ตุ๋ย 22
|
|
« ตอบ #1075 เมื่อ: 08 มกราคม 2553, 19:45:42 » |
|
เหอๆๆๆๆๆๆ ไม่อ่าน เหอๆๆๆๆๆๆ
|
น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
|
|
|
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์
รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842
|
|
« ตอบ #1076 เมื่อ: 12 มกราคม 2553, 23:25:06 » |
|
เหตุุเกิดที่ลำตะคอง
เหตุเกิดประมาณ ห้าหรือหกปีมาแล้ว ตอนนั้นการไปท่องเที่ยวที่เขาใหญ่เป็นที่นิยมมาก พี่ได้บ้านพักจากเพื่อนสนิทของน้องสาว โดยที่พักแห่งนั้นเป็นรีสอร์ทส่วนตัวตั้งอยู่ท่ามกลางเนินเขาขนาดย่อมและมีแม่น้ำลำตะคองไหลผ่านทางด้านข้างซึ่งเลี้ยวโค้งเลียบผ่านแล้วไหลหักโค้งอีก ครั้งตัดผ่านด้านทางเข้า คือหากจะเข้ารีสอร์ทนี้ต้องขับรถข้ามแม่น้ำลำตะคองไปก่อน
ลักษณะ ของรีสอร์ทนี้คือเมือเข้าไปแล้วจะมีบ้านพักขนาดกะทัดรัดสามหลังเรียงกันทาง ด้านขวามือ และบ้านพักที่มีขนาดใหญ่กว่าสองหลังด้านซ้าย โดยมีถนนผ่านทุกหลังเป็นวงกลม จะเข้าบ้านพักทั้งสองฝั่งต้องผ่านวงเวียนขนาดเล็กซึ่งเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ราว สองคนโอบ เล่ากันว่าบ้านพักหลังใหญ่ไปสร้างทักรังงูเห่า ดังนั้นมักไม่ค่อยได้ใช้เนื่องจากวันดีคืนดีจะมีงูเลื้อยออกมานอนคุยด้วย ส่วนมาเพื่อนฝูงของน้องนิยมเลือกบ้านสามหลังทางฝั่งขวามือมากกว่า
ไป ครั้งแรก พวกพี่ไปกันหกคนหมาน้อยตัวหนึ่ง ได้บ้านพักหลังแรกซึ่งมีขนาดค่อนข้างเล็กชั้นเดียว ด้านหลังเป็นครัวมีห้องน้ำทั้งด้านบนและด้านล่างซึ่งติดกับแม่น้ำลำตะคอง เวลาไปนั่งจะได้ยินเสียงน้ำไหลด้วย แต่เข้าแค่ครั้งเดียวก็เผ่นแทบไม่ทัน
บรรยากาศ โดยรอบดีมาก เงียบสงบสมกับเป็นรีสอร์ทกลางป่า พอขนข้าวของไปเก็บเรียบร้อยก็เริ่มเดินสำรวจกันตามประสาคนไม่ค่อยอยากรู้ เรื่องของชาวบ้าน ตอนที่ไปถึงก็ราวๆเก้าโมงเศษซึ่งนับว่ายังเช้าอยู่มาก พี่กับน้องสาวมองไปที่บ้านพักหลังที่สองแล้รู้สึกแปลกใจเพราะเห็นกองไฟยัง กรุ่นอยู่ โซดายังอยู่ในลังซึ่งเปิดกินกันไปไม่กี่ขวด พอเดินไปดูใกล้ๆยิ่งแปลกใจมากขึ้นเพราะภายในบ้านมีเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้บางชิ้นตกเลื่อนอยู่ เหมือนคนรีบร้อนขนของออกไปยังไงยังงั้น ที่สำคัญน้องสาวเห็นพระห้อยอยู่ที่ประตูบ้านด้านหลังด้วย แต่มันล็อค เลยได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ
ตกค่ำหลังจากกินข้าวปลาอาหาร และนั่งเล่นกันเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ดับไฟเข้านอน โดนนอนรวมกันในห้องโถงใหญ่นั่นแหละ พอดึกได้ยินเสียงคนเดินวอนรอบบ้าน ก็พยายามเงี่ยหูฟังเพราะกลัวขโมยมากกว่าอย่างอื่น แต่ยิ่งฟังมันยิ่งแปลก เพราะบ้านก็ไม่ใช่หลังเล็กๆ เสียงฝีเท้าที่ได้ยินมันดังมาจากด้านตรงกันข้ากับที่นอนกัน แค่ลมหายใจมันก็เดินมาอยู่ที่หัวนอน แล้วกลับลงไปอยู่อีกฝั่งหนึ่งของบ้านอีก ทีนี้หัวนอนตรงพี่มันเป็นชอ่งกระจกเล็กๆเลยเงยหน้าขึ้นไปมอง ตำแหน่งของมันเราจะต้องเห็นในส่วนเอวหรือสะโพกแต่มันไม่ใช่ค่ะ มันเป็นส่วนน่อง ซึ่งหมายความว่าเจ้าของขาคู่นี้ต้องมีความสูงเกินหลังคาบ้านอย่างแน่นอน ทำไงน่ะเหรอ กอดหมาคลุมโปงแล้วหลับไปเลยน่ะสิ
ตอนเช้าแม่ถามว่า ใครไปปีนต้นจำปีข้างบ้าน น้องสาวบุญธรรมบอกหนูเองแล้วเขาทำหน้าแบบแม่รู้ได้ยังไง แม่บอกว่าเมื่อคืนมีผู้หญิงสวยมากลงมาจากต้นจำปีแล้วฟ้องว่าลูกแม่ไปไต่ ต้นไม้เขาเล่นข้ามหัวไปข้ามหัวมา ดีว่าที่มากับแม่ไม่ยังงั้นโดยถีบตกต้นไปแล้ว พอฟังจบหน้าซีดกันเป็นแถบ พี่เลยรีบเล่าเรื่องเมื่อคืนให้แม่ฟัง แม่เขามองไปที่ต้นไม้ใหญ่ตรงวงเวียนแล้วบอกสั้นๆว่า
เขามาดูแลพวกเราเท่านั้นเอง
อ้อ ลืมเรื่องห้องน้ำด้านล่างไป คือตอนที่พี่ไปเข้าน่ะ กำลังปล่อยเบาพร้อมนั่งฟังเสียงน้ำไหลอย่างเพลิดเพลิน ปรากฏว่าโถที่นั่งมันสั่นค่ะ....สั่นแบบโยกแล้วมีเสียงเหมือนหัวเราะดัง
แฮ่ะ แฮ่ะ แฮ่ะ
รีบชะโงกหน้ามองออกมาด้านนอก ไม่มีใครซักคน
ใครจะอยู่ล่ะ เผ่นสิ
ข้อมูลจาก พลังจิตดอทคอม
|
เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
|
|
|
ตุ๋ย 22
|
|
« ตอบ #1077 เมื่อ: 17 มกราคม 2553, 20:00:17 » |
|
โหจะไม่มีใครเข้ามาโพสตืจริงๆ หรือเนี่ย
|
น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
|
|
|
pusadee sitthiphong
|
|
« ตอบ #1078 เมื่อ: 17 มกราคม 2553, 20:35:38 » |
|
พี่อ่านตั้งนานแล้ว อยากอ่านอีก พธูหามาจากไหนจะไปหาอ่านเอง อิๆ
|
pom shi 2516
|
|
|
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์
รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842
|
|
« ตอบ #1079 เมื่อ: 20 มกราคม 2553, 03:30:34 » |
|
ที่ บ้านหนองโก บ้านตะเกียง พ่อสุนทรเล่าให้ฟังว่า คนไปขายเสื่อขายสาด เกิดเคราะห์หามยามร้ายรถไปคว่ำที่โคราชตอนเที่ยง คือลูกเขยพาแม่ยายไปขายเสื่อกับหมู่คณะราว 6-7 คน เมื่อพ่อสุนทรกลับจากนามากินข้าวเที่ยงที่บ้าน เห็นคนตายคือยายข้างบ้านกันเดินขึ้นไปบนบ้าน จึงถามเมียว่า เอ๊ะ! เห็นยายไปขายเสื่อขึ้นไปบนบ้าน ทำไมกลับมาเร็วนักเล่า?
แต่เมียยอกว่า ไม่ใช่ เขายังไม่กลับมากันเลย จะเห็นกันได้ยังไง?
ส่วนพ่อสุนทรก็ยืนยันว่าตนไม่ได้ตาฝาด เพราะเพิ่งเห็นยายแกเดินขึ้นบ้านไปเมื่อตะกี้นี้เอง!
ฝ่าย เมียกลับยืนยันว่าผัวตาฝาดไปเอง ด้วยความไม่แน่ใจทั้งคู่จึงชวนกันวิ่งขึ้นไปบนบ้าน เปิดหน้าต่างออกมองหาแต่ไม่เจอะเจอใครเลย เกิดสังหรณ์ใจว่าคงจะมีอะไรร้ายๆ เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ครั้นถึงเวลา 5 โมงเย็น ลูกเขยเขากลับมา บอกว่าแม่ยายตายตั้งแต่ตอนเที่ยงวันนี้แล้ว รถคว่ำตายคนเดียว!
สอง ผัวเมียรู้ข่าวแน่ชัดก็ตกตะลึงตัวชา ได้แต่หันมองสบตา ไม่เข้าใจว่ากลางวันแสกๆ เหตุใดผู้ตายจึงปรากฏกายกลับมาบ้านได้ในเวลานั้น เห็นเป็นรูปร่างปกติเดินขึ้นไปบนบ้านได้เล่าหนอ?
อีกเรื่องหนึ่งเกิดขึ้นที่บ้านหัวนาคำ
พ่อใหญ่พันธ์เล่าว่า ญาติป่วยหนักอยู่ที่อำเภอโกสุมพิสัย ขณะนั้นพ่อใหญ่พันธ์ขับรถมอเตอร์ไซค์เข้าไปในบ้าน ได้พบกับญาติที่ป่วยอยู่นั้น...รายนี้ไม่ธรรมดา เนื่องจากได้พูดคุยทักทายกันด้วย ญาติผู้นั้นบอกว่ามีธุระจะไปที่อื่น ขอฝากลูกหลานให้ช่วยดูแลด้วย เขาจะไปในวันที่ 15-16 นี้เอง
พูดคุยกันแล้วก็เดินเข้าบ้านหายลับไป
พ่อ ใหญ่พันธ์เอารถไปจอดไว้แล้วจึงคุยกับเมียว่า พี่น้องเรามาจากโกสุมฯ เขามาทำไม เมียบอกว่าไม่มีใครมา พ่อใหญ่พันธ์ร้องว่า ไม่มีได้ยังไง เมื่อสักครู่ได้คุยกันก่อนเข้ามาในบ้าน...ว่าแล้วจึงวิ่งตามเข้าไปดูในบ้าน แต่ไม่มีใครเลยแม้แต่คนเดียว
พ่อใหญ่พันธ์จึงบอกว่าผิดปกติเสียแล้ว จะต้องเดินทางไปโกสุมฯ แล้วจัดเตรียมข้าวของเพื่อเดินทางวันรุ่งขึ้น เพราะคิดว่าคงเกิดเหตุร้ายแน่นอน
ครั้นรุ่งเช้านำกระเป๋าขึ้นรถ ได้แวะซื้ออาหารที่อำเภอเชียงยืน มีคนรู้จักเล่าให้ฟังว่า ญาติที่บ้านหัวนาคำเมื่อคืนนี้ตายแล้ว พ่อใหญ่พันธ์รีบขับรถมอเตอร์ไซค์ไปจนถึงอำเภอโกสุมฯ ถึงบ้านญาติเห็นเขาจัดตั้งศพกำลังประดับประดาอยู่
เป็นไปได้ยังไง คนตายแล้วยังพูดได้ ไม่ใช่เห็นแต่รูปร่างเท่านั้น...ขนลุกหัวครับ!
เรื่องเล่าจาก ข่าวสด
|
เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
|
|
|
ตุ๋ย 22
|
|
« ตอบ #1080 เมื่อ: 21 มกราคม 2553, 13:44:13 » |
|
ทำไมต้องขนลุกด้วย
|
น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
|
|
|
Kaimook
|
|
« ตอบ #1081 เมื่อ: 21 มกราคม 2553, 20:25:13 » |
|
อันนี้เรื่องจริงเลยจ่ะ.... ลุงพันธ์ช่างซ่อมบ้านในหมู่บ้านค่ะแกรับซ่อมอยู่มาวันนึงแก่ผสมทรายริมถนน แล้วตายที่ริมถนนแต่ผจก.ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านกลับมาทานข้าวบ้านตอนเที่ยงขับรถมาเห็น ลุงพันธ์ทำงานที่ริมถนนแต่ภรรยาผจก.บอกลุงพันธ์ตายแลัวตอน9 โมงกว่าๆนี่เองเหอ เหอ เหอ ขนหัวลุกค่ะพี่น้อง
|
|
|
|
pusadee sitthiphong
|
|
« ตอบ #1082 เมื่อ: 21 มกราคม 2553, 21:41:59 » |
|
อ้าว ครูตุ๋ยแอบอ่านด้วยเหรอ เหอๆ
|
pom shi 2516
|
|
|
ตุ๋ย 22
|
|
« ตอบ #1083 เมื่อ: 24 มกราคม 2553, 20:17:45 » |
|
ไม่อ่านครีับพี่ป้อม กลัวๆๆๆๆๆๆ
|
น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
|
|
|
Leam
|
|
« ตอบ #1084 เมื่อ: 27 มกราคม 2553, 12:09:03 » |
|
.....Hiroshima Ghost.....@ @ @ @ @ @ @ @ @ @ @ @ @ @ @
|
|
|
|
ตุ๋ย 22
|
|
« ตอบ #1085 เมื่อ: 27 มกราคม 2553, 18:58:07 » |
|
เหอๆๆๆ อยู่เวรคนเดียวไม่อ่าน
|
น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
|
|
|
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์
รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842
|
|
« ตอบ #1086 เมื่อ: 27 มกราคม 2553, 21:49:54 » |
|
ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องผีๆ สางๆ เท่าไหร่ คิดว่าคนตายแล้วก็แล้วกันไป ถูกเผาถูกฝังไปแล้วไม่น่าจะมีฤทธิ์อะไร คนเป็นๆ เสียอีกที่น่ากลัวกว่าเป็นไหนๆ หลายคนก็หลอกหลอนเก่งกาจกว่าภูตผีด้วยซ้ำ คนเราส่วนมากกลัวความมืดนะครับ แต่คิดว่าตัวเองกลัวผี!
สังเกตว่า ตอนกลางวันเราจะไม่กลัวผีเลย แต่พอตกกลางคืนอยู่คนเดียวก็มีอาการหวาดระแวง เหลียวซ้ายแลขวา เพราะไม่รู้ว่ามีอะไรซุ่มซ่อนอยู่ในความมืด คนหรือผีกันแน่...
ส่วนมากก็ย่อมคิดว่าเป็นผีดุ วิญญาณสยองไว้ก่อน
สมัยวัยรุ่น ผมได้พบกับเรื่องแปลกประหลาด ไม่รู้ว่าประสาทหลอนไปเองหรือถูกผีหลอกกันแน่?
ขณะ นั้นผมอยู่ในบ้านสวนหลังวัดประดู่ธรรมาธิปัตย์ เชิงสะพานพิบูลสงครามค่อนไปทางสี่แยกบางโพ หน้าวัดเพิ่งมีตึกแถวสร้างใหม่หลังป้ายรถเมล์ ร้านริมสุดคือร้านเจ๊ป้อมเปิดทั้งด้านหน้าและด้านข้างที่ติดกับทางเข้าวัด ลาบร้านนี้ขายดิบขายดีจนเจ๊ป้อมต้องทำไว้เป็นกะละมัง ไหนจะมีส้มตำกับเนื้อย่างน้ำตกอีกล่ะ
ตกเย็นมีคอเหล้านั่งเต็มร้านไปจนถึงสองสามทุ่ม คนมาช้าต้องซื้อลาบใส่ถุงไปกินที่บ้าน
วัด ประดู่ฯ สมัยนั้นจะก็เฉพาะหน้าซอย ตอนเย็นๆ มีหนุ่มสาวเดินหาของกินกันคึ่กๆ จนถึงตรอกโอ่ง ตรงข้ามตรอกบันไดหิน แต่ในซอยเข้าวัดค่อนข้างแคบ ยามค่ำคืนจะเปล่าเปลี่ยวเอาการ
มีบ้าน เรือนทางขวามือ ส่วนทางซ้ายเป็นเมรุเผาศพตั้งเด่น ถัดไปมีศาลาเล็กๆ เก่าแก่ติดๆ คูน้ำ อันเป็นทางเข้าสวนที่มีบ้านช่องปลูกอยู่ห่างๆ กัน คนชำนาญทางสามารถเดินเลาะลัดสวนไปทะลุสะพานสูง บางซื่อได้อย่างง่ายดาย
ตอน นั้นผมเพิ่งเรียนจบ ได้ทำงานที่กรมชลประทานแถวศรีย่าน เพื่อนฝูงมากหน้าหลายตาขึ้น ตกเย็นก็มักแวะร้านเหล้าประสาชายโสด ที่หน้ากรมบ้าง หน้าโรงหนังบางกระบือบ้าง บางคืนก็มาแวะต่อที่ร้านเจ๊ป้อม...ตบท้ายด้วยข้าวเหนียวจิ้มลาบก็สบายท้อง แล้วครับ
ขากลับตอนปิดร้านมักมีคนในซอยที่รู้จักกันเดินไปด้วย เสียอย่างเดียวที่บ้านพวกนั้นถึงก่อน แต่ผมต้องเข้าสวนไปอีกหน่อย
ที่ศาลาเล็กหลังวัดจะเห็นตาเตียนนั่งสูบยาแดงวาบๆ แทบทุกคืน!
ถ้า คนแปลกถิ่นอาจจะนึกว่าผีหลอก แต่ผมรู้จักแกสิบกว่าปีแล้ว ตาเตียนอยู่ในสวนเหมือนกัน แต่พอลูกเต้าโตขึ้นแกก็ได้พักผ่อน...เขาลือกันว่าแกชอบดอดเข้าไปสูบกัญชาใน สวนเปลี่ยวเป็นประจำ บางคนก็ว่าแกเล่นของ ร้อนวิชาจนอยู่บ้านไม่ติด ตกค่ำต้องออกมานั่งสูบยา คุยกับผีๆ สางๆ เรื่อยเปื่อยเป็นประจำ
ตาเตียนถูกชะตากับผม ชอบทักทายชวนพูดชวนคุย แถมเล่าเรื่องผีให้ฟัง
"เมื่อตะกี้ตาหมาดแกลงจากเมรุ เดินมาส่งเอ็งถึงนี่เลยโว้ย"
"แหม! นังแตนมันคงชอบเอ็งมากซีนะ ข้าเห็นเดินกระแซะไหล่เอ็งมาถึงนี่แน่ะ หน็อย! พอเห็นข้าคงอายเลยเดินกลับหลุม"
แก ชอบพูดแบบนี้แหละครับ ว่าผีเดินมาส่งผม...ตอนแรกก็อดหัวเราะไม่ได้ แต่ตอนหลังสังเกตว่าพอเดินผ่านเมรุหมาจะหอนทุกครั้ง พอหันไปดูก็เห็นเงาวูบๆ วาบๆ ก่อนจะหายไป...กระทั่งถึงคืนสยองขวัญ!
คืน นั้นผมเดินเข้าซอยเปลี่ยวมาตามเคย อากาศปลายปีหนาวจัดจนขนลุกซ่า พิษเหล้าจางหาย...เสียงหมาหอนเยือกเย็นจนผมหันไปมองเมรุที่โดดเด่นอยู่ใต้ แสงดาว ก่อนจะชะงักกึก มองภาพนั้นแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง
...ร่าง ผอมกะหร่องของตาเตียน ผมขาวโพลน นุ่งกางเกงขาก๊วยตัวเดียว มีผ้าขาวม้าพาดไหล่เดินเข้ามาหา ยิ้มเหงือกแดงบอกว่า...คืนนี้ข้าจะไปส่งเอ็งแทนพวกนั้นนะโว้ย!
ว่า แล้วแกก็ออกเดินนำหน้า ผมเดินตามต้อยๆ ตาลายจนเห็นตาเตียนเดินเหมือนลอย ผ่านศาลาเงียบเชียบเข้าไปในสวน ยอดไม้สะบัดใบซู่ซ่าราวกับป่าเปลี่ยว...จนกระทั่งถึงบ้านผมเรียบร้อย
"ข้าส่งเอ็งแค่นี้ละโว้ย เดี๋ยวจะกลับไปสูบยาซะหน่อย" แกบอกแล้วหันกลับ ผ่านผมวูบวาบไปดื้อๆ พอหันไปมองก็ไม่เห็นแกเสียแล้ว
รุ่ง ขึ้นถึงได้รู้ข่าวว่าตาเตียนหัวใจวายตายคาบ้องกัญชาตั้งแต่เย็นวาน ตอนนี้ศพอยู่ที่วัด...ถึงจะซาบซึ้งว่าแกห่วงใยผมแค่ไหน แต่ไม่กล้ากลับบ้านดึกๆ อีกต่อไป เพราะกลัวจะเห็นแกเดินยิ้มแป้นเข้ามาหาน่ะซีครับ...บรื๋อส์!
ข้อมูลจาก ข่าวสด
ดีนะ เป็นเรื่อง "ตาเตียน" ถ้าเป็น "ตาตุ๋ย" เสียตังค์แน่
|
เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
|
|
|
ตุ๋ย 22
|
|
« ตอบ #1087 เมื่อ: 28 มกราคม 2553, 19:06:58 » |
|
เหอๆๆๆๆ ไม่อ่านขอรับ
|
น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
|
|
|
SC (ก้าน 24)
Full Member
ออฟไลน์
กระทู้: 981
|
|
« ตอบ #1088 เมื่อ: 02 กุมภาพันธ์ 2553, 19:25:50 » |
|
สวัสดีครับพี่ตุ๋ย
ผมก็ไม่อ่านด้วยคนครับ คือพอแล้ว รู้ว่าสิ่งเหล่านี้มีจริงเลยไม่อ่าน ขี้เกียจด้วย ห้องผมนะมาเป็นขบวนยาวมองปลายแถวไม่เห็นเลย
ห้องผมเลข 409 4 คือ ดาวพุธ หมายถึงการสื่อสาร 0 คือ ดาวมฤตยู หมายถึงภูตผีวิญญาณ 9 คือ ดาวเกตุ หมายถึง เทวดา อารักษ์
ก่อนหน้านั้นก็ไม่เคยได้อยู่ห้องเลขแบบนี้เลย ที่จริงผมก็ไม่ได้เลือกห้องนี้ ผมเอาห้องที่เขาเปิดให้เป็นตัวอย่าง พอย้ายเข้าเจ้าของบอกห้องนี้ดีกว่า ห้องที่จะเอามันต้องซ่อมอะไรซักอย่าง เขาทำไม่ทัน เลยทำความสะอาดห้องนี้ให้ ผมเปิดดูเห็นว่าอยู่ฝั่งที่ต้องการก็เลยโอเค เพราะขนข้าวของมาแล้ว ไม่เอาไม่รู้จะทำอย่างไร
แต่ยอมรับ ไม่เคยทำสมาธิได้ดีเท่ากับที่ห้องนี้มาก่อนเลย ขนาดที่วัดอัมพวันยังสู้ไม่ได้
|
My Website <== คลิกเพื่อชม MV โดยไม่มีโฆษณาคั่น คลิกเล่นแล้ว คลิกขยายให้เต็มจอ อย่าคลิก YouTube
|
|
|
ตุ๋ย 22
|
|
« ตอบ #1089 เมื่อ: 02 กุมภาพันธ์ 2553, 21:47:10 » |
|
ผมไม่อ่านเพราะผมอยู่คนเดียวตอนอยู่เวรอ่านแล้วผมจะหลอกตัวเอง ตกใจป่าวๆ
|
น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
|
|
|
Kaimook
|
|
« ตอบ #1090 เมื่อ: 03 กุมภาพันธ์ 2553, 08:54:40 » |
|
ชอบอ่านแต่อ่านกลางคืนหลอนมากๆค่ะขอบอกกกก
|
|
|
|
ตุ๋ย 22
|
|
« ตอบ #1091 เมื่อ: 03 กุมภาพันธ์ 2553, 19:18:28 » |
|
เหอๆๆๆๆๆๆๆ ไม่ชอบอ่านเลยแหละ
|
น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
|
|
|
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์
รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842
|
|
« ตอบ #1092 เมื่อ: 10 กุมภาพันธ์ 2553, 12:31:47 » |
|
เรื่องมีอยู่ว่า ครูสั่งให้ นร. เขียนเรียงความโดยมีหัวข้อ ว่า " ศาสนา เพศศึกษา และ ปริศนา " ผ่านไป 15 นาที มีเด็ก ชายคนหนึ่ง ยกมือ บอกว่าเขียนเสร็จ แล้ว ครูก้อเลยอ่าน
" โอ้พระเจ้า(ศาสนา) ฉันท้อง(เพศศึกษา) แล้วใครเป็นพ่อเด็กหละเนี่ย(ปริศนา) "
ข้อมูลจาก board.postjung
|
เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
|
|
|
Leam
|
|
« ตอบ #1093 เมื่อ: 10 กุมภาพันธ์ 2553, 14:50:35 » |
|
ครูตุ๋ยอ่านได้.......ไม่ต้องกลัว ฮิ.....ฮิ.....
|
|
|
|
Leam
|
|
« ตอบ #1094 เมื่อ: 10 กุมภาพันธ์ 2553, 14:56:47 » |
|
...ตาแดงเชียว...
|
|
|
|
ตุ๋ย 22
|
|
« ตอบ #1095 เมื่อ: 12 กุมภาพันธ์ 2553, 19:43:38 » |
|
|
น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #1096 เมื่อ: 08 มีนาคม 2553, 20:48:31 » |
|
โปรด repeatอีกครั้งหนึ่ง ที่กระทู้ขำขันพี่เจี๊ยบคะ! ป๋าาาา
|
|
|
|
ตุ๋ย 22
|
|
« ตอบ #1097 เมื่อ: 08 มีนาคม 2553, 21:44:57 » |
|
|
น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #1098 เมื่อ: 09 มีนาคม 2553, 23:48:23 » |
|
หัวเราะไล่ผีกันเถอะพี่ตุ๋ย
|
|
|
|
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์
รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842
|
|
« ตอบ #1099 เมื่อ: 10 มีนาคม 2553, 11:48:55 » |
|
เมื่อ ผ่านช่วงเวลาของการสอบเอนทรานซ์มาทุกคนคงจะจำภาพ ในบรรยากาศรับน้องได้ว่ามีแต่ความสนุกสนานเฮฮา และทำให้รุ่นพี่รุ่นน้อง ได้ทำความรู้จักกันมากขึ้นแต่สำหรับบางคนคงจะไม่มีวันลืมวันนั้นได้เลย เรื่องราวเกิดขึ้นที่สถานที่ๆเราไปยังจังหวัดกาญจนบุรี เป็นรีสอร์ทเล็กๆเพราะมันไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเลย แต่พวกพี่น้องก้อต่างบอกกันว่า
เหมาะเป็นสถานที่ไว้ก๊งเหล้าตอนกลาง คืน และตอนช่วงบ่ายๆหลังจาก ที่คนอื่นได้พาน้องๆไปตะลุยเข้าฐานต้อนรับน้องใหม่กันแล้วก็ถึงหน้าที่ ของคนที่ต้องคอยจัดขั้นตอนพิธีการ และพวกเราทั้ง 5 คน ต้องไปตัดต้นกลัวย เพิ่ม เพื่อที่จะนำใบตองมา
ตกแต่งบายศรีเพิ่มเพราะที่นำมา จากกรุงเทพฯ พออยู่บนรถก็มีความเสียหายไปบ้าง ใน 5 คนนั้นมีตัวดิฉันเองและเพื่อนผู้ชาย ซึ่งเรียนรุ่นเดียวกัน 1 คน และยังมีรุ่นน้องตามไปด้วยอีก 3 คน เป็นญ 2 ช 1 พอเห็นว่าได้ที่ตัดต้นกล้วยแล้วต่างก็ยกมือขอเจ้าที่เจ้าทางว่าขอตัดใบตอง ไปเพื่อใช้ทำพิธีทำอะไรผิดพลาดไปก็ขออภัยไว้ก่อนจากนั้นจึงเป็นหน้าที่ของ ผู้ชาย 2 คนที่ต้องตัดต้นกล้วยพวกผู้หญิงจะมาช่วยกันแบกเฉยๆ แต่แล้ว ที่สุดน้องผู้หญิงที่ไปด้วยคนหนึ่งกลับพูดว่า ทำไมต้นนี้ตัดยากตัดเย็นเสียจริง ยางก้อเยอะ ซึ่งทุกคนก็บอกเออน่า !!! อย่าเที่ยวบ่นไปหน่อยเลย
แต่ใครจะไปรู้ว่าคำพูดของน้องผู้หญิงคนนั้น จะกลายเป็นความเดือดร้อน ในเวลาต่อมา เพราะอยู่ๆเหตุการณ์ที่ทุกคนไม่เคบเจอ และไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
เมื่อ กำลังจะทำพิธีบายศรีสู่ขวัญให้กับน้องๆ จู่ๆ น้องคนนั้นก็มีอาการโวยวายแล้วนั่งตัวสั่นขึ้นมา ทุกคนก็ไม่มีใครรรู้สาเหตุว่าเธอเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร
บรรยากาศ จากความเงียบสงบกลายมาเป็นความโกลาหลในทันที เพราะ ทุกคนนึกว่าเธอจะเป็นลมบ้าหมู หรือเป็นโรคอะไร ช่วยกันปฐมพยาบาลกัน ยกใหญ่จนไปยุ่งกับเขามากมีการตวาดไส่มาว่าไม่ต้องมายุ่งกับกู พวกแก ทำอะไรลงไปทำไมไม่ขออนุญาตฉันก่อน แถมมาว่ากันอีกที่เคยนั่งล้อมกัน เป็นวงกลมใหญ่กลายเป็นกลุ่มเป็นก้อนกันหมดเพราะทุกคนต่างก็มา กระจุกตัว เบียดเสียดอยู่ด้วยกันคราวนี้หัวหน้ารุ่นพี่ที่เหมือนเป็นคนดูแล ทุกคนพูดออกมาว่าตอนเย็นใครไปทำอะไรมาหรือเปล่าได้ขอโทษเจ้าที่
เจ้าทาง หรือยังจนดิฉันนึกถึงคำพูดของน้องผู้หญิงคนนั้นได้ รุ่นน้องคนหนึ่ง ได้ถอดสร้อยพระนำมาคล้องคอให้กับน้องผู้หญิงรู้สึกว่าน้องเค้ามีอาการสงบ เงียบลง แต่นั่งหน้าตาซึมตลอด จนตลอดทั้งคืนนั้นพวกรุ่นพี่เองก็นอนกัน ไม่ค่อยหลับทุกคนเลยตัดสินใตว่าจะพารุ่นน้องคนนั้นกลับกรุงเทพฯ เพื่อไปปรึกษากับพ่อแม่แล้วเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ผู้ปกครองของน้องคนนั้น
ฟังน้อง คนที่เป็นเจ้าของสายสร้อยไดติดตามมาด้วยจากกาญจนบุรีแนะนำ ให้ไปหาหลวงพี่ที่เขาสนิทสนม เผื่อท่านจะช่วยอะไรได้บ้างเพราะพ่อแม่ของ น้องเห็นสภาพลูกเขาที่ได้แต่นั่งตาซึม มองซ้ายมองขวาแต่ไม่มีการพูดจาสนทนา ตอบหากใครไปมองเข้านานๆจะมีอาการจ้องตาเขม็งตอบทุกคนจะกลัวกัน มากหลังจากพาน้องไปพบกับหลวงพี่จึงได้รู้ว่า คนที่ตามน้องมาด้วยนั้น
เค้า โกรธมากที่ไปพูดดูถูกเขา หลวงพี่บอกว่าเทอเป็นนางตานีตอนนั้น ให้รีบถวายสังฆทานอุทิศส่วนกุศลให้เขา และกล่าวคำขอขมาลาโทษไปด้วย พร้อมกับกรวดน้ำ จากนั้นพวกเราก็นั่งในวัด พูดคุยกับหลวงพี่ไปเรื่อยๆ
ใน ที่สุดน้องเขาก็หายเป็นปกติ งงว่าทำไมถึงมาทำอะไรกันที่วัดนี้ภาพสุดท้าย ที่เธอจำได้คือ กำลังนั่งทำพิธีกันอยู่ในคืนรับน้องพวกเราเลยเล่าเรื่องทั้งหมด ให้เจ้าตัวฟัง เธอถึงกับขนลุกซู่ขึ้นมาเลยและบอกว่าวันหลังจะระวังคำพูด ให้มากขึ้น ไม่ใช่แค่น้องคนนั้นหรอกค่ะที่กลัวทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็ หวาดกลัวกันหมด จากนั้นทุกคนก็ได้แกย้ายกันไปพักผ่อนเพราะทุกคนได้ ตรากตรำ อดตาหลับขับตานอนกันมาเป็นเวลา 2 วัน 2 คืนเต็มๆ ทีเดียว
|
เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
|
|
|
|