรศัพท์ของธนาคาร กรณีติดต่อฉุกเฉิน ( นอกเวลาทำงาน )

เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน ถ้าส่งต่อๆ ไป ก็จะเป็นประโยชน์มาก และเหตุการณ์ครั้งนี้ กระผมมิได้ตำหนิธนาคาร แต่ต้องการให้ธนาคารหาทางแก้ไขป้องกัน

ถวัลย์ / โท รฯ 5606 / โทรฯ มือถือ 08 9542 7245
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 21 มกราคม 2551, 01:39:01 »

ขอใบรับรถจากอู่ทุกครั้ง เมื่อเอารถไปซ่อม ... ระวังตกเป็นจำเลยที่ 2

พี่วิวิธ - วิศวะ 07 ... ส่งมา

เรื่องมีอยู่ว่า ... ลุงของผมได้เอารถไปซ่อมเครื่องยนต์ที่อู่แถวๆ ถนนสุขาภิบาล 1 ทางอู่บอกว่าต้องใช้เวลาประมาณสามวันจึงจะซ่อมเสร็จ ด้วยความไว้วางใจ ลุงของผมจึงได้ทิ้งรถไว้ โดยทางอู่ไม่ได้ออกใบรับรถไว้ให้ ... ปรากฎว่าวันรุ่งขึ้น มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาที่บ้าน บอกว่าช่างที่อู่เอารถออกไปขับ แล้วชนคนตาย และช่างได้หลบหนีไป ทางอู่ก็ไม่ยอมรับผิดชอบโดยอ้างว่าช่างคนนั้นขโมยรถออกไปขับเอง ทางอู่ไม่เกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น ... ตำรวจก็พยายามจะเชิญตัวลุงของผมไปที่โรงพัก เพราะลุงเป็นเจ้าของรถ แม้ว่าจะไม่ต้องรับผิดชอบในทางคดีอาญา แต่ในทางแพ่งแล้ว ลุงต้องเป็นผู้รับผิดชอบ แม้ว่าลุงของผมจะบอกว่าไม่รู้เรื่อง เพราะเจตนาของลุงเพียงต้องการเอารถไปซ่อมเครื่องยนต์เท่านั้น ทำไมต้องมารับผิดชอบกับเหตุการณ์นี้ ทางตำรวจขอดูหลักฐานใบรับรถของอู่ที่เอารถไปซ่อม แต่ปรากฎว่า ไม่มีหลักฐาน เพราะเห็นว่าเป็นอู่ที่เชื่อใจกัน และใช้บริการอยู่เป็นประจำ จึงไม่ได้ขอใบรับรถจากอู่ ตำรวจบอกว่าในเมื่อลุงของผมไม่มีหลักฐานในการเอารถไปซ่อม จึงต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ และนำตัวลุงผมไปที่โรงพักเพื่อเจรจาค่าเสียหายกับพ่อแม่ของผู้ตาย

ในครั้งแรกพ่อแม่ของผู้ตายได้เรียกค่าเสียหายเป็นเงินสูงถึง 500,000 บาท แต่ลุงผมบอกว่า ถ้าเรียกเงินสูงขนาดนั้นคงไม่มีปัญญาหามาให้แน่ ๆ จึงได้ต่อรอง และได้เล่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมาให้กับพ่อแม่ของคนตายฟัง ทางตำรวจก็ช่วยไกล่เกลี่ยให้เพราะเห็นว่าลุงไม่รู้เรื่องจริงๆ แต่ต้องมารับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางพ่อแม่คนตายจึงยอมลดเงินลงมาเหลือ 200,000 บาท เหตุการณ์ต่าง ๆ จึงยุติลง

หวังว่าเหตุการณ์นี้คงเป็นอุทธาหรณ์ให้แก่เพื่อน ๆ ทุกคนไม่มากก็น้อยนะครับ และขอให้เพื่อน ๆ อย่าได้เจอเหตุการณ์อย่างที่ลุงของผมได้เจอะเจอมาเลย
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 01 กุมภาพันธ์ 2551, 00:50:57 »

เตือนภัยรถ Honda ที่เปิดได้โดยไม่ต้องใช้กุญแจ

มานิต ศุทธสกุล - รัฐศาสตร์ 16 ... ส่งมา

สวัสดีครับ

เรื่องที่ผมจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ อาจจะเป็นเรื่องที่ทุกคนคิดว่าเป็นเรื่องที่ " ไม่จริง " แต่ผมอยากจะบอกว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวผมเอง สดๆ ร้อนๆ เมื่อตอนบ่ายของวันที่ 5-01-08 ที่ผ่านมานี่เอง

เมื่อวันที่ 05-01-08 เวลาประมาณ 12.40 น. ผมได้ขับ Honda Accord ไปจอดที่ห้าง Siam Paragon ชั้น M ตรงบริเวณปากทางเข้าออก ฝั่ง North ของห้าง ภายในรถของผมก็ได้เก็บ iPod กับหูฟัง BlueTooth เอาไว้ จากนั้นผมก็ได้ไปเดินเล่นในห้างดังกล่าว โดย lock รถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอนเวลาประมาณ 17.00 น. ผมกลับมาที่รถ ปรากฏว่า iPod และหูฟัง Bluetooth ที่อยู่ในรถ ได้หายไปจากรถเรียบร้อยแล้ว

ผมตกใจมาก จึงแจ้ง รปภ. เพื่อขอดูเทปกล้องวงจรปิดของทางห้างหน่อย ซึ่งตรงจุดนี้ ขอชมว่า รปภ. ของทางห้างอำนวยความสะดวกกับผม และเพื่อนๆ ดีมากๆ ต้องขอชมเอาไว้ ณ ที่นี้เลยนะครับ

เมื่อผมได้ดูเทปกล้องวงจรปิด ก็ได้เห็นสิ่งที่เหลือเชื่อเกิดขึ้น !!!


มีผู้ชายคนหนึ่ง แต่งตัวดูดีมีการศึกษาได้เดินมาด้อมๆ มองๆ ที่รถของผมเป็นเวลาประมาณเกือบๆ 1 นาที แล้วก็เดินจากไป หลังจากนั้นไม่เกิน 2 นาที ชายคนเดิมก็เดินกลับมาที่รถของผมอีกรอบหนึ่ง คราวนี้เขาทำเป็นยืนคุยโทรศัพท์มือถืออยู่ซักพักหนึ่ง หลังจากนั้นอยู่ดีๆ ชายผู้นั้นก็เปิดประตูแล้วเข้าไปนั่งในรถของผมอย่างหน้าตาเฉย !!!!

เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรกับรถราคาเกือบๆ สองล้านบาท !!!! หลายๆ ท่านอาจจะคิดว่า ผมไม่ได้ lock รถให้ดีๆ ก่อนออกไป แต่ภาพจากกล้อง วงจรปิดยืนยันได้ว่าผม lock รถเรียบร้อยแล้ว

ผมเคยได้ยินสมาชิกใน Board Accord Club เล่ากันว่ารถ Accord สามารถเปิดได้โดยใช้แค่โทรศัพท์มือถือ ผมยังคิดอยู่เลยว่ามันเป็นแค่เรื่องตลก แต่ผมอยากจะบอกว่าเรื่องนี้ผมโดนมากับตัวเองเลย ผมไม่รู้จะอธิบายยังไง นอกจาก " อึ้ง " กับสิ่งที่เกิดขึ้น

สิ่งที่ผมสังเกตเห็นก็คือ ในมือของชายคนนั้นถือหีบห่ออะไรซักอย่าง อยู่ในถุงพลาสติกสีชมพู กับโทรศัพท์มือถือหนึ่งเครื่องเท่านั้น


ท่านๆ ลองคิดดูละกันว่า ทำไมถึงเปิดรถ Honda ได้โดยไม่ต้องใช้กุญแจเลย นี่ดีนะครับที่โดนแค่iPod กับ Bluetooth Headset ลองนึกสภาพว่าถ้ารถหายไปทั้งคันเลย จะเป็นอย่างไร

มีอีกเรื่องหนึ่งก็คือ ผมได้ยินมาว่า Honda สามารถให้คนที่บ้านเปิดประตูรถให้เราได้โดยการโทรศัพท์เท่านั้น วิธีการก็คือให้เราโทร.ไปหาคนที่บ้านแล้วให้เค้าเอากุญแจสำรองของรถเรามาจ่อที่โทรศัพท์ แล้วกดเปิดรถ ส่วนทางฝั่งเราก็ให้เอาโทรศัพท์มือถือ ไปจ่อใกล้ๆ ประตูรถ ทำแบบนี้ไม่เกินหนึ่งนาที รถของท่านก็จะเปิด lock โดยอัตโนมัติทันที

ฟังดูแล้วอาจเหลือเชื่อ แต่ว่าเพื่อนของผม confirm มาแล้ว ว่าสามารถทำได้จริง เพราะว่าได้ทดลองแล้วได้ผลจริงๆ ด้วย


ผมอยากจะฝากเตือนท่านที่ใช้รถ Honda ทุกท่าน ว่าอย่าวางสิ่งของมีค่าเอาไว้ในรถเด็ดขาด เพราะขนาดผมจอดรถในที่ๆ มี รปภ. พลุกพล่านแล้ว ยังโดนจนได้ เชื่อ ไม่เชื่อ ผมไม่รู้ แต่หากท่านมีข้อสงสัย โทร. มาถามผมได้เลยครับ ... หมู ครับ 081-907-1731 ยินดีครับ
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 01 กุมภาพันธ์ 2551, 01:10:57 »

ข้อควรระวังในการต้มน้ำ ในเตาอบไมโครเวฟ

อริสา - ครุ 16 ... ส่งมา

ชายวัย 26 ปี คนหนึ่งต้องการชงกาแฟร้อน เขาได้ใช้น้ำเปล่าใส่ถ้วยกาแฟ แล้วใส่เข้าไปในเตาไมโครเวฟเพื่อต้มน้ำให้เดือด ( ซึ่งเขาเคยทำอย่างนี้เป็นประจำ ) ในครั้งนี้ไม่ทราบว่าเขาตั้งเวลาในการต้มน้ำไว้นานเท่าไหร่ เมื่อถึงเวลาที่ตั้งไว้ เขารีบเปิดเตาไมโครเวฟแล้วหยิบถ้วยกาแฟออกมา เขาแปลกใจมากว่าทำไมน้ำในถ้วยไม่เดือดปุดขึ้นมาเป็นไอ เขาจึงก้มหน้าลงไปใกล้ๆ เพื่อจะดูน้ำในถ้วยกาแฟ ทันใดนั้นน้ำในถ้วยกาแฟก็เดือดปุดพุ่งขึ้นมาใส่ใบหน้าเขา จนเขาต้องโยนถ้วยทิ้ง แต่น้ำร้อนได้ลวกใบหน้าเขาทั้งหน้า และทำให้หน้าพุพอง ซึ่งต่อไปจะเป็นแผลเป็นจนถึงกับเสียโฉม นอกจากนี้ตาซ้ายยังถูกน้ำร้อนลวกจนสูญเสียการมองเห็นไปบางส่วน

แพทย์ที่รักษาบอกว่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้บ่อยๆ ถ้าคุณใช้น้ำเปล่าเข้าไปต้มในไมโครเวฟ และได้แนะนำให้ใช้แท่งไม้สำหรับคนกาแฟ หรือถุงใบชา ( ยกเว้นช้อนโลหะ ) ใส่ลงไปในน้ำด้วย เพื่อกระจายพลังงานเวลาที่ต้มน้ำในไมโครเวฟ

ทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า คือการต้มน้ำในกา แทนไมโครเวฟ


คำตอบจากองค์กรเครื่องใช้ไฟฟ้า :

ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณที่ได้แจ้ง และสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องจริง และเกิดขึ้นได้ ถ้าคุณใช้ไมโครเวฟในการต้มน้ำหรือของเหลวอื่นๆ ซึ่งจะไม่เดือดปุดขึ้นมาเป็นไอ ถึงแม้จะถึงจุดเดือดหรือเกินจุดเดือดแล้วก็ตาม น้ำที่ร้อนมากๆ นั้นจะเดือดปุดได้ก็ต่อเมื่อน้ำนั้นถูกแกว่งหรือมีถุงชาอยู่ในน้ำ

เพื่อป้องกันปัญหานี้ จึงไม่ควรตั้งเวลาในการต้มน้ำเกิน 2 นาที และเมื่อครบเวลาแล้ว ควรรออีก 30 วินาที ก่อนที่จะนำออกมาจากไมโครเวฟ หรือก่อนจะใส่อะไรลงไปในน้ำร้อน

สิ่งนี้เป็นสิ่งซึ่งคุณครูวิทยาศาสตร์ท้องถิ่นต้องพูดถึง : ขอบคุณสำหรับการเตือนไมโครเวฟ ฉันพบเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ มันเป็นธรรมชาติปรากฏให้เห็นเมื่อน้ำถูกทำให้ร้อน โดยเฉพาะกับภาชนะใหม่ๆ ที่เพิ่งนำมาใช้หรือใส่น้ำในถ้วยน้อยเกินไป สิ่งที่เกิดนี้เกิดขึ้นเพราะน้ำร้อนเดือดเร็วกว่าการเกิดฟองไอน้ำ ถ้าถ้วยใหม่มาก และไม่มีรอยขีดข่วนภายใน ฟองจะไม่สามารถสร้างเป็นรูปร่างและเดือดปุดขึ้นได้ น้ำจะไม่มีการเดือดปุดถึงแม้จะร้อนเกินจุดเดือดไปแล้วก็ตาม แต่เมื่อมีการสั่นสะเทือน ฟองไอน้ำก็จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และระเบิดออกมาเหมือนกับน้ำอัดลมที่มีโซดาพุ่งออกมา และเมื่อคุณเขย่าก่อน
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 02 กุมภาพันธ์ 2551, 23:58:01 »

ระวัง ... เลขที่บัญชีธนาคารของเรา

พี่ชรินทร์ 07 ... ส่งมา

เรื่องมีอยู่ว่า.......

มีเด็กนักศึกษาวิศวะ คอมพิวเตอร์ 2 คน เป็นเพื่อนกัน ... แล้ววันหนึ่งเด็กคนหนึ่งบอกกับเพื่อนว่า จำเป็นต้องใช้เงินด่วนมาก และทางบ้านกำลังจะโอนเงินมาให้แต่ไม่มีบัญชี เลยขอยืม ATM และเลขที่บัญชีของอีกคนไปใช้ก่อน ... เด็กคนที่สองก็เชื่อเพื่อน และให้ไป เพราะคิดว่าถึงอย่างไรถ้าจะโกง ก็คงได้ไปไม่กี่ร้อย เพราะเงินในบัญชีที่เหลือ มีไม่เกิน 500 บาท

หลังจากที่ให้เพื่อนไปแล้ว ไอ้เจ้าเพื่อนตัวแสบก็เอาเลขที่บัญชีไป post ใน Internet ว่า " มีโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ราคาถูกมาก สามารถซื้อได้โดยส่งเงินบางส่วนมาเข้าที่บัญชีเลขที่ ................. ก่อน " ผลปรากฏว่ามีคนหลงเชื่อนะ โอนเงินมาหลายคนรวมแล้วแสนกว่าบาท แล้วเจ้าเพื่อนตัวแสบก็กดเงินนั้นเอาไปใช้จนหมด ( เกลี้ยง ) โดยที่เพื่อนที่เป็นเจ้าของบัญชีไม่รู้เรื่องเลย ( สักกะนิด ... สักกะนิด )

ต่อมาผู้คนที่ถูกหลอกทาง Internet ได้ไปร้องเรียนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ตรวจสอบหาเจ้าของบัญชีเลขที่นั้น ผลปรากฏว่านักศึกษาเจ้าของบัญชีคนนั้นโชคร้ายไป เพราะถูกตำรวจดำเนินคดี ถึงจะปฏิเสธอย่างไรก็ดิ้นไม่หลุด เพราะหลักฐานมันฟ้องอยู่ ก็เลยต้องสู้คดีกันต่อไป .....

อ่านแล้ว ก็ให้ระวังกันหน่อยนะคะ เดี๋ยวนี้มีคนใช้ Internet เป็นเครื่องมือในการหลอกลวงกันเยอะมากค่ะ

ผู้ที่เล่าเรื่องนี้คือ พ.ต.อ.ญานพล ยั่งยืน ศูนย์สารนิเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2551, 22:17:14 »

สเปรย์ปรับอากาศในรถยนต์

พี่วิวิธ - วิศวะ 07 ...ส่งมา

แจ้งเหตุร้ายจากสำนักงานสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ช่วยบอกต่อ ๆ กันด้วย ... ขณะนี้กำลังมีการระบาดของกลุ่มมิจฉาชีพ แกล้งทำทีมาขาย สเปรย์ปรับอากาศในรถยนต์ แต่จริงๆ แล้วสารในสเปรย์กระป๋องนั้นคือ คลอโรฟอร์มที่ทำให้ท่านสลบได้ ... เหตุการณ์เริ่มจากเด็กสาววัยรุ่นท่าทางดีมาเคาะกระจกขณะรถจอด หรือรี่เข้ามาขณะท่านกำลังจะเข้ารถบริเวณลานจอดรถ ตามที่สาธารณะทั่วไป ...หากท่านไม่ระวัง หรือไขกระจกรถลง เพื่อพูดคุยด้วย สเปรย์จะถูกฉีดเข้าในรถทันที เมื่อท่านสลบ งัวเงีย สลึมสลือไม่ได้สติ ผู้ชายอีก 2-3 คนจะเข้ามาปลดทรัพย์ หรืออาจทำอันตรายร่างกายของท่านได้

เพื่อความปลอดภัยสำหรับทุกท่าน ขอให้ระวังตัวในทุกย่างก้าว และไม่ประมาท

ด้วยความปราถนาดี และห่วงใยเสมอ
สำนักงานสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ช่วยกระจายต่อด้วย เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเอง และบุคคลที่รัก
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #8 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2551, 23:45:04 »

SIM Card ของมือถือ โดนลักลอบใช้ได้แล้ว !

พี่วิวิธ - วิศวะ 07 ...ส่งมา

โปรดระวัง ถ้าคุณเจอข้อความทางมือถือ หรือมีคนโทร.มาแล้วอ้างว่าเป็นช่างเทคนิคจาก Cell Net หรือ Vodafone บอกว่าเขากำลังตรวจเช็คโทรศัพท์ของคุณ และบอกให้คุณกด #90 หรือ 90# ...... ให้รีบวางสายโทรศัพท์ทันที ตอนนี้มีบริษัทหลอกลวงฉ้อฉลใช้อุบายนี้ ถ้าคุณกด #90 หรือ 90# แล้วล่ะก็ เขาจะเข้าถึง SIM card ของคุณได้ และโทร. ออกจาก SIM card หมายเลขนั้น โดยที่คุณต้องเป็นผู้จ่ายค่าโทรศัพท์อานเลยล่ะ
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: 05 กุมภาพันธ์ 2551, 00:47:14 »

ระวังเติมน้ำมันตามปั้ม ... บรรพบุรุษเลวเลย

พี่พิกุล - วิทยา 14 ... ส่งมา

เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ...

โค.. ต.. ร เลวทั้งตำรวจ และพวกที่อยู่ในแก๊งค์เลย ถ้าจริง " สุดยอด " ไม่รู้จะประณามว่าอย่างไรดี ใครที่รู้จักคนใหญ่คนโต ช่วยถามให้หน่อยนะ ว่ามีจริงไหม เท่าที่เพื่อนเคยโดนมานะครับ ... เวลาเราไปเติมน้ำมันตามปั้ม ให้ลงมาดูเวลาเด็กปั้มมันเติม .... เพราะถ้าคุณไม่ดู  อาจเป็นแบบเพื่อนผม .... เพื่อนผมไปเติมน้ำมัน ทางสายจะไปแพร่ เติมเสร็จขับรถออกมา ดูในกระจกหลังเห็นมีถุงพลาสติกปลิวไหวๆ อยู่ที่ฝาเติมน้ำมัน มันก็เลยลงมาดู ...เจออะไรรู้ไหมครับ เจอยาบ้า 5 เม็ดอยู่ในถุง มันก็เลยโยนทิ้งข้างทาง พอขับรถออกมาได้สัก 1 กม. เจอด่านตำรวจครับ ตำรวจเรียกตรวจ ... คำแรกที่ตำรวจถาม คือ " เปิดฝาถังน้ำมันหน่อย "

พอจะรู้กันหรือยังครับ รถเพื่อนผมโดนรื้อทั้งคันเลย เพราะมันหายาบ้าไม่เจอ ท่าทางหงุดหงิดมาก ค้นอยู่นานเป็นชั่วโมง พอไม่เจอมันก็เลยปล่อยเพื่อนผมไป

วิเคราะห์ออกไหมครับ ตำรวจกับเด็กปั้มหากินด้วยกัน โดยการให้เด็กปั้มแอบเอายาบ้ามายัดตามรถที่เติมน้ำมัน ยัดเสร็จก็โทร.ไปแจ้งรูปพรรณรถกะตำรวจ แล้วพอค้นเจอยาก็จะขอตังค์ ให้เรื่องจบ 2-3 หมื่น แล้วไปแบ่งกันกะเด็กปั้ม ...! โชคดีที่เพื่อนผมเห็นทัน เลยรอดตัว

เวลาไปเติมน้ำมัน  สังเกตกันให้ดีนะครับ ถ้าเจออย่างนี้ เซ็งครับ ไม่ใช่เรื่อง เล็กๆ เลย
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #10 เมื่อ: 05 กุมภาพันธ์ 2551, 01:40:01 »

:wink:  Dear Nungning ... I mailed to ask a friend of mine in Germany : " I forgot Vodafone belongs to German or French communication service.   :roll:   I saw " Vodafone " in my handy phone when I was in Europe, last year. Nowadays, they expand their business to many countries in many continentals with a high growth rate."

The expert answered : " Vodafone was German, with the name MANNESMANN, but in the last 5-6 years, British firm bought it at 250 billion $, not million. The formaly Boss of MANNESMANN got 45 million in hands, so German court looked for corruption. But, in Germany we say : one crow doesn't want another eyes. Ten thousands workers lost their jobs.

Wow ! .... this is my new knowledge, sure.
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #11 เมื่อ: 11 กุมภาพันธ์ 2551, 11:19:41 »

ข่าวสารจากวงการตำรวจ ที่ควรอ่าน

นายสัตวแพทย์ สากล 16 ... ส่งมา

เวลาเจอด่าน ( เถื่อน ) !! คือ มีแค่รถฉลาม 1 คัน จอดตามทางแยก หรือจุด U-Turn มีตำรวจทางหลวง 2 -3 คน โดย 1คน ยืนกลางถนนคอยโบกรถหรือฉายไฟให้รถเราแอบซ้าย ตำรวจที่เหลือเป็นคนตรวจค้น ... ถ้าเจออย่างนี้ อย่าตกใจ หรือชะลอความเร็ว หรือหักพวงมาลัยไปตามที่มันโบก ให้ตีไฟสูงไล่ แล้ววิ่งต่อไป มันไม่มีตาม เพราะมันทำผิดกฎหมายการตั้งด่านจุดสกัด จากนั้นโทรไปที่ 1193 แจ้งว่ามีกลุ่มคนคล้ายตำรวจทางหลวงมีพฤติกรรมดังกล่าว ให้ตรวจสอบด้วยว่า เป็นเจ้าหน้าที่จริงหรือเปล่าที่ไปกีดขวางการจราจร หรือเป็นโจรที่ปลอมตัวไปดักปล้น

ทีนี้มาดูว่าด่านที่ถูกต้องเป็นอย่างไร ....

ด่านที่ถูกต้อง คือ ต้องมีเครื่องหมายบอกล่วงหน้าเป็นระยะว่า ข้างหน้ามีด่าน และมีสิ่งกีดขวาง เช่น กรวยสีส้มตั้งเป็นระยะ เพื่อบีบบังคับทิศทางการจราจรให้เหลือช่องเดียว นำไปยังจุดตรวจค้น ในจุดตรวจต้องมี นายตำรวจสัญญาบัตรประจำอย่างน้อย 1 คน ลึกไปกว่านั้นคือ ทางต้นสังกัด ( ในพื้นที่นั้นๆ ) จะต้องมีหนังสือสั่งการให้ตำรวจกลุ่มนี้ปฎิบัติหน้าที่ ก่อนปฏิบัติหน้าที่ตรวจ ตำรวจสัญญาบัตรที่ควบคุมชุดตรวจ จ ะต้องแจ้งทางวิทยุสื่อสารไปยังศูนย์ควบคุมข่ายนั้นๆ ว่า จะเริ่มปฏิบัติการตั้งจุดตรวจสกัด และตรวจสกัดสิ่งใด ตำแหน่งไหน วันเวลาเท่าไรถึงเท่าไร ใครเป็นผู้ควบคุม ด้วยกำลังพลทั้งหมดเท่าไร หลังจากเลิกปฏิบัติหน้าที่ ตำรวจท่านนี้จะต้องสรุปผลการจับกุม-ตรวจค้นว่า ... พบสิ่งใดบ้าง ทางวิทยุสื่อสารต่อเจ้าหน้าที่ศูนย์ควบคุมข่าย จากนั้นจะต้องบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร เสนอต้นสังกัด ...เป็นอันจบ


ศึกษาไว้เป็นความรู้ครับ อย่าให้ใครมาหากินกับเรา

ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ มีหน้าที่ปัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับประชาชน
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #12 เมื่อ: 13 กุมภาพันธ์ 2551, 02:46:35 »

อ้างจาก: "Jiab16"
:wink:  Dear Nungning ... I mailed to ask a friend of mine in Germany : " I forgot Vodafone belongs to German or French communication service.   :roll:   I saw " Vodafone " in my handy phone when I was in Europe, last year. Nowadays, they expand their business to many countries in many continentals with a high growth rate."

The expert answered : " Vodafone was German, with the name MANNESMANN, but in the last 5-6 years, British firm bought it at 250 billion $, not million. The formaly Boss of MANNESMANN got 45 million in hands, so German court looked for corruption. But, in Germany we say : one crow doesn't want another eyes. Ten thousands workers lost their jobs.

Wow ! .... this is my new knowledge, sure.


P.Jiab ka,
I check the information right a minutes...it is so:Vodafone is a british communication company which  "take over" Mannesmann,a german communication company...while Mannesmann bigboss could handle the best sum ,he has been "rewarded"by the common shareholder of Mannesmann...for the eyes of outside...he sales the german company to foreigner corporation which could make german worker/manpower lost their job and gets a rewards!!
so ist das....
nn.(reporter)
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #13 เมื่อ: 13 กุมภาพันธ์ 2551, 11:36:08 »

Urgently : Hotmail user must read it

พี่วิวิธ - วิศวะ 07 ... ส่งมา

13 มกราคม 2551
พิชัย พ้นภัย ( email: pponpai@gmail.com )


บทเรียนที่เจ็บปวดของผู้ใช้ Email

ก่อนอื่นก็ต้องขอแนะนำตัวก่อน ผมชื่อ พิชัย พ้นภัย ปัจจุบันเป็นนักศึกษาระดับปริญญาเอกของมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา เป็นอาจารย์พิเศษสอนวิชากฎหมายที่มหาวิทยาลัยเกริก อดีตเป็นทนายความและที่ปรึกษากฎหมายของสำนักงานกฎหมายระหว่างประเทศ Tilleke and Gibbins กรุงเทพฯ

ความนำ

การเป็นเจ้าของ Email account สามารถสร้างคุณประโยชน์ให้กับเจ้าของ account อย่างมหาศาล ในขณะเดียวกัน หากมีการนำไปใช้อย่างไม่ถูกวิธี ก็จะสร้างความเสียหายให้กับเจ้าของ account ได้อย่างมากเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายทางด้านสุขภาพจิต สังคมหรือเศรษฐกิจ และจะเป็นการเสียหายมากกว่านั้นอีกหลายเท่า หากมีผู้ลักลอบนำ email account ไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมกับทำการเปลี่ยนแปลง password ของเจ้าของที่แท้จริง แล้วนำไปทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย หลอกลวงเพื่อนสนิท ญาติพี่น้อง และผู้ที่เจ้าของ account ติดต่อด้วย โดยที่เจ้าของ email account ที่แท้จริงหมดโอกาสที่จะบอกให้คนเหล่านั้นได้รู้อย่างทันท่วงทีว่า ความจริงเป็นการหลอกลวงของโจร internet ภายใต้ชื่อและemail account ของเจ้าของที่แท้จริงเอง เมื่อถูกกระทำแล้วเจ้าของ account จะเป็นทุกข์กังวลเพียงใด เมื่อคนที่เรารักและติดต่อด้วยต้องเสียรู้เสียเงินไปให้โจร อันมีสาเหตุมาจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเราเองเป็นจุดเริ่มต้น

ขอให้บทเรียนที่ผมได้รับนี้ เป็นสิ่งเตือนใจของท่านเจ้าของ email account ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกได้รับรู้กลลวง เพื่อเก็บไว้เป็นเกราะป้องกันตนเองจากโจรทาง internet


ผมขอลำดับเหตุการณ์ให้ทราบดังนี้

1. การใช้ email ในชีวิตประจำวัน

ผมเป็นเจ้าของ Email Account ของ Hotmail ใช้ account นี้มาแล้วไม่น้อยกว่า 10 ปี ใน account จะเก็บ email address ของเพื่อนฝูงที่สนิทกัน ญาติพี่น้องและของบุคคลที่ต้องติดต่อด้วยรวมแล้วประมาณ 130 คน ปกติ ผมจะทำการตรวจเช็ค email inbox ทุก 2 ครั้งที่ได้ใช้computerอย่างน้อยต้องตรวจเช็ค email วันละครั้ง เว้นแต่จะไม่มี computer ให้ใช้เท่านั้น การใช้ email ของผมนับว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันที่ต้องทำ ระยะเวลากว่า 10 ปีที่ใช้ ไม่เคยมีปัญหาอะไรที่มาถึงตัว หรือที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมร้ายแรงโดยตรง มีเพียงแค่เจอ virus เล่นงานเพียงครั้งเดียวเท่านั้น นับแต่ใช้ internet และcomputer มา ผลที่เกิดขึ้นอย่างมากก็เพียง format เครื่อง แล้วลง program ใหม่เท่านั้น ปัจจุบันก็มี program ป้องกัน virus ให้ใช้จำนวนมาก และไม่น่ากังวลอะไร


2. ความเป็นมาของเหตุการณ์

เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2551 ผมได้เปิดเข้าไปตรวจเช็ค email ตามปกติและได้พบ email ฉบับหนึ่งระบุว่าผู้ส่งคือ Customer_serviceupgrade1@hotmail.com ด้วยความสงสัยและอยากรู้ ผมจึงเปิดออกดูว่าจะมีอะไรใหม่ๆ ให้ upgrade หรือไม่ เมื่อเปิดขึ้นมาแล้ว พบว่าemail มีลักษณะดูเหมือนกับเจ้าหน้าที่บริการของ Hotmail ส่งมาให้สมาชิก หน้าของ email ไม่ทำให้สงสัยหรือเห็นเป็นอย่างอื่นไปได้นอกจากเป็น email ที่ส่งมาจากHotmail จริงๆ (ดูmail ที่ส่งมาเอกสารแนบ 1) ข้อความใน email แจ้งว่า Hotmail จะทำการ upgrade program ของการใช้ email ใหม่ของสมาชิก ขอให้สมาชิกยืนยันวันเดือนปี เกิด และแจ้ง password การเข้าใช้ email account ให้ทราบภายใน 3 วัน มิเช่นนั้นแล้วaccount นี้ จะถูกลบออกอย่างถาวร และจะไม่สามารถใช้ได้อีกตลอดไป
เมื่ออ่านพบเช่นนั้น ทำให้ผมรู้สึกกังวลว่า หากไม่ทำตาม email ที่แจ้งเตือนมานี้ email address ทั้งหมดที่มีอยู่จะหายไป ไม่สามารถติดต่อใครได้อีกเนื่องจากemail account และ address ดังกล่าวใช้มานานมากกว่า 10 ปี ทุกคนรู้จักและติดต่อผมโดยผ่าน email account นี้มานานแล้ว กรณีเช่นนี้จึงคล้ายกับการทำโทรศัพท์มือถือหาย ทำให้วุ่นวายติดต่อใครไม่ได้หากจำเบอร์ไม่ได้ การถูกยกเลิก email account จึ่งเป็นเรื่องใหญ่หากต้องถูกลบออกไปอย่างถาวร

ดังนั้นโดยไม่รอช้าผมจึงกรอกข้อมูลตามที่ email นั้นแจ้งมา และส่งกลับไปให้ทันที ประมาณ 1 ชั่วโมงผ่านไป ผมเกิดระแวงสงสัย จึงกลับไปตรวจเช็ค email อีกครั้ง ปรากฏว่าใจแทบสลาย เพราะผมไม่สามารถใช้รหัสผ่านของผมเข้า email account ของผมได้อีกต่อไป ไม่ว่าจะใช้ความพยายามเท่าไหร่ก็ตาม ถึงตรงนี้ผมเริ่มรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่ามันจะเกิดผลร้ายแรงอะไรขึ้นกับผมและคนอื่นในอนาคตบ้าง ในใจเพียงคิดว่าไม่เป็นไร สมัครเอา account ใหม่ก็ได้ แต่หลังจากนั้นไม่เกิน 2 ชั่วโมงผมก็ได้รับโทรศัพท์ทางไกลจากเพื่อนชาวต่างประเทศที่อยู่ภูเก็ต โทรมาสอบถามว่า ตอนนี้ผมอยู่ที่ไหน อยู่ที่กรุงเทพฯหรือแอฟริกา เพราะเขาได้รับ email จากผมแจ้งว่า ขณะนี้ผมอยู่แอฟริกามาประชุมสัมมนาเรื่อง HIV และการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษาในแอฟริกา ผมประสบปัญหาขณะที่นั่งรถแท็กซี่กลับโรงแรม ได้ลืมกระเป๋าเอกสารที่มีเงินทั้งหมด และไม่สามารถติดตามคืนได้ ผมเป็นหนี้ค่าโรงแรม เจ้าหน้าที่โรงแรมยึดของไว้หมด และไม่ให้ออกจากโรงแรม ผมกำลังเดือดร้อนอย่างมาก ขอให้ส่งเงินไปให้ด้วย กลับบ้านแล้วจะคืนให้
เมื่อได้รับโทรศัพท์ดังนี้ ผมจึงรีบบอกไปว่าเป็น email หลอก email account ของผมถูกเปลี่ยนpassword ผมไม่สามารถเข้าใช้ได้อีก อย่าได้ส่งเงินไปเด็ดขาด ( โปรดดูรายละเอียดของ email หลอก เอกสารแนบ 2)


3. ความเป็นห่วงเป็นใยและความเจ็บปวดทุกข์ทรมานที่เกิดขึ้น

ความเป็นห่วงเป็นใยและความเจ็บปวดประการแรก เป็นของตัวเองต่อเพื่อนสนิท ญาติพี่น้อง และผู้ที่ติดต่อด้วย นับแต่รู้ว่า email account ถูกโจรกรรมไปแล้ว ผมไม่สามารถควบคุมการใช้ email ของผมได้ email ที่โจรส่งออกไปก็จะปรากฏเป็นตัวของผมภายใต้ชื่อของผมทั้งหมด ผู้ที่รับ email ย่อมต้องเข้าใจว่าผมตกอยู่ในภาวะลำบากเช่นนั้นจริง ผมคิดกังวลอย่างมากว่าอาจมีเพื่อนรักที่สนิทกันที่ตกใจและไม่ทันคิดอะไร ต้องหลวมตัวส่งเงินไปให้โจรอย่างแน่นอน เมื่อเป็นเช่นนี้ผมจึงอยู่นิ่งเฉยไม่ได้แล้ว ดังนั้นผมจึงพยายามนึกถึง email address ของเพื่อนๆเท่าที่สามารถนึกออก พร้อมกับสมัครใช้ email account ใหม่ และรีบแจ้งเตือนไปให้ทราบว่า ขณะนี้มีโจรเข้ามาโจรกรรมเอา email account ของผมไปใช้ และผมไม่ได้ใช้ email นี้อีกต่อไปแล้ว คนที่ใช้อยู่ไม่ใช่ผม ขณะเดียวกันก็พยายามที่จะสกัดกั้นไม่ให้ผู้ที่ได้รับ email หลอกนี้ส่งเงินไป วิธีที่ดีที่สุดคือพยายามยกเลิก email account นี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด

ในช่วงนี้ผมต้องหยุดทำงานทั้งหมด และต้องแก้ไขเหตุการณ์แข่งกับเวลา เพราะโจรรายนี้ทำงานเร็วมาก นอกจากนี้ ผมได้ใช้ email เพื่อหลอกให้มันส่งรายละเอียดของการส่งเงินว่าจะส่งไปที่ใด ซึ่งมันก็เชื่อโดยส่งรายละเอียดมาให้ทราบ โดยระบุชื่อผู้รับเงินว่า Mr. George Pent พักอยู่ที่โรงแรม Ekko ห้อง 6 เมือง Lagos ประเทศNigeria จำนวนเงินที่โจรขอให้ส่งไปคือ1,350 USD หรือ 1,500 USD แตกต่างกัน แต่จะเป็นตัวเลขเศษๆ ดูแล้วน่าเชื่อถือ คำนวณเป็นเงินไทยก็อย่างน้อย 30,000 บาทขึ้นไปซึ่งไม่น้อยทีเดียว รายละเอียดปรากฏตาม email ที่ติดต่อกับโจรรายนี้ (เอกสารแนบ 3)
ผมขอบอกว่าสภาพจิตใจของผมช่วงดังกล่าวแย่มากที่สุด เต็มไปด้วยความกังวลและเป็นห่วงว่าจะมีเพื่อนคนใดส่งเงินไปให้โจร และคนที่ส่งเงินไปให้ต้องเจ็บใจเสียใจในภายหลังเมื่อทราบความจริง


4. ความกังวลของตนเองต่อความยุ่งยากในอนาคตอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

นอกจากที่ผมจำต้องทำงานแข่งกับเวลากับโจร เพื่อแจ้งให้ทุกคนที่รับ emailหลอก (hoax email) นี้รู้ตัว ผมก็คิดกังวลเลยไปไกลในอนาคตว่า หากผมไม่สามารถยกเลิก email account นี้ของผมได้ โจรรายนี้จะต้องใช้ชื่อผมไปก่อให้เกิดความเสียหายกับผมต่อไปในอนาคตโดยไม่มีที่สิ้นสุด ผมคงต้องมาแก้ตัวและป้องกันตัวเองว่าemail ดังกล่าวไม่ใช่ของผม ผมไม่ได้หลอกผู้ใดหรือติดต่อกับผู้ใดในการใช้ email account นี้แล้ว ถึงตอนนั้นความเสียหายคงเกิดขึ้นกับผมอย่างมากและเป็นสิ่งกวนใจทำให้สุขภาพจิตเสื่อมไปตลอดกาล จนกว่าโจรหรือผมจะตายจากโลกนี้ไป


5. ความเป็นห่วงเป็นใยและความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้นกับเพื่อนสนิท ญาติพี่น้องและผู้ที่ติดต่อด้วย

ความเป็นห่วงเป็นใยประการที่สองนี้ เป็นความทุกข์ที่จะเกิดกับคนที่เรารักและติดต่อด้วย ความตกใจและการช่วยเหลือของแต่ละคนเมื่อได้รับ email หลอก จะมีระดับและวิธีการแก้ปัญหาที่แตกต่างกันออกไป แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ ทุกคนต่างเชื่ออย่างสนิทใจว่า ผมคงตกอยู่ในภาวะที่ลำบากในแอฟริกาจำเป็นต้องช่วยเหลืออย่างรีบด่วน เริ่มจากเพื่อนที่อยู่ในสหรัฐอเมริกา เป็นเพื่อนที่สนิทและรู้จักกันมานานนับสิบปี พอได้รับ email หลอกนี้ ก็รีบตอบ email สอบถามรายละเอียดต่างๆ เพื่อหาวิธีช่วยเหลือ เมื่อโจรได้รับ email ตอบจากเพื่อน มันก็รีบตอบกลับและแสดงตัวเป็นผมทันที โดยที่เพื่อนอ่าน email แล้วไม่ได้สังหรณ์ใจอะไรเลย รายละเอียดปรากฏตาม email ของโจร ( เอกสารแนบ 4 )

ในวันนั้นเพื่อนคนนี้ต้องลาหยุดงาน เพื่อจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจัง จนกระทั่งสามารถส่งเงินไปให้โจรตามที่มันแจ้งให้ทราบ หลังจากส่งเงินไปแล้วหนึ่งชั่วโมง ภรรยาเกิดสังหรณ์ใจบางอย่างและนึกขึ้นได้ว่าต้องโทรทางไกลมาสอบถามผมที่บ้านที่กรุงเทพฯ ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณตี 5 กว่า ผมก็รับโทรศัพท์พร้อมกับเสียงของเพื่อน ที่แสดงความตกใจเล่าเรื่องให้ผมฟัง ผมบอกเขาว่าผมสบายดีอยู่ที่เมืองไทย ไม่ได้ไปแอฟริกาแต่อย่างใด เมื่อทราบดังนั้น เพื่อนจึงรีบไปอายัดเงินโอนทันที ผลปรากฏว่าเงินไปอยู่ที่ปลายทางแล้ว แต่โจรยังไม่มารับไป เพราะว่า email ที่เพื่อนแจ้งการส่งเงินไป มีเอกสารแนบ เกิดขัดข้อง email จึงยังไปไม่ถึงโจร ทำให้มันไม่ทราบว่ามีเงินโอนไปแล้ว เพื่อนของผมจึงอายัดเงินได้ทัน ไม่สูญเงิน 1,350 USD แต่ถูกหักค่าธรรมเนียมไปไม่มากนัก

เพื่อนได้แจ้งให้ผมทราบในภายหลังว่า เหตุการณ์ในวันนั้นทำให้เขาเสียสุขภาพจิตไปมาก และโทษตัวเองว่าโง่ ซึ่งจริงๆแล้วเขาก็สังหรณ์ใจอยู่ แต่เหตุการณ์คับขันเช่นนี้คงปล่อยให้เพื่อนลำบากไม่ได้ ถึงแม้จะมีความรู้สึกว่าเป็นการหลอก แต่ก็ยอมจะเสี่ยงส่งไปให้ก่อน แม้จะเสียเงินไปก็ไม่เป็นไร

รายที่สอง อยู่อเมริกาเช่นกัน เมื่อได้รับ email หลอกก็ตกใจ รีบตอบ email กลับไปหาโจร สอบถามรายละเอียดความตกทุกข์ได้ยากของผม และว่าจะส่งเงินไปให้ แต่ขณะที่เขียน email เพื่อตอบโจรไป เขาก็ไม่แน่ใจว่าเป็นตัวผมจริงหรือไม่ เพราะผมไม่น่าจะใช้วิธีเช่นนี้เพื่อขอความช่วยเหลือ จึงทำการทดสอบให้ตอบคำถามส่วนตัวของผมว่า หัวหน้าสำนักงานที่ผมทำงานอยู่ ชื่ออะไร ปรากฏว่าไม่มีคำตอบจากโจรรายนี้อีกเลย เพื่อนคนนี้จึงรู้ว่าไม่ใช่ตัวผมแน่นอน เหตุการณ์นี้ก็ทำให้เขาประสาทเสียและเสียเวลาทำงานไปมาก

รายที่สาม อยู่อเมริกาเช่นกัน เมื่อได้รับ email หลอก ก็ตกใจเตรียมจะส่งเงินไปให้อีก แต่กลับคิดได้ว่า email ที่ส่งมา ทำไมขึ้นต้นด้วย Dear All, ทำไมไม่ระบุชื่อเหมือนที่เคยเขียนมา ทำให้เขาเกิดอาการไม่แน่ใจ จึงโทรทางไกลไปถามเพื่อนอีกคนหนึ่งที่อยู่เมืองไทยว่าผมไปแอฟริกาหรือไม่ ซึ่งตอนนั้นเป็นเวลาประมาณตี 2 ของเมืองไทย จึงได้ทราบความจริงว่าถูกหลอก และทำให้เขาสงสัยว่าโจรทำได้อย่างไร เหตุการณ์นี้ก็ทำให้เขาเกิดอาการตกใจมากเหมือนกันและแน่นนอนว่าเป็นการทำลายสุขภาพจิตใจของเขาอย่างมาก

รายที่สี่ อยู่กรุงเทพฯ เมื่อได้รับ email หลอกแล้ว คนทั้งครอบครัวต่างตกใจอลหม่านกันไปทั้งบ้านเตรียมจัดส่งเงินไปให้ โดยให้ลูกทำการติดต่อกับโจรและขอทราบรายละเอียดการส่งเงินจนได้ข้อมูลเรียบร้อยพร้อมที่จะส่งเงิน เผอิญลูกคนที่จะไปส่งเงินอยู่ต่างจังหวัดยังไม่กลับบ้าน เงินที่จะโอนไปจึงยังไม่ได้โอน ในระหว่างนี้เพื่อนคนนี้นึกขึ้นได้ว่าต้องตรวจสอบเบื้องต้นก่อน โดยได้โทรศัพท์มาที่บ้านของผมประมาณเที่ยงคืนกว่า ปรากฏว่าโทรศัพท์มือถือของผมติด ใช้ได้ตามปกติ แต่ผมไม่ได้รับสาย ซึ่งทำให้สันนิษฐานว่า ถ้าหากผมลำบากจริงต้องโทรมาหาแล้วโดยไม่ต้องใช้email เพื่อนจึงบอกให้ลูกงดการส่งเงินไปก่อน รุ่งขึ้นผมก็รีบโทรบอกเพื่อนว่าเป็น email หลอกลวง เพื่อนจึงได้ทราบความจริง เหตุการณ์ครั้งนี้ก็ทำให้ครอบครัวนี้วุ่นวายกันไปเกือบสองวันทั้งแม่ทั้งลูก

รายที่ห้า อยู่กรุงเทพฯ เมื่อได้รับ email หลอกลวงแล้ว ก็มีอาการตกใจเช่นกัน แต่วิธีการช่วยเหลือของเขาไม่ใช่วิธีการส่งเงินตามที่ร้องขอมา เพราะคิดว่าการส่งเงินไปให้เพียงเท่านี้ก็ยังกลับเมืองไทยไม่ได้อยู่ดี วิธีที่ดีที่สุดคือแจ้งเครือข่ายที่อยู่ในไนจีเรีย ให้ไปช่วยเหลือโดยตรงเลย เมื่อเครือข่ายได้รับแจ้ง สิ่งแรกที่เครือข่ายตรวจสอบคือ ผมได้เดินทางเข้ามาใน ไนจีเรียจริงหรือไม่ ปรากฏว่าตรวจสอบแล้วไม่มี เพื่อนจึงรู้ว่าเป็นการหลอกลวงแน่นอน จึงหยุดทำการช่วยเหลือลง แต่ก็ทำให้เสียเวลาทำงานไปมากและวุ่นว่ายกับคนอื่นที่อยู่ต่างประเทศ

รายที่หก อยู่กรุงเทพฯ เมื่อได้รับ email หลอกลวงแล้ว ก็ตกใจเช่นกัน เตรียมที่จะรวบรวมเงินส่งไปให้ แต่ในระหว่างนี้ก็เขียน email แนะนำวิธีการต่างๆ ในการที่จะเอาตัวรอดที่ ไนจีเรียขณะที่เขียน email ไปหา ก็บ่นกับตัวเองว่า ผมทำไมคิดอะไรไม่ออกเลยหรือ ไม่น่าจะใช้วิธีขอให้โอนเงินไปให้ ไม่ได้เป็นสมาชิกบัตรเครดิตใดๆ เลยหรือ หากบัตรหายก็ขอออกใหม่ได้ที่ไนจีเรียและว่าผมช่างไม่รู้เรื่องอะไรเลยทั้งๆ ที่เป็นนักกฎหมายระดับนี้ แต่โชคดีของเพื่อนคนนี้ ในที่สุดผมนึกชื่อได้ จึงได้โทรไปแจ้งเหตุการณ์ให้ทราบว่า email account ของผมถูกโจรไนจีเรียขโมยไปใช้หลอกลวงคนอื่นๆ


6. ต้องเอาชนะและสู้กับโจรอย่างถึงที่สุด

หลังจากที่โจรขโมยเอา email account ของผมไป ผมคิดอยู่เสมอว่า ต้องยกเลิกการใช้ email account นี้ให้ได้ หรือไม่ก็ต้องเอากลับคืนมาให้ได้ ดังนั้นผมจึงได้ส่ง email รายงานให้ตำรวจในประเทศไทยที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันภัยทาง internet ให้ทราบและขอความช่วยเหลือ แต่โชคไม่ดี ผมไม่ได้รับคำตอบใดๆจากตำรวจเลย อีกทางหนึ่งผมได้ติดต่อผู้ให้บริการทาง internet (ISP) ในประเทศไทย เจ้าหน้าที่แจ้งว่าไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้ เพราะเป็นของ Hotmail ซึ่งอยู่ต่างประเทศ ในที่สุดความพยายามของผมที่จะพึ่งคนอื่นก็สิ้นสุดลงในภาวะเช่นนี้ผมหมดความหวังกับการช่วยเหลือในเมืองไทยแล้ว สิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่จะนึกออกคือส่ง email ไปที่บริษัทให้บริการโอนเงินระหว่างประเทศคือ Money Gram และ Western Union แจ้งเหตุการณ์ให้ทราบ แต่ก็ได้เพียงคำตอบกลับมาว่าจะตรวจสอบให้และก็ไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้

ผมยังไม่หมดความพยายาม จึงได้ขอให้ผู้ที่มีความรู้ทาง Internet ให้มาช่วยเหลือยกเลิกการใช้ email account ของผมก็ได้รับคำตอบว่า ทำไม่ได้เพราะHotmail อยู่ต่างประเทศ ไม่รู้จะติดต่ออย่างไร และบอกว่าไม่ต้องสนใจ email account นี้อีกต่อไป ให้ทำใจและทิ้งไปเลย ผมฟังแล้วก็ห่อเหี่ยวหมดหวังจากคนอื่นที่จะช่วยเหลือผม


7. วิธีแก้ไข เอาชนะโจรอย่างเด็ดขาดทั้งเฉพาะหน้าและในอนาคต

เมื่อขอความช่วยเหลือจากคนอื่นไม่ได้แล้ว ผมคิดอยู่เสมอว่าจะต้องมีทางแก้ไขให้ได้ วิธีการที่ดีที่สุด คือสืบค้นหาเจ้าหน้าที่ของ Hotmail สืบค้นหาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอความช่วยเหลือ โดยค่อยๆ อ่านWebsite ของ Hotmail อย่างละเอียด ว่าจะมีวิธีการช่วยเหลืออย่างไร ซึ่งกว่าจะหาพบก็กินเวลาไปเกือบสองวัน จึงทราบว่าหน่วยงานที่รับผิดชอบแก้ไขปัญหานี้คือ Windows Live ID Technical Support ผมจึงได้เขียน email เล่ารายละเอียดของผมให้ทราบ เจ้าหน้าที่ Hotmail รับรู้เรื่องของผม และได้ขอให้ผมตอบคำถามของเขา 16 ข้อ เพื่อตรวจสอบว่า ผมเป็นเจ้าของ account ที่แท้จริงโดยให้ตอบคำถามส่วนตัวและรายละเอียดข้อความเท่าที่ทราบใน email เก่าๆ รวมถึงemail address เก่าๆ เท่าที่จำได้ ในที่สุดเจ้าหน้าที่ของHotmail ได้ตรวจสอบแล้วเชื่อว่าผมเป็นเจ้าของ account ที่แท้จริง จึงเริ่มดำเนินการแก้ไขเพื่อให้เข้าไปตั้ง password ใหม่ ซึ่งวิธีการนี้เรียกว่า “Removed Tag” โดยเจ้าหน้าที่จะแจ้งขั้นตอนและวิธีการมาให้ทราบ แล้วทำตามคำแนะนำตามลำดับ เหมือนสวรรค์มาโปรด ขณะที่เครื่องกำลังทำงานเพื่อตั้ง password ใหม่ ผมก็ภาวนาให้แก้ไขได้สำเร็จ ในที่สุดชัยชนะก็เป็นของผม ผมสามารถเปลี่ยน password ของโจรออกไป แล้วตั้ง password ของผมใหม่ ทำให้โจรไม่สามารถกลับเข้ามาใช้email account ของผม เพื่อหลอกคนอื่นได้อีกต่อไป


8. จำนวนผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของ email หลอกลวงในประเทศไทย และต่างประเทศกับการระบาดไปทั่วโลก

จากการตรวจสอบพฤติกรรมเช่นนี้ทาง Website ต่างๆ ของไทย ผมพบว่านอกจากผมที่ถูกขโมยemailไปแล้ว ยังมีผู้อื่นที่ถูกกระทำเช่นนี้ และเพื่อนๆของเจ้าของ account ต่างถูกหลอกและส่งเงินไปให้เป็นจำนวนมาก บางคนสูญเสียเงินไปเป็นจำนวนแสนบาท บางคนทิ้ง email ที่ถูกขโมยไปนานเป็นปีแล้ว แต่กลับต้องถูกทวงหนี้จากคนที่ไม่เคยรู้จัก โดยอ้างว่าได้มีการทำธุรกรรมค้าขายกันกับเขาและยังไม่ได้ชำระหนี้ จึงแจ้งมาเพื่อขอให้ชำระด้วย ซึ่งเจ้าตัวกลับไม่ทราบเรื่องใดๆ เลย จนปัจจุบันก็ยังไม่อาจยกเลิก email account ของตนได้ ทำให้โจรสนุกกับการใช้ email หลอกลวงภายใต้ชื่อของเจ้าของที่แท้จริงโดยไม่มีที่สิ้นสุด ในภาวะและความรู้สึกของเจ้าของ email account นี้ นับว่าเป็นการสร้างตราบาปให้ติดตัวเองตลอดไป จนกว่าจะยกเลิกหรือเอา email account ของตนกลับคืนมาได้ และมีหลายคนที่ตกเป็นเหยื่อโดยที่ยังไมรู้ว่าจะแก้ไขอย่างไรจนทุกวันนี้

สำหรับต่างประเทศ ใน Website ของ Australia Interpol ประชาชนสูญเสยเงินจากการถูกหลอกลวงในลักษณะนี้ รวมกันทั้งประเทศแล้วนับพันล้านเหรียญ

เหตุการณ์ครั้งนี้บอกตรงๆ ว่าผมเครียดมาก ช่วงที่กำลังต่อสู้กับโจร โจรที่ไม่เห็นตัว และไม่สามารถทำอะไรมันได้ และหาใครช่วยก็ไม่ได้ แม้แต่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองเอง ดังนั้นผมจึงอยากให้กรณีของผมเป็นกรณีสุดท้ายที่เกิดขึ้นในประเทศไทย รวมทั้งในโลกของ Internet และขอแจ้งให้สาธารณชนคนไทยได้ทราบเพื่อป้องกันการหลอกลวงต้มตุ๋นที่เกิดขึ้น ซึ่งกำลังระบาดอย่างหนัก โดยที่สังคมไทยยังไม่ค่อยรู้หรือตื่นตัวมากนัก และเมื่อเกิดปัญหาแล้วก็ไม่สามารถแก้ไขได้

จากประสบการณ์การต่อสู้กับโจร IT จนสามารถเอาชนะได้ในครั้งนี้ ผมจึงยอมอุทิศเวลาของผมเพื่อสร้างเครื่องเตือนใจคนไทยและคนทั้งโลก โดยเปิดเผยวิธีการหลอกลวงของโจรให้ทราบทั่วกันอย่างละเอียด


9. บทสรุปของบทเรียนราคาแพง ถึงผู้ที่เป็นเจ้าของ email account ในการป้องกันภัยการถูกขโมยpassword คือ

1. อย่าให้ email password กับผู้ใดเด็ดขาด โดยเฉพาะทาง email แม้ถูกขู่ว่าaccount จะถูกปิดก็ตาม เพราะปกติผู้ให้บริการจะไม่ทำเช่นนั้น

2. Email password เป็นสิ่งที่สำคัญต้องเก็บรักษาไว้ให้ดี เหมือนกับการเก็บรักษาเลขรหัส ATM

3. ควร print หรือเก็บEmail address ของผู้ที่เราติดต่อไว้ต่างหาก เมื่อเกิดกรณีฉุกเฉินก็ยังสามารถติดต่อกับผู้อื่น ได้ ถึงแม้จะไม่สามารถเข้าใช้ email ของตนเองได้ก็ตาม

4. หากมีปัญหาใดๆ ในการใช้ email ของ Hotmail หน่วยงาน Windows Live ID Technical Support สามารถช่วยท่านได้ โดยให้ผู้ที่รู้ภาษาอังกฤษช่วยเขียนแจ้ง หน่วยงานดังกล่าว เจ้าหน้าที่จะแก้ไขปัญหาให้เราเป็นรายบุคคลและจะตอบกลับมาทันทีภายในหนึ่งวันทำงาน

5. การสมัครเป็นสมาชิกของ email หากทำได้และสะดวก ให้ใช้ของผู้ให้บริการinternet (ISP) ในประเทศ เมื่อเกิดปัญหาดังกล่าวขึ้น จะสามารถติดต่อยับยั้งยกเลิกหรือแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว โดยอาจโทรศัพท์แจ้งผู้ให้บริการ internet ทราบทันที

6.การมีemail account สำรองที่เป็นการให้บริการของผู้ให้บริการอื่นที่มีcontact list เหมือนกัน ก็เป็นอีกทางหนึ่งที่บรรเทาความเสียหายเบื้องต้นได้


หวังว่าบทเรียนราคาแพงนี้จะเป็นประโยชน์แก่สาธารณชนที่เป็นเจ้าของ email account ทุกคน โดยเฉพาะ email account free ทั้งหลาย เรื่องนี้ถ้าไม่เกิดกับตนเองก็จะไม่รู้สึกอะไร แต่ถ้าเกิดขึ้นแล้ว เหมือนตกนรกทั้งเป็นและเหี่ยวเฉาไปทีละน้อย ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ และซ้ำเติม

พิชัย พ้นภัย ( pponpai@gmial.com )
1131/288 ถนนเทอดดำริ แขวงถนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 1030 โทร. 086-332-0943
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #14 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2551, 11:14:02 »

Don't do anything that is without the " S "

มนูญ - วิศวะ 16 ... ส่งมา

Internet Security, Extremely Important
Very IMPORTANT... must know - don't do anything that is without the " s "

The main difference between http:// and https:// is

It's all about keeping you secure

HTTP stands for HyperText Transport Protocol, which is just a fancy way of saying it's a protocol ( a language, in a manner of speaking ) for information to be passed back and forth between web servers and clients.

The important thing is the letter S which makes the difference between HTTP and HTTPS. The S ( big surprise ) stands for "Secure".

If you visit a website or webpage, and look at the address in the web browser, it will likely begin with the following : http://. This means that the website is talking to your browser using the regular 'unsecure' language.

In other words, it is possible for someone to "eavesdrop" on your computer's conversation with the website. If you fill out a form on the website, someone might see the information you send to that site.

This is why you never, ever, ever, should enter your credit card info in an http website! But if the web address begins with https://, that basically means your computer is talking to the website in a secure code that no one can eavesdrop on.

You understand why this is so important, right? If a website ever asks you to enter your credit card information, you should automatically look to see if the web address begins with https://. If it doesn't, there's no way you're going to enter sensitive information like a credit card info!

http VS https

I checked the Tigerair http://www.tigerairways.com/home/

And Jetstar airways
http://www.jetstar.com/3k/index.html

When come to booking the ticket and keying the personal information both show https

BOOKING
https://booking.tigerairways.com/skylights/cgi-bin/skylights.cgi

And https://jetstar.com/skylights/cgi-bin/skylights.cgi


SO it is safe to do that booking... please remember when you buy any thing online make sure passing your information on the website showing https REPEAT https........... don't do anything that is without the " s "
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #15 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2551, 23:59:37 »

ผมเป็นหนี้บัตรเครดิตครับ

พี่วิวิธ - วิศวะ 07 ... ส่งมา

เมื่อสองวันก่อนหน้านี้ผมได้รับ Voice Mail จาก AIS ก็โทร.ไปเช็คข้อความตามปกติ มีเสียงตอบรับอัตโนมัติว่า ผมติดค้างชำระบัตรเครดิตจากธนาคารแสตนดาร์ดชาร์เตอร์ ให้ผมติดต่อกลับเจ้าหน้าที่ ... ผมว่าระบบมันคงมั่ว แต่ก็คิดในใจว่า ระบบมันจะงี่เง่าได้ขนาดนี้เหรอ

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 ม.ค. เวลา ประมาณ 10.19 น. มีข้อความเสียงมาครับ ... จับใจความได้ประมาณนี้ " บัตรเครคิตของท่านยังไม่ได้รับการชำระ ... ทางธนาคารจำต้องทำการระงับบัตรเครดิตของท่าน หากมีข้อสงสัยประการใด กรุณากด 9 เพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่ ... " ผมงงครับ ... ว่าอะไรหว่า ผมไม่ได้เป็นลูกค้าธนาคารนี้เลย ... ก็เลยไม่ได้ติดต่อครับ เฉย ๆ ไป ระบบมั่วจริง ปล่อยมันไปครับ ...

จนเวลาผ่านมา วันนี้ ( พุธที่ 16 ม.ค. 51 ) เวลา 16.36 น. มีระบบอัตโนมัติติดต่อมาว่า ผมค้างชำระหนี้บัตรเดรดิต ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ มิฉะนั้นจะมีการดำเนินการทางกฏหมาย ติดต่อเจ้าหน้าที่ กด 9 ผมงง สิครับ ... นั่งเคลียร์งานเพิ่งเสร็จไป กำลังเก็บของเตรียมกลับบ้าน โชว์เบอร์มาเป็น " unknow " เหมือนคุณไปรเวทเด่ะ ... พร้อมเมนูให้กดทางเลือกเดียวเพื่อติดต่อหมายเลข 9 ผมสงสัยมากครับ จึงกด 9 ทันที ... เจอ จนท. Operator เป็นผู้หญิง
Operator : " สวัสดีค่ะ .... ธนาคารแสตนดาร์ชาร์เตอร์มีอะไรให้รับใช้คะ " ผมเลยเล่าปัญหาไปว่า " ผมมีปัญหาคือ ทางธนาคารมาบอกว่าผมเป็นหนี้กับทางธนาคาร ซึ่งผมไม่เคยเป็นลูกค้าของทางธนาคาร เกรงว่าจะมีคนไปปลอมแปลงว่าเป็นผม อยากให้ธนาคารช่วยตรวจสอบประวัติของผมด้วยครับ... " ในใจนึกไว้ ... มันจะมีประวัติเราได้ไง ไม่เคยสมัครทำอะไรกับธนาคารนี้เลย
Operator : ขอชื่อ นามสกุลด้วยค่ะ
ผม : นายต้นตระการครับ
Operator : คุณต้นตระการ วงเงิน 80,000 บาท ค้างชำระบัตรเครดิตกับทางธนาคารนะคะ อยู่ที่ 67,500 บาทค่ะ
ผม : แล้วขออนุมัติวงเงินไปเมื่อไร ? ใช้วงเงินเมื่อไร ? อย่างไร ? ครับ
Operator : คุณขออนุมัติมาเมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2550 ที่วงเงิน 80,000 บาท และเริ่มใช้เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2550 เป็นจำนวน 67,500 บาทค่ะ และยังไม่มีการชำระใด ๆ ทั้งสิ้นค่ะ

ผมหน้าตาตึง + อาการงง ๆ อะไรของมันเนี่ย โดนพวกมิจฉาชีพเล่นซะแล้วกระมังเนี่ย ? มันเอาเอกสารเราไปขอเครดิตธนาคารผ่านได้ไงกัน ? ธนาคารปล่อยเครดิตมันไปได้ไง ? ทำไมเอกสารทวงหนี้ไม่มีมาที่บริษัทเรา ? ...

ผมเลยถามไปว่า " คนนั้นเค้าอยู่ที่ไหนในข้อมูลประวัติ "
Operator : สาทร ค่ะ
ผม : คุณไปเช็คการอนุมัติให้ละเอียดนะครับ ผมอยู่กาญจนบุรีครับ ผมไม่เคยเป็นลูกค้า หรือส่งใบสมัคร กระทำการใด ๆ กับธนาคารคุณเลย กรุณาตรวจสอบด้วยครับ ขอภายในวันนี้ด้วยนะครับ ( ฉุนล่ะ )
Operator : คุณทำงานกับบริษัทเหรอค่ะ
ผม : ถูกต้องครับ
Operator : ค่ะ ยังไม่ต้องตกใจนะค่ะ ทางธนาคารจะตรวจสอบข้อมูลก่อน และจะส่งเรื่องไปให้ฝ่ายกฏหมายดำเนินเรื่องต่อค่ะ จะรีบติดต่อกลับภายใน 10 นาที นะคะ ( น้ำเสียงหงอ ๆไป )

11 นาทีผ่านไป ... เวลา 16.57 น. มีผู้ชายโทรมาครับ ..

Unknow man : สวัสดีครับคุณต้นตระการ ใช่หรือเปล่าครับ เราจากฝ่ายกฏหมายธนาคารแสตนดาร์ตชาร์เตอร์นะครับ ทางคุณค้างชำระหนี้ทางธนาคารจำนวน ... จะเอาอย่างไรครับ ( ตะคอก )
ผม : ใจเย็นๆ นะครับ ตะกี้เพิ่งให้ทางธนาคารเช็คว่าผมไปเป็นลูกค้าธนาคารได้อย่างไร
Unknow man : ผมไม่ใช่ธนาคาร นี่ฝ่ายกฏหมาย คุณค้างชำระจำนวน ... จะจ่ายเมื่อไรครับ ( ตะคอก )
ผม : เฮ้อ คุณใจเย็น ๆ หน่อย ผมไม่ใช่ลูกค้าธนาคารคุณ กลับไปเช็คดีๆ และผมจะไม่จ่ายอะไรทั้งสิ้น ( สุภาพ แต่ห้วนๆ )
Unknow man : คุณค้างชำระ ... อยากให้ยอดเยอะกว่านี้ใช่ไหม ? ( สัญญาณโทรศัพท์ชักจะไม่ชัด )
ผม : ไม่ได้ค้าง และจะไม่จ่ายอะไรทั้งสิ้น พูดใหม่สิ สัญญาณคุณไม่ชัด
Unknow man : " ป๋อง แป๋ง วิ๊ด วิ๊ววว #@%#$)__+ ..... " ตุ๊ด ๆ ๆ และแล้วสัญญาณก็ขาดหายไป ... และไม่ได้มีการติดต่อใด ๆ กลับมา

สรุป มันคือกลุ่มมิจฉาชีพครับ ที่จะมาหลอกล่อเอาเงินกับเรา มันเข้าใจสร้างเรื่อง สร้างระบบมาหลอกนะครับ ยอมรับว่าตอนแรก งง ๆ แถมตกใจ หลงเชื่ออีกด้วยว่า น่าจะมีใครเอาสำเนาบัตรประชาชนเราไปขออนุมัติวงเงินจริง ๆ กับทางธนาคาร


ผมเลยเช็ครีบหาช่องทางติดต่อธนาคาร ได้เรื่องมาตามนี้ ...

เรื่อง การล่อลวงข้อมูลลูกค้า จากกลุ่มมิจฉาชีพ
เรียน ลูกค้าผู้มีอุปการคุณทุกท่าน

เนื่องจากปัจจุบัน มีกลุ่มมิจฉาชีพพยายามใช้วิธีต่างๆ ล่อลวงข้อมูลของลูกค้าธนาคารพาณิชย์ เพื่อนำไปแสวงหาประโยชน์ในทางที่มิชอบ เช่น โทรศัพท์ติดต่อลูกค้า / ประชาชน และแอบอ้างเป็นพนักงาน หรือตัวแทนของธนาคาร อ้างว่าท่านมีหนี้อยู่กับธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ ( ไทย ) จำกัด ( มหาชน ) หรือกระทำการหลอกลวงให้ท่านหลงเชื่อว่ากำลังติดต่ออยู่กับระบบโทรศัพท์อัตโนมัติของธนาคาร เพื่อให้ท่านเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว และ / หรือ โอนเงินไปให้กลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าว ซึ่งการแอบอ้าง และล่อลวงดังกล่าว ได้เกิดขึ้นกับลูกค้าของหลายธนาคารก่อนหน้านี้ ตลอดจนแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ตามที่ปรากฏในเอกสารข่าวธนาคารแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 56/2550 ลงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2550

ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ ( ไทย) จำกัด ( มหาชน ) ขอเรียนให้ท่านโปรดระมัดระวังในการให้ข้อมูลส่วนตัวของท่าน รวมทั้งการทำรายการที่
เครื่องโอนเงินอัตโนมัติ โดยกรณีที่ท่านไม่ได้เป็นผู้ร้องขอ หากท่านมีข้อสงสัยจากการติดต่อของผู้ที่แจ้งว่าเป็นพนักงาน หรือตัวแทนของธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ ( ไทย ) กรุณาติดต่อศูนย์บริการลูกค้าธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ ( ไทย ) ที่ โทร. 1595

นอกจากนี้ หากหมายเลขโทรศัพท์ที่ติดต่อเข้าไปจากธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ ( ไทย ) ไม่ได้ขึ้นต้นด้วย 02-724-xxxx ขอให้ท่านตรวจสอบกับศูนย์บริการลูกค้าของธนาคารก่อนกระทำรายการใดๆ

ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ ( ไทย ) จำกัด ( มหาชน )
23 พฤศจิกายน 2550

http://www.standardchartered.co.th/t...deception.html


และปรึกษาผู้บริหารที่ทำธุรกรรมทางการเงินของบริษัท ฟังแล้วสบายใจครับ .. ชัวร์ว่า กรณีของผมนี้ถูกสร้างเรื่องขึ้นมา เพื่อหลอกเอาเงินจากน้ำมือพวกมิจฉาชีพโดยเฉพาะ ... เลยนำเรื่องต่าง ๆ มาเล่าสู่กันนะครับ เพราะว่าครั้งนี้โดนกับตัวเอง ได้รับถ่ายทอดความรู้สึกเอง ขออย่าให้มันสามารถหลอกลวงใครได้อีกต่อไป และขออย่าให้สุจริตชนทั้งหลายต้องตกเป็นเหยื่อของมัน พวกเดนสังคมมนุษย์ ที่เรียกว่า " มิจฉาชีพ " ครับ ...

Mr.Tontrakarn
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #16 เมื่อ: 20 กุมภาพันธ์ 2551, 13:20:00 »

ระวังลูกหลานจากภัยร้าย ในสนามเด็กเล่น-บ่อทะเลบอลล์

Emile ... ส่งมาจาก Netherland

McDonalds, Burger king, Ikea, ... All places with ball pits ( Ballen kinder hok) in the children's play area.

One of my sons lost his watch, and was very upset. We dug and dug in those balls, trying to find his watch. Instead we found vomit, food, feces, bacteria, and other stuff I do not want to add. I went to the manager and raised hell. Come to find out, the ball pit is only cleaned out once a month. I have doubts that it is even done that often. My kids will never play in another ball pit. Some of you might not be parents, but you may have nieces, nephews, grandchildren, or friends with children. This might pertain to you too. As I read the following, my heart sank. I urge each and every one of you to pass this on to as many people as you can. I cannot stress how important this is !

Hi, My name is Lauren Archer, my son Kevin and I lived in Midland Usa . On October 2nd, 1999 I took my only son to McDonald's for his 3rd birthday. After he finished lunch, I allowed him to play in the ball pit ( kinder ballen hok). When he started whining ( huilen, Zeuren ) later on, I asked him what was wrong, he pointed to the back of his pull-up and simply said " Mommy, it hurts. "

I couldn't find anything wrong with him at that time. I bathed him when we got home, and it was at that point when I found a welt ( rode plek ) on his left buttock, ( Linker bill ). Upon investigating, it seemed as if there was something like a splinter under the welt. I made an appointment to see the doctor the next day, but soon he started vomiting ( overgeven ) and shaking, then his eyes rolled back into his head ( je zag allen het wit van zijn ogen ). From there, we wnt to the emergency room. My son died later that night. It turned out that the welt on his buttock was the tip of a hypodermic needle ( stukje van een gebruikte injectie naald ), that had broken off inside. The autopsy ( onderzoek) revealed that Kevin had died from a heroine overdose. The next week, the police removed the balls from the ball pit. There was rotten food, several hypodermic needles: some full, some used, knives, half-eaten candy, diapers, feces, and the stench ( stank ) of urine. ( You can find the article on Kevin Archer in the October 10,1999 issue of the Midland Chronicle via Google ).

Don't think it's just McDonald's either. A little boy had been playing in a ball pit @ a Burger King & started complaining of his legs hurting. He later died too. He was found to have snake bites all over his legs & buttocks. When they cleaned the ball pit they found that there was a copperhead's nest ( slangen nest ) in the ball pit. He had suffered numerous bites from a very poisonous snake.

Repost this if it scares the crap out of you !! Repost this if you care about kids !! Please forward this to all loving mothers, fathers and anyone who loves and cares for children !! What has this world come to ?? If a child is not safe in a child's play area then where ??

In Florida and other places on the East Coast a group of people are putting HIV / AIDS infected and filled needles underneath gas pump handles, so when someone reaches to pick it up and put gas in their car, they get stabbed with it. 16 people have been a victim of this crime so far and 10 tested HIV positive.

Instead of posting that stupid crap about how your love life will suck for years to come if you don't re-post, post this. It's important to inform people, even if you don't drive, a family member might, and what if they were next ?

What a sick, sick world were living in huh.
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #17 เมื่อ: 21 กุมภาพันธ์ 2551, 19:26:01 »

ระวังไวรัสคอมพิวเตอร์ตัวใหม่นะ

นายสัตวแพทย์ สากล 16 ... ส่งมา

ห้ามเปิดดู mail จาก pavlo_88@hotmail.com เด็ดขาด เพราะนี่เป็นไวรัสที่จะมาทำลายข้อมูลในคอมพิวเตอร์ของคุณทั้งหมด ... ช่วยส่งข่าวนี้ให้เพื่อนของคุณทุกคนด้วย เพราะมีคนโดนมาแล้ว
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #18 เมื่อ: 21 กุมภาพันธ์ 2551, 23:40:10 »

หม้อไฟมรณะ

พี่วิวิธ - วิศวะ 07... ส่งมา

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อสัก 3 ชั่วโมงที่ผ่านมานี่เองครับ กลับมาถึงบ้านก็พิมพ์เลย อยากเล่าให้คนอื่น ๆ ฟังเป็นข้อเตือนใจ สำหรับการเลือกสั่งอาหารที่อาจจะทำให้เราหมดสภาพการเป็นสิ่งมีชีวิตก่อนเวลาอันควรได้ครับ

เรื่องมีอยู่ว่าหลังงานรับปริญญาที่ห้องแล็บ ผมก็ถือโอกาสฉลองบัณฑิตใหม่ รวมทั้งฉลองวันเกิดผู้อาวุโสสูงสุดของห้องเราไปด้วย ที่ร้านคาราโอเกะชื่อดัง ตรงข้ามกับม.เกษตร ชื่อเกี่ยวกับของเขียว ๆ ที่เจ้แกคุยนักคุยหนาว่าเจ๋งสุด ๆ บรรยากาศก็เป็นไปด้วยดีครับ อาหารอร่อย ห้องสวย น้อง ๆ พนักงานก็ใช้ได้ บนโต๊ะของเราก็มีแกงส้มชะอม กุ้งแช่น้ำปลา ปลาช่อนร่าเริง และอะไรอีกหลายอย่างที่ผมก็นั่งโจ้กันอย่างมัน เคล้าเสียงร้องที่ไปคนละทิศละทางกับอาหารตรงหน้า

แต่ที่ถือว่าเป็น hilight ของอาหารที่สั่งมา คงจะเป็น " รวมมิตรทะเลแซบ " ที่เป็นหม้อไฟ น้ำซุปสีเข้ม หอมกลิ่นเครื่องเทศ พร้อมของทะเล และผักสด ๆ ซึ่งพวกเราก็กระดี๊กระด๊า ตักซดคนละถ้วยสองถ้วย รสชาตินั้นดีทีเดียวครับ เหตุการณ์ผ่านไปอย่างคึกครึ้น แต่บางอย่างที่ผิดปกติกำลังจะเกิดขึ้น...

ไม่นานหลังจากร่วมกันตะเบ็งเสียงกันในเพลง " น้องเปิ้ลน่ารัก " และขอเปลี่ยนถ่าน และเติมน้ำซุปในหม้อไฟแสนอร่อย ผ่านไปสักห้านาทีได้ ... รองอาวุโสของเราก็เกิดอาการวูบ ! ขาพับลงไปตรงหน้าห้องคาราโอเกะหลังจากที่พึ่งกลับขึ้นมาจากห้องน้ำ พวกเราก็ช่วยกันพยุงเข้ามาในห้อง และขอให้ผู้อาวุโสสูงสุดลงไปหยิบยาดมในรถมา แต่พอเจ้ใหญ่แกจะก้าวกลับเข้ามาในห้องเท่านั้นแหละ แกก็เป็นลมตาเหลือกหงายหลังลงไปทันที !

พวกเราทิ้งไมค์ วิ่งไปปฐมพยาบาลกันใหญ่ และพี่ ๆ คนอื่นก็เริ่มมีอาการวิงเวียนเพราะก้ม ๆ เงย ๆ กันอยู่นาน จนต้องนอนลงไปกับพื้นระเบียงตรงหน้าห้อง ... น้องพนักงานก็วิ่งหายาดมมาให้ คนที่ร้องอยู่ห้องข้าง ๆ ก็เริ่มออกมาดู และซุบซิบกันว่าคนแก่พวกนี้ทำไมถึงเมากันเหลวแหลกขนาดนี้ ... คนข้างนอกมองก็คงจะว่า เจ้ ๆ แค่เป็นลมเพราะเมาจัด ... แต่นั่นต่างหากที่เป็นเรื่องผิดปกติที่สุดของพวกเรา เพราะรองอาวุโสไม่ได้แตะน้ำยอดข้าวเลยสักหยดเดียว แถมผู้อวุโสสูงสุด และคนที่นอนแผ่ตามๆ ลงไปนั้น ความทนทานต่อแอลกอฮอล์ ถือว่า " ระดับคอแพททินัม " กันเลยทีเดียว

แต่ประโยคที่ทำให้ทุกคนหันไปมองน้องพนักงานกันเป็นตาเดียวก็คือ .... " หม้อไฟนี่ อีกแล้ว " พวกเราก็แทบจะพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า " มิน่าล่ะถึงมึน ๆ หัวกันทุกคนเลย " แต่ด้วยเพราะหลายคนดิงค์ไปบ้างแล้ว จึงคิดว่าตัวเองอาจจะมึนเพราะเหล้า แต่ก็นั่นแหละ ... ก็ยังสงสัยว่าทำไมเมาเร็วจัง ( บอกแล้วว่า ระดับคอแพททินัมกันทั้งนั้น ... เหล้าครึ่งขวดเมาก็บ้าแล้ว ) ส่วนรองอาวุโสก็เข้าใจว่าตัวเองอยู่ในช่วง jet lag เพราะพึ่งกลับมาจากภารกิจต่างประเทศ ก็เลยไม่ได้บอกกันว่าเกิดเรื่องผิดปกติกับตัวเอง คือต่างคนต่างมึนหัวกันทั่วหน้า

หลังจากน้องพนักงานไล่เปิดหน้าต่าง และเอาพัดลมยักษ์มาเป่าระบายในห้องให้ ก็มานั่งวิเคราะห์กันว่าเพราะห้องที่เรานั่งกันอยู่นั้น ไม่มีพัดลมระบายอากาศสักตัว ทำให้หม้อไฟที่ต้องใช้ออกซิเจนในการเผาไหม้ถ่านไม้ ( แถมขอเติมถ่านอีกตะหาก ) แย่งเอาอากาศออกซิเจนไปใช้หมด เช่นเดียวกับกรณีคนเสียชีวิตจากการจุดตะเกียงไว้ในเตนท์ หรือจุดตะเกียงน้ำมันหอมไว้ในห้องแอร์ ซึ่งเพื่อนบางคนก็เอะใจตั้งแต่แรก ที่ไม่เห็นพัดลมดูดอากาศ แต่ก็ไม่ติดใจอะไร

ข้อหนึ่งที่ดูน่าอันตรายมาก ถ้าหากมีใครบางคนฟุปไป แล้วเพื่อนเข้าใจว่าเมาจนหลับ ... อาจจะไม่มีวันตื่นขึ้นมาอีกเลยก็ได้ พวกเราก็ได้แต่คอมเมนท์ผ่านน้องพนักงานไปว่า ต้องบอกเจ้าของร้านนะว่า ต้องติดพัดลมระบายอากาศ หรือเตือนคนที่เข้ามาใช้ห้องว่า ถ้าสั่งอาหารประเภทนี้มากินต้องเปิดหน้าต่าง หรือยกเลิกรายการนี้ไปเลยก็ยิ่งดี

แหมก็มันน่านัก ... ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์อย่างนี้บ่อย ๆ ก็น่าจะเตือนกันบ้างนะ ต่อไปใครจะสั่งอาหารอะไร ก็คงไม่แค่นึกถึงรสชาติอย่างเดียว แต่ต้องดูบรรยากาศรอบ ๆ ด้วยว่ามันจะเป็นอาหารจานมรณะ ส่งเราลงนรกกันไปได้ง่าย ๆ ซะอย่างนั้นหรือเปล่า

เอ่อ ... ใครรู้จักเจ้าของร้าน หรือหุ้นส่วน ฝากเตือนด้วยนะครับ เพราะรู้ว่ามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว ต่อไปช่วยกันไม่ทัน มานอนไหลตายในร้าน ... อนาคตเดี๋ยวจะเปลี่ยนจากร้านคาราโอเกะไปเป็นบ้านผีสิง ให้พี่กมลแกมาทำรายการ " ล่าวิณญาณ " เอานา ... แล้วจะหาว่า " ข้อย สิ บ่ บอก "
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #19 เมื่อ: 25 กุมภาพันธ์ 2551, 22:53:18 »

ระวัง ! วิธีการขโมยรถแบบใหม่

มนูญ - วิศวะ 16 ... ส่งมา

เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ๆ กับตัวผมเอง ที่ระยองนี่แหละ เมื่อวันที่ 29 JUL ตอนหกโมงครึ่ง ผมได้ขับรถยนต์เพื่อไปทำธุระ และได้แวะจอดรถซื้อของที่ห้าง โลตัส ระยอง โดยที่มีน้องที่ทำงานเดียวกันนั่งติดรถมาด้วย ผมให้เขานั่งรอในรถ หลังจากที่ซื้อของ และกลับออกมาจากห้าง ก็พบน้องที่มาด้วยกันวิ่งหน้าตาตื่นมาหา

บอกว่ามีคนมาหักสายอากาศวิทยุรถ หลังจากสอบถามแล้วได้ความว่า มีผู้ชายอายุราวๆ 30 กว่าๆขี่ มอเตอร์ไซค์ HONDA WAVE ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เข้ามาจอดด้านข้างคนขับ แล้วโน้มตัวมาดึงสายอากาศขึ้นยาวประมาณคืบนึง แล้วพยายามหัก น้องที่นั่งอยู่ในรถเห็นเข้า จึงได้เคาะกระจกแล้วชี้ถามว่า " จะทำอะไร " ชายคนนั้นมองหน้าแล้วลงมือหักต่อ น้องที่นั่งอยู่จึงเปิดประตูแล้วเดินออกมาหา ชายคนนั้นค่อยๆ ขี่มอเตอร์ไซค์หนีไปอย่างไม่เร่งรีบ แต่ไม่ให้จับได้ทัน น้องที่มาด้วยกัน นึกได้เลยดึงกุญแจรถออก ล๊อครถ แล้ววิ่งไล่ตาม จนมาพบผมที่กำลังออกมาจากตัวห้าง

เหตุการณ์ลักษณะนี้ ได้โทร.คุยกับเพื่อนที่กรุงเทพ เขาบอกว่ามีคนเคยโดนเหมือนกัน เจตนาคือจะหารถคันที่มีคนอยู่ในรถ และมีกุญแจเสียบค้างอยู่ โดยทำทีเข้าประทุษร้ายตัวรถให้เราเห็น แล้วจะค่อยๆ หนีออกไปโดยให้เราวิ่งไล่ตาม ซึ่งจะมีคนร้ายอีกคนซุ่มอยู่ ขึ้นขับรถหนีออกไป โดยรูปแบบมีหลายวิธีกับเหยื่อ ซึ่งวิธีนี้เป็นรูปแบบนึงที่ใช้กับเหยื่อที่เป็นผู้ชาย ที่ไม่กลัว และหลงเชื่อวิ่งไล่ตามเอาเรื่องคนร้าย

ผมอยากฝากเตือนเพื่อนๆ ทุกคนให้ระวังพวกมิจฉาชีพ โดยเฉพาะกับห้างที่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่สุดห่วย ที่มีสถิติรถหายให้ได้ยินกันบ่อยๆ เพราะสังเกตจากตอนนำรถเข้าจอดจะมีการแจกการ์ดพลาสติกให้คนขับเก็บเอาไว้ แล้วส่งคืนตอนออก โดยบนการ์ดไม่มีการบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับทะเบียนรถคันนั้นๆ เลย ซึ่งต่างจากที่จอดรถที่เรียกเก็บตังค์ บางที่ที่มีบันทึกเวลาเข้าออก-เลขทะเบียนด้วย โดยจะมีเสากั้นไม่ให้ผ่าน ถ้าไม่มีบัตรผ่านที่รับเอาไว้ตอนแรก ซึ่งโอกาสที่รถจะหายมีน้อยกว่าครับ
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #20 เมื่อ: 26 กุมภาพันธ์ 2551, 01:15:23 »

อย่าทิ้งกุญแจบ้านไว้ในรถ ที่เอาไปซ่อม

หนูปู-ปาริชาติ ... ส่งมา

ผู้หญิงควรอ่านเรื่องนี้ ... เมื่อคุณนำรถเข้าอู่ซ่อม อย่าลืมทำสิ่งต่อไปนี้

1. มอบเฉพาะกุญแจรถให้ช่างซ่อม ... นำกุญแจบ้าน , กุญแจล็อคเกียร์ หรือกุญแจอื่นๆ ออกจากรถ มาติดตัวไว้

2. เอาสติ๊กเกอร์ หรือนามบัตรที่แสดงที่อยู่ของคุณออก เพื่อพวกเขาจะได้ไม่รู้ว่าคุณอาศัยอยู่ที่ไหน


ลูกสาวของเพื่อนดิฉัน นำรถเข้าไปรับบริการในบริษัทยางแห่งหนึ่งที่รู้จักกันดี เพื่อซ่อมยางที่แบน ขณะที่เธอกำลังรอ เธอไม่ทันได้ฉุกคิด จึงยื่นกุญแจทั้งพวงให้กับบริกร และรอ เธอไม่รู้ว่าที่อู่ซ่อมรถเกือบจะทุกแห่งล้วนมีเครื่องปั๊มกุญแจ หนึ่งในบริกรได้ปั๊มกุญแจอพาร์ทเมนท์ของเธอไว้ และสองวันผ่านไป มันเข้าไปในอพาร์ทเมนท์ของเธอกลางดึก และข่มขืนเธอ

เธอใช้บริการซ่อมรถอยู่บ่อยครั้ง และพวกมันมีข้อมูลต่างๆ ของเธออยู่ในคอมพิวเตอร์ เช่น เธอพักที่ไหน เบอร์โทรศัพท์อะไร ไอ้เลวนั่นโดนจับเมื่อเดือนก่อน ตำรวจพบว่ามันเคยทำเหตุการณ์ระยำอย่างนี้มาแล้ว ขณะนี้มันอยู่ในคุก แต่ลูกสาวเพื่อนดิฉันกำลังพยายามดำรงชีวิตต่อไป

โปรดเตือนทุกคนให้แยกกุญแจอื่นๆ ออกจากกุญแจรถ บางทีอาจช่วยผู้หญิงคนอื่นๆ จากเรื่องน่าสลด-หดหู่แบบนี้ได้อีกมาก
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #21 เมื่อ: 09 มีนาคม 2551, 12:50:44 »

เตือนทุกๆ คนว่าอย่าหลงไปถนนเลียบทางรถไฟ สามเสน ยามค่ำคืน

เพลินจันทร์ - อักษร 16 ... ส่งมา

เพื่อนพี่ของข้าพเจ้าบังเอิญมีโอกาสหลุดเข้าไปถนนสามเสนเลียบทางรถไฟ ซึ่งหลายๆ คนรู้ว่าแถวนั้นมีแกงค์มอเตอร์ไซค์ซิ่งนับร้อยคัน จองถนน อย่างอิสระ เรื่องไม่ใช่แค่นั้น เพราะคืนนั้นกลุ่มของเพื่อนพี่ข้าพเจ้าไปเที่ยวกลางคืน แล้วขับรถกลับบ้าน แต่ความที่แกเป็นคนไม่ชำนาญทางเท่าไรนัก และไม่รู้ว่าขับรถอีท่าไหนจึงหลงเข้าไปที่ถนนสามเสนเรียบทางรถไฟ ซึ่งพวกพี่ๆ มีกัน 4 คน ชาย 2 หญิง 2 และพวกมอเตอร์ไซค์นับร้อยๆ พวกนั้นก็ไม่ได้มาแค่แข่งรถอย่างเดียว เพราะสวะสังคมพวกนี้ทำตัวคล้ายโจรด้วยการขับประกบรถเก๋งคันที่พวกเพื่อนพี่ของข้าพเจ้าขับกันอยู่ แต่โชคดีที่คนโดยสารในรถพอจะรู้กิตติศัพท์ของถนนเส้นนี้มาบ้าง จึงบอกให้พี่ผู้หญิง 2 คนในรถก้มหน้าลงไปให้ดูเหมือนหลับ แล้วบอกให้พี่คนขับรีบเร่งรถเพื่อหนี ไม่ต้องสนใจ ถ้าชนใคร พวกมันมาล้อมรถเยอะมากๆ แต่พวกพี่ๆ เค้าก็ขับประคองพาหนีมาได้ ขณะที่กำลังแซงรถหนีอยู่นั้น ข้างทางก็มีพวกมันยืนล้อมวงกันอยู่ โดยพวกพี่ๆ เค้าเห็นกับตาว่าพวกมันกำลังต่อคิวกันข่มขืนผู้หญิงกันอยู่ โดยพวกพี่ๆ เค้าก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย ต้องรีบเอาตัวเองให้รอดไว้ก่อน เพราะพี่เค้าก็มีพี่ผู้หญิงมาด้วย จะไม่ปลอดภัย

ข้าพเจ้าได้ยินหลายๆ คนเล่ามาว่า บางทีมันก็ล้อมรถเก๋ง แล้วกระชากผู้หญิงจากรถลงมาเพื่อข่มขืน และปล้นรถ พี่เค้าถึงได้ให้เพื่อนผู้หญิงอีก2 คนหมอบลงไป แล้วตำรวจล่ะไม่รู้เหรอ ? บ้านเมืองล่ะ ไม่มีขื่อมีแปรเหรอ ? คงต้องเป็นคำถามกันต่อไป จึงอยากฝากให้ทุกๆ คนฟอร์เวิอร์ดเมลนี้เพื่อเตือนทุกๆ คนว่า อย่าหลงไปถนนนั้นยามค่ำคืน และเผื่อว่ามันจะไปเข้าหูผู้พิทักษ์สันติราษฎ์ดีๆ ซักคนที่อาจจะยังมีหลงเหลืออยู่
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #22 เมื่อ: 09 มีนาคม 2551, 16:27:33 »

อันตรายที่ Food Center

พี่ชรินทร์ 07... ส่งมา

การวางจานอาหารจองโต๊ะที่ Food Center ไว้ แล้วไปซื้ออย่างอื่นเพิ่มเติม อาจเป็นอันตรายเนื่องจากมิจฉาชีพจะทำทีมาหยิบทิชชู แล้วแอบใส่ยานอนหลับอย่างแรงแล้วออกไป จากนั้นแกล้งเข้ามาถามทาง เมื่อเห็นอาการเราแล้วสงสาร จึงอาสาพาส่งโรงพยาบาล ประคองขึ้นรถไปปลดทรัพย์ และข่มขืน เน้นว่าต้องข่มขืน เพื่อให้อับอายไม่กล้าแจ้งตำรวจ

---------------------------------------------------------

นางผาสุก อายุ ๒๘ ปี เข้าไปจับจ่ายซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เมื่อรู้สึกหิว จึงแวะที่ศูนย์อาหารของห้าง ที่นั่นมีผู้คนพลุกพล่าน เธอจึงไม่ทันสังเกตถึงสายตาประสงค์ร้ายสองคู่กำลังจับจ้องตนเองอยู่ โดยมีเครื่องประดับมีค่าบนตัวเป็นเป้าหมาย ผาสุกทิ้งอาหารไว้บนโต๊ะเพื่อไปซื้อเครื่องดื่ม จึงเป็นโอกาสของคนร้ายที่จะลงมือปฏิบัติการ จริยา ( นางนกต่อ ) 1ในแก็งฟ้าสฟู้ดซึ่งนั่งห่างออกไปไม่ไกลนัก รีบเดินมาที่โต๊ะของผาสุกทำทีเป็นหยิบทิชชูบนโต๊ะ ด้วยความรวดเร็วแอบเทยานอนหลับอย่างแรง ใส่ลงไปในอาหารทีผาสุกวางทิ้งไว้ แล้วทำทีเป็นเดินเลือกซื้ออาหารตามร้าน ผาสุกกลับมาที่โต๊ะพร้อมน้ำดื่ม และเริ่มต้นรับประทานอาหาร ขณะที่จริยาก็หาที่นั่งที่ใกล้ที่สุด ... ทำทีดื่มน้ำ

" ตอนนั้นไม่ได้สงสัยอะไร ที่ผู้หญิงคนนั้นเขามานั่งใกล้ๆ เพราะ Food Center มันก็เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว อีกอย่างเห็นว่าเขาเป็นผู้หญิงด้วยกัน " ผาสุกให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพียงเวลาไม่นานที่ผาสุกรับประทานอาหารผสมยานอนหลับเข้าไป เธอก็เริ่มง่วงและมึนศีรษะ และนั่นคือโอกาสของแก็งมิจฉาชีพ จริยาตรงรี่เข้าไปทันที " ขอโทษค่ะ คืออยากจะถามว่าแผนกเครื่องสำอางนี่อยู่ชั้นไหน " ผาสุกพยายามตั้งสติ แต่ความง่วงมึนงงมันก่อตัวขึ้นรวดเร็วจนควบคุมไม่ได้ " คุณเป็นอะไรไปคะ ...ไม่สบายหรือคะ " จริยารีบเข้าประคองผาสุกให้ลุกขึ้น ซึ่งเธอก็หมดแรงจะขัดขืน " ฉันจะพยุงไปนะคะ สงสัยต้องไปโรงพยาบาลแล้วล่ะค่ะ " จริยา ( นกต่อ ) ประคองกึ่งลากผาสุกออกไปจากบริเวณนั้น โดยมีสายตาหลายคู่จ้องตามไป แต่ไม่มีใครสงสัย เพราะภาพที่เห็นทำให้คิดว่าผู้หญิงคนหนึ่งไม่สบาย และเพื่อนกำลังพาออกไปเท่านั้น ไม่มีใครสังเกตก่อนหน้านี้ว่าใครเป็นใคร มาคนเดียวหรือมากับใคร นอกจากมิจฉาชีพเท่านั้น ! ผาสุกให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไปว่า " ตอนนั้นเท่าที่จำได้ก็คือรู้สึกมึนงง เวียนหัว คล้ายจะเป็นลม หนังตามันจะปิดซะให้ได้ ฉันพยายามสู้กับมัน พยายามจะไม่หลับ แต่ก็ไม่มีแรง รู้แต่ว่ามีคนประคอง "

จริยานางนกต่อพยายามพยุงเหยื่อที่ใกล้หมดสติไปยังจุดนัดพบ ซึ่งที่นั้นไกรสร สมาชิกร่วมแก็งค์ทำทีเป็นคนขับวินรถจักรยานยนต์รับจ้างคอยท่าอยู่แล้ว ไกรสรตะโกนถาม " มอเตอร์ไซค์มั้ยพี่ " จริยารีบตอบ " ไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด " เพียงเท่านี้ก็ขจัดความสงสัยของคนรอบๆ ไปได้แล้ว จริยาก็พยุงผาสุกขึ้นรถจักรยานยนต์ซ้อนสามไปด้วยกัน ( บางแก็งค์ก็เป็นรถโดยสารประเภทอื่น ) แน่นอนคนร้ายมิได้นำเธอส่งโรงพยาบาล แต่กลับพาไปยังบ้านพักของตนเองที่ถนนลาดหญ้า เขตคลองสาน เมื่อมาถึงผาสุกพยายามลืมตามองรอบๆ ก่อนจะอาเจียนออกมาจนหมด สองมิจฉาชีพรีบประคองผาสุกเข้าไปภายใน มงคลหัวหน้าแก็งซึ่งรออยู่แล้ว ละลายยานอนหลับให้หญิงสาวดื่มอีก แต่คราวเธอปัดป้องจึงถูกจับกรอกแทน ทั้งคู่ช่วยกันปลดทรัพย์ จริยา ( นางนกต่อ ) หยิบกระเป๋าสตางค์ของผาสุกออกดูบัตรประชาชน " อยู่ไหน " เสียงมงคลถาม " แถวเยาวราช " จริยาตอบ มงคลพยักเพยิกให้จริยาออกไป แล้วจัดการปลดกระดุมเสื้อผาสุกหมายจะข่มขืน ซึ่งพวกมันมักจะทำเป็นประจำภายหลังจากรูดทรัพย์แล้ว แต่ครั้งนี้เหยื่อไม่มีท่าทีจะหมดสติเอาง่ายๆ

" ที่ฉันจำสถานที่ได้ เพราะฉันเคยไปมาก่อน และคงเป็นเพราะฉันอาเจียนออกมาหมดด้วย " ผาสุกให้การต่อไป " ตอนที่มาถึงบ้านคนร้าย ก็พยายามสำรวจว่าเราอยู่ที่ไหน รู้สึกว่ามันผิดปกติแล้ว แต่ไม่มีแรง พวกมันเอาน้ำมาให้กิน แต่คิดว่าเป็นยานอนหลับอีก ไอ้คนที่เป็นหัวหน้าพยายามลวนลาม ฉันเลยรวบรวมสติขัดขืน มันก็คงร้อนตัว " เมื่อเห็นว่าเหยื่อยังมีสติ คนร้ายจึงรีบร้อนพาเหยื่อออกจากบ้านโดยเร็ว คราวนี้ด้วยรถแท๊กซี่ซึ่งเป็นพวกเดียวกันนำเธอไปทิ้งไว้ไม่ไกลจากบ้านของเธอเอง " ตอนนั้นฉันเกือบจะไม่ได้สติแล้ว แต่ยังจำได้ว่าเป็นซอยบ้าน จึงพยายามเดินไปให้ถึง พอถึงบ้านก็หลับเป็นตายเลย "

ผาสุกสรุปคำให้การ ... เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้ง ภายหลังจากที่พยายามทบทวนเหตุการณ์อย่างหนัก เธอก็จำได้ว่าสถานที่ที่ถูกพาไปรูดทรัพย์นั้น ตนเองเคยไปทำธุระมาก่อนเมื่อไม่นานมานี้ เธอจึงชวนน้องสาวไปแอบดูสถานที่เพื่อความแน่ใจ " ใช่ ใช่ แน่ๆ นั่นไงมอเตอร์ไซค์คันนั้น นั่นไงรอยอ้วกของพี่ "

พฤติกรรมของมิจฉาชีพเหล่านี้ จะยังสามารถกระทำกับเหยื่อรายอื่นต่อไปได้อีกหลายครั้ง ถ้านางผาสุกไม่ตัดสินใจเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แก็งค์คนร้ายพวกนี้ความจริงตำรวจกำลังตามจับ เพราะก็ได้ข้อมูลพฤติกรรมพวกนี้อยู่ แต่ที่ผ่านมาไม่มีการแจ้งความ บางคนเป็นพยาบาล บางคนเป็นนักธุรกิจ ยิ่งถ้าโดนข่มขืนด้วยก็คงรู้สึกอับอาย เลยไม่มาแจ้งความ คราวนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบตัวได้ทั้งแก็ง พร้อมคำสารภาพ " ผมจะคอยเฝ้าดูอยู่ที่ Food Center ตามห้างต่างๆ คอยดูคนที่มีทองเยอะ ๆ ท่าทางฐานะดี ทำมาหลายครั้ง กว่า ๒๐ ครั้งได้ ยานอนหลับจะใช้อย่างแรงเลย ซื้อจากร้านขายยาที่บางแค เอามาบดผสมน้ำ ที่ผ่านมามักจะเป็นผู้หญิง รูดทรัพย์แล้วก็ข่มขืนด้วย เพื่อให้เขาไม่กล้าแจ้งความ "
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #23 เมื่อ: 25 มีนาคม 2551, 09:21:19 »

ระวังพวกมิจฉาชีพแอบเข้ามาในรถ

พี่วิวิธ - วิศวะ 07... ส่งมา

มีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งไปเติมน้ำมัน ตอนที่รูดเครดิตการ์ดเสร็จแล้ว  และกำลังจะออกจากปั๊ม ก็มีพนักงานคนหนึ่งเดินมาบอกว่า การ์ดที่รูดไปมีปัญหา ให้เธอรีบลงจากรถ และเข้าไปคุยกับเจ้าหน้าที่ของปั๊มด้วย

เพื่อนคนนี้ก็งงมาก เพราะคิดว่าตามปกติ ถ้ารูดบัตรไม่ผ่าน เครื่องจะไม่ออกสลิปให้ แต่นี่ก็ได้สลิปแล้ว จึงเอาสลิปให้พนักงานคนนั้นดู เพื่อยืนยันการจ่าย และบอกว่ามีธุระต้องรีบไป แต่พนักงานคนนั้นก็ยังยืนยันว่าเธอต้องไปคุยกับเจ้าหน้าที่อยู่ดี ( พูดประมาณว่าจะลงไปคุยดีๆ หรือเปล่า ? ) สุดท้ายเพื่อนก็จำใจลงจากรถ เมื่อเข้าไปในสำน้กงานได้ก็โวยใหญ่เลยว่าจ่ายตังค์แล้ว และพนักงานที่ไปเชิญเขาลงจากรถก็พูดกับเขาไม่ดีด้วย เจ้าหน้าที่ต้องรีบบอกให้เธอใจเย็นๆ และฟังเหตุผลของทางปั๊มก่อน

ทางปั๊มบอกว่า ตอนที่เติมน้ำมันรถเธออยู่ เห็นผู้ชายคนหนึ่งแอบเปิดประตูเข้าไปนั้งอยู่ข้างหลังเบาะด้านคนขับ ทางปั๊มเห็นว่าผิดสังเกต ว่าไม่น่าจะเป็นคนที่มาด้วยกัน จึงโทร.แจ้งตำรวจให้ และอยากให้เธอออกจากรถก่อน เพื่อความปลอดภัย พอได้ยินแบบนั้น เพื่อนก็ตกใจมาก รีบหันกลับไปดูรถตัวเองทันที จังหวะนั้นก็ทันเห็นผู้ชายคนหนึ่ง กำลังเปิดประตู และลงจากรถตัวเองอยู่พอดี

ภายหลังทราบว่า พวกนี้เป็นหนึ่งในรูปแบบของอาชญากรรมแนวใหม่ คือเป็นพวกค้าชิ้นส่วนอวัยวะของผู้หญิง โดยจะแอบเข้าไปในรถตอนที่คนขับรถซึ่งเป็นผู้หญิง เอารถแวะเข้าเติมน้ำมัน หรือแวะจอดซึ้อของตามร้านข้างทาง หรือตามห้างสรรพสินค้า วิธีการก็คือพวกนี้จะตัดเอ็นข้อเท้า เพื่อป้องกันไม่ให้เหยื่อหนี จากนั้นจะขับรถของเหยื่อเพื่อพาเหยื่อไปฆ่า และชำแหละอวัยวะออกเป็นส่วนๆ


ข้อควรระวัง

1. ให้ล็อครถทุกครั้งที่ต้องลงจากรถ แม้ว่าจะเป็นการแวะลงไปทำธุระ หรือซื้อของเพียงแค่ไม่กี่นาที

2. สำรวจหาบุคคลแปลกปลอมใต้ท้องรถ และเบาะด้านหลังทุกครั้งก่อนกลับขึ้นรถ

3. หมั่นสังเกตพฤติกรรมของคนรอบข้างอยู่เสมอ เมื่อออกนอกบ้าน โดยเฉพาะเมื่อต้องไปไหนในเวลากลางคืน
บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #24 เมื่อ: 25 มีนาคม 2551, 09:23:57 »

คนแปลกหน้าที่ร้านหนังสือ

พูลศรี Algaier - ครุ 16 ... ส่งมา

มี ลูก หลาน ภรรยา ญาติพี่น้องช่วยบอกต่อกันไปด้วย ... ผมมีตัวตนแต่ไม่ต้องการเปิดเผยชื่อ เรื่องต่อไปนี้จะเป็นตัวบอกว่า ทำไมผมจึงบอกไม่ได้

ประมาณสองสัปดาห์หลังปีใหม่ ภรรยาผมลางานเพื่อไปติดต่องานราชการ เสร็จแล้วแวะ Central ลาดพร้าว เพื่อหาซื้อหนังสือแนวที่เธอชอบอ่านที่ B2S ระหว่างที่กำลังเลือกหาซื้อหนังสืออยู่นั้น ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งอายุประมาณสามสิบเข้ามาทักทาย บอกว่าชอบหนังสือแนวสืบสวนสอบสวนเช่นกัน และมีหนังสือที่น่าสนใจหลายเล่มที่น่าอ่านมาก การสนทนาก็เป็นไปอย่างมีมิตรไมตรีต่อกัน เพราะจากลักษณะท่าทางและการแต่งตัวดูเหมือนเป็นคนทำงานทั่วไป แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ให้นามบัตรภรรยาผมมา ส่วนภรรยาผมก็ให้เบอร์มือถือเธอไป เพราะเห็นว่าเป็นผู้หญิงด้วยกัน

การติดต่อพูดคุยก็มีขึ้นเป็นระยะๆ และมีนัดเจอกันเพื่อให้หนังสือภรรยาผมมาอ่าน แล้วก็บอกว่าจะรีบไปทำงาน แต่หนังสือที่ให้มาเป็นหนังสือแนวสืบสวนธรรมดาที่ภรรยาผมเคยอ่านมาแล้ว จึงอยากจะคืนกลับไป

การนัดเจอกันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ผู้หญิงคนนั้นชวนทานข้าวเพราะเป็นช่วงเกือบเที่ยงวันแล้ว และได้แนะนำให้รู้จักผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งรออยู่ที่ Food Center เธอบอกว่าเป็นเพื่อนที่ทำงานชอบอ่านหนังสือแนวนี้เช่นกัน ผู้ชายคนนั้นถามภรรยาผม และผู้หญิงคนนั้นว่า จะทานอะไรจะไปซื้อมาให้ ด้วยความเกรงใจจึงทานเหมือนกันเป็นก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมู แต่ภรรยาผมก็พยายามจะขอตัวไปซื้อน้ำมาให้ แต่ทางผู้หญิงคนนั้นชิงเดินไปซื้อมาให้ก่อน พอนั่งทานไปได้ประมาณครึ่งชาม และดื่มน้ำไปหน่อย ภรรยาผมก็เกิดอาการมึนๆ และเริ่มง่วงนอน เพียงอีกไม่กี่นาทีต่อมาก็เริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ ผู้หญิงคนนั้นก็เข้ามาประคองตัวภรรยาผม แล้วพูดบอกผู้ชายว่า คงเป็นลมช่วยพาออกไปสูดอากาศข้างนอกหน่อย ตอนนั้นภรรยาผมบอกว่าไมสามารถพูดอะไรได้ ร่างกายยืนแทบไม่ไหว ระหว่างเดินผ่านตัวห้างมาลานจอดรถเห็นผู้ชายโทรศัพท์เพียงไม่ถึงหนึ่งนาที รถตู้สีขาวก็มาจอด
แล้วทั้งคู่ก็พาภรรยาผมขึ้นรถ วินาทีนั้นภรรยาผมบอกว่าเธอพยายามขัดขืนแต่ทั้งคู่ก็ใช้กำลังพาเธอขึ้นรถแล้วปิดประตูรถ

บนรถมีผู้ชายสองคนนั่งมาในรถด้วย เมื่อรถวิ่งออกจากห้างภรรยาผมพยายามร้องขอความช่วยเหลือ แต่ก็ไม่มีเสียง และผู้ชายที่นั่งอยู่บนรถเอามือมาปิดปากเธอไว้ พอรถวิ่งออกมาระยะหนึ่งผู้ชายที่เจอกันที่ Food Center เริ่มปลดเสื้อผ้าภรรยาผม เธอพยายามร้องขอความช่วยเหลือ และต่อสู้แต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรง ผู้ชายอีกสองคนที่นั่งรออยู่บนรถก็ช่วยกันถอด สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปคงไม่ต้องบรรยายกันอีก โดยมีผู้หญิงเป็นคนเก็บภาพเป็นระยะๆ เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่ทราบ รู้สึกตัวอีกที่ภรรยาผมถูกนำมาทิ้งที่ห้องน้ำหญิงของปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งแถวสุขาภิบาล 2 ย่านบางกะปิ

ผมไปรับเธอแล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้น เธอไม่พูดอะไร ได้แต่ร้องไห้และไม่ไปทำงานอีกเลย นั่งซึมอยู่กับบ้าน สามวันต่อมาคุณแม่ของภรรยาโทร.มาบอกว่ามีจดหมายลงทะเบียนส่งมาที่บ้านให้ไปรับ ผมก็ไปรับ แล้วเปิดออกดู มีภาพถ่าย พร้อมขอเงินสดสี่แสนบาทเป็นค่าฟิล์มและภาพถ่ายทั้งหมด ผมพูดไม่ออก ทุกความรู้สึกวิ่งพุ่งเข้ามาในใจ สับสน เสียใจ แค้นใจ เจ็บใจ ผมปรึกษาเรื่องนี้กับคุณพ่อ และเพื่อนท่านที่เป็นนายตำรวจ มีความเห็นเหมือนกันว่าต้องแจ้งความกับตำรวจ เพราะเงินสี่แสนครอบครัวเราคงหามาให้ได้ยาก ผมกับภรรยาเป็นเพียงลูกจ้างกินเงินเดือนเท่านั้น

ในวันส่งเงินตามนัดหมาย ตำรวจกองปราบวางแผนอย่างดี และสามารถจับพวกเดนสังคมได้สองคน ได้ฟิล์มและภาพจำนวนหนึ่ง และตำรวจกำลังตามจับพวกที่เหลืออีกสามคน แต่ก็ไม่แน่ใจว่าภาพถ่ายยังคงมีเหลืออยู่อีกหรือเปล่า ซึ่งหลังจากพวกมันถูกจับผมก็ได้รับโทรศัพท์ขู่ 2 ครั้งว่าจะนำภาพลงใน internet

ทุกวันนี้ภรรยาผมไม่ได้ทำงานอีกแล้ว อยู่บ้านด้วยอาการซึมเศร้า และไม่ต้องการพบปะกับใครเลย ส่วนผมก็ไม่กล้าออกไปไหนเช่นกัน ทำงานเสร็จก็กลับบ้าน ชีวิตความเป็นอยู่มีแต่ความกลัว ระแวง คิดมาก เหมือนเป็นโรคประสาท


ผมจึงอยากฝากบอกเรื่องราวของผมให้เป็นข้อมูลกับทุกคน ทุกวันนี้การหากินบนความทุกข์ร้อนของคนอื่นเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วครับ ขอบุญกุศลในการให้ข้อมูลนี้ ทำให้ชีวิตครอบครัวผมดีขึ้นด้วยเถอะ ... อย่าลืมบอกต่อๆกันไปด้วยครับ

พ. ศรีฯ
บันทึกการเข้า
  หน้า: [1] 2 3  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><