25 เมษายน 2567, 14:38:45
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
โพลล์
คำถาม: 1  (ปิดการโหวต: 13 มกราคม 2554, 05:48:05)
0 - 2 (100%)
0 - 0 (0%)
จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 6

  หน้า: [1] 2 3 ... 157   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: ๏】๏】๏】รูปเล่าเรื่อง【๏【๏【๏ *เรื่องเล่าจาก-หมูพจน์*  (อ่าน 920673 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
jingjok ۩ 2524
Cmadong ชั้นเซียน
*****


2524 รุ่นนี้-ไม่มีหลับ!!!
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,618

เว็บไซต์
« เมื่อ: 08 มิถุนายน 2551, 20:27:16 »

๏】๏】๏】คำปรารภ【๏【๏【๏

ข้อจำกัดของคนมี"ธีม"ในชีวิต ก็คือมักเป็นคนยึดติดกับกฎเกณฑ์ที่ตัวเองสร้างไว้ (ทำได้หรือไม่ได้ก็เป็นอีกเรื่อง) มีบางเรื่องอยากเล่าแต่ติดว่าบางครั้งไม่เกี่ยวกับกระทู้ที่ตัวเองตั้งไว้  หรือ บางเรื่องก็ไม่เกี่ยวกับหอ

จากที่เจอเพื่อนๆครั้งล่าสุด ทุกคนบอกเขียนเถอะ อะไรก็ได้  เลยบอกไปว่าถ้าจะเขียนก็คงเป็นเรื่องของตัวเองล้วนๆ ชาวบ้านอาจหมั่นไส้หรือไม่เข้าใจว่าคนเขียนกำลังจะสื่ออะไร เลยตกลงใจจะตั้งหัวข้อใหม่ เพื่อจะแหก"ธีม"ตัวเอง ไม่ต้องยึดติดเวลาว่าควรเรียงตั้งแต่ปีหนึ่งอะไรทำนองนั้น อยากเขียนถึงอะไรก็จะเขียน ไม่จำกัดว่าจะเป็นเรื่องหออย่างเดียว อาจเป็นเรื่องเมื่อวานหรือชาติที่แล้ว(ว่าไป) กลับไปกลับมาแล้วแต่อารมณ์อยาก...

เมื่อเข้าใจตรงกันแล้ว...ก็โปรดรออ่าน ๏】๏】๏】รูปเล่าเรื่อง【๏【๏【๏ ที่เป็นของจิ้งจกล้วนๆ และคงไม่ผิดที่จะขีดเส้นตีกรอบไว้ก่อนว่า ไม่ชอบก็ไม่ต้องเข้ามาอ่าน น่าน.. อหังการ- มิใช่น้อย

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้อง"ตามใจฉัน"วันไหนผีสิงก็อาจมีมากหรือบ่อย--วันไหนมาน้อยก็อย่าด่ากันนะครับ...

ออกตัวกันไว้ขนาดนี้แล้วก็...

โปรดติดตาม...


เรื่องที่ 1 หอเจ้าจอมในความจำ(ของจิ้งจก)
บันทึกการเข้า

2524

บอยถาปัด
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 56

« ตอบ #1 เมื่อ: 08 มิถุนายน 2551, 20:51:18 »

เข้ามาอ่าน พร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ชื่นชมยินดี ที่เพื่อนจิ้ง ลงมือซะที
เป็นกำลังใจ และจะติดตามเสพตลอดไป

และหากโดนกระตุ้น แรงบันดาลใจมากๆ
ก็จะตามรอย เขียนเรื่องตัวเองบ้างก็ได้
รู้สึกตัวเหมือนกันว่า ชีวิตเด็กบ้านนอก
ที่ต้องมาเป็นสถาปนิกในเมืองหลวง นั้น
 มีทั้งฮา ตื่นเต้นหวาดเสียว และน้ำตา
มากพอจะเป็นพร็อท นิยายดีๆ
กะเค้าเหมือนกัน อิ อิ

ปลายปีหน้า ถ้างานมีเนื้อมีหนัง
จะได้ระดมทุน ต่อยอดเพื่อผลทาง
ธุระกิจต่อไป ( อย่าปฏิเสธ วิธีคิดนี้นะ
เดี่ยวไม่มีเงิน ซื้อโครงการ นิคม สว  ของเพื่อนตี้)
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #2 เมื่อ: 09 มิถุนายน 2551, 05:02:02 »

เอ! เขียนเรื่องของพี่ๆ แต่ไม่ได้บอก....เนียนได้ ถามได้ ปาดได้หรือไม่ ถ้าได้ก็สวย เพราะsheมักมองอะไรไม่เหมือนชาวบ้าน จะถาม จะขุด แคะแกะเกาให้อักเสบ เอ,นั่นสิวนี่หว่า นอกเรื่องอีกแร๊ะ  :lol:  :lol:
nn.27
บันทึกการเข้า


ตี้ถาปัด
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2524
คณะ: สถาปัตยกรรมศาสตร์
กระทู้: 10,337

« ตอบ #3 เมื่อ: 09 มิถุนายน 2551, 09:27:35 »

เอาเลยเพื่อน รออ่านอยู่
บันทึกการเข้า

2437041
หนุ่ม2524
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2524
กระทู้: 1,042

« ตอบ #4 เมื่อ: 09 มิถุนายน 2551, 11:27:58 »

รอติดตามอยู่ครับ มาลงชื่อเชียร์
บันทึกการเข้า
jum2524
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,077

« ตอบ #5 เมื่อ: 09 มิถุนายน 2551, 11:40:08 »

อยากเล่า อยากเขียนอะไรได้เลย..แล้วจะรอติดตามจ้ะ..ก็แหม!!..ฝี(ปาก)มือเก่งกล้าขนาดนี้..:lol::lol:
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #6 เมื่อ: 09 มิถุนายน 2551, 21:00:33 »

ช่วงที่พีๆยังไม่เริ่ม เราตั้งวงรัมมี่ วงส้มตำ....รอ!
nn.27(เตรียมครกเสร็จ)
บันทึกการเข้า


jingjok ۩ 2524
Cmadong ชั้นเซียน
*****


2524 รุ่นนี้-ไม่มีหลับ!!!
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,618

เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: 09 มิถุนายน 2551, 21:29:25 »

ตั้งชื่อเรื่องซะดิบดีว่า๏】๏】๏】รูปเล่าเรื่อง【๏【๏【๏ เพราะคิดแผนไว้ในใจว่าจะเอารูปมาลงมากกว่าเรื่อง  ตอนนี้กลับมีปัญหาว่าเรื่องน่ะเขียนจบแล้ว แต่ดันหารูปมาเล่าประกอบเรื่องไม่ได้ซะนี่....

แต่ไหนๆแล้ว อุตส่าห์เขียนจนจบ--จัดได้ว่ามหัศจรรย์ดีแท้

ก็ขอตัดใจลงเรื่องโดยไร้รูปก่อนแล้วกัน (ผิด"ธีม"จนได้)

เพราะรูปหาได้ง่ายกว่าเรื่อง...ขอเอารูปมาแปะทีหลังแล้วกันนะครับ......

เรื่องแรกที่จะนำเสนอ--ก็คือ
หอเจ้าจอมในความจำ(ของจิ้งจก)
บันทึกการเข้า

2524

jingjok ۩ 2524
Cmadong ชั้นเซียน
*****


2524 รุ่นนี้-ไม่มีหลับ!!!
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,618

เว็บไซต์
« ตอบ #8 เมื่อ: 09 มิถุนายน 2551, 21:33:31 »

หอเจ้าจอมในความจำ(ของจิ้งจก)


ทุกๆทีที่ผ่านมาบุญครองเซ็นเตอร์ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ อิริยาบถมาตรฐานที่คนไปด้วยจะต้องเห็นคือฉันจะต้องทำตัวตรง  หน้ายื่น(หูตั้ง-หางกระดิก)มองไปที่ห้าง(แม้ว่าจะเห็นเพียงป้ายโฆษณา) แล้วคนที่ไปด้วยก็จะเห็นรอยยิ้มบางๆของฉัน บางครั้งอาจเป็นยิ้มขำๆ บางครั้งก็เป็นยิ้มเศร้าๆ หรือบางครั้งก็อาจจะขำก๊ากออกมาอย่างไร้สาเหตุ ซึ่งองค์ประกอบที่มาของรอยยิ้มนั้นก็สุดแต่ความหลังที่มันผุดมาในตอนนั้นว่าเป็นเรื่องอะไร  ราวกับตั้งโปรแกรม Shuffle ไว้ใน Winamp เดาไม่ได้ว่าเพลงต่อไปจะช้าหรือเร็ว เป็นเพลงคลาสสิกหรือว่าหมอลำ…

สำหรับคนที่ต้องการทราบรายละเอียดในเชิงประวัติศาสตร์ ของหอเจ้าจอมนั้นอาจต้องไปหาอ่านในเวบหรือหนังสือตามหอสมุด แต่เรื่องราวที่ฉันจะเล่าเป็นเพียงตอนสั้นๆแต่เป็นตอนสำคัญเพราะเป็นตอนจบของหอ  ที่มีอายุยืนยาวหลายชั่วคน  แม้พูดไม่ได้เต็มปากว่าฉันเป็นเด็กหอเจ้าจอมรุ่นสุดท้าย เพราะรุ่นสุดท้ายคือรุ่น 2525 แต่ฉันถือว่าฉันมีส่วนร่วมในการหิ้วกาละมัง ถังน้ำของเพื่อนรุ่นน้อง 25  เดินเลาะเลียบถนนราวขบวนอพยพจากถิ่นเก่าไปถิ่นใหม่ ณ บริเวณหอปัจจุบัน

ถ้าจะพูดกันจริงๆแล้วก็คือ ฉันไม่เคยเป็นเด็กหอเจ้าจอมเลย อันเป็นเรื่องผิดปกติวิสัยของเด็กหอชายปีหนึ่งที่จะต้องผ่านค่ายกักกัน  ราวกับยุคสงครามโลกที่คนยิวโดนขังรวมโดยนาซี  แล้วฉันเป็นเด็กหอสายไหนถึงไม่ต้องผ่านหอเจ้าจอม  นั่นซินะ…



รูปประกอบเอื้อเฟื้อโดยพี่ pusadee sittipong ขอบพระคุณมากครับ

ถ้าจะย้อนรอยประวัติศาสตร์กันจริงๆแล้ว  เดิมหอเจ้าจอมก็เป็นหอหญิง  ซึ่งฉันคงจะละไว้ให้ผู้สนใจใฝ่รู้ไปสืบค้นกันเองว่า  มรดกบ้านทรายทองหลังนี้ตกเป็นของหอชายเมื่อไหร่ ขอตัดฉับเข้าเหตุการณ์ในยุคฉันเมื่อปี 2524 ว่าหอหญิงมีหอเดียวคือหอ 14 ชั้น อันเป็นสถาปัตยกรรมสูงสุดและเก๋ไก๋ที่สุดในยุคนั้น ของจุฬา  ส่วนหอชายมี 2 วิทยาเขตคือหอเจ้าจอม(ที่เป็นมาบุญครองในปัจจุบัน)และหอปัจจุบันตรงกันข้ามกับร.ร.เตรียมอุดม ไล่มาตั้งแต่หอหนึ่งริมรั้ว เดิมเป็นหอหญิง  พอหอหญิง 14 ชั้นเสร็จเลยเป็นหอชาย  แต่ปัจจุบันหอชายใหม่เสร็จก็กลับป็นหอหญิงอีกครั้งตั้งชื่อเป็นดอกอะไรก็ไม่รู้ขี้เกียจค้น…หอไม้ที่รื้อไปเป็นโรงอาหารในยุคที่ฉันอยู่  หอสองที่อยู่ติดโรงอาหารตอนนี้ก็หายไปแล้วเช่นกัน  และเริ่มสร้างหอสามห้าชั้นเพื่อรองรับหอชายที่มาจากหอเจ้าจอม(อันนี้เป็นสภาพเมื่อปี 2524)

ปี 2524 มีสิ่งที่เปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับหอหลายอย่าง  เช่น  เดิมจะอยู่กันห้องละ 2 คน(หอก็ถูกออกแบบให้อยู่ 2 คน)ก็เพิ่มเป็นห้องละสามคน ช่วงเปิดเทอมที่รับเด็กเข้าหอยังทำกรรมวิธีเพิ่มตู้เพิ่มเตียงไม่เสร็จดี  เกือบๆเสร็จ  พอเสร็จก็มีการเรียกตัว(หรือสัมภาษณ์ใหม่หว่า-จำไม่ได้)เป็นเด็กหอรอบสองกลางเทอม  ซึ่งพวกนี้จะไม่ผ่านการรับน้องครบสมบูรณ์แบบตามธรรมเนียมโบราณ  บางคนทำเนียนเข้ากับคนเก่าได้ก็เฮฮากันไป เช่นแขก-รัฐศาสตร์มันไม่ผ่านการล้างบาปนะแต่มันก็รักหอ รักเพื่อนมากกว่าบางคน ฮิฮิ) บางคนก็ใช้ชีวิตหอเป็นโรงแรมไว้พักอาศัยนอน(อันนี้ฉันจำจากที่พี่ๆว้ากนะ…ไม่ได้คิดเอง)ความอินในความเป็นชาวหอก็จางๆกันไป  แต่เด็กหอก็คือเด็กหอ  ยังไงก็ต่อกันติด  บางคนไม่ได้คุยกัน 23 ปีอย่างหมู-ถาปัด ,จักร-ถาปัดก็เป็นเด็กหอรอบสอง  เลือดหอก็ยังเข้มเต็มตัวและเต็มใจที่จะคุยกับเพื่อนหอ

สาเหตุที่ฉันไม่ได้เป็นเด็กหอเจ้าจอมมีอยู่ว่า  ฉันไปรายงานตัวช้า  ที่จริงไปถึงประตูหอเดินเข้าไปข้างในมองเห็นต้นโพธิ์ต้นใหญ่กำลังตกกะใจและช็อคกับภาพหอพักที่อยู่เบื้องหน้า  ต้องออกตัวไว้ก่อนว่าฉันเรียนจบมัธยมปลายที่นครพนม  ตอนเอ็นก็เอ็นที่สนามสอบมหาวิทยาลัยขอนแก่นพักกับพี่โรงเรียนที่ม.ขอนแก่น   แล้วหอเขาก็เดิร์นมากเป็นหอที่เหมือนกันกับหอในหนังชีวิตรัก-นักศึกษาของศุภักษรเปี๊ยบ  แล้วเด็กจินตนาการสูงอย่างฉันก็ฝันไว้ว่าหอต่างจังหวัดยังเก๋ขนาดนั้น  หอจุฬาในกรุงเทพจะต้องทันสมัยเก๋กู้ดกว่าร้อยเท่าพันเท่า  แต่ต้นโพธิ์และเพิงร้านอาหารป้าโชยที่อยู่เบื้องหน้าทำเอาฉันก้าวขาไม่ออกต้องลดสายตาลงมองลายกระเบื้องที่ปลายเท้า-แน่นอนว่าไม่ใช่ยี่ห้อค็อตโตหรืออเมริกันสแตนดาร์ดแน่ๆ แต่มันแตกรอยริ้วขลังสมกับเป็นหอเจ้าจอมมารดาตั้งแต่รัชกาลที่ห้า

ฉับพลันทันใดก็มีนิสิตชายใครก็ไม่รู้(รุ่นฉันนี่แหละ) เดินแซงฉันที่กำลังตกภวังค์เข้าไปก่อน  ฉันเลยเดินตามต้อยๆแต่ช้าๆพอไปถึงก็เห็นนิสิตชายนั่งเรียงรายเข้าแถวเป็นระเบียบกำลังจัดสรรห้องกันอยู่ และลงตัวคนสุดท้ายพอดีที่--คนที่เพิ่งแซงฉันเข้าไป…

ฉันคงจะไม่เขียนรายละเอียดว่าฉันสนทนากับอาจารย์ว่ายังไงบ้างหลังจากที่อาจารย์บอกฉันว่าหอเต็มแล้ว(จำบทได้-ไม่ลืมเลือน)  แต่สรุปว่าด้วยรูปลักษณ์หน้าตาผอมโซเป็นจิ้งจกบ้านนอก  สารรูปทุเรศน่าเวทนาของฉันและคำยืนยันเด็ดเดี่ยวว่าไม่ได้หอจะต้องกลับไปทำนาที่นครพนม ( บอกว่ากลับเอธิโอเปียอาจารย์ก็เชื่อ--จากหลักฐานเดิมน้ำหนัก 36 กิโล รอบเอว 23 นิ้ว ตอนนั่งรถเมล์หน้าหอไปหาเพื่อนเคยมีนักเรียนหญิงม.ปลายร.ร.เตรียมอุดมลุกให้นั่งบ่อยๆ อิอิ ) อาจารย์ก็ถึงแก่เมตตาเรียกรุ่นพี่ปีสองให้ไปส่งฉันที่หอหนึ่งและฝากพี่หอสองนอนหนึ่งคืน เนื่องจากห้องที่เพิ่มจากสองเตียงเป็นสามเตียงไม่เรียบร้อยดี  ฉันจึงเป็นเด็กหอรุ่นแรกและคนแรกที่ได้อยู่หอหนึ่งตั้งแต่ปีหนึ่ง ซึ่งจะมีประมาณ 10 คนแต่ก่อนฉันจำได้หมดแต่ตอนนี้ต้องจำหุ้นที่ติดลบอยู่แทนเพราะรอเทขาย…อ้าว-   เลยเหลือจำได้แค่เล็ก-ยงยุทธ รัฐศาสตร์,บอย-ถาปัด,พี่เชษฐ์-ครุ,พี่บอย-ครุP.E . ที่เรียกว่าพี่เพราะอยู่ปีสองแต่ต้องมารับน้องหอเป็นรุ่นเดียวกันเพราะเพิ่งเข้าหอ  ที่จริงนึกว่าตี้-ถาปัดด้วยแต่เพิ่งรู้ว่าตี้เป็นรูมเมทกับหมอชาติที่หอเจ้าจอม….

เงื่อนไขฉกาจฉกรรจ์ที่พวกเด็กปีหนึ่งหอหนึ่งรุ่นแรก  ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัดคือต้องไปร่วมพิธีกรรมรับน้องกับเพื่อนๆที่หอเจ้าจอม โดยจะมีพี่กรรมการหอมากระซิบก่อนนอนว่าจะปลุกวันไหน  และคาดโทษไว้ว่าห้ามบอกใครเป็นอันขาด  ฉันก็ปฏิบัติตามเป็นอันดี  ผ่านมา 27 ปีเพิ่งมาเล่าให้ฟัง คะเนว่าพี่ๆคงไม่ลงโทษฉันแล้วนะ (แต่คืนสู่เหย้าคราวหน้าต้องคอยหลบดูเชิงก่อน)

ตอนตีสองพวกเราต้องตื่นไปนั่งตั้งแถวรอที่สนามหญ้าหอเจ้าจอม  ในบรรยากาศมืด เงียบ วังเวง  ราวปราสาทแดร๊กคูล่ารอเวลาที่สงครามโลกระเบิด บรรยายให้เห็นภาพไม่ได้  ใครไม่ผ่านเหตุการณ์นี้จินตนาการยังไงก็ไม่ได้เหมือนจริง  สภาพฉันดีกว่าเพื่อนร่วมรุ่นมาก  เพราะรู้ก่อนล่วงหน้าจึงพักเต็มที่แต่ถึงกระนั้นขวัญก็ยังกระเจิดกระเจิง

ชีวิตดำเนินต่อไป  ฉันเริ่มเอาตัวรอดตามเงื่อนไขที่จำกัดเช่นรู้ว่าจะต้องกลิ้งๆๆๆๆก็จะใส่เสื้อแขนยาวกางเกงวอร์มขายาวกันยุงกัด(สมัยนั้นมียาทากันยุงขายแล้วยังหว่า—ทำไมโง่ไม่ซื้อมาใช้) มีอยู่วันหนึ่งเกิดฉลาดใส่กางเกงสองตัวเวลานอนกลิ้งจะได้ไม่เจ็บก้นมาก  แต่ความซวยมาเยือน   วันนั้นพี่ให้ถอดกางเกง ปกติจะแค่ถอดเสื้อไปกองรวมกันหยิบมาใส่พอเอาไปคืนจะได้รู้จักกัน-ไอเดียดีมาก  พอหยิบกางเกงใส่กันก็เลยเหลือกางเกงหนึ่งตัว  รุ่นพี่งงสุดๆถามอยู่นั่นแล้วว่าใครยังไม่หยิบไปใส่ (ต้องอธิบายนิ้ดสสนึงว่าพี่เขาไม่ถามเราไม่มีสิทธิ์พูด ไม่ใช่สิ เรามีสิทธิ์เท่ากับศูนย์ ฮิฮิ แล้วก็ต้อง ก้มหน้า ก้มหน้า และก้มหน้า คำถามว่าใครยังไม่ได้ใส่จึงไม่มีใครตอบเพราะใส่กันหมด  ตั้งนานกว่าจะมีคนคิดออกถามใหม่ว่าใครใส่มาสองตัว เหอๆนังจิ้งจกก็เลยต้องรับสารภาพ ท่ามกลางเสียงฮากระจาย…

ผลของความฉลาดแกมโกงของฉันก็คือฉันต้องใส่ทั้งสองตัว  เอ้า…เพื่อนๆ24 จำกันได้มั้ยว่าใครได้ใส่ของใคร  ใครติดสังคังจากใคร ฮิฮิ  แต่ฉันจำได้ เอ๊ะ เจ้าของกางเกงจำได้มั้ยหนอ  ตัวแรกฉันได้ของโต้ง-สัตวแพทย์ ซึ่งเป็นคนตัวอ้วนที่สุดในรุ่นแล้วฉันก็แห้งที่สุดในรุ่น ต้องใส่แบบขมวดปมเหมือนผ้าถุง เอ๊ะ..ไม่ยอมเทียบว่าโสร่งนะจ๊ะ  กางเกงขาสั้นของโต้ง  พอฉันใส่ก็กลายเป็นขาสามส่วน ตัวที่สองฉันได้ของตาบอย-ถาปัด คนกันเองนี่เองเป็นกางเกงกีฬาสีออกน้ำเงินหรือม่วงนี่แหละ ตอนสว่างมันเปื้อนโคลนดูสีเดิมไม่ออก ฉันต้องเอามาใส่เป็นตัวนอกเหมือนซุปเปอร์แมน (เลยจำแม่น)….แต่ฉันก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าใครใส่ของฉันเหมือนจะเลือนๆว่าวิ-เภสัช  ที่ไม่จำเพราะการหาเจ้าของกางเกงมันใช้เวลา  แล้วฉันก็ดันต้องหาตั้งสองคน   สม!!!

ความทรงจำที่ลึกซึ้งที่มีต่อหอเจ้าจอมก็คือ”วันล้างบาป”  สาเหตุก็จากเพื่อนในรุ่นไปก้าวล่วงจาบจ้วงรุ่นพี่ด้วยวาจา  พวกแกทั้งรุ่นต้องร่วมรับผิดชอบ!~!! ตามขนบธรรมเนียมโบราณ…. กลางดึกสงัดของวันนั้นพวกฉันต้องเดินอ้อมไปหลังหอ  ภาพเบื้องหน้าของฉันคือสระน้ำที่มีดอกบัวกลางคืนบานสวยรับแสงจันทร์ ฉับพลันก็มีคำสั่ง ลงไป ลงไป ลงไป ….



วันล้างบาป

ฉันจำภาพช่วงนี้ไม่ค่อยได้รู้แต่ว่าพอคนทั้งชั้นปีเริ่มลุยลงสระเพื่อ”ล้างบาป”  ดอกบัวสวยที่อยู่เบื้องหน้าก็พังพินาศจมน้ำ เพราะคนลุยลงไปราวกับควายโดนต้อน ฉันกลั้นใจลุยข้ามให้เสร็จๆ อารมณ์งงและง่วงมีมากกว่าอย่างอื่น….เพราะวันนั้นไม่มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้าว่าจะปลุก

มารู้ที่หลังว่าสระบัวแสนสวยนั้นเป็นที่ไหลรวมของสรรพสิ่ง  จริงๆน่าจะเป็นที่”ชุบบาป”มากกว่า”ล้างบาป”เพราะบาปที่ไปชุบมานั้นล้างด้วยน้ำในห้องน้ำหอชายก็ไม่หาย  ต้องโบก”คาลามาย”กันไปอีก 3 วัน ผดผื่นคันถึงหาย เอ…ถ้าฉันเผลอเอาหน้าจุ่มลงไป  จะยังใสเนียนอยู่มั้ยเนี่ย ….

วันเวลาล่วงผ่าน….เมื่อไม่นานถึงมีคนบอก  ตัวต้นเหตุที่- พวกแกทั้งรุ่นต้องร่วมรับผิดชอบ!~!! วันนั้นไม่ได้ร่วมกิจกรรมนี้  มันไปค้างข้างนอก  ฉันเหมือนคนอกหัก เหมือนตัวเอกในละครที่โดนใส่ร้าย แต่มันช่วยอะไรได้ ทุกอย่างไม่เหลือแล้วแม้แต่ตัวหอ…….

เมื่อจุฬาต้องพัฒนาที่ดิน  ฝ่ายทรัพย์สินก็เล็งที่แปลงงามก็คือที่หอเจ้าจอมของเรา ที่จะทำประโยชน์มหาศาลยังมหาวิทยาลัย  แต่ได้แค่ไหน อย่างไร คุ้มหรือไม่ มันนอกเหนือเรื่องหอเจ้าจอมในความจำ(ของจิ้งจก) เพราะไม่เคยรู้ก็เลยไม่เคยจำ ฮิฮิ ใครอยากรู้ก็สืบค้นกันเอง…..



หอเจ้าจอมในมุมสูงถ่ายจากหอหญิง ก่อนอพยพหนึ่งสัปดาห์(18 ธันวาคม 2525)

เมื่อหอสาม 5 ชั้นสร้างเสร็จ ในปลายปี 2525 ก็ถึงคราวต้องอพยพ ด้วยความที่สนิทสนมกับรุ่น 25 เพราะไปเที่ยวงานลอยกระทงที่สุโขทัยมาหมาดๆ  กิจกรรมยามว่างตอนอยู่ปีสองก็คือไปนั่งเล่นที่หอเจ้าจอม  มีเหตุผลลึกซึ้งกว่านั้น… เพราะสยามเมื่อปี 24-25 ไม่ได้มีแหล่งเก๋ไก๋มากมายดังทุกวันนี้  เก๋สุดก็ศาลาโฟร์โมสต์ เมื่อดังกิ้นโดนัทเริ่มเดินทางมาถึงประเทศไทย  น่าจะเป็นพี่หอที่ทำตกแต่งภายใน แล้วนำข่าวเด็ดมาแจ้งว่าหลัง 2 ทุ่ม ดังกิ้นลดราคา(คงดีกว่าต้องโยนทิ้ง) ดังนั้นสิ่งเก๋ที่สุดในยุคนั้นของเด็กหอก็คือนุ่งชุดนอนไปนั่งกินดังกิ้นโดนัทที่สยาม เลยแวะพักทักทายเพื่อนรุ่นน้อง25ที่หอเจ้าจอม…..จำได้ว่าห้องนั้นมองออกไปนอกหน้าต่างจะเห็นป้ายคณะเภสัชอยู่ฝั่งตรงกันข้ามพอดี………

เมื่อถึงวันอพยพ ฉันไปช่วย”สุริยนต์ จองลีพันธ์”แห่ง”ทุ่งแสงตะวัน”ที่เป็นเพื่อนต่างรุ่นและมีศักดิ์เป็นน้องจังหวัดนครพนม(ถึงจะเรียนจบมัธยมปลายที่อุดรธานี)รวมทั้งกบ-วิรัช เปรมศรี แห่ง”ศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย”  ที่เจอกันเพราะเป็นน้องกลุ่ม AB และไปสุโขทัยกันมา บ้านเดิมของกบคือบ้านบึง ชลบุรี หอบข้าวหอบของและฉลองการปิดตัวของหอเจ้าจอมมารดาสมบูรณ์ด้วย”วันหอนคืนโหด”ที่หอชายปัจจุบัน ที่เศษแก้วกระจายเต็มหลังคาโรงอาหาร ฮิฮิ………

แต่สิ่งที่ฉันได้ทำสนองความอยากลึกๆที่มี  ก่อนออกจากหอในวันสุดท้ายก็คือ….ถีบประตูมุ้งลวดขาดคาเท้า (โอ..จะโดนข้อหาทำลายทรัพย์สินมหาวิทยาลัย…มั้ยเนี่ย….) รู้สีกว่ามันได้ปลดปล่อย มันโล่งใจ มันสะสาใจ…แล้วก็อยากร้องไห้แต่แสร้งกลบเอาไว้ด้วยการระเบิดเสียงหัวเราะ……

ความสุขและความทรงจำของฉันที่มีต่อหอเจ้าจอมก็คงจะจบลงตรงนี้  และฉันก็คงมีรอยยิ้มเมื่อผ่านมาบุญครองต่อไป  จะยิ้มแบบไหนก็คงแล้วแต่โปรแกรม Shuffle มันจะแว่บช่วงไหนเข้ามาในสมอง เพราะมันมีทั้งสุข เศร้า สมหวัง ครบทุกรส………….


THE END  :x  :x  :x[/color]

จารึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่า
วันหอนคืนโหดคือวันที่ 25 ธันวาคม 2525
บันทึกการเข้า

2524

khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #9 เมื่อ: 09 มิถุนายน 2551, 21:53:38 »

ดีมากค่ะ ขอไปlinkมาจากcommonroom กระทู้แนะนำนะคะ
nn.27
บันทึกการเข้า


iamfrommoon
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2535
คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 8,396

เว็บไซต์
« ตอบ #10 เมื่อ: 10 มิถุนายน 2551, 09:38:42 »

พี่จิ้งจกคะ...
ขอลอกเอาไปในสารซีมะโด่งได้เลยมั้ยคะเนี่ย อิอิ เนียนนนนนนนนนน
บันทึกการเข้า

@@ธรรมชาติสร้างความขัดแย้ง เพื่อให้คนเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ดียิ่งขึ้น@@@

แจง-24
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2524
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 10,028

« ตอบ #11 เมื่อ: 10 มิถุนายน 2551, 10:16:53 »

อ้างจาก: "jingjok2524"
หอเจ้าจอมในความจำ(ของจิ้งจก)

ความสุขและความทรงจำของฉันที่มีต่อหอเจ้าจอมก็คงจะจบลงตรงนี้  และฉันก็คงมีรอยยิ้มเมื่อผ่านมาบุญครองต่อไป  จะยิ้มแบบไหนก็คงแล้วแต่โปรแกรม Shuffle มันจะแว่บช่วงไหนเข้ามาในสมอง เพราะมันมีทั้งสุข เศร้า สมหวัง ครบทุกรส………….[/b]

THE END  :x  :x  :x[/color]


หลังจากฟังเพื่อนถล่มตัวมานาน ว่าเขียนเล่นได้แต่เรื่องไร้สาระ ไม่สามารถเขียนอะไรเป็นจริงเป็นจังได้ และแล้วก็ได้ประจักษ์ในอิทธฤทธิ์อันแท้จริงของเพื่อน บอกแล้ว...ว่าเพื่อนทำด้าย....ย ไม่เสียแรงที่ช่วยกันยุ นะบอยนะ...!

สำหรับรูปประกอบ ขอเป็นรูปจิ้งจกผอมแห้ง กับโต้งตัวอ้วนก็ดีนะ คนอ่านจะได้ระลึกถึงความหลังกันไง

เอาอีก...เอาอีก.....
บันทึกการเข้า

   อยู่อย่างต่ำ กระทำอย่างสูง
pusadee sitthiphong
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 4,689

« ตอบ #12 เมื่อ: 10 มิถุนายน 2551, 13:14:45 »









ส่งบรรยากาศสมัยพี่อยู่มาจอยค่ะ
บันทึกการเข้า

pom shi 2516
ตี้ถาปัด
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2524
คณะ: สถาปัตยกรรมศาสตร์
กระทู้: 10,337

« ตอบ #13 เมื่อ: 10 มิถุนายน 2551, 13:32:20 »

ภาพความทรงจำต่างๆได้หวลกลับมาเป็นฉากๆ ตามบทความที่จิ้งได้เล่าสู่กันฟัง
อดไม่ได้ที่จะขอสอดแทรกความรู้สึกซาบซึ้ง ระคนสยองในวันแห่งอดีตที่ก้าวเข้าสู่ประตูหอ

ขออนุญาตจิ้งเสริมบางประเด็นที่เป็นประเด็นส่วนตัวด้วยนะ

วันแรกที่เข้าหอเจ้าจอม ผมเองก็เป็นกลุ่มท้ายๆทีวิ่งเข้าประตูหอเจ้าจอมจนเกือบจะไม่ได้ห้องเช่นกัน เอ๊ะ หรือว่าเป็นผมที่วิ่งแซงจิ้งเข้าไปก่อน ด้วยความเร่งรีบอันเกิดมาจาก การที่ต้องติดกิจกรรมรายงานตัวและประชุมเชียร์กับรุ่นพี่ที่คณะในเย็นนั้นเช่นกัน และก็ไม่แน่ใจเวลานัดหมายในการเข้าหอเพื่อรายงานตัวเป็นเวลากี่โมงกันแน่ และคิดไปว่าการรายงานตัวก็คงเป็นแค่เข้าไปแจ้งให้ทราบว่าผมมาแล้วนะครับเท่านั้นก็เลยใจเย็น และอีกประการนึงก็เนื่องมาจากว่าได้ไปยื่นเรื่องขอเข้าอยู่หอ แต่ไม่ได้รับการยืนยันว่าจะได้อยู่หรือไม่เพราะมีคนขอเข้าอยู่มาก ทางอาจารย์จะพิจารณาจากความจำเป็นของแต่ละคน ประกอบกับการเรียนจบมัธยมจากโรงเรียนผู้มีอันจะกินที่เชียงใหม่อาจจะเป็นปะเด็นที่อาจารย์เอามาพิจารณาว่าไม่ได้เดือนร้อนจริงถ้าจะไปอยู่หอข้างนอก ก็เลยคิดว่าอาจจะไม่ได้อยู่หอ ก็เลยไม่ค่อยได้สนใจมากนักว่าจะได้อยู่หรือป่าว ทั้งๆที่วันนั้นที่เดินทางเข้ากรุงเทพฯยังไปอาศัยอยู่กับบ้านเพื่อนกรุงเทพที่ไปเรียนที่เชียงใหม่

มานึกได้อีกทีก็ตอนเย็นนั้นว่าถ้าไม่ได้อยู่หอ ก็คงจะต้องไปหาเช่าหอข้างนอก ซึ่งจะต้องฉุกละหุกและก็ไม่รู้แหล่งและราคาค่าเช่าก็น่าจะสูง สงสารพ่อแม่ที่จะต้องเดือดร้อนไปหาเงินมาให้ อีกอย่างถ้าได้อยู่หอในก็สะดวกดี เพราะไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง เสียค่ารถ ก็เลยตัดสินใจออกวิ่งจากคณะถาปัดไปยังหอเจ้าจอมเพื่อเข้ารายงานตัวในแบบกระหืดกระหอบ สงสัยในจังหวะนั้นนั่นเอง ที่เป็นไปได้ว่าคงจะวิ่งแซงจิ้งของเราอยู่แถวๆหน้าสมาคมนิสิตเก่า ประมาณนั้น แต่ก็คงไม่ใช่คนที่เดินตัดหน้าจิ้งที่หน้าประตูซะทีเดียว

ภาพที่เห็นขณะก้าวย่างพ้นประตูหอเจ้าจอมเข้าไป ก็คงจะเป็นภาพเดียวกับจิ้ง ความรู้สึกที่สัมผัสได้ก็คงไม่ต่างกันคือ มันดูมืดๆ ไม่สว่างสะอาด มันแลดูเก่าไม่สดใสทันสมัย มันแลดูหดหู่ วังเวง เหมือนมีอะไรบางอย่างแอบแฝงซ่อนเร้นในทุกซอกทุกมุม (ดูจากรูปที่พี่ผุสดี เอามาแปะไว้ให้ก็น่าจะนึกเห็นบรรยากาศออกนะครับ ขอบคุณพี่ผุสดีด้วยครับ) แต่เผอิญว่าวันนั้นเป็นวันรายงานตัว มีผู้คนมากมาย โดยเฉพาะรุ่นพี่ที่มาดูตัวเหล่าน้องๆก็เลยค่อนข้างจะคึกคักเป็นพิเศษ ซึ่งก็พอที่จะกลบเกลื่อนความรู้สึกวิเวกวังเวงได้ และด้วยความที่รู้จักพี่ตี๋ ประธานหอ ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนเดียวกับพี่ชายสมัยมัธยมต้นและพี่ชายก็ได้ฝากฝังกันไว้ ก็เลยทำให้การถูกพิจารณาให้เข้าอยู่หอเป็นไปด้วยความราบรื่น (จะเรียกว่าเด็กเส้นก็ว่าได้ ขอขอบคุณพี่ตี๋อีกครั้งหนึ่งครับ และต้องขออภัยที่เอาความลับเกือบ 30 ปีมาเปิดเผย)

ต้องออกไปทำธุระสักครู่แล้วจะมาเล่าต่อนะครับ
บันทึกการเข้า

2437041
หนุ่ม2524
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2524
กระทู้: 1,042

« ตอบ #14 เมื่อ: 10 มิถุนายน 2551, 16:44:43 »

อ้างจาก: "jingjok2524"
หอเจ้าจอมในความจำ(ของจิ้งจก)



ความทรงจำที่ลึกซึ้งที่มีต่อหอเจ้าจอมก็คือ”วันล้างบาป”  สาเหตุก็จากเพื่อนในรุ่นไปก้าวล่วงจาบจ้วงรุ่นพี่ด้วยวาจา  พวกแกทั้งรุ่นต้องร่วมรับผิดชอบ!~!!  ตามขนบธรรมเนียมโบราณ…. กลางดึกสงัดของวันนั้นพวกฉันต้องเดินอ้อมไปหลังหอ  ภาพเบื้องหน้าของฉันคือสระน้ำที่มีดอกบัวกลางคืนบานสวยรับแสงจันทร์ ฉับพลันก็มีคำสั่ง ลงไป ลงไป ลงไป ….

ฉันจำภาพช่วงนี้ไม่ค่อยได้รู้แต่ว่าพอคนทั้งชั้นปีเริ่มลุยลงสระเพื่อ”ล้างบาป”  ดอกบัวสวยที่อยู่เบื้องหน้าก็พังพินาศจมน้ำ เพราะคนลุยลงไปราวกับควายโดนต้อน ฉันกลั้นใจลุยข้ามให้เสร็จๆ อารมณ์งงและง่วงมีมากกว่าอย่างอื่น….

มารู้ที่หลังว่าสระบัวแสนสวยนั้นเป็นที่ไหลรวมของสรรพสิ่ง  จริงๆน่าจะเป็นที่”ชุบบาป”มากกว่า”ล้างบาป”เพราะบาปที่ไปชุบมานั้นล้างด้วยน้ำในห้องน้ำหอชายก็ไม่หาย  ต้องโบก”คาลามาย”กันไปอีก 3 วัน ผดผื่นคันถึงหาย เอ…ถ้าฉันเผลอเอาหน้าจุ่มลงไป  จะยังใสเนียนอยู่มั้ยเนี่ย ….

วันเวลาล่วงผ่าน….เมื่อไม่นานถึงมีคนบอก  ตัวต้นเหตุที่- พวกแกทั้งรุ่นต้องร่วมรับผิดชอบ!~!! วันนั้นไม่ได้ร่วมกิจกรรมนี้  มันไปค้างข้างนอก  ฉันเหมือนคนอกหัก เหมือนตัวเอกในละครที่โดนใส่ร้าย แต่มันช่วยอะไรได้ ทุกอย่างไม่เหลือแล้วแม้แต่ตัวหอ…….





ไม่อยากบอกเลย ว่า วันล้างบาป ผมไม่ได้อยู่หอ ไม่รู้ว่า โชคดี หรือ โชคร้าย เลยไม่ได้ร่วมชะตากรรมกับเพื่อนๆ

แต่ที่แน่ๆ คิอ ผมไม่ใช่ตัวต้นเหตุ นะจะบอกให้
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #15 เมื่อ: 10 มิถุนายน 2551, 16:50:04 »

พี่ป้อมคะ
ขอบคุณมากค่ะที่ช่วยเสริมบทความด้วยรูป...perfect!
nn.27
บันทึกการเข้า


ตี้ถาปัด
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2524
คณะ: สถาปัตยกรรมศาสตร์
กระทู้: 10,337

« ตอบ #16 เมื่อ: 10 มิถุนายน 2551, 16:50:31 »

สิ่งหนึ่งที่ประทับใจมากๆก็คือ บรรยากาศอันเงียบสงบของหอเจ้าจอมในยามดึกดื่น จนแทบไม่น่าเชื่อว่า สถานที่นี้อยู่ใจกลางเมืองหลวงฟ้าอมรที่ข้างนอกมีรถรามากมาย

 โดยเฉพาะบรรยากาศตรงลานซักและตากผ้าในแบบเปิดโล่ง ด้วยความที่ต้องไปเรียนในตอนกลางวัน และกลับมาเขียน Drawing เพื่อส่งการบ้านในตอนหัวคำกว่าจะเขียนเสร็จก็ดึกดื่น ฉะนั้นเวลาที่สะดวกต่อการซักผ้า บางครั้งก็ปาเข้าไปเที่ยงคืน บรรยากาศของการซักช่างวิเวกวังเวง จนต้องคอยเหลียวซ้ายแลขวาตลอดเวลาในขณะขยี้ผ้า ที่แน่ๆในระหว่างการซักก็จะมียุงจากบ่อล้างบาปมาคอยเป็นเพื่อนตลอดเวลา ทำให้การซักผ้าค่อนข้างจะมีรสชาดมากๆ เพราะจะต้องใช้ความเร็วในการซักเพื่อให้เสร็จให้เร็วที่สุด จริงๆแล้วยุงกัดเป็นเหตุผลรอง แต่เหตุผลหลักก็คือ.......เดาเอาเองนะ

และยิ่งเป็นวันที่มีฝนตกด้วยแล้วเหล่ากบ เขียด อึ่ง ต่างก็ส่งเสียงร้องกันระงม ประสานเสียงบูมโตกันใหญ่ เป็นบรรยากาศในแบบที่คุ้นเคยในต่างจังหวัดมากๆ เท่ากับว่ามาอยู่เมืองกรุงยังได้บรรยากาศ และอารมณืในแบบต่างจังหวัดเลยทีเดียว

เอาหละ ขอเสริมคุณจิ้งเพียงแค่นี้ก่อนนะ
บันทึกการเข้า

2437041
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #17 เมื่อ: 10 มิถุนายน 2551, 16:56:33 »

แม้สมัยหลังๆ กบ เขียด อึ่ง  ก็ยังส่งเสียงร้องกันระงม ประสานเสียงบูมโตกันใหญ่ มิเปลี่ยนแปลง ช่างให้บรรยากาศบ้านจริงๆ..
nn.27
บันทึกการเข้า


jingjok ۩ 2524
Cmadong ชั้นเซียน
*****


2524 รุ่นนี้-ไม่มีหลับ!!!
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,618

เว็บไซต์
« ตอบ #18 เมื่อ: 10 มิถุนายน 2551, 20:20:40 »

ก่อนอื่นต้องกราบขอบพระคุณพี่pusadee sittipongที่เมตตาส่งรูปมาช่วยเล่าเรื่อง เป็นภาพหอเจ้าจอมตอนเป็นหอหญิงที่ร่มรื่นงดงาม น่าจะเป็นรูปก่อนเรื่องเล่าของจิ้งจกราว 10 ปี บรรยากาศถึงห่างไกลจากท้องเรื่องเหลือเกิน...

ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่าน  ตามที่มาดามมุลเลอร์ไปเชียร์แขกเข้ามา

ขอบคุณแจงกับบอยที่คอยลุ้นให้เขียน--ก็ได้แค่นี้นะครับ

ขอบคุณตี้ที่ช่วยเสริมรายละเอียด--คิดออกว่าเป็นไปได้ที่ตี้จะแซงช่วงผ่านสมาคมนิสิตเก่า เพราะทีแรกก็หลงแวะมารายงานตัวที่หอหนึ่ง เพราะตอนสัมภาษณ์ก็เป็นที่นั่น  ยามบอกว่าให้เดินไปตรงโน้น...(ออกมาชี้ทาง)หน้าประตูเขียนว่า"หอเจ้าจอม" ก็เลยเดินไปแบบงงๆ.....

ขอบคุณหนุ่มและiamfrommoon ที่มาเชียร์ครับ
ถ้าไม่มีเรื่องจะลงจริงๆก็เอาไปเลยครับ...

ตอนนี้กำลังควานหารูป-จ้าละหวั่น ตกลงผิด"ธีม"จนได้...
บันทึกการเข้า

2524

jum2524
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,077

« ตอบ #19 เมื่อ: 10 มิถุนายน 2551, 20:37:44 »

ตัวหนังสือใหญ่ขึ้น ค่อยอ่านง่ายขึ้น เลยได้อ่านและอมยิ้ม(เผลอปล่อยเสียงออกมาด้วย)อีกรอบนึง เผื่อตกหล่นน่ะ..(หูตายิ่งไม่ค่อยดีอยู่)...น่าเอาไปแพร่ให้ได้รำลึกถึงกันต่อๆไปนะ..โดยเฉพาะที่ประสบพบเจอมาด้วยกันน่ะ.. Cool  Cool  Cool Cool  Cool
บันทึกการเข้า
หนุ่ม2524
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2524
กระทู้: 1,042

« ตอบ #20 เมื่อ: 11 มิถุนายน 2551, 14:26:18 »

อ้างจาก: "ตี้ถาปัด2"

บรรยากาศของการซักช่างวิเวกวังเวง จนต้องคอยเหลียวซ้ายแลขวาตลอดเวลาในขณะขยี้ผ้า ที่แน่ๆในระหว่างการซักก็จะมียุงจากบ่อล้างบาปมาคอยเป็นเพื่อนตลอดเวลา ทำให้การซักผ้าค่อนข้างจะมีรสชาดมากๆ เพราะจะต้องใช้ความเร็วในการซักเพื่อให้เสร็จให้เร็วที่สุด จริงๆแล้วยุงกัดเป็นเหตุผลรอง แต่เหตุผลหลักก็คือ.......เดาเอาเองนะ

เอาหละ ขอเสริมคุณจิ้งเพียงแค่นี้ก่อนนะ


พูดถึง ยุง หอเจ้าจอม เนี่ยมันตัวใหญ่จริงๆ ที่มันตัวใหญ่เพราะรุ่นพี่เค้าเลี้ยงไว้ ยิ่งวันไหนปลุกน้องปีหนึ่งแล้วละก้อ ยุง ยิ้มกันแก้มปริเลย แถมยุงยังมีเส้นอีก

รุ่นพี่ "รู้ไม๊ นี่ยุงเจ้าพ่อ ห้ามตบ....."

รุ่นน้อง ก้มหน้าให้ยุงกัดอย่างเมามันส์
บันทึกการเข้า
jingjok ۩ 2524
Cmadong ชั้นเซียน
*****


2524 รุ่นนี้-ไม่มีหลับ!!!
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,618

เว็บไซต์
« ตอบ #21 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2551, 20:01:08 »

ครุยกับปลา…

ตั้งชื่อเรื่องเสร็จ  อดชื่นชมตัวเองไม่ได้ว่า ดูน่าสนใจ-น่าติดตาม ยังกะเรื่องรักวัยรุ่นแนวใส คล้ายๆกับคนเขียน แนวๆกั๊กกะกาวน์ หรือ กิ๊กกะไบรท์ แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าไม่ใช่ นี่เป็นเรื่องแนว--เรื่องจริงอิงปาฏิหาริย์ ประมาณ”บั้งไฟพญานาค”หรือไม่ก็”มักกะนารีผล”ที่เป็นเรื่องเร้นลับ เหนือจริง อิงข่าวลือ.......

ไม่รู้ว่าสมัยนี้คำสาปที่ตกทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นยังมีอยู่หรือเปล่า กฎศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งกว่าบัญญัติ 10 ประการ ที่เด็กนิสิตที่ยังเรียนอยู่ จะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเพราะความหวาดกลัวราว”คำสาปฟาโรห์” ที่ฉันได้รับทราบมีอยู่สองอย่างคือ

ข้อแรก ห้ามใส่ชุดครุย  ถ้ายังเรียนไม่จบ  และข้อสองห้ามกินปลาจากสระจุฬา ข้อแรกนั้นโทษสถานเดียวที่น่าสะพึงกลัวมากสำหรับฉันคือจะเรียนไม่จบ ซึ่งเป็นอาญาหนักหนาสาหัสยิ่งในความรู้สึกของ”อนาคตอันสดใส ความหวังใหม่ของประเทศชาติ—ในพ.ศ.นั้น” (ประเทศไทยเขาก็หวังไปเรื่อยๆแหละ จนป่านนี้เด็กรุ่นนี้ก็ยังโดนคาดหวังต่อไป-เพราะไม่เคยสมหวังซะที) สำหรับข้อสองนั้น บทลงโทษจะเป็นยังไง ฉันจำไม่ได้ ว่าจะปรับหรือจำ หรือทั้งจำทั้งปรับ เพราะการไปจับปลามากินนั้นมันลำบากกว่าการเดินไปโรงอาหารสั่งให้ป้าโชยทำให้กินเป็นไหนๆ  มันเลยเป็นเรื่องไกลตัวของฉันเป็นอันมาก  แต่ก็รับและเคารพไว้ดั่งกฎศักดิ์สิทธิ์

ความเชื่อในสิ่งที่เฮ็ด และเฮ็ดในสิ่งที่เชื่อเป็นสิทธิส่วนบุคคล  การ”ไม่เชื่ออย่าลบหลู่”นั้น ใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย และคงจะใช้ต่อไปในอนาคต การริท้าทาย”คำสาป”นั้นไม่อยู่ในหัวสมองของฉัน ซึ่งเป็นเด็กหัวอ่อนว่านอนสอนง่าย(ถ้าสอนในเรื่องที่เชื่ออยู่แล้ว ถ้าเรื่องไหนไม่เชื่อ—สอนให้ตายก็ไม่จำและไม่ยอมทำ…เด็ดขาด)  ฉันเลยไม่เสี่ยงเอาตัวพิสูจน์

จนขึ้นปีสอง  ก็มี”เคสสตัดดี้”มาให้พิสูจน์ เมื่อ น้องปุ๊  จากคณะสัตวแพทย์ ที่เป็นน้องชมรมอิสาน จังหวัดอุบลราชธานี   (IAMFROMMOONRIVER)   กล้าหาญชาญชัยใส่ครุยรับปริญญาขึ้นเวทีในการแสดงวันรับน้องที่โรงอาหารหอ ทำเอาพี่ๆช็อคตกใจ แต่ในขณะเดียวกันฉันก็ขอสารภาพว่ารอติดตาม”เคสสตัดดี้”นี้ แบบลุ้นนอกวงเงียบๆ เพราะอยากรู้เหมือนกันว่าคำสาปนั้นจะศักดิ์สิทธิ์จริงหรือไม่…..

แล้ว”ความเชื่อ”ก็ได้รับชัยชนะ  คงความลึกลับในความศักดิ์สิทธิ์ต่อไป  เนื่องจากปุ๊ต้องรีไทร์ไปในที่สุด  จะมาจากสาเหตุใดก็ตามแต่ …ความเชื่อก็คงอยู่….และมีอิทธิพลต่อฉันซะจนตอนปีสุดท้ายที่เขาให้ถ่ายรูปบัณฑิตในชุดครุยส่งในใบขอจบ  หรือส่งให้กรรมการบัณฑิตทำหนังสือรุ่น ฉันแสนจะลังเล—ก็ตอนนั้นมันยังไม่จบนี่นา(แถมมีแนวโน้มจะไม่จบอีกตะหาก) อีตากล้องที่ร้านถ่ายรูปนครอาร์ตตรงสามย่าน มันคงแอบขำที่ฉันยกมือไหว้ครุยขอขมาอยู่เป็นนานสองนานก่อนจะรีบใส่รีบถอด……

และนั่นก็คือสาเหตุที่ในวันรับปริญญารุ่นฉันที่มีสามวัน  ฉันยังไม่กล้าเอามาใส่เพราะฉันรับวันสุดท้าย  กล้าใส่อย่างมั่นใจก็คือวันที่รับจริงๆเท่านั้น (ขนาดจบแล้วนะ) เพื่อนที่รับก่อนสองวันแรกจะเห็นฉันน้อยคนมาก  ไม่รักจริงๆไม่มาถ่ายรูปด้วยนะนั่น  ….

หมายเหตุ : สมัยก่อนเขาใส่ครุยกันเป็นทางการคือวันรับจริงวันเดียว ถ่ายรูปรวมตอนเช้า เข้าหอประชุมตอนบ่าย  แต่สมัยนี้เปิดโอกาสแก้ตัวสำหรับยายคนแต่งหน้าเข้มไป หรือเขียนคิ้วเบี้ยว ทาปากไม่เข้ากับแถบสีคณะ เห็นว่าเดี๋ยวนี้มีวันซ้อมแล้วถ่ายรูปหมู่กันก่อน  แล้วแต่งวันรับจริงอีกวัน ค่อยคุ้มค่าเช่าครุยหน่อย สมัยฉันที่ทำสองวันแบบนี้คือมหาวิทยาลัยเอกชน-แสดงว่าไปลอกเลียนเขามา!!!

แล้วปลาจากสระน้ำจุฬาเล่า….

เรื่องนี้ไม่รักกันจริงไม่เล่าให้ฟังหรอกนะ…ขออภัยผู้ที่มีชื่ออ้างอิงถึงทุกท่านที่มีส่วน-ร่วมด้วยช่วยกัน  กับปลาตัวนั้นในวันวารที่ผ่านมา….

กิจกรรมของชาวหอยุคก่อนสำหรับคู่รักวัยหวาน  หอหญิง-หอชาย สมัยไม่มีโทรศัพท์มือถือ  ก็คือไปดูหนัง ไปหาข้าวกินที่สามย่าน ไปเดินเล่นแล้วก็รีบกลับขึ้นหอให้ทันเวลา… อะ อะ ไม่ใช่ฉันหรอกจ้าที่มีแฟนหอหญิง บังเอิญฉันเป็นไม้กันหมา เป็นตัวแถมที่พี่หอหญิงเขาต้องให้ฉันไปด้วย..กันคนนินทา แล้วฉันก็ทำเซ่อติดกลุ่มเกาะไปด้วยทุกที่ทุกเวลา กับคู่ของรุ่นพี่คู่หนึ่งที่นึกๆดูแล้วก็สงสารพี่ผู้ชายเป็นอันมาก เพราะรู้สึกว่าขนาดวันรับปริญญาเขาไม่มีรูปคู่กันเลย  มีฉันแทรกเป็นตัวเกินอยู่ทุกรูปจริงๆ ฮิฮิ (โทษทีนะพี่-แต่วันแต่งงาน ผมปล่อยให้พี่ถ่ายรูปคู่กันเต็มที่แล้วนะ )

มีเรื่องเล่าแถมว่า…ที่หอชายจะมีไก่มาขันปลุกตอนเช้าๆ(ในความรู้สึกของพวกผู้ชาย--แต่สายแล้วของผู้หญิง) ไก่ที่ว่าจะขันแปลกๆ เช่น”อ๊อด อ๊อดๆ….ตื่นละยัง”แปลว่าพี่หอหญิงมาปลุกพี่หอชายที่ชื่ออ๊อด ตะโกนเรียกกันที่หลังห้องของหอสูงสามชั้น บางพันธุ์ก็จะขัน”จือ จือ จือ” สมัยนี้คงไม่ไหว ไก่หอหญิงคงคอแตกถ้าแฟนอยู่ชั้น 14 เออ…เดี๋ยวถ้ามีโอกาสจะถามนังกระด้งว่าแถบๆฝั่งห้องมันมีไก่มาขันว่า”พี่คิด พี่คิด !!!”อ่ะเปล่า…

วันนั้นฝนตกพรำๆ ทั้งวันจนเย็นถึงหยุดตก  เราสามคนกินข้าวที่โรงอาหารเสร็จก็เลยจะไปเดินเล่นในจุฬา เราเรียกกิจกรรมการเดินในจุฬาว่าไป”เดินจุฬา”  สมัยนั้นห้องค่ายจะอยู่ใต้หอหนึ่ง(หอติดรั้วหน้าเตรียมอุดม) เราสามคนก็เป็นเด็กห้องค่ายประเภทวงในใกล้ชิด  ก็แวะทักทาย..เห็นพี่ๆล้อมวงกันหนาแน่นเช่นเคย  ในห้องนั้นมีอุปกรณ์ทำครัวครบครัน เพราะเวลาออกค่ายต้องใช้อุปกรณ์นั้นอยู่แล้ว  วันดีคืนดีก็จะจัดปาร์ตี้หุงข้าวกินกัน…
พี่ๆก็ถามไปไหนกัน พวกเราก็บอกว่าไป”เดินจุฬา” พวกนั้นก็แซวว่า “ไปตกปลาที่สระจุฬามาฝากด้วยนะ..”ก็คะนองปากรับคำ แถมบอก”หุงข้าวรอเลย…”   แต่พวกเราก็ไปกันมือเปล่า เพราะไปเดินเล่น พี่ผู้หญิงมีถุงพลาสติกติดมือไป เพราะฝนเพิ่งหยุดตกเอาไปกันละอองฝน แต่เราบอกทุกคนว่า”จะไปใส่ปลา”

พวกเราลัดเลาะเข้าจุฬาทางประตู’ถาปัดเลียบไปทางฝั่งซ้ายของสนามหญ้าหน้าสระ คุยกันไปเรื่อยเพราะกะเดินย่อยอาหาร ฉับพลันพวกเราก็ส่งเสียงเฮฮากันลั่น เพราะเราเห็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งกำลังกระเดิ๊บ กระเดิ๊บในสนามหญ้า มันคือปลาช่อน!!!….

ถ้าคำสาปนั้นมีจริง  ตอนนั้นพวกเราก็ทึกทักว่า  ขณะนี้”ท่าน”คงประทานปลาช่อนตัวนี้มาให้เราโดยแท้  เพราะเราไม่ได้เอามือไปสัมผัสแตะต้องตัวมัน เพียงวางถุงพลาสติกที่จะเอาไปกันละอองฝน แล้วเต้นกรี๊ดรอบๆตัวปลามันก็ตรงเข้าไปในถุงโดยดี  แบบไม่ต้องใช้เหยื่อ..มันมาเพื่อให้เรากินโดยแท้-เราสรุปกันในที่สุด  ก่อนจะเปลี่ยนทิศกลับห้องค่ายทันที……

“พี่…ที่เขาห้ามน่ะห้ามตกปลาใช่มั้ย…หรือเขาห้ามกินปลา”ฉันเริ่มหาช่องโหว่ช่องว่างของกฎหมาย..ปลอบใจตัวเอง   เหมือนตอนเป็นเด็กประถม  ที่โรงเรียนมีป้าย”ห้ามเดินลัดสนาม” อีเด็กผีอย่างฉันก็วิ่งผ่าน  บอกคุณครูว่าฉัน”วิ่ง”ไม่ได้”เดิน”ซะหน่อย แต่ก็ไม่รอดโดนไม้เรียวฟาดซะก้นลาย…

“เขาห้ามกินนะ…แต่นี่”ท่าน”ส่งมาให้เราตะหาก  เราไม่ได้ไปจับมันมาซะหน่อย แถมไม่ได้สัมผัสตัวมันด้วย” เมื่อหาเหตุผลให้ตัวเองสบายใจได้ระดับหนึ่ง กิจกรรมก็ต้องดำเนินต่อไป  เมื่อเราเอาอีปลาช่อนชะตาขาด ตัวนั้นกลับมาห้องค่าย

เมื่อชำแหละมันเสร็จโดยพี่ๆ  มันเป็นปลาไข่เต็มพุงตัวโตมาก วันนั้นชาวค่ายหออิ่มหนำสำราญ แถมยังสนุกสนานกับวีรกรรมการจับปลาแบบไม่เสียเลือดเนื้อและเวลา  ฉันตั้งชื่อเมนูอาหารวันนั้นว่า--ต้มยำไข่ปลาตายท้องกลมชะตาขาด,ทอดปลาชะตาขาด เป็นต้น

แต่ที่ชะตาเกือบขาดกันจริงๆ กลับเป็นกลุ่มที่”ร่วมด้วยช่วยกันกิน”  เพราะพอเกรดออก  ทุกคนก็ผงะหงาย  พี่วิศวะผู้ชายต้องต่ออีกหนึ่งซัมเมอร์ถึงจะจบ  พี่ผู้หญิงเกรดเทอมนั้นก็โปร-เฉลี่ยกับของเดิมที่สะสมไว้ก็พอจะรอด  ท่านพี่อื่นๆก็อาการใกล้เคียง  เห็นว่าบางท่านต้องไปอยู่บ้านอาจารย์เพื่อติวกันแบบเข้มข้นเพราะ”โปรต่ำ”อาการร่อแร่  ส่วนนังจิ้งจกของเรานั้นแม้ไม่สาหัสเพราะ”กินอย่างเดียว ไม่ได้แตะต้องสัมผัสตัวปลา”  แต่ก็เป็นครั้งแรกในชีวิตการเรียนที่สัมผัสเกรดที่เป็น 2.XX  (ฉันน่ะเด็กเรียนเก่งแถวหน้าของจังหวัดนะ) จากนั้นก็สัมผัสเกรดสองต่อเนื่องจนเรียนจบ ฮิฮิ

ท่านพี่เล็ก-อมร นางสาวไทยปี 23 ของหอชาย  รุ่นพี่เศรษฐศาสตร์เคยปลอบใจฉัน  ตอนที่ฉันจะต้อง WITHDRAW ครั้งแรกในชีวิต หลังการบริโภคปลาช่อนชะตาขาดตัวนั้น  เพราะเดินลงมาเจอฉันนั่งตบยุงใต้หอหนึ่งแก้กลุ้มเล่น มีศพยุงเป็นหลักฐานเกือบร้อยตัววางบนโต๊ะ  (ตบได้..ไม่ใช่ยุงเจ้าพ่อ  ยุงเจ้าพ่ออยู่หอเจ้าจอม) …
“ครั้งแรกก็ลำบากใจอย่างนี้ แหละจิ้งจก…ใครๆเขาก็ทำ”
พอทำแล้วก็เลยติดใจ ตัว W ในทรานสคริปต์ของฉันเลยมีเพียบ  นับแต่บัดนั้นมา…..(บอกแล้วไง  ฉันเป็นเด็กหัวอ่อน..ว่านอนสอนง่าย)….

เรื่องที่เล่ามา ก็เพื่อจะยืนยัน “เชื่อในสิ่งที่เฮ็ด เฮ็ดในสิ่งที่เชื่อ” รวมทั้ง”ไม่เชื่ออย่าลบหลู่” และ”รีบหาช่องโหว่เข้าข้าง โทษจะได้เบาบาง-ลดเหลือกึ่งหนึ่ง”…


THE END
:roll:  :roll:  :roll:

*************************************

ปัญหาเดิมอีกแล้วครับ...

ยังหารูปมาเล่าประกอบเรื่องไม่ได้

กราบอภัย"แฟนคลับ"ทุกท่าน...
บันทึกการเข้า

2524

khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #22 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2551, 20:39:56 »

Bravo!
excellent!

เอาอีกพี่จจ.ขูดออกมาให้หมด อย่าให้เหลือ!
nn.27
บันทึกการเข้า


jum2524
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,077

« ตอบ #23 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2551, 20:47:55 »

.....แหม!!..กล่าวพาดพิงถึง "พี่คิด"เชียวนะ...อิฉันเป็นกุลสตรีก็ต้องสงวนท่าทีหน่อยสิ..(ตอนแรกๆ :lol: :lol:) จะไปตะโกนเรียกผู้ชายอย่างงั้นได้ไง???...เพียงแค่(อิฉัน..กุลสตรี)ส่ง signal ก็ได้แล้ว เพราะห้องอยู่ตรงข้ามกันกะพี่คิด... :wink: :wink:

.....แต่ที่ไม่น่าให้อภัยก็ตรงที่พาดพิงถึง "กระด้ง"(สมควรถูกประหาร!!!)...ถามจริ๊ง??...รู้หรือแกล้งไม่รู้ว่า..มีความเป็นไปเป็นมาในอดีตกาล...ล้อเล่นน่า...ไม่มีอะไรหร็อก..ทุกวันนี้ก็ยังเคยโทร.คุยกัน..แถม!!..ได้คุยกะลูกชาย คุยกะศรีภรรยาเพื่อนด้วย...

.....แต่แหม!!...คุณจิ้งเธอเล่นพูดถึง "ไก่หอชายขันตอนเช้าหรือไก่ขันที่หอชายตอนเช้า"อะไรทำนองนี้น่ะ...ทำให้คิดไปได้หลายอย่างเน้าะ... :lol:  :lol:   :roll:  :roll:  :lol:  :lol:
บันทึกการเข้า
jingjok ۩ 2524
Cmadong ชั้นเซียน
*****


2524 รุ่นนี้-ไม่มีหลับ!!!
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,618

เว็บไซต์
« ตอบ #24 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2551, 20:59:02 »

อ้างจาก: "jum2524"
.....แหม!!..กล่าวพาดพิงถึง "พี่คิด"เชียวนะ...อิฉันเป็นกุลสตรีก็ต้องสงวนท่าทีหน่อยสิ..(ตอนแรกๆ :lol: :lol:) จะไปตะโกนเรียกผู้ชายอย่างงั้นได้ไง???...เพียงแค่(อิฉัน..กุลสตรี)ส่ง signal ก็ได้แล้ว เพราะห้องอยู่ตรงข้ามกันกะพี่คิด... :wink: :wink:

.....แต่ที่ไม่น่าให้อภัยก็ตรงที่พาดพิงถึง "กระด้ง"(สมควรถูกประหาร!!!)...ถามจริ๊ง??...รู้หรือแกล้งไม่รู้ว่า..มีความเป็นไปเป็นมาในอดีตกาล...ล้อเล่นน่า...ไม่มีอะไรหร็อก..ทุกวันนี้ก็ยังเคยโทร.คุยกัน..แถม!!..ได้คุยกะลูกชาย คุยกะศรีภรรยาเพื่อนด้วย...

.....แต่แหม!!...คุณจิ้งเธอเล่นพูดถึง "ไก่หอชายขันตอนเช้าหรือไก่ขันที่หอชายตอนเช้า"อะไรทำนองนี้น่ะ...ทำให้คิดไปได้หลายอย่างเน้าะ... :lol:  :lol:   :roll:  :roll:  :lol:  :lol:


ทำยังไงอ่ะ signal แบบกุลสตรี
เอากระจกเงาสะท้อนแสงยิงเข้าห้องพี่คิด หรือขว้างก้อนหินไปที่ระเบียง :?:
โถ...เรื่องกระด้งนั้น--ที่เอามาอ้างเพียงเพราะรู้ว่าอยู่ห้องปีกเดียวกับพี่หมอคิด
ถ้าไก่จะมาขันเรียกก็คงพอจะได้ยิน

ไม่ใช่ยาย 2460564 นี่จะได้รู้แจ้งชัดระบุได้ว่าพี่หมอคิดอยู่ห้องไหน...
ส่วนเรื่องที่เคยเล่นเป็น"โรเมโอ"กับ"จูเลียต"ตอนละครปีหนึ่งนั้น
จำม่ายด้าย  จำม่ายด้าย เอ๊ะ ตะหมูกฉันทำไมงอกยาวออกมา อิอิ
บันทึกการเข้า

2524

  หน้า: [1] 2 3 ... 157   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><