23 พฤษภาคม 2567, 13:19:26
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 78 79 [80] 81 82 ... 131   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: [2513] "ซำบายดีพี่แอ๊ะ ๑๓"  (อ่าน 722577 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1975 เมื่อ: 11 พฤษภาคม 2553, 21:04:10 »

ผมก็ไม่เห็นด้วยครับ กับการที่ข้าราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI ยืนรอต้อนรับ "เทพเทือก" นั่งรถหุ้มเกราะ Land Rover ไปมอบตัวกรณีออกคำสั่งสลายม๊อบเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 เพราะใครๆก็ไม่มั่นใจว่าจะเกิดความยุติธรรมขึ้นได้

วันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 เวลา 15:27:16 น.  มติชนออนไลน์


"เฉลิม"เป็นงงข้าราชการดีเอสไอ ตั้งแถวรอต้อนรับ"สุเทพ"เตือนอธิบดีระวังเจอคุก


ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายสุเทพ  เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงเดินทางไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในคดีสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เมษายน ว่า ตนประหลาดใจที่ข้าราชการของดีเอสไอ โดยเฉพาะอธิบดีดีเอสไอ ที่มาเข้าแถวรอต้อนรับ นายสุเทพ ไม่ทราบว่านายสุเทพ ไปดีเอสไอในฐานะอะไร ระหว่างรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ผู้อำนวยการศอฉ. หรือในฐานะผู้ต้องหา ซึ่งหากไปในฐานะผู้ต้องการอธิบดีดีเอสไอและข้าราชการจะต้องตั้งแถวเพื่อต้อนรับผู้ต้องหาทุกคนเลยหรือไม่ อย่างไรก็ตามขอเตือนไปยังอธิบดีดีเอสไอให้ระวังดี ที่ไปนั่งแถลงสำนวน เพราะสำนวนการสอบสวนนั้นถือเป็นความลับของทางราชการ ไม่สามารถนำมาเปิดเผยได้และสำนวนที่ทำนั้นดีเอสไอไม่ได้เป็นคนทำสำนวนแต่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดังนั้นหากมีการเปลี่ยนรัฐบาลระวังว่าอธิบดีดีเอสไอจะต้องเข้าคุกเป็นเบอร์หนึ่ง

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1273566619&grpid=01&catid=
      บันทึกการเข้า
ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #1976 เมื่อ: 11 พฤษภาคม 2553, 21:54:45 »

ชีวิตนี้มีอารายที่มีค่าในชีวิตบ้างนะสำหรับคนขี้โกง
      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #1977 เมื่อ: 11 พฤษภาคม 2553, 22:26:50 »

อ้างถึง
ข้อความของ ตุ๋ย 22 เมื่อ 11 พฤษภาคม 2553, 21:54:45
ชีวิตนี้มีอารายที่มีค่าในชีวิตบ้างนะสำหรับคนขี้โกง

.. เงิน อำนาจ ..
      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #1978 เมื่อ: 12 พฤษภาคม 2553, 03:10:15 »

      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
อ้อย 14
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,055

« ตอบ #1979 เมื่อ: 12 พฤษภาคม 2553, 09:33:00 »

emo29:P:อย่าว่างั้นว่างี้เลย  เอารูปน้องปอย ดูแก้เซ็ง ไปก่อนนะ พี่น้อง... gek



      บันทึกการเข้า
opas
Hero Cmadong Member
***


โอภาส 3211 สิง1207 1212 2813
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2534
คณะ: Architecture
กระทู้: 1,754

« ตอบ #1980 เมื่อ: 12 พฤษภาคม 2553, 10:15:12 »

 หึหึ หึหึ หึหึ
      บันทึกการเข้า

ฉันคิดไปเป็นชาวเกาะ...มีชีวิตกลางแดดและคลื่นลม
จะจูบอำลาสังคม........แสงสีในเมืองนภา
เบื่อชีวิตในเมือ.ง........งึม งำ  งึม งำ........................
.........................ตามฉันมาเป็นชาวเกาะเอย ย  ย   ย
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1981 เมื่อ: 12 พฤษภาคม 2553, 12:38:13 »

พี่อ้อยครับ

ปอย-ตรีชฎา เป็นอดีตมิสทิฟฟานี่หลายปีแล้ว ขอเป็นภาพน้องแจ๊ส มิสทิฟฟานี่ คนปัจจุบันครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1982 เมื่อ: 12 พฤษภาคม 2553, 12:40:28 »

จะปล่อยไพร่แดงกลับบ้านได้อย่างไร เพราะ ทักษิณ ยังไม่ได้อะไรเลย
12 พฤษภาคม 2553 00:28 น.

 
       อาการ ยึกๆยักๆ ชักเข้าชักออก ของบรรดาแกนนำคนไพร่แดงในขณะนี้ ต่างคนต่างพูดไปคนละทิศละทางในเรื่อง การสลายการชุมนุม ของมวลชนคนไพร่แดง ที่สี่แยกราชประสงค์ จนสร้างความสับสนไปหมดว่า พวกเขาจะเอาอย่างไรกันแน่ ด้านหนึ่งเป็นเพราะ นิสัยสัปปลับ ตลบตะแลง วันนี้พูดอย่าง พรุ่งนี้เปลี่ยนไปอีกอย่าง โกหกหน้าตาเฉย เหมือนนายใหญ่ของพวกเขาแล้ว
       
       แต่ที่ไม่อาจมองข้ามไปได้เลยคือ แท้จริงแล้ว พวกเขาไม่ได้มีเจตนาที่จะสลายการชุมนุม ปล่อยให้พวกไพร่แดงที่ถูกจับเป็นตัวประกันกลางสี่แยกราชประสงค์ ให้กลับบ้านไปทำไร่ไถนาแต่อย่างใด คำพูดที่เปลี่ยนไปทุกวัน วันละหลายเวลาว่า จะยุติการชุมนุม หากรัฐบาลทำตามเงื่อนไข จะเข้ามอบตัววันนั้นวันนี้ เป็นเพียงการตบตา สร้างภาพหลอกสังคมว่า พร้อมจะเข้าร่วมแผนการปรองดอง ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยื่นเป็นทางลงให้เท่านั้น
       
       ข่าวความแตกแยกของแกนนำ ระหว่างพวกฮาร์ดคอร์ กับสามเกลอหัวขวด เป็นเพียงเกมลวงเท่านั้น ก่อนหน้าการชุมนุมวันที่ 12 มีนาคม นายจตุพร พรหมพันธุ์ ก็เคยเปิดศึกกับเสธ แดง กับพลเอกพัลลภ ปิ่นมณี อย่างเดือดมาแล้ว เพื่อสร้างภาพว่าไม่เกี่ยวกัน แต่แท้จริงแล้ว เป็นพวกเดียวกัน เพียงแต่เป็นไพ่ต่างใบในมือของ นช. ทักษิณ ชินวัตรเท่านั้น
       
       จะเลิกการชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์ ตามที่รับปากกับสังคมไว้ได้อย่างไร ในเมื่อยังไม่บรรลุเป้าหมายอะไรเลยสักอย่าง
       
       ไม่ใช่เป้าหมายของแกนนำ หรือของพวกไพร่แดงที่มาชุมนุม แต่เป็นเป้าหมายของ นช. ทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงอำนาจทางการเมืองทันที ไม่ใช่ให้รอถึงวันที่ 14 พฤศจิกายน ที่นายอภิสิทธิ์ กำหนดเป็นวันเลือกตั้ง ตามแผนปรองดองแห่งชาติของเขา

       
       อย่าลืมว่า การชุมนุมของคนไพร่แดง ที่เริ่มต้นที่สี่แยกผ่านฟ้า ถนนราชดำเนิน และมาปักหลักที่สี่แยกราชประสงค์ หลังจากแผนการใช้ความรุนแรงเพื่อล้มรัฐบาลเมื่อคืนวันที่ 10 เมษายน ไม่เป็นผล นั้น ไม่ใช่การชุมนุมเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย ไม่ใช่การชุมนุมของประชาชนที่ถูกกดขี่ ได้รับความไม่เป็นธรรม ได้รับการปฏิบัติต่ออย่างสองมาตรฐาน แต่เป็นการชุมนุม เพื่อให้นช.ทักษิณ กลับมามีอำนาจอีกครั้ง ภายใต้แนวทาง โค่นอำมาตย์ พลิกฟ้า คว่ำแผ่นดิน สถาปนารัฐไทยใหม่
       
       นับจากการชุมนุมที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 12 มีนาคม มาจนถึงวันนี้ ยุทธวิธีหลายรูปแบบ ถูกงัดมาใช้ แบบแยกกันเดิน รวมกันตี ทั้งบนดิน และใต้ดิน ทั้งการชุมนุม และการก่อวินาศกรรม ปาระเบิดใส่สถานที่ต่างๆ มี การเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ยุบสภาทันที เมื่อไม่เป็นผลก็ใช้ความรุนแรง โดยการใช้กองกำลังผู้ก่อการร้ายแฝงตัวเข้าไปในที่ชุมนุม ยิงใส่ทหาร และไพร่แดงด้วยกัน เมื่อคืนวันที่ 10 เมษายน ด้วยความเชื่อว่า เมื่อมีคนตาย มีคนเจ็บ รัฐบาลจะอยู่ไม่ได้ ต้องลาออก พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ออกมาจาบจ้วงสถาบัน ดึงสถาบันให้ลงมาเกี่ยวข้องกับการเมือง โดยขู่ว่า หากพระองค์ไม่มีพระมหากรุณาธิคุณ จะมีการเข่นฆ่ากันกลางเมือง หวังจะให้พฤษภาโมเดล เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เพื่อปูทางไปสู่การตั้งรัฐบาลแห่งชาติ
       
       พร้อมกันนั้น ก็เกลี้ยกล่อม กดดัน ให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคชาติไทยพัฒนา เมื่อไม่ยอม ก็มีการปาระเบิดใส่บ้านนายบรรหาร ศิลปะอาชา ถึงสองรอบ
       
       ทำทุกอย่างแล้ว ก็ไม่เป็นผล ไม่สามารถเปลี่ยนอำนาจทางการเมืองได้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป พรรคร่วมรัฐบาลยังจับมือกันเหนียวแน่น ตรงกันข้ามกับ การชุมนุมของไพร่แดง ที่จับเศรษฐกิจไทยเป็นตัวประกันที่สี่แยกราชประสงค์ ที่อ่อนล้า ขาดความชอบธรรม เป็นที่เกลียดชังของประชาชนมากขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังการบุกตรวจค้นโรงพยาบาลจุฬา
       
       การเสนอแผนปรองดองแห่งชาติของนายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ ที่ยอมยุบสภาก่อนกำหนดที่วางไว้ตอนแรก โดยกำหนดให้มีการเลือกตั้งวันที่ 14 พฤศจิกายนนั้น นับเป็นการประนีประนอม เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียเลือดเนื้อ ซึ่งอาจลุกลามกลายเป็นสงครามกลางเมือง ซึ่งนอกจากจะทำให้ตัวเขาอยู่ไม่ได้แล้ว ยังจะถูกใช้เป็นเงื่อนไขในการเข้ามากุมอำนาจของ นช. ทักษิณด้วย
       
       แต่เงื่อนไขการเลือกตั้งวันที่ 14 พฤศจิกายน แลกกับการยุติการชุมนุม ก็ถูกปฏิเสธจากแกนนำไพร่แดง พวกเขาอาจจะกลัวว่า จะโดนดำเนินคดี หลายคนอาจจะถูกเก็บ เพราะบาปกรรมที่ทำไว้กับทหาร แต่เหตุผลสำคัญคือ นช. ทักษิณ ไม่ให้เลิก เพราะยังไม่ได้สิ่งที่ต้องการเลย คือ การเปลี่ยนอำนาจทางการเมืองในทันที นายอภิสิทธิ์ ต้องลาออกไป เพื่อให้เกมแห่งอำนาจขยับ เขาจะได้มีโอกาสสอดแทรก เดินหมากของตัวเองได้
       
       ก่อนหน้าจะเกิดการสังหารทหาร และไพร่แดง เพื่อให้เป็นชนวนในการล้มรัฐบาล ในวันที่ 10 เมษายน นช. ทักษิณ ไม่โฟนอิน วิดิโอลิงค์ เข้ามาในที่ชุมนุมเลย แม้กระทั่ง ทวิตเตอร์เข้ามา เพราะต้องการสร้างภาพว่าตัวเอง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้ความรุนแรง แต่เมื่อการชุมนุมที่สีแยกราชประสงค์ แผ่วลงเรื่อยๆ พร้อมกับ กระแสข่าว การเจรจาในทางลับระหว่างแกนนำผู้ชุมนุม กับตัวแทนรัฐบาล และบุคคลที่อาสาเป็นตัวกลาง เขาก็เริ่มโฟนอิน เริ่มทวิตเตอร์เข้ามา เป็นการส่งสัญญาณว่า เขายังอยู่ และยังเป็นผู้กำหนดเกมว่า จะให้แกนนำไพร่แดงเดินไปทางไหน
       
       ถึงนาทีนี้ เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ข้อเรียกร้องของ นช. ทักษิณ คืออะไร ทั้งจากการบอกเล่าของ นายอภิสิทธิ์ที่บอกกับตัวแทนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และจากการให้ข่าวของ พ.ต.ท. กุลธน ประจวบเหมาะ เบื้องต้น นช. ทักษิณ อยากได้เงินคืน นช. ทักษิณ ไม่ยอมติดคุก แต่เบื้องลึก เขาคงต้องการมากกว่านี้
       
       นช. ทักษิณ ไม่ได้อะไรสักอย่างเดียวจาก แผนปรองดองแห่งชาติ ของนายอภิสิทธิ์ และการกำหนดวันเลือกตั้งวันที่ 14 พฤศจิกายน ที่บอกว่า เลือกตั้งเมื่อไร พรรคเพื่อไทย ชนะถล่มทลายเมื่อนั้น กว่าจะถึงวันที่ 14 พฤศจิกายน พรรคเพื่อไทย จะเหลือ สส อยู่กี่คนก็ยังไม่รู้
       
       ดังนั้น แกนนำไพร่แดง จะปล่อยให้ไพร่แดง กลับบ้านไปทำไร่ไถนา ไม่ได้ พวกเขาจะต้องอยู่ต่อไป เพื่อเป็นตัวประกัน และเป็นเหยื่อ ที่จะล่อหรือกดดันให้รัฐบาลเข้ามาสลายการชุมนุม
       
       นช. ทักษิณ อยากเล่มเกม 10 เมษายนอีกครั้งหนึ่ง เพราะถ้าการชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์ยุติลง อย่างสงบ เขาจะไม่ได้อะไรเลย


 
 
 
จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9530000065132
 
      บันทึกการเข้า
mek
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2540
คณะ: Vet 61
กระทู้: 627

« ตอบ #1983 เมื่อ: 12 พฤษภาคม 2553, 12:51:19 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 12 พฤษภาคม 2553, 12:38:13
พี่อ้อยครับ

ปอย-ตรีชฎา เป็นอดีตมิสทิฟฟานี่หลายปีแล้ว ขอเป็นภาพน้องแจ๊ส มิสทิฟฟานี่ คนปัจจุบันครับ

ปัจจุบันล่าสุดหมาด ๆ น่าจะเป็น น้องมิค คนนี้นะครับ ส่วนน้องแจ๊สเป็นปี 2009 เห็นสัมภาษณ์ในทีวีแล้วโหสวยสุด ๆ เสียดายเสียงแมนไปนิด

อ้างอิงรูปภาพ : http://men.mthai.com/content/3527
      บันทึกการเข้า

เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1984 เมื่อ: 12 พฤษภาคม 2553, 12:54:10 »

บทบรรณาธิการ นสพ แนวหน้า ออนไลน์ วันพุธที่ 12 พฤษภาคม 2553

บทบรรณาธิการ 
 
สงครามที่ไม่ได้ประกาศ (บทบรรณาธิการ) 
 
 
 
 การชุมนุมของประชาชนคนเสื้อแดงในนามของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.ที่สี่แยกราชประสงค์ ซึ่งเป็นย่านธุรกิจสำคัญใจกลางนครหลวงกรุงเทพมหานคร ผ่านมาแล้วเป็นระยะเวลามากกว่า 6 สัปดาห์แล้วซึ่งได้สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก

 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรี ได้เสนอแผนโรดแมปรวม 5 ข้อเพื่อความปรองดองของคนในชาติให้คนเสื้อแดงหรือกลุ่ม นปช.ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนที่มาจากภาคอีสานพิจารณาตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา เดิมมีข่าวว่าคนเสื้อแดงแสดงท่าทีว่าจะยินยอมสลายการชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์โดยดีและไม่มีข้อต่อรองใดๆ

 แต่ล่าสุดเมื่อวันที่10พฤษภาคมที่ผ่านมามีข่าวออกมาว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรีและพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล นายทหารจากกองทัพบกผู้ถูกสั่งพักราชการได้ออกมาต่อต้านไม่ยอมให้คนเสื้อแดงสลายการชุมนุมโดยบุคคลทั้งคู่มีเป้าหมายต้องการให้เกิดการนองเลือดถ้าหากฝ่ายรัฐบาลสั่งเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจสลายการชุมนุม

 ซึ่งจะนำไปสู่การสงครามกลางเมืองในประเทศไทยระหว่างประชาชนที่ต่อต้านอดีตนายกรัฐมนตรีผู้หลบหนีคดีอาญากับประชาชนที่เป็นพวกที่จงรักภักดีต่ออดีตนายกรัฐมนตรีซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนภาคอีสานและคนในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน

 จากข้อเท็จจริงในขณะนี้ปรากฎว่าพวกคนเสื้อแดงมีการจัดตั้ง ร.ร.การเมืองของนปช. อยู่ทั่วประเทศมากกว่า 400 แห่ง ร.ร.เหล่านี้ทราบกันดีว่าเป็นแหล่งล้างสมองประชาชนในภาคเหนือและภาคอีสานที่มีการเคลื่อนไหวเชื่อมโยงกับสถานีวิทยุโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีแชนแนลและสถานีวิทยุชุมชน

 ถ้าหากมีประมวลเหตุการณ์ชุมนุมของ นปช.ที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคมเป็นต้นมามีเหตุการณ์ที่เกิดการรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนับเป็นสิบๆครั้งยังผลให้มีทหาร ตำรวจและประชาชนได้รับบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก

 ลักษณะการชุมนุมของ นปช.มีสถานการณ์ที่ต้องการปลุกระดมมวลชนให้คนไทยออกมาฆ่าฟันกันมากกว่าเป้าหมายอื่น รูปแบบของสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ขณะนี้อยู่ในลักษณะของสงครามที่ไม่ได้มีการประกาศระหว่างประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย

 สำหรับรัฐบาลนั้นถ้าหากฝ่าย นปช.ยังคงดื้อดึงและดื้อแพร่งไม่ยินยอมสลายการชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์และบริเวณใกล้เคียงแล้ว รัฐบาลก็ต้องตัดสินใจสั่งเจ้าหน้าที่ทารและตำรวจสลายการชุมนุมซึ่งถึงแม้จะมีประชาชนต้องได้รับบาดเจ็บล้มตายบ้าง ก็จะต้องทำเพื่อให้บ้านเมืองกลับคืนสู่สภาวะที่ปกติสุขต่อไป
 
วันที่ 12/5/2010
 
http://www.naewna.com/news.asp?ID=210709
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1985 เมื่อ: 12 พฤษภาคม 2553, 12:58:46 »

บทบรรณาธิการ นสพ ไทยโพสต์ ออนไลน์

ถึงเวลายกเลิกกฎหมายติดหนวด
บทบรรณาธิการ 12 พฤษภาคม 2553 - 00:00

     เป็นเวลากว่า 1 เดือนแล้วที่รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้ประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และก่อนหน้านั้นอีกเกือบ 1 เดือนที่ได้ประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551
     แต่ปัจจุบันความ "ศักดิ์สิทธิ์" ของกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ โดยเฉพาะ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเหลืออยู่หรือไม่ คำตอบที่ชัดแจ้งอย่างยิ่ง คือ แทบไม่มีเหลือหรอแม้ซักกะพีกเดียว
     ความล้มเหลวของการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว ลามไปถึงข้อสงสัยทั้งหลายของนักวิชาการและผู้คนในสังคมทั่วไปที่ตั้งคำถามมานานนม ตั้งแต่กลุ่มผู้ชุมนุมได้ยึดพื้นที่แยกผ่านฟ้าฯ ลามมาถึงสี่แยกราชประสงค์ในปัจจุบันว่า ตอนนี้ประเทศไทยกลายเป็น "รัฐล้มเหลว" แล้วหรือไม่
     คำตอบที่ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงก็คือ ใกล้เป็นรัฐที่ล้มเหลวอยู่รอมร่อ จึงไม่แปลกที่ "คนเสื้อแดง" สามารถแสดงความโอหัง ยึดตัวเองเป็นใหญ่ในแผ่นดินได้ โดยไม่ต้องแคร์หรือสนใจใครทั้งสิ้น
ให้ความเคารพและยึดมั่นถือมั่นเฉพาะคำสั่งจาก "นายเหนือ" ที่จะสั่งและบัญชาการจากต่างประ
เทศเท่านั้น
     ก็ขนาดเจ้าหน้าที่ตำรวจเจอะเจอผู้ต้องหาตามหมายจับที่ถูกออกหมายไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าใด ซึ่งๆ หน้ายังไม่สามารถจับหรือควบคุมตัวได้ และบางครั้งถึงขั้นพินอบพิเทาเสียด้วยซ้ำไป แล้วอย่างนี้จะให้เรียกว่าประเทศไทยเป็น "นิติรัฐ" ได้อย่างไรเล่า
     การไม่สามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาได้  โดยเฉพาะแกนนำคนเสื้อแดงอาจพอเข้าใจบรรดา "ตำรวจ-ทหารผักผลไม้" เหล่านี้ได้ เพราะเขาเหล่านั้นอยู่ในแวดล้อมของผู้ชุมนุมที่ถูกใช้เป็น "โล่มนุษย์" ปกป้องไว้ แต่ก็มีบางส่วนมิใช่เหรอที่ไม่ได้อยู่ หรือใช้ชีวิต 24 ชั่วโมงในสถานที่ชุมนุม แต่ทำไมไม่สามารถจับตัวได้
     นี่ยังไม่นับกรณี พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ซึ่งนายอภิสิทธิ์ประกาศอย่างชัดเจนถึงมูลฐานความผิดผ่านหน้าจอทีวีและสาธารณะหลายต่อหลายครั้ง แต่ เสธ.แดงก็ยังดูเหมือนเป็นปกติสุข ตั้งหน้าตั้งตาแสดงความกร่าง ความเหนืออำนาจรัฐ อย่างไม่ดูดำดูดีแม้แต่น้อย
     นอกเหนือจากการผรุสวาทด่ากราดผู้บังคับบัญชาตั้งแต่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก นายกรัฐมนตรีเป็นอาจิณ แต่ก็ยังไม่เห็นมีใคร หรือการดำเนินการใดๆ เกิดขึ้นให้ระคายเคืองแม้แต่ผิวหนัง เสธ.แดงเลย
     คำพูดของชาวบ้านที่มีมานานแสนนาน เรียกได้ว่าอาจกลายเป็นอมตะวาจาไปแล้ว ก็คือ "กฎหมายมีไว้ใช้กับคนจนและชาวบ้านที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่" เท่านั้น ก็ยิ่งสะท้อนความเป็นจริงมากยิ่ง
ขึ้น และยิ่งทำให้คำว่า "2 มาตรฐาน" มีรูปธรรมชัดเจน แล้วก็คำ "2 มาตรฐาน" ก็เป็นข้อเรียกร้องที่บรรดาคนเสื้อแดงพยายามขจัดให้หมดไปอยู่มิใช่เหรอ
     แต่ทำไมบรรดาเหล่าท่านปฏิบัติกันอยู่โดยใช้มวลชนคนหมู่มากกดดัน ไม่ยอมรับกฎ กติกาของบ้านของเมือง ทำตัวมีอภิสิทธิ์เหนือกฎหมาย หรือถ้าหากเป็นสิ่งที่คนเสื้อแดงทำจะไม่เรียกว่า 2 มาตรฐาน แต่เรียกว่า ความชอบธรรมหรือ!
     มิพักต้องพูดถึงเรื่องความปรองดอง หรือจะเรียกว่าซูเอี๋ย หรือเกี้ยเซี้ยก็ตามที เพราะดูเหมือนว่าคนเสื้อแดงจะเล่น "ละครลิง" เอาเถิดเอาล่อไปวันๆ เพราะนับตั้งแต่นายอภิสิทธิ์ได้เสนอ "โรดแม็พ" 5 ข้อ มาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว แกนนำคนเสื้อแดงทั้งจริงทั้งหลอกก็ได้แต่เออออห่อหมกเห็นดีเห็นงาม แต่สุดท้ายก็ยื่นข้อเสนอซื้อเวลาเป็นรายวันทิ้งเช่นกัน
     วันแรกๆ ก็ไพล่ไปเล่นเรื่องสิทธิการประกาศวันที่ 14 พ.ย.เป็นวันเลือกตั้งเป็นของนายกฯ หรือ ต่อมาก็ต้องการให้ประกาศวันยุบสภาผู้แทนราษฎรอย่างแน่นอน ต่อมาก็เรียกร้องหาคนรับผิดชอบเหตุการณ์ 10 เมษายน 2553 ต่อมาก็ต้องการให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกร้ฐมนตรี ต้องเข้ามอบตัวรับทราบข้อกล่าวหากับเจ้าหน้าที่ในฐานะผู้รับผิดชอบในเหตุการณ์ ต่อมาก็จะให้นายกรัฐมนตรีเข้ามอบตัวตาม ฯลฯ
     แล้วเมื่อไหร่จะสิ้นสุดข้อเรียกร้องของคนเสื้อแดงหรือ แต่ที่สำคัญทำไม "ผู้บริหารประเทศ" อย่างนายสุเทพก็ต้องเดินเกมตามข้อเรียกร้องของคนเหล่านี้ ซึ่งเจ้าตัวก็ประกาศครั้งแล้วครั้งเล่าว่าเป็น "ผู้ก่อการร้าย" หรือเพราะเป็นการหาบันไดทางลงให้คนเสื้อแดง ซึ่งหากสามารถปูพรมแดงกราบเท้าบรรดาแกนนำได้ ป่านนี้อาจมีใครบางคนทำแล้ว
     รัฐบาลและรัฐมนตรีในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์มักพูดเสมอๆ ว่า ประเทศไทยไม่ใช่ของคนเสื้อแดงฝ่ายเดียว แต่เหตุการณ์ที่แล้วมากลับแสดงออกอย่างชัดแจ้งว่า ประเทศไทยอยู่ภายใต้อุ้งมือของคนเสื้อแดงอย่างปฏิเสธไม่พ้น เพราะจะทำอะไรต่อมิอะไรก็ต้องรอคนเสื้อแดงผงกหัวเห็นหรือเอาด้วยเท่านั้น
     ในขณะที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ. ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ภาพสวยหรูดูดีมีราคา โดยเฉพาะการแถลงข่าวแต่ละทีของ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. แต่เมื่อถึงเวลาจริงกลับไม่มีอะไรงอกเงยออกมาเป็นดอกเป็นผลแม้แต่น้อย ผู้ชุมนุมนับวันไม่ได้ลดน้อยลง แต่บางครั้งกลับเพิ่มขึ้นเสียด้วยซ้ำ
     คำขู่หน้าจอรายวันของ ศอฉ.จึงเป็นเพียงละครบู๊แบบเล็กๆ อีกด้านหนึ่งของรัฐบาลที่ใช้เพื่อสร้างภาพการเอาจริงเอาจังต่อสาธารณะที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่กลับไม่มีอะไรจับต้องได้
     จึงไม่แปลกแต่อย่างใดว่า ทำไมจนถึงป่านนี้ที่การเรียกร้องจากบางส่วนบางฝ่ายต้องการให้ประกาศใช้ "กฎอัยการศึก" แต่รัฐบาลกลับเพิกเฉยไม่สนใจ ก็เพราะรัฐบาลก็สำนึกดีว่า ประกาศใช้แล้วก็ไม่มีความหมายอะไรเหมือนกับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ได้ประกาศใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน
     จะเรียกว่าเป็นกงเกวียนกำเกวียนอย่างไรก็ไม่ทราบได้ เพราะในยุคของนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ก็เคยประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ดังกล่าว แต่ก็ไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้เฉกเช่นเดียวกัน
     ก็ในเมื่อรัฐไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้อย่างจริงๆ จังๆ คงถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลต้องทบทวนการยกเลิกใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเสียที เพราะอย่างน้อยมันก็มีคุณูปการต่อสายตาชาวต่างประเทศที่ทำให้ใจชื้นขึ้นมาบ้าง และที่สำคัญยังตรงกับข้อเรียกร้องข้อหนึ่งของคนเสื้อแดงด้วยมิใช่หรือ
     เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวด้วยซ้ำไป เพราะหากยังดันทุรังประกาศใช้อยู่ แต่ไม่สามารถบังคับใช้ได้ ก็ยิ่งตอกย้ำความเป็นรัฐที่ล้มเหลวให้มากยิ่งขึ้น แล้วอย่างนั้นรัฐบาลโดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ จะหน้าด้าน หน้าทน อยู่บริหารประเทศภายใต้คำยืนยันว่า ประเทศไทยเป็นนิติรัฐอย่างไม่อายได้หรือ.

http://www.thaipost.net/news/120510/22086
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1986 เมื่อ: 12 พฤษภาคม 2553, 13:07:20 »

คอลัมม์ "คนปลายซอย" ของคุึณเปลว สีเงิน วิเคราะห์ว่า ใคร?? ควรจะไปซะที !! ??

แดงไม่ไป "อภิสิทธิ์-อนุพงษ์" ใครควรไป?
เปลว สีเงิน 12 พฤษภาคม 2553 - 00:00

      ผมได้รับกล่องกระดาษที่จัดทำประณีตจาก "ชมรมคนรักวัง" กล่องหนึ่ง วังในที่นี้คือ "พระราชวังพญาไท" ภายใน "โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ" ที่ไปเยี่ยมทหารบาดเจ็บกันมานั่นแหละ   หน้ากล่องมีข้อความว่า "ท่านเจ้าคุณนรฯ สอนอะไร?" เปิดดูก็พบ "พระผงเจ้าคุณนรรัตนฯ" พร้อมข้อความ "กตัญญูกตเวทีเป็นรากแก้วของคนดี" และกระดาษพิมพ์รูปท่านพร้อมธรรมวจนะ "ทำดี ดีกว่าขอพร ใครทำกรรมดี ผลของความดีก็คุ้มครองอยู่แล้ว สิ่งอื่นนั้นไม่ใช่เนื้อแท้ของพุทธศาสนา"...ธมฺมวิตกฺโก
      ผมห้อยเหรียญ "ท่านเจ้าคุณนรฯ" อยู่แล้ว เมื่อจู่ๆ ได้รับ "พระผงเจ้าคุณนรรัตนฯ" อีกตั้ง ๒ องค์ ก็ดีใจมาก พลิกดูเอกสารกำกับ ทราบว่า "ชมรมคนรักวัง" ได้นำมวลสารวัดเทพศิรินทราวาสที่ "สมเด็จพระญาณวโรดม" อดีตเจ้าอาวาสเก็บรวบรวมไว้กว่า ๕๐ ปีมาจัดพิมพ์ขึ้น
      มวลสารมีทั้งเกศา จีวร และผงของท่านเจ้าคุณนรฯ พร้อมด้วยเกศา จีวร ของอริยสงฆ์อีกหลายรูป เช่น "หลวงปู่อำพัน" เป็นต้น และพุทธาภิเษกตั้งแต่วันจันทร์ที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ พอดีปีนี้ "พระราชวังพญาไท" อันเป็นพระราชฐานที่ประทับถาวรของ "พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว" รัชกาลที่ ๖ ครบรอบ ๑๐๐ ปี
      ทาง "ชมรมคนรักวัง" ก็นำพระผงรูปเหมือนท่านเจ้าคุณนรฯ ออกเผยแพร่ เข้าใจว่าเจตนาเพื่อหาทุนสมทบ "มูลนิธิอนุรักษ์พระราชวังพญาไท" ที่กำลังคืนอดีตสู่ปัจจุบันด้วยการซ่อมแซมสู่ดังเดิม นอกจากเป็นการอนุรักษ์แล้ว ยังเพื่อการท่องเที่ยว และการศึกษาในรูปแบบพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ด้วย
      วันเสาร์ที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๓ นี้ จะมีการบำเพ็ญพระกุศล ณ พระที่นั่งพิมานจักรี พระราชวังพญาไท ในวาระครบ ๑๐๐ ปี แต่ผมเห็นว่าเป็นโอกาสดี เพราะปัจจุบันนี้ยากยิ่งที่จะได้ "พระผงรูปเหมือนท่านเจ้าคุณนรฯ" ไว้เป็นมงคลชีวิต เป็นเครื่องกระตุ้นเตือนจิตถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ
      ไม่มีการแจ้งรายละเอียดเพื่อการนี้ แต่คาดว่าหลายท่านสนใจจึงนำมาบอก ลองสอบถามไปที่ "ชมรมคนรักวัง" ภายในโรงพยาบาลพระมงกุฎฯ นั่นแหละ หรือโทร.เบอร์ ๐-๒๓๕๔-๗๗๓๒ และเบอร์ ๐-๒๒๕๔-๗๙๘๗ สอบถามดู จะมอบให้ หรือสำหรับสมนาคุณท่านที่สมทบทุนซ่อมแซมพระราชวัง ก็จะได้ทราบกัน
      "ท่านเจ้าคุณนรฯ" คืออดีตผู้ถวายการรับใช้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท "พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว" รัชกาลที่ ๖ เป็นทั้งองคมนตรี และที่ปรึกษาราชการในส่วนพระองค์ หลังจากล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ สวรรคตแล้ว ด้วยความจงรักภักดีสูงสุด ท่านเจ้าคุณนรฯ หยิบหญ้าแพรกมาเคี้ยว แล้วประกาศว่า
      "เมื่อสิ้นในหลวงแล้วจะไม่ง้อใคร กินหญ้าก็ไม่ตาย"
      จากนั้นท่านก็ไปบวชอยู่วัดเทพศิรินทราวาส คร่ำเคร่งปฏิบัติธรรมอยู่ ๔๕ พรรษา "อาจารย์ดวงใจ  ภรณวลัย" หมอดูไพ่ยิปซีที่ไม่มีใครเหมือน และไม่เหมือนใคร "๑ เดียวในประเทศไทย" เคยเล่าให้ฟังว่า  ตอนเด็กๆ แม่พาไปดักอยู่ข้างกุฏิ รอเวลาท่านออกจากกุฏิไปลงพระอุโบสถ คนเยอะแยะ รอกราบท่านอย่างเดียวเท่านั้น
      ท่านไม่ยุ่ง ไม่สุงสิง ไม่คละเคล้ากับหมู่ญาติโยมคนไหน วันๆ ปิดกุฏิบำเพ็ญสมณธรรม จะเปิดออกมาก็ตอนเดินไปลงโบสถ์ทำวัตรเช้า-เย็นเท่านั้น จนเป็นที่กล่าวขานในหมู่อริยสงฆ์ว่าท่านเป็น "พระอรหันต์ในเมืองกรุง" และมรณภาพเมื่อ ๘ ธ.ค.๑๔
      อาจารย์ดวงใจคุยอวดด้วยว่า "เป็นคนเดียวที่ท่านเจ้าคุณนรฯ กรอกน้ำมนต์ให้" จากนั้น พอโตขึ้นจะไปทำธุรกิจอาชีพอะไรก็ดูไม่ลงตัวซักอย่าง นอกจากนั่งพูด..พูด..พูด..อย่างเดียวทั้งวัน จนทุกวันนี้ งานคือ "การนั่งพูด" ทั้งวันเหมือนเดิม เพียงแต่จำกัดคน-จำกัดเวลาลงหน่อย เพราะจะ ๘๐ ปีแล้ว!  
      ก็พูดผ่านการ "เปิดไพ่" บอกลายแทงชีวิตนั่นแหละ!
      เอ้า..คุยแล้วก็ยาว เดี๋ยวจะไม่เหลือเนื้อที่ "คุยเรื่องเครียด" ประจำวัน ในที่สุดก็เป็นอย่างที่คนส่วนใหญ่คาดคือ แกนนำกบฏ "เบี้ยว" อีกตามเคย เปลี่ยนจาก "คนเลี้ยงควาย" ไปเป็น "เด็กเลี้ยงแกะ" แหม...ทำขึงขังเหมือนดาราใหญ่เข้าฉาก ประกาศเข้าสู่กระบวนการปรองดอง
      "สุเทพไปมอบตัววันไหน กลับบ้านวันนั้น"!
      สุเทพก็เชื่องและเชื่อง่ายดีเหลือเกิน อยากจะให้พวกเสื้อแดงเลิกชุมนุมกลับบ้านกันไปเสียที ขมีขมันไปรายงานตัวที่ DSI ตั้งแต่ผมยังไม่ตื่น แต่ลงท้ายพวกแกนนำกบฏแดงถลกตูดให้ ทำเฉไฉ อ้างอย่างโน้น-อย่างนี้ สรุปง่ายๆ ว่า...พวกข้าจะชุมนุม "ยึดราชประสงค์" อยู่ต่อโว้ย!
 "อย่าเอาใจวิญญูชนไปวัดใจโจร" มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ แถลงการณ์เป็นตุ-เป็นตะ ไม่เพียงรับรู้เฉพาะในเมืองไทย คนทั้งโลกที่ติดตามสถานการณ์เขาก็รู้ว่า "กบฏทักษิณประกาศยอมปรองดอง เลิกชุมนุมแล้ว"
      แต่พอเช้าวันรุ่งขึ้น จากราชสีห์สะบัดแผงคอเย็นวาน กลายเป็นหมาขี้เรื้อนสะบัดหางไปซะงั้น!?
      ฝ่ายรัฐบาลเขาไม่เสียหรอกนะ เพราะเขาอดทน อดกลั้นอยู่ในถังเกลือ พยายามใช้การประนีประนอมแทนการปราบปรามด้วยกำลังจนถูกด่า และถูกชมขรมไปหมดแล้ว แต่ฝ่ายกบฏนั่นแหละมีแต่เสีย จนถึงขั้นบูด-เน่าเหม็น
      โจรตระบัดสัตย์นั่นไม่แปลก แต่การทำเช่นนี้ ทำให้สิ่งที่คลุมเครือเด่นชัดในความจริงขึ้นว่า ที่แท้ เจตนาชุมนุมนั้น ไม่ใช่เรียกร้องประชาธิปไตย เพราะรัฐบาลสนองตอบให้แล้ว ตัวเองกลับเตะทิ้ง
      มันก็ "หางโผล่" ในเชิงตรรกะซีว่า ชุมนุมสันติ-อหิงสา กับพวกโจรก่อการร้าย...ที่แท้...มันก็พวกเดียว-กลุ่มเดียวกัน!
 เจตนากบฏบ้าน-กบฏเมือง หวัง "ล้มสถาบัน-เปลี่ยนระบอบ" ด้วยกัน!!
      ถึงวันนี้ด้วยการกระทำตัวเอง ฉากหน้าที่ฉาบทาว่า ชุมนุมสันติ-อหิงสา มาเรียกร้องประชาธิปไตย นั้น มันหลุดลอกเห็นลายแท้และดั้งเดิมแล้ว มันเป็นความเสียหายที่จะนำมาซึ่ง "ผลร้าย" กับตัวเองโดยตรง ชาวบ้านที่มาชุมนุมด้วยบริสุทธิ์ใจ จากที่คลางแคลงใจ ตอนนี้เชื่อเลยว่า
 "ถูกหลอกมาเป็นเครื่องมือโจรล้มชาติ-ล้มสถาบันจริงๆ"!
      แรกๆ ชาวโลกรู้ฉาบฉวยด้วย "เท็จเป็นจริง" จากฝ่ายแดงที่ปั้นแต่งขึ้นบ้าง จากบริษัทสื่อในต่างประเทศที่ทักษิณจ้าง "ปั้นความจริงเทียม" ออกเผยแพร่ผ่านสื่อทุกระบบบ้าง แต่เมื่อชาวโลกเห็นชัดๆ คาตา-คาหู จากภาพ-ข่าวเหตุการณ์สดๆ โม่งดำฆ่าทหารเมื่อคืนวันที่ ๑๐ เมษาก็ดี บึ้มสีลมฆ่าประชาชนก็ดี  ซุ่มยิงทหารที่วิภาวดีรังสิตก็ดี บุกโรงพยาบาลจุฬาฯ และสภากาชาดไทย จนต้องปิดโรงพยาบาล ย้ายคนไข้ก็ดี
      นี่มันการกระทำของขบวนการ "โจรก่อการร้าย ๑๐๐%"!
      แล้วตัวเองบอก "เลิกชุมนุม" เข้าสู่กระบวนการปรองดองตอนเย็น แต่พอรุ่งขึ้นเช้าบอก...ไม่เลิก แล้ว...ชุมนุมต่อ ก็เลยชัด เป็นที่สิ้นสงสัยด้วยประการทั้งปวงว่า....อหิงสากับมือฆ่า-มือปาระเบิดคือ "โจรก่อการร้าย" กลุ่มเดียวกัน
      เมื่อเป็น "โจรก่อการร้าย" ยึดชัยภูมิกลางกรุงตั้งค่าย-ตั้งแคมป์ปฏิบัติการ จึงไม่มีปัญหาอะไรที่ "ตำรวจ-ทหาร" จะใช้กำลังและอาวุธเข้าปราบปรามให้สิ้นซาก!
      แต่ที่ไม่มีการใช้อำนาจทางกฎหมายเข้าจัดการให้เด็ดขาด เขาพูดกันว่า
๑.ตำรวจ-ทหาร "บางส่วน" เป็นใจ
๒.สั่งแล้ว แต่บิ๊กกองทัพ-บิ๊กตำรวจไม่ขยับ-เขยื้อน
๓.ทั้งรัฐบาลและสังคมโลกไม่ต้องการให้ใช้ความรุนแรง
๔.สลายการชุมนุมเกรงชาวบ้านจะล้มตาย
๕.ตำรวจ-ทหารกลัวปะทะ เพราะเชื่อว่าในวงชุมนุมซุกซ่อนอาวุธร้ายแรงไว้เยอะ และ
๖.ขณะนี้รัฐบาลเป็น "รัฐบาลที่ล้มเหลว" เนื่องจาก "สูญเสียอำนาจบริหาร-สั่งการไปแล้ว"!?

      นี่คือสิ่งที่เขานินทากันอยู่ ฉะนั้น ตอนนี้ ฝ่ายกบฏ-ถือว่าเสียความชอบธรรมในการชุมนุมทั้งปวงแล้ว และฝ่ายรัฐบาล โดย ศอฉ.มีความชอบธรรม ๑๐๐% ในการปราบปรามโจรก่อการร้ายแล้ว
      เพื่อพิสูจน์และลบคำนินทา ข้อครหาทั้งปวง รัฐบาลโดย ศอฉ.มีเวลา "ช้าที่สุด" ถึงวันเสาร์ที่ ๑๕ พฤษภานี้เท่านั้น ที่จะ...
 - พิสูจน์ให้รู้ชัดว่า "รัฐบาลไม่ล้มเหลว ยังมีอำนาจบริหาร-สั่งการอยู่ในมือ"
 - พิสูจน์ให้รู้ชัดว่า "กองโจรต้องไม่เหนือกว่ากองทัพ"
 - พิสูจน์ให้รู้ชัดว่า "ตำรวจ-ทหาร เพื่อประชาชน" ไม่ใช่ "ตำรวจ-ทหาร เพื่อกองโจร"
       ท่านนายกฯ ท่านโรดแม็พกะโจรก่อการร้ายได้ โรดแม็พกะสมาชิกรัฐสภาได้ แล้วท่านไม่คิดจะโรดแม็พกับประชาชน โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ ที่กำลังหายใจแขม็บๆ บ้างหรือ การปรองดองกับประชาชนคือ ท่านต้องเลิกคลานเช็ดตูดให้โจรก่อการร้ายได้แล้ว  
      กองทัพ "ไม่กลัว" กองโจร แน่ ประชาชนเชื่อ
 แต่ ผบ.กองทัพ กลัว ผบ.กองโจร หรือเปล่านั้น....ประชาชนสงสัย!?

http://www.thaipost.net/news/120510/22091
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1987 เมื่อ: 12 พฤษภาคม 2553, 13:13:34 »

คอลัมม์ "ท่านขุนน้อย" วิจารณ์เรื่อง สภาวะอากาศ

ร้อนกาย...อย่าร้อนใจ
ท่านขุนน้อย 12 พฤษภาคม 2553 - 00:00

ร้อนระดับนี้...เรียกว่า  ไม่ว่าจะเป็นแอร์กี่หรือแม้แต่แอร์สาวๆ 

ยังไงๆ ก็ยังเอาไม่อยู่ นอกจากจะเปิดแอร์ เสริมด้วยพัดลม แถมขยับพัดในมือตามไปด้วย ดีไม่ดีอาจจะต้องแก้ผ้าอีกต่างหาก ถึงพอจะช่วยบรรเทา เบาบางความเหนียวเหนอะ หนุบหนับ ในร่างกาย ช่วยให้เส้นผมมีโอกาสไหวพะเยิบพะยาบ ไม่เกาะกลุ่ม ยุ่งเหยิง พัวพันจนกลายเป็นฝอยขัดหม้อ...

-----------------------------------



แทบไม่น่าแปลกใจอะไรเลยว่า...อุณหภูมิอากาศในช่วงนี้ จะถึงขั้นทำให้คนไทยต้อง ร้อนตาย กันไปแล้ว 15 ราย ดังเช่นที่คุณ สมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ได้ออกมาเปิดเผยให้ใครต่อใคร ได้รับทราบกันไปแล้วเมื่อวานนี้ เพราะมันร้อนระดับ...ร้อนจริงๆ ให้ดิ้นตาย!!! ซึ่งก็ไม่ใช่มีแต่เฉพาะ คน หรือ มนุษย์ เท่านั้น ที่ต้องตายเพราะความร้อนไปนับเป็นสิบๆ ราย กระทั่งวัว ควาย ก็ยังต้องหงายท้องผลึ่งตาย เพราะความร้อนไปแล้วไม่รู้กี่สิบตัวต่อกี่สิบตัว ถึงขั้นผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ต้องออกมาแถลงข่าวว่า ระดับความร้อนที่สูงสุดในรอบ 20 ปี ส่งผลให้วัว ควาย ของราษฎรในบ้านหนองเขียว ตำบลห้วยโป่ง บ้านปางคอง ตำบลนาปู่ป้อม จังหวัดแม่ฮ่องสอน ถึงกับหงายท้องเอาขาชี้ฟ้าไปกว่า 29 ตัวเป็นอย่างน้อย...

----------------------------------------

ลักษณะความร้อนซึ่งปกคลุมอยู่ทั่วประเทศไทยในช่วงระยะนี้...ว่ากันว่า มันอาจจะทำให้เกิดปรากฏการณ์ คลื่นความร้อน (Heat wave) อุบัติขึ้นมาได้ไม่ยากนัก แม้นว่ามันจะไม่เหมือนกับปรากฏการณ์คลื่นความร้อนที่เคยบังเกิดในแถบทวีปยุโรป ซึ่งเป็นคลื่นความร้อนอันมีที่มาจากกระแสลมหอบเอาความร้อนจากทะเลทราย หรือจากอาณาบริเวณเส้นศูนย์สูตรแถบซีกโลกใต้ ทะลักเข้ามาสู่ประเทศต่างๆ ในซีกโลกเหนือ เล่นเอาพวกฝรั่งที่ไม่เคยชินกับอากาศร้อน ต้องล้มตายกันไปเป็นเบือ โดยเฉพาะช่วงปี พ.ศ.2546 ชาวฝรั่งเศสถึง 15,000 คน ชาวอิตาลีอีกกว่า 20,000 คน ต้องกลายเป็นเหยื่อเซ่นสังเวยให้กับภาวะคลื่นความร้อนครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์...

-------------------------------------------

แต่ลักษณะคลื่นความร้อน ที่อาจจะกำลังเกิดขึ้นในบ้านเราขณะนี้ หรือในอนาคตข้างหน้าก็แล้วแต่ ว่ากันว่า...มันน่าจะมาจากสภาวะสั่งสมของอุณหภูมิอากาศที่ร้อนจัด ซึ่งปกคลุมอยู่ในพื้นที่บริเวณใดบริเวณหนึ่งเป็นเวลานานๆ ภายใต้สภาพอากาศที่แห้ง ลมนิ่ง อุณหภูมิความร้อนที่มันไม่ได้เคลื่อนตัวไปไหน หรือไม่ได้จางหายไปตามช่วงระยะเวลาอย่างที่ควรจะเป็น แต่กลับถูกเสริมทับด้วยระดับความร้อนที่เพิ่มขึ้นมาใหม่ มันก็จะค่อยๆ พัฒนาตัวเองให้กลายเป็นคลื่นความร้อนขึ้นมาได้เหมือนกัน อย่างที่คุณ สมิทธ ท่านอธิบายเอาไว้นั่นแหละว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่อุณหภูมิสูงขึ้นไปถึง 42 องศา เป็นระยะเวลาต่อเนื่องเกินกว่า 2-3 วัน ปรากฏการณ์คลื่นความร้อนย่อมมีโอกาสอุบัติขึ้นมาได้เสมอๆ...

--------------------------------------------

สำหรับบ้านเราในช่วงวันสองวันที่ผ่านมานี้...อุณหภูมิมันก็ดันสูงปรี๊ด ทะลุไปถึงกว่า 40 องศา ในหลายต่อหลายพื้นที่ แม้นว่ากรุงเทพมหานครในช่วงเมื่อวานที่ผ่านมา ระดับอุณหภูมิตามคำพยากรณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาจะอยู่ที่ประมาณ 37-39 องศา แต่ในแถบภาคกลาง ภาคเหนือ จัดอยู่ในระดับ 40-43 องศา ต่อเนื่องมานานพอสมควร ด้วยเหตุนี้...จึงต้องควรระมัดระวังตัวเอาไว้บ้าง เพราะปรากฏการณ์คลื่นความร้อนที่ว่านี้ มันร้ายแรงระดับถึงเป็นถึงตายเอาเลยทีเดียว โดยเฉพาะพวกผู้สูงอายุ และเด็กทารกทั้งหลาย ถ้าหากจะต้องนอนแก้ผ้ากันบ้าง ก็อย่าไปถือสา เอาชีวิตให้รอดปลอดภัยไว้ก่อน ส่วนจะอนาจารหรือไม่อนาจาร เอาไว้ค่อยไปพูดจาหารือกันอีกที...

-----------------------------------------------

โดยแนวโน้มที่อะไรต่อมิอะไรมันมีแต่จะร้อนขึ้นๆ อันเนื่องมาจากภาวะโลกร้อน ซึ่งยังดำรงคงอยู่ในขณะนี้ และในอนาคตข้างหน้า...ว่ากันว่าปรากฏการณ์คลื่นความร้อน ซึ่งจะอุบัติให้เห็นในอีกไม่นานไม่ช้า มันจะเป็นคลื่นความร้อนระดับที่ทำให้อุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นไปได้ถึง 50 องศาเซลเซียสกันเลยทีเดียว ดังเช่นที่นักวิจัยจากสถาบัน Royal Netherlands Meteorogical Institute เคยคาดการณ์เอาไว้ในบทรายงาน ซึ่งตีพิมพ์อยู่ในวารสาร Geophysical Research Letters เมื่อไม่นานมานี้ว่า...ช่วงระยะเวลาที่ปรากฏการณ์คลื่นความร้อนสามารถพุ่งสูงไปได้ถึง 50 องศานั้น ใกล้จะมาเยือนพื้นที่ต่างๆ ในโลกเราอีกเพียงแค่ไม่กี่สิบปีเท่านั้น...

------------------------------------------------


ขนาดคลื่นความร้อนระดับอุณหภูมิสูง 41.1 องศา ก็เคยทำให้ชาวนครชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ล้มตายกันไปถึง 6,000 รายในช่วงปี พ.ศ.2538 หรือคลื่นความร้อนระดับอุณหภูมิ 42 องศา ที่ทำให้ชาวยุโรปตายไปถึง 30,000-50,000 รายในช่วงปี พ.ศ.2546 ด้วยเหตุนี้ ถ้าหากต้องเจอกับคลื่นความร้อนระดับอุณหภูมิ 50 องศา มันจะต้องหงายท้อง เอาตีนชี้ฟ้า ล้มตายระเนระนาดไปถึงระดับไหน ก็ยังไม่อาจจินตนาการออกมาได้ง่ายๆ...แต่ที่แน่ๆ ก็คือ โลกในทุกวันนี้ และโลกในอนาคตข้างหน้า มันคงไม่ใช่โลกที่สวยสด งดงาม สบายๆ แบบบทเพลง What a Wonderful World ของ หลุยส์ อาร์มสตรอง แน่ๆ...

http://www.thaipost.net/news/120510/22083
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1988 เมื่อ: 12 พฤษภาคม 2553, 13:23:59 »

คอลัมม์ "ถูกทุกข้อ" ตอบปัญหาโดยคุณ สามวา สองศอก

ฉีดน้ำสลายม็อบแดง
ถูกทุกข้อ 12 พฤษภาคม 2553 - 00:00


    เรียน คุณสามวา สองศอก ที่รักและนับถือ
ผมตะรังตังครับ

ก่อนอื่นขอขอบพระคุณที่คุณสามวานำวิธีสลายม็อบเสื้อแดงแบบ "โม้" ของผมลงพิมพ์ใน "ถูกทุกข้อ" ไทยโพสต์ฉบับวันอังคารที่ 4 พฤษภาคม แถมให้หัวแบบโก้เก๋อีกด้วย "โม้เพื่อชาติ"

แต่ตอนตอบขอประทานโทษ คุณสามวากลายเป็นคนสายตาสั้น ตามที่เขียนติงว่าไม่ควรทำอย่างนั้น (คือฉีดน้ำไล่ม็อบ) เพราะเดือนเมษายนบ้านเราร้อนมากๆ เอาน้ำไปฉีดม็อบพวกนี้ก็ยิ่งชอบใจ ไม่ได้มองไกลออกไปว่าการฉีดน้ำของรถดับเพลิง ไม่ได้ฉีดแบบเล่นสงกรานต์

แต่ฉีดจริงฉีดแบบฝนตกหนัก เสื้อผ้าของพวกม็อบเปียก แม้ไม่ถึงกับหนาวเหน็บแบบเมืองนอก แต่ไม่มีโอกาสจะผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า ฝนยิ่งตกหนักเนื้อตัวยิ่งเปียกปอน ม่อลอกม่อแลก แล้วพวกเขาจะทนอยู่ได้อย่างไร ข้างล่างน้ำท่วมพื้นที่ชุมนุม ไปมองเพียงว่าพวกเสื้อแดงคงจะเล่นน้ำกันเพลิน เหตุใดไม่มองว่าเมื่อน้ำท่วมพื้นนั่งเจิ่งนองไม่มีที่จะนั่งไม่มีที่จะนอน ไม่มีที่จะถ่ายทุกข์ ขี้เยี่ยว แล้วพวกเขาจะทนอยู่ได้อย่างไร เหตุใดคุณสามวาไม่มองในแง่นี้ นี่เป็นแค่ผม "โม้" ให้ฟัง ถ้าเอาจริงรถดับเพลิงมีกี่คันผมจะส่งให้มาหมด เอาให้เป็นสึนามิ น้ำท่วมไปเลย ขอประทานโทษที่ประท้วงมาอย่างนี้

"ตะรังตัง"
ตอบ คุณตะรังตัง


สวัสดีครับ คุณสามวา


ต้องขอขอบคุณคุณสามวา ที่ช่วยดอง จ.ม.ผมกับยาดองเหล้าเสือ 11 ตัว ฮิฮิ..ทั้งที่ผมลงทุนส่ง  E.M.S. เพื่อความรวดเร็วของสถานการณ์ แต่ก็ไม่ว่ากันหรอกครับ ส่วนที่ผมไม่อยากจะ ฮิฮิ..ใน จ.ม.ฉบับก่อน ไม่ใช่ว่าจะเครียดอะไรหรอกครับ แต่ต้องให้เกียรติผู้เสียชีวิตทั้งสองฝ่าย ของแบบนี้จะมาเขียนให้มันขำบางทีก็ขำไม่ออก พูดถึงการเกิดชุมนุมที่ร้อนแรงแบบนี้ คนที่ผมว่าน่าเป็นห่วงที่สุดก็คือนักข่าวภาคสนาม เพราะผมกลัวจะเป็นอันตรายเหมือนนักข่าวญี่ปุ่นของรอยเตอร์ ที่โดนลูกหลงจนเสียชีวิต ส่วนผมจำได้ว่าเคยเป็นนักข่าวจำเป็น ตอนพฤษภาทมิฬโดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่ รู้สึกตอนนั้นยังไม่เกิดการปะทะกันที่นางเลิ้ง ผมยืมแมงกะไซค์ของพรรคพวกขี่รถเข้าไปตามลูกน้อง ก็ไปเจอลูกน้องกำลังถือธงยืนประชิดติดกับรั้วลวดหนาม ที่กั้นระหว่างผู้ชุมนุมกับทหารตำรวจตรงผ่านฟ้าฯ และเป็นจุดที่ยันกันอยู่ ผมก็เข้าไปเรียกบอกให้กลับ เพราะต้องรีบไปผลิตสินค้าให้ลูกค้าที่ต้องการด่วน ปรากฏว่าสาวๆ ที่ยืนอยู่ข้างๆ ตะโกนกลับมาว่า เขาไม่ไปหรอกเขากำลังต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอยู่ ฮิฮิ..ก็นี่ล่ะครับจุดอ่อนของพวกผู้ชายเกือบทุกคน ผมก็เลยต้องปล่อยให้หนัง "พบรักในแนวรบ" ดำเนินต่อไป พอแยกทางออกมาก็ดันมาเจอเพื่อนเก่าที่เป็นนักข่าวภาคสนามโดยบังเอิญ ซึ่งขณะนั้นยังเป็น นักข่าวโนเนมอยู่ ต่างจากปัจจุบันที่คุณใบตองแห้งเคยตั้งให้เป็นผู้สื่อข่าวร้อยล้านพันล้านไปซะแล้ว ฮิฮิ..พอเจอกันเพื่อนคนนี้ถือโอกาสซ้อนแมงกะไซค์ของผม บอกให้ช่วยพาไปดูจุดโน้นจุดนี้ให้หน่อย

ผมไม่ขัดล่ะครับยินดีบริการอยู่แล้ว ก็เลยกลายเป็นนักข่าวภาคสนามไปกับเขาด้วยโดยไม่ได้ตั้งใจ ส่วนพฤษภาทมิฬเดี๋ยวคราวหน้าจะเล่าให้คุณสามวาฟังว่าเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ตรงจุดที่ พ.อ.ร่มเกล้าเสียชีวิต โดยกองกำลังไม่ทราบฝ่าย เป็นจุดเดียวกับที่ผมยืนอยู่ตอนพฤษภาทมิฬ หนังคล้ายกัน แต่กลับคนละเรื่องเลย ผมยังขนลุกไม่หาย วกกลับมาเรื่องนักข่าว ผมเคยเขียนบทความลงในหนังสือรายสัปดาห์ตอนเป็นนักศึกษา จำไม่ได้ว่าชื่อตะวันใหม่หรืออาทิตย์รายสัปดาห์ 

 เรื่องที่ไปแจกของให้ผู้ถูกน้ำท่วมที่ อ.โขงเจียม กับ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ก็ชอบล่ะครับชีวิตนักข่าวได้รสชาติชีวิตอีกแบบหนึ่ง และรู้จักรุ่นพี่คนหนึ่งที่แกทำนิตยสารรายสัปดาห์ในอดีตชื่อสู่อนาคต (ชื่อเดียวกับ บ.สารสู่อนาคต ของไทยโพสต์เลย) และแกเคยอยู่สยามรัฐมาก่อน เจอหน้ากันไม่ได้ชอบพาผมไปเมากับแกด้วย เพราะแกชอบดื่มสุราเป็นชีวิตจิตใจ จนเพื่อนนักข่าวตั้งฉายาให้แกเป็นถึงท่านขุน คือ "ท่านขุนริน สุราพ่าย" ฮิฮิ..

วันก่อนเพื่อนผมที่อยู่ กกต. ลูกน้องท่านอภิชาติโทร.มาชวนให้ไปรับประทานอาหาร และร้องเพลงคาราโอเกะหลังจากห่างเหินกันไปนาน เพราะสถานการณ์บ้านเมืองไม่เอื้ออำนวย เจ้าของร้านที่ผมไปร้องเพลงแสนที่จะดีใจ และบ่นให้ฟังบอกว่าช่วงนี้รายได้ไม่ค่อยดี แขกหายหน้าไปหมด 

ผมก็เลยขึ้นร้องเพลงของน้าสุเทพ วงศ์กำแหง ที่ผมชื่นชอบ ให้แกฟังเสียหลายเพลงหลังจากเปรี้ยวปากมานาน ฮิฮิ..โดยเฉพาะเพลง "นกขมิ้นเหลืองอ่อน" เพื่อปลอบใจแก โดยเริ่มที่ "ค่ำคืนฉันยืนเดียวดาย เหลียวมองรอบกายมิวายจะหวาดกลัว"
ก็จะไม่หวาดกลัวได้อย่างไรล่ะครับ แขกไม่ค่อยมีเลย เดี๋ยวค่าเช่าร้านก็จะมาเก็บอีกแล้ว

ฮิฮิ..เข้าใจว่าแขกคงไปชุมนุมกับคนเสื้อแดง และม็อบหลากสีกันหมด

ส่วนที่ทำงานผมที่ไปชุมนุมกับม็อบหลากสีก็มี ส่วนใหญ่เป็นคนใต้และภาคกลางก็ไม่ว่ากันล่ะครับ ก็ได้แต่บอกว่าชุมนุมขอให้อยู่ห่างจุดที่เสื้อแดงอยู่เป็นดีที่สุด ยิ่งใกล้เข้าไปอีกนิดชิดเข้าไปอีกหน่อย จากศาลาแดงก็เป็นแม่ค้าปากคลองตลาด ด่ากันไฟแลบ ปาสิ่งของใส่กัน เดี๋ยวก็มีเรื่องจนได้ นึกในใจยังไม่ทันไรเลย ยิง M 79 เข้าใส่กันอีกแล้ว ก็มันเป็นกันซะอย่างนี้ เวรกรรมประเทศไทยจริงๆ ส่วนม็อบเสื้อหลากสีไม่รู้ว่าใครไปตั้งชื่อให้ว่าเป็นม็อบซาหริ่ม ช่างสรรหากันเหลือเกิน นึกอยู่นานว่าซ่าหริ่มคืออะไร กว่าจะถึงบางอ้อโรงพยาบาลยันฮีได้ ซาหริ่มก็คือขนมหวานเป็นเส้นๆ หลากสี ใส่กะทิกับน้ำแข็งไสเข้าไปแล้วรับประทานนี่เอง ฮิฮิ..

ร้านอร่อยก็อยู่แถววงเวียนใหญ่ ข้างโรงหนังเก่าที่มีตู้ปลาเยอะๆ ส่วนที่อื่นต้องให้คุณอ้วน อรชร แนะนำแล้วล่ะครับ เพราะเก๋าในการกินเหลือเกิน ก็เลยลาไปด้วยเพลงที่พ่อใหญ่จิ๋วต้องร้องให้คุณสุเทพรองนายกฯ ฟัง ก็คือ "ทำไมถึงทำกับฉันได้" ฮิฮิ..

ขอแสดงความนับถือ

นายผีตองเหลือง


ตอบ คุณผีตองเหลือง

ยุบสภาก็สายไปแล้ว


เรียน คุณสามวา สองศอก

ต้องขอโทษด้วยเป็นแฟนไทยโพสต์มานาน ไม่เคยรบกวนและไม่เคยเขียนมายังคอลัมน์ใดๆ เพราะยังไม่ร้อนใจอะไรนัก และไม่มีความรู้ที่จะส่ง  E-mail หรือ จ.ม.อิเล็กทรอนิกส์ เพราะเป็นคนแก่ตกยุค แต่สนใจข่าวสารบ้านเมืองตลอด ดูข่าว TV อ่าน Thai Post เป็นประจำ อดรนทนไม่ได้ที่ท่านนายกฯ ประกาศผ่าน  TV  เมื่อ 3 เม.ย.53 ว่าจะยุบสภาเพื่อเอาใจ

พวก นปช. (นรกป่วนชาติ)พร้อมเหตุผลต่างๆ 5 ข้อนั้น ท่านนายกฯ ลองลงอีสานบ่อยๆ แล้วจะทราบว่าท่านยุบสภามันก็สายไปแล้ว ท่านจะต้องแก้ไขข่าวลือ-ความเชื่อของคนอีสานให้ได้ว่า

1.ท่านเป็นรัฐบาลสองมาตรฐาน

2.ท่านได้ตำแหน่งมาเพราะโกงทักษิณ

เพราะว่าวิทยุชุมชนมันเป่าหูทุกเมื่อเชื่อวัน และถ้ากรุณาโปรดช่วยเปลี่ยน รมต.สาทิตย์ วงศ์หนองเตย ด้วย เพราะทางอีสานเป่าหูประชาชนมาปีกว่าแล้ว แต่ท่าน รมต.วงศ์ขี้เตรย (หญ้าเจ้าชู้) เพิ่งตื่นจากบรรทมทำผังรายการใหม่ช่อง 11

http://www.thaipost.net/news/120510/22081

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1989 เมื่อ: 12 พฤษภาคม 2553, 13:39:47 »

อ้างถึง
ข้อความของ prapasri AH เมื่อ 10 พฤษภาคม 2553, 10:39:09
หนูอ้อย14 ถ้าอากาศไม่ร้อน  พรุ่งนี้พี่เข้ากรุงเทพ แล้วจะพาน้องติ๊บไปสมุยนะ

สน...มะ

 รีบมากรุงเทพไปสมุยกะพี่เสียดีๆๆๆๆ

ปล.ถ้าอากาศไม่ร้อนนะคะ

กลัวหน้าเป็นฝ้า อ่ะ

เจ้าของห้องไปสมุยเป็นวันที่ 3 แล้ว
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1990 เมื่อ: 12 พฤษภาคม 2553, 13:50:06 »

เลย 12 พ.ค.ทุบ 'มาร์ค'เลิกคุย/ กลัวคุก! แดงขี้ขลาด
ข่าวหน้า 1   12 พฤษภาคม 2553 - 00:00

      "เทือก" ยิ้มร่า นั่งหัวโต๊ะบันทึกถ้อยคำรับทราบข้อกล่าวหาสั่งฆ่าประชาชนที่กรมสอบสวนคดีพิเศษแล้ว แต่แกนนำแดงไม่ยอมรับ อ้างไม่ได้ไปในฐานะผู้ต้องหา ต่อรองยุติชุมนุมทันทีหากมอบตัวแล้วได้ประกันตัว สะพัด! เสื้อแดงแตกยับ แฉ "เสธ.แดง" ควงปืนขู่ 3 เกลอ "พวกมึงออกจากเวทีเมื่อไหร่เป็นศพแน่" ด้าน "มาร์ค" ขึงขังขีดเส้นพุธนี้ม็อบต้องเลิก ลั่นมีความชอบธรรม จะขอคืนสี่แยกราชประสงค์ เล็งมาตรการเบื้องต้นตัดน้ำ-ไฟ
     กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง ยื่นเงื่อนไขต่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ต้องเข้ามอบตัว โดยระบุโทษฐานเป็นผู้สั่งฆ่าประชาชนเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 เพื่อแลกกับการยุติการชุมนุม
     ล่าสุดเมื่อวันอังคาร นายสุเทพเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แล้ว โดยมีนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ, พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนกลุ่มคดีพิเศษเหตุการณ์ 10 เมษายน ให้การต้อนรับ ก่อนจะเชิญนายสุเทพขึ้นไปดำเนินการรับทราบข้อกล่าวโทษร้องทุกข์และบันทึกถ้อยคำ โดยใช้เวลา 35 นาที
     นายธาริตแถลงว่า การที่นายสุเทพเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนในครั้งนี้ เป็นการแสดงความจำนงที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทางอาญา ซึ่งได้มีการบันทึกถ้อยคำไว้เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ คดีในเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายนเป็นต้นมา ได้ถูกยกระดับจากคดีสามัญปกติมาเป็นคดีพิเศษหมดแล้ว อำนาจการดำเนินการจึงมาอยู่กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ แต่ดีเอสไอไม่ได้ดำเนินการเพียงคนเดียว แต่เป็นเจ้าภาพร่วมกับ 13 หน่วยงานที่มาสนธิกำลังร่วมกัน
     ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสุเทพรู้อยู่แล้วว่ากฎหมายให้การคุ้มครองการปฏิบัติหน้าที่ แสดงว่าจะไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหารือดำเนินคดีตามขั้นตอนต่อ นายธาริตบอกว่า "มิได้ครับ ท่านสุเทพหมายความถึงว่าตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินให้การคุ้มครองเจ้าหน้าที่ ท่านได้แสดงความรับผิดชอบว่าในส่วนของการอำนวยการสั่งการฝ่ายการเมือง คือท่านรับผิดชอบ แต่ท่านได้คลายความกังวลของเจ้าหน้าที่ว่าได้รับการคุ้มครองอยู่ เป็นคนละส่วนกัน"
     พล.ต.ต.อำนวยกล่าวกรณี นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช.ระบุว่าการที่นายสุเทพมามอบตัวที่ดีเอสไอเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ต้องไปมอบตัวที่กองปราบปรามเท่านั้นจึงจะยุติการชุมนุมว่า เป็นการเบี่ยงเบน ขอเรียนว่าไปมอบที่กองปราบปรามไม่ได้ เพราะเมื่อเป็นคดีประทุษร้ายต่อชีวิตของประชาชน ซึ่งเป็นหนึ่งในฐานความผิดที่ได้ยกระดับเป็นคดีพิเศษแล้ว จะกลับไปเป็นคดีธรรมดาไม่ได้
     "ต้องดำเนินการสอบสวนโดยพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ หรือผู้ที่ได้รับการแต่งตั้ง ซึ่งพนักงานสอบสวนจาก บช.น.ได้รับการแต่งตั้งมา 85 คน เพื่อมาร่วมสอบสวนกับ 13 หน่วยงาน และนายธาริตก็ไม่ใช่พนักงานสอบสวนที่จะชี้เป็นชี้ตาย เพราะการทำงานจะชี้เป็นคณะ ดังนั้นคดีนี้จึงเป็นการมอบตัวชอบด้วยกฎหมายและชอบธรรม" พล.ต.ต.อำนวยกล่าว และว่า ทางกองปราบปรามและ บช.น.ไม่มีอำนาจสอบสวน เนื่องจากถูกยกระดับเป็นคดีพิเศษ จึงนำเรียน นพ.เหวงเพื่อทราบ
     ขณะที่นายสุเทพกล่าวว่า เหตุที่เข้ารับทราบข้อกล่าวหาเป็นเพราะมีประชาชนมายื่นคำร้องต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษให้ดำเนินคดีต่อตนในกรณีเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายน โดยกล่าวหาว่าตนเป็นผู้ออกคำสั่งให้ทหารเข้าไปขอคืนพื้นที่ และเป็นเหตุให้เกิดการสูญเสียชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของประชาชน เมื่อผู้ร้องได้มายื่นคำร้องต่ออธิบดีดีเอสไอ ตนจึงเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาเพื่อที่จะใช้แสดงเจตจำนงว่าตนและฝ่ายรัฐพร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

"เทือก"ลั่นไม่ตามเงื่อนไขแดง
     ผู้สื่อข่าวถามว่า แกนนำ นปช.ยื่นเงื่อนไขให้ไปมอบตัวที่กองปราบปราม นายสุเทพบอกว่า ตนไม่ได้ปฏิบัติอะไรตามข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมหรือ นปช. แต่ปฏิบัติตามกฎหมาย ตามเหตุผลที่บอกไปแล้ว ไม่ได้สนใจในเรื่องเงื่อนไขนั้น ทั้งหมดตนดำเนินการตามนโยบายของนายกฯ เรื่องแผนปรองดอง เมื่อฝ่ายรัฐได้แสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนว่าพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ถือเป็นสาระสำคัญที่สุดแล้ว
     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเข้ารับทราบข้อกล่าวหาครั้งนี้ ทุกคนเข้าห้องประชุมที่ชั้น 2 ของอาคารดีเอสไอ โดยนายสุเทพนั่งหัวโต๊ะข้างๆ นายธาริต ส่วนตำรวจและเจ้าหน้าที่อื่นๆ นั่งโต๊ะด้านข้างทั้งสองฝั่ง มีการปิดห้องไม่ให้สื่อมวลชนเข้าไป และระหว่างการรับทราบข้อกล่าวหา นายสุเทพและนายธาริตพูดคุยกันด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ไม่มีความวิตกกังวลแต่อย่างใด จากนั้น 35 นาทีต่อมาก็เปิดแถลงข่าว และให้นายสุเทพเซ็นรับทราบข้อกล่าวหาต่อหน้าสื่อมวลชนด้วย
     นายสุเทพให้สัมภาษณ์อีกครั้งหลังกลับจากรับทราบข้อกล่าวหาที่ดีเอสไอ โดยกล่าวถึงคนเสื้อแดงยื่นเงื่อนไขให้ไปรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะมองว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษถือเป็นพวกเดียวกันกับรัฐบาลว่า เขาพยายามยื้อเวลา หาเหตุไปเรื่อย แต่ต้องแยกกันคนละส่วน ส่วนคนเสื้อแดงยังมีเงื่อนไขว่า เมื่อมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วจะได้รับประกันตัวจากเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ตนไม่ได้มีหน้าที่ใดๆ ที่จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของกลุ่ม นปช.
     ที่ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) หลังจากนายสุเทพเข้ารับทราบข้อกล่าวหาที่ดีเอสไอ ทำให้มีกระแสข่าวว่าแกนนำ นปช.ทั้งหมดจะติดต่อขอเข้ามอบตัวในเวลา 14.00 น. พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษก ศปก.ตร. เผยว่า ได้รับการสั่งการจากผู้บังคับบัญชาเพื่อเตรียมความพร้อมในสถานที่และพนักงานสอบสวน หากกรณีที่แกนนำ นปช.ตามหมายจับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ออกหมายจับไป ขอเข้ามามอบตัวที่ สตช.
     อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากแกนนำ และไม่ทราบจำนวนแกนนำว่าจะเข้ามอบตัวจำนวนเท่าใด ทั้งนี้เบื้องต้นพนักงานสอบสวนจะสอบสวนและใช้ดุลยพินิจในการขอประกันตัว  ซึ่งหากแกนนำไม่มามอบที่นี่ ก็อาจจะมามอบที่กองบังคับการกองปราบปรามก็ได้ ส่วนหากมีการมอบตัวแล้วใครจะเป็นผู้สอบสวนนั้น ต้องดูว่าเป็นคดีอะไร ถ้าเป็นคดีก่อการร้ายก็จะอยู่ที่ดีเอสไอ
     เมื่อถามว่า มีการเตรียมสถานที่ไว้ควบคุมตัวแกนนำบ้างหรือไม่  พล.ต.ต.ประวุฒิกล่าวว่า มีเตรียมไว้นานแล้ว ที่คลองหลวง จ.ปทุมธานี ในส่วนของกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 แต่อย่าเพิ่งมองถึงขนาดไหน
     พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) กล่าวถึงการเข้ามอบตัวของแกนนำกลุ่ม นปช.ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากแกนนำกลุ่ม นปช.เพื่อเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม แต่ได้มีการจัดเตรียมความพร้อมในเรื่องสถานที่และพนักงานสอบสวนไว้หมดแล้ว หากมีการติดต่อเข้ามอบตัวของกลุ่มแกนนำ จะประสานให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเข้ามารับมอบตัวที่กองปราบปราม เพื่อไม่ให้เกิดความยุ่งยาก
     ซักว่าจะให้ยื่นประกันตัวแกนนำ นปช.หรือไม่ พล.ต.ท.ไถงกล่าวว่า คงรอให้เข้ามามอบตัวก่อน ไม่อยากพูดเลยไปจากขั้นตอนนี้ การประกันตัวเป็นเรื่องดุลพินิจของพนักงานสอบสวน อาจจะมีการพิจารณาการยื่นประกันเป็นรายบุคคล

ศาลยกคำร้องถอนหมายจับ 16 แดง
     สำหรับกรณีที่นายคารม พลทะกลาง ทนายผู้รับมอบหมายอำนาจจากนายวีระ มุสิกพงศ์ ประธาน นปช. ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนเพื่อมีคำสั่งเพิกถอนหมายจับนายวีระ กับพวก ที่เป็นแกนนำและแนวร่วม นปช.รวม 16 คน โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เนื่องจากเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2553 เหตุการณ์ปรากฏหลักฐานชัดว่ามีผู้ชุมนุม นปช.จำนวนมากบุกรุกเข้าไปภายในอาคารรัฐสภา ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ จึงมีเหตุผลที่รัฐบาลสามารถประกาศ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินได้
     ขณะเดียวกัน ฝ่ายผู้ร้องไม่ได้นำตัวผู้ที่ถูกออกหมายจับมาเบิกความและชี้ให้เห็นว่าได้รับผลกระทบจาก พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างไร การออกหมายจับแกนนำ นปช.จึงชอบด้วยกฎหมายแล้วไม่เห็นควรให้เพิกถอนหมายจับดังกล่าว จึงยกคำร้อง
     นายคารมบอกว่า เราไม่สามารถนำตัวแกนนำที่ถูกออกหมายจับมาไต่สวนได้ เพราะเกรงว่าจะถูกจับกุม ทำให้พยานหลักฐานและคำเบิกความมีน้ำหนักน้อยไปด้วย แต่ไม่เสียใจ เพราะได้พยายามช่วยเหลือแกนนำ นปช.เต็มที่แล้ว โดยจะใช้สิทธิอุทธรณ์ตามกฎหมายต่อไป
     เมื่อถามว่า ทางแกนนำ นปช.จะเข้ามอบตัวในวันที่ 15 พฤษภาคมหรือไม่นั้น นายคารมบอกว่า ยังไม่แน่ว่าแกนนำ นปช.ทั้งหมดจะติดต่อเข้ามอบตัวกับตำรวจตามกำหนดเดิมหรือไม่ แต่ส่วนตัวได้แนะนำว่าไม่ควรมอบตัว เนื่องจากตำรวจจับกุมตามอำนาจ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน คาดว่าจะไม่ได้ประกันตัว และถูกนำตัวควบคุมยังสถานที่อื่นที่ไม่ใช่เรือนจำ
     ทางด้านท่าทีของแกนนำ นปช. นพ.เหวง โตจิราการ กล่าวว่า การที่นายสุเทพเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ดีเอสไอนั้น ไม่ได้เป็นไปตามเงื่อนไขของ นปช. เพราะนายธาริตเป็นลูกน้องนายสุเทพ และยังเป็นกรรมการ ศอฉ. ซึ่งเข้าข่ายต้องถูกตั้งข้อกล่าวหาด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงไม่มีความชอบธรรม ซึ่งแกนนำ นปช.นั้นเห็นตรงกันว่านายสุเทพต้องไปมอบตัวที่กองปราบปรามเท่านั้นทาง นปช.จึงจะมีการยุติการชุมนุม
     นายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำคนรักอุดร แนวร่วมเสื้อแดง กล่าวว่า หากไม่มีปัญหาก็จะกลับได้ในวันพุธนี้ แต่ก็ต้องรอให้นายสุเทพไปมอบตัวกับกองปราบฯ ก่อน เพราะประชาชนมาแล้วก็ต้องมีอะไรติดมือกลับไปบ้าง และก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับก็ต้องยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะแกนนำมีชนักปักหลังอยู่ ถ้าไม่ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เราจะไม่มีความปลอดภัยอีก
     นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำ นปช. กล่าวว่า ชัยชนะขณะนี้ได้แค่ 50 เปอร์เซ็นต์ ถือเป็นชัยชนะของประเทศ นายสุเทพต้องไปรับทราบข้อกล่าวหากับทุกโรงพักที่ญาติผู้เสียชีวิต 21 คนและอีกเกือบพันรายที่ได้รับบาดเจ็บไปแจ้งความ และต้องขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศด้วย ส่วนตนจะไม่ไปมอบตัวต่อตำรวจก่อน เพราะหลังการชุมนุมเสร็จสิ้นลงแล้วตนจะบวช 19 วัน
     สำหรับบรรยากาศการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ แกนนำได้ส่งสัญญาณให้ผู้ปราศรัยบนเวทีลดความดุเดือดในการปราศรัยลง ไม่ให้มีการเรียกผู้ชุมนุมเข้ามาสมทบ เพื่อเตรียมพร้อมที่จะสลายตัวและคืนพื้นที่แยกราชประสงค์ให้กับ กทม. โดยให้เพิ่มกิจกรรมภาคบันเทิงให้มากขึ้น แกนนำ นปช.รายหนึ่งบอกว่า หลังจากนี้เวทีปราศรัยต้องปรับตัวเข้าสู่โหมดการปรองดอง จึงต้องกำชับผู้ปราศรัยไม่ให้ปราศรัยโจมตีหนักหน่วงเหมือนที่ผ่านมา เพื่อไม่ให้เป็นการปลุกเร้ามวลชนสวนทางกับแนวทางปรองดอง
     ทั้งนี้ ยอมรับว่ามวลชนจำนวนหนึ่งเดินทางกลับไปแล้ว แต่ส่วนใหญ่ก็จะแยกย้ายกลับหลังจากแกนนำประกาศยุติการชุมนุม ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นภายในวันที่ 12-13 พฤษภาคมนี้

"แกนนำแดง"เล่นแง่ชุมนุมต่อ
     อย่างไรก็ตาม ช่วงเย็น แกนนำ นปช.มีมติไม่ยอมรับการเข้ารับทราบข้อกล่าวหาของนายสุเทพต่อดีเอสไอ โดยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. แถลงว่า การที่นายสุเทพไปดีเอสไอนั้นไม่สามารถอธิบายได้ว่าเป็นการนับหนึ่งเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพราะนายสุเทพไปดีเอสไอไม่ได้ไปในฐานะผู้ต้องหา แต่ไปลงนามเพื่อรับทราบข้อกล่าวโทษร้องทุกข์ เป็นเพียงการตรวจเยี่ยมราชการของรองนายกฯ  เราต้องการรูปธรรมในการปฏิบัติเพื่อให้เป็นการเดินหน้าคดีประวัติศาสตร์คดีแรกของประเทศไทย
     นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ด้วยเหตุผลของข้อกฎหมายเรามิอาจยอมรับได้ว่านายสุเทพเป็นผู้ต้องหาดีเอสไอ เพราะทุกคดีที่ดีเอสไอจะสามารถดำเนินการได้ในฐานะเจ้าหน้าที่เมื่อคดีดังกล่าวต้องผ่านมติคณะกรรมการคดีพิเศษ ซึ่งมีการประกาศขั้นตอนเอาไว้ในประกาศกรมสอบสวนคดีพิเศษ และมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 127 ตอนพิเศษ 53 ง. เมื่อวันที่ 28 เมษายน  แต่คดีที่ประชาชนเข้าไปร้องทุกข์นายสุเทพในข้อหาสั่งฆ่าประชาชนยังไม่อยู่ในคดีพิเศษ ดังนั้น ดีเอสไอไม่มีหน้าที่ในการสอบสวนคดีนี้แต่อย่างใด
     "ขอประกาศให้ประเทศไทยเป็นพยาน ว่าถ้านายสุเทพมีความตรงไปตรงมาเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม คนเสื้อแดงมีความเป็นลูกผู้ชายและมีศักดิ์ศรีที่พร้อมจะประกาศยุติการชุมนุม นายสุเทพไปวันไหน เราประกาศยุติการชุมนุมวันนั้น นายสุเทพไม่ประกาศเราก็ไม่ไปเช่นเดียวกัน ส่วนข้อเรียกร้องอื่น ถ้ารัฐบาลมีความจริงใจที่จะสร้างการปรองดอง พีเพิลแชนแนลต้องมีการออกอากาศ เรามั่นใจเช่นนั้น ขณะเดียวกันการตอบสนองต่อข้อเรียกร้องอื่นๆ เมื่อมีประชาชนเป็นสักขีพยานรัฐบาลคงไม่บิดพลิ้ว" นายณัฐวุฒิกล่าว
     นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. กล่าวว่า ขณะนี้ดีเอสไอยังไม่มีอำนาจสอบสวนนายสุเทพและนายอภิสิทธิ์ เพราะยังไม่ใช่คดีพิเศษ ซึ่งปัจจุบันดีเอสไอรับมาพิจารณา 5 คดี คือ 1.คดีก่อการร้าย 2.คดีการครอบครองอาวุธยุทธภัณฑ์ 3.การทำร้ายประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐ 4.การบังคับให้รัฐบาลจำยอม  5.คดีล้มสถาบัน ซึ่งการไปดีเอสไอของนายสุเทพจึงไม่ใช่ในฐานะผู้ต้องหา
     ทั้งนี้ ดีเอสไอต้องนำคดีการสั่งทำร้ายประชาชนเสนอต่อคณะกรรมการคดีพิเศษเพื่อให้มีมติรับคดีดังกล่าวและดำเนินการสอบสวน ขณะเดียวกันพนักงานสอบสวนคดีพิเศษต้องแจ้งข้อกล่าวหากับทั้ง 2 คนเพื่อให้ตกอยู่ในฐานะผู้ต้องหาก่อน จากนั้นจึงให้ทั้ง 2 คนรับข้อกล่าวหาและต้องเข้ามามอบตัวตามที่มีการร้องทุกข์กล่าวโทษเอาไว้
     "นอกจากนี้ หากมีการให้ประกันตัวนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ แกนนำ นปช.ก็ต้องได้รับการประกันตัว แต่ถ้านายอภิสิทธิ์และนายสุเทพไม่ได้รับการประกันตัว พวกผมจะไม่มีการขอประกันตัว เพื่อให้เกิดความเสมอภาคกัน หากทำได้ทั้งหมดนี้ นปช.พร้อมจะสลายตัว" นายจตุพรกล่าว และว่า สำหรับนายอภิสิทธิ์ ในฐานะเป็น ส.ส. ถือว่ายังได้รับเอกสิทธิ์คุ้มครอง แต่เมื่อสิ้นสุดสมัยประชุมรัฐสภาเมื่อไหร่ ก็ต้องไปมอบตัวในคดีสั่งทำร้ายประชาชนเช่นเดียวกัน
     มีรายงานข่าวจากแกนนำ นปช.ว่า หลังจากอภิสิทธิ์เสนอแนวทางปรองดองโดยเบื้องต้นได้ยอมรับในหลักการประเด็นยุบสภา แต่ยังติดขัดประเด็นคดีความที่ยังมีการต่อรองไปมา เช่น ยื่นเงื่อนไขกลับไปยังนายกฯ และนายสุเทพ ที่คนเสื้อแดงเชื่อว่าเป็นผู้สั่งการต้องเข้ามอบตัวต่อตำรวจก่อนหากได้รับหรือไม่ได้รับการประกันตัว ก็ต้องเป็นเงื่อนไขเดียวกันเท่านั้น เลยเป็นที่มาที่ทำให้คนเสื้อแดงยังไม่มีทีท่าชัดเจนประกาศยุติการชุมนุมเมื่อใด

เสธ.แดงขู่ใครเลิกเป็น"ศพ"
     อย่างไรก็ดี แนวทางที่รัฐบาลหยิบยื่นมานั้น แกนนำคนเสื้อแดงมีทั้งเสียงตอบรับ โดยเฉพาะนายวีระ  ส่วนที่คัดค้านคือ พล.ต.ขัตติยะและแนวร่วมสายฮาร์ดคอร์บางส่วน ถึงกับมีข่าวสะพัดว่า "เมื่อไม่นานมานี้ เสธ.แดงได้พบปะ 3 เกลอ และถลกเสื้อโชว์ปืน ขู่ไม่ให้ 3 เกลอถอนตัว พร้อมกับพูดจาด้วยถ้อยคำรุนแรงถึงขั้นว่า พวกมึงออกจากเวทีเมื่อไหร่เป็นศพแน่"
     รายงานระบุว่า ที่ผ่านมานายวีระได้เจรจาทางลับกับตัวแทนรัฐบาล ทั้งนายกอร์ปศักดิ์ และ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. เพื่อหาข้อยุติในแนวทางปรองดอง ที่ไม่ต้องการให้มีการสูญเสียอีก โดยนายวีระได้รับปากเป็นการภายในว่าจะสลายการชุมนุมแน่นอน แต่ไม่มีท่าทีชัดเจนจากแกนนำคนอื่นๆ ทำให้นายวีระลำบากใจ เพราะตกปากรับคำกับทางฝ่ายรัฐบาลไว้มาก จึงลดบทบาทและมีกระแสข่าวว่าอาจจะขอถอนตัว
     นอกจากนี้ ยังมีประเด็นแนวร่วม 2 ขา เสื้อแดง-เพื่อไทย เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าการที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เข้ามาร่วมงานพรรคเพื่อไทยอีกครั้งในตำแหน่งประธานพรรค นายวีระเป็นผู้ประสานงานหลัก ในเงื่อนไขช่วงนั้นมีการสัญญาใจให้ พล.อ.ชวลิตเป็นหัวหน้าพรรคสู้ศึกเลือกตั้ง หากชนะก็จะได้เป็นนายกฯ แต่ต่อมามีการเปลี่ยนแนวคิด โดยจะเสนอให้นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เป็นตัวนำหรือให้เป็นนายกฯ แทน
     "แม้ปัจจุบันนายจาตุรนต์จะยังติดโทษการเมือง 5 ปี แต่หนึ่งในเงื่อนไขที่นายอภิสิทธิ์หยิบยกมานั้น มีเรื่องการนิรโทษกรรมผู้ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองรวมอยู่ด้วย หากมีการผลักดันเป็นผลสำเร็จก่อนการเลือกตั้ง ก็จะทำให้อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยพ้นโทษแบนทันที แต่ในสายของนายวีระ ต้องการผลักดัน พล.อ.ชวลิต จึงทำให้นายวีระไม่พอใจอย่างมาก จึงถอยห่างจากคนเสื้อแดงและแนวร่วมมาได้ 2-3 วันแล้ว" แหล่งข่าวกล่าวอ้าง
     อย่างไรก็ตาม มีประเด็นที่ต้องคิดต่อกรณีของนายจาตุรนต์ หากมีการนิรโทษกรรมจริง จะทันการเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤศจิกายนหรือไม่ เพราะตามรัฐธรรมนูญต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมืองไม่น้อยกว่า 90 วัน
     นายจรัล ดิษฐาอภิชัย แกนนำเสื้อแดง ให้สัมภาษณ์นิวยอร์กไทม์ว่า แกนนำคนเสื้อแดงมีความคิดเห็นที่แตกแยกกันจริง บางส่วนอยากจบ บางส่วนอยากชุมนุมต่อ โดยมีนักการทูตหลายประเทศเข้ามาพบและแนะให้เลิกชุมนุมไปเสีย ซึ่งในนั้นมีทั้งจากสหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศส และออสเตรเลีย
     วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล มีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยมีรายงานแจ้งว่าในการประชุม ครม. นายอภิสิทธิ์ได้หยิบยกเรื่องการดำเนินการตามแผนการปรองดอง 5 ข้อ และการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงมาหารือ โดยนายกฯ ได้สอบถาม ครม.ให้ช่วยกันแสดงความคิดเห็นว่า ถ้ากลุ่มคนเสื้อแดงไม่ยุติการชุมนุมแล้วจะทำอย่างไรต่อไป การยุบสภาจะยังคงมีต่อไปหรือไม่

ครม.ถกแผนจัดการ"แดง"
     รายงานข่าวแจ้งว่า รัฐมนตรีส่วนใหญ่ได้แสดงความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน ว่าถ้ากลุ่มคนเสื้อแดงไม่ยอมเข้าร่วมกระบวนการปรองดอง รัฐบาลก็ไม่จำเป็นต้องทำตามข้อเสนอ การยุบสภาก็ถือว่าเลิกแล้วต่อกันไป อาทิ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี, นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค, นายชุมพล ศิลปอาชา และนายสุเทพ เป็นต้น
     นายไตรรงค์ระบุว่า ถ้ากลุ่มคนเสื้อแดงไม่ยอมตอบรับทำตามข้อเสนอในโรดแม็พ ทางรัฐบาลก็ไม่จำเป็นต้องไปทำตามโรดแม็พที่เสนอเช่นกัน ไม่จำเป็นต้องไปยุบสภาและกำหนดเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 14 พฤศจิกายน
     นายสุเทพกล่าวว่า ถ้าฝ่ายผู้ชุมนุมเขาไม่พูดให้ชัดเจนว่าจะทำอะไรอย่างไรให้ชัดเจน เราก็ไม่จำเป็นต้องไปบอกว่าจะทำอะไรที่ชัดเจนออกไป ถ้านายกฯ ไม่แสดงความชัดเจน ทางฝ่ายโน้นก็ปวดหัวกันไปเอง ขอให้ ครม.รับทราบกันไว้ เพื่อจะได้ตอบให้เป็นไปในทางทิศทางเดียวกัน
     ตอนหนึ่งนายสุเทพยังได้กล่าวติดตลกกับ ครม.ด้วยว่า "เมื่อช่วงเช้าผมเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษมาแล้ว แต่ผมไม่ได้ซัดทอดใครนะ" ทำให้ ครม.ต่างส่งเสียงหัวเราะไปตามๆ กัน
     แหล่งข่างอ้างคำพูดของนายกฯ  ในห้องประชุม ครม.ว่า "แผนปรองดองเราก็เดินหน้าต่อไป แต่ถ้าม็อบยังไม่ยุติการชุมนุม ก็จะต้องมีมาตรการหลายอย่างที่ต้องทำกันต่อไป โดยทำเป็นแผนระยะสั้นแบบชั่วคราว อาจจะต้องรบกวนให้รัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรบกวนให้ช่วยกันไปชี้แจงกับประชาชนในบริเวณพื้นที่การชุมนุมและใกล้เคียง โดยขอความร่วมมือว่าอาจต้องเดือดร้อนกันมากขึ้นเป็นการชั่วคราว เพราะอาจจะต้องมีการตัดน้ำตัดไฟ หรือต้องอพยพคนในบริเวณนั้นออกมา และใกล้ที่จะเปิดเทอมแล้ว"
     นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมสภาถึงการดำเนินการตามแผนปรองดองว่า อยากย้ำว่าตั้งแต่ที่ตนประกาศแผนปรองดองมา ได้พูดตั้งแต่ต้นว่าไม่มีการเจรจาต่อรองอะไร หลายเรื่องซึ่งผู้ชุมนุมพูดมา มีคำตอบอยู่ในแผนอยู่แล้ว เช่น เรื่องพีทีวี ตนก็บอกตั้งแต่ต้นว่าชัดเจนอยู่แล้วว่ามีกลไกดูแลก่อนว่าเรื่องการใช้สื่อในลักษณะที่กระทบต่อความปรองดอง สร้างความเกลียดชังปลุกระดม เราต้องมีกลไกที่ชัดก่อนที่จะให้ฝ่ายต่างๆ ดำเนินการไปได้
     นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า แล้วเรื่องที่มาพูดเรื่องเงื่อนไขที่ว่าให้รองนายกฯ สุเทพ หรือตนไปมอบตัว เพราะตนบอกแล้วว่าในเหตุการณ์ เรามีคณะกรรมการอิสระเข้ามาสอบสวนเหตุการณ์  แต่กรณีที่นายสุเทพเดินทางไปดีเอสไอเมื่อเช้าที่ผ่านมา ท่านไม่ได้ไปมอบตัว ท่านต้องการแสดงเจตนาว่าฝ่ายรัฐบาลพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
     "วันนี้จะให้รองฯ สุเทพไปมอบตัวที่ไหนก็ไม่ได้ เพราะไม่มีหมายจับที่ไหน เพราะฉะนั้นเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นอยู่ที่ว่าผู้ชุมนุมอยากจะเข้ากระบวนการปรองดอง ตอบรับเข้าสู่กระบวนการ เข้าสู่เงื่อนไขวันเลือกตั้งไม่ได้ ต้องเลิกการชุมนุม เพราะฉะนั้นเอาประเด็นเล็กประเด็นน้อยขึ้นมามันไม่จบ เพราะรัฐบาลไม่มีต่อรอง รับก็รับ ไม่รับก็ไม่รับ แล้วรับหรือไม่รับให้ตอบด้วยการกระทำ เวลานี้พี่น้องประชาชนเดือดร้อนมากพอแล้ว ความอดทนของประชาชนกลุ่มอื่นๆ ก็ลดลงมาก ความเสี่ยงต่อการสูญเสียที่จะเกิดขึ้นทั้งในพื้นที่การชุมนุมและนอกพื้นที่การชุมนุมก็มีมากทุกวัน ไม่มีประโยชน์อะไรกับใครเลยที่จะมายื้อเวลาในลักษณะอย่างนี้ ผมคิดว่าถ้าไม่ตอบรับก็บอกมาเลยว่าไม่ตอบรับ" นายอภิสิทธิ์กล่าว
     ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มผู้ชุมนุมตอบรับแผนปรองดองแต่ยื้อเวลา นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า "ไม่มีแล้วครับ ผมถือว่าการไม่ยุติการชุมนุมคือการไม่ตอบรับ และวันนี้ ครม.มีการรับทราบสถานการณ์และรับทราบความจำเป็นของฝ่ายความมั่นคงที่ต้องดำเนินมาตรการต่อไป ซึ่งต้องกระทบต่อประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ ไม่เฉพาะผู้ชุมนุม แต่คนที่ทำงาน ผู้อยู่อาศัย เราเตรียมแผนและต้องขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนว่าอาจจะต้องได้รับความเดือดร้อนมากขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ และจำเป็นต้องเตือนทุกฝ่าย
     "สิ่งที่จำเป็นต้องทำเพื่อคืนความเป็นปกติให้กับสังคมนั้นต้องทำอย่างเร่งด่วน อยากให้ผู้ชุมนุมแสดงออกเสียเลย วันพรุ่งนี้ (วันที่ 12 พฤษภาคม) ก็กลับบ้านกันเสีย ถ้ามีความจริงใจกับกระบวนการปรองดอง เพราะแผนการปรองดองผมเดินหน้าทุกเรื่อง วันนี้ ครม.อนุมัติกรอบการทำสมัชชาปฏิรูปประเทศไทย  มีการอนุมัติงบประมาณให้ทางสภาพัฒน์ ในนามมูลนิธิเข้าไปดำเนินการ แผนเรื่องสื่อก็หารือกับผู้ที่เกี่ยวข้อง แผนด้านการเมืองก็ให้สถาบันพระปกเกล้าเข้ามามีบทบาท ทุกเรื่องเดินไปข้างหน้าทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นขอให้ยุติการชุมนุมซะ" นายอภิสิทธิ์กล่าว
     ถามว่า การตัดสินใจของภาครัฐในการเข้าไปจัดการพื้นที่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนถือว่าภาครัฐมีความชอบธรรมทุกประการ มีความจำเป็นในการให้เกิดความมั่นคงเป็นปกติ ถามว่าสิ่งที่นายกฯ ระบุหมายถึงการสลายการชุมนุมใช่หรือไม่ นายกฯ ตอบว่า มันคงจะเริ่มจากมาตรการจะต้องกระทบกระเทือนต่อพื้นที่
     เมื่อซักว่า อย่างไรที่บอกว่าประชาชนจะเดือดร้อนสักระยะ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การใช้ชีวิตข้างในที่ชุมนุม ต้องมีการดำเนินมาตรการหลายอย่าง ทาง ศอฉ.จะเป็นผู้แถลง ทั้งนี้ฝ่ายความมั่นคงเตรียมการมาโดยตลอด แต่ฝ่ายผู้ชุมนุมได้ใช้เวลามามากกว่า 1 สัปดาห์ในการตอบรับแผนปรองดอง ตนถือว่าแผนปรองดอง 5 ข้อต้องเดินต่อ แต่เหตุการณ์บ้านเมืองไม่สงบก็กระทบต่อการเลือกตั้ง ควรจะกลับบ้านภายในวันพุธนี้
     รายงานแจ้งด้วยว่า ช่างห้าโมงเย็น ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) นายสุเทพ  ในฐานะ ผอ.ศอฉ. ได้เป็นประธานประชุม ศอฉ. โดยมี พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ, พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ, นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และหน่วยงานด้านความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง ร่วมในที่ประชุม
     แหล่งข่าวระบุว่า ศอฉ.ได้มีการสรุปสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่บริเวณสี่แยกราชประสงค์ โดยเฉพาะการประเมินท่าทีของกลุ่มคนเสื้อแดงหลังจากที่นายอภิสิทธิ์เสนอแนวทางปรองดองตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม ซึ่งทาง ศอฉ.จะรอดูท่าทีของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันพุธนี้อีก 1 วันเท่านั้น
     "หากยังไม่มีการยุติการชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์ ทาง ศอฉ.ก็คงจะใช้มาตรการกดดันให้กลุ่มคนเสื้อแดงออกนอกพื้นที่ให้เร็วที่สุด เนื่องจากสัปดาห์หน้าโรงเรียนในพื้นที่เขต กทม. จะเปิดภาคเรียนหมดแล้ว จะยิ่งทำให้เกิดผลกระทบมากยิ่งขึ้น" แหล่งข่าวระบุ

ปูดฆ่า"ณัฐวุฒิ"ปลุกแดงรอบ 2
     ด้านท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาลต่อแนวทางปรองดองของนายอภิสิทธิ์นั้น แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเผยถึงการประชุมพรรคร่วมรัฐบาลเมื่อวันจันทร์ว่า ที่ประชุมให้การสนับสนุนรัฐบาลเต็มที่ โดยเฉพาะแผนปรองดองทั้ง 5 ข้อ ส่วนเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องที่นายกฯ ให้คำมั่นสัญญาที่จะแก้ไขในเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้ง และมาตรา 190 ที่จำเป็นต้องแก้ไขเพราะประเทศเดินไม่ได้
     นอกจากนี้ แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลได้มีการประเมินสถานการณ์การชุมนุมของคนเสื้อแดงว่าสัปดาห์นี้จะเป็นจุดล่อแหลมที่สุด เนื่องจากขณะนี้แกนนำสายอหิงสา เช่น นายวีระ, นายณัฐวุฒิ,  นพ.เหวง, นายจรัล ดิษฐาอภิชัย ต้องการจะหาทางลงแล้ว แต่ติดปัญหาที่แกนนำสายฮาร์ดคอร์ อาทิ พล.ต.ขัตติยะ นายอริสมันต์ ที่ไม่ต้องการให้จบ เพราะที่ผ่านมามีพฤติกรรมไปทำคนอื่นไว้เยอะ ทำให้ถูกจองกฐินจากหลายฝ่าย อาจเป็นการร่วมลงขันกันจัดการแกนนำกลุ่มฮาร์ดคอร์
     "ดังนั้นให้จับตาว่าภายในสัปดาห์นี้ แกนนำกลุ่มฮาร์ดคอร์อาจไปฆ่าแกนนำสายอหิงสา อาทิ นายณัฐวุฒิ  เพื่อให้การชุมนุมไม่จบ เพื่อให้เสื้อแดงกลุ่มฮาร์ดคอมีแนวทางป้องกันตัวเองต่อไป" แหล่งข่าวอ้าง
     ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา โดยมีนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ก่อนเข้าระเบียบวาระการประชุมได้เปิดโอกาสให้หารือ โดยคณะกรรมการประสานงานทั้ง 3 ฝ่าย ได้แสดงความเห็นต่อสถานการณ์ความขัดแย้ง
     นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคเพื่อไทย ประธานวิปฝ่ายค้าน ได้เสนอโรดแม็พฉบับพรรคเพื่อไทยต่อที่ประชุมรัฐสภานำเสนอแผน  3 ขั้นตอน 1.ขอให้รัฐสภาเป็นผู้ดำเนินการเสนอโรดแม็พแทนรัฐบาล โดยมีสาระสำคัญคือ จะต้องให้ความขัดแย้งของสังคมยุติโดยเร็วที่สุด  เพื่อนำประเทศชาติเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย และรัฐสภาจะต้องเป็นตัวกลางที่คุยกับทั้ง 2 ฝ่ายทั้ง นปช.และรัฐบาล เพื่อแก้ข้อวิตกกังวลที่ทั้ง 2 ฝ่ายมี
     2.ให้มีการกำหนดยุบสภาและวันเลือกตั้งให้ชัดเจนโดยเร็วที่สุด เพื่อให้บ้านเมือง ประเทศชาติ  พ้นภาวะความอึมครึมโดยเร็วที่สุด 3.ให้พัฒนาโรดแม็พให้เป็นสัญญาประชาคมโดยให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม โดยจะขอให้ที่ประชุมตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งจะเป็นผู้รับฟังความเห็นและสรุปให้เสร็จโดยเร็วในเวลากำหนด
     นายวิทยา แก้วภราดัย ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล  กล่าวว่า เห็นด้วยกับข้อเสนอของสมาชิก ถ้าเริ่มจากการหันหน้าเข้าหากันสังคมก็เห็นด้วย แต่บรรยากาศนอกสภาต้องเย็นลงและมีท่าทีที่ปรึกษาหารือ จะทำให้ท่าทีในสภามีบรรยากาศที่ดีขึ้น ส่วนจะเป็นจริงได้หรือไม่ อยู่ที่วิถีปฏิบัติว่าพวกเราตั้งใจเดินไปสู่จุดนั้นหรือไม่.

http://www.thaipost.net/news/120510/22089
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1991 เมื่อ: 12 พฤษภาคม 2553, 14:04:47 »

เดดไลน์ตัดน้ำ-ไฟกดดันม็อบแดงเลิกชุมนุม
วันพุธ ที่ 12 พฤษภาคม 2553 เวลา 11:30 น


ศอฉ.ขีดเส้นตาย 24.00 น. ม็อบแดงเลิกชุมนุม พร้อมกดดันเต็มรูปแบบ ตัดน้ำ-ไฟ สาธารณูปโภค

วันนี้ (12 พ.ค.) ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. เปิดเผยว่า ภายหลัง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ศอฉ. มีการพูดคุยว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา ศอฉ.ได้ทำงานร่วมกับรัฐบาลมาด้วยดีตลอด นำความสงบมาสู่บ้านเมือง โดยเฉพาะในการขอคืนพื้นที่บางส่วน และบังคับใช้กฎหมายจากเบาไปหาหนัก พยายามประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบตลอดเวลาว่า การชุมนุมในพื้นที่ราชประสงค์เป็นการทำผิดกฎหมาย ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ มีกลุ่มติดอาวุธ กลุ่มผู้ก่อการร้าย พยามยามให้หลีกเลี่ยงการชุมนุม หรือการเข้าร่วมชุมนุม เพราะถือว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อันตราย

ต่อมา นายกฯ ได้แถลงแผนปรองดองแห่งชาติ ซึ่งระยะแรก ๆ มีสัญญาณที่ดีมาโดยตลอด แต่พอมาระยะหลัง ๆ ก็มีการเลื่อน และมีเงื่อนไขตามมาเป็นรายวัน จนต่อมานายสุเทพ ได้เข้ามอบตัวรับทราบข้อกล่าวหาจากดีเอสไอ แต่ทางแกนนำก็ยังไม่ได้ยุติการชุมนุม ดังนั้น ศอฉ.จะปฏิบัติการกดดันเต็มรูปแบบ โดยไม่ใช้กำลัง แต่จะมีการตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดโทรศัพท์ ตัดสิ่งสาธารณูปโภครอบพื้นที่การชุมนุม รวมถึงสั่งปิดการส่งบำรุงทุกรูปแบบ ห้ามรถเมล์ รถไฟ เรือวิ่งผ่านพื้นที่โดยรอบพื้นที่ชุมนุมตั้งแต่เวลา 24.00 น. วันนี้ ดังนั้น ประชาชนพื้นที่โดยรอบการชุมนุมจะได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะผู้ที่จะเข้า-ออกพื้นที่การชุมนุม ทางเจ้าหน้าที่จะให้ทำเอกสารการเข้า-ออก รายละเอียดต่าง ๆ รวมถึงสถานทูตอาจจะประสบปัญหาเหล่านี้ จึงต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ เมื่อเหตุการณ์เข้าสู่ความสงบทุกอย่างก็จะเรียบร้อย และในเวลา 13.00 น. นายสุเทพ จะเป็นประธานประชุมผู้ว่าฯ 39 จังหวัด ที่มีผลกระทบต่อเรื่องดังกล่าว โดยจะเรียกมาทำความเข้าใจถึงผลกระทบ ชี้แจงให้ประชาชนไม่เข้าร่วมชุมนุม เลี่ยงการใช้กำลัง เบื้องต้น ศอฉ.เตรียม 6 ค่ายทหาร-ตชด.ในการควบคุม 42 แกนนำ ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ถ้าหากมอบตัว.

http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=627&contentID=65383
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1992 เมื่อ: 12 พฤษภาคม 2553, 19:46:48 »

เป็นอย่างนี้หรือเปล่า?? มันถึงรบชนะไม่เป็น...............

เก้อจื้อเหวยเจิ้ง : ต่างคนต่างทำ
28 เมษายน 2553 08:38 น.

 
       《各自为政》
      
       各(gè) อ่านว่า เก้อ แปลว่า ต่างก็, แต่ละ
       自(zì) อ่านว่า จื้อ แปลว่า ตนเอง
       为(wéi) อ่านว่า เหวย แปลว่า เป็น, เพื่อ
       政(zhèng) อ่านว่า เจิ้ง แปลว่า งานของรัฐ แต่ในที่นี้หมายถึงกิจการงานใดๆ


                                                
        
       ในสมัยชุนชิว เมื่อแคว้นซ่งจับมือเป็นพันธมิตรกับแคว้นจิ้น ส่งผลให้แคว้นฉู่ไม่พอใจเป็นอันมาก ฉู่อ๋องจึงให้แคว้นเจิ้งซึ่งเป็นแคว้นพันธมิตรของฉู่บุกโจมตีแคว้นซ่ง
      
       แม่ทัพใหญ่แคว้นซ่ง นามหัวหยวน เป็นผู้ที่จะนำทัพออกไปตั้งรับศัตรู โดยคืนก่อนที่จะมีการรบนั้น หัวหยวนจัดงานเลี้ยงปลุกปลอบขวัญเหล่าทหารและแม่ทัพนายกอง โดยมีการเชือดแพะเพื่อนำเนื้อมาทำอาหารเลี้ยงกองทัพ ตั้งแต่แม่ทัพผู้ใหญ่จนถึงนายทหารผู้น้อยทุกคนดื่มกินอย่างสำราญใจ
      
       ในตอนหนึ่งรองแม่ทัพผู้หนึ่งได้เอ่ยถามหัวหยวนว่า "ท่านจะมิเรียกหยังเจินผู้ทำหน้าที่ขับรถศึกให้ท่านมาดื่นกินด้วยหรอกหรือ?"
      
       หัวหยวนตอบว่า "ก็แค่คนขับรถม้าคนหนึ่ง การรบของข้าไม่จำเป็นต้องพึ่งเขา ไม่จำเป็นต้องให้เขามาพบข้า เพราะเรื่องการรบ ข้าเป็นผู้สั่งการ ทั้งยังวางแผนเอาไว้เป็นอย่างดีแล้ว ท่านไม่จำเป็นต้องกังวลใจ"
      
       เมื่อถึงวันสัประยุทธ์ระหว่างแคว้นซ่งและแคว้นเจิ้ง หัวหยวนนั่งอยู่บนรถศึกของหยังเจิน เพื่อออกคำสั่งในการรบทั้งหมด โดยในระหว่างการประหัตประหารของเหล่ากองทัพ พลัดกันรุกผลัดกันรับอยู่นั้น แม่ทัพหัวหยวนได้ออกคำสั่งให้หยังเจินขับรถมาศึกเข้าไปยังจุดที่ทหารเจิ้งเบาบางที่สุด แต่มิคาด หยังเจินกลับควบรถม้าศึกเข้าไปยังจุดที่มีกองทหารเจิ้งหนาแน่นที่สุด แม่ทัพหัวหยวนเห็นดังนั้นจึงเอ่ยถามอย่างตกใจว่า "เจ้าคิดไปยังที่ใด?" หยังเจิน กล่าวตอบอย่างดุดันว่า "วานนี้ยามแบ่งอาหารแบ่งสุรายกให้ท่านเป็นผู้ตัดสินใจ ทว่าเรื่องราวในวันนี้ ตอนนี้ มีเพียงข้าน้อยตัดสินใจเท่านั้น!"
      
       ผลสุดท้าย การตัดสินใจทรยศขายชาติของหยังเจิน ทำให้หัวหยวนเสียชีวิตในสนามรบ ส่วนกองทัพซ่งก็ประสบความพ่ายแพ้ครั้งยิ่งใหญ่
      
       ต่อมา ชนรุ่นหลังใช้คำพูดของหยังเจินมาแปลงเป็นสำนวนที่ว่า "เก้อจื้อเหวยเจิ้ง" หรือ "ต่างคนต่างทำ" หมายถึง ผู้ที่อยู่ในหน่วยงานหรือองค์กรเดียวกัน แต่ต่างยึดเหตุผลของตนเองเป็นใหญ่โดยไม่สนใจส่วนรวม หรือคนที่ไม่สนใจที่จะร่วมมือกับผู้อื่น
      

 
 
 
จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9530000057164
 
      บันทึกการเข้า
Kaimook
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,132

« ตอบ #1993 เมื่อ: 12 พฤษภาคม 2553, 21:42:30 »

อ้างถึง
ข้อความของ prapasri AH เมื่อ 10 พฤษภาคม 2553, 19:41:32
ดูรูปนี้ให้หายเซ็งการเมือง นะเหยงนะ


  สวัสดีค่ะพี่แอ๊ะ พี่หมอหาญ รูปนี้สวยมากกกกกกค่ะ...
พี่เหยงขราาาาาตามอ่านค่ะสะใจจังค่ะ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1994 เมื่อ: 13 พฤษภาคม 2553, 10:00:48 »

อีกหนึ่งข้อมูล...เพื่อทราบ

แฉ“พล.เอก พ.”รับงาน“ทักษิณ”โยงเหตุฆ่าโหด “พ.อ.ร่มเกล้า”!?
12 พฤษภาคม 2553 21:40 น.

 
       "เรื่องมันฟ้อง"
       โดย....กรงเล็บ
       
       ความกังวลของคนไทยในขณะนี้ มิใช่เพียงแค่การชุมนุมที่ยืดเยื้อของ “กลุ่มไพร่เสื้อแดง”บริเวณพื้นที่ราชประสงค์เท่านั้น แต่ยังหวาดผวากับ “กองกำลังก่อการร้ายติดอาวุธ”ที่มียุทธศาสตร์และวางยุทธวิธีแบบทหารอาชีพ
       
       มิใช่มือสมัครเล่น หรือเป็นพวกทหารบ้านที่ได้รับการฝึกฝนผ่านโรงเรียน นปช.เท่านั้น
       
       เพราะการวางแผนรบ ขุดกับดักล่อ จนทำให้เกิดโศกนาฏกรรมบริเวณสี่แยกคอกวัว ล้วนเป็นแผนก่อการร้ายที่ออกแบบมาเพื่อ...
       
       ทวงคืนอำนาจรัฐ แก้แค้นการรัฐประหารวันที่ 19 กันยายน ที่ทำให้ ปีศาจทักษิณ ต้องพ้นจากอำนาจและยังไม่เห็นหนทางกลับมาเหยียบแผ่นดินไทยได้จนถึงทุกวันนี้
       
       มีใครบ้างที่หัวใจอัดแน่นไปด้วย “ความแค้น”จากการทำรัฐประหารครั้งนั้น
       
       แน่นอนว่า อันดับหนึ่งยังคงเป็น “ปีศาจทักษิณ” ที่พร้อมทุ่มทรัพยากรทั้งหมดที่มี เพื่อชำระแค้น และทวงคืนอำนาจ
       
       ความแค้นฝังหุ่นยังเกิดขึ้นกับคนอีกกลุ่มหนึ่งแบบฝังรากลึก คือ กลุ่มเตรียมทหารรุ่น 10 ที่ ปีศาจทักษิณ กำลังวางตัวให้เป็นทายาทสืบทอดอำนาจในกองทัพ แต่มีอันต้องกระเด็นออกจากอำนาจเสียก่อนทำให้ ตท.10 ตกกระป๋องหลุดวงโคจรจากการกุมอำนาจในกองทัพ ชนิดที่เรียกว่าไม่มีโอกาสเติบโตหากการเมืองไม่เปลี่ยนขั้ว
       
        การทำรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 “กลุ่มบูรพาพยัคฆ์”เป็นกำลังหลักที่ทำให้ปฏิบัติการดังกล่าวสำเร็จลุล่วงอย่างหมดจด ปราศจากการสูญเสียเลือดเนื้อ ด้วยแผนลับลวงพรางที่แยบยล เฉียบขาด และรวดเร็ว จนนายทหาร ตท.10 ขุมข่ายกำลังหลักของ “ปีศาจทักษิณ” ไม่ทันตั้งตัว ทำให้ปราชัยไปโดยที่ไม่มีโอกาสต่อสู้
       
        ว่ากันว่า ระหว่างปฏิบัติการ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม นายทหารที่เสียชีวิตในยุทธการขอคืนพื้นที่บริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศในวันที่10เมษายน ถึงกับต้องเอาปืนจ่อหัวควบคุมตัว พล.ท.พฤณฑ์ สุวรรณทัต อดีต ผบ.พล.1 รอ. เพื่อน ตท.10 คนสนิทของปีศาจทักษิณ
       
       ซึ่ง พล.ท.พฤณฑ์ สุวรรณทัต อยู่ในฝ่ายคุมกำลัง และเตรียมออกปฏิบัติการตอบโต้ชิงอำนาจรัฐไม่ให้หลุดไปอยู่ในมือของการรัฐประหารครั้งนั้น
       
        คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ “ทหารแตงโม”ในกองทัพจะเลือกชี้เป้าไปที่หัวของ พ.อ.ร่มเกล้า จนนายทหารกล้าผู้นี้จนต้องพลีชีพสังเวยความแค้นของใครบางคน
       
        คงไม่ใช่อุบัติเหตุที่ทำให้ระเบิดเอ็ม 79 ตกบึ้มสนั่นลงกลางเต๊นท์บัญชาการของนายทหารบูรพาพยัคฆ์ระหว่างปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ที่สี่แยกคอกวัว
       
       จากงานด้านการข่าวของรัฐตรงกันทุกหน่วยว่า “กองกำลังติดอาวุธชุดดำ”เชื่อมโยงกับ “นายทหารแตงโม”ในราชการที่ยังคงอยู่ในกองทัพ
       
       โดยมี “พล.เอก พ.พาน” ที่รู้จักและสนิทแนบแน่นกับ “ปีศาจทักษิณ” เป็นฝ่ายเปิดวาล์วท่อน้ำเลี้ยง เดินทางไปสิงคโปร์ก่อนการชุมนุมใหญ่ของก่อการร้ายแดง เพื่อนำมาใช้หล่อเลี้ยงกองกำลัง ซึ่งมีทั้งที่เป็นทหารรับจ้าง รวมไปถึงทหารจากประเทศเพื่อนบ้านด้วย

       
        ส่วนคนคุมกำลังและวางแผนการรบ คือ คนที่คับแค้นอย่างที่สุดจากการไม่มีโอกาสได้ต่อสู้ในวันที่มีการทำรัฐประหาร โดย “ทหารแตงโม”คนสำคัญคนหนึ่งเป็นศูนย์กลางการบังคับบัญชาของกองกำลังแดง ซึ่งงานด้านการข่าวของรัฐบาลพบว่า
       
       นายพลคนนี้มีการติดต่อกับแกนนำก่อการร้ายแดง ทั้ง วีระ มุสิกพงษ์ จตุพร พรหมพันธ์ อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง รวมทั้งยังมีการประสานกับฟากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
       
        ที่สำคัญ คือ “พ.คนใกล้ชิดปีศาจทักษิณ” ยังรับงานตรงจากดูไบเพื่อปฏิบัติการโฉดสร้างสงครามกลางเมืองบนผืนแผ่นดินไทย
       
        ส่วนมือไม้ที่ถูกนำมาใช้ปฏิบัติการครั้งนี้นั้น นอกจากจะเป็น “ทหารพรานค่ายปักธงชัย”แล้ว ยังมีมือปืนระดับพระกาฬจากค่ายนักการเมืองดังที่เคยหนีจากประเทศกัมพูชาด้วยข้อหาปฏิวัติมาแล้ว

       
       นอกจากนี้เครือข่ายดังกล่าวยังเชื่อมโยงกับ ชยุต ไหลเจริญ หัวหน้าการ์ดแดง เมธี อมรวุฒิกุล และ เคทอง ซึ่งทั้งสามคนล้วนแต่ถูกจับกุมแล้วทั้งสิ้น ดังนั้นการขยายผลต่อยอดเพื่อทลายขบวนการก่อการร้ายจึงมิใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
       
        ที่น่าสนใจคือ วันที่ 10 เมษายน ก่อนปฏิบัติการโฉดของกองกำลังชุดดำจะเริ่มต้นขึ้น ปรากฏหลักฐานยืนยันว่า นายพลคนนี้ติดต่อกับ จตุพร อริสมันต์ ณัฐวุฒิ และหัวหน้าผู้ก่อการร้ายตัวจริงที่ดูไบ
       
        หลังการติดต่อกับปีศาจไม่กี่ชั่วโมง ก็มีการยื่นเงื่อนไขผ่าน กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผ่านไปทาง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้ลาออกจากตำแหน่ง กำหนดให้ สุเทพ เทือกสุบรรณ รักษาการตำแหน่งนายกฯ
       
       เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ เปิดทางให้คนนอกที่ไม่เป็น ส.ส.มาเป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีการระบุชื่อ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ให้เป็นนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลแห่งชาติ ที่จะเข้ามาแก้ไขกติกาเพื่อให้ ปีศาจหลุดพ้นบ่วงกรรม
       
        แต่แผนการนี้ล้มเหลว เพราะ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไม่เล่นด้วย จากนั้นไม่นานความอำมหิตผิดมนุษย์ก็เกิดขึ้นที่สี่แยกคอกวัว จนถนนราชดำเนินแปรสภาพเป็นสมรภูมิรบ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 26 ราย บาดเจ็บอีกเกือบพันคน

       
        เครือข่ายการก่อการร้ายที่นำมาเปิดโปงครั้งนี้ สะท้อนชัดว่า แกนนำก่อการร้ายแดงทุกคน ล้วนแต่รับทราบดีว่า ใครคือผู้บัญชาการกองกำลังติดอาวุธ มิใช่เป็นกองกำลังไม่ทราบฝ่ายตามที่มีการกล่าวอ้าง
       
        เพราะหากเป็นกองกำลังไม่ทราบฝ่ายจริง ณัฐวุฒิ คงไม่กล้าที่จะเจรจากับกอร์ปศักดิ์ในค่ำคืนวันที่ 10 เมษาทมิฬ ยุติปฏิบัติการของทั้งสองฝ่าย
       
       โดยภายหลังจากตกลงกัน “กองกำลังชุดดำ”ก็หลบเข้าสู่เงามืดใช้โล่มนุษย์ไพร่แดงเป็นที่กำบัง
       
        ถ้า ณัฐวุฒิ ไม่รู้ว่า ใครคือกองกำลังไม่ทราบฝ่ายที่ทั้งสาดกระสุน ยิงเอ็ม 79 และปาระเบิดใส่ทหาร แล้วจะหาญกล้ามาเจรจาหยุดยิงได้อย่างไร?
       
        ข้อหาก่อการร้ายยังถือว่าน้อยเกินไป เพราะพฤติกรรมของคนกลุ่มนี้คือ กบฏในราชอาณาจักร โดยมีปีศาจทักษิณ เป็นหัวหน้ากบฏตัวจริง

 
 
 
จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9530000065662
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1995 เมื่อ: 13 พฤษภาคม 2553, 10:06:19 »

บทบรรณาธิการ นสพ แนวหน้า ออนไลน์ วันพฤหัสบดี(วันพืชมงคล)ที่ 13 พฤษภาคม 2553

บทบรรณาธิการ  
 

ทำไมกลุ่มก่อการร้ายยังลอยนวล? (บทบรรณาธิการ)
 
 
 
      นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ"เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์"ทางสถานีโทรทัศน์ NBTเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ประกาศย้ำเส้นตายให้ม็อบคนเสื้อแดงสลายการชุมนุมจากการยึดพื้นที่ผ่านราชประสงค์ ภายในวันที่ 10 พฤษภาคม เนื่องจากหากยังชุมนุมต่อไปก็จะยิ่งสร้างความสูญเสียทั้งต่อชีวิตผู้คนและชาติบ้านเมืองจากการลอบก่อเหตุร้ายของกลุ่มก่อการร้ายที่แฝงตัวอยู่ในม็อบคนเสื้อแดง

      ขณะเดียวกัน เป็นครั้งแรกที่นายกรัฐมนตรีระบุชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง แกนนำกองกำลังกลุ่มฮาร์ดคอร์ ของขบวนการเสื้อแดงพยายามล้มแผนการปรองดองที่เสนอโดยรัฐบาล ซึ่งฝ่ายที่ไม่ต้องการให้เกิดการปรองดองก็คือ กลุ่มก่อการร้าย

      คำประกาศของนายกฯอภิสิทธิ์ครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากเกิดเหตุการณ์กลุ่มก่อการร้าย ใช้ปืนเอ็ม 16 ยิงใส่ผู้ชุมนุมกลุ่มเสื้อหลากสีบริเวณย่านสีลม และยิงกระสุนระเบิดจากเครื่องยิงแบบเอ็ม 79 ใส่ด่านตรวจของทหารตำรวจที่บริเวณสวนลุมพินี เมื่อคืนวันที่ 7 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้ตำรวจเสียชีวิต 2 นาย ประชาชนบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังมีการลอบยิงสำนักงานธนาคารกรุงเทพ แห่งหนึ่งกลางกรุง

      แม้หลังคำประกาศของนายกรัฐมนตรีก็ยังเกิดเหตุลอบก่อการร้ายอย่างต่อเนื่องโดยมีการลอบยิงกระสุนระเบิดเอ็ม 79 ใส่สำนักงานธนาคารกรุงเทพอีกแห่งหนึ่ง ที่ย่านรัชดาภิเษก ลาดพร้าว รวมทั้งการปาระเบิดใส่บ้านพักของประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)อย่างอุกอาจ ซึ่งจากพฤติกรรมของกลุ่มก่อการร้ายดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการท้าทายอำนาจรัฐและกฏหมายอย่างเหิมเกริมย่ามใจ

      ที่สำคัญการที่ผู้นำประเทศถึงกับระบุรายชื่ออย่างชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณและพล.ต.ขัตติยะ พยายามขัดขวางแผนการปรองดองและมีส่วนโยงใยกับกลุ่มก่อการร้าย ย่อมแสดงว่าต้องมีข้อมูลหลักฐานบ่งชี้ชัดเจน ดังนั้นนายกรัฐมนตรีต้องดำเนินการตามกฏหมายขั้นเด็ดขาดกับบุคคลทั้งสองรวมทั้งผู้ร่วมขบวนการก่อการ้ายอย่างจริงจัง ทั้งนี้เนื่องจากแผนสู่ความปรองดองจะไม่มีวันเกิดขึ้นอย่างแท้จริงได้เลยตราบใดที่ชาติบ้านเมืองยังถูกคุกคามจากภัยก่อการร้ายด้วยการลอบก่อวินาศกรรมอยู่ตลอดเวลา

      ขณะเดียวกันการเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งกำลังจะมีขึ้นตามแผนการปรองดองในวันที่ 14 พฤศจิกายนนี้ ก็จะไม่มีทางที่จะเกิดความบริสุทธิ์ยุติธรรม ราบรื่นและปลอดจากภัยคุกคามของกลุ่มก่อการร้าย

      ดังนั้น นายกรัฐมนตรีจะต้องแสดงวุฒิภาวะความเป็นผู้นำที่ต้องพูดจริงทำจริง ไม่ใช่สักแต่พูดแล้วไม่ทำด้วยการจับกุมดำเนินคดีกวาดล้างขบวนการนอกกฎหมายนี้ให้สิ้นซากโดยเร็วที่สุด ไม่ใช่ปล่อยให้ผู้ที่ต้องสงสัยว่าเป็นแกนนำกลุ่มก่อการร้ายอย่าง พล.ต.ขัตติยะ หรือแกนนำคนเสื้อแดงหลายคนยังคงลอยนวลปฏิบัติการเย้ยอำนาจรัฐท้าทายกฏหมายซ้ำซากต่อหน้าเจ้าหน้าที่รัฐอย่างอุกอาจเหิมเกริม
 
วันที่ 13/5/2010
 
http://www.naewna.com/news.asp?ID=210866
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1996 เมื่อ: 13 พฤษภาคม 2553, 10:10:57 »

บทบรรณาธิการ นสพ ไทยโพสต์ ออนไลน์ 13 พ.ค. 2553

ข้าชั่วเอ็งต้องเลว
บทบรรณาธิการ 13 พฤษภาคม 2553 - 00:00

   เงื่อนไขต่อรองที่ออกมาเป็นมติของแกนนำคนเสื้อแดง  ขอย้ำว่ามติแกนนำให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ  รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ผู้อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ไปมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม แล้วแกนนำคนเสื้อแดงทั้งหมดจะไปมอบตัวด้วย และหากนายสุเทพ  เทือกสุบรรณ ได้ประกันตัว แกนนำคนเสื้อแดงทั้งหมดจะต้องได้ประกันตัวด้วย แล้วจึงจะเลิกชุมนุม

     นี่คือมติแกนนำของกลุ่มคนที่อ้างว่าออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยแบบรัฐไทยใหม่ ต้องการให้เกิดขึ้นเป็นจริงเป็นจังอย่างยิ่ง เพื่อหนีความรับผิดชอบในความเสียหายทุกด้านที่เกิดจากการชุมนุมมาร่วม 2 เดือน เตรียมการกันอย่างลนลาน ให้ญาติผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ 10 เมษายน ไปร้องตำรวจกองปราบปรามให้ดำเนินคดีกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เร่งให้เกิดกระบวนการเอาผิด ออกหมายเรียก หมายจับนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรี

     ในใจลึกๆ  ของแกนนำคนเสื้อแดงคงลุ้นให้ตำรวจกองปราบปรามออกหมายเรียกบุคคลทั้ง 2 ภายในวันสองวันนี้ เพื่อต่อรองขอประกันตัวเป็นลำดับต่อไป ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่า ศอฉ.ให้โอนคดีที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายนทั้งหมดไปอยู่ในความรับผิดชอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดยมี 9 หน่วยงานเข้าร่วมทำคดีด้วย หนึ่งในนั้นคือ กองปราบปราม

     ไม่ใช่ไม่รู้ว่ากระบวนการยุติธรรมในคดีนี้จะเดินไปอย่างไร แต่บรรดาแกนนำผู้เรียกร้องประชาธิปไตยรัฐไทยใหม่กลุ่มนี้ต้องการเข้าไปบิดเบือนกระบวนการ โดยยืมมือรัฐบาลเข้าไปแทรกแซงเพื่อให้กลุ่มของตนได้ประโยชน์ เดินออกจากพื้นที่ชุมนุมโดยไม่ต้องผิดชอบใดๆ

     ย้อนกลับไปเหตุการณ์ 7 ตุลาคม 2551 รัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ สลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหน้าอาคารรัฐสภา ทำให้ น.ส.อังขณา ระดับปัญญาวุฒิ หรือน้องโบว์เสียชีวิต และมีผู้ได้รับบาดเจ็บแขนขาขาดอีกจำนวนมาก กระบวนการพิจารณาคดีขณะนั้นต้องใช้เวลาโดยไม่มีใครเข้าไปชี้นิ้วแทรกแซง

     วันที่ 10 ตุลาคม 2551 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 20 คน ขอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯ พล.อ.ชวลิต  ยงใจยุทธ รองนายกฯ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้อาวุธปราบปรามประชาชน ซึ่งขณะนั้นไม่มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

     ป.ป.ช.มาพิจารณาสำนวนไต่สวนและชี้มูลเอาเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2552 ว่าทั้งนายสมชาย และพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ มีความผิดทางอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใดผู้หนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 จะเห็นกระบวนการกินระยะเวลาไปปีกว่า

     ขณะที่เหตุการณ์วันที่ 10 เมษายน มีการสั่งการภายใต้พระราชกำหนดบริหารราชการในสภาวะการฉุกเฉิน และ ศอฉ.ซึ่งดำเนินภายใต้ พ.ร.ก.ฉบับนี้ ได้มีมติให้โอนคดีทั้งหมดที่เกี่ยวเนื่องจากเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายน ไปอยู่ภายใต้การดูแลของดีเอสไอ ซึ่งยังต้องมีกระบวนการพิจารณาตามลำดับขั้น และคงเป็นไปไม่ได้ที่ ผอ.ศอฉ. จะไปมอบตัวกับกองปราบปราม อีกทั้งการปฏิบัติหน้าที่ของนายกฯ และรองนายกฯ ก็เป็นการปฏิบัติภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

     เมื่อฝ่ายหนึ่งอยู่ในฐานะผู้มีอำนาจรัฐและใช้อำนาจตามกฎหมาย ขณะที่อีกฝ่ายอยู่ในฐานะผู้โค่นล้มอำนาจรัฐ และเลยไปถึงสถาบันสูงสุดของประเทศ การจะมาต่อรองโดยใช้มวลชนเป็นตัวประกันเพื่อให้ตกเป็นผู้ต้องหาเหมือนกัน และต้องได้รับการประกันตัวเหมือนกัน เพียงเพื่อไม่ให้ตัวเองถูกจองจำ เป็นการสร้างเงื่อนไขของคนจนตรอกที่ขี้ขลาดที่สุด.

 
http://www.thaipost.net/news/130510/22132
      บันทึกการเข้า
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #1997 เมื่อ: 13 พฤษภาคม 2553, 10:23:04 »

อ้างถึง
ข้อความของ Kaimook เมื่อ 12 พฤษภาคม 2553, 21:42:30
อ้างถึง
ข้อความของ prapasri AH เมื่อ 10 พฤษภาคม 2553, 19:41:32
ดูรูปนี้ให้หายเซ็งการเมือง นะเหยงนะ



ขอบคุณค่ะ น้อง ไข่มุกดี พี่แอ๊ะหน้าเหมือนคนเหนือเลยนะ

แต่ไม่ได้เป็นญาติโกโฆติกา กะ คุณทั้กกกกกกกก นะคะ

 สวัสดีค่ะพี่แอ๊ะ พี่หมอหาญ รูปนี้สวยมากกกกกกค่ะ...



พี่เหยงขราาาาาตามอ่านค่ะสะใจจังค่ะ

      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1998 เมื่อ: 13 พฤษภาคม 2553, 10:25:42 »

คอลัมม์ "คนปลายซอย" ของคุณเปลว สีเงิน

ฝรั่ง "วิสัยทัศน์ไทย" ชี้ทางพ้นทุกข์
เปลว สีเงิน 13 พฤษภาคม 2553 - 00:00

      ครับ...ทุกอย่างกำลังเดินไปตามเส้นทาง "เป็น-ที่ต้องเป็น" นายกฯ ประกาศล้มเลิกแผน "ยุบสภา-เลือกตั้ง ๑๔ พ.ย." ไปแล้ว เพราะพวกกบฏ "รับปากแล้วขากทิ้ง" ไม่ยอมสลายการชุมนุม นายกฯ ดูจะ "เครื่องติด" และฝ่าย ศอฉ.ก็ "ติดเครื่อง" เตรียมเบาไปหาหนักรับแผนกัน  แต่ผมว่า...โน่นแหละ ตีห้า สิบแปดนาที ของวันเสาร์ที่ ๑๕ พ.ค.ไปแล้วนั่นแหละ น่าจะเป็นเวลา  breakfast ของคนราชประสงค์ด้วย "ต้มเลือดหมู" ร้อนๆ! พวกแกนนำกบฏคงรู้เหมือนกันว่าเวลาของ "ลมหายใจ" กระชั้นเข้ามาทุกที ตอนนี้เลยแตกกันเละ "อหิงสา" พวกหนึ่ง อย่างนายวีระ นายก่อแก้ว ก็อยากมอบตัว พวก "มหิงสา" คือกลุ่มซาดิสม์อย่างสุภรณ์-อริสมันต์-จตุพร-เหวง อีกพวกหนึ่ง พวกนี้มอบตัวแล้วกลัวเข้าคุก ก็เลยยึดชาวบ้านที่หลอกมาชุมนุมเป็นตัวประกันความปลอดภัยให้ตัวเองไปเรื่อยๆ

      ฉะนั้น ช่วงนี้ "ดูเหตุการณ์" ไปซัก ๒-๓ วัน ไม่มีอะไรต้องคุยกัน แต่พอดีท่านอาจารย์ nongnapas  tapasanant อีเมล์เรื่องที่ "คุณสุทธิชัย หยุ่น" สัมภาษณ์ "นายสตีเฟน ยัง" นักศึกษาฮาร์วาร์ด ลูกชายอดีต  "เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย" ผู้เติบโตและเล่าเรียนต่ออยู่ในไทย ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ และการปกครอง ตั้งแต่ยุคล่าอาณานิคมจนถึงยุคคอมมิวนิสต์สู่เอเชียอาคเนย์ มาให้ผมอ่าน

      ความจริง บทสัมภาษณ์นี้ ตั้งแต่ ๘ ก.ย.๕๒ ในรายการชีพจรโลก ทางช่อง ๙ จำได้ว่าเมื่อออกอากาศไปมีเสียงวิพากษ์-วิจารณ์ในเชิงตอบรับกันมาก แต่เมื่อได้อ่านอีก ผมก็อดใจไม่ไหวที่จะขออนุญาตนำ "ของเก่ามาเล่าใหม่" เพราะของเก่านั้น "ค่าควรเมือง" จริงๆ ขอให้ท่านตั้งใจอ่านแล้วคิด-ใคร่ครวญตามไปด้วยนะครับ

       นายสตีเฟนกล่าวว่า บิดาของเขาใกล้ชิดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และใกล้ชิดกับจอมพลสฤษดิ์  ธนะรัชต์ ตั้งแต่ปี ๒๕๐๔ จึงได้เห็นช่องว่างระหว่างคนชนชั้นสูงกับคนจนในชนบทอย่างชัดเจน จนมาถึงปัจจุบัน ปี ๒๕๕๒ ตนได้ยินกลุ่มคนเสื้อแดงพูดว่า ไทยมีช่องว่างระหว่างคนรวยในกรุงเทพฯ กับคนจนในชนบท ทำให้คิดว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ เพราะทุกวันนี้ช่องว่างมีเพียงแค่นี้ เทียบกับที่ประเทศสหรัฐก็มีช่องว่างเช่นกัน

       นายสตีเฟนกล่าวต่อว่า เข้ามาอยู่ในประเทศไทย ตั้งแต่ปี ๒๕๐๔ ซึ่งเป็นเวลากว่า ๔๘ ปีมาแล้ว  โดยมาอยู่ตั้งแต่ประเทศไทยยังไม่มีไฟฟ้า และน้ำประปาใช้ รวมทั้งถนนยังเป็นดินลูกรัง แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป ประเทศไทยมักเจอเรื่องราวแปลกประหลาดเสมอ ทำนองว่าประเทศนี้ยังไม่มีสิ่งนั้น-สิ่งนี้ ต้องทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโดยปัญญาชนบางคนที่ต้องการปฏิวัติอำนาจ

       เขามองว่าเรื่องนี้ไร้สาระ และสิ่งเหล่านี้ทำให้เขามองเห็นความทะเยอทะยานของผู้ชายชื่อ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" ตั้งแต่เริ่มทำธุรกิจในเครือชินคอร์ปอเรชั่นฯ และสัมปทานโทรศัพท์ของรัฐบาลด้วยระบบผูกขาด

       นายสตีเฟนย้ำว่า สาเหตุที่ พ.ต.ท.ทักษิณทำเงินได้เยอะและกลายเป็นคนรวย เพราะรัฐบาลได้มอบฐานะบุคคลอภิสิทธิ์ให้เขา พร้อมทั้งให้สิทธิพิเศษในการผูกขาดด้านต่างๆ จึงทำให้การปกครองของคนชั้นสูงหรือกลุ่มคนร่ำรวยมีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น "นี่ไม่ใช่เรื่องของผู้ชายคนหนึ่งที่เริ่มจากความยากจนแล้วไต่เต้าขึ้นมารวย เขามีสายสัมพันธ์พิเศษ และผมเห็นเขาใช้สายสัมพันธ์พิเศษเหล่านั้น" นายสตีเฟนกล่าว


       นายสตีเฟนกล่าวอีกว่า สำหรับเขาแล้วมุมมองความคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นแบบจักรพรรดิจีน  นั่นคือ ในสมัย "ฉิน จื่อ หวาง" ได้มีการแบ่งชนชั้น เสมือนเบื้องบนเป็นสวรรค์ ถัดลงมาเป็นคนคนนึง  ส่วนเบื้องล่างคือคนที่เหลือ แล้วเข้าควบคุมรัฐบาล ตำรวจ ผู้พิพากษา นักธุรกิจ โทรทัศน์ และนักหนังสือพิมพ์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้ทุกสิ่งอยู่ใต้เขา ซึ่งไม่เคยมีผู้นำไทยคนไหนในประวัติศาสตร์ชาติไทยที่พยายามทำเช่นนี้

      โดย พ.ต.ท.ทักษิณชอบทำให้คนไทยตัวเล็กๆ แหงนมองว่าเขาสำคัญ เพราะพวกเขามีความรู้สึกของระบบอุปถัมภ์อยู่ โดย พ.ต.ท.ทักษิณได้เข้าไปตัดลำดับขั้นต่างๆ เพื่อเข้าไปปกครองโดยตรง ทำให้ทุกคนที่ทำงานอยู่ต้องตกภายใต้ตัวผู้นำ ไม่ใช่ความร่วมมือแบบเก่าๆ ซึ่งคนส่วนใหญ่ทำงานให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เชื่อว่าเงินของอดีตนายกรัฐมนตรีจะช่วยดูแลพวกเขาได้

       แต่ถ้าถามว่าลักษณะเช่นนี้เรียกว่าเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ ต้องขอตอบว่า คำว่าประชาธิปไตยที่ปราศจากศีลธรรมที่ว่าย่ำแย่ที่สุดแล้ว ยังเทียบไม่ได้กับความยุติธรรมที่เป็นสิ่งจำเป็นกว่านั้น

       "ย้อนกลับไปที่อริสโตเติล หากคุณเป็นประชาธิปไตย แต่คุณฉ้อโกงทำร้ายผู้อื่น เราเรียกว่าทรราช  คุณไม่มีศีลธรรม ไม่ยุติธรรม นั่นเป็นระบบที่เลวร้าย อริสโตเติลกล่าวไว้ว่า ทุกๆ ระบบไม่ว่าจะเป็นระบอบกษัตริย์ ขุนนาง หรือประชาธิปไตย ต้องมีกฎหมาย มีศีลธรรม และเป็นธรรม ที่จะควบคุมอำนาจในทางมิชอบ" นายสตีเฟนกล่าว

       นายสตีเฟนกล่าวต่อว่า สิ่งที่ประเทศไทยเดินผิดทาง คือการปกครองลักษณะเดียวกับประเทศอาร์เจนตินาที่อยู่ภายใต้การนำของ "ฮวน เปรอง" ที่ไปบอกหากเลือกเขาเป็นผู้นำ จะเอาเงินจากคนรวยมาช่วยคนจน ทั้งที่เมื่อปี ๑๙๓๐ ก่อนยุค ฮวน เปรอง อาร์เจนตินาได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่ร่ำรวย แต่เมื่อเจอผู้นำเผด็จการทำลายเศรษฐกิจ และสร้างพรรคเผด็จการ ๗๐ ปีต่อมาอาร์เจนตินากลับต้องเป็นประเทศที่เผชิญกับความยากจนและแตกแยก หากประเทศไทยยังปล่อยไว้เช่นนี้ ก็จะประสบชะตากรรมเดียวกันกับอาร์เจนตินา!

       นายสตีเฟนย้ำอีกว่า ระบบที่ดีอยู่ที่ใครจะสร้างความยุติธรรมในสังคมได้ หรือใครจะปกครองสังคมอย่างมีศีลธรรม ซึ่งต้องมีการตรวจสอบและควบคุมกันและกันได้ เหมือนเช่นรัฐธรรมนูญปี ๒๕๔๐  ที่นับว่าดี แต่มีบางคนที่มีเงินแล้วเข้ามาทำตัวเหมือนหนูที่จะเอาเนยแข็งไปทั้งก้อน ทำให้คุณความดีของรัฐธรรมนูญสูญหายไป เกิดเหตุผู้คนไม่พอใจ ทำการประท้วง หรือปฏิเสธการประนีประนอม

      โดยที่ผ่านมา ได้ยิน พ.ต.ท.ทักษิณพูดตลอดว่า เหตุการณ์รัฐประหารเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ปี ๒๕๔๙ ที่ล้มล้างอำนาจเขา นับเป็นการข่มเหงเขามาตลอด ทั้งที่ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ทักษิณไม่เคยพูดว่า ตนเองฝ่าฝืนเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และทำลายกฎหมายอย่างไร ยังไม่นับกับสร้างความชอบธรรมและอะลุ้มอล่วยทางกฎหมาย คือ หากจะพูดให้ชัดเจน พ.ต.ท.ทักษิณเองที่เป็นฝ่ายทำให้กระบวนการล่มสลาย และการรัฐประหารเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของการล่มสลายเท่านั้น

       "ตอนนั้นผมรู้สึกเศร้าใจ อะไรคือทางออกของไทย ถ้าเดินหน้าต่อไป พ.ต.ท.ทักษิณอาจดำเนินเหตุการณ์ไปจบลงด้วยเผด็จการแบบจีน ซึ่งไม่ดีต่อประเทศไทยแน่ๆ แต่ถ้าเลือกรัฐประหารมันก็ขัดรัฐธรรมนูญ ซึ่งประเทศไทยไม่ควรตกอยู่ในจุดนั้น ไม่ใช่เพราะกองทัพ ไม่ใช่เพราะคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  ไม่ใช่เพราะ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ แต่เป็นเพราะคนคนนึงกับทีมของเขาเอง" นายสตีเฟนกล่าว

       สำหรับกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ โทษ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ว่าอยู่เบื้องหลังความเดือดร้อนของประเทศ นายสตีเฟนกล่าวประเด็นนี้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนฉลาดในการพูด ดังนั้น เขารู้จักหัวใจคนไทยดี รู้ว่าควรจะพูดอะไรให้คนไทยคิดเหมือนเขา ซึ่งในตะวันตกเรียกว่าเป็นผู้ปลุกปั่น โดยเขาจะศึกษาตัวตนของคนฟังว่ามีอารมณ์อย่างไร  แล้วก็พูดในสิ่งที่คนอยากได้ยิน ไม่ใช่ด้วยความรู้สึกชอบหรือห่วงใย แต่เป็นเพราะต้องการอะไรบางอย่าง  นั่นคือ เสียงโหวตและความภักดี

       ท้ายสุด นายสตีเฟนกล่าวว่า ยังหวังว่าความแตกแยกทางการเมืองในประเทศไทยจะสามารถแก้ไขได้ ถ้าหากทุกฝ่ายนั่งลงแล้วคุยกันถึงวิธีแก้ปัญหาแล้วทำงานร่วมกัน โดยทุกคนควรมีจิตสำนึกในสิ่งที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม จริยธรรม และความภาคภูมิใจที่เป็นคนไทย พร้อมทั้งไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนหรือต้องฟังใคร รวมทั้งที่สำคัญกว่านั้น หากความทะเยอทะยานของ พ.ต.ท.ทักษิณถูกนำออกไปจากบริบท ปัญหานี้ก็น่าจะมีทางออกสักทาง

        "ยารสหวานๆ แบบฉบับไทยๆ กินทุกๆ วันเป็นเดือนหรือ 3 เดือนแล้วคุณจะดีขึ้นเอง ดีกว่ายาที่กินวันเดียว แต่คนอาจไม่ชอบ ยานี้คืออะไร ผมว่ามันต้องมาจากผู้นำรัฐบาล ผู้นำพรรคการเมือง พวกเขาอาจต้องกลืนยาขม จะต้องไม่มีใครรับสินบน ใช้เวลา 3 ปี ตำรวจและทุกๆ คนต้องทำหน้าที่ของตัวเอง นี่คือยาขมทำให้คนไทยได้เห็นว่านี่คือกฎเกณฑ์ใหม่" นายสตีเฟนกล่าว

       ขอให้ความสุข ความเจริญ จงมีกับประเทศไทย-คนไทย และคนที่รัก-รู้จักประเทศไทย "ด้วยเข้าถึง"  ทุกคน-ทุกท่าน เทอญ.


http://www.thaipost.net/news/130510/22134
      บันทึกการเข้า
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #1999 เมื่อ: 13 พฤษภาคม 2553, 10:34:08 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 12 พฤษภาคม 2553, 13:39:47
อ้างถึง
ข้อความของ prapasri AH เมื่อ 10 พฤษภาคม 2553, 10:39:09
หนูอ้อย14 ถ้าอากาศไม่ร้อน  พรุ่งนี้พี่เข้ากรุงเทพ แล้วจะพาน้องติ๊บไปสมุยนะ

สน...มะ

เหยง คะ พี่แอ๊ะไม่ได้ไปสมุยแล้วล่ะเพราะ ลูกต้องรีบกลับมาช่วยพี่หาญตรวจคนไข้
พี่หาญจะเหงาๆ พอพี่แอ๊ะไม่อยู่เลยต้องรีบกลับ

แต่ต้องมาเข้าเวบ ทั้งๆที่ตาจะปิดอยู่แล้ว ง่วงนอนค่ะ ตื่นตี4 มาเครื่อง6โมง

ได้ไปชิดลมแล้ว เห็นเป็นป้อมปราการ ของไอ้แดงคนชั่ว ครองเมืองจริงๆ
ทำกันยังกะเมืองไทยเป็นของ พวกมันพวกเดียว ป่าเถื่อนที่สุดดดดดดดดด

รถติดวินาศสันตะโร




      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
  หน้า: 1 ... 78 79 [80] 81 82 ... 131   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><