23 พฤษภาคม 2567, 09:36:57
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 74 75 [76] 77 78 ... 131   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: [2513] "ซำบายดีพี่แอ๊ะ ๑๓"  (อ่าน 722210 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1875 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2553, 10:12:15 »

บทความของวันที่ 4 พฤษภาคม

บทบรรณาธิการ

แก๊งอันธพาลเสื้อแดงต้องรับผิดชอบ กับความสูญเสียบุกโรงพยาบาลจุฬาฯ (บทบรรณาธิการ)

 

 สังคมไม่อาจให้อภัยกับเหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนใจและความชิงชังต่อผู้คนทั้งประเทศเป็นอย่างมากก็คือกรณีที่กลุ่มกุ๊ยคนเสื้อแดงนำโดยนายพายัพ ปั้นเกตุ หนึ่งในแกนนำคนเสื้อแดงยกกำลังติดอาวุธนับร้อยคนใช้อำนาจเถื่อนบุกเข้าไปภายในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์แล้วเข้าตรวจค้น ซึ่งสร้างความตี่นตระหนกตกใจและโกลาหลต่อบรรดาแพทย์ พยาบาล ตลอดจนเป็นอันตรายต่อชีวิตบรรดาผู้ป่วยอาการหนักจำนวนมากที่กำลังรับการรักษาเพื่อช่วยชีวิต

 ความเลวทรามต่ำช้าและเหิมเกริมของเหล่ากุ๊ยเสื้อแดงทำให้โรงพยาบาลต้องขนย้ายผู้ป่วยซี่งมีทั้งคนชราและทารกที่อยู่ในอาการโคม่าอย่างทุลักทุเล ขณะเดียวกันก็หยุดให้บริการผู้ป่วยเนื่องจากเกรงความไม่ปลอดภัย ซึ่งสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนที่เจ็บไข้ได้ป่วยจำนวนมากที่รอรับการรักษาจากโรงพยาบาล

 เหตุการณ์เลวร้ายครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกและร้ายแรงที่สุดสำหรับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์นับตั้งแต่ก่อตั้งมากว่า 100 ปี และที่สำคัญก็คือโรงพยาบางแห่งนี้เป็นหน่วยงานในสังกัดสภากาชาดไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ และที่น่าประณามเป็นอย่างยิ่งก็คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารีต้องทรงรับสั่งให้ย้ายสมเด็จพระสังฆราชซึ่งประทับรักษาอาการพระประชวรที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ไปประทับรับการรักษาที่โรงพยาบาลศิริราชแทนเพื่อความปลอดภัย

 แม้ล่าสุดจากกระแสประณามกดดันของสังคมจะทำให้เหล่าแกนนำกุ๊ยเสื้อแดงยอมเปิดเส้นทางและคืนพื้นที่บางส่วนรอบโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ แต่ก็ยังไม่สำนึกในความผิดของตัวเองโดยยังคงยึดพื้นที่บางส่วนตั้งเป็นบังเกอร์และด่านตรวจนอกกฏหมายซึ่งเป็นอุปสรรคขัดขวางและคุกคามความปลอดภัยจนทำให้ผู้บริหารโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ตัดสินใจยังไม่เปิดบริการคนไข้จนกว่าเหล่ากุ๊ยคนเสื้อแดงจะคืนพื้นที่ไปจนถึงแยกสารสิน

 จากเหตุกาณ์บุกโรงพยาบาลจุฬาฯของเหล่ากุ๊ยเสื้อแดงล่าสุดทำให้ผู้ป่วยอาการหนักที่ถูกขนย้ายในช่วงเกิดเหตุการณ์เสียชีวิตลงแล้ว 1 รายขณะที่อีกหลายรายมีอาการอยู่ในขั้นน่าเป็นห่วง

 โดยผู้ป่วยที่เสียชีวิตคือนายเต็งเซี๊ยะ แซ่จู วัย 68 ปีที่ถูกย้ายออกจากโรงพยาบาลขณะกำลังเข้ารับการผ่าตัดรักษาโรงมะเร็งลำไส้ ขณะเดียวกันมีผู้ป่วยวัย 70 ปีอีกท่านหนึ่งซึ่งขณะย้ายจากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ไปยังโรงพยาบาลเกษมราษฏร์ประชาชื่นเกิดหัวใจหยุดเต้นซึ่งแพทย์โรงพยาบาลเกษมราษฏร์ได้ปั๊มหัวใจกลับมาเต้นได้อีกครั้ง แต่ล่าสุดผู้ป่วยรายนี้กลับอาการทรุดหนักลงอีก นอกจากนี้ยังมีทารกแรกเกิดอีกอย่างน้อย 2 รายที่อยู่ในอาการน่าเป็นห่วงมาก

 จากความสูญเสียที่เกิดขึ้นทำให้ขบวนการกุ๊ยเสื้อแดงทั้งหมดสมควรถูกประณามและจะต้องแสดงความรับผิดชอบ ขณะเดียวกันก็ถือเป็นความชอบธรรมที่รัฐบาลจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดสลายการชุมนุมของแก๊งอันธพาลเสื้อแดงที่ยึดย่านราชประสงค์เป็นแหล่งซ่องโจรคอยบ่อนทำลายชาติบ้านเมืองและคุกคามเป็นภัยต่อสาธารณชนโดยเร็วที่สุด

วันที่ 4/5/2010

http://www.naewna.com/news.asp?ID=209706

ไร้สำนึก
•   บทบรรณาธิการ                                                               4 พฤษภาคม 2553 - 00:00
  การเจรจาขอพื้นที่ถนนราชดำริจากแยกศาลาแดงไปจนถึงแยกสารสินคงไม่เป็นผลสำเร็จ  เนื่องจากแกนนำคนเสื้อแดงยังมองประโยชน์ฝ่ายตนเป็นหลัก   ไม่สนใจว่าสาธารณะจะได้ประโยชน์หรือไม่  เพราะแกนนำคนเสื้อแดงไม่ได้ใส่ใจเรื่องสิทธิมนุษยชนแม้แต่น้อย
     เท่าที่ปรากฏเป็นข่าว  แกนนำคนเสื้อแดงให้เหตุผลด้านความปลอดภัยของผู้ชุมนุมมากกว่าความสะดวกในการเข้าถึงโรงพยาบาลของผู้ป่วย  และความสบายใจในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์ 
     ทำไมแกนนำคนเสื้อแดงต้องการคงไว้ซึ่งบังเกอร์ตั้งแต่ริมถนนพระราม  4  รอบพระบรมราชานุสาวรีย์  ร.6  ริมถนนราชดำริ  ไปจนถึงจุดกลับรถจุดแรกบนถนนราชดำริ  การรบกวนการรักษาพยาบาลเช่นนี้เกี่ยวข้องอะไรกับการต่อสู้ประชาธิปไตย  และทำไมคนเสื้อแดงถึงถอยบังเกอร์ไปจนถึงสามแยกสารสินไม่ได้
     คำตอบจะง่ายมาก  ถ้าการเรียกร้องของคนเสื้อแดง  คือ  การเรียกร้องให้ได้มีซึ่งประชาธิปไตยอย่างแท้จริง  แต่เพราะการเรียกร้องครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับประชาธิปไตย  เป็นการเรียกร้องเพื่อให้มีการเปลี่ยนอำนาจ  โดยมีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายร่วมต่อสู้เป็นคู่ขนาน  สำคัญไปกว่านั้น  แกนนำคนเสื้อแดงถือเอาว่า  ถนนราชดำริ  คือ  สนามรบ  พวกเขาจึงไม่อาจถอยมากไปกว่านี้ได้อีกแล้ว
     สภาพโดยทั่วไปของบังเกอร์ที่คนเสื้อแดงร่วมกันสร้างขึ้นมา  คือ  สิ่งที่อธิบายได้ทั้งหมดว่า  ทำไม  ศ.นพ.อดิศร  ภัทราดูลย์  ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์  ต้องการให้คนเสื้อแดงถอยแนวบังเกอร์ไปจนถึงสามแยกสารสิน  ซึ่งขณะนี้แนวบังเกอร์ทั้งหมดก็ยังคงอยู่คนละฟากถนนกับโรงพยาบาล  นั่นคือ  แนวรบที่คนเสื้อแดงวางเอาไว้  เป็นแนวรบที่ยังคงอยู่คนละฟากถนนกับโรงพยาบาล  นี่คือ  ความไม่สบายใจของบุคลากรทางการแทพย์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
     เหมือนมีแนวรบอยู่หน้าบ้าน  หากมีการสลายการชุมนุม  หรือบางคนอาจจะบอกว่าสงครามกลางเมือง  ขี้นมาเมื่อไหร่  จุดนั้นคือแนวปะทะระหว่างทหาร-ตำรวจ  กับ  คนเสื้อแดง-กองกำลังไม่ทราบฝ่าย  สิ่งที่จะตกเป็นข่าว  คือ  โรงพยาบาลถูกลูกหลง  อาจจะเกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินขึ้น  และไม่มีทางที่แกนนำคนเสื้อแดงจะออกมาแสดงความรับผิดชอบ  ด้วยข้ออ้างไม่ใช่มติของแกนนำ  และไม่รู้ไม่เห็นปฏิบัติการของกองกำลังไม่ทราบฝ่าย
     ในพื้นที่การชุมนุมของคนเสื้อแดง  ณ  เวลานี้  มีการใช้พื้นที่เกินความต้องการเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยอยู่มากพอสมควร  บริเวณโดยรอบบรมราชานุสาวรีย์  ร.6  ถือเป็นพื้นที่ส่วนเกินด้วยซ้ำ  หากแกนนำจะยุบส่วนนี้ถอยไปรวมกันหลังแนวแยกสารสิน  ก็ไม่น่าจะส่งผลต่อการชุมนุมแต่อย่างใด  เพราะพื้นที่ดังกล่าวยังอยู่ในสภาพหลวมๆ
     นั่นคือ  เหตุผลด้านสิทธิมนุษยชนที่ทางโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ต้องการให้เป็น  เช่นเดียวกัน  แกนนำคนเสื้อแดงก็มีเหตุผลในการตั้งรับการสลายการชุมนุม  โดยไม่ให้น้ำหนักเรื่องสิทธิมนุษยชน  ซ้ำร้ายแกนนำคนเสื้อแดงยังโจมตีด่ากราดว่า  โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ร่วมมือกับรัฐบาลกดดันคนเสื้อแดงให้เลิกชุมนุม
     คนเสื้อแดงไม่พอใจอย่างมากกับภาพการขนย้ายผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลอื่น  รวมถึงไม่พอใจที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ยังไม่กลับมาให้บริการเต็มรูปแบบ  แต่คนเสื้อแดงไม่เคยใส่ใจว่าตนเองเป็นต้นเหตุของปัญหาหรือไม่  ซ้ำร้ายยังมีพฤติการณ์ไร้สำนึกอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มแรก
     การอ้างว่ามีทหารอยู่ในโรงพยาบาลโดยยืนยันด้วยภาพถ่าย  และพรรคเพื่อไทยนำภาพถ่ายนี้ไปขยายผลทางการเมือง   ผลการพิสูจน์ก็ออกมาจากศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน  (ศอฉ.)  แล้วว่า  เป็นรายการแหกตา  ทั้งคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยนำความเท็จมาใช้ประโยชน์ทางการเมือง  มีการพิสูจน์พบว่าภาพถ่ายที่คนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยนำมากล่าวอ้างนั้น   เป็นภาพถ่ายของทหารบริเวณลานจอดรถอาคารชาญอิสระซึ่งอยู่คนละฟากถนนพระราม  4    กับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
     ภาพถ่ายนี้ถ้าคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยได้มาอย่างสุจริตและเชื่อโดยสุจริตใจว่า  เป็นภาพที่ถ่ายได้ในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์จริงก็ควรตรวจสอบให้แน่ชัดว่า  สิ่งที่เชื่อนั้นคือความจริงหรือไม่ก่อนที่จะพาพวกบุกค้นโรงพยาบาล  เพราะถ้าหากรู้จักค้นหาความจริงกันเสียบ้าง  เหตุบุกค้นโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์คงจะไม่เกิดขึ้น  และไม่ต้องมาแก้ตัวว่าไม่ใช่มติแกนนำ  แต่ก็แสดงให้เห็นว่าการต่อสู้ของคนเสื้อแดงล้วนใช้ความเท็จเป็นที่ตั้ง
     หากพวกเขารู้แต่ต้นแล้วว่า  ภาพนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์  แต่ต้องการนำมาเป็นข้ออ้างในการเข้ารื้อค้นจะถือเป็นพฤติกรรมเลวทรามต่ำช้า  ไร้สำนึกต่อส่วมรวมอย่างสิ้นเชิง  ยากที่จะให้อภัย 
     แกนนำคนเสื้อแดงต้องออกมาชี้แจงเรื่องภาพถ่ายนี้  ต้องให้รายละเอียดว่า  ที่แกนนำคนเสื้อแดงทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่านั้น  เกิดจากอะไร  อย่าโยนความผิดที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งเพียงว่า  ฝีมือแดงเทียม  หรือไม่ใช่มติแกนนำ  ก่อนที่จะทำผิดมากไปกว่านี้.

http://www.thaipost.net/news/040510/21716

ข้อเสนอสุดท้ายก่อน"จับตายยกแก๊ง"
•   เปลว สีเงิน                                                                         4 พฤษภาคม 2553 - 00:00
   พรุ่งนี้-๕  พฤษภาคม  เป็นวันฉัตรมงคล  วันที่  "สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช"
เสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติ  ถ้านับจากวันที่  ๙  มิถุนายน  ๒๔๘๙  อันเป็นวันที่  "นายปรีดี  พนมยงค์"  เป็นผู้ประกาศในฐานะนายกรัฐมนตรีขณะนั้น  ถึง  ณ  วันนี้ก็  ๖๐  ปีพอดี
     แต่ถ้านับจากวันประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก  เฉลิมฉลองเป็นทางการตามโบราณราชประเพณี  และทรงใช้พระนามเต็มว่า  "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว"  เมื่อทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ  ๒๐  พรรษาบริบูรณ์  ณ  วันที่  ๕  พฤษภาคม  ๒๔๙๓  ถึงวันนี้  ๕  พฤษภาคม  ๒๕๕๓  ก็สิริวัฒนาสถาพร  ๖๔  ปีพอดี
     ดังนั้น   ทุกวันที่  ๕  พฤษภาคม  ของทุกปี  จึงเป็นวัน  "ฉัตรมงคล"  ฉัตร  ๙  ชั้น  "นพปฏลเศวตฉัตร"  ณ  รัชกาลที่  ๙  เรื่อยมา  และตามพระราชพิธีฉัตรมงคลอันปรากฏต่อเนื่องมานั้น  จะมี  ๓  วัน  คือ  วันที่  ๓-๔-๕  ณ  พระบรมมหาราชวัง  ก็ที่  "วัดพระแก้ว"  นั่นแหละครับ
     เมื่อวานนี้  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ  ให้  สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ  สยามมกุฎราชกุมาร  เสด็จฯ  แทนพระองค์  ทรงประกอบพระราชกุศลทักษิณานุประทาน  ณ  พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย  อุทิศถวายแด่พระบรมราชบุรพการี
     วันนี้  ที่  ๔  พฤษภาคม  จะเริ่มพระราชพิธีฉัตรมงคล  หัวหน้าพราหมณ์จะอ่านประกาศพระราชพิธี  พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์เย็น
     และวันพรุ่งนี้  ที่  ๕  พฤษภาคม  เป็นวันฉัตรมงคล  มีงานเลี้ยงพระ  และสมโภชเครื่องราชกกุธภัณฑ์  ตอนเที่ยง  ทหารบก-เรือ-อากาศ  จะยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติฝ่ายละ  ๒๑  นัด  ที่ท้องสนามหลวง
     ครับ...ก็เอามาบอกให้ทราบกันไว้เป็นประจำทุกปี  สำหรับท่านที่จะไปเฝ้าแหนถวายความจงรักภักดีต่อพระองค์  และพระบรมวงศานุวงศ์  พร้อมทั้งเปล่งเสียงถวายพระพรชัย  จะได้ไปกันถูกที่-ถูกเวลา
     บ้านเมืองไทย  เป็นเมืองมีเทพทุกเหล่าชั้นรักษาเป็นมหามงคลชัย  ดังนั้น  การสวดมนต์อันว่าด้วยการสรรเสริญพระพุทธคุณ  พระธรรมคุณ  และพระสังฆคุณ  ในพุทธศาสนา  และการตั้งจิต-สงบใจเป็น  "พลังบริสุทธิ์"  ด้วยศรัทธาถึง  "พระผู้เป็นเจ้า"  อันยิ่งใหญ่ในแต่ละศาสนานั้น
     พลังที่เกิดจากจิตเข้มแข็งมารวมกัน  นั่นเรียกว่า  "พลังมหาประชาชาติ"  ย่อมมีฤทธานุภาพ  "ปราบมาร"  แน่นอน!
     เอาในส่วนที่แนะนำได้นะครับ  ด้วยบทสวดมนต์ที่ผมแจกไปเองบ้าง  มาขอจึงแจกให้ไปบ้าง  หวังว่าแต่ละท่านคงได้ใช้บทสวด  อย่างน้อยก็บท  อิติปิโส-พาหุง-มหากา  สวดเป็นมนต์สงบจิต-รวมใจประจำวันต่อเนื่องกันดีอยู่นะครับ  "สวดมนต์เป็นยาทา  วิปัสสนาเป็นยากิน"  หลวงพ่อจรัญ  วัดอัมพวัน  สิงห์บุรี  ท่านเคยบอกกับญาติโยมอย่างนี้
     ประเทศไทย-คนไทย  ตอนนี้กำลังป่วย  ฉะนั้น  ถ้าใครยังไม่สามารถไปถึงขั้นยากิน  ก็ใช้ยาทา  คือการสวดมนต์ภาวนาไว้เป็นประจำ  นั่นก็ช่วยให้หายโรค-พ้นภัยได้อยู่  อย่างหลายวันก่อน  เจอท่าน  "บรรพต  หงษ์ทอง"  อดีตปลัดกระทรวงเกษตรฯ  ดูหน้าตาท่านผ่องใส  ผิดกับข้าราชการเกษียณใหม่ๆ  บางท่านที่เคยพบ
     ถามตามมรรยาทว่า  "สบายดีนะท่าน"  ท่านก็ตอบว่า  สบายดีมาก  โดยเฉพาะใจ  เกษียณแล้วก็ไม่ได้ไปทำอะไร   นอกจากทำงานโครงการถวาย  "สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ  สยามบรมราชกุมารี"  จากนั้น  แต่ละคืนก็สวดมนต์ก่อนนอน  จะสวดพาหุง-มหากา  แล้วต่อด้วย  "มหาสมัยสูตร"
     ผมก็ร้อง  โอ้โฮ...ท่านสวดบท  "มหาสมัยสูตร"  เลยเชียวหรือ?
     ท่านก็..."อืมมม  พี่  ผมสวดทุกคืน  ไหน.....ใครว่าเทวดาไม่มีจริง  ในบทมหาสมัยสูตร  สวดแล้วเทวดาเหาะลงมาฟังกันเยอะแยะเลย"
     แสดงว่าท่านพูดจริง-ทำจริง  และใช้บทสวดมหาสมัยสูตรที่มีคำแปลจึงทราบละเอียด  แต่ถ้าสักแต่ว่าสวดโดยไม่ศรัทธาแน่วแน่  ท่านคงไม่เล่าให้ผมฟังเป็นตุเป็นตะ  เพราะมหาสมัยสูตรนั้น  นอกจากเป็นบทสวดที่ยาวมากแล้ว  ยังยากในการอ่านด้วย  ใครไม่มุ่งมั่น  และไม่บากบั่นสวดเป็นประจำจนคล่องปากจริงๆ  ต้องทิ้งกลางคันแน่นอน
     ผมเคยแจกไปหลายรอบแล้วนะครับ   สำหรับหนังสือสวดมนต์ทั้งฉบับที่มี  "มหาสมัยสูตร"  ของท่านพระมหาเทอด  วงศ์ชะอุ่ม  วัดสระเกศ  และที่มีเฉพาะ  พาหุง-มหากา  โดยคุณแม่วาณี  ล่ำซำ  ท่านเป็นผู้จัดหามามอบให้  ฉะนั้น  คงไม่ต้องนำเรื่องราว  และอานิสงส์ของการ
สวดมนต์มาบอกอีก
     ไหนๆ  ก็คุยเรื่องนี้แล้ว  เมื่อสัปดาห์ก่อน  ท่านผู้ว่าฯ  ททท.  "คุณสุรพล  เศวตเศรณี"  และผู้หลักผู้ใหญ่อันเป็นคณะบริหารของท่านผ่านมาทางคลองเตย  ท่านก็แวะเยี่ยม  ปกติผมก็ไม่เคยพบท่าน  แต่ชอบที่ท่านมองทะลุถึง  "จุดแข็ง-จุดขาย"  ที่ไม่มีวันตายของการท่องเที่ยวไทย  คือ  "วัด"
     พอท่านขึ้นเป็นผู้ว่าฯ  ททท.ท่านก็ชักชวนทั้งคนไทยและคนเทศด้วยโครงการ  "ทัวร์ไหว้พระ  ๙  วัด"  เหมือนการตั้งนะโมก่อนจะทำงานให้เป็น  "มงคลชัย"  ของประเทศชาติ  คือการประกอบพิธีกรรมทุกอย่างนั้น  ถ้าท่านสังเกตจะเห็นว่าต้องเริ่มต้นด้วยการ  "ตั้งนะโม"  ก่อน  ถ้าสวดอะไรไม่ตั้งนะโมก็ไม่ขลัง  เขาถือกันอย่างนั้นนะครับ
     นี่ก็เหมือนกัน   ททท.เป็นหน่วยงานที่สร้างเงินเข้าประเทศโดยไม่ต้องลงทุนเป็นวัตถุคงที่  ถ้าเริ่มด้วยวัดสำคัญตามประวัติศาสตร์ชาติไทยเช่นนี้  เท่ากับผู้ว่าฯ  ททท.คนใหม่ทำงานด้วยการตั้งนะโม  "ยึดรากแก้ว"  ประเทศไทย  ย่อมมีชัย  ทุกอย่างจะสำเร็จเป็นผลแก่ชาติตามเป้าหมายแน่นอน!
     พอเห็นหน้า  และเห็นดวงตาของท่านก็เข้าใจ  ผมเลยค้น  "หนังสือบทสวดมนต์"  ฉบับที่มีคำแปลของพระมหาเทอดแจก  เพราะท่านบอกว่า  ปกติก็ชอบสวดมนต์  สวดแล้วหลับสบาย-ใจสงบ  เจอผู้นำองค์กรสังคมงานถึงเป็นคนสมัยใหม่  แต่ใจมีแกนยึดในชาติ  พระศาสนา  และพระมหากษัตริย์  เช่นนี้
     ผมไม่รู้จะแสดงออกซึ่งความถูกอก-ถูกใจแบบไหนดี  มีหนังสือสวดมนต์นี่แหละแทนใจ-ให้ท่าน!
     เอ้า...ก็คุยนอกหัวข้อสนทนาที่ท่านทั้งหลาย  "ใจจด-ใจจ่อ"  อยู่กับเรื่องกบฏบ้าน-กบฏเมืองใช่มั้ย  วัน-สองวันนี้  พยายามทำใจให้ปลอดโปร่ง-โล่งสบายไว้เถอะครับ  ปล่อยวางกันซะบ้าง  ทุกอย่างที่มันหนักบนบ่า-คาอยู่ในใจ  เพราะเราเอามาแบกไว้บนบ่าเองตะหาก  เอาวางลงซะ  มันก็หายหนักเองแหละ
     คุณอภิสิทธิ์นั้น  ด้วยความเป็นนายกฯ  ของท่าน  บนบ่านอกจากแบกศีรษะแล้ว  ท่านยังแบกประเทศ  และแบกเสียงด่าคนทั้งประเทศไว้ด้วย  ไม่ให้กำลังใจ  ก็เห็นใจคนอยู่ในฐานะนั้นบ้างเถอะครับ  คนที่อยู่ในตำแหน่งบริหารนั้น  การ  "บริหารงาน"  น่ะเรื่องขี้ผง  แต่สิ่งที่นักบริหารทั้งโลกยอมรับว่า  "ยากที่สุด"  คือ
     งาน  "บริหารใจคน"!?
     ถ้า  "ขึ้นภูดูเสือกัดกัน"  หลังจากพวกกบฏ  "บุกโรงพยาบาลจุฬาฯ"  ก็เห็นชัดว่า  แพ้ราบคาบทั้งในสนามรบ  และนอกสนามรบคือมวลชนทั่วไป  ไม่เฉพาะคนไทย  คนทั้งโลกเมื่อดูข่าว  "ไม่มีใครเอาเสื้อแดงแล้ว"
     มีทั้งอดีตนายกฯ  ตั้ง  ๒  คน  มีทั้งนักวิชาการ  มีทั้งอาจารย์มหาวิทยาลัยทั้งจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์   มีทั้ง  ส.ส.  ทั้งอดีตรัฐมนตรี  ทั้งแพทย์  ทั้งพวกหัวโล้นห่มเหลือง  มีทั้งตำรวจ  มีทั้งทหาร  มีทั้งอดีตตุลาการใหญ่  มีทั้งข้าราชการ  "ใน-นอกราชการ"  ที่รวมกันเป็นขบวนการกบฏภายในราชอาณาจักร  "รับจ้างทักษิณ"  ล่มเมือง
     เรียกว่า  "เป็นผู้เจริญแล้ว"  ทางการศึกษา  ทางหน้าที่การงานทั้งนั้น  แต่ป่าเถื่อน  เลวทราม   "ทางด้านจิตใจ"  หมามันยังใจประเสริฐกว่า  ไม่เข้าไปกัดกันในเขตโรงพยาบาล  แต่พวกกบฏทักษิณ  "บุกโรงพยาบาล"  โกลาหลอลหม่านถึงขั้น  "ปิดโรงพยาบาล"  ย้ายคนไข้  กระทั่ง  "สมเด็จพระสังฆราช"  ก็ยังต้องทรงย้ายทั้งสายยางไปประทับรักษา  ณ  โรงพยาบาลอื่น
     ทั้งที่โรงพยาบาลจุฬาฯ  นั้นเป็นสถานแห่ง  "สภากาชาดไทย"  แต่พวกไพร่สถุลทาสทักษิณ  ถ่อย-เถื่อน  ไม่รู้ความอะไรทั้งสิ้น  ที่อ้างทวงหาประชาธิปไตย  แต่ที่ทำลงไป  มันบอกชัดว่า...นี่มันมหาโจร  ไม่ใช่มาหาประชาธิปไตยตรงไหนเลย!
     ที่นายกฯ  อภิสิทธิ์ประกาศแผนปรองดองด้วยกำหนดเลือกตั้ง  ๑๔  พฤศจิกา  คือกันยา."ยุบสภา"  ตามเค้าโครง  "๖  เดือนยุบสภา"  และจะออกกฎหมายนิรโทษกรรมเฉพาะ  "คดีการเมือง"  ให้นั้น  ถือเป็น  "รูให้ลอด"  รูสุดท้าย
     ถ้าพวกแกนนำทั้งหลายไม่ยอมคลานออกทางรูนี้ด้วยการ  "ยุติการชุมนุม"  บอกได้คำเดียว  หลังวันที่  ๕  พฤษภา  ไป
     พวก  "หัวโจก"  โทษตายสถานเดียว!?
     ส่วนชาวบ้านที่ถูกหลอกใช้  ไม่ต้องกลัวโทษภัย  ฝนฟ้ามาแล้ว  กลับบ้านไปผูกแอก-ผูกไถ  คราด  หว่าน  ดำเนินชีวิตกันไปตามปกติเถิด!
     การเมืองช่วงนี้ปล่อยเป็นเรื่องการเมืองเขา  ดีไหมครับ  ส่วนชาว  FB  ทั้งหลาย  ใน  ๒  วันนี้  ไปช่วยกันทำหน้าที่  "ลูกที่ดีของประเทศชาติ"  เนื่องในวันฉัตรมงคลกันเถอะ  หนังเรื่องนี้ยังไม่จบ  เพียง  "หยุดพักครึ่งเวลา"  ด้วยเงื่อนไขนิรโทษกรรมเฉพาะคดีการเมืองจะถูกยกมาเป็นเรื่อง  "หาเหตุ"  ประเภทม้าอารี  และนี้คือ  "ช่วงครึ่งหลัง"  ฉะนั้น  ถ้าหวังสงบ  จงเตรียมรบให้พร้อมสรรพ.

http://www.thaipost.net/news/040510/21717

พักยก...ไปตามหาเรือโนอาห์
•   ท่านขุนน้อย
4 พฤษภาคม 2553 - 00:00
  มาถึงขั้นนี้...เห็นทีคงเลี่ยงไม่พ้นที่จะต้องทะลุออกไปนอกโลก  นอกจักรวาล  กันบ้างแล้ว  เนื่องจากถ้าหากยังคงวนไป  วนมา  อยู่กับเรื่องของบ้านเมือง  ยังไงๆ  ก็คงอดไม่ไหวที่จะต้องละลาบ  ละล้วง  จ้วงจาบ  ไล่จิก  ไล่ด่า  ตั้งแต่ท่านนายกรัฐมนตรี  ลงมายันถึงมนุษย์พันธุ์พิเศษอย่างผู้บัญชาการทหารบก  ผู้ซึ่งสามารถอยู่เฉยๆ  เบิ่งตาดูฟ้าถล่ม  ดินทลายโดยไม่ได้คิดจะขยับเขยื้อนอะไรเลย  ปานประดุจอวัยวะทุกๆ  ส่วนในร่างกาย  ได้แปรสภาพเป็น  สากกะเบือ  ทั้งแท่งไปเรียบร้อยแล้ว...
               --------------------------------------
     เอาเป็นว่า...เพื่อไม่ให้ต้องเบียดเบียนเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอง  วันนี้ลองเตลิดเปิดเปิงหันไป  ตามหาเรือโนอาห์  กันดีกว่า  อันเนื่องมาจาก  ข่าวคราวที่รายงานโดยสำนักข่าวต่างประเทศในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา   และเว็บไซต์  คมชัดลึก  ได้นำมาถ่ายทอดเอาไว้แต่เพียงสั้นๆ  โดยระบุว่าคณะสำรวจชาวฮ่องกงและชาวตุรกีกลุ่มหนึ่ง  ซึ่งก็ไม่รู้ว่าประกอบไปด้วยใครต่อใครกันบ้าง  แต่อ้างว่าสามารถค้นพบ  ซากเรือโนอาห์  ที่ถูกเล่าขานเป็นตำนานปรัมปราเอาไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิล  ว่าด้วยเหตุการณ์น้ำท่วมโลกเมื่อยุคอดีตบริเวณพื้นที่เทือกเขา  อารารัต  อันมีที่ตั้งอยู่ระหว่างพรมแดนประเทศตุรกีและประเทศอิหร่านในทุกวันนี้...
             ------------------------------------------
     สำหรับตำนานเรื่องเรือโนอาห์ในพระคัมภีร์ไบเบิลนั้น...โดยสรุปคร่าวๆ  ก็คงประมาณว่า   ในยุคอดีตอันไกลโพ้นซึ่งจะเป็นช่วงไหนก็มิอาจสรุปได้โดยชัดเจน  พระเจ้าผู้ทรงสร้างโลก  และสร้างมนุษย์ขึ้นมา  จู่ๆ  ก็ทรงบังเกิดความเศร้าเสียใจแบบสุดๆ  เพราะรู้สึกว่ามนุษย์ที่พระองค์สร้างขึ้นมานั้น  นับวันจะเป็นอะไรที่ชั่วร้าย  เลวทราม  อาจพอๆ  กับมนุษย์ในยุคนี้หรือไม่?  เพียงใด?  ก็มิอาจทราบได้  หรือ  ทรงเห็นว่าความชั่วช้าของมนุษย์  มีมากมายบนแผ่นดิน  และทรงเห็นว่าเค้าความคิดในใจของเขา  ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องร้ายเสมอไป  พระองค์จึงตัดสินใจ  ที่จะกวาดล้างทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก  ด้วยการทำให้น้ำท่วมโลก  ยกเว้นแต่ชายคนหนึ่งที่ชื่อว่า  โนอาห์  เท่านั้น  ที่พระองค์ยังเห็นว่าเป็นผู้ประพฤติดี  มีศีลธรรม  เป็นที่โปรดปรานในสายตาของพระเจ้า  จึงทรงมาบอกให้  โนอาห์  ต่อเรือขึ้นมา  เพื่อนำพาตัวเอง  และครอบครัว  ตลอดไปจนฝูงสิงสาราสัตว์เข้าไปอยู่ในเรือ  ก่อนจะดลบันดาลให้น้ำท่วมโลกทั้งโลก...
          -------------------------------------------------
     ลักษณะเรือของโนอาห์   ซึ่งสร้างขึ้นมาตามคำแนะนำของพระเจ้า  ถูกบรรยายเอาไว้ดังนี้  เจ้าจงต่อนาวาด้วยไม้สนโกเฟอร์  แล้วทำเป็นห้องๆ  และยาชันทั้งข้างใน  ข้างนอก  จงต่อนาวาตามแบบนี้คือ  ยาวสามร้อยศอก  กว้างห้าสิบศอก  สูงสามสิบศอก  จงทำช่องข้างบนนาวาให้สูงศอกหนึ่ง  จงตั้งประตูนาวาที่ด้านข้าง  และทำดาดฟ้าที่ชั้นล่าง  ชั้นที่สอง  และชั้นที่สาม  และด้วยเรือลำนี้นี่เอง  ที่นำพาโนอาห์  ครอบครัว  ตลอดไปจนถึงฝูงสัตว์ชนิดต่างๆ  ลอยเท้งเต้งไปในช่วงตลอดระยะเวลา  150  วันระหว่างที่เกิดน้ำท่วม  จนเมื่อถึง  ณ  วันที่สิบเจ็ดของเดือนที่เจ็ด  นาวาก็ค้างอยู่บนเทือกเขาอารารัต  และน้ำนั้นก็ลดลงเรื่อยไปจนถึงเดือนที่สิบ  ยอดภูเขาก็โผล่ขึ้นมา
          -------------------------------------------------
     ตำนานเรื่องนี้จะมีเค้าโครงความจริงหรือไม่?  อย่างไร?  ก็ยากที่จะพิสูจน์ได้ชัดๆ  แต่พอจะเป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปว่า  เรื่องราวว่าด้วยเหตุการณ์น้ำท่วมโลกในยุคอดีตนั้น  เป็นเรื่องที่มักถูกนำมาเล่าขานในทุกๆ  สังคม  หรือทุกๆ  อารยธรรม  โดยเฉพาะในอารยธรรมสุเมเรียน  อันถือเป็นอารยธรรมเริ่มแรกในประวัติศาสตร์มนุษย์  ก็มีเรื่องราวที่ถอดแบบกันมา  ในชนิดแทบจะเป็นพิมพ์เดียวกันกับเรื่องราวของเรือโนอาห์  ซึ่งได้ถูกบันทึกเอาไว้ใน  มหากาพย์กิลกาเมช  เพียงแต่ชื่อของตัวละคอน  อาจจะแตกต่างกันไปตามลักษณะภาษา...
       ------------------------------------------------------
     อย่างไรก็ตาม...ข่าวคราวการค้นพบซากเรือโนอาห์ในพื้นที่ที่เรียกกันว่าภูเขา  อารารัต นั้น  อันที่จริงก็ไม่ได้เพิ่งจะมาเกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา  เพราะตั้งแต่เมื่อ  40  กว่าปีที่แล้ว  หรือเมื่อประมาณปี  ค.ศ.1959  เคยมีนายทหารชาวตุรกีรายหนึ่ง  ชื่อว่า  ลฮาน  ดูรูพินาร์  (Llhan  Durupinar)  ผู้มีหน้าที่ตรวจสอบแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศในอาณาบริเวณต่างๆ  ของประเทศตุรกี  ได้เคยค้นพบภูมิทัศน์รูปทรงแปลกๆ  ที่มีลักษณะคล้ายๆ  ลำเรือ  มีขนาดใหญ่พอๆ  กับสนามฟุตบอล  ลาดเอียงอยู่บริเวณแนวหินขรุขระของเทือกเขาอารารัต  ในระดับความสูงประมาณ  6,300  ฟุตจากน้ำทะเล  และตัดสินใจส่งภาพถ่ายเหล่านี้ไปให้ผู้เชี่ยวชาญรายหนึ่ง  ชื่อว่า  ด.ร.  แบรนเดนเบอร์เกอร์  (Brandenburger)  แห่งมหาวิทยาลัยโอไฮโอ  ผู้มีชื่อเสียงมาจากกรณี  การค้นพบที่ตั้งขีปนาวุธนิวเคลียร์ของสหภาพโซเวียตในประเทศคิวบา  ได้จากแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศในช่วงยุคสงครามเย็น  เพื่อให้ช่วยพิสูจน์ตรวจสอบกันอีกเที่ยวหนึ่ง...
             -------------------------------------------
     และจากข้อสรุปของ  ด.ร.  แบรนเดนเบอร์เกอร์  ก็ได้ก่อให้เกิดข่าวคราวฮือฮาระดับโลกมาแล้วครั้งหนึ่ง  ถึงขั้นที่นิตยสารซึ่งมีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง  ไลฟ์  แมกกาซีน  นำเอาภาพเหล่านี้ไปขึ้นปก  พร้อมกับคำพาดหัวว่า  นี่คือเรือโนอาห์จริงๆ  หรือเปล่า???  เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญรายนี้ได้  ฟันธง  ลงไปทันทีว่า  ภูมิทัศน์ดังกล่าวไม่ได้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ  แต่เป็นร่องรอยของซากเรือ  อันเป็นสิ่งที่เกิดจากฝีมือมนุษย์อย่างไม่พึงต้องสงสัย  คณะสำรวจชาวอเมริกันและนายทหารตุรกีอย่าง  ดูรูพินาร์  จึงร่วมเดินทางเข้าไปสำรวจพื้นที่บริเวณดังกล่าวในช่วงปี  ค.ศ.1960  โดยพยายามค้นหาร่องรอย  หลักฐานใดๆ  ก็ตาม  ที่สามารถใช้เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า  รูปร่างลักษณะภูมิทัศน์ดังกล่าวนั้น  เกิดขึ้นจากฝีมือมนุษย์  ไม่ใช่เป็นแค่ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติเท่านั้น  แต่ก็ไม่ได้พบหลักฐานใดๆ  พอที่จะใช้เป็นข้อพิสูจน์  ยืนยันถึงสมมุติฐานดังกล่าวได้อย่างเป็นจริงเป็นจัง  ข่าวคราวเหล่านี้ก็เลยค่อยๆ  จางหายไปจากความสนใจของสาธารณชนมานับตั้งแต่นั้น...
          ------------------------------------------------
     จนกระทั่งเมื่อถึงปี  ค.ศ.1977  ได้มีคณะสำรวจอีกกลุ่มหนึ่ง  นำโดยนาย  รอน  ไวแอทท์  (Ron Wyatt)  ได้รับอนุญาตจากทางการตุรกี  ให้เข้ามาสำรวจหาร่องรอยเรือโนอาห์พื้นที่ในบริเวณนี้กันอีกครั้ง  ซึ่งคราวนี้คณะสำรวจชุดดังกล่าว  ได้ตระเตรียมเครื่องมือ  อุปกรณ์ต่างๆ   มาเป็นอย่างดี  ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ตรวจจับวัตถุโลหะ  เครื่องเรดาร์สแกนวัตถุใต้พื้นดิน  ที่เรียกกันว่า  GPR  (Ground  Penetrating  Radar)  รวมทั้งการตรวจวัตถุด้วยกระบวนการทางเคมี  ฯลฯ  เรียกว่า..ได้นำเอาห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์เข้ามาใช้ในการพิสูจน์  สิ่งที่เชื่อว่า  เป็นซากเรือโนอาห์อย่างเป็นระบบ  และรายงานผลพิสูจน์  ซึ่งคณะสำรวจชุดนี้ค่อยๆ  ทยอยสรุปออกมา  ในแต่ละช่วง  แต่ละระยะ  ได้ก่อให้เกิดความตื่นตะลึงต่อสาธารณชนมาก่อนหน้าที่  คณะสำรวจชาวฮ่องกงจะประกาศว่าได้ค้นพบเรือโนอาห์  ตามข่าวซึ่งปรากฏไปเมื่อวันสองวันมานี้...ส่วนรายละเอียดดังกล่าวจะเป็นไปเช่นไร?  ชัวร์  หรือ  มั่วนิ่ม  คงต้องไปว่ากันต่อในวันพรุ่งนี้อีกที...
          -------------------------------------------------
     ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้  จาก  จี.เฮอร์เบิร์ต...ความเป็นคนใหญ่คนโต...กับ...ความเป็นคนดี  มักไม่เหมือนกัน...
          ------------------------------------------------

http://www.thaipost.net/news/040510/21697

แตงโม-มะเขือเทศ
•   ถูกทุกข้อ                                                                            4 พฤษภาคม 2553 - 00:00
     ทหารแตงโมตำรวจมะเขือเทศ
     มันทุเรศสิ้นดีพี่น้องเอ๋ย
     ปล่อยเกียร์ว่างการงานพาลละเลย
     เหมือนจะเย้ยท้าทายกฎหมายไทย
          ปล่อยให้รถนำไม้ไผ่เต็มคันรถ
          มาให้พวกกบฏคิดการใหญ่
          ปล่อยไพร่แดงนำยางรถมาทำไม
          เป็นเชื้อไฟอย่างดีหวังเผาเมือง
     ปล่อยไพร่แดงย่ำยีข้อกฎหมาย
     ทั้งท้าทายถากถางสร้างปมเขื่อง
     ก่อแต่เรื่องเลวร้ายอยู่เนืองเนือง
     แล้วบ้านเมืองจะอยู่ได้อย่างไรกัน 
          "เอาหูไปนา เอาตาไปไร่"
          ไม่ใส่ใจกฎหมายให้แข็งขัน
          คนทำผิดยังกล้าท้าประจัญ
          ยอมพวกมันทุกอย่างไม่ทำอะไร
     ความแตกร้าวลามไปทุกถิ่นฐาน
     ตำรวจและทหารรู้บ้างไหม?
     ขณะนี้คนไทยฆ่าคนไทย
     เป็นเพราะใครคอยให้ท้ายพวกไพร่แดง
          ทหารแตงโมตำรวจมะเขือเทศ
          เป็นแค่เศษคนกาลีที่แอบแฝง
          รัฐบาลต้องเร่งรัดเข้าจัดแจง
          อย่ามัวแต่ตะแบงกันอยู่เลย
                                   กวี สองแคว

               ฟังเด็กคุยเรื่องม็อบแดง
เรียน คุณสามวา สองศอกค่ะ
     เมื่อวันก่อนมีโอกาสขึ้นรถประจำทางปรับอากาศสาย  508  จากศูนย์การค้าเอ็มโพเรียมช่วงเวลาบ่ายสองโมง  ดีใจเป็นพิเศษที่รถว่างมากอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน  สามารถเลือกที่นั่งได้สบายใจชอบ   (มีผู้โดยสารไม่ถึง  10  คน)  แล้วสายตาก็เห็นเด็กชายสองคนวัย  6  ขวบและ  4  ขวบหน้าตาน่าเอ็นดูนั่งแถวเดียวกัน  โดยมีแม่อุ้มลูกสาว  (วัยไม่กี่เดือนกำลังหลับปุ๋ยอย่างน่าเอ็นดู)  นั่งคุมลูกชายจอมซนสองคนอยู่ด้านหน้า
     รถวิ่งไปได้พักใหญ่ลูกชายคนโตก็บอกว่า  แม่  แม่..ปวดฉี่  ผู้โดยสารได้ยินเสียงเด็กก็ช่วยกันลุ้นว่า  แม่ลูกสามในวัยซนไล่เลี่ยกันจะแก้ไขปัญหาอย่างไร  จะลงจากรถโดยสารก็ทุลักทุเลเหลือเกิน  ปรากฏว่าแม่ส่งถุงพลาสติกให้  แล้วสั่งลูกชายให้ฉี่ใส่ถุงพลาสติก  แล้วแม่ก็ผูกปากถุงเรียบร้อยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  แล้วให้ลูกชายเจ้าปัญหาถือไว้
     ปรากฏว่าลูกชายวัย  4  ขวบก็แสดงความเห็นว่า  เหมือนซุปเลยนะท่าทางจะอร่อยดี  แล้วเด็กสองคนก็คุยกันกะหนุงกะหนิง  หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน  ระหว่างนั้นแม่ซึ่งง่วงมากก็นอนหลับแบบสัปหงกคือหลับๆ  ตื่นๆ  เพราะกลัวลูกสาวคนเล็กตกหล่นจากสองมือลงมา
     รถแล่นไปได้อีกพักใหญ่และมาติดหนักในช่วงที่เข้าเส้นทางถนนเพชรบุรีตัดใหม่  เพื่อจะผ่านเส้นทางถนนราชดำริ  มองเห็นซอยเล็กๆ  ที่เชื่อมไปสู่เส้นทางถนนราชดำริ  เด็กวัย  6  ขวบผู้พี่ถือถุงพลาสติกซุปสีเหลืองของตัวเอง  ก็ชี้ชวนให้น้องชายวัย  4  ขวบ  มองออกไปนอกหน้าต่างที่มีม็อบเสื้อแดงชุมนุมกันอยู่  มีแนวยางรถยนต์กั้นเป็นบังเกอร์อยู่บนพื้นถนน
     "ดูโน่น...เสื้อแดง...รู้เปล่า..เสื้อแดงเขาจะล้มเจ้า"  คราวนี้ผู้โดยสารที่อยู่บนรถโดยสารแอบหัวเราะถึงคารมคมคายของเด็กวัย  6  ขวบบอกน้องวัย  4  ขวบ  แล้วก็แอบมองแม่ว่าจะพูดอย่างไร  ปรากฏว่าแม่นอนคอพับคออ่อนด้วยความอ่อนเพลีย
     เด็กชายวัยซนทั้งสองเริ่มเบื่อหน่ายที่รถติดนานมากๆ  คราวนี้ปลุกแม่  แม่  แม่ครับ  เมื่อไหร่จะถึงบ้านเราล่ะ  แล้วแม่จะพาไปเที่ยวไหน  แม่ก็งัวเงียตื่นบอกว่า  แม่จะต้องพาน้องกลับไปนอนที่บ้านก่อน  เราจะต้องกลับบ้านแล้ว  เด็กชายสองคนก็คะยั้นคะยอต่ออีกว่า  แล้วเมื่อไหร่จะถึงบ้าน  แม่ก็บอกว่าใกล้จะถึงแล้ว
     ด้วยความซุกซนของเด็กชายทั้งสอง  เด็กชายวัยซน  6  ขวบแขวนถุงซุปของตัวเองไว้ข้างๆ  รถ  แล้วก็รีบไปปีนเสากลางที่ใช้เป็นหลักในรถโดยสารสำหรับผู้โดยสารโหน  คราวนี้แม่ก็ชี้ให้ลูกชายคนเล็กไปโหนอีกเสาหนึ่งที่ไม่ไกลกันนัก  เด็กสองคนจึงมีที่วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน  ภายในรถโดยสารปรับอากาศสาย  508  โดยไม่มีใครว่ากล่าวแต่อย่างใด  คนขับรถและกระเป๋ารถก็หันมายิ้มให้อย่างอารมณ์ดี
     เด็กทั้งสองเล่นอยู่พอสมควรก็เริ่มเบื่อหน่ายอีก  คราวนี้ก็ตั้งคำถามกับแม่อีกว่าเมื่อไหร่จะถึงบ้านสักทีหนึ่ง  แม่ก็ตอบว่าใกล้จะถึงแล้ว  พร้อมกับพูดคำขาดว่าจะไปเที่ยวกับแม่หรือจะไปอยู่กับพ่อ  เท่านั้นเองเด็กชายทั้งสองก็เงียบฉี่ในทันที  เป็นที่คาดหมายว่าพ่อคงจะดุมาก  จนเด็กทั้งสองเปลี่ยนอิริยาบถกลายเป็นเด็กเรียบร้อยภายในเฉียบพลัน
     อีกสักพักหนึ่งก็ถึงเส้นทางไปวัดพลับพลาไชย   ทั้งแม่และลูกก็ถือสัมภาระ  โดยลูกชายวัย  6  ขวบไม่ลืมซุปของตัวเองลงจากรถโดยสาร  โดยมีผู้โดยสารด้านหน้ากุลีกุจอช่วยจูงเด็กๆ  ลงจากรถโดยสาร  และมีผู้รอรถโดยสารที่ป้ายช่วยกันจูงเด็กลงจากรถโดยสาร  แล้วแม่ก็จัดการทิ้งถุงซุปของลูกชายวัย  6  ขวบ  ลงถังขยะสีเขียวบริเวณริมป้ายรถประจำทาง
     ทั้งหมดคือบรรยากาศในช่วงม็อบแดงเข้ามาเยี่ยมกรายผู้คนที่จะต้องใช้ชีวิตอยู่บนท้องถนนในวันธรรมดาๆ  บ่ายวันพุธที่  28  เมษายน  2553  เห็นเป็นเรื่องสนุกสนานจึงส่งมาให้อ่านคลายเครียด  เพื่อจะบอกให้รู้ว่าเด็กวัย  6  ขวบยังรู้เรื่อง  ว่าเกิดอะไรขึ้นในบ้านนี้เมืองนี้...
     แล้วผู้ใหญ่ล่ะจะจัดการแก้ไขปัญหาบ้านนี้เมืองนี้อย่างไร..
                                                     ลูกแม่โดมท่าพระจันทร์
ตอบ คุณลูกแม่โดมฯ
     อ่านเรื่องคุณแม่ลูกสามโดยสารรถประจำทางปรับอากาศสาย  508  ที่คุณลูกแม่โดมท่าพระจันทร์เขียนมาเล่าสู่กันฟังแล้ว   มีความรู้สึกเหมือนได้นั่งรถเมล์แอร์สาย  508  เที่ยวนั้นด้วย  ต้องชมคุณแม่ลูกโดมฯ  ที่มีพรสวรรค์ในการเล่าเรื่อง  ขนาดเด็กแค่  6  ขวบยังให้มาช่วยระบายความรู้สึกคับแค้นใจได้
     คนที่เขียนมาด่าม็อบเสื้อแดงด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว  เปลี่ยนมุมมองมาเขียนแบบคุณลูกแม่โดมฯ  ก็คงจะดีนะครับ

                    โม้เพื่อชาติ
เรียน คุณสามวา สองศอกที่รักและนับถือ
     ผม  "ตะรังตัง"  ตั้งใจจะหยุดไม่เขียนอะไรสักพัก  เพราะสมองมันเหนื่อยเฉื่อยช้ามีทีท่าจะเป็นอัลไซเมอร์  แต่เมื่อดูๆ  พฤติกรรมของพวกเสื้อแดง  มันยิ่งกำแหงเหิมเกริมยิ่งขึ้น  ประพฤติตนเป็นพวกโจรก่อการร้าย   ผมจึงหมดความอดทนลุกขึ้นจับปากกา   ขออนุญาต  "โม้"  ให้หนำใจสักวันเถอะครับ
     คำว่า  "โม้"  พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน  ให้คำจำกัดความว่า  "พูดเกินความจริง"
     เอาละครับผมจะโม้เกินความจริงหรือไม่โปรดฟัง...ผมจะสลายม็อบเสื้อแดงที่แยกราชประสงค์โดยใช้ไม้นวม  จะไม่มีคนเจ็บคนตายแม้แต่คนเดียว  ผมจะใช้วิธีสลายม็อบด้วยน้ำ  แต่ไม่ใช่แบบเล่นสงกรานต์นะครับ
     ถ้าผมมีอำนาจ  (นี่ก็โม้แล้ว)  ผมจะสั่งรถดับเพลิงมาอย่างน้อย  6  คันก่อน  พนักงานประจำรถแต่งเครื่องแบบเหมือนออกผจญเพลิง  นำรถดับเพลิงไปจอดที่ดูว่าเหมาะ  รายล้อมม็อบเสื้อแดงโดยแบ่งหน้าที่กันทำ  3  คันฉีดน้ำลงพื้นที่ม็อบชุมนุม  กะฉีดให้น้ำท่วมพื้นที่ทั้งหมด  ระวังอย่าฉีดไปถูกคนรากหญ้า  ฉีดจนน้ำท่วมนองไปที่บริเวณชุมนุม
     อีก   3  คันฉีดขึ้นอากาศเหนือม็อบ  ความมุ่งหมายคือทำเป็นฝนตก  ถ้าเจอรถคันที่แกนนำใช้เป็นเวทีปราศรัยฉีดได้ทันทีปล่อยเต็มที่  มีรถบรรทุกน้ำสำรองมาเพิ่มเติมฉีดจนกว่าม็อบจะสลาย  พื้นล่างน้ำท่วมข้างบนฝนตก  โดนเข้าแบบนี้คงทนอยู่ไม่ได้  แล้วถ้ายังทนอยู่ได้คงไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาแล้ว  เป็นพวกผีปิศาจ  เปรต  อสุรกาย  แต่ผมก็คงทนอยู่ไม่ได้แน่
     เป็นไงครับ  คุณสามวา  สองศอก  "ลูกโม้"  ของผม  ผมพูดเกินความจริง?  หรือลงมือปฏิบัติความจริงมันเป็นไปได้  สามแกนนำ  วีระ  จตุพร  ณัฐวุฒิ  ออนเหวง  อ่านพบข่าวนี้จะหนาวสะท้านไปตามกัน  เกรง  ผบ.ทบ.กับนายกฯ  อภิสิทธิ์นำไปใช้  และผมก็มีความเห็นว่าสมควรใช้  เพราะปลอดคนล้มป่วยล้มตายคือไม่มีใครป่วยใครตาย  เพียงเปียกปอนมะล่อกมะแล่ก
                                                              ตะรังตัง
ตอบ คุณตะรังตัง
     เรื่องเอาน้ำฉีดเพื่อสลายม็อบเสื้อแดงนั้น  เคยมีคนเขียนติงมาแล้วว่าไม่ควรทำอย่างนั้น
เพราะเดือนเมษายนบ้านเราร้อนมากๆ  เอาน้ำไปฉีดม็อบพวกนี้ก็ยิ่งชอบใจ  ที่เมืองหนาวเขาใช้น้ำฉีดม็อบเพราะน้ำที่เปียกเสื้อผ้าจะกลายเป็นน้ำแข็ง  รับรองว่าพวกม็อบต้องหนาวตายแน่
     ถ้าขืนเอาน้ำไปฉีดให้น้ำเป็นฝอยเหมือนน้ำฝน  และส่วนหนึ่งก็ไปนองอยู่ที่พื้น  พวกม็อบเสื้อแดงคงจะเล่นน้ำกันเพลินเลยล่ะ  ว่างๆ  หาเรื่องโม้มาได้อีกนะครับ
                                                       สามวา สองศอก

http://www.thaipost.net/news/040510/21695
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1876 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2553, 10:27:33 »

จำรายชื่อคนพวกนี้ไว้ อย่าส่งเสริมให้ใหญ่โต เพราะกลัวต้องรับผิดชอบ โดยไม่เข้าประชุม ครม. วาระพิเศษที่ ราบ 11

9 รมต.ไม่ร่วมประชุมครม.นัดพิเศษ

รายงานข่าวแจ้งว่า มีรัฐมนตรี 9 คน ไม่ได้เข้าร่วมประชุม ครม.นัดพิเศษครั้งนี้
พรรคชาติไทยพัฒนา ประกอบด้วย พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี นายชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
พรรคภูมิใจไทย ประกอบด้วย นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายศุภชัย โพธิ์สุ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสุชาติ โชคชัยวัฒนากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และ
พรรคเพื่อแผ่นดิน ประกอบด้วย ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที นางสาวนริศรา ตันชวาลพิพัทธ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

โดยรัฐมนตรีที่ขาดส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่าไม่สะดวกในการเข้าร่วมประชุม หรือบางคนอ้างไม่สบาย อาทิ นางพรทิวาได้ยื่นใบลาแจ้งต่อนายอภิสิทธิ์ก่อนการประชุม ครม.ว่าไม่สบายต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลกรุงเทพฯ เนื่องจากมีไข้เพราะเพิ่งกลับจากการไปปฏิบัติงานต่างจังหวัด

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1272803721&grpid=00&catid=


      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1877 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2553, 10:30:14 »

ถ้าตำรวจใช้งบขนาดนี้เพื่อกำลังพล 1,950 นาย(13 กองร้อย) ในรอบ 20 วัน, แล้วเสื้อแดงต้องใช้เงินวันละเท่าไหร่สำหรับคนเป็นหมื่น(ตามราคาคุย?) เอาน้ำเลี้ยงมาจากไหน ??

สตช.ยันงบ249ล.ใช้เป็นเบี้ยเลี้ยงตำรวจ
ประเด็น:เสื้อแดงจัดชุมนุมใหญ่ , 03 พฤษภาคม 2553 เวลา 13:43 น.

ศปก.ตร.ยันรัฐินุมัติงบ 249 ล้านบาทไม่ใช่เพื่อสลายการชุมนุมแต่เป็นเงินค้างจ่ายเบี้ยเลี้ยงตำรวจ
พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ รอง ผบช.สทส.ในฐานะโฆษกศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) เปิดเผยว่า ขอยืนยันว่างบประมาณ 249 ล้านที่ผ่านมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วาระพิเศษ เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา เป็นเงินทดรองจ่ายเบี้ยเลี้ยง-ค่าเดินทางของตำรวจภูธรที่เดินทางเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ กทม. ที่ยังตกค้างในวงรอบวันที่ 17 มี.ค.-6 เม.ย.53 ไม่ใช่งบฯ เพื่อใช้ในปฏิบัติการใดๆ ทั้งสิ้น หรือการสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงอย่างที่เป็นข่าว ขณะนี้ สตช.ใช้กำลังตำรวจ 13 กองร้อย (1,950 นาย) ดูแลรอบพื้นที่การชุมนุมแยกราชประสงค์ และยังมีการเจรจาเพื่อขอพื้นที่คืนจากแกนน นปช.อย่างต่อเนื่อง
พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า กรณีที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) วางกำลังตำรวจภูธร 21 กองร้อย (3,150 นาย) ในที่ตั้ง ศอฉ. กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) เพื่อต้องการให้สั่งการปฏิบัติได้รวดเร็ว และเน้นเป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็วไปยังจุดต่างๆ โดย ศอฉ.เป็นผู้รับผิดชอบสั่งการปฏิบัติทุกขั้นตอน และการที่เจ้าหน้าที่ต้องพกอาวุธก็เพื่อป้องกันตนเองจากการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม และใช้เพื่อป้องกันผู้ชุมนุมจากการถูกลอบโจมตีด้วยเช่นกัน
 
http://www.posttoday.com/ข่าว/การเมือง/26185/สตช-ยันงบ249ล-ใช้เป็นเบี้ยเลี้ยงตำรวจ

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1878 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2553, 10:35:04 »

บทบรรณาธิการ นสพ แนวหน้าออนไลน์ วันพุธที่ 5 พฤษภาคม 53

บทบรรณาธิการ  
 
การปรองดองของคนในชาติ (บทบรรณาธิการ)  
 
 
   นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้เสนอแนวทางการสร้างความปรองดองของคนในชาติขึ้นเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมาเพื่อแก้ไขวิกฤตการของประเทศโดยแนวทางดังกล่าวประกอบด้วยข้อแรกคือการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ข้อที่สองได้แก่การแก้ไขความเหลื่อมล้ำทางสังคมและเศรษฐกิจระหว่างประชาชนในเมืองและในชนบทซึ่งเป็นข้ออ้างของการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงหรือ นปช.

   โดยนายกรัฐมนตรีมีแนวความคิดที่จะให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา ข้อที่สามการทำให้สื่อสารมวลชนมีอิสระในการเสนอข่าวแต่ไม่ใช่การนำเสนอข่าวที่สร้างความแตกแยก ข้อที่สี่การตรวจสอบให้มีการดำเนินการตามกฎหมายถึงเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นด้วยการตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อหาข้อเท็จจริง

   ส่วนข้อที่ห้านั้นเกี่ยวข้องกับนักการเมืองที่มีข้อขัดแย้งในเรื่องกติกาของรัฐธรรมนูญ การตัดสิทธิทางการเมืองซึ่งอาจจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญบางมาตรา นายกรัฐมนตรียังได้เสนอวันเลือกตั้งทั่วไปใหม่ในวันที่ 14 พฤศจิกายนปีนี้ด้วย

 การยื่นข้อเสนอ 5 ข้อของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้เท่าที่ประเมินแล้วเห็นว่าฝ่ายแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติหรือฝ่ายพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคการเมืองของนายทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรีได้แสดงท่าทีตอบรับและอาจจะยอมสลายการชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์ภายในวันที่ 5 พฤษภาคมนี้

   สำหรับข้อเสนออื่นๆเช่นไม่ให้เอาผิดทางอาญา การให้นิรโทษกรรมความผิดไม่ว่าจะเป็นเรื่องก่อการร้าย การจาบจ้วงสถาบันนั้นทางนายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่าคงต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย ส่วนการปฎิรูปภาคสังคมทั้งระบบนั้น รัฐบาลจะจัดการประชุมใหญ่สมัชชาประชาชนขึ้นในเดือนพฤษภาคมนี้

   ข้อเสนอของนายกรัฐมนตรีในการปรองดองของคนในชาติครั้งนี้ได้รับการตอบสนองจากกลุ่มประชาชนหลายๆฝ่าย แต่ก็มีเสียงวิตกถึงปัญหาในการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 14 พฤศจิกายนนี้ว่าการเลือกตั้งจะสามารถควบคุมให้เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรมได้มากน้อยเพียงใด

   เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าระบบการเลือกตั้งของเรานั้นมีปัญหามาโดยตลอดถึงเรื่องของการซื้อคะแนนเสียงจากประชาชนผู้ที่มีสิทธิลงคะแนนเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งในท้องถิ่นเช่น องค์การบริหารส่วนตำบล องค์การบริหารส่วนจังหวัด การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลหรือการเลือกตั้ง ส.ส.

   การแก้ไขปัญหานี้จะทำอย่างไร ผลการเลือกตั้งครั้งนี้จะเชื่อได้อย่างไรว่ามีความเป็นธรรมที่แท้จริง นอกจากนั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ถ้าหากแก้ไขแล้ว ผู้ที่ได้ประโยชน์ก็คือนักการเมือง ซึ่งการปรองดองของคนในชาติตามข้อเสนอนี้อาจจะถูกมองว่าทำเพื่อตัวนักการเมืองมากกว่าประชาชนก็อาจจะเป็นได้
 
http://www.naewna.com/news.asp?ID=209859
      บันทึกการเข้า
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #1879 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2553, 10:37:39 »

อ้างถึง
ข้อความของ weerapong_rx เมื่อ 05 พฤษภาคม 2553, 03:57:52
ติดตามอ่านอยู่นะครับ มาคอยดูซ้อมรำวงเพื่อเตรียมโชว์แขกบ้านแขกเมืองในงานบุญบั้งไฟเมืองยศ  หลั่นล้า
อ้างถึง
ข้อความของ Kaimook เมื่อ 05 พฤษภาคม 2553, 07:33:30
Good morning ค่ะพี่แอ๊ะ...ตามอ่าน ตามชมค่ะพี่แอ๊ะ...ชอบพี่แอ๊ะใส่ชุดพอสว.จังค่ะ


น้องไข่มุกคะ

จัดรูปใส่เสื้อพอสว. ให้ค่ะ คือพี่แอ๊ะก่อนออกจากบ้าน

ถ้าใส่ฟอร์มแปลกๆ พี่หาญ แก มักจะจับ พี่แอ๊ะ ถ่ายรูปก่อนค่ะ

พี่ แกไม่เคยเห็นตุ๊กกตา 55555555555

ข่าวดี คือวันที่ 27พ.ค นี้ พี่แอ๊ะจะเข้าเฝ้า เจ้าฟ้าจุฬาภรณื เพื่อถวายเงิน สนับสนุนโครงการพอสว.

ท่านจะเสด็จมายโสธร อำนาจเจริญ และอุบล

จะให้ลูกสะใภ้เข้าเฝ้าด้วย แล้วจะส่งรูปมาให้ดูนะคะ


ดูรูปตุ๊กตาแก่อนนะจ๊ะ

      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #1880 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2553, 10:42:44 »

ดูรูปเบื้องหลังนางงาม อันรกรุงรัง ค่ะน้องไข่มุกดี

ลิเก กำลังจะออกโรง

ว๊า..ส่งรูปไม่ได้เเล้วค่ะน้องไข่มุกขา เวบพี่ป๋องนี่ ส่งรูปยากมาก

ค่อยดูตอนค่ำนะ คนรถคอยพี่แอ๊ะจะไปมุกดาหารค่ะ

บายยๆๆ ก่อนนะคะ เจอกันคืนนี้ค่ะ
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1881 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2553, 10:49:49 »

บทบรรณาธิการ นสพ ไทยโพสต์ออนไลน์ 5 พ.ค. 53

โรดแม็พจุดเริ่มต้นความปรองดอง รัฐ-เสื้อแดงต้องจริงใจสมานฉันท์
บทบรรณาธิการ 5 พฤษภาคม 2553 - 00:00

     สถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ  (นปช.)  หรือกลุ่มคนเสื้อแดงที่เขม็งเกรียว   เฉี่ยวๆ   จะเกิดสงครามกลางเมือง  ประเทศใกล้เข้าขั้นกลียุค  คนไทยจะฆ่าคนไทยกันเอง  เพียงเพราะแนวความคิดที่แตกต่างกัน  แบ่งสี  เลือกข้าง  เลือกฝัก  เลือกฝ่าย  ขยายปัญหาความขัดแย้ง  สร้างความเดือดร้อนในสังคมเป็นวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ   น่าจะเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น  หลังจากนายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  นายกรัฐมนตรี  แบไต๋โชว์หน้าไพ่เปิดแผนความปรองดองแห่งชาติ  (โรดแม็พ)  แก้วิกฤติชาติ
     เนื้อหาโรดแม็พ  5  ข้อ  โดยสรุปอย่างย่อๆ  ข้อแรกต้องช่วยกันไม่ให้ดึงสถาบันมาสู่ความขัดแย้ง  ทุกฝ่ายช่วยกันไม่ให้มีการจาบจ้วงสถาบัน  ข้อสองการปฏิรูปประเทศ  คนไทยต้องได้รับการดูแลสวัสดิการ  การศึกษา  สาธารณสุข  และการมีรายได้ที่มั่นคง  ข้อสามต้องใช้สื่ออย่างสร้างสรรค์  ไม่เสนอข้อมูลข่าวสารมุ่งให้เกิดความขัดแย้ง  เกลียดชัง  ไม่ละเมิดสิทธิ  ข้อสี่ต้องมีคณะกรรมการอิสระเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้น  และ  ข้อห้าต้องแก้กฎกติกาให้เห็นชอบตรงกัน  ทั้งเรื่องรัฐธรรมนูญ  จนถึงความผิดการชุมนุมทางการเมือง
     ที่สำคัญนายกฯ  อภิสิทธิ์  เสนอทางออกตอบโจทย์ข้อเรียกร้องการชุมนุม  "รัฐบาลพร้อมจะให้มีการเลือกตั้งให้ประชาชนตัดสินอีกครั้ง  หากแผนการปรองดองและทำบ้านเมืองให้สงบสุข การจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่ในวันที่  14  พฤศจิกายน  เป็นเป้าหมายที่รัฐบาลพร้อมดำเนินการ"   ซึ่งหากยึดตามกฎหมายเลือกตั้งที่ระบุว่า  เมื่อยุบสภาต้องจัดให้มีการเลือกตั้งภายใน  45 วัน  ไม่เกิน  60  วัน  นั่นแสดงว่า  รัฐบาลต้องประกาศยุบสภาภายในเดือนกันยายน
     แม้ท่าทีฝ่ายแกนนำคนเสื้อแดงจะยังข้องใจนายกรัฐมนตรีที่ประกาศวันเลือกตั้งใหม่  ไม่ยอมประกาศวันยุบสภาอย่างชัดเจน  รวมทั้งต้องการความจริงใจจากรัฐบาลในการยุติการคุกคามทุกรูปแบบกับกลุ่มคนเสื้อแดง  แต่การตอบรับเข้าสู่กระบวนการปรองดองสมานฉันท์ด้วยมติเอกฉันท์ของแกนนำ  ก็ถือเป็นนิมิตหมายอันดีเช่นกัน
     ดังนั้น  เมื่อสถานการณ์มีแนวโน้มสู่การคลี่คลายไปในแนวทางที่ดี  และถ้าทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันตามสัญญาประชาคมแล้ว  สิ่งสำคัญที่ต้องแสดงออกถึงความจริงใจในการนำประเทศสู่ความปรองดองอย่างจริงจัง  ใช่เพียงแค่สร้างภาพหลอกล่อตามเกมการเมืองนั้น  ไม่ว่าสีหนึ่งสีใดจะต้องเปิดใจและให้โอกาสทุกพรรคการเมืองได้ลงพื้นที่หาเสียง  โดยไม่มีปัญหาการต่อต้าน  พรรคเพื่อไทยต้องลงไปขายนโยบายให้คนใต้ได้อย่างเต็มที่  พรรคประชาธิปัตย์  พรรคภูมิใจไทย ต้องสามารถขึ้นเหนือ   หรือไปอีสานแบบไม่มีตีนตบมากดดัน   นั่นแหละถึงจะเรียกว่าปรองดอง  ยึดหลักประชาธิปไตยอย่างแท้จริง.

http://www.thaipost.net/news/050510/21756
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1882 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2553, 10:55:49 »

เมื่อ "อภิสิทธิ์-๓ เกลอ" เจอทางตัน
เปลว สีเงิน 5 พฤษภาคม 2553 - 00:00

      "คุณอภิสิทธิ์   เวชชาชีวะ"  ผมต้องการบอกว่า...ด้วยความรับผิดชอบบนตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของท่าน  "ถูกต้องแล้ว"  ที่ตัดสินใจ  "แก้การเมืองด้วยการเมือง"  ในแนวทาง  "ยุบสภา-เลือกตั้งใหม่  ๑๔  พฤศจิกา"  ซึ่งหมายความว่า  ต่อจากนี้อีก  ๕  เดือน  ถึงกันยา  ช้าที่สุด  วันที่  ๑  ตุลา  คือวัน  "ยุบสภา"  และก็ขอบอกกับแกนนำกองกำลังกบฏด้วยว่า...ฉลาดที่  "รู้เขา-รู้เรา"  ซื้อเวลาหายใจภายใต้แผนปรองดองได้อีกระยะหนึ่ง!
     ไม่ต้องหวั่นไหว...คุณอภิสิทธิ์  ท่านเป็นนายกฯ  ทุกความรับผิดชอบเป็นของท่าน  ฉะนั้น  เมื่อท่านเป็นนายกฯ   มีอำนาจนายกฯ   อยู่ในมือ  จงตัดสินใจในสิ่งที่ท่านเห็นว่า  "ดีที่สุด"   สำหรับชาติ-ประชาชน  และเมื่อตัดสินใจลงไปแล้ว
     ไม่มีอะไรที่ไม่ใช่  และไม่ดี!
     ดูเหมือนว่าบรรดาแกนนำกองกำลังเสื้อแดงก็   "ประกาศยอมรับ"   แผนปรองดอง  ๕   ข้อของท่าน  เพียงแต่มีข้อสงสัยเป็นชั้นเชิง  ๓-๔  ข้อ  ที่ต้องการความชัดเจนจากฝ่ายรัฐบาลก่อนเข้าสู่กระบวนการปรองดองและนั่งโต๊ะเจรจากันเป็นเรื่อง-เป็นราว   และ  ๒  ใน  ๔  เงื่อนไขที่ฝ่ายแดงเสนอกลับไปยังฝ่ายรัฐบาลว่า
     -  ไม่ขอนิรโทรกรรมให้แก่  นปช.ในข้อหาโค่นล้มสถาบัน  และการก่อการร้ายอย่างเด็ดขาด  พร้อมสู้คดี  และ
     -  ต้องยุติการนำสถาบันกษัตริย์ลงสู่ความขัดแย้งในทุกมิติ นั้น
     พูดได้คำเดียวว่า   "ฉลาด"  และหยั่งรู้สถานการณ์  ไม่เสียทีทำงานใหญ่ถึงระดับนำคน  "กบฏบ้าน-กบฏเมือง"!
     ต้องยอมรับว่า   สถานการณ์มาถึงขณะนี้   ทั้งนายกฯ  อภิสิทธิ์  และทั้งฝ่ายแกนนำกบฏ  "หลังชนฝา"   ด้วยกันทั้งคู่  "คนนอก"  ทั่วไปนั้น  ไม่มีใครรู้หรอกว่า  "สถานการณ์และปัญหาภายใน"   ของแต่ละฝ่าย  มันกลายเป็น  "ศึกกระหนาบ-หนามในอก"  ของพวกเขาขนาดไหน?
     คนถือหางแต่ละฝ่ายก็เชียร์กันไป  แต่นายกฯ  อภิสิทธิ์  และวีระ-จตุพร-ณัฐวุฒิ  เมื่อต้องนำทัพเข้าสู่สมรภูมิ   "ปฏิบัติจริง"  ด้วยความรับผิดชอบสู่เป้าหมาย  แต่ละฝ่ายต่างบอกกับใจตัวเองว่า  "มันไม่ง่ายเหมือนในหนังจีน"  จนบางครั้งอยากตะโกนบอกพวกเชียร์มวยข้างสนามเสียด้วยซ้ำว่า
     "เอ้า...พวกมึงลองมาเป็นกูบ้างซิ  แล้วจะรู้"!?
     จากแค่   "รับจ้างทักษิณ"  เขย่าการเมืองประเทศผ่านรัฐบาลอภิสิทธิ์ด้วยอิจฉา  "เมื่อตัวกูหรือพวกกูไม่ได้กิน  ก็อย่าหมายว่าจะปล่อยให้พวกมึงกินกันได้สบาย"  แต่นายใหญ่ไม่ได้จ้างวงเดียวแสดง  ดันแอบไปจ้างวงโน้น-วงนี้ให้ต่างมาเป่าปี่-ตีกลองร่วมกัน  ทั้งวงเสธ.แดง  วงสยามแดง  วงแตงโม  วงมะเขือเทศ  วงนักวิชาเกิน  วงศ์ซ้ายอกหัก  วงท่านผู้ทรงเกียรติทั้งใน-นอกสภา  ไม่เว้นกระทั่งวงเสือโหย-หมาหิว  และกระสือสื่อ
     เมื่อมารวมกันเข้าจึงเหมือน  "ตะกวดสิบหาง-จงอางสิบหัว"  พอลงมือปฏิบัติการจึงพล่านและมั่ว   หลงตน-ลืมตัว  ต่างคน-ต่างทำ  ได้ทีก็รวมกันเฮ  แต่พอพลาดท่าเซ  ต่างหายหัว...มึงทำ   กูไม่ได้ทำ  สุดท้าย-หงายไพ่ท้ายสำรับ  "ก่อนสำเร็จ"  ด้วยการปลุกปั่นชาวบ้าน  "ล้มสถาบัน-เปลี่ยนระบบประเทศ"!
     เริ่มต้นก็สู้เพื่อทักษิณ   ไม่เจ้าท่า-เปลี่ยนเป็นสู้เพื่อประชาธิปไตย  ต่อๆ  มาเปลี่ยนใหม่สู้เพื่อแดงทั้งแผ่นดิน   เห็นไม่เป็นผลแผลงเป็นสู้เพื่อล้มระบบอำมาตย์   ประกาศทำสงครามชนชั้น  "ล้มล้างสถาบัน"  หนักๆ  เข้าชักเมามัน  จากชุมนุมสันติ-อหิงสา  ปราศจากอาวุธ  เพิ่มระดับขึ้นเป็นการชุมนุมที่มีกองกำลังติดอาวุธ  ฆ่าทหาร  ยึดบ้าน-ยึดประเทศ
     ใหม่ๆ   คนที่มาชุมนุม   เมื่อได้ยินแกนนำตะโกนบนเวทีให้สันติ-อหิงสา  ถามกันเองว่า  "อหิงสา"  ใช่  "มหิงสา"  ที่หน้าตาเหมือนจตุพร-สุภรณ์  หรือไม่?  เขาให้ตะโกนก็ตะโกนกันไป  ทั้งที่ไม่รู้เรื่อง  และไม่เข้าใจอะไรกันเลย!
     สรุปก็คือ   ขึ้นต้นเป็น  "๓  เกลอหัวขวด"  แต่ลงท้ายบานปลายเป็น  "๒๔  เกลอหัวครก"  ทั้งเจตนา  นโยบาย  และการเดินเกมม็อบ  ไม่รู้ใครคุมใคร-ใครได้  เพราะต่างฝ่ายต่างมีเป้าหมาย   เพียงอาศัยคราบทักษิณขับเคลื่อนขบวนมวลชน  ลงท้ายก็เหมือนรถไฟลงจากเขาแถมทางโค้ง  ใครก็คุมใครไม่ได้
     รับใช้ทักษิณ  แต่แย่งกันกิน-แย่งกันตะกายตึกเอาหน้า  แย่งกันจนเป็นกองกำลังก่อการร้าย  ทำกันจนฉิบหายทางมวลชน  กลายเป็นกลุ่มเสนียด  ขบวนการแดงน่ารังเกียจของทั้งคมไทยและสังคมโลก  ฆ่าทหาร-ปิดถนน-ปิดโรงพยาบาล-ปิดสภากาชาด  ยึดราชประสงค์  ศูนย์ธุรกิจการค้าใหญ่ใจกลางเมืองหลวง
     ลงท้าย...เมื่อประชาสังคมขยะแขยงสุดทน  รวมตัว  "ลุกขึ้นต่อต้าน"  ทั้งบ้าน-ทั้งเมือง  กบฏทักษิณเลยกลายสภาพเป็น  "โจรแผ่นดิน"  ที่โดดเดี่ยว  ใครไม่อยากให้อยู่ร่วมแผ่นดิน
     แรกๆ  เข้าใจว่ายึดราชประสงค์เท่ากับจับกรุงเทพฯ  เป็นตัวประกัน  แต่ที่ไหนได้  หลังจากประชาสังคมลง  "พรหมทัณฑ์"  พวกตัวเองกลายเป็นถูก  "ตำรวจ-ทหาร"  รวมทั้งประชาชนปิดกั้น  จะขยับขยายออกไปทางไหนก็ไม่ได้เหมือนควายติดคอก!
     ชาวบ้านให้แกนนำแต่ละหมู่บ้าน-ตำบล-อำเภอ-จังหวัด  "ยึดบัตรประชาชน"  ไว้  ก่อนมาชุมนุม  เพราะเขาหลอกว่า  "ชนะแล้ว  ทักษิณกลับมาเขาจะแจกให้คนละ  ๒  แสน"  ตอนนี้มีแต่บัตรประชาชนอยู่ในมือพวกแกนนำเป็นเข่ง  แต่ชาวบ้าน  "เจ้าของบัตร"  หนีกลับไปมากต่อมาก  จึงเป็นปัญหาหนักหน้าแกนนำ  "๓  เกลอหัวขวด"
     พวกตัวเองเหมือน  "ไข่แดง"  อยู่รอดได้ทุกวันนี้เพราะชาวบ้านที่เหลือเหมือน  "ไข่ขาว"  ห่อหุ้มไว้  เมื่อไข่ขาวค่อยๆ  หายไป  พวกไข่แดงรู้แล้วว่า...ความตายกรายมาถึงหัวแล้ว!
     ข่าวทักษิณตาย  ๑  แกนนำแตกกัน-จนตรอก  ๑  นายทุนเริ่มไม่จ่าย  ๑  ประชาสังคมต่อต้าน  ๑  เข้าขั้นกบฏ-ก่อการร้าย  ๑  แนวร่วมต่างชิ่งเอาตัวรอด  ๑  และบุกโรงพยาบาลจุฬาฯ  อีก  ๑  เหล่านี้คือ  "ปัญหาภายใน"  ผลักให้  ๓  เกลอหัวขวด  "หลังชนฝา"  ไม่สามารถ  "ปากกล้า-ขาสั่น"  อีกต่อไปได้
     ขืนดันทุรัง  จากไม่ตาย  และ  (อาจ)  ได้ประกัน  จะหนักหนาถึงขั้น  ถ้าไม่ตาย  ก็ไม่ได้ประกัน!?
     สำหรับนายกฯ   อภิสิทธิ์   การผ่าทางตายให้ประเทศไทยและสังคม  มีทั้งเสียงขานรับ   และเสียงด่ายับ   แต่ดูเหมือนว่า  "เสียงขานรับ"  จะมากกว่า  การเมืองเรื่องประเทศชาติ   นั่นพูดกันเผินๆ  แต่ลึกในเนื้อแท้  "การเมืองเรื่องของประชาชน"  ฉะนั้น  การเลือกตัดสินใจในทางที่  "ฝ่ายตรงข้ามน้อมสนอง"  ย่อมประเสริฐ
     เพราะการแก้ปัญหาโดย   "คนไม่ตายเลย"   ดีที่   ๑  "ตาย-แต่ตายน้อยที่สุด"  ดีที่   ๒  แต่สามัคคีคืนใจกลับเป็นเนื้อเดียวกันได้ดีที่สุด!
     อาจารย์การเมืองท่าน   "อดีตนายกฯ  ชวน"  ดูจะไม่พอใจถึงขนาดประกาศตัวว่า  "อยู่ฝ่ายไม่ยุบสภา"   ก็ไม่เป็นไร   ช่างท่านเถอะ  ท่านอาจพอใจอยู่ฝ่าย  "ยุบพรรค"  ก็ได้   เพราะตอนนี้  "ประชาธิปัตย์"  พระศุกร์เข้า-พระเสาร์แทรก  ถูกคดีโทษยุบพรรคนุงนังน่าว้าวุ่นใจอยู่!
     แฟนๆ   ที่ยึดภาษิต  "เลือดต้องล้างด้วยเลือด"  ดูจะผิดหวังท่านเยอะ  ท่านก็รับทราบเถอะ  แต่ไม่ต้องกังวลใจ  ปัญหาที่ต้องแก้ไขเฉพาะหน้าคือ  "ทำอย่างไรจึงจะคืนความสงบให้บ้านเมืองได้ก่อน?"   และท่านก็ทำได้แล้ว  อย่างน้อยก็  ๒  วันละที่  "ทุกอย่างสงบในที่ตั้ง"  ด้วยผลจากแผนปรองดอง
     ทั้ง   ๕  ข้อนั้น  ใน  ๔  ข้อต้องทำต่อเนื่องทั้งชาติและทั้งชีวิต  นั่นก็ยังไม่แน่ว่าจะสำเร็จระดับไหน   ฉะนั้น  ที่สนใจเป็นรูปธรรมมากที่สุดก็คือ  "กำหนดวันยุบสภา"  ดูตามตารางเวลาที่กำหนด  ผมก็ว่าโอเคนะ!
     ถึงสิ้นกันยา...แต่งตั้ง-โยกย้ายข้าราชการ-ทหาร-ตำรวจ   "ประจำปี"  เสร็จหมดแล้ว  และ  พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี  ๒๕๕๔  ก็เสร็จแล้ว  จะอยู่ทำไมอีกล่ะในบรรยากาศเช่นนี้?
     ตรงนี้ยังไม่ต้องคุยรายละเอียด  เพราะอีกนาน  และท่านก็อย่าเพิ่งทึกทักนะว่า  "ปัญหาจะจบ"  และจะได้เลือกตั้งกันในเดือนพฤศจิกาตามเจตนาที่วาดหวัง
     ผมจะบอกให้  เหตุการณ์ที่บานปลายจากชุมนุมการเมืองเป็น  "กบฏภายในราชอาณาจักร"   พร้อมพรักด้วยกองกำลังอาวุธร้ายแรงนั้น   จะพูดไปก็  "ทักษิณเป็นต้นเหตุปัญหา"  ก็จริง   แต่สาเหตุของปัญหาที่ขยาย-ปลายบานไปถึงขั้นนี้  ประเด็น  "จบ-ไม่จบ"  ไม่ได้อยู่ที่ทักษิณแล้ว  หากแต่พัฒนาไปอยู่ที่
     ความขัดแย้ง-แบ่งฝ่าย  และการแก่งแย่งอำนาจของ  "คนในกองทัพ"  ภายใน  สมทบด้วยตำรวจ   เรียกว่าปัญหาบ้านเมืองเวลานี้   ตำรวจ-ทหาร  ทั้งในราชการและนอกราชคือ   "ตัวฟันเฟืองใหญ่"  กระทั่งอำนาจในมือนายกรัฐมนตรี  สั่งได้...
     แต่ไม่สนใจซะอย่าง  ใครจะทำไม?
     นี่คือประเด็นที่ต้องเห็นใจ  "ด้วยเข้าใจ"  คนที่เป็นนายกรัฐมนตรี  "สั่งได้"  แต่ไม่ขับเคลื่อน   แล้วจะให้ทำอย่างไร  นอกจากเอา  "หลังพิงฝา"  แล้วใช้สติปัญญาตัดสินใจภายใต้กรอบอำนาจที่ตัวเองทำได้เท่านั้น!
     สมมุติว่า   "ม็อบจบ"  แต่การเมืองเรื่องแบ่งข้าง-แบ่งขั้ว  (ชิง)  อำนาจ  "ข้าราชการ-ทหาร-ตำรวจ"   ยังไม่จบ  "ยิ่งใกล้กรกฎา-สิงหา  เผลอๆ  หลังวันที่  ๒๘  พฤษภานี้ไป  ทหารบางพวกอาจจะมี  "ความคิดใหม่"  ให้ตื่นตา-ตื่นใจกันอีกก็ได้
     ผมเพียงให้ข้อสังเกตไว้  อย่าไปจริงจัง!
     ฉะนั้น   เรื่องเลือกตั้ง  ๑๔  พ.ย.  "ฝันชั่วคราว"  เถอะ  อย่าเพิ่ง  "ฝันข้ามคืน"  กันเลย  กบฏแดงก็เพียงสลบ  แต่ยังไม่ยอมสลาย  เงื่อนไขที่ทำให้  "เชื้อชั่วไม่ตาย"  ยังมีอยู่เยอะ  แต่จะบอกให้สบายใจ  ขณะนี้  "ประชาสังคมไทย"  ตื่นแล้ว  ต่อให้การเมือง-การบ้าน-การทหาร-การม็อบ  ใครแหลมผิดทางออกมาเมื่อไหร่
     "ประชาสังคมไทย"  เอา  (มึง)  แน่!

 
http://www.thaipost.net/news/050510/21773
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1883 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2553, 11:05:32 »

พักยก...ไปตามหาเรือโนอาห์(จบ)
ท่านขุนน้อย 5 พฤษภาคม 2553 - 00:00

  ระหว่างที่รัฐบาลท่านกำลังเอากระไดมาล่อ  ให้พวกเสื้อแดงมีโอกาสได้  เดินขึ้น-เดินลง  อยู่ในขณะนี้  ไม่ว่าสุดท้ายใครจะเลือกเดินขึ้น  หรือเดินลง  เลือกที่จะใช้ไม้นวม  หรือไม้แข็ง  เหตุการณ์นับจากนี้ก็คงไม่ถึงกับต้องยืดเยื้อ  คาราคาซัง  ยาวนานออกไปเป็นเดือน  เหมือนดังเช่นที่เคยเป็นมา...ด้วยเหตุนี้เราอาจไม่ถึงกับต้องเสียเวลาไปตามหาเรือโนอาห์  ชนิดลากยาวจนเกินไปนัก...วันนี้เลยขอนุญาตสรุปแต่เพียงย่อๆ  พอให้ได้รับทราบข่าวคราว  ความเป็นมา-เป็นไปของเรื่องราวเหล่านี้ก็แล้วกัน...
           ----------------------------------------------
     ย้อนกลับไปถึงกระบวนการตรวจสอบ  สิ่งที่ถูกคาดว่าอาจเป็นซากเรือโนอาห์บนเทือกเขาอารารัต   ของคณะสำรวจ   นำโดยนาย  รอน  ไวแอทท์  เริ่มแรกก็คือร่องรอย  หลักฐานอันสามารถประจักษ์ได้ด้วยสายตา  หรือพื้นที่แนวหินที่มีรูปร่างลักษณะคล้ายลำเรือ  ซึ่งปรากฏให้เห็นโดยชัดเจนจากภาพถ่ายทางอากาศ  เมื่อทีมคณะสำรวจลองเริ่มต้นวัดระยะห่างจากจุดที่มีลักษณะคล้ายๆ  หัวเรือ  ไปจนจรดจุดที่คล้ายท้ายเรือ  พบว่ามีความยาวตกประมาณ  515  ฟุต  หรือประมาณ  300  คิวบิตส์  ตามมาตรวัดแบบอียิปต์โบราณ  ซึ่งก็เท่ากับความยาวตามที่ระบุเอาไว้ในคัมภีร์ไบเบิลแบบเป๊ะๆๆ  ส่วนจุดที่เป็นความกว้าง  เมื่อวัดระหว่างแนวที่คล้ายกราบเรือทั้งสองข้าง  ก็เท่ากับ  50  คิวบิตส์  ตรงกับข้อความคัมภีร์อย่างแทบไม่น่าเชื่อ...
           ----------------------------------------------
     สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นก็คือ  บริเวณกราบเรือใกล้ๆ  กับท้ายเรือ  มีแนวหินที่พองนูนเป็นเส้น  4  เส้นโผล่ออกมาจากโคลน  มีลักษณะคล้ายๆ  กับโครงกระดูกเรือ  โผล่ให้เห็นเชื่อมโยงกันเป็นระยะๆ  ส่วนบริเวณตรงกลางรูปลำเรือที่มีรอยโป่งพองยาวไปตลอดตั้งแต่หัวจรดท้าย ได้รับการสันนิษฐานในช่วงเริ่มแรกว่า  อาจเกิดจากการพังทลายของตัวเรือที่ถูกสร้างให้เป็นชั้นต่างๆ  ตามข้อความที่ระบุเอาไว้ในพระคัมภีร์  จนกองทับถมเป็นซากหิน  ซากโคลน  โป่งนูนออกมา  และเพื่อพิสูจน์ให้ชัดเจนว่าลักษณะโครงสร้างซึ่งอยู่ลึกลงไปในชั้นหิน  ชั้นโคลน  ดังกล่าว  มีรูปร่างเช่นใดกันแน่  ทีมสำรวจจึงได้ใช้อุปกรณ์เรดาร์  GPR  สแกนลึกลงไปใต้พื้น  แล้วถอดรหัสออกมาให้เห็นเป็นภาพอิลลัสเตรท    ซึ่งก็ปรากฏว่าเห็นเป็นภาพโครงเรือโดยชัดเจน  หรือเป็นภาพโครงสร้างซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ  แต่น่าจะเป็นโครงสร้างที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาโดยฝีมือมนุษย์มากกว่า...
          -------------------------------------------------
     และจากการใช้เรดาร์  GPR  สแกนไปในจุดต่างๆ  ว่ากันว่า...คณะสำรวจได้พบส่วนที่มีลักษณะเป็นโพรงกระจัดกระจายอยู่หลายจุด  โดยเฉพาะบริเวณช่องกราบเรือ  จึงได้ตัดสินใจใช้สว่านเจาะเข้าไปในแผ่นหิน  จนได้พบวัสดุแปลกๆ  หลายต่อหลายชิ้น  เช่นวัตถุที่คาดกันว่าอาจเป็นมูลสัตว์  เป็นเขากวาง  เป็นร่องรอยขนสัตว์  ตลอดไปจนวัสดุที่มีลักษณะคล้ายชิ้นส่วนของไม้ที่ถูกอัดทับกันเป็นชั้นๆ  หนาถึง  3  ชั้น  แต่ละชั้นนั้นมีสารเชื่อมต่ออัดอยู่ในเนื้อไม้แต่ละชั้น และเมื่อนำเอาสารดังกล่าวไปพิสูจน์ทางเคมีในห้องแลปที่  Galbraith  Lab  ในเมืองน๊อกซ์วิลล์  รัฐเทนเนสซี  ก็พบว่าสารดังกล่าวก็คือ  Btumen  หรือ  น้ำมันดิน  ตรงกับข้อความในพระคัมภีร์ที่พระเจ้าสั่งให้โนอาห์ใช้ยาชันตัวเรือทั้งข้างนอก  ข้างใน  ซะอีกต่างหาก...
       ------------------------------------------------------
     นอกจากนั้น  ก็ยังมีการค้นพบวัสดุอะไรต่อมิอะไรอีกหลายอย่าง...ที่ทำให้ผู้ซึ่งตั้งใจที่จะเชื่ออยู่แล้วว่า  ซากหินที่มีรูปร่างล้ายๆ  เรือบนเทือกเขาอารารัตนั้น  ต้องเป็นเรือโนอาห์แหงๆ ก็ยิ่งปักใจเชื่อหนักขึ้นไปอีก  ไม่ว่าวัสดุที่มีแร่โลหะคล้ายรูปหมุดเหล็ก  หรือตะปู  แท่งหินที่ถูกเจาะเป็นรู  วางกองระเกะระกะ  อยู่ห่างจากซากตัวเรือไปประมาณ  1  ไมล์  ซึ่งถูกสันนิษฐานว่า  อาจจะเป็นอับเฉา  หรือสมอเรือ...แต่ถึงกระนั้นก็ตาม  สำหรับผู้ที่ยังไม่ปักใจเชื่อ  ก็ยังคงไม่เชื่ออยู่ดีอีกนั่นแหละ  ข่าวคราวดังกล่าวจึงค่อยๆ  เงียบหายไปนับเป็นสิบๆ  ปี  จนกระทั่ง  คณะนักสำรวจชาวคริสต์  และนักสร้างหนังสารคดีชาวฮ่องกง  ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าโผล่มาจากไหน  นำเอาเรื่องราวเหล่านี้มาจุดพุลขึ้นมาใหม่  ข่าวคราวว่าด้วยการค้นพบซากเรือโนอาห์  จึงกลายเป็นข่าวที่สามารถนำเอามาใช้สร้างสีสัน  สร้างความตื่นตา  ตื่นใจ  ให้กับใครต่อใคร  หรือนำเอามาใช้  แก้ขัด-แก้เซ็ง  ให้กับคอลัมน์  ท่านขุนน้อย  ด้วยประการละฉะนี้....
      ---------------------------------------------------------
     อย่างไรก็ตาม...ไม่ว่าเรือโนอาห์จะมีอยู่จริงหรือไม่?    สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นก็คือว่า  ถ้าหากนำเอาพฤติกรรม  หรือลักษณะความเป็นไปของมนุษย์ในยุคนั้นกับยุคนี้  มาลองเทียบเคียงกันดู  ชักไม่แน่ใจขึ้นมาเหมือนกันว่า  ระหว่างมนุษย์ในยุคนั้นกับมนุษย์ในยุคนี้  ใครจะ  ชั่ว  กว่ากัน???  และถ้าหากความชั่วของมนุษย์ยุคนี้พอๆ  หรือมากกว่าความชั่วของมนุษย์ในยุคนั้น  พระเจ้าท่านจะทรง  เปรี้ยวพระบาทา  มากหรือน้อยขนาดไหน???  และจะทรงคิดดำเนินการเช่นไรต่อไป???  เพื่อทำให้โลกนี้มันดีขึ้น  หรือสะอาดขึ้นมามั่ง  ดังที่เคยทรงดลบันดาลให้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมโลก  เพื่อขจัดกวาดล้างสิ่งเลวร้าย  สิ่งไม่เป็นที่โปรดปราน  ในสายพระเนตรของพระองค์ลงไปให้เกลี้ยง...
      --------------------------------------------------------
     สำหรับคำถามนี้...คงต้องไปพลิกพระคัมภีร์ไบเบิลมาตรวจสอบกันดูอีกเที่ยวนั่นแหละ  ในบทว่าด้วย  จดหมายจากท่านเปาโลถึงทิโมธี  ฉบับที่สอง  ซึ่งได้พยากรณ์ถึงเหตุการณ์  วันสิ้นยุค  หรือเหตุการณ์ที่พระเจ้าอดไม่ได้ที่จะต้องลงโทษมวลมนุษย์  อันเนื่องมาจากความชั่วช้า  ซึ่งพอกพูนขึ้นสู่ระดับสูงสุด  ส่งผลให้พฤติกรรม  และลักษณะความเป็นไปของมนุษย์  เป็นดังนี้...แต่จงเข้าใจในข้อนี้   คือว่า  ในสมัยจะสิ้นยุคนั้น  จะเกิดเหตุการณ์กลียุค  เพราะมนุษย์จะเห็นแก่ตัว  เห็นแก่เงิน   เย่อหยิ่ง  ยโส  ชอบด่าว่า  ไม่เชื่อฟังคำบิดา  มารดา  อกตัญญู  ไร้ศีลธรรม  ไร้มนุษยธรรม  ไม่ให้อภัยกัน  ใส่ร้ายกัน  ไม่ยับยั้งชั่งใจ  ดุร้าย  เกลียดชังความดี  ทรยศ  มุทะลุ  หัวสูง  รักความสนุกยิ่งกว่ารักพระเจ้า  ถือศาสนาแต่เปลือกนอก  ส่วนแก่นแท้ของศาสนาเขาไม่ยอมรับ...ฯลฯ
       -------------------------------------------------------
     สรุปง่ายๆ  เอาเป็นว่า...ตามพฤติกรรม  ลักษณะความเป็นไป  ดังที่ได้บรรยายเอาไว้ในพระคัมภีร์  ว่าไปแล้ว...ดูๆ  จะตรงกับลักษณะของ  มนุษย์ในยุคนี้  แทบจะเป๊ะๆๆ  ด้วยเหตุนี้...บรรดาเราๆ   ทั่นๆ  ทั้งหลาย  ที่ดันต้องเกิดมามีชีวิตอยู่ในยุคนี้...ก็อย่าถึงกับไปเบื่อ  ไปเซ็ง  อะไรมากมาย  สู้เอาเวลาว่างๆ  ไปนั่งต่อเรือแบบโนอาห์ไว้พลางๆ  น่าจะดีกว่า
ปล่อยให้มุมจบของเหตุการณ์  หรือสถานการณ์ภายในอนาคตข้างหน้า  เป็นเรื่องของพระผู้เป็นเจ้าที่จะทรงบันดาลให้น้ำท่วมโลก  หรือไฟท่วมโลก  ก็แล้วแต่จะทรงพระกรุณา  คิดซะยังงี้  พอได้หายโกรธ  หายเกลียด  ใครต่อใครขึ้นไปเป็นกอง...
       -------------------------------------------------------
     ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้  จาก  อาร์คบิชอป  โรเบิร์ต  อเล็กซานเดอร์  เคนเนดี้...ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า...ขอได้โปรดเปลี่ยนแปรแก้ไขโลกนี้ให้ดีขึ้น  โดยให้เริ่มจากตัวข้าเองก่อน...

http://www.thaipost.net/news/050510/21754
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1884 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2553, 11:09:23 »

17 พฤษภาคม 2532
ถูกทุกข้อ 5 พฤษภาคม 2553 - 00:00

 ท่านสามวา สองศอก ครับ
     คงต้องรบกวนท่านอีกครั้งแล้วสิครับ...
     เพราะคราวนี้ท่านผู้ขี้สงสัยถามมาตรงๆ   เลยว่า   เมื่อเป็น  ส.ส.ในกรุงเทพฯ  อีกหน  แล้วทำอะไรให้ประชาชนเห็นชัดๆ  บ้าง
     ผมก็ต้องขอนำคำอภิปรายของผมในสภา   เมื่อวันที่  17  พฤษภาคม  พ.ศ.2532  มาเปิดเผย  โดยมีท่านประธานสภาขณะนั้นคือ  ท่านปัญจะ  เกษรทอง  ครับ...
     กราบขอบคุณครับท่านประธาน
     กระผมนายสุเทพ   วงศ์กำแหง  พรรคพลังธรรม  กทม.นะครับ  กระผมรอคอยวันนี้มาหลายสิบปี  กระผมเองจำได้เมื่อเราตั้งพรรคการเมืองกันใหม่ๆ  นั้น  เราได้เอาหลักการนี้ใส่เข้าไปในนโยบายของพรรค  ซึ่งคราวนั้นผมเป็นพรรคเล็กๆ  ชื่อพรรคพลังใหม่  เราเคยมีความมุ่งมาดปรารถนาในการที่จะยกผู้ใช้แรงงานให้เป็นผู้ที่มีความสำคัญของประเทศ   เราพยายามอย่างยิ่งที่จะต่อสู้เรื่องนี้มานานแสนนานแล้ว  แล้ววันนี้ผมดีใจที่รัฐบาลก็ดี  พรรคการเมืองเพื่อนๆ   ทุกคนก็ดี  ที่ได้หยิบยกปัญหานี้ขึ้นมาในการที่จะสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่ประชาชนผู้ใช้แรงงานของเรา
     ท่านประธานครับ   ประชาชนคนไทยของเรานั้น   ทุกวันนี้เราคิดว่าเราพูดกันยังไงครับ  เราคิดว่าการที่เราทุกข์ยากกันทุกวันนี้  ไม่ว่าจะเป็นการตกระกำลำบาก  ไม่ว่าจะถูกทำอะไรก็ตามที่เป็นเรื่องของความทุกข์ยาก  ทุกคนต่างพูดกันว่าเป็นกรรมเก่า
     ท่านประธานครับ   กรรมเก่าของใคร   ใครไปทำกรรมเก่าเอาไว้  ทุกคนนึกว่าการที่เราตกระกำลำบาก  ตกงาน  ทุกข์ยากนั่นน่ะ  เป็นเรื่องที่ตนเองเพราะว่าเมื่อชาติก่อนทำกรรมไม่ดีเอาไว้  ชาตินี้จึงต้องรับกรรมนั้น  ความจริงไม่ใช่นะครับ  ความจริงแล้วมันอยู่ที่หน้าที่ของรัฐ  ในการที่จะต่อสู้ในการที่จะทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ  รัฐมีหน้าที่ต้องให้การศึกษาแก่ประชาชน  รัฐมีหน้าที่ต้องให้งานแก่ประชาชน  รัฐมีหน้าที่ต้องให้สวัสดิการแก่ประชาชน  เช่น  เรื่องที่อยู่อาศัยต่างๆ  สิ่งต่างๆ  เหล่านี้ถูกละเลยมาตลอด
     พูดไปทำไมมีในทุกรัฐบาลที่ผ่านมานั้น    หลายรัฐบาลได้พูดว่าจะทำอย่างนั้นจะทำอย่างนี้  เพื่อให้ประชาชนคนไทยจริงๆ  ที่เราต่อสู้กันมา  เพื่อการเป็นนักการเมืองที่ดีของประเทศชาติ  เป็นนักการเมืองที่เป็นตัวแทนของประเทศชาติจริงนั้น  เราต้องการเป็นตัวแทนที่ดีของเขา  เราต้องการสร้างข้อมูลที่ดีให้แก่รัฐบาล  เราต้องการทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อประโยชน์ให้แก่ประชาชนคนไทยให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
     ท่านประธานครับ   สิ่งที่เราหวังนั้นเราหวังมานาน   บางคนเล่นการเมืองมาจนชั่วชีวิต   บางคนก็ไม่สามารถเข้ามานั่งอยู่ในสภา   แต่มีสิ่งหนึ่งที่จะบอกว่า  เรามีความมุ่งหวังในการที่จะทำอย่างไร  ให้ประชาชนคนไทยนั้นทุกคนนะครับ  ควรจะมีสิทธิ์ในความเป็นอยู่ของเขา  ในการที่จะทัดเทียมกัน  ที่พูดอย่างนี้มิได้หมายความว่าเราจะบอกว่า  คนมีเงินหรือว่าคนยากจนจะต้องมาอยู่ในระดับเดียวกัน  ไม่ใช่ครับ  แต่ว่ารัฐเองต่างหากที่เป็นผู้ที่จะต้องให้เขา
     ที่ผมบอกว่าผมดีใจที่รอคอยวันนี้มานานแสนนาน   ผมบอกว่าเมื่อรัฐได้เสนอพระราชบัญญัติฉบับนี้เข้ามานั้น   เพื่อนพรรคต่างๆ  ที่ส่งเข้ามานั้น  ให้ถือว่านี่เป็นการที่จะทำให้ประชาชนคนไทยของเราได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น  เราต้องการสิ่งนี้มานานแล้ว
     เมื่อก่อนผมอยู่พรรคเก่าของผม  ผมเคยเสนอในการที่จะบอกให้รัฐรับผิดชอบคนตั้งแต่เกิด
จนถึง   5  ขวบ  และให้รัฐรับผิดชอบคนตั้งแต่อายุ  60  ปีขึ้นไปจนกระทั่งตาย  สิ่งที่เราขอร้องรัฐครั้งนั้นคือเรายอมตัวเป็นทาสของรัฐ  คือเป็นคนของรัฐอยู่ร่วมรัฐบาล  แต่ครั้งนั้นเราไม่ได้รับการตอบสนองจากรัฐบาลเลย  ผมถือว่าการที่เราตั้งใจทำงานเพื่อประโยชน์ของรัฐ  เพื่อประโยชน์ของประชาชน  แต่ว่าเราไม่ได้รับการตอบสนองอย่างแท้จริง
     ท่านประธานครับเรามุ่งหวัง  ผมรู้ว่าทุกคนที่อยู่ในที่นี้ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม  ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีหรือจะเป็น  ส.ส. เราเข้ามาในสภานี้เพื่อต้องการให้ประชาชนคนไทยนั้นมีความเป็นอยู่ที่ดี  ผู้ใช้แรงงานต่างๆ  น่ะครับ
     ท่านประธานครับ   ท่านประธานได้มีโอกาสไปเที่ยวเตร่เฮฮา   หรือไปเที่ยวที่ไหนบ้างนั้น  ท่านประธานคงจะได้เห็นชีวิตของคนผู้ใช้แรงงาน  ไม่ว่าจะอยู่ในแขนงไหนก็ตาม  เขาจะถือว่าค่าของแรงงานของเขามันผูกพันกับตัวเขาอยู่ตลอดเวลาจากนายจ้าง
     ท่านประธาน   ถ้าเผื่อท่านประธานได้รับทราบความจริงแล้ว  ท่านประธานอาจจะน้ำตาไหลด้วยความนึกไม่ถึงว่าคนไทยด้วยกันจะถูกเอาเปรียบในแรงงานถึงขนาดนั้น
     ผมไม่อยากจะยกตัวอย่างที่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า   ว่าเด็กๆ  ของเราถูกเอาเปรียบในการที่จะเอาเขาไปทำงานตั้งแต่เช้ายันค่ำจนถึงดึกแล้วก็ให้กินข้าว  แล้วก็เช้าขึ้นมาก็ถูกปลุกให้มาทำงานต่อด้วยเงินเพียงเล็กน้อย  ผมจะต้องพูดถึงว่าแม้กระทั่งบรรดาผู้ใช้แรงงานต่างๆ  ที่เราบอกว่าเราให้ค่าแรงของเขาวันละเท่าไรๆ  แต่เท็จจริงแล้วนะครับมันไม่ใช่เป็นเช่นนั้นหรอกครับ
     ท่านประธานครับ  บางครั้งนะครับท่านประธานครับ  ผมไม่อยากจะกราบเรียนว่าเราไม่เข้าข้างคนของผม   อาจจะเป็นผู้ใช้แรงงาน  ทำงานกลางคืนน่ะครับ  ไม่ว่าจะเป็นเด็กเสิร์ฟ  ผู้ใช้แรงงานในการร้องเพลง   หรือผู้ใช้แรงงานต่างๆ  เหล่านั้นถูกนายจ้างบีบบังคับมาตลอด  ให้ทำงานหนักและได้เงินน้อย  และโดยเฉพาะอย่างยิ่งสวัสดิการของเขาเหล่านั้นไม่มีเลย
     จะเห็นว่าทุกวันนี้ในการประกาศรับสมัครงานต่างๆ  ประชาชนมักจะไปสมัครงานกับหน่วยงานของรัฐ   เพราะรัฐมีสวัสดิการให้กับประชาชนอย่างคุ้มค่า  ถึงแม้ว่าเงินเดือนจะน้อยหน่อย  แต่ข้าราชการก็มีสวัสดิการ   เช่น  เรื่องที่อยู่อาศัย  สวัสดิการในส่วนของการเจ็บไข้ได้ป่วย  ที่สามารถเบิกจ่ายได้  เบิกค่าเล่าเรียนได้  รวมทั้งในที่สุดเมื่อเกษียณอายุแล้วก็ยังเบิกเงินบำเหน็จบำนาญได้อีก
     ผมอยากสรุปว่าสิ่งที่รัฐบาลได้กระทำมานี้  รัฐได้เห็นความสำคัญของแรงงานของคน  และเห็นคุณค่าของคน   เพราะฉะนั้นในสิ่งที่ผมรอคอยมานี้  ผมรู้สึกว่าผมพอใจและภาคภูมิใจอย่างมาก  ผมจึงขอสนับสนุนพระราชบัญญัติฉบับนี้ครับ  ขอบคุณครับ
              ............................
     ทั้งหมดนี้คือคำอภิปรายในสภาในขณะนั้นของผม  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  พ.ร.บ.กองทุนสวัสดิการแรงงานฉบับนี้  ท่านศาสตราจารย์นิคม  จันทรวิฑุร  เป็นประธานกรรมาธิการ  มีผมเป็นกรรมาธิการอยู่ด้วย  ที่ช่วยกันหาข้อมูลมาช่วยกันเติมให้มันมีคุณค่าเพิ่มเติมหลายต่อหลายครั้ง
     และเมื่อ  พ.ร.บ.ผ่านด้วยมติเสียงข้างมาก  ท่านนิคม  จันทรวิฑุร  เข้ามากอดผมแล้วยิ้มลอดแว่นหนาเตอะ  "ขอบใจมากจริงๆ  ที่ช่วยหาข้อมูลมาเพิ่มเติม  จนพี่ว่ามันหาข้อบกพร่องแทบจะไม่มีแล้วนะ  พี่มั่นใจว่าพี่คงตายตาหลับเมื่อ  พ.ร.บ.ฉบับนี้สำเร็จตามที่ตั้งใจไว้..."
     ส่วนผม...ก็เสียใจที่ท่านประธานนิคม  จันทรวิฑุร  (ผู้ซึ่งเป็นปราชญ์บัณฑิต,  พ่อพระคนจน,  พ่อพระของคนงาน)  ลาโลกไปโดยมิได้เห็นผลงาน  ที่บรรดาชาวแรงงานใช้อยู่ในปัจจุบันน่ะสิ!
                                                  อดีต ส.ส.กรุงเทพมหานคร
                                                    ร.ต.สุเทพ วงศ์กำแหง
ตอบ คุณสุเทพ วงศ์กำแหง
     อีกไม่กี่วันก็จะครบ  21  ปี  ถ้านับจากวันที่คุณสุเทพอภิปรายเรื่อง  พ.ร.บ.แรงงานในสภาผู้แทนราษฎร  ผลงานในสมาคมนักร้องแห่งประเทศไทยมีอะไรที่อยากจะบอกชาวบ้านบ้างล่ะ

                         ความรู้สึกช้า
เรียน คุณสามวา สองศอก
     ผมได้ข่าวมาหลายวันแล้วว่า   รพ.จุฬาฯ  มีกลุ่ม  นปช.เข้าไปวางมาดก่อกวนอยู่เรื่อยๆ  โดยอ้างว่าเข้าไปตรวจดูว่ารัฐบาลเอาทหารไปแอบซุกซ่อนไว้หรือไม่  จน  ผอ.ของ  รพ.จุฬาฯ   เองต้องออกมาปฏิเสธแล้วหลายครั้ง  ทั้งๆ  ที่โดยหน้าที่และความจำเป็นแล้ว  รพ.จุฬาฯ   จะต้องได้รับการเอาใจใส่  และการให้ความอารักขาอย่างดีที่สุดในยามเช่นนี้จากรัฐบาล  ผมก็รู้สึกสะดุดใจอยู่ว่า
     "เอ๊ะ!  นี่มันยังไงๆ  กันนะ"
     แต่ข่าวร้อนๆ  ในส่วนอื่นๆ  ก็ยังมีอยู่ทั่วไป  ผมจึงมัวไปวุ่นติดตามข่าวอื่นๆ  อยู่  ไม่ได้มามองความผิดปกติของข่าวการถูกคุกคามที่  รพ.จุฬาฯ  ไปช่วงหนึ่ง
     แต่แล้วเมื่อคืนวันที่  29  เม.ย.53  ก็มีข่าวด่วนรายงานเข้ามาว่า  กลุ่ม  นปช.จำนวนหนึ่งนำโดยแกนนำชื่อพายัพ  ได้บุกขึ้นไปตรวจค้นใน  รพ.จุฬาฯ  ว่ามีทหารแอบแฝงอยู่หรือไม่  แล้วก็ลากเอาชาย  2  คนลงมาด้วย  นำไปหลังเวทีของเขา  คาดว่าเพื่อรอการนำออกประจานในวันรุ่งขึ้น
     ผมรู้สึกสะเทือนใจกับข่าวนี้มากเสียยิ่งกว่าข่าวระเบิด   M   79  ไปลงที่โน่นที่นี่เสียอีก   เพราะเคยทราบมาว่ามีข้อตกลงกันไว้ในระดับสากลทั้งโลกเลยว่า  โรงพยาบาลหรือแม้แต่หน่วยพยาบาลหรือหน่วยกาชาด  จะต้องได้รับการยกเว้นจากคู่ศึกสงครามของทุกฝ่าย  ที่จะไม่ถูกทำร้าย  ถูกคุกคาม  หรือก่อกวนจากกำลังของฝ่ายใดทั้งสิ้น
     ผมถึงกับต้องหลุดเสียงตะโกนให้กับตัวเองออกมาว่า
     "เฮ้ย!  นี่มันมากเกินไปแล้วจริงๆ  นะเนี่ย...แล้ว  ศอฉ.ของรัฐบาลเขาไปทำอะไรกันอยู่ที่ไหน?  (วะ)"
     ถ้าอย่างนี้กลุ่ม  นปช.ก็ไม่มีความผิดอีกแล้ว  แต่รัฐบาลและคนของรัฐบาลนั่นแหละผิด  ผิดเพราะไม่รู้หน้าที่และไม่ได้ทำหน้าที่อะไรเลย  ไม่อยากจะใช้คำพูดรุนแรงเลยจริงๆ  ว่า
     "เอาแต่กลัวกลุ่ม  นปช.จน...ทำให้ลืมหน้าที่  อย่างนี้ประชาชนต้องตัดสินรัฐบาลเสียที"
     ครั้นพอถึงเช้าวันที่  30  เม.ย. ก็ได้ข่าวว่า  รพ.จุฬาฯ  ต้องย้ายผู้ป่วยในตึกวชิราวุธ  ตึกธนาคารกรุงเทพไป  รพ.ศิริราชชั่วคราว  โดยรอง  ผอ.จุฬาฯ  ได้ให้สัมภาษณ์ว่า  เป็นความเลวร้ายสุดๆ  ในรอบ  96  ปี  ที่  รพ.จุฬาฯ  ถูกคุกคามอย่างไร้อารยธรรม
     "ตกลงถ้าไม่ใช่ผม   ก็ต้องเป็นท่านนายกฯ  อภิสิทธิ์  หรือไม่ก็ท่านพลเอกอนุพงษ์เป็นแน่เลย  ที่ความรู้สึกช้าขนาดนี้...?"
     คุณสามวา  สองศอก  มีความเห็นอย่างไรครับ
                                                         เล็ก เมืองเก่า
ตอบ คุณเล็ก เมืองเก่า
     คืนที่  "พา (ย่อย) ยัพ"  ไปบุกตรวจค้น  รพ.จุฬาฯ  คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้ม็อบเสื้อแดงกลายเป็นผู้ร้ายทั้งในสายตาคนไทยและชาวโลก   นายกฯ  อภิสิทธิ์ก็เลยได้ทีเอากะไดล่อให้ลงจากเวทีสี่แยกราชประสงค์  ป่านนี้คงจะแฮปปี้ไปทั้ง  2  ฝ่ายแล้ว
                                                        สามวา สองศอก

http://www.thaipost.net/news/050510/21753
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1885 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2553, 11:29:01 »

วันนี้เป็นวันฉัตรมงคล และครบ ๖๐ ปี บรมราชาภิเษก และเมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๕๓ ที่ผ่านมา ครบ ๖๐ ปี ราชาภิเษกสมรส เช่นกัน กระทรวงการคลัง และ ธนาคารแห่งประเทศไทย ออกธนบัตร ฉบับราคา ๑๐๐ บาท โดยด้านหลังธนบัตรเป็นภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนาถ และภาพช่วงบรมราชาภิเษก ออกให้แลกในวันที่ ๔ พฤษภาคม ที่ผ่านมา ตามธนาคารพาณิชย์ทุกแห่ง (ดังภาพตัวอย่างขาว-ดำ ที่นำมาแสดง)

ข่าวแจ้งว่า หมดก่อนเที่ยงวัน แต่บางท่านที่ติดต่อธนาคารเป็นประจำ อาจพอมีเหลือครับ

      บันทึกการเข้า
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #1886 เมื่อ: 06 พฤษภาคม 2553, 07:32:08 »

--------------------------------------------------------------------------------
Date: Tue, 20 Apr 2010 12:20:06 +0700
ช่วยกันเผยแพร่ อย่าเพิ่งเบือ"

ข้อความข้างล่างนี้ post ได้ไหมดร.ป๋อง

ถ้าผิดพลาดพลั้งไป เธอก็มีสิทธิ์ลบได้ทันทีไม่ต้องขออนุญาตฉันก็ได้ ฉันไม่ว่า

ฉันเข้าใจกติกาของสังคมและกฎหมายบ้านเมืองจ้า




" 70 % ของคนเสื้อแดง ผมว่ารับเงินมาประท้วงและข้อมูลนี้ทำให้ผมใจหาย

รักหรือไม่รักทักษิณไม่เกี่ยวแล้วครับ ในเวลานี้ เงินเท่านั้น
เชื่อหรือไม่เชื่อแล้วแต่นะครับ ผมได้ข้อมูลนี้มาจาก insider
พรรคการเมืองพรรคหนึ่ง งบประมาณจัดสรรกลาง 500 ล้านบาท (พิเศษ)
ระหว่างวันที่ 3-6 เมษายน 2553

1. ปิดเกมส์ให้ได้ภายในสัปดาห์นี้
เลยสงกรานต์ไปไม่ได้เด็ดขาดเพราะคนจะกลับต่างจังหวัดกันหมด 2. งบในการจ้าง
ติดต่อได้ที่หัวหน้าสายงานที่เคยระบุไว้ จากปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ
เสริมเข้ามาให้ได้มากที่สุด แบ่งเป็นสองกะ กะหนึ่งให้ได้มากกว่า 10,000
คนขึ้นไป - 9.00 - 17.00 น. - วิน 500 บาท/ แท็กซี่ 1,000 บาท
- 17.00 - 24.00 น. - วิน 800 บาท/ แท็กซี่ 1,500 บาท

3. การเบิกจ่ายเงินให้ทำตามระบบที่กำหนดไว้ ห้ามกระทำการโดยพลการเด็ดขาด
มิฉะนั้นจะเปลี่ยนหัวหน้าสายงาน

ในข้อมูลที่ผมได้ มีการระบุชื่อ และรายละเอียดมากกว่านี้นะครับ
แต่ผมบอกไม่ได้ ตายแน่นอน แค่เอามาเปิดเผยแค่นี้ก็แย่แล้ว
แต่ผมทนไม่ไหวแล้วครับ

ประกอบกับรายงานจากเพื่อนผมที่ตระเวนดูบริเวณโดยรอบกรุงเทพจะสังเกตว่า
พี่ๆวิน แถว ปทุม นน และสมุทรปราการในวันนี้ หายไปกว่าครึ่งครับ มารับจ๊อบ
จึงเป็นเหตุให้ภาพถ่ายที่เราเห็นพี่น้องคนไทยที่มาประท้วงในวันนี้จึงมีหน้าตาไม่แตกต่างจากพี่ๆวินหน้าปากซอยของเราเลย
หรือไม่ก็พี่ๆแท็กซี่

วิธีการจ่ายเงินของพวกนี้ แยบยลและให้กันในที่ลับมาก
บ้างก็จ่ายครึ่งเดียวก่อน เสร็จจ๊อบมารับอีกครึ่ง ยากที่จะจับได้ไล่ทัน

ยกตัวอย่างการให้เงินชาวบ้านในต่างจังหวัด
จะนำไปไว้ที่เจ้าอาวาสวัดในหมู่บ้าน (วัดคือศูนย์รวมทุกอย่าง
ชาวบ้านเชื่อพระนะครับ) อบต. หรือหัวคะแนนของพรรคๆนั้น
ก็จะมาเบิกจ่ายตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายเป็นกรณีไป
เงินบางส่วนก็ยกให้วัดเพื่อการบรูณะ พระก็เชียร์สิครับ เงินทั้งนั้น
วัดต่างจังหวัดไม่ค่อยมีสตางค์หนะครับ (ฉลาดมาก นักโทษชาย) ยกตัวอย่างการ
"ยิงเงิน" ไม่ได้ยิงโดยตรงจากนักโทษชายนะครับ
แต่จะให้เครือข่ายนักธุรกิจที่ได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน เครือญาติ
ออกไปก่อนแล้วค่อยโอนให้กันวันหลังโดยมีนิติกรรมอำพรางในการโอนต่างกันไป
จึงไม่มีทางที่จะหาหลักฐานได้

นอมินีที่ฮุบซื้อหุ้นปตทไว้ในมือ เยอะมาก นั้นคือแหล่งเงินสำคัญของนักโทษชาย
จะปั่นเท่าไรให้ออกมากี่ร้อยกี่พันล้านก็ได้ในการเคลื่อนไหว ยังไม่นับรวมกับ
หุ้นบางส่วนที่ให้นอมินีตัวเองถือไว้ในบริษัทมือถือ
ที่เราๆท่านๆคิดว่าเขาขายไปแล้ว แบบนี้ ประเทศชาติพังอย่างเดียวครับ
เงินทำได้ทุกอย่างจริงๆ

เอาเงินซื้ออำนาจทางการเมือง เพื่อคุมประเทศ
รัฐบาลไม่ควรปล่อยให้ม๊อบรับจ้างมาทำให้ประเทศล่มจม ควรเด็ดขาดมากกว่านี้
ม๊อบประเภทนี้ ได้ยินเสียงทหารรัวกระสุนขึ้นฟ้า ก็วิ่งหนีขี้จุกตูดแล้วครับ
จัดการเลย ตำรวจอย่าไปหวังครับ ระดับบิ๊กๆ ส่วนใหญ่อยู่กับนักโทษชายหมด
ไม่เกียร์ว่างก็อยู่เบื้องหลัง ระเบิดที่เกิดขึ้นทุกวันถึงจับใครไม่ได้สักราย

ส่งต่อ 2

ผมได้อ่านบทความของ ใจ (รัง) อึ๊งภากรณ์ ที่เขียนในเวป นอปอชอยูเอสเอ และ
อีกชิ้นใน facebook ชื่อว่า “แดงสยาม manifesto” ทำให้ผมตาสว่าง ผมเข้า
ใจแล้วว่า “นปช.” “แดงสยาม” “ขบวนการล้มเจ้า” และ “ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์”
เป็นคนกลุ่มเดียวกัน และผมเข้าใจแล้วว่า
1. การยุบสภา เป็นเพียงบันไดขั้นแรก เพราะคนกลุ่มนี้ต้องการรื้อระบบ
และหวังสูงมากกว่านั้น 2. เป็นไปได้ ที่งานนี้มีการ “หลอกใช้” กัน คือ ทักษิณ
หลอกใช้ “แดงสยาม” เพื่อต้องการรื้อระบบและลบล้างความผิดของตัวเอง
รวมทั้งอาจจะได้กลับมาเป็นผู้นำภายใต้ระบบใหม่ ในขณะเดียวกัน “แดงสยาม”
ก็อาจจะหลอกใช้ “เงิน” และ “

มวลชน” ของทักษิณ เพื่อให้ได้สิ่งที่ตนต้องการ
3. “สามเกลอ” ถูกจ้างให้ทำหน้าที่เดียว คือ “ยุบสภา” หากทำสำเร็จ “แดงสยาม”
จะเข้ามาสวมรอยให้ไปสู่บันไดขั้นถัดไป 4. การที่ “แดงสยาม”
ประกาศตัดความสัมพันธ์กับ “สามเกลอ” และออกมาให้ข่าวว่า “สามเกลอ”
ควรจะยอมแพ้ได้แล้ว เพราะ “แดงสยาม” คาดหวังว่า หาก “สามเกลอ” แพ้
มวลชนเสื้อแดงจะยังคงอยู่ และต้องการแย่งมวลชนมาเป็นของตน 5.
ทักษิณรู้ดีว่าตัวเองกำลังยุ่งกับใครอยู่ ถึงกับ “ร้อนตัว”
ต้องประกาศแทบทุกครั้งในวีดิโอลิงก์ว่ายัง “จงรักภักดี” 6.
เหมือนจะเป็นเรื่องบังเอิญที่ “อุปสรรค” ของ ทักษิณ และ “แดงสยาม” เป็นคนๆ
เดียวกัน คือ “ป๋าเปรม” อย่าลืมว่า สมัยที่ป๋าเปรมเป็นนายกฯ
ท่านต้องทำงานหนักอยู่หลายปีเพื่อปราบคอมมิวนิสต์ 7. “ประชาธิปไตย”
ที่เสื้อแดงเรียกร้องกันอยู่นี้ เป็นแค่ “ฉากหน้า” เพราะถ้าไปอ่าน “แดงสยาม
manifesto” จะเห็นได้ชัด ว่าสิ่งที่เรียกร้องกัน ไม่ใช่ “ประชาธิปไตย”
แต่เป็นระบอบการปกครองแบบ “คอมมิวนิสต์”

สรุปแล้ว สิ่งที่นายกฯ อภิสิทธิ์ กำลังต่อสู้อยู่ในวันนี้ ไม่ใช่แค่
“เสื้อแดง” และ “ทักษิณ” แต่เป็นการต่อสู้กับ “ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์”
ที่แฝงตัวมาในคราบนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย

เมื่อก่อนนี้ผมเคย “เป็นกลาง” แต่ตอนนี้ผมขอ “เลือกข้าง” แล้วนะครับ
ผมขอสนับสนุนคุณ อภิสิทธิ์สุดหัวใจ
ขอคัดค้านการยุบสภา และ
ขอ “ต่อต้าน” ขบวนการล้มเจ้าทุกรูปแบบ
ตาสว่างแล้ว
ช่วยๆกันส่งต่อนะ
--
          ด้วยจิตคารวะ
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1887 เมื่อ: 06 พฤษภาคม 2553, 09:10:19 »

บทบรรณาธิการ นสพ แนวหน้าออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤษภาคม 53

บทบรรณาธิการ 
 
ต้องรุกขจัดภัยก่อการร้าย-ล้มเจ้า (บทบรรณาธิการ)   
 
 
    แม้ว่าแนวโน้มสถานการณ์ความตึงเครียดจากการชุมนุมของม็อบคนเสื้อแดงจะเริ่มคลี่คลายลงหลังจากที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้เสนอแผนสร้างความปรองดองในชาติ 5 ประการด้วยการเสนอวันเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 14 พฤศจิกายนนี้อันเป็นการทอดบันไดลงให้ม็อบเสื้อแดงสลายการชุมนุมโดยไม่ต้องมีการสูญเสียเลือดเนื้อ อย่างไรก็ตามหลายฝ่ายเรียกร้องว่ารัฐบาลเองจำเป็นที่จะต้องดำรงความศักดิ์สิทธิ์ของหลักนิติรัฐและต้องแยกแยะระหว่างปัญหาทางการเมืองกับปัญหาความมั่นคงของชาติโดยเฉพาะในปัญหาเรื่องการก่อการร้ายและขบวนการล้มเจ้า

    ทั้งนี้ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าการเคลื่อนไหวของม็อบคนเสื้อแดงตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมาได้ประกาศทำสงครามขั้นแตกหักอย่างชัดเจนโดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อโค่นล้มอำนาจรัฐและล้มล้างระบอบอำมาตย์ ขณะเดียวกันขณะที่ม็อบคนเสื้อแดงเคลื่อนไหวบนดิน แต่ก็มีขบวนการที่เคลื่อนไหวใต้ดินด้วยวิธีการอันรุนแรงคู่ขนานกันไปโดยมีเป้าหมายเดียวกันด้วยปฏิบัติการก่อการร้ายลอบก่อวินาศกรรมทุกรูปแบบ

    โดยช่วงเวลาเพียง 1 เดือนกว่าที่ผ่านมากลุ่มก่อการร้ายในขบวนการคนเสื้อแดงลอบก่อวินาศกรรมด้วยระเบิดและอาวุธสงครามร้ายแรงรวมทั้งสิ้นถึงราว 70 ครั้ง อาทิ การใช้อาวุธสงครามร้ายแรงยิงใส่ทหารและประชาชนในโศกนาฏกรรมเลือดเมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมาทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเกือบ 1,000 คน ยังไม่รวมถึงการลอบก่อวินาศกรรมวางระเบิดซีโฟร์อานุภาพร้ายแรงที่เสาไฟฟ้าแรงสูง 4 จุดที่อำเภอบางประอินจ.พระนครศรีอยุธยา หรือยิงกระสุนระเบิดจากเครื่องยิงแบบเอ็ม 79 ใส่คลังน้ำมันที่ จังหวัดปทุมธานี ขณะเดียวกันก็มีการจับกุมยึดอาวุธสงครามได้อีกเป็นจำนวนมากจากฝ่ายปฏิบัติการณ์ฮาร์ดคอร์ของคนเสื้อแดงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพฤติกรรมทั้งหมดเข้าข่ายเป็นกองกำลังที่ทำสงครามก่อการร้ายเต็มรูปแบบอย่างชัดเจน

    ที่สำคัญพฤติกรรมของแกนนำขบวนการคนเสื้อแดงบางกลุ่มยังปรากฏหลักฐานชัดเจนว่ามุ่งจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงอย่างเหิมเกริม รวมทั้งสะท้อนแนวคิดแผนการที่จะล้มสถาบันสูงสุดของชาติเพื่อเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองประเทศไปสู่รัฐไทยใหม่

    ดังนั้นแม้ว่าขณะนี้สถานการณ์บ้านเมืองกำลังเริ่มต้นสู่เส้นทางของการสร้างความปรองดอง อย่างไรก็ตามรัฐบาลจะต้องแยกแยะปัญหาทางการเมืองออกจากปัญหาการก่อการร้ายและความพยายามที่จะล้มล้างสถาบันเบื้องสูงซึ่งถือเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อความมั่นคงของชาติโดยจะต้องยืนหยัดเดินหน้าดำเนินคดีกับขบวนการก่อการ้ายและผู้ที่เป็นภัยต่อสถาบันเบื้องสูงอย่างจริงจังและถึงที่สุด โดยจะต้องไม่มีการเจรจาต่อรองในทางลับเพื่อล้มล้างผ่อนปรนความผิดให้กับขบวนการก่อการร้ายและมีแนวคิดล้มล้างสถาบันเบื้องสูงอย่างเด็ดขาด

    ขณะเดียวกันเหล่าข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการจับกุมดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติและสถาบันจะต้องเดินหน้าทำหน้าที่ของตัวเองอย่างจริงจังและตรงไปตรงมาเพื่อชาติบ้านเมือง ไม่ใช่ใส่เกียร์ว่างดึงเกมเปลี่ยนสีเอาตัวรอดไปตามสถานการณ์ทางการเมืองที่กำลังจะมีการเปลี่ยนแปลง 
 
วันที่ 6/5/2010
 
http://www.naewna.com/news.asp?ID=209994
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1888 เมื่อ: 06 พฤษภาคม 2553, 09:12:10 »

บทบรรณาธิการ นสพ ไทยโพสต์ ออนไลน์

กฎหมายควบคุมการชุมนุม อย่าโดดเดี่ยวชนชั้นล่างของสังคม
บทบรรณาธิการ 6 พฤษภาคม 2553 - 00:00

    จะบอกว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคมที่ผ่านมา ฉวยโอกาสอนุมัติร่างพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะก็ว่าได้ เพราะร่างกฎหมายฉบับนี้เป็นรูปเป็นร่างในห้วงเวลาที่ประชาชนเบื่อหน่ายการชุมนุมของคนเสื้อแดงถึงขีดสุด ประชาชนต้องการอะไรก็ได้ที่สามารถทำให้การชุมนุมในลักษณะนี้ต้องไม่มีอีกต่อไป
     ข้อกำหนดในร่างพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ มองดูผิวเผินถือเป็นเรื่องดี เช่น ในการชุมนุมต้องมีหนังสือแจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้งก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อยกว่า 72 ชั่วโมง กำหนดให้ผู้รับแจ้งที่เห็นว่าการชุมนุมสาธารณะที่ได้รับแจ้งนั้น มีผลกระทบต่อ ขัดขวางต่อความสะดวกของประชาชน หรือขัดขวางการบริการสาธารณะดังกล่าวข้างต้น ให้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อมีคำสั่งห้ามการชุมนุมและให้ศาลพิจารณาคำขอ เพื่อมีคำสั่งห้ามการชุมนุมเป็นการด่วน คำสั่งดังกล่าวถือเป็นที่สุด
     และข้อกำหนดให้ผู้จัดชุมนุมไม่ก่อให้เกิดความไม่สะดวกของประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะต้องเข้าร่วมการชุมนุมโดยเปิดเผยตัว ไม่ปิดบังอำพรางตัว โดยจงใจมิให้มีการระบุตัวบุคคลได้ถูกต้อง  ต้องไม่นำอาวุธเข้าไปในที่ชุมนุม ไม่บุกรุก หรือทำให้เสียหาย หรือทำลายด้วยประการใดๆ ซึ่งทรัพย์สินผู้อื่น ไม่ใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายผู้เข้าร่วมชุมนุมหรือผู้อื่น
     รวมทั้งในกรณีที่ผู้จัดชุมนุมไม่ได้แจ้งว่าจะมีการเดินขบวน หรือเคลื่อนย้ายผู้ชุมนุมจะเดินขบวน หรือเคลื่อนย้ายการชุมนุมได้ก็ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบจากหัวหน้าสถานีตำรวจซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบดูแลการชุมนุมสาธารณะนั้น และผู้ชุมนุมต้องเลิกการชุมนุมสาธารณะในระยะเวลาที่แจ้งไว้ ล้วนเป็นของดีทั้งสิ้น แต่การจัดระเบียบการชุมนุมเช่นนี้ ยืนยันกันได้จริงหรือว่าเหมาะสมกับประเทศไทย
     ประวัติศาสตร์การชุมนุมครั้งใหญ่ในประเทศไทยตั้งแต่ยุค 14 ตุลา 16, 6 ตุลา 19, พฤษภาทมิฬ, 7 ตุลา 50 และ 10 เม.ย. 53 มีผู้คนล้มตาย ล้วนเป็นการชุมนุมทางการเมือง ซึ่งการชุมนุมในลักษณะนี้บางครั้งกฎหมายไม่สามารถบังคับใช้ได้เหมือนในปัจจุบัน แม้กระทั่งพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ก็ยังไม่อาจจัดการกับการชุมนุมได้อย่างที่ควรจะเป็นได้
     ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้จึงน่าจะบังคับใช้ได้เฉพาะการชุมนุมขนาดเล็ก  บรรดาเกษตรกร ผู้ยากไร้  ที่ประสบปัญหาจากความไม่เท่าเทียมจากกลไกรัฐที่ไม่ทำงาน จะตกเป็นเหยื่อโดยตรง การเรียกร้องจากปัญหาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ปัญหาไร้ที่ดินทำกิน ล้วนเป็นปัญหาคาราคาซังมานาน อาจประสบความยากลำบากในการเรียกร้องมากขึ้น
     หมดโอกาสที่ม็อบเกตรกรชาวนามาปิดกระทรวงเกตรและสหกรณ์ หมดโอกาสชุมนุมขวางทางเข้า-ออกทำเนียบรัฐบาล หมดโอกาสชุมนุมปิดทางเข้า-ออกอาคารรัฐสภา โดยสรุปรวมคือ เมื่อกลไกรัฐไม่ทำงาน ผู้ยากไร้ก็จะหมดโอกาสชุมนุมเพื่อกดดันผู้มีอำนาจรัฐอยู่ในมือ แล้วประชาชนผู้ยากไร้จะมีหนทางไหนที่ทำให้ผู้มีอำนาจรัฐหันมาแก้ปัญหาต่างๆ ที่คาราคาซังมาอย่างยาวนานได้
     คำตอบก็คงต้องหันไปถามผู้มีอำนาจรัฐในวันนี้และวันข้างหน้าว่า พวกท่านจะพัฒนาตัวเองให้ทันกับกฎหมายต่างๆ ที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็วได้หรือไม่ อย่างไร ไม่ใช่ว่าออกกฎหมายมาเพื่อเป็นเครื่องมือควบคุมประชาชนเพียงฝ่ายเดียว โดยที่ผู้มีอำนาจรัฐไม่ได้พัฒนาฝีมือในการบริหารประเทศ ปล่อยปละละเลยให้ประชาชนดิ้นรนอยู่รอดเอาเอง
     เข้าใจว่าร่างกฎหมายฉบับนี้ลอกมาจากกฎหมายที่ประเทศพัฒนาแล้วมีใช้กัน แต่ต้องยอมรับถึงความแตกต่างระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลในประเทศพัฒนาแล้ว  รัฐบาลแถบยุโรป อเมริกา ตะวันออกไกล มีศักยภาพในการแก้ไขปัญหาให้ประชาชน นำไปสู่การพัฒนาประเทศอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ประชาชนของเขาไม่ได้เดือดร้อนจนต้องออกมาชุมนุมเรียกร้องกันมากนัก และการออกมาชุมนุมเรียกร้องของประชาชนในแต่ละครั้งมักได้รับการตอบสนองจากรัฐบาลแทบทุกครั้งไป
     แต่ประเทศไทยไม่ได้เป็นเช่นนั้น กลไกรัฐอืดอาด ปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำแทบทุกปี ประชาชนเดือดร้อนแทบทุกปี ชุมนุมกันแทบทุกปี แต่ปัญหาก็ยังดำเนินมาอย่างต่อเนื่องแทบทุกปี และแทบทุกปีรัฐบาลแก้ไขปัญหาแบบขอไปที และทุกปีรัฐบาลจะแก้ปัญหาอยู่ 2 ปัญหาหลัก คือ น้ำท่วม กับฝนแล้ง ทำแบบนี้มานานหลายสิบปีแล้ว ไหนจะเรื่องที่ดินทำกินที่มีช่องว่างในการถือครองมากมาย ถ้ารัฐบาลในวันนี้และในอนาคตยังคงปฏิบัติเช่นที่ผ่านมา ร่างกฎหมายฉบับนี้ก็เป็นเพียงเครื่องมือให้รัฐบาลคอยควบคุมชนชั้นล่างในสังคมเท่านั้น.

http://www.thaipost.net/news/060510/21810
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1889 เมื่อ: 06 พฤษภาคม 2553, 19:09:23 »

คอลัมม์ "คนปลายซอย" ของคุณเปลว สีเงิน

"ถ้าไม่ใช้อำนาจแล้วจะถูกอำนาจใช้"
เปลว สีเงิน 6 พฤษภาคม 2553 - 00:00

           "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ปฏิวัติ ๒ ครั้ง ครั้งแรก-ยึดอำนาจรัฐบาล "จอมพล ป.พิบูลสงคราม" เมื่อ  ๑๖ กันยายน ๒๕๐๐ และตั้งให้ "นายพจน์ สารสิน" เป็นนายกฯ รักษาการ ๙๐ วัน เลือกตั้งใหม่ได้ "จอมพลถนอม กิตติขจร" เป็นนายกฯ ครั้งที่สอง-นายกฯ ถนอมเจอมรสุมรัฐสภา "ลาออก" ๑๙ ต.ค.๐๑ จอมพลสฤษดิ์ซึ่งพักผ่อนอยู่อังกฤษทราบข่าว บินกลับมาถึงตอน ๓ ทุ่มคืนที่ ๒๐ ต.ค. ตีนแตะสนามบินปุ๊บก็ "ยึดอำนาจ" ปั๊บ และขึ้นเป็นนายกฯ เองเมื่อ ๙ ก.พ.๐๒ จนอสัญกรรมเมื่อ ๘ ธ.ค.๐๖
            ที่ผมเล่าย่อๆ มาทั้งหมดนี้ ก็เพียงอยากบอก "นายกฯ อภิสิทธิ์" คำเดียวว่า จาก ๒๕๐๐-๒๕๐๖ รวมเวลา ๖ ปี ของจอมพลนักรัก ผู้สร้างประวัติศาสตร์ "เผด็จการสร้างชาติ" ให้เป็นตำนานเล่าขานตราบถึงทุกวันนี้ ท่านใช้คำ ๑๗ คำเท่านั้น "ปฏิวัติสังคมชาติ" สำเร็จ

          ยึดอำนาจครั้งแรก ยึดเสร็จ มอบให้ "นายพจน์ สารสิน" รับภาระนายกฯ ๙๐ วันเสร็จ ท่านพูด ๗ คำ ก่อนกลับไปทำหน้าที่ทหารดังเดิม ๗ คำนั้น มัดใจคนไทยทั้งชาติ ไม่ว่า เศรษฐี-ผู้ดี-ไพร่-ยาจก-วณิพก-ขอทาน-พระ-เถน-เณร-ชี ให้จำท่านในอารมณ์ถวิลหาด้วยวลีว่า

          "พบ-กัน-ใหม่-เมื่อ-ชาติ-ต้อง-การ"!

          เมื่อยึดอำนาจครั้งที่สอง รวบทั้งอำนาจทหารและอำนาจรัฐบาลเบ็ดเสร็จขึ้นเป็นนายกฯ เอง ท่านใช้คำพูด ๑๐ คำ ทำให้ข้าราชการ-ทหาร-ตำรวจ และทุกองคาพยพในชาติทั้งที่เป็นพวก และไม่ใช่พวก ฮึกเหิม-พร้อมใจ-ไม่พรั่น ขอเพียงสฤษดิ์สั่ง แม้ดำน้ำ-ลุยไฟ ทุกคนพร้อมยอมตาย เพื่องาน "ปฏิวัติชาติ" สู่เป้าหมายตามแผน

          ๑๐ คำนั้น มันคืออะไรกันนะถึงได้ "ขลัง" โดยไม่ต้องลงยันต์เช่นนั้น หลายท่านคงจำได้ เพียงแต่ชิน จนคร้านจะนำมาใคร่ครวญกันเท่านั้นเอง

          "ข้า-พ-เจ้า-ขอ-รับ-ผิด-ชอบ-แต่-ผู้-เดียว"!

          นี่ไง...ลองผู้นำประกาศว่า "ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบแต่ผู้เดียว" บรรดาผู้ตาม จะมีใคร-คนไหนไม่เต็มใจรับ ปฏิบัติ-ชัด-จบ บ้างล่ะ ในเมื่อลูกพี่ใหญ่รับประกันตายแทน แล้วมันจะมีลูกน้องคนไหนไม่ "แพ้ใจ" เจ้านายก็ให้มันรู้ไป เพราะ๑๐ คำที่ว่า "ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบแต่ผู้เดียว"

          นั่นเท่ากับ สุข-สุขด้วยกันโว้ย...

          แต่ถ้าซวย พวกมึงหลบไป กู...นายรับเอง!

          เนี่ย...เราไปศึกษา เราจะเห็นว่าจอมพลสฤษดิ์ใช้อำนาจ "เผด็จการทหาร" ทำหลายสิ่ง-หลายอย่างเป็นรากฐานให้อยู่ถึงทุกวันนี้ จุดแข็งอยู่ที่คำ ๑๐ คำนี้เท่านั้นในการ "ซื้อใจ" ลูกน้อง-บริวาร และคนที่ถูกบริหารทั้งประเทศ

          ท่านไม่มีความรู้ด้านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม การเงิน การคลัง การลงทุน การพัฒนาอะไร นอกจากคำว่า "เยส-ดอลลาร์" แต่ว่า "โน-เงินไทย" คือท่านชอบกินเงินอุดหนุนจากนอก แต่ไม่โกงเงินจากภาษีของชาวบ้าน ก็ดีอย่าง-เลวอย่าง

          ที่สำคัญ "ท่านฉลาด" เด็ดขาด-ไม่ยอมใคร แต่พร้อมค้อมหัวให้ "คนเก่ง-ที่ไม่โกง"!

          และคนเก่งที่ท่านต้องการนำมาใช้เพื่อการ "ปฏิวัติสังคมชาติ" คือใครท่านทราบมั้ย คือคนที่ท่านแค้นจนอยากฆ่าเพราะขวางทางการโกงแบงก์สมัยท่านเป็นนายทหารใหญ่ แต่พอคุมอำนาจบริหารประเทศ คนที่ท่านอยากฆ่า กลับเป็นคนคนแรกที่ท่าน "ตะกายหา" ให้กลับมาช่วยทำงาน...ปฏิวัติโครงสร้างสังคมชาติ

          "ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์" ปรมาจารย์ทางเศรษฐกิจและการคลัง พ่อของนายจอน-นายใจ อึ๊งภากรณ์ นั่นไง!?
          พูดถึงการปฏิวัติ-การยึดอำนาจ ท่านอย่าเข้าใจไขว้เขวนะครับ ที่ทหารลากปืน-ลากรถถังมาขับไล่รัฐบาลทักษิณ อย่าง ๑๙ กันยา ๔๙ ที่พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ทำนั้น เขาเรียกว่า "ยึดอำนาจ" ไม่ใช่ปฏิวัติ

          ส่วนการปฏิวัตินั้น จะต้องเป็นการเปลี่ยนแปลงชนิดรื้อโครงสร้างระบบ-ระบอบเดิมทิ้ง แล้วนำของใหม่มาใช้แทน เป็นการเปลี่ยนแปลงชนิดเฉียบขาด ฉับพลัน พลิกหน้ามือเป็นหลังมือ เห็นผลทันตาเห็น ถ้าเป็นทางการเมือง สมมุติเปลี่ยนจากประชาธิปไตยเป็นคอมมิวนิสต์ นี่เรียกปฏิวัติ

          เลิกระบบเกษตรแล้วเปลี่ยนเป็นระบบอุตสาหกรรมเครื่องจักรหมด นี่ก็เรียกปฏิวัติ ตั้งแต่เกิดมาโตเป็นหนุ่ม-เป็นสาวยันโทรม ไม่เคยนุ่งกางเกงในเลย จู่ๆ หันมานุ่งกางเกงในชนิดไม่ใส่แล้วออกจากบ้านไปไหนไม่ได้ นี่ก็เรียกว่าปฏิวัติตัวเอง

          แต่อย่างลากรถถังมาแล้ว "ชิ้ว...ชิ้ว...มึงออกไป กูเป็นรัฐบาลแทนเอง" แล้วทุกอย่างก็เหมือนเดิม โกงกันเหมือนเดิม พวกมึง-พวกกูเหมือนเดิม ข้าราชการก็มาสาย-บ่ายกลับเหมือนเดิม ปิดทางด่วนตะพึดตะพือเหมือนเดิม

          อย่างนี้ไม่เรียกปฏิวัติ เรียกว่า "สมบัติผลัดกันแดก" เพียงล้มรัฐบาล แต่ไม่ได้ล้างระบอบ

           พอเข้าใจกันนะครับ!?
          อย่างจอมพลสฤษดิ์นี่อาจเรียกได้ว่า "กึ่งปฏิวัติ-รัฐประหาร" คือยึดอำนาจแล้วเปลี่ยนระบบ แต่ไม่ได้เปลี่ยนระบอบ คือจากระบบรัฐสภาไปเป็น "ระบบเผด็จการ" แต่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเหมือนเดิม

          ที่ผมให้เครดิตว่า "กึ่งปฏิวัติ" เพราะท่านรัฐประหาร-ยึดอำนาจบริหารประเทศแล้ว ท่านปฏิวัติโครงสร้างสังคมชาติหลายอย่าง เปลี่ยนจากสังคมเกษตรพอกิน-พออยู่ภายใน ไปเป็นสังคมเกษตรอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก เปิดประเทศให้ทุนต่างชาติเข้ามาลงทุน ปฏิวัติ-จัดระบบสถาบันการเงิน-การธนาคารใหม่ให้เข้ามาตรฐานโลก ตั้งสำนักงบประมาณ ตั้งสภาพัฒน์ มีการใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมเป็นเข็มทิศนำประเทศ ฯลฯ

          เรียกว่า "จัดโครงสร้างสังคมชาติใหม่" เป็นรากฐานไว้จนถึงทุกวันนี้ ส่วนวันนี้ ใครจะชี้ว่าท่านพาประเทศหลงทางจนเป็นทาสระบบทุนชนิดถอนตัวไม่ขึ้น ผมก็ไม่เถียง แต่อยากจะบอกว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง ในยุคหนึ่ง-สมัยหนึ่ง ก็ย่อมถูกต้อง-เหมาะสมกับยุคนั้น สมัยนั้น
          แต่ผ่านมา ๕๐ กว่าปี จะโทษจอมพลสฤษดิ์ไม่ได้ ต้องโทษทุกรัฐบาล และทุกคน เอาแต่กอบโกยผลิตผลจากมรดกปฏิวัติโครงสร้างสังคมของจอมพลสฤษดิ์  โดยไม่ยอมวิวัฒนาการโครงสร้างชาติตามไปกับวัน-เวลา-สถานการณ์ในแต่ละยุคสมัยด้วย เหมือนเรามีโรงงานที่พ่อสร้างไว้ ๕๐ ปี เราก็เพลินแต่กอบโกยผลได้จากผลิตผลเครื่องจักรนั้น

          ผ่านไป ๕๐ ปี ไม่ซ่อม ไม่เปลี่ยนเครื่องจักร ถึงวันนี้ จากยุคไอน้ำมาเป็นยุคไอที แล้วเราจะมาโทษว่า "ที่พ่อทำไว้ไม่ดี" โครงสร้างเกษตรของไทยป่นปี้ อุตสาหกรรมทุนทำให้ชาวไร่-ชาวนาเป็นหนี้ แต่พ่อค้า-นายทุนรวย อย่างนี้เห็นจะไม่ถูกต้องนัก

          การนำประเทศที่เคยอยู่กันแบบ "พออยู่-พอกิน" สุขสบายกันถ้วนหน้าตามอัตภาพ ไปเป็นระบบทุนข้ามชาติ ระบบอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกในยุคจอมพลสฤษดิ์ จนถึงวันนี้ ทั้งประเทศและคนไทยกลายเป็น "ทาสระบบทุน" กันไปหมดนั้น นั่นก็เพราะพวกเรา "เห็นแก่ตัว" ดูดทุกอย่างเอาจากประเทศ แต่ไม่เคยสนใจจะให้อะไรกับประเทศ

          เพราะทั้งนักการเมือง ทั้งพ่อค้า-นายทุน "น้อยคน" จะสำนึกด้วยเอื้อเฟื้อในคำว่า

          ได้แล้วรักษาเพื่อ "อนาคตส่วนรวม"!?

          "จอมพลสฤษดิ์+อาจารย์ป๋วย" นั่นแหละครับคือ "ต้นตำรับปฏิวัติสังคมชาติ" จะเรียกว่าเป็น "เผด็จการที่มีคุณูปการ" แก่สังคมชาตินับตั้งแต่ประเทศไทยมีการยึดอำนาจมาก็ย่อมได้ เพราะท่านไม่ได้ยึดอำนาจเพื่อกินชาติ แต่ท่าน "ปฏิวัติ" เพื่อสร้างชาติ เป็นมรดกงานฝากไว้จนถึงวันนี้

          เศรษฐกิจยุคจอมสฤษด์ จะเรียกว่ายุค "เศรษฐกิจ ๕๐ สตางค์" ก็ย่อมได้ ใครมีเงินติดกระเป๋าแค่ ๕๐ สตางค์พาสาวนั่งรถเมล์ชมกรุงได้ทุกสายรอบเมือง หิวกระหาย ร้อนนอก-ร้อนใน นั่งร้านไหนสั่งโอเลี้ยงมาบ้วนปากได้ ทุกร้าน-ทุกแก้ว-ทุกราคา ๕๐ สตางค์!

          ใครทำซ่า เจอข้อหาอันธพาล โน่น...ส่งไปซ่าอยู่ในลาดยาว ไอ้ที่จะชุมนุมสันติ-อหิงสา มาตั้งเวทีก๋าๆ แสดงบทเหี้ยตะกายตึกอย่างนั้นน่ะ สฤษดิ์เอาตายตั้งแต่ยังเป็นแค่ไข่เหี้ยนั่นแล้ว!!!

          ครับ...ก็ไม่มีอะไรมาก วันหยุดก็นั่งดูไร่แตงโม ไร่มะเขือเทศที่ปลูกไว้ ฝนตกติดต่อกัน ๒-๓ วัน เถาที่เหี่ยวเฉา บางเถาที่คอพับ-คออ่อน ค่อยกระดิกพลิกใบขึ้นมาบ้าง

          แล้วแผนปรองดองไปถึงไหนล่ะ อย่าเล่นบท "พ่อแง่-แม่งอน" กันให้นานนัก!?
          หัด "เจ้าชู้ยักษ์" ปากว่า-มือถึงบ้างเถอะครับท่านนายกฯ มัวแต่นั่งถอนหญ้า เอาผ้าเช็ดหน้ามาบิด แล้วเมื่อไหร่จะได้ขึ้นสวรรค์กันล่ะ ฝ่ายแกนนำเสื้อแดงเขาก็แค่เกี่ยงให้กำหนดวัน มันก็เหมือนมารยาหญิงเท่านั้น เพราะพวกเขาก็หลายฝ่าย มีทั้งพวกอยากให้จบ มีทั้งพวกอยากลากไว้หาแดก ลาไปไว้นาน ชาวบ้านจะเอียน

          เชิญมานั่งโต๊ะหม่ำลาบ ส้มตำ แกล้มสะตอ แล้วคุยกันประสาเพื่อนฝูง ประสาพี่ ประสาน้อง มีอะไรก็ว่ากันไปให้จบไปซะ มาถึงขั้นนี้แล้ว ใครไม่เห็นแก่ประเทศชาติ ก็ขอให้เห็นแก่ทางวัดบ้างเถอะ

          หาที่คุยลับๆ ไม่ได้ มาที่ดง "ลาบ-ส้มตำ" คลองเตยนี่ก็ได้ ผมจัดการให้ ร้านอู๋หน้า "ไทยโพสต์" นี่ ถึงริมถนนแต่อินเตอร์ ฝรั่งตกเรือมาดินเนอร์ซดช้างแกล้มสเต๊กน้ำตกกับซุปทุกคืน...ซุปหน่อไม้น่ะ!

          ตัดสินใจอะไรออกไปแล้ว "ลุยเลย" ไม่ต้องไปแคร์แดม "ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบแต่ผู้เดียว"

        มาร์คเอ๋ย!


http://www.thaipost.net/news/060510/21826
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1890 เมื่อ: 06 พฤษภาคม 2553, 19:14:37 »

เรื่องผี-ผี!!!
ท่านขุนน้อย 6 พฤษภาคม 2553 - 00:00


    ท่ามกลางบรรยากาศอันออกไปทางมั่วๆ มึนซ์ซ์ๆ เบลอๆ เช่นนี้...ดูๆ แล้วคงต้องหันไปพูดถึงเรื่อง ผี น่าจะดีกว่า เพราะเรื่องของ คน ในทุกๆ วันนี้ ไปๆ-มาๆ มันอาจจะหนักกว่าเรื่อง ผี หลายต่อหลายเท่า ไม่ว่าจะเป็นคนเลว คนดี คนรวย คนจน คนระดับนายกรัฐมนตรี ยันไปถึงคนระดับไพร่ ทาส ถ่อย สถุล....ล้วนแล้วแต่เชี่ยวชาญในการหลอกล่อ หลอกแดก หลอกรับประทาน ชนิดน่าพรั่นพรึง น่าสยดสยอง ยิ่งกว่าผีหลอกซะอีกต่างหาก...
         --------------------------------------------------
     ส่วนผีที่จะหยิบยกมาว่ากล่าวกัน ณ ที่นี้...ก็คงเป็น ผีเวียดนาม อันเนื่องมาจากข่าวคราวหน้าต่างประเทศ โต๊ะอินโดจีน หนังสือพิมพ์ เอเอสทีวี.ผู้จัดการ ฉบับวันวาน ได้นำเอาเรื่องราวเหล่านี้มาตีพิมพ์ไว้อย่างเป็นหลักเป็นฐาน ว่าด้วยกรณีที่ ศูนย์วิจัยศักยภาพมนุษย์ (Research Centre of Human Potentials) กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ได้ออกมาเปิดเผยถึงผลงานการเก็บบันทึกรูปภาพ ผีเวียดนาม เอาไว้ได้จำนวนถึงกว่า 1,000 ภาพ จากสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณสุสาน แหล่งฌาปนกิจศพ เรือนจำเก่าที่เคยเป็นแดนประหาร ถนนหนทางที่เคยมีอุบัติเหตุทางรถยนต์ จนกลายสภาพเป็นตลาดผี ไปจนถึงบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำ ที่เป็นแหล่งฆ่าตัวตายของใครต่อใคร ฯลฯ...
        ----------------------------------------------------
     อันที่จริงก็เป็นที่ทราบๆ กันโดยทั่วไปว่า ประเทศเวียดนามนั้น พยายามหล่อหลอมสังคมตัวเองให้กลายเป็นสังคมคอมมิวนิสต์ ตามทฤษฏีมาร์กซ์-เลนินมาโดยตลอด นับตั้งแต่สงครามเย็นเริ่มต้นจนกระทั่งสงครามเย็นได้ยุติลงไป ซึ่งโดยรากฐานแนวคิดของทฤษฏีมาร์กซ์-เลนินนั้น ก็คือแนวคิดแบบที่เรียกๆ กันว่า วัตถุนิยม อันมุ่งที่จะปฏิเสธความมีอยู่ของสิ่งใดๆ ก็ตามที่ไม่ใช่วัตถุ สสาร ซึ่งสามารถสัมผัส และจับต้องได้ พูดง่ายๆ ก็คือ เป็นแนวคิดที่ไม่เชื่อเรื่องผี เรื่องวิญญาน เรื่องโลกนี้ โลกหน้า ชาตินี้ ชาติหน้า โดยเด็ดขาด ใครก็ตามที่ดันไปพูดเรื่องประเภทนี้ให้ชาวคอมมิวนิสต์ได้ยิน นอกจากอาจจะโดนตบกระโหลกได้โดยทันที ยังอาจถูกจับมาวิพากษ์ มาสัมมนา ในฐานะพวก จิตนิยม ที่ถูกถือเป็นฝ่ายตรงข้าม หรือต้องกลายเป็นพวก ซากเดนสังคมเก่า อะไรประมาณนั้น...
        -----------------------------------------------------
     ด้วยเหตุนี้...การที่ชาวคอมมิวนิสต์ หรือสังคมที่ต้องการจะพัฒนาตัวเองไปสู่ความเป็นคอมมิวนิสต์อย่างมุ่งมั่น มาเมื่อไม่กี่สิบปีมานี้เอง ดันหันกลับมาเชื่อเรื่องผีกันอย่างเป็นกิจการ หลังจากที่ได้เริ่มมีการผ่อนคลายสิทธิ เสรีภาพ ไปพร้อมๆ กับการเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจ จากสังคมนิยมไปสู่ทุนนิยม ในแต่ละขั้นแต่ละจังหวะ จึงถือเป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจเอามากๆ ไม่ต่างไปจากปรากฏการณ์ที่ชาวคอมมิวนิสต์จีนชักจะเริ่มหันกลับไปเคารพ บูชา ลัทธิขงจื๊อ หันไปเชื่อถือ ศรัทธาลัทธิฝ่าหลุนกง ฯลฯ กันเป็นจำนวนไม่น้อย หลังจากที่จีนได้แปรสภาพตัวเองมากลายเป็นทุนนิยมแบบเต็มสูบก่อนหน้าเวียดนามแค่ไม่กี่ปี...
        -----------------------------------------------------
     แม้นว่า ผีเวียดนาม ที่นาย เหวียน เกี๊ยก หาย หรือ เหวียน ซยั๊ก หาย (Nguyen Giac Hai) เจ้าหน้าที่วิจัยอาวุโสแห่งศูนย์วิจัยศักยภาพมนุษย์ฯ ได้อธิบายเอาไว้นั้น จะฟังดูก้าวหน้าทันสมัยอยู่ไม่น้อย  ดังคำให้สัมภาษณ์ที่ว่า...นายหาย กล่าวว่า ในเดือนสิงหาคม ปี ค.ศ.2550 เจ้าหน้าที่ของศูนย์ฯ  ผู้หนึ่ง ได้เดินทางไปทำธุระส่วนตัวที่เมืองดาลัท และได้ถ่ายรูปบ้านผีที่นั่น ปรากฏเป็นรูปร่างหลายชนิดที่มีแสงรอบๆ...เมื่อพบสิ่งแปลกๆ มากขึ้น เราได้เสิร์ชเข้าไปในอินเทอร์เน็ต และก็ได้พบว่า มีสิ่งที่เหมือนๆ กันนี้ในทั่วโลก ซึ่งเรียกกันว่า...ออร์บส์ (Orbs) นายหายกล่าว...แต่ ออร์บส์ ในประเทศอื่นๆ ที่มีที่มาจากคำว่า orbis ในภาษาละตินนั้น...ว่าไปแล้ว ก็เป็นเพียงแค่แสงที่มีรูปร่างคล้ายแผ่นดิสก์ หรือมีรูปร่างเป็นวงกลมซึ่งมีแสงเรืองๆ เท่านั้น  ต่างกับ ออร์บส์ ในเวียดนามที่ถึงขั้นปรากฏรูปร่างให้เห็นเป็นตัวๆ แถมเดินหิ้วหัวผ่านตลาดผี หรือผ่านฝูงชนที่กำลังนั่งแอ่นเหล้า แอ่นเบียร์ กันแบบ จะๆ แจ้งๆ...
     -----------------------------------------------------------
     แต่ไม่ว่า ออร์บส์ เวียดนาม กับ ออร์บส์ ในประเทศอื่นๆ จะแตกต่างกันไปขนาดไหน การที่สังคมเวียดนามได้หันมาให้ความสนใจในเรื่องผี หรือเรื่อง ชีวิตหลังความตาย (Life After Death) อย่างเป็นกิจจะลักษณะ ชนิดที่สถาบันระดับศูนย์วิจัยของทางการออกมาเปิดเผยถึงการทุ่มเทความพยายาม ที่จะนำเอาการวิจัยเรื่องราวเหล่านี้ มาใช้เป็นตัวกระตุ้นให้วงการวิทยาศาสตร์ของประเทศหันมาศึกษากันอย่างเป็นระบบ ก็อาจถือเป็นปรากฏการณ์ และนิมิตหมายที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะในขณะที่แนวคิดวัตถุนิยม อุดมการณ์สังคมนิยม ในหมู่ชาวเวียดนามมันชักจะเสื่อมโทรมลงไปทุกที ความเชื่อในเรื่องผี เรื่องวิญญาน เรื่องชีวิตหลังความตาย เรื่องโลกนี้ โลกหน้า ไปจนกระทั่งเรื่องบุญ เรื่องบาป มันอาจพอมีส่วนช่วยฉุดรั้ง หรือพอช่วยถ่วงๆ ไม่ให้การทุจริต คอรัปชั่น การประพฤติผิดศีลธรรม ความไม่ละอายต่อบาป ซึ่งกำลังแผ่ขยายลุกลามไปทั่วทั้งสังคมเวียดนาม พร้อมๆ กับการขยายตัวของทุนนิยม อาจจะเบาๆ ลงไปบ้างแม้แต่เพียงนิดๆ ก็ยังดี...
    ------------------------------------------------------------
     ส่วนสังคมไทยของเรา ที่เดินหน้ามาในแนวทุนนิยมแบบเต็มสูบ ซึ่งก็คือวัตถุนิยมในอีกรูปแบบหนึ่งนั่นเอง แม้นว่าความเชื่อในเรื่องผี เรื่องสาง เรื่องโลกนี้ โลกหน้า จะดำรงคงอยู่กับสังคมไทยมาโดยตลอด แต่ในเรื่องบุญ เรื่องบาป หรือเรื่องความละอายต่อบาป เหตุใดมันถึงกลับลดน้อยถอยลงแบบฮวบๆ ฮาบๆ ยิ่งกว่าสังคมเวียดนามไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า จะเป็นเพราะว่านอกจากเราจะไม่เคยได้รับรู้สัมผัสกับอุดมการณ์อันเป็นไปเพื่อสังคม  แบบอุดมการณ์สังคมนิยมมาก่อนเลย หรือเป็นเพราะเราหันไป นิยมวัตถุ กันมานานแสนนานหรือไม่? เพียงใด? ก็มิอาจทราบได้ การทุจริต คอรัปชั่น ตลอดไปจนความเสื่อมโทรมทางศีลธรรมในสังคม นับวันมันจะปรากฏให้เห็นมา
กขึ้นเรื่อยๆ ในทุกๆ วงการ ตั้งแต่ยอดไปถึงฐาน ตั้งแต่ผู้นำทางการเมือง ข้าราชการ ตลอดไปจนราษฏรระดับรากหญ้า ชนิดที่ทำให้ไม่ว่าเราคิดจะปฏิรูปอะไรก็ตาม แต่ถ้าหากไม่คิดจะปฏิรูปศีลธรรมซะอย่าง...ยังไงๆ เราก็คงหนีไม่พ้นความฉิบหายอย่างที่เคยมา และจะต้องเป็นไปโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้เลย...เพราะความเสื่อมเท่าที่ดำรงอยู่ในสังคมไทยทุกวันนี้ มันได้ทำให้เรื่องของ คนหลอกคน น่ากลัวเสียยิ่งกว่าเรื่อง ผีหลอกคน ไม่รู้กี่ร้อยกี่พันเท่า...
      --------------------------------------------------------
    ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้จาก สุภาษิตขงจื๊อ...รู้ว่าเป็นความถูกต้อง แต่กลับละเลย...นั่นคือความขี้ขลาด...
        -----------------------------------------------------
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1891 เมื่อ: 06 พฤษภาคม 2553, 19:26:10 »

ดอกไม้..ที่ปลายปืน
ถูกทุกข้อ6 พฤษภาคม 2553 - 00:00

     อกไม้จันท์ควันฟ่องเหนือท้องฟ้า
     เทียนน้ำตานองพื้นสะอื้นไห้
     คนในชุดขาวดำร่ำอาลัย
     เสียดายคนจากไกลไปจากกัน
          คนบนเมรุ..วันนี้ของเมื่อวาน
          ถูกสังหารชีวาลงอาสัญ
          ด้วยน้ำมือของกลุ่มเหล่ากุมภัณฑ์
          หวังแปลงปั้นเปลี่ยนธงไตรรงค์ไทย
     สงกรานต์เลือดเมษา..ปีห้าสาม
     ศึกในลาม..ความเมืองเรื่องสาวไส้
     ระเบิดปืนครื้นเครงบรรเลงภัย
     เลือดนองไหลไทยล่าฆ่ากันเอง
          ภาพนักฆ่า..ปรากฏไม่ลดภาพ
          คนใจบาปตราตรูขู่ข่มเหง
          คนนำพา..ประชาชนอลเวง
          เหล่านักเลงการเมืองก่อเรื่องราว
     เศรษฐกิจ..สังคมทุกข์ขมขื่น
     เมื่อเสียงปืนลั่นโลกตกเป็นข่าว
     ไทยฆ่าไทยกันเองดับเพลงดาว
     เหม็นกลิ่นคาวคนชั่วไปทั่วโลก
          มอญร้องไห้..ดอกไม้จันท์และพวงหรีด
          ดั่งคมมีดกรีดเสียงสำเนียงโศก
          จะต้องพลีอีกกี่ศพจึงพบโชค
          วิปโยคประเทศไทยจึงคลายมนต์
                                             สมเจตน์ สายแก้ว
     
               นายกฯ กำลังคิดอะไร
เรียน คุณสามวา สองศอก
     จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ มีอะไรที่น่าคิดมากเหลือเกิน นายกฯ กำลังทำอะไรหลายคนตั้งข้อสงสัย และคำถามพรั่งพรูมากในทุกวงการ บ้างก็ตำหนิติเตียน บ้างก็ให้กำลังใจสนับสนุนโดยที่เชื่อแน่ว่าโพลล์สำรวจคงออกมาในไม่ช้านี้ ก็จะเห็นตัวเลขเป็นรูปธรรมคร่าวๆ
     มุมมองของผมก็คงไม่ต่างไปจากหลายๆ คนที่กำลังคิดบวกกับรัฐบาล เพราะนี่คือการแสดงความเหนือชั้นออกมา หากทฤษฎีนี้เป็นความจริง จะด้วยความตั้งใจหรือไม่ก็ตาม ผมต้องขอบอกว่าสุดยอดจริงๆ ท่านนายกฯ กำลังขีดเส้นใต้บรรทัดสุดท้ายด้วยเส้นสองเส้นคือขาวกับดำ
     แน่นอนคนมักจะเห็นเป็นสีดำ แต่ขอให้เพ่งดูดีๆ ว่าสีขาวที่ซ่อนอยู่นั้น มันกลืนไปกับพื้นกระดาษซึ่งส่วนใหญ่เป็นสีขาวอยู่แล้ว...!!!
     พวกเราประชาชนคนธรรมดา ขอให้ช่วยกันไตร่ตรองให้รอบคอบเถอะครับ จากคำแถลงของนายกฯ เมื่อวาน ผมกลับคิดว่านี่ไม่ใช่วาทะการเอาตัวรอดของนายกฯ แต่เป็นมีดที่จะกรีดลงบนเสื้อแดง เพราะถ้าแกนนำยอมรับ ศรัทธาของอีพ่ออีแม่ที่มาร่วมชุมนุมจะรู้สึกอย่างไรกับแกนนำ...ใจสลายเลย...ส่วนพวก Hardcore ไม่ต้องพูดถึงมันไม่ยอมแน่
     คิดให้ดีทำไมนายกฯ อภิสิทธิ์ถึงออกมารูปนี้ จากการจับกุมอาวุธสงครามได้มากมายขนาดนี้ รวมถึงตัวการสำคัญคือเมธีที่ให้การหมดเปลือก ก็เท่ากับว่าพวกกบฏรู้ตัวแล้วว่ารัฐบาลรู้ไส้ในหมดแล้ว และออกมาตีหน้าซื่อยื่นข้อเสนอเลือกตั้ง 14 พ.ย.ให้อีก...มันอะไรกัน
     ฟังเผินๆ เหมือนๆ กัน พวกเราหลายคนอาจคิดว่าทุเรศที่ยอมความง่ายๆ ตรงกันข้ามเปล่าเลยนะครับ ท่านบอกชัดว่าถ้าไม่เป็นไปตามนี้ ก็จะดำเนิน 5 ข้อต่อไป แต่จะไม่รับรองว่าจะมีการเลือกตั้งได้หรือเปล่าทำนองนี้ ไปฟังให้ดีๆ
     ดังนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าท่านปิดช่องทั้งหมด เพราะรู้แล้วว่าอะไรน่าจะเกิดขึ้น...
     ถ้าพวกมันไม่ยอม...ตรงนี้ละครับ ที่เป็นอะไรที่เราจะได้เห็นการล้างแผ่นดิน แต่แน่นอนเราต้องถามตัวเองว่า เราต้องมีการสูญเสียที่อาจคาดไม่ถึง เราพร้อมที่จะรับมันได้หรือยังครับ ถ้าพร้อมก็ลุกขึ้นมาขอให้รัฐลุยเสียเลย...แล้วพวกเราก็ไม่วายโยนบาปให้รัฐบาลรับผิดชอบในที่สุด
     แต่ถ้าพวกมันยอม...พวกมันมีแต่เสียกับเสีย ทั้งมวลชนและเสียอิสรภาพ คุณคิดหรือว่าเส้นสีดำที่นายกฯ ท่านขีดไว้แล้วนี้คนจะไม่เห็น คนเห็นชัดยิ่งขึ้น มีทั้งรายชึ่อ หน้าตาทางสื่อทุกประเภท กลุ่มไหน กลุ่มใคร ความชั่วที่ปรากฏเป็นเช่นไร...
     นับจากนี้ต่อไปเมื่อไรก็ตาม ที่พวกมันใช้ชีวิตอยู่ในสังคมไทยมันอยู่ลำบากขึ้น นอกจากจะอยู่
รวมกับพวกโจรด้วยกันเท่านั้นเอง ที่มันจะสามารถอยู่อย่างปกติได้ เมื่อไรที่มันหลงถิ่น สังคมคงไม่ปล่อยไว้แน่ ปฏิกิริยาสนองตอบคงมีให้เห็นกันนับจากนี้...
     แต่หากพวกมันอยู่ในคุกในตาราง ก็คงไม่มีโอกาสได้เรียนรู้การต้อนรับจากสังคมข้างนอก...
     ผมในความเห็นส่วนตัว ขอชื่นชมและขอบคุณนายกรัฐมนตรีท่านนี้ ที่ได้แสดงออกถึงความจริงใจในการแก้ปัญหา ไม่ให้มีการสูญเสียไปมากกว่านี้...
     แต่ท่านต้องไม่ลืมว่าความฉลาดหลักแหลม+ความดีของท่าน ไม่สามารถชนะใจคนไทยทั้งชาติได้ หากท่านไม่เติมความเข้มแข็ง ที่ท่านต้องใช้กฎหมายอย่างเฉียบขาด ตามที่ท่านพูดเอาไว้เองนะครับ
                                                                ลุงโทนี่
                                                    ประชาชนคนไทยคนหนึ่ง
ตอบ ลุงโทนี่
     ไม่เฉพาะคนไทยเท่านั้นที่งง คนต่างชาติก็คงจะงงไม่แพ้กัน ที่ตอนเช้าทั้งรองนายกฯ สุเทพ กับ พ.อ.สรรเสริญ ยังประสานเสียงว่าจะสลายม็อบเสื้อแดง จะใช้รถหุ้มเกราะออกมาปฏิบัติการ พร้อมทั้งขู่ว่าคราวนี้จะเอาจริงถึงตายเลยล่ะ
     แต่พอถึงสามทุ่มเศษ นายกฯ อภิสิทธิ์ก็ออกมาประกาศวันเลือกตั้ง 14 พฤศจิกายน โดยข้ามขั้นตอนการยุบสภาที่พวกเสื้อแดงเรียกร้อง แถมยังมีแผนปรองดองออกมาอีกหลายข้อ แกนนำเสื้อแดงได้ยินก็แทบจะโห่ฮิ้ว เพราะหาทางลงได้แล้ว
     แต่ที่ยังทำเป็นเล่นตัวไม่ยอมสลายม็อบที่แยกราชประสงค์ คงจะหาทางลำเลียงอาวุธสงครามออกไปจากสถานที่ชุมนุมเสียก่อน หมดเมื่อไหร่ก็คงประกาศให้แนวร่วมที่ว่านอนสอนง่ายกลับบ้านใครบ้านมัน โดยมีรถฟรีของซาเล้งไปส่งถึงบ้าน
     ถึงแม้อดีตนายกฯ ชวนจะไม่เห็นด้วยกับการยุบสภา แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยกับแผนปรองดอง ด้วยการกำหนดให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 14 พฤศจิกายน         
     แต่เชื่อเถอะก่อนถึงวันที่ 14 พฤศจิกายน หรือก่อนถึงวันยุบสภา ต้องมีอะไรที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นอีกแน่

                         ตายก่อนตาย
เรียน คุณสามวา สองศอก
     ผมอ่านไทยโพสต์ ฉบับวันจันทร์ที่ 3 พฤษภาคม 2553 คอลัมน์พี่เปลว สีเงิน ชอบคำลงท้ายที่ว่า ทหารเกณฑ์-ไอ้เณรกู้ชาติ เพราะท่านเหล่านี้นอกจากจะต้องทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา ในฐานะผู้รักษาหน้าที่วินัยทหารแล้ว ความสำนึกที่ทำเพื่อแผ่นดินเกิด ดูจะเหนือกว่านายพลที่เราเรียกว่าเสธ.เพี้ยนมากมาย แม้แต่พลทหารที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่อนุสรณ์สถาน ผมเรียกท่านว่า ตายในหน้าที่ ไม่มีวันตาย เพราะชื่อของท่านจะสถิตอยู่คู่ฟ้าเมืองไทยตราบนานเท่านาน
     เหตุการณ์ชุมนุมของมวลชนคนของ ทักษิณ ชินวัตร ได้สร้างปรากฏความเป็นจริงของทหารและตำรวจหลายราย ตั้งแต่ยศพลเอก พลตำรวจเอก จนถึงพลตำรวจ ที่มีจิตใจอันทรยศต่อข้าวแดงแกงร้อนของประชาชน ที่เสียภาษีเป็นเงินเดือนสวัสดิการให้ได้เลี้ยงครอบครัว เงินค่าเล่าเรียนเขียนอ่านของบุตรธิดา
     แต่กลับเสพเงินอัดฉีดเป็นมื้อเป็นคราวของ ทักษิณและพรรคพวกทักษิณ ทั้งที่เป็นนักธุรกิจ นักการเมืองที่ร่วมโกงชาติโกงแผ่นดิน ไปอำนวยช่วยเหลือดังที่ได้ปรากฏทั้งข่าวแจ้งและข่าวลับ ถือได้ว่าเป็นการทรยศต่อข้าวต่อแกงชาวบ้าน คนพวกนี้ไม่ได้ซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ ไม่รักษาหน้าที่ที่ตนเอง
     มีให้ดูเป็นตัวอย่างเช่น ทักษิณ ชินวัตร ไม่ซื่อสัตย์ต่อความเป็นคนไทย ทำอนันตริยกรรมต่อชาติต่อแผ่นดิน มีชีวิตเพียงให้คนประณามหยามเหยียด และในอนาคตก็จะจารึกในฐานะคนทรยศต่อความเป็นคนไทย ต่อหน้าที่ของตนที่เคยเป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรีของเมืองไทย 
     เขาเหล่านี้ได้ ตายก่อนตาย แล้ว คือตายจากการเป็นคนไทย ตายจากการเป็นทหารและ
ตำรวจ ถึงมีลมหายใจก็ปราศจากคุณค่าต่อสังคมประเทศชาติ
     ตายก่อนตายเศร้ากว่าการตายจริงซะอีก.
                                                            ดักแด้ (ชรา)
ตอบ คุณดักแด้ (ชรา)
     ฝ่ายรัฐบาลก็มีแต่ทหารเกณฑ์กับไอ้เณรที่ตาย บรรดาพลเอกทั้งหลายทุกคนยังสบายดี ก็เหมือนกับพวกเสื้อแดงนั่นแหละ ที่ตายไปก็มีแต่พวกชาวบ้านเท่านั้น เพราะทุกครั้งที่มีการปะทะกัน แกนนำเสื้อแดงทุกคนปลอดภัย
                                                         สามวา สองศอก
                 
http://www.thaipost.net/news/060510/21808
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1892 เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2553, 09:19:01 »

บทบรรณาธิการ นสพ. แนวหน้า ออนไลน์ วันศุกร์ที่ 7 พฤษภาคม 2553

ดูเหมือน มีคนส่วนหนึ่ง(ส่วนใหญ่ด้วยเช่นกัน) ไม่เห็นด้วยกับการปรองดองกับเสื้อแดง

บทบรรณาธิการ
รัฐบุรุษไม่สมานฉันท์กับโจร (บทบรรณาธิการ)  
 
 
    แผนการเพื่อสร้างสันติภาพ 5 ประการ ให้กับประเทศไทย หรือที่สังคมเรียกกันจนติดปากว่า Road Map 5 ข้อ ซึ่งถูกประกาศออกจากปากของนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 ได้กลายเป็นดาบสองคมไปโดยปริยาย

    ผู้คนในสังคมฝ่ายหนึ่งแสดงความชื่นชมและยินดีกับแผนการนี้อย่างล้นเหลือ เพราะเชื่อมั่นว่าจะช่วยทำให้ประเทศไทยก้าวข้ามและผ่านพ้นวิกฤตการณ์ที่รุมเร้าและทำร้ายประเทศไทยมาอย่างยาวนานได้อย่างเป็นรูปธรรม

    แต่อีกฝ่ายหนึ่งกลับมีความเห็นตรงกันข้าม เพราะไม่ศรัทธาและไม่เชื่อมั่นว่าแผนการทั้ง 5 ประการนี้ จะทำให้ประเทศชาติสงบและกลับคืนสู่สภาวะปกติสุขได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังวิตกกังวลด้วยว่า แผนการนี้จะทำให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟหนักยิ่งกว่าเดิมในอนาคตอันใกล้ และอาจจะมีการเข่นฆ่าล้างผลาญชีวิตของกันและกันอย่างหนักตามมาด้วย

    ไม่มีผู้ใดรู้อย่างชัดเจนและลึกซึ้งว่า เหตุใดนายกรัฐมนตรีจึงตัดสินใจประกาศแผนการทั้ง 5 ข้อ ในคืนวันจันทร์ที่ 3 พฤษภาคม ทำไมจึงไม่ประกาศก่อนหน้านี้ แล้วก็ไม่มีผู้ใดกล้ายืนยันว่า แผนการทั้ง 5 ข้อ เกิดมาจากความคิดเห็นของผู้ใดบ้าง นอกจากตัวของนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวที่รับรู้เรื่องนี้เพียงลำพัง

 อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีต้องไม่ปฏิเสธความจริงที่ว่า สังคมไทยในยุคนี้กำลังตกอยู่ในสภาพที่คนไทยส่วนหนึ่งไม่เคารพกฎกติกาสังคมและจงใจกระทำการละเมิดกฎหมายของแผ่นดิน นายกรัฐมนตรีต้องยอมรับความจริงที่ว่า คนกลุ่มหนึ่งกำลังกระทำการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนผู้บริสุทธิ์ โดยใช้ความรุนแรงสารพัดรูปแบบ

    ที่สำคัญก็คือ รัฐบาลยังประกาศด้วยว่า มีผู้ก่อการร้ายแฝงตัวอยู่ในการชุมนุมประท้วงด้วย และยังมีการปิดถนนที่บริเวณสี่แยกราชประสงค์ และถนนใกล้เคียง การยกขบวนไปปิดเส้นทางการจราจรอื่นๆ ตามอำเภอใจหลายครั้งหลายหน การพากลุ่มอันธพาลไปบุกค้นโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ภายใต้การนำของนายพายัพ ปั้นเกตุ สส. จังหวัดสิงห์บุรี การส่งเสียงรบกวนผู้ป่วยในโรงพยาบาลตำรวจ การส่งเสียงรบกวนเข้าไปในเขตวังสระปทุมและวัดสระปทุม การใช้อาวุธสงครามสารพัดชนิดยิงเข้าใส่กระทรวงกลาโหม สถานที่ราชการอื่นๆ บ้านพักเอกชน และชุมชนสีลม ฯลฯ

    ยังมีความจริงอีกประการหนึ่งที่รัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ และบรรดาเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลรักษาความสงบสุขให้กับบ้านเมืองโดยตรงกลับไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็คือ เรื่องที่รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่สามารถจับตัวผู้ก่อการร้ายและตัวผู้ก่อเหตุไม่ปกติได้แม้แต่รายเดียว ถึงแม้รัฐบาลจะอ้างว่ามีเบาะแสมากมาย และสามารถจับกุมตัวผู้กระทำผิดบางคนได้แล้วก็ตาม แต่สุดท้ายก็ยังไม่สามารถนำตัวไปลงโทษได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

    เหล่านี้คือ มูลเหตุที่ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ไม่ไว้วางใจ Road Map 5 ข้อ ของนายกรัฐมนตรี และเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีต้องบริหารประเทศอย่างเข้มแข็งและเด็ดขาดบนพื้นฐานของความชอบธรรม ขอย้ำว่ารัฐบุรุษต้องไม่ยอมให้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย และต้องไม่ยอมให้โจรมีสิทธิ์เหนือผู้บริสุทธิ์ 
 
วันที่ 7/5/2010

http://www.naewna.com/news.asp?ID=210136
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1893 เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2553, 09:25:24 »

บทบรรณาธิการของ นสพ.ไทยโพสต์ ออนไลน์ วันนี้ กล่าวถึงบรรดาพรรคการเมืองจ้องหาผลประโยชน์จากแผน Road Map 5 ข้อ เพื่อให้สมประโยชน์ของแต่ละพรรค แทนการสนับสนุนให้เกิดการปรองดองขึ้นในชาติ

อย่าฉวยโอกาสทางการเมือง
บทบรรณาธิการ 7 พฤษภาคม 2553 - 00:00 

     พียงแค่ยังไม่มีความชัดเจนต่อทิศทางการแก้ไขปัญหาวิกฤติการเมืองว่า สุดท้ายแผนปรองดองแห่งชาติ หรือโรดแม็พการเมืองของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีจากพรรคประชาธิปัตย์จะมีอะไรที่เป็นรูปธรรม และจะมีทิศทางในการทำให้สถานการณ์การเมืองคลี่คลายไปในทิศทางใด
     ก็ปรากฏว่าเริ่มมีการขยับขับเคลื่อนของฝายต่างๆ ที่ต้องการจะฉวยโอกาสแสวงหาผลประโยชน์ทางการเมืองกับปฏิทินการแก้ไขปัญหาวิกฤติการเมืองครั้งนี้กันแล้ว โดยเฉพาะจากบรรดาเหล่าแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่เป็นระดับคีย์แมนหรือเจ้าของพรรคตัวจริง แต่ไม่สามารถมาเล่นการเมืองเต็มตัวได้เพราะติดโทษแบนในคดียุบพรรค
     ไม่ว่าจะเป็นบรรหาร ศิลปอาชา สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล จากชาติไทยพัฒนา เนวิน ชิดชอบ สรอรรถ กลิ่นประทุม สมศักดิ์ เทพสุทิน สุชาติ ตันเจริญ อนุทิน ชาญวีรกูล จากภูมิใจไทย ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ จากพรรครวมชาติพัฒนา พินิจ จารุสมบัติ จากเพื่อแผ่นดิน เป็นต้น
     ที่แสดงอาการกระเหี้ยนกระหือรือ จ้องจะฉกฉวยโอกาสเงินโอกาสทองครั้งนี้ ด้วยการกดดันให้พรรคประชาธิปัตย์ นอกจากจะทำการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยการเปลี่ยนแปลงระบบการเลือกตั้งจากระบบปัจจุบันที่เป็นระบบรวมเขตหรือพวงใหญ่ ให้เป็นระบบเขตเดียวเบอร์เดียว หรือวันแมนวันโหวตแล้ว ยังมีข่าวว่าแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลหลายคนเสนอต่อประชาธิปัตย์ว่า ในถ้อยแถลงของนายอภิสิทธิ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจเมื่อวันจันทร์ที่ 3 พฤษภาคม 2553 มีการพูดถึงเรื่องการตัดสิทธิทางการเมืองที่แม้จะไม่มีรายละเอียด แต่ก็ตีความได้ไม่ยากว่าหมายถึงเรื่องคดียุบพรรค ดังนั้น ก็ควรใช้โอกาสนี้นิรโทษกรรมทางการเมืองกับอดีตกรรมการบริหารพรรคที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองห้าปีในคดียุบพรรคไม่ว่าจะเป็นพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน ชาติไทย มัชฌิมาธิปไตย ซึ่งก็คือการปล่อยผีคดียุบพรรคก่อนกำหนดนั่นเอง
     สิ่งนี้ถือว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะลำพังแค่การจะใช้จังหวะนี้ฉวยโอกาสแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างรีบเร่งภายใต้ระยะเวลาที่มีแค่ประมาณสี่เดือนกว่า ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าจะทันหรือไม่ ก็ถือว่าหนักหนาพอแล้ว และคงจะทำได้ลำบาก เพราะกระแสสังคมต้องไม่เห็นด้วยแน่นอน แต่จะถึงขั้นให้มีการนิรโทษกรรมคดียุบพรรคการเมือง ก็เท่ากับว่านักการเมือง คือ อภิสิทธิ์ชนที่ไม่จำเป็นต้องรับโทษการเมืองตามคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการรัฐธรรมนูญ
     หากอภิสิทธิ์และประชาธิปัตย์สมยอมด้วยกับแรงบีบของแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล สิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นการทำให้ระบบการเมืองและกระบวนการตัดสินคดีของศาลรัฐธรรมนูญขาดความศักดิ์สิทธิ์ เพราะมีการใช้อำนาจทางการเมืองมาล้มล้างการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อช่วยเหลือพวกพ้องนักการเมืองด้วยกันเอง ต่อไปหากนักการเมือง พรรคการเมืองคิดทุจริตการเลือกตั้ง วางแผนซื้อเสียงแล้วถูกจับได้ ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรค ตัดสิทธิทางการเมือง ก็ใช้วิธีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมแบบนี้ ระบบกฎหมายและกติกาการเมืองพังพินาศแน่นอน ซึ่งนอกจากจะไม่ได้แก้ปัญหาคนเสื้อแดงแล้ว แต่จะเป็นการสร้างปัญหาใหม่ให้กับตัวเองและสังคมการเมืองไทยด้วย และเชื่อว่าสุดท้ายแผนปรองดองดังกล่าวจะนำไปสู่ปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นใหม่อีกหลายระลอก จนไม่สามารถจับต้นชนปลายได้ถูกว่าอะไรคือต้นเหตุ ปลายเหตุ และทางแห่งการยุติปัญหา.

http://www.thaipost.net/news/070510/21862
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1894 เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2553, 09:33:09 »

คอลัมม์ "คนปลายซอย" ของคุณเปลว สีเงิน วิพากย์ Road Map ซึ่งยังไม่มีการตอบรับจากเสื้อแดง

แค่"หนังตัวอย่าง"แล้วจะตั้งแง่กันไปทำไม?
เปลว สีเงิน 7 พฤษภาคม 2553 - 00:00


                ถ้ามานับจากคืนวันที่ ๓ พ.ค.๕๓ ที่นายกฯ ประกาศแผนปรองดอง ๕ ข้อ เมื่อถึงวันอาทิตย์ที่ ๙ พ.ค.ก็เรียกว่า "ครบ ๗ วัน" ถ้าเป็นผี ไม่เผา-ก็เก็บ จะไม่เอาศพมาตั้งเอ้อเร้อเอ้อเต่อกลางบ้าน-กลางเมืองอยู่อย่างนี้หรอก ฉะนั้น ช่วงนี้ ก่อนครบ ๗ วัน ผมคิดว่า ประชาสังคมและ ศอฉ.จะยังคง "อดทน-อดกลั้น-รอคอย" ให้ผีป่าเข้าธานี โดยไม่บ่น ยอมทนสะอิดสะเอียน อีกซักพัก แต่ถ้าพ้นจากวันที่ ๙ พ.ค.ไปแล้ว ผมจะบอกให้ "วีระ-จตุพร-ณัฐวุฒิ" ถึงหลังฉาก พวกคุณจะต่อสายคุยกับรัฐบาลดีขนาดไหน.....

                แต่ถ้ากลุ่มผู้ชุมนุมยังไม่หายไปจากราชประสงค์ ยังยั้วเยี้ยเป็น "นิคมปกครองตนเอง" กันอยู่อย่างนี้ และรัฐบาล-ศอฉ.ก็ไม่เด็ดขาดให้แกนนำกบฏตัดสินใจยกพวกกลับกันไป
                ผมคิดว่า "ประชาสังคม" จะเป็นฝ่าย "เด็ดขาด" กับรัฐบาล และ ศอฉ.ให้ตัดสินใจ "ทำอย่างใด-อย่างหนึ่ง" ให้เป็นที่ "เบ็ดเสร็จ" จะปล่อยให้บริหารปัญหาแบบคนต่อมปัสสาวะอักเสบคือ "เยี่ยวไม่สุด" อยู่อย่างนี้ไมได้!

                ถึงตอนนี้ คนเริ่มมองหน้ากัน แล้วถาม...ปรองดอง..แล้วไง?

                ฝ่ายแกนนำกบฏก็โอเค ฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ "แกนรัฐบาล" และพรรคร่วมก็โอเค นายกฯ อภิสิทธิ์ก็โอเค ในเมื่อตัวหลักๆ ผู้มีอำนาจกินบ้าน-กินเมืองโดยตรง โอเคหมด
                แล้วทำไมยังปล่อยให้ผู้ชุมนุมเสื้อแดงยึดราชประสงค์เป็นป่าละเมาะริมทาง กิน-ขี้-ปี้-นอน โดยไม่เอื้ออาทรกับความเดือดร้อนของชาวบ้าน-ชาวเมืองเขาอยู่อีกล่ะ?

                ก็ฝากให้นายกฯ คิด บรรดาตะกวดตะกายตึกคิด และผู้ชุมนุมทั้งหลายได้คิด ผมไม่สนใจหรอกว่า "เบื้องหลัง" ของแผนปรองดอง ฝ่ายรัฐบาล-ฝ่ายกบฏจะต่อสายเจรจาซูเอี๋ยกันหรือไม่ พวกคุณจะต่อรอง-ซูเอี๋ยกันอย่างไรก็ได้ เพราะเบื้องหลังของความสำเร็จทุกเรื่องในโลก มาจาก "ความโสโครก" ภายใต้หน้ากากทั้งนั้น แต่ข้อสำคัญ
                พวกม็อบล้มบ้าน-ล้มสถาบันจะต้อง "หายไป" จากท้องถนน....เจ้าใจมั้ย?

                ทำเป็นเกี่ยง แค่ "ให้รัฐบาลระบุวันยุบสภา" ไม่งั้นไม่สลายการชุมนุม ไม่อยากพูดว่านี่คือการ "แกล้งโง่" เพราะพวกไพร่สถุลมันก็ไพร่สถุลวันยังค่ำ ทำแกล้งโง่ "ซื้อเวลา" พักฟื้น และรอเช็กข่าวจริงๆ เท่านั้นแหละว่า ที่ทักษิณทวิตเตอร์มานั้นมัน "ทักษิณตัวจริง" หรือ "ผี-นอมินีทักษิณ"?

                เพราะอะไร...เพราะจากข่าว "ตาย-ไม่ตาย" นี้ สร้างปัญหาใหญ่ให้กับ "ตัวจ่าย" ที่ชักไม่มั่นใจ เลยจ่ายมั่ง-ไม่จ่ายมั่ง และถ้าสลายม็อบกลับไป ใครจะรับเคลียร์หน้าเสื่อที่หลอกชาวบ้าน-ยึดบัตรเขาไว้ว่า "ชนะแล้วจ่ายหัวละ ๒ แสน"?

                ตอนนี้ แกนนำรับแผนปรองดอง แต่ใครก็ไม่กล้าขึ้นเวทีประกาศเอาหน้าว่า "เราชนะแล้ว" เหมือนทุกคราวที่ผ่านมา เพราะขืนบอกชนะแล้ว ให้เก็บครกกระบากสากกระเบือกลับบ้านได้ เท่ากับเข้าเงื่อนไขที่สัญญาไว้ ต้องจ่ายตามบัตรประชาชนที่ยึดไว้...รายละ ๒ แสน!

                เอ้า...พี่น้องเสื้อแดงทั้งหลาย กลับถึงบ้านเมืองไหร่ กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน-ส.ส.-อบต.-หัวหน้าคิว-หัวหน้าม็อบ คนไหน ที่พามาและสัญญากับเขาไว้ พวกท่านอย่าลืมไปทวง ๒ แสนเน้อ
                พวกเขา "รับล่วงหน้า" กันมาประเป๋าตุง ถ้าบ่ายเบี่ยงไม่จ่าย หมายความว่าท่าน "ถูกอม" ต้องช่วยกันระดมทวง อย่างน้อยครึ่งนึง "๑ แสน" ก็ยังดี!

                นายกฯ กับแกนนำกบฏ ควรจะรีบนัดคุย-นัดเคลียร์ในข้อปลีกย่อยเสียให้จบวันนี้-พรุ่งนี้ แล้วรีบสลายม็อบไป ไม่งั้น "สถานการณ์จะกลายเป็นอื่น"

                ไอ้ที่จะทำความเข้าใจกับทุกฝ่ายก็ทำไป แต่จะรอให้ "ตกลง-เข้าใจ" เหมือนกันทั้งหมดทุกฝ่ายก่อน ทั้งเสื้อแดง-เสื้อเหลือง-เสื้อหลากสี แบบนี้ เห็นทีฝนนี้ ต้องแปลงราชประสงค์เป็นทุ่งเลี้ยงควาย ไถ-หว่านทำนากันไปตลอดฤดูกาลแน่ๆ!

                "ยุบสภา" เป็นการตัดสินใจบนอำนาจนายกฯ เป็นการตัดสินใจตามรัฐธรรมนูญให้ดาบ ไม่ว่าเสื้อสีไหนในฐานะประชาชนมีสิทธิ์ "เห็นด้วย-ไม่เห็นด้วย" ได้ทั้งนั้น แต่ประเด็นสำคัญ "อำนาจตัดสินใจยุบสภา" ตามระบอบประชาธิปไตย อันว่าด้วยการเลือกตั้ง....

                อยู่ที่ท่าน "คนเดียว"!

                ถ้าเข้าใจคำว่า "ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบแต่ผู้เดียว" ไม่ต้องสนใจใคร ในเมื่อสิ่งที่ตัดสินใจตรองแล้ว "ดีที่สุด" กับสังคมและอนาคตบ้านเมือง ไม่มีใครทำให้ทุกคนถูกใจได้ แต่ถ้าสิ่งที่ตัดสินใจนั้น สามารถทำให้ทุกคน "ดำรงสิทธิ" ในความเป็นประชาชนโดยไม่ถูกผู้อื่นล่วงล้ำก้ำเกินแบบนี้ได้ โอเค.แล้ว

                ฉะนั้น เมื่อท่านแน่ใจว่า "แผนปรองดอง" ทำแล้ว ม็อบสลาย-คืนความสงบให้บ้านเมืองได้

                เชิดหน้า...ลุยเลย อภิสิทธิ์ ผมจะ (ใช้มือ) ยันหลังให้!

                ที่เกี่ยงงอนกันว่า "ปรองดองกับโจรแล้วปัญหาระยะยาวมันจะไม่จบ" นั้น ผมก็อยากจะบอกว่า "ถ้าทั้งคนปกครอง คนถูกปกครอง คนถาม และคนตอบ 'สิ้นตัณหา' เมื่อไหร่ โลกนี้-สังคมนี้-บ้านเมืองนี้ ทุกปัญหาที่มี 'จบตลอดกาล' แน่นอน"

                ความคิดเห็นเรื่อง "ยุบ-ไม่ยุบสภา" จากกลุ่มคนต่างๆ ตอนนี้ สังเกตว่าไม่ได้มาจากฐานเหตุผล แต่มาจากฐาน "ทิฏฐิ" จะเอาชนะ-ชำระแค้นกันมากกว่า และพูดกันตรงๆ ผมจับมือถามทุกคน-ทุกสีเลยว่า "ไหน...บอกซิ แผนปรองดอง ๕ ข้อ สาระมีว่าอย่างไรบ้าง?"

                สะเปะสะปะกันไปหมดทันที พุ่งประเด็น และจำแม่นอยู่ประเด็นเดียว ทั้งที่ไม่ใช่ "สาระหลัก" ตามเจตนารมณ์ของแผนปรองดอง นั่นคือจำและเพ่งเล็งกันแต่ว่า
                นายกฯ จะยุบสภา...นายกฯ อ่อนข้อให้โจร...นายกฯ จะยุบสภา.!?

                แล้วก็ "พ่อแง่--แม่งอน" กันอยู่แต่ขยะตรงนี้ ไม่มีใครสนใจไปเพ่งเล็ง-พูดถึง ๕ ข้อตามแผนปรองดอง หรือจะเรียกว่าแผน "ปฏิรูปโครงสร้าง" สังคมชาติใหม่นั้นซักเท่าไหร่?

                ผมก็เข้าใจ และคิดว่าทั้งคนคลอดแผนคือทั้งนายกฯ ทั้งพวกกบฏ และทั้งคนทุกสี "รู้อยู่กับใจ" ก็แค่ร่างมาเป็น "ผ้าคลุมหน้าศพ" ที่ใครก็ไม่อยากไปคุ้ย-ไปเปิดเพื่อเผชิญ "ความจริง" ว่าปัญหาสังคมชาติทุกวันนี้แค่ "แผนปรองดอง" ยังใช้แก้อะไรไม่ได้ แต่ช่วยให้ทุกคน-ทุกฝ่าย "ทำใจ" เพื่อผ่อนคลายไประยะหนึ่งเท่านั้น
                ด่านอรหันต์น่ะ กว่าจะไปถึง ต้องผ่านด่านทดสอบไม่รู้กี่สิบด่าน จะเข้ามหาวิทยาลัย ยังต้องตะกายตั้งแต่เตรียมอนุบาล จะเป็นรัฐมนตรี-อธิบดี-ปลัด ซักที ต้องถูกบี้-ถูกไถ และต้องจ่ายค่าเก้าอี้ไม่รู้กี่ด่าน?

                เหตุนั้น ทุกคนส่วนใหญ่จึง "ละไว้" ในเรื่องรู้อยู่กับใจ ไม่ถามไถ่ประเด็นปรองดองที่ยังกินไม่ได้ นอกจากรุมประเด็นยุบสภา-เลือกตั้งใหม่ ซึ่งเป็นประชาธิปไตย (หา) กินได้ เนี่ย...หัวใจของ "ปัญหาใหม่" ขณะนี้ มันก็มีดังที่ว่านี้แหละ
                ทีนี้-กลับมาโลกแห่งความเป็นจริงปัจจุบันบ้าง ความจริงคือ กบฏแผ่นดิน อันมีกองกำลังติดอาวุธยังคงยึดบ้าน-ยึดเมืองอยู่ ชะงักชั่วคราว เพราะนายกฯ ใช้ยาปฏิชีวนะขนานใหม่ป้ายลงไป แต่ "เชื้อชั่วยังไม่ตาย" หรอกครับ!

                เมื่อไม่ตายแล้วยังไงต่อ...ก็ยังงี้ครับ คือตอนนี้ ศอฉ.ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินร้ายแรงยังมีอยู่ ศาลไม่ห้ามการสลายผู้ชุมนุม แต่บอกให้ดูความจำเป็น และให้ใช้มาตการสากลจากเบาไปหาหนัก
                แล้วรัฐบาล โดย ศอฉ.ใช้ "เบาไปหนัก" กับผู้ชุมนุมแล้วหรือยัง?

                จะเห็นว่าเขาใช้มาตามลำดับ ทั้งใบปลิว ทั้งวิทยุ-โทรทัศน์ และกระสุนยาง ถึงขณะนี้ แฟนที่ผมคลั่งไคล้ "พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด" ท่านออกจอประกาศเตือนเบาบ้าง-หนักบ้าง เป็นระยะ ล่าสุด-วานนี้ (๖ พ.ค.) ท่านประกาศว่า
                "....นปช.ไม่มีทางเลือกมากนัก ไม่มีสิทธิ์มาต่อรองใดๆ ทั้งสิ้นในแผน ๕ ประการที่ประกาศไป ไม่ได้หมายความว่าจะไม่สลายการชุมนุม เรื่องการแก้ปัญหาของรัฐบาลว่าไปตามแก้ปัญหาของรัฐบาล ส่วน ศอฉ.มีความจำเป็นที่ต้องรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาเรื่องการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย ซึ่งมีการก่อการร้ายเข้าไปปะปน ดังนั้น ไม่เกี่ยวข้องกัน"

                และแฟนที่ผมคลั่งไคล้-ได้ใจผมมากอีกท่าน "นายธาริต เพ็งดิษฐ์" อธิบดี DSI ท่านก็แถลงเมื่อวานนี้เช่นกันว่า
                "ตามที่ศาลแนะนำให้ DSI ใช้หมายจับตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จับกุมกลุ่มผู้ต้องหาแกนนำ นปช.ทั้ง ๙ คน ประกอบด้วย นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล นายขวัญชัย ไพรพนา และ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ โดยไม่ต้องออกหมายจับซ้ำ เมื่อจับกุมได้แล้วจึงแจ้งข้อกล่าวหาก่อการร้าย ซึ่งมีผลให้ทหารและตำรวจเป็นผู้มีอำนาจจับตามหมายจับ
                ......ระหว่างนี้ยังไม่สามารถจับกุมได้ ก็จะรอจนถึงวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ที่แกนนำ นปช.ประกาศต่อสาธารณชนว่าจะเข้ามอบตัวสู้คดีพร้อมกันทั้งหมด หากเลยเวลาแล้วยังไม่มามอบตัว DSI เตรียมแนวทางดำเนินการต่อไปไว้แล้ว......"

                เห็นมั้ย...ก็อยากให้ประชาสังคม และทุกสีที่ข้องใจได้เข้าใจว่า การเมือง-ทางนายกฯ ก็แก้ทางการเมืองของท่านไป ส่วนการบ้าน-อันว่าด้วยกฎหมายและการปราบปราม ทาง ศอฉ.และทาง DSI ก็ยังเขม็งเกร็งเกลียวของเขาอยู่ต่อไป
                ยุคดาวพลูโต เป็นยุคกฎหมายชำระบาป ฉะนั้น จะทำอะไรเอาแต่ใจ-เอาแต่อำนาจไม่ได้หรอกครับ เปิดช่องนิดเดียว "ไอ้ขี้ฟ้อง" ก็จะใช้ระบบศาลเป็นเครื่องมือ เห็นมั้ย...นี่ทักษิณตัวจริง หรือผีทักษิณก็ไม่รู้ มันไปจ้างมือกฎหมายระดับโลกมาเป็นทนายแก้ต่างให้พวกกบฏของมันแล้ว
                ฉะนั้น ต้องมีสติ อดทน รักษาขั้นตอน จะเอามาตรฐานโจรปฏิบัติมาเป็นมาตรฐานราชการปฏิบัติไม่ได้ พลาดนิดเดียว มันจะไปตายเอาตาม "บรรทัดกฎหมาย" ช่วยกันเข้าใจตรงนี้ไว้ด้วย!

                เอาละ...จะยื้อกันไปนานขนาดไหนก็ตาม แต่ระวัง ๑๕ พฤษภา อาทิตย์ยกเข้าพฤษภ "โลกาวินาศ" ยากเลี่ยงการปะทะกัน และถ้ากบฏและรัฐบาลยังตกลงอะไรกันไม่ได้ หลัง ๒๗ พฤษภา ไป "ระวัง..แตงโม" จะเริ่มเปลี่ยนเป็น "แตงเทศ" ที่เรียกว่า "เมล่อนไทย" เขียวทั้งเปลือก-ทั้งเนื้อใน เผลอๆ จะถูกเช็กบิลทุกฝ่าย ก็บอกแล้ว...เมืองไทยจะเกิด-จะตาย "อยู่ที่ทหาร" และที่สำคัญ ๒๐ กรกฎา ไป

                คอยกินแชร์ "โต๊ะใหญ่"....เดี๋ยวจะว่าไม่บอก!?.


http://www.thaipost.net/news/070510/21878
      บันทึกการเข้า
หนุน'21
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
*****


ซีมะโด่ง'จุฬาฯ ที่มาของผม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: "ครุศาสตร์"
กระทู้: 26,927

« ตอบ #1895 เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2553, 09:50:23 »


สวัสดีครับพี่แอ๊ะ พี่เหยง และพี่น้องทุกท่าน
เข้ามาอัพเดทข่าว ที่ห้องพี่แอ๊ะนี่แหละครับ
ครบเครื่องที่สุด
ขอบคุณครับ


 รักนะ
      บันทึกการเข้า

“สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในใต้หล้า ทั้งมิใช่ชื่อเสียง และไม่ใช่ทรัพย์ศฤงคาร หากแต่เป็นน้ำใจระหว่างคน ท่านหากได้มา พึงทะนุถนอมไว้
อย่าได้สร้างความผิดหวังต่อตนเองและผู้อื่น.” “วีรบุรุษสำราญ” “โกวเล้ง”
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1896 เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2553, 09:54:17 »

วันนี้ ท่านขุนน้อย วิพากษ์ การเมืองของประเทศกรีซ ซึ่ง EU และ IMF อัดฉีดเม็ดเงินรวมกว่า 146,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 4,700 ล้านล้านบาทไทย เข้ากอบกู้เศรษฐกิจ เป็นเวลา 3 ปี โดยรัฐบาลกรีซต้องลดรายจ่ายภาครัฐลงร้อยละ 3 ของ จีดีพี และเก็บภาษีเพิ่มจากสินค้าและบริการ ซึ่งรัฐบาลกรีซก็ปฏิบัติตามคำสั่งเช่นเดียวกับที่รัฐบาลไทยเคยรับคำสัง IMF ในปี 2540-41 ดังตัวอย่างที่รัฐบาลกรีซทำดังเช่น ยกเลิกการจ่ายเงินเดือนข้าราชการ ลูกจ้างของรัฐ รวมทั้งบำเหน็จบำนาญของข้าราชการเกษียณ ขึ้นภาษีของก๊าซหุงต้ม มีผลให้ราคาก๊าซขึ้นราคาทั่วประเทศ และมีการประท้วงกันไปทั่ว

เหตุการณ์กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ ส่วนจะจบแบบไหน คงต้องติดตาม

ไฟกรีก!!!
ท่านขุนน้อย 7 พฤษภาคม 2553 - 00:00

     วันนี้...ลองเตลิดเปิดเปิงไปว่ากันถึงเรื่องประเทศ กรีซ น่าจะเหมาะกว่า เนื่องจากวันวานที่ผ่านมา การประท้วงต่อต้านรัฐบาลนาย จอร์จิโอ หรือ จอร์จ ปาปันเดรอู ได้บานปลายกลายเป็นการจลาจล ปะทุลุกลามขึ้นมาในเมืองหลวง กรุงเอเธนส์ และเมืองอันดับสอง เทสซาโลนิกิ เล่นเอาคนตายไปแล้ว 3 ราย มีการปาระเบิดเพลิงเข้าใส่ร้านค้า ธนาคาร ฯลฯ เรียกว่า...ประมาณน้องๆ เสื้อแดงเอาเลยก็ว่าได้...
             ------------------------------------------
     แต่การประท้วงในกรีซนั้น...คงไม่ได้มีประเภทแดงเทียม เศษแดง หรือแดงชราตัณหากลับ ฯลฯ เข้าไปร่วมด้วยช่วยป่วนกันซักเท่าไหร่ อาจเรียกได้ว่า ส่วนใหญ่นั้นต้องถือเป็น พลังบริสุทธิ์ ล้วนๆ หรือเป็นผู้ที่ทุกข์ยากเดือดร้อนโดยตรง อันเนื่องมาจากผลกระทบจากกรณีที่รัฐบาลได้ตัดสินใจเข้ารับการอุดหนุน ช่วยเหลือทางด้านเศรษฐกิจ จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู) คิดเป็นจำนวนเงินถึง 1.1 แสนล้านยูโร โดยมีเงื่อนไขว่า จะต้องหันมาตัดค่าใช้จ่ายภาครัฐ และรีดภาษีของราษฎรเพิ่มขึ้น เพื่อหาทางเพิ่มรายได้ของรัฐปีละประมาณ 30,000 ล้านยูโรให้จงได้ ภายในช่วงระยะ 3 ปีข้างหน้า...
             -------------------------------------------
     สำหรับผู้ซึ่งเคยผ่านประสบการณ์การขอความช่วยเหลือจากไอเอ็มเอฟ อย่างเช่น คนไทยในบ้านเรา คงพอทราบๆ กันดีอยู่แล้วว่า ช่วงระยะเวลาเช่นนั้น มันเต็มไปด้วยรังสีความอำมหิต โหดเหี้ยม มากน้อยขนาดไหน ความจำเป็นในการตัดค่าใช้จ่ายต่างๆ ของรัฐบาล ซึ่งเลี่ยงไม่พ้นที่จะต้องส่งผลกระทบถึงระบบสวัสดิการ การบริการสาธารณะ นอกจากจะสร้างความทุกข์ ความเดือดร้อนให้กับประชาชนโดยถ้วนหน้า แถมยังต้องหาทางเพิ่มรายได้ ด้วยการรีดเลือดออกมาจากปูแต่ละตัว อย่างการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 21 เปอร์เซ็นต์ เป็น 23 เปอร์เซ็นต์ ฯลฯ ล้วนแล้วแต่ทำให้ประชาชนชาวกรีซ ไม่ว่าจะเป็นประเภทมนุษย์เงินเดือน ข้าราชการ ตลอดไปจนสหภาพแรงงาน ฯลฯ ต่างก็รับไม่ได้ด้วยกันทั้งสิ้น...
           ----------------------------------------------
     การลุกฮือของมวลชน โดยไม่จำเป็นต้องมีนักโทษหนีคดีรายใดมาคอยยุยง ไม่ต้องมีตำรวจมะเขือเทศ หรือทหารแตงโม มาร่วมด้วยช่วยหนุน ไม่ต้องมีสามเกลอ หรือสี่เกลอหัวขวด รายใดมาสถาปนาตัวเองเป็นแกนนำ แต่เพียงแค่สหภาพแรงงานข้าราชการ ที่มีจำนวนสมาชิกประมาณ 500,000 คน จากจำนวนประชากรทั้งหมด 11 ล้านคน ประกาศพร้อมใจนัดหยุดงานทั่วประเทศเท่านั้น...ทุกสิ่งทุกอย่างก็ เดี้ยง ไปเป็นแถบๆ ไม่ว่าสถานีรถไฟใต้ดิน ท่าอากาศยานในแต่ละแห่ง โรงเรียน โรงพยาบาล สำนักงานราชการตามกระทรวง ทบวง กรม ฯลฯ ต่างตกอยู่ในอาการอัมพาต โดยไม่จำเป็นต้องคว้าเอ็ม 79 เอ็ม 60 มาไล่ถล่ม ชาวบ้าน ชาวช่อง หรือตั้งด่านปิดถนนตามใจชอบแบบบ้านเราเอาเลยแม้แต่น้อย...
             -------------------------------------------
     อย่างไรก็ตาม...แม้จะมีข่าวการปะทะ การบุกรุกเข้าไปในรัฐสภา การปาระเบิดเพลิงใส่ร้านค้า ธนาคาร ฯลฯ จนผู้คนบาดเจ็บ ล้มตาย กันไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่มีข่าวว่านายกรัฐมนตรี ปาปันเดรอู คิดจะออก โรดแม็พ ใดๆ มาช่วยหยุดยั้ง ผ่อนคลาย สถานการณ์เอาเลยแม้แต่น้อย แนวโน้มของการประท้วง การก่อจลาจลในประเทศกรีซ จึงไม่อาจคาดคะเนได้ว่า จะมีมุมจบออกมาในทางแฮปปี้เอนดิ้งแบบบ้านเราหรือไม่? แต่ที่แน่ๆ ก็คือว่า...ไม่ว่าจะจบกันแบบไหน? อย่างไร? โอกาสที่รัฐบาลกรีซจะหาทางหลีกเลี่ยงไปจากการประพฤติ ปฏิบัติ ตามเงื่อนไขของไอเอ็มเอฟและสหภาพยุโรป ที่ยอมควักเอาเงินก้อนใหญ่ จำนวนนับเป็นแสนล้านยูโร มาช่วยกอบกู้สถานะทางเศรษฐกิจของประเทศกรีซในช่วงระยะนี้นั้น...น่าจะยากซ์ซ์เต็มที!!!....
           -----------------------------------------------
     เพราะว่าไปแล้ว ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศกรีซในทุกวันนี้...มันไม่ได้เป็นปัญหาแต่เฉพาะตัวของประเทศกรีซเพียงลำพังเท่านั้น แต่มันเป็นปัญหาที่เชื่อมโยง บูรณาการ ไปถึงประเทศต่างๆ แทบจะทั่วทั้งสหภาพยุโรปด้วยกันทั้งหมด ดังเห็นได้จากคำอธิบายของนาง แองเกลา แมร์เคิล ผู้นำเยอรมัน ซึ่งได้แถลงต่อรัฐสภาเยอรมนีไปเมื่อวานนี้ว่า...ชะตากรรมของสหภาพยุโรปกำลังตกอยู่ในความเสี่ยงสูง  จากภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจที่ร้ายแรงที่สุดเท่าที่เคยเป็นมาในช่วง 11 ปี ของการร่วมสถาปนาเงินยูโรขึ้นมาใช้กัน นอกจากนั้นประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศในกลุ่มยูโรโซน อาจได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาวิกฤติศรัทธาที่มีต่อสถานะการคลังของรัฐบาล อย่างเช่นที่ประเทศกรีซกำลังประสบอยู่ในทุกวันนี้...
            ---------------------------------------------
     ไม่ต่างไปจากนาย โดมินิก สเตราส์ คาห์น กรรมการผู้จัดการใหญ่ไอเอ็มเอฟ ที่ได้ให้ความเห็นกับหนังสือพิมพ์ฝรั่งเศสฉบับหนึ่งเอาไว้ว่า...มีความเป็นไปได้ หรือมีความเสี่ยงสูงเอามากๆ ที่วิกฤติเศรษฐกิจในประเทศกรีซ จะลุกลามไปยังประเทศอื่นๆ ในกลุ่มยูโรโซน ยกเว้นแต่เฉพาะฝรั่งเศส  และเยอรมัน แน่นอนว่า...ภายใต้สภาพเช่นนี้การควบคุม ป้องกัน ไม่ให้ ไฟกรีก ลุกลามไปทั่วทั้งยุโรป ก็มีแต่จะต้องหันมารัดเข็มขัดรัฐบาลกรีซ ชนิดให้เอวคอด เอวกิ่ว ไปพร้อมๆ กับการกดดันให้รัฐบาลหาทางเพิ่มรายได้ให้เร็วๆ เข้าไว้ จะด้วยวิธีรีดเลือดชาวกรีซมาใช้ดับไฟแทนน้ำ หรือจะด้วยวิธีหันไปบวงสรวงเทพเจ้าชาวกรีก ก็แล้วแต่จะคิดหาทางออกกันเอาเอง...
         --------------------------------------------------
     ท่ามกลางสภาพความเป็นไปเช่นนี้...จึงพอเป็นที่เข้าใจได้ว่า เหตุใดผู้ที่แห่ออกมาประท้วง ต่อต้านรัฐบาล ถึงต้องโอดครวญเอาไว้อย่างน่าสงสาร น่าเวทนาเป็นอย่างยิ่ง ด้วยคำพูดที่ว่า  ประชาชนชาวกรีซ...กำลังถูกรัฐบาลนำไปบูชายัญ และต่างแสดงออกถึงความรู้สึกไปในทิศทางเดียวกันว่า ผู้ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากความช่วยเหลือของสหภาพยุโรปและไอเอ็มเอฟ อย่างเป็นเนื้อเป็นหนัง อันที่จริงแล้ว...ก็คือบรรดาธนาคารพาณิชย์รายต่างๆ ในยุโรป ซึ่งกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาหนี้เน่า รวมทั้งพวกคนรวย คนโกงภาษี ตลอดไปจนถึงนักการเมืองทุจริต ไม่ว่าจะเป็นประเภทที่หลบหนีคดีไปแล้ว หรือยังไม่ถูกดำเนินคดีก็ตาม ที่ต่างก็ไม่ต้องแบกรับผลกระทบจากมาตรการของรัฐบาล เท่ากับคนธรรมดาสามัญ ข้าราชการ และมนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย แต่ก็ยังโชคดี...ที่ไม่มีชาวกรีซรายใดดันไปคิดว่าตัวเองเป็น ไพร่ การลุกขึ้นมาต่อต้าน อำมาตย์ แห่งประเทศกรีซคราวนี้ จึงเป็นเพียงแค่การแสดงความไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล ไม่ได้ไปไกลถึงขั้นคิดจะ ล้มปืน-ล้มทุน-ล้มเจ้า อย่างเช่น ประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของเราเอาเลยแม้แต่น้อย...
           ----------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก นิรนาม...สิ่งใดที่ยังแก้ไขไม่ได้....สิ่งนั้นต้องอดทน[/b][/size]

http://www.thaipost.net/news/070510/21860
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1897 เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2553, 10:04:52 »

เพิ่มเติมจากกระทู้ข้างบน

ยังมีประเทศใกล้เคียงกับกรีซอีก 2 ประเทศครับที่ฐานะทางเศรษฐกิจย่ำแย่พอๆ กับกรีซ และหากเป็นเช่นนั้นจริง จะเกิด "วิกฤติเศรษฐกิจของโลก" ขึ้นอย่างแน่นอน


2 ประเทศนั้นคือ โปรตุเกส และ สเปน!! ??  งง งง
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1898 เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2553, 11:02:39 »

มีข้อเสนอจากขาประจำ ให้แกนนำเสื้อแดง ทำก่อนจะสายเกินแก้

ความคิดเห็นที่ 155

ล่มค่อนข้างแน่ครับ
หลังจากฟังนายก กับแกนนำ พธม ที่ไปคุยกันมา

เพราะนายกก็ Super Perfectionist

อีกฝั่ง ก็เป็น Sub Terrorist

พธม ก็ Supreme Patriot

ไม่มีใครยอมใครแน่ ๆ

...............

1 ในผู้ช่วยให้การเจรจาล่ม คือ ใคร?

...............................

บท ความนี้เป็นการมองทางออกของจิ๊กซอที่สำคัญอันหนึ่ง ของการเจรจาซึ่งจะ มี แนวโน้มให้การเจรจาล่ม

........................

7 ทางลง ของแพะบ้าตัวใหญ่

ที่วันนี้ 6 พค. 53 ประกาศไม่ยอมรับการเจรจาของเสื้อแดง กับรัฐบาล ไม่ยอมสลายม็อบ เพราะคงรู้ตัวแล้ว คำว่าแพะบูชายัญแปลว่าอะไร

.

ถ้าเจรจาได้ ผล คนแรกที่จะเป็นหมาหัวเน่า คือ เศษแดง เพราะแกนนำเสื้อแดง นั้นกลัวข้อหารก่อการร้ายมาก
จึง มี ความ จำ เป็น ต้อง ถีบ หัว เศษ แดง ส่ง แทบ จะ ใน ทัน ที

เพราะ เป็นแกนนำเสื้อดำ โรนิน ที่ก่อการรร้าย ใช้อาวุธ
ฆ่าทหาร ยิง พธม ก่อวินาศกรรมนับครั้งไม่ถ้วน
ซึ่ง รัฐ บาล ไม่ สา มารถ ยก เว้น การ ทำ คดี เศษ แดง นี้ ได้

ไม่ว่าการเจรจาจะ เกิดหรือไม่ สำเร็จหรือไม่
ทางลงของ คน ๆ นี้ ไม่มีทางลงแบบฟูกแล้ว
มี แต่ นรกมาก กับ นรกน้อย เท่านั้นเอง

บทความนี้ เป็นการชี้ทางสว่างให้ เศษแดง
ว่าหลังจากนี้ อย่ากระพริบตา
และ ตั้งสติมั่น ๆ คิดถึง พระรัตนตรัย ให้ดี
ตัดสินใจถูก ก็รอดนาน ครอบครัวก็ไม่เสียชื่ิอเสียง
แถมได้เป็นฝั่ง พระเอก ตอนจบเอก

ทาง ลงมี 7 ทาง

....................

1. เศษแดง หาทางหนีได้แล้ว ก่อนจะสาย

เพราะมีทางหนีทัน และไม่โดนคดีอะไรเลย
แต่อาจจะยาก แล้ว เพราะรัฐบาลประกบทุกลมหายใจ
คือถ้าหลุด ก็มีเหตุผลเดียว คือ คนประกบเป็นไส้ศึกซะเอง

ถ้าหนีทัน ม็อบแดงจะอ่อนปวดกเปียก
ต้อง ยอมแพ้โดบไม่มีเงื่อนไข

2. ในกรณี ถ้าหนีไม่ทัน โดนจับ แกนนำซวยทุกคน
เศษแดงก็แล้วแต่จะเลือก ถ้าเลือกซัดทอด
ตัวเองก็จะคดี เบาลง เพราะให้ความร่วมมือ คนอื่นคดีหนัก

ถ้าไม่ซัดทอด ก็ตัวเองหนักถึงประหารเดี่ญว คนอื่นต้องรอต่อ

3. แกนนำ สามเกลอ น่าจะทำพิธีส่งมอบเศษแดงมาเป็นแพะ

เพื่อขอเจรจาไม่ยุงเกียวด้วยกับ สิ่งที่เศษแดงทำ
ที่ว่า รัฐบาลบอกว่าเป็นการก่อการร้าย
สรุปว่าหัก หลังว่างั้นเถอะ อันนี้เศษแดงรับเละ อาจถึงประหาร
แต่แม้วก็วาง ตำแหน่งเศษแดงเอาไว้เป็นแพะบูชาตั้งแต่ต้น

จริงไหม สามเกลอ ? อันนี้เศษแดงต้องสืบเอาเอง

4. หรือไม่ก็ เศษแดงก็ป่วนให้สองฝั่งทะเลาะกันต่อ

โดยการก่อวินาศกรรมต่อเนื่อง เพื่อปั่นหัวเสื้อแดงกับรัฐบาล
ระแวงอยู่ และเจรจาล่ม
กรณีนี้ เศษแดงยังมีอำนาจครึ่งนึงในม็อบ
และ ยังมีงานเพื่อดูดเงินจากพจมานต่อได้เรื่อย ๆ
อันนี้ ถ้าเศษแดงต้องแย่งมวลชนจาก สามเกลอมา
แล้วเปลี่ยนแนวเลย ไปเล่นใต้ดินหนัก ๆ
อันนี้อาจจะยาก ได้แค่บางส่วน

5. เศษแดงขอมอบตัว ขอกันไว้เป็นพยาน

ซัดทอดให้หมด แม้ว จิ๋ว สามเกลอ 9ล9
ก่อนที่จะโดนให้เป็นแพะบูขายัญประจำสงกรานต์
คดีจะเบาสุด เพราะอ้างได้ว่า ไปเป็นสปายแต่แรก

ข้อมูลที่ได้ จะล้มทุกขบวนการหมดจด
ข้อนี้ดีที่สุดสำหรับประเทศไทย

เพราะ นายกไม่ต้องเจรจา สามารถถอนรากถอนโคน
ต่อเนื่องได้ โดยเสื้อแดงไม่สารถมาม็อบได้อีก
และ นายกอยู่ครบเทอม ไม่ต้องง้อกลุ่มเนวินด้วย

6. สุดท้าย พจมาน บิ๊กจิ๋วสั่งเก็บเลย แล้วอาจจะโบ้ยรัฐบาล
หรือ ทหาร หรือมือที่สาม ก็ว่ากันไป

เพื่อ ป้องกันการโดนจับ และคายข้อมูลแรง ๆ
ที่แม้สามเกลอ ยังไม่มีสิทธิ์รู้

อัน นี้เป็นจุดตาย ของตระกูลชินวัตร และญาติทั้งหมด
รวมทั้งทหารแตงโม ตำรวจมะเขือเผาด้วย
เพราะ ถ้าคายข้อมูลได้ มีหวังประหาร 7 ชัวโคตร
ประมาณ 100 กว่านามสกุล

7. ในกรณี ซวยหนักตัดสินใจช้ามาก คือเลือกไม่ทัน
รัฐบาล มีพยาน หลักฐานมากพอ จะเอาเรื่องแกนนำเสื้อแดง และครอบครัวแม้วแล้ว

รัฐบาล ทหารทั้ง 2 ฝั่งก็อาจจะพิจารณา
ไม่จำเป็นต้องจับเป็นแล้ว

ทหาร แตงโม ก็ไม่อยากเก็บไว้โดนซัดทอด
ทหารในราชการและยังอยู่ในต่ำแหน่งหลาย คน
ก็มีอะไรลับ ๆ ให้เศษแดงคายข้อมูลด้วย

นักธุรกิจ ทั้ง 2 ฝั่งก็อาจจะมีการลงขันซะหน่อย
ไม่กี่แสน เศษแดงอาจจะลาโลก แบบไม่รู้ตัว่า
สมองตัวเองปลิว ออกมาให้ตาเห็นได้เลย

.......................

หวัง ว่า ญาติ ๆ เศษแดง คงได้อ่าน
แล้วส่งบทความไปเตือนให้คิดบ้าง

สัจจะ ไม่มีในหมู่โจร เศษแดงจะวางใจใครได้บ้าง

ดูเมธี ดูเสื้อดำทุกคนที่โดนจับ คายข้อมูลหมดเลย

ปัญหา คือ เศษแดง

มี โอกาสได้เลือก หรือไม่

เลือกทันหรือไม่

เลือกเป็นหรือไม่

เลือก ถูกหรือไม่

แค่นั้นเอง

ชะตา นายทหาร คนนี้

ขมวดปม ยิ่ง นัก

ดูซิว่า

แพะ ตัว ใหญ่ ที่ สุด ใน ประ วัติ ศาสตร์ ไทย

จะ ไหว ตัว ทัน หรือ ไม่

ทุกคน โปรดอย่ากระพริบ ตา

................

ปล. โดยส่วนตัวหวังว่า เศษแดงนั้น จะลงเอยด้วยข้อ 5 หรือ 7

เพราะ ม็อบแดงจะแพ้ทั้ง สองข้อ

.
DrKon

http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9530000062753&#Opinion
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1899 เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2553, 11:04:53 »

ข่าวล่า แต่ยังไม่มีการยืนยัน

เสนอคำสั่งปลด “เสธ.แดง” พ้นราชการ!
6 พฤษภาคม 2553 23:34 น.

 
       แหล่งข่าวระดับสูงกองทัพบก เผยกองทัพเสนอคำสั่งปลด “เสธ.แดง”  พ้นราชการแล้ว  ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนดำเนินการ รอนายกฯ เซ็นคำสั่งปลดอย่างเป็นทางการ
       
       วันนี้ (6 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวนายทหารระดับสูงของกองทัพบกว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เสนอคำสั่งปลด พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ออกจากราชการแล้ว โดยหนังสือดังกล่าวได้เสนอถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ได้เซ็นคำสั่งเห็นชอบกับคำสั่งปลด พล.ต.ขัตติยะแล้ว โดยคำสั่งปลดออกจากราชการได้ดำเนินการมาระหว่างสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ
       
       สำหรับ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ขณะนี้ยังเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ออกหมายจับตามความผิดฝ่าฝืน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และกระทำความผิดในข้อหาก่อการร้าย และจะต้องไปแสดงตัวต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษในวันที่ 15 พ.ค.นี้ ทั้งนี้ ที่ผ่านมายังเคยถูกจับตาจากสังคมในเรื่องความไม่เหมาะสมในการร่วมขบวนทางการเมืองกับกลุ่มคนเสื้อแดง และอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีการก่อการร้าย อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าเว็บไซต์ www.sae-dang.com ขณะนี้ได้ถูกปิดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
       
       ทั้งนี้ ที่ผ่านมา พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ยังเคยถูก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ตั้งกรรมการสอบสั่งการให้ดำเนินการสอบสวนทางวินัย และทางอาญาทหาร ในกรณีที่คำสัมภาษณ์สร้างผลกระทบกับผู้ฟัง ทำให้สังคมเกิดความตกใจและวิตกกังวล เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ รวมทั้งกองทัพบกได้รับผลกระทบเรื่องภาพลักษณ์ ซึ่งอาจเข้าข่ายการกระทำผิด ตามมาตรา 41 ของประมวลกฎหมายอาญาทหาร ระบุไว้ว่า ผู้ใดเป็นทหาร และมันบังอาจแสดงความอาฆาตมาดร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะทำร้าย มีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินกว่า 3 ปี นอกจากนี้ยังเคยถูกตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนกรณีได้ฝึกนักรบพระเจ้าตาก ซึ่งต่อมายังเป็นผู้ต้องสงสัยว่ามีส่วนกับการยิงอาวุธถล่มห้องทำงานของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อีกด้วย

 
 
 
จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9530000062753
 
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 74 75 [76] 77 78 ... 131   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><