khesorn mueller
|
|
« ตอบ #825 เมื่อ: 16 สิงหาคม 2552, 16:16:03 » |
|
หญ้าอ่อนๆหนิงว่าไหวนะคะ ทีหนิงยังนิยมขิงเอย มะพร้าวเอย ยินว่าเผ็ด-มันกว่าพวกอ่อนๆค่าพี่อ้อย
nn.22+5
|
|
|
|
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์
รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842
|
|
« ตอบ #826 เมื่อ: 17 สิงหาคม 2552, 19:58:36 » |
|
เรื่อง ชวนขนหัวลุกในครั้งนี้เกิดขึ้นมาแล้วร่วม 3 ปีครับ นักเรียนคนหนึ่งได้เล่าให้ พี่ลาเต้ ฟังว่า เหตุการณ์สยองขวัญ ที่ไม่มีวันลืมในครั้งนี้ เกิดขึ้นตอนที่ต้องมาอยู่ค่ายพุทธบุตรพักแรมที่โรงเรียน สิ่งที่เขาจำได้ดีที่สุดคือช่วงเวลายามค่ำคืนหลังพระอาทิตย์ตกดิน ที่ไม่มีนักเรียนคนไหน ได้นอนสงบสุขแม้แต่คนเดียว..โดยเฉพาะในคืนสุดท้าย..
นักเรียนรายนี้เล่าให้ฟังว่า การพักแรมในครั้งนี้ นักเรียนชายถูกจัดให้นอนในอาคาร 3 ซึ่งมีบ่อน้ำขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้า อาคารและบ่อน้ำแห่งนี้ มีเรื่องเล่าขานมานานแล้วว่า เคยมีภารโรงมาปิดไฟแล้วเกิดโดนไฟฟ้าช๊อตจนกระทั่งตกลงมาตายในบ่อแห่งนี้ ..กว่าศพจะลอยขึ้นมาให้พบเห็นก็กินเวลาไปหลายวัน
ด้วยความที่เป็นเด็กผู้ชายพอได้มาอยู่ค่ายรวมกัน กิจกรรมแผลงๆเช่น ผีถ้วยแก้ว จึงเกิดขึ้น..คืนที่ 1 นักเรียนชายบางส่วนประมาณ 10 คนอาศัยช่วงเวลาที่เพื่อนๆหลับนอนเล่นผีถ้วยแก้วกัน..การเล่นในครั้งนี้ ผู้เล่นทั้งหมดต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "เราไม่ได้ขยับนะ ใครเลื่อน ใครดันบอกมา" ระหว่างที่เล่นเชื่อไหมครับว่า..ทุกคนในวงต่างได้ยินเสียงคนกระโดดน้ำ กระโดดซ้ำไป ซ้ำมาหลายๆรอบ รวมกับมีอยู่หลายคน แต่ทุกคนก็ไม่ได้คิดอะไร..
จนกระทั่งสิ่งที่ได้จากผีถ้วยแก้ว คือ แก้วได้เลื่อนไปในตำแหน่งที่บอกว่า "มีผู้ชายสูงอายุคนหนึ่ง อยู่ในน้ำ อยู่มาหลายปี กำลังไม่พอใจนักเรียนกลุ่มนี้" เมื่อทุกคนในวงผีถ้วยแก้วได้อ่านประโยคนี้ ทำให้ชวนนึกถึงเสียงคนกระโดดน้ำที่ยังดังอยู่อย่างต่อเนื่อง ทันใดนั้น หลายคนเริ่มถอดมือ เริ่มถอดตัวออกจากพิธี จนกระทั่งวงแตก..และวิ่งหนีไปยังที่นอนอย่างรอดเร็ว..ในคืนนั้นทุกคนที่ร่วม วงผีถ้วยแก้ว ยืนยันเป็นเสียงเดียวว่า ไม่มีใครนอนหลับได้เลย ในหัวมัวแต่คิดถึงเหตุการณ์ผีถ้วยแก้ว
ในคืนที่ 2 นักเรียนกลุ่มผีถ้วยแก้วบางคนเริ่มมีอาการหนาวสั้นแบบไม่มีสาเหตุ บางคนบอกว่าหายใจไม่ออก บางคนหนาว บางคนถึงกับเปรียบอาการป่วยของตัวเองว่าราวกับจมอยู่ในน้ำ แต่ทุกคนก็ไม่ได้แสดงอาการให้อาจารย์รับรู้ เพราะคิดว่าเป็นแค่อาการเหนื่อยจากการทำกิจกรรม บรรยากาศในค่ำคืนที่สอง น้องนักเรียนที่เล่าให้ พี่ลาเต้ ฟังได้อธิบายเพิ่มเติมว่า ตลอดทั้งคืนที่ 2 จะได้ยินเสียงร้องของผู้ชายตลอด เสียงมันดังมาจากท้องฟ้า พยายามลองฟังดูก็แปลไม่ออกว่าเขาพูดอะไร เหมือนไม่ใช่ภาษาคน
จนกระทั่งเหตุการณ์ในคืนที่ 3 ซึ่งเป็นคืนสุดท้าย..ที่นักเรียนทั้งหมดต่างเหนื่อยล้าจากกิจกรรม จึงนอนหลับตามที่เขาเปรียบเทียบว่า หลับเป็นตาย ค่ำคืนนี้เหตุการณ์เหมือนจะปกติ แต่เริ่มดึกๆ ก็เริ่มมีเสียงสุนัขเห่าหอน หอนเป็นทอดๆ จากเสียงไกลๆ เริ่มใกล้ ใกล้ ใกล้ ใกล้มาเรื่อย..จนเริ่มรู้สึกว่า สุนัขกำลังหอนอยู่หน้าอาคาร 3 บริเวณสระน้ำนั้นเอง..นักเรียนคนนั้นเล่าต่อว่า แม้ในห้องที่นอนจะไม่มีใครตื่นขึ้นมา แต่ก็เชื่อว่ายังไม่มีใครหลับ ประเมินได้จากเสียงลมหายใจแต่ละคนที่ดังแรงมากๆ ราวกับคนกำลังตื่นเต้น จากนั้นไม่นานก็มีเพื่อนคนหนึ่งลุกขึ้นเดินไปปิดพัดลม..ทันทีที่ปิดไม่ถึง วินาทีเพื่อนคนนี้ก็วิ่งกลับมานอนอย่างรวดเร็ว จนคนอื่นๆเชื่อว่าต้องเจออะไรเข้าแล้ว..
จนกระทั่งตอนเช้า เพื่อนๆในห้อง อาจารย์ในโรงเรียน และพระที่มาเป็นวิทยากรในค่าย ได้ฟังเหตุการณ์ทั้งหมดจากปากเพื่อนคนดังกล่าว ที่พูดออกมากลางห้องประชุมว่า...
"เมื่อ คืน ระหว่างที่เขาเดินไปปิดพัดลม เขามองออกไปที่ระเบียงหน้าห้องด้านสระน้ำ เขาเห็นผู้ชายสูงอายุ ตัวเปียก ท่าทางหนาวสั่น นั่งหลังงอ ศีรษะก้มโค้งลงมาจนติดพื้น ที่สำคัญด้านหน้าชายคนนั้น มีผีถ้วยแก้ววางอยู่ด้วย" เขามาทำอะไร..เด็กกลุ่มนั้นคงรู้ดี..
เรื่องเล่าจาก เด็กดีดอทคอม
|
เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
|
|
|
|
ตุ๋ย 22
|
|
« ตอบ #828 เมื่อ: 17 สิงหาคม 2552, 20:59:16 » |
|
เราไม่อ่าน เหอๆๆๆๆๆๆๆๆ
|
น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #829 เมื่อ: 18 สิงหาคม 2552, 15:24:52 » |
|
อ่านแล้วคะ. ไม่กลัว.
|
|
|
|
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์
รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842
|
|
« ตอบ #830 เมื่อ: 18 สิงหาคม 2552, 18:07:43 » |
|
สวัสดีครับก็ได้อ่านประสบการณ์ทางวิญญาณของ คนอื่นๆมาหลายเรื่องแล้ว ก็ขอเล่าเรื่องของตัวเองบ้างนะครับ ก็ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2541 ตอนนั้นผมอายุได้ 20 ปีเต็ม ตอนนั้นผมบอกกับทางครอบครัวไว้ว่าอยากจะบวชตอนช่วงปิดเทอมระหว่างภาคตอน เดือน ธ.ค. (ปีนั้นมหา’ลัยของผมเลื่อนปิดเทอมมาเป็นเดือน ธ.ค.เพราะช่วงนั้นมหา’ลัยต้องใช้พื้นที่ในการแข่งกีฬา)และผม อยากบวชกับวัดป่าสายหลวงปู่มั่น ป้าของผมที่เป็นครูที่ จ. กาญจนบุรีก็ออกไปสืบหาวัดในแถวกาญจนบุรีให้ผมจนไปได้เจอวัดพุมุด (วัดพุทธวิมุติวนาราม) ที่ อ.ไทรโยค มีหลวงพ่อชมเป็นเจ้าอาวาส ผมได้ไปกราบท่านเพื่อขอบวชกับท่านเป็นเวลา 3 สัปดาห์ซึ่งท่านก็มีเมตตากับผมมาก ท่านอนุญาตให้ผมบวชอยู่วัดท่านได้แต่ท่านบอกว่าผมต้องมาถือศีล 8 อยู่วัดก่อน 1 อาทิตย์และท่านยังถามผมให้แน่ใจว่าผมสามารถปฏิบัติข้อวัตรของวัดป่าได้รึ เปล่า ซึ่งผมก็ยืนยันว่าทำได้แน่นอนเพราะผมศรัทธาในพ่อแม่ครูบาอาจารย์ในสายวัดป่า อยู่แล้วชอบบรรยากาศที่สงบร่มรื่นเป็นป่าเป็นเขาอย่างวัดพุมุดด้วย
พอผมได้บวชเป็นพระสมกับความตั้งใจ หลวงพ่อชมก็ให้ผมอยู่กุฏิที่หน้าโบสถ์ บอกนิดนึงว่าวัดป่าจะทำกุฏิเป็นหลังเล็กๆสำหรับพระ 1 รูปและตั้งอยู่ห่างๆกันเกิน 100 เมตรทั้งนั้นซึ่งกุฏิที่ผมอยู่ก็ห่างจากกุฏิหลวงพ่อชมและพระรูปอื่นๆชนิดที่ ว่าตะโกนกันไม่ได้ยินเสียงเลยทีเดียวและยังอยู่กลางกลุ่มตนไม้ร่มครึ้มที เดียวเล่นเอาผมรู้สึกหวาดๆทีเดียวแต่ก็ระลึกถึงคำสอนของหลวงพ่อชมว่า
“ให้ รักษาศีลของพระให้สะอาดบริสุทธิ์ตลอดเวลานะ ศีลของพระที่เป็นพระธรรมวินัยเป็นของศักดิ์สิทธิ์มากถ้าปฏิบัติได้ครบถ้วนจะ ไม่มีอะไรมาทำอันตรายเราได้และจะเป็นที่รักของทั้งคน, สัตว์ตลอดจนโอปปาติกะทั้งหลายด้วย"
สัปดาห์แรกผมก็ปฏิบัติกิจของ สงฆ์และเจริญพระกรรมฐานตลอดเวลา หลวงพ่อชมท่านให้ผมบริกรรม “พุทโธ” ตลอดเวลาพร้อมทั้งนั่งสมาธิและเดินจงกรมสลับกันไปตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงเวลาจำ วัดซึ่งผมก็ได้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัดมาตลอด จนมาถึงช่วงสัปดาห์ที่ 2 ผมก็ได้ผมกับประสบการณ์ทางวิญญาณครั้ง แรกในคืนวันหนึ่งวันนั้นหลังจากทำวัตรเย็นและรายงานผลการปฏิบัติกรรมฐานให้ กับหลวงพ่อชมฟังแล้วผมก็กลับมาที่กุฏิเพื่อนั่งสมาธิก่อนจำวัดผมสวดมนต์ สรรเสริญพระรัตนตรัย (อิติปิโสฯ) กับคาถาชินบัญชรแล้วผมก็นั่งสมาธิบริกรรมพุทโธพร้อมกับกำหนดลมหายใจเป็นอานาปานสติ
จนเวลาผ่านไปซักพักใหญ่ๆจนจิตเริ่มสงบลงผมรู้สึกว่า เปลือกตาของผมมันลืมขึ้นมาเองโดยที่ผมควบคุมไม่ได้ ผมพยายามฝืนหลับตาลงแต่ไม่เป็นผลสุดท้ายตาของผมก็ลืมขึ้นเอง ผมรู้สึกว่าทั้งๆที่เป็นคืนเดือนมืด (น่าจะแรม 14 ค่ำ) แต่ผมกลับเห็นทุกอย่างนอกหน้าต่างได้อย่างชัดเจน และแล้วผมก็เห็นเงาดำๆเป็นรูปคนค่อยๆลอยมาจากโบสถ์ (โบสถ์อยู่ตรงกับหน้าต่างของกุฏิผมพอดี) ตรงมาที่กุฏิของผม ผมในตอนนั้นไม่รู้สึกกลัวเท่าไหร่แต่ตื่นเต้นมากกว่า ผมเร่งบริกรรมพุทโธเร็วขึ้นเพื่อให้ใจสงบและสติยังอยู่
ในที่สุด เจ้าเงาดำๆนั้นก็ลอยทะลุหน้าต่างและลอยผ่านตัวผมออกไปออกกุฏิ ผมรู้สึกว่าสามารถหลับตาได้อีกครั้งคราวนี้ผมเลิกนั่งสมาธิครองจีวรแล้วรีบ ไปหาหลวงพ่อชมทันที (ตอนนั้นยังไม่ดึกมากประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง) ผมรีบเล่าเรื่องที่เพิ่งเจอมาให้หลวงพ่อชมฟังทันที คำแรกที่ท่านพูดมาก็คือ
“คุณ เป็นพระแล้วมากลัวผีได้ยังไงกันหึ?” และท่านก็เทศนาผมอีกชุดใหญ่เลยว่าผมยังปฏิบัติยังใช้ไม่ได้สติยังไม่ดีถึง ได้ตื่นเต้นตกใจแบบนี้ให้กลับไปบริกรรมพุทโธใหม่ให้สติอยู่กับพุทโธมากกว่า นี้และหลวงพ่อชมท่านก็บอกว่าที่ผมเจอนั้นนิมิตที่จิตของผมสร้างขึ้นมาเนื่องจากว่าสติยังไม่ดี ผมกราบลาหลวงพ่อชมกลับมาที่กุฏิแล้วนั่งสมาธิต่อแต่คราวนี้ไม่เจออะไรแต่ผม ก็ยังตื่นเต้นอยู่ดี
พอวันรุ่งขึ้นผมไปหาหลวงพี่องค์นึงแล้วเล่า เรื่องนี้ให้ท่านฟังหลวงพี่ก็เทศนาผมเหมือนหลวงพ่อชมให้ฟังอีกชุดนึงพร้อม ทั้งกำชับให้ผมรักษาธรรมวินัยให้บริสุทธิ์อยู่ตลอดเวลา ผมก็รับมาปฏิบัติอย่างดีจนครบ 3 อาทิตย์ซึ่งผมก็ไม่เจออะไรอีกเลย
พอ ถึงวันที่ผมสึก หลวงพ่อชมท่านก็ชมผมหลังจากสึกแล้วว่า “โยมนี่เก่งนะอยู่วัดนี้ได้ตั้ง 1 เดือน” ผมได้ฟังแล้วก็งงมากเพราะผมไม่รู้สึกว่ามันจะมีอะไรยากลำบากตรงจะมีก็แต่ บรรยากาศที่วิเวกเป็นป่าเขาเท่านั้นเอง ผมก็เลยถามหลวงพ่อชมไปว่า “ทำไมละครับไม่เห็นจะมีอะไรเลยนี่ครับ” ท่านบอกมาว่า “ก็วัดพุมุดนี่ผีดุมากนะซิพระองค์อื่นๆมาอยู่ไม่เกิน 3 วันโดนผีหลอกจนเผ่นกระเจิงไปเลย ที่วัดนี้มีทั้งผีพม่า, ผีกระเหรี่ยง, ผีทหารญี่ปุ่นกับผีเชลยศึกที่มาสร้างทางรถไฟสายมรณะตอนสงครามโลกและเจ้าที่ เจ้าทางก็แรงนะ” ผมผงะเลยตกใจว่าเราอยู่วัดผีดุขนาดนี้มาได้ยังไงตั้งเดือนนึง ผมกลั้นใจถามท่านไปว่า “งั้นที่ผมเห็นวันนั้นก็ผีจริงๆนะซิครับ” ท่านตอบมาว่า “ก็อาจจะใช่นะเพราะโยมทำสมาธิจนจิตสงบลงแต่สติของโยมยังไม่ดีแทนที่จะเข้ามา รู้ข้างในกายของตัวเองกลับส่งออกไปรู้ข้างนอกก็เลยไปเห็นเขาเข้าน่ะ”
และ ท่านบอกอีกว่า “เพราะโยมรักษาศีลไว้ได้ดีพวกเขาเหล่านั้นก็อนุโมทนากับโยมก็เลยไม่รบกวน อะไรกับโยมเลยที่จริงวัดพุมุดนี่มีงูจงอางด้วยนะแต่โยมโชคดีที่ไม่เจอเขาไม่ งั้นโยมอาจกลัวจนอยู่ไม่ได้นะ” ผมก็นึกในใจว่าตั้งแต่ตอนบวชมาไม่เคยเจองูกับสัตว์มีพิษอะไรเลย ผมกราบขอบคุณหลวงพ่อชมที่ท่านเมตตาให้ผมได้บวชในวัดของท่านและอบรมสั่งสอนผม เป็นอย่างดีก่อนที่ลาท่านกลับบ้าน ผมไม่ได้ไปวัดพุมุดนานแล้วครับตั้งแต่หลวงพ่อชมท่านมรณภาพเมื่อตอนประมาณปี พ.ศ. 2543 ผมคิดว่าถ้ามีโอกาสจะกลับมากราบอัฐของหลวงพ่อชมที่วัดพุมุดอีกครั้งครับ
เรื่อง ของผมอาจจะไม่ตื่นเต้นนักแต่ก็เป็นประสบการณ์ที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งใน ชีวิตของผม เพราะหลังจากผมบวชที่วัดพุมุดมาแล้วผมไม่กลัวผีและวิญญาณอีก เลยอาจมีหวาดๆมั่งเวลาไปในสถานที่ไม่คุ้นเคยแต่ก็ระลึกถึงคำสอนของหลวงพ่อชม ทุกครั้งว่า “รักษาศีลให้บริสุทธิ์และให้มีสติระลึกถึงพุทโธไว้นะ” แล้วทุกครั้งความหวาดกลัวก็จะจางหายไปครับใครที่ยังกลัวอยู่ลองนำไปใช้มั่ง นะครับ
เรื่องเล่าจาก http://board.palungjit.com
|
เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
|
|
|
ตุ๋ย 22
|
|
« ตอบ #831 เมื่อ: 18 สิงหาคม 2552, 20:11:38 » |
|
ขยันหาจริงนะนายทู
|
น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #832 เมื่อ: 21 สิงหาคม 2552, 18:50:40 » |
|
แล้วได้อ่านรึปล่าวล่ะคะ
พี่ทู...กลัวผีมั้ยพี่?
|
|
|
|
ตุ๋ย 22
|
|
« ตอบ #833 เมื่อ: 21 สิงหาคม 2552, 18:53:44 » |
|
ผมอยู่กลางคืน ไม่อ่านแน่ๆครับ
|
น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
|
|
|
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์
รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842
|
|
« ตอบ #834 เมื่อ: 22 สิงหาคม 2552, 07:49:42 » |
|
|
เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
|
|
|
ตุ๋ย 22
|
|
« ตอบ #835 เมื่อ: 22 สิงหาคม 2552, 18:39:24 » |
|
กลัว ปี้ ตุ๋ย
|
น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #836 เมื่อ: 22 สิงหาคม 2552, 19:10:13 » |
|
ใคร...ปี้....ใครแน่?
ลงชื่อ น้องผีทะเล
|
|
|
|
ตุ๋ย 22
|
|
« ตอบ #837 เมื่อ: 22 สิงหาคม 2552, 19:16:49 » |
|
นั่นดิสงสัยนายทู เอนายทูไม่ใช่คนเหนือน้า
|
น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
|
|
|
|
ตุ๋ย 22
|
|
« ตอบ #839 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2552, 18:50:12 » |
|
ไม่รู้ใครจะมัดใครดิน้องก้าน
|
น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
|
|
|
|
ตุ๋ย 22
|
|
« ตอบ #841 เมื่อ: 28 สิงหาคม 2552, 20:55:44 » |
|
ข้าไม่เอา่หรอกไอ้ทิดแหลมดอกไม้แบบนี้
|
น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
|
|
|
Leam
|
|
« ตอบ #842 เมื่อ: 28 สิงหาคม 2552, 21:37:08 » |
|
เอาไปสักดอกเหอะ.........ครูตุ๋ย ........ของหายาก
|
|
|
|
ตุ๋ย 22
|
|
« ตอบ #843 เมื่อ: 28 สิงหาคม 2552, 21:41:18 » |
|
ลองเอากุหลาบเผาในเตาถังแดง มันออกมาเป็นแบบนี้เลยแต่ไม่มีหัวกระโหลก จับหน่อยแตกผุไปเลย
|
น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
|
|
|
Leam
|
|
« ตอบ #844 เมื่อ: 28 สิงหาคม 2552, 22:04:27 » |
|
เหรอ........ครูตุ๋ย
ถ้าเผาออกมาแล้วมีหัวกระโหลก.......คงต้องนิมนต์พระมาปัดรังควาน หรือ ต้องจุดธูปไหว้มันแล้วละ
|
|
|
|
ตุ๋ย 22
|
|
« ตอบ #845 เมื่อ: 28 สิงหาคม 2552, 23:33:47 » |
|
เหอๆๆๆๆ อย่าพูดไปอยู่คนเดียว
|
น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
|
|
|
Leam
|
|
« ตอบ #846 เมื่อ: 28 สิงหาคม 2552, 23:40:18 » |
|
อยู่คนเดียวซิดี..............ผีๆชอบ
|
|
|
|
ตุ๋ย 22
|
|
« ตอบ #847 เมื่อ: 31 สิงหาคม 2552, 13:15:26 » |
|
ตอนนี้กลางวันผีไม่มีนะไอ้ทิดแหลม
|
น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
|
|
|
Leam
|
|
« ตอบ #848 เมื่อ: 31 สิงหาคม 2552, 14:43:45 » |
|
กลางวันซิเห็นชัดดี.........เดี๋ยวจะพาไปดู.........รอนิดหนึ่ง........ครูตุ๋ย
|
|
|
|
|
|