23 พฤษภาคม 2567, 10:14:01
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 80 81 [82] 83 84 ... 131   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: [2513] "ซำบายดีพี่แอ๊ะ ๑๓"  (อ่าน 722265 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2025 เมื่อ: 14 พฤษภาคม 2553, 13:14:29 »

อ่านข่าวย้อนหลัง นสพ.ไทยโพสต์ ซึ่งวันนี้ขายดีที่สุด แผงที่จังหวัดนครสวรรค์หมดก่อนฉบับอื่น

ยิงหัว'เสธ.แดง'! สไนเปอร์ส่องมุมสูงถล่มM79กราดM16สวนจากฝั่งม็อบ
ข่าวหน้า 1  14 พฤษภาคม 2553 - 00:00

       ดับ "เสธ.แดง" คาดสไนเปอร์ยิง กระสุนเจาะด้านขวาทะลุท้ายทอยระหว่างคุยสื่อนอก อาการเป็นตายใกล้เคียงกัน "ลูกสาว" น้ำตานองหน้าบอกไม่ต้องยื้อชีวิตหากไม่ไหว เพราะ "พ่อเหนื่อยมามาก" แกนนำ นปช.ขี้ขึ้นสมอง สั่งเพิ่มการ์ดพรึ่บ งดไฮด์ปาร์ก สวมเสื้อเกราะทันที ปูดหลายคนถอดใจแต่กลัวถูกด่าทรยศ เชื่อ "กี้" ถูกหมายหัวคนต่อไป "ตู่" ป้าย  "มาร์ค-เทพ-ห้อย" สั่งยิง ลั่นพร้อมพลีชีพ

      การชุมนุมของคนเสื้อแดงท่ามกลางมาตรการปิดล้อมของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ในช่วงค่ำ ได้เกิดเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น เมื่อเวลาประมาณ 19.20 น. ที่บริเวณแยกศาลาแดง มีรายงานในพื้นที่ว่า พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ อาการสาหัส

      และทันทีที่เกิดเหตุการณ์ยิงเสธ.แดง ก็เกิดเสียงระเบิดดังต่อเนื่องถึง 4 ครั้ง โดยคาดว่าจะเป็นระเบิดเอ็ม 79 ในบริเวณดังกล่าวด้วย พร้อมทั้งมีเสียงยิงปืนหลายชนิดทั้งเอ็ม 16 และอาก้านานกว่า 10 นาที ในขณะที่ฝ่าย นปช.ก็มีการยิงพลุและตะไลขึ้นฟ้าอย่างต่อเนื่อง

โดยคาดว่ามีผู้บาดเจ็บกว่า 20 คน

      ข่าวการยิงเสธ.แดงในช่วงแรกมีความสับสนอย่างมาก โดยระบุว่าถูกยิงที่หน้าอก แต่ในเวลาต่อมาก็มีการยืนยันว่าถูกยิงที่ศีรษะ อาการสาหัส โดยถูกนำส่งตัวที่ รพ.หัวเฉียวแล้ว

      ในขณะที่ นพ.เพชรพงษ์ กำจรกิจการ ผู้อำนวยศูนย์เอราวัณ สำนักการแพทย์ฉุกเฉิน กทม.ก็ให้สัมภาษณ์เนชั่นทีวี ยอมรับ พล.ต.ขัตติยะถูกยิงที่ศีรษะ อาการสาหัส รักษาอาการที่ รพ.หัวเฉียวแล้ว

      ส่วนทีวีไทยได้รายงานถึงสถานการณ์ดังกล่าวว่า จากการสอบถามผู้อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า เสธ.แดงยืนให้สัมภาษณ์นักข่าวต่างประเทศอยู่ 4-5 คน บริเวณด้านนอกแนวด่าน นปช. ก็มีกระสุนไม่สามารถระบุแนวยิงได้มาถูกเสธ.แดง และหลังจากนั้นก็เห็น เสธ.แดงล้มฟุบบนถนน โดยมีแผลที่ศีรษะด้านขวา การ์ด นปช.จึงได้นำตัวไปส่ง รพ. ซึ่งตอนแรกจะนำส่ง รพ.จุฬาฯ แต่กลัวว่าจะมีปัญหาจึงนำส่ง รพ.หัวเฉียว

      โดยสภาพของเสธ.แดงที่มาถึง รพ.นั้น ต้องนอนอยู่บนเปลหาม โดยมีผ้ากอซพันอยู่รอบศีรษะเพื่อห้ามเลือด ก่อนที่จะนำตัวเข้าไปที่ศูนย์เอกซเรย์สมองทันที  และเมื่อเวลา   20.15  น.  เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลก็ได้เข็นเตียงคนไข้ ซึ่งมี  พล.ต.ขัตติยะนอนอยู่จากศูนย์เอกซเรย์สมองเพื่อจะไปห้องไอซียู ทั้งนี้ สภาพ พล.ต.ขัตติยะถูกพันด้วยผ้ารอบศีรษะ ใส่เครื่องช่วยหายใจ  โดยระหว่างเข็นรถพยาบาลดังกล่าว  เจ้าหน้าที่พยายามเอาผ้าขนหนูมาบังหน้า พล.ต.ขัตติยะไว้  แล้วเข็นเข้าลิฟต์  และปิดประตูห้องไม่ให้สื่อและบุคคลภายนอกเข้าไป จะมีแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าไปได้เท่านั้น

      ในขณะที่ น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล ลูกสาวของ เสธ.แดงก็มาถึง รพ.ทันทีที่ทราบข่าว ด้วยใบหน้าที่เศร้าหมองและห่วงใยอาการบิดาอย่างเห็นได้ชัด โดยไม่มีการให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่กลุ่มผู้ชุมนุมทราบข่าวการยิง พล.ต.ขัตติยะ  ก็แห่กันมารวมตัวที่หน้า รพ. โดยบางคนก็ร้องไห้ ตะโกนเรียกชื่อ เสธ.แดง  พร้อมส่งเสียงโห่ร้องเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่เข็นเตียงคนไข้เข้าไปห้องไอซียู

      ในขณะที่ เวลา 20.45 น. พล.ต.ท.สัณฐาน  ชยนนท์ ผบช.น.  และ พล.ต.ต.วิชัย  สังข์ประไพ ผก.น.1  เข้ามาดูสถานการณ์ที่ รพ.อยู่บริเวณห้องผู้ป่วย ส่วนบริเวณรอบ รพ.ก็มีทหารและตำรวจมาตั้งด่านตรวจระเบิด รวมทั้งตรวจอาวุธอย่างเข้มงวดแก่ผู้เข้า-ออก รพ. ซึ่งทำให้เกิดเหตุปะทะกันเล็กน้อยระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารและผู้ชุมนุมที่จะบุกเข้า รพ.  แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาห้ามปรามไว้  จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมพยายามไล่ทหารให้ออกไปจากบริเวณดังกล่าว ท้ายสุดก็ถอยร่นออกไป และขึ้นไปอยู่ตามตึกสูงแทน ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งด่านตรวจอาวุธบริเวณทางเข้าหน้า รพ.อย่างเข้มงวด

ไม่เข้าจุฬาฯ อ้างไม่ไว้ใจ

      นางพวงเพชร พ่วงมลคล การ์ดเคลื่อนที่ นปช.ผู้เห็นเหตุการที่เสธ.แดงถูกยิง เล่าพร้อมดมยาดมว่า ตอนเกิดเหตุเสธ.กำลังยืนให้สัมภาษณ์นักข่าวต่างประเทศ ซึ่งมีการ์ดยืนอยู่กับเสธ.แดงด้วย  บริเวณแยกศาลาแดง ตอนนั้นอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุ 50 เมตร พอได้ยินเสียงดังขึ้น 3 ครั้ง ก็หันไปเห็นเสธ.แดงล้มลงไป แต่ไม่เห็นแนวกระสุนจากทางไหน เพราะบริเวณนั้นมีตึกสูงหลายที่ จากนั้นก็วิ่งเข้าไปดูเห็น เสธ.แดงถูกยืงศีรษะด้านขวา เลยช่วยกันนำตัวขึ้นรถกระบะเพื่อขอทางออกมาส่ง รพ. แต่ตอนนั้นก็ตัดสินใจว่าจะไม่เข้า รพ.จุฬาฯเพราะเข้าไม่ได้ ไม่ไว้ใจ จึงจ้างรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างให้ขับนำทางไป รพ.หัวเฉียว

      "ตอนนำตัว เสธ.แดงมา ชีพจร เสธ.แดงยังเต้น รู้สึกตัว แต่พูดคุยไม่ได้ พอเข้ามาถึงห้องฉุกเฉิน รพ.ก็รีบเข้าไปเอกซเรย์ 19.30 น." นางพวงเพชรเล่า

      ในขณะที่นายเดเนียล เชิร์ฟ ผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุเสียงอเมริกา (วีโอเอ) ก็ระบุเหมือนกันว่า เห็น พล.ต.ขัตติยะถูกยิง โดยมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นฝีมือของมือปืนซุ่มยิงหรือสไนเปอร์ และหลังจาก พล.ต.ขัตติยะถูกยิง ก็มีเสียงปืนยิงต่อสู้และเสียงระเบิดเกิดขึ้นภายในพื้นที่ปิดล้อมของม็อบด้วย

      ด้านสำนักข่าวต่างประเทศ อาทิ บีบีซี รอยเตอร์ และอัลจาซีเราะห์ ต่างรายงานถึงเหตุการณ์การยิงเสธ.แดงเช่นกัน โดยระบุว่า เป็นนายพลที่สนับสนุนกลุ่มคนเสื้อแดงได้ถูกยิงจนได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่จะถูกนำตัวไปโรงพยาบาล

      พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี  อดีตรอง ผอ.กอ.รมน. อดีตผู้บังคับบัญชาเสธ.แดง ระบุว่า เท่าที่ทราบตอนนี้เสธ.แดงยังไม่ตายนะครับ  และยังติดตามข่าวจากสื่ออยู่ แต่เข้าห้องไอซียู อาการสาหัส

      ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเมินสถานการณ์ตอนนี้อย่างไรบ้าง  พล.อ.พัลลภกล่าวเสียงเศร้าว่า ขอไม่ประเมินอะไรทั้งนั้น  และไม่ขอมองภาพรวมอะไรด้วย มันยังไม่ถึงเวลา ขอมีความชัดเจนมากกว่านี้ก่อน

      นพ.สามารถ ตันอริยะกชุล รองผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร กล่าวถึงอาการ พล.ต.ขัตติยะว่า สาหัส ขณะนี้กำลังส่งเข้าเครื่องเอกซ์เรย์คอมพิวเตอร์เพื่อดูเนื้อสมองว่าถูกทำลายมากน้อยแค่ไหน เพื่อทำการรักษาต่อไป ขณะนี้ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ คาดว่าแผลเกิดจากอาวุธความเร็วสูง หากสมองถูกทำลายมากคงลำบาก เพราะอาการค่อนข้างสาหัส

      ในเวลา 21.00 น. รายงานข่าวแจ้งว่า ระหว่างที่อยู่ในห้องไอซียู  ทีมแพทย์ได้พยายามปั้มหัวใจเสธ.แดง หลายครั้ง เนื่องจากหัวใจเต้นอ่อนมาก เบื้องต้นได้ทีมแพทย์คาดว่าอาจจะย้ายเสธ.แดงไปรักษาตัวที่ รพ.ราชวิถี เนื่องจากมีอุปกรณ์พร้อมกว่า

      ส่วนด้านนอก รพ. คนเสื้อแดงกว่า 200 คน ก็ยังรอเข้าไปเยี่ยมอาการเสธ.แดงอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่ยอมให้เข้าไป ทำให้ผู้ชุมนุมด่าทออยู่ตลอดเวลา

ลูกบอกให้ปล่อยพ่อไม่ต้องยื้อ

      มีรายงานข่าว น.ส.ขัตติยาพร้อมญาติ หลังจากได้รับทราบอาการของเสธ.แดงก็ได้บอกกับคณะแพทย์ว่า ถ้าอาการไม่ไหวแล้วก็ไม่ให้ยื้อชีวิต เพราะพ่อได้เหนื่อยมามากแล้ว ซึ่งเมื่อกล่าวจบก็ได้หลั่งน้ำตานองหน้าทันที

สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินยืนยันว่า บาดแผลของ เสธ.แดงถูกยิงทางด้านขวา ทะลุท้ายทอย

       ล่าสุด มีรายงานข่าวแจ้งว่า พล.ต.ขัตติยะได้เสียชีวิตลงแล้ว แต่ได้มีการขอร้องไม่ให้คณะแทพย์มีการแถลงข่าวแต่อย่างใด โดยรอให้ถึงวันที่ 14 พ.ค.ก่อน

      ด้านเวทีราชประสงค์นั้น หลังเหตุการณ์ยิงเสธ.แดง ในช่วงต้นยังคงมีการปราศรัยเป็นปกติ แต่หน่วยการ์ด นปช.ก็มีการตรึงกำลังโดยรอบพื้นที่ชุมนุมกันอย่างหนาตากว่าปกติ  โดยเฉพาะทางเข้า-ออกเวทีปราศรัย มีการ์ดไม่ต่ำกว่า 10 คน ดูแลความเรียบร้อย ส่วนประชาชนที่ทราบข่าวว่า พล.ต.ขัตติยะถูกยิง ก็จับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นข่าวความจริงหรือไม่ และมีประชาชนบางส่วนที่ตั้งเต็นท์อยู่ตรงข้ามโรงพยาบาลตำรวจ ได้นำท่อนเหล็กและท่อนไม้ปลายแหลมมาถือไว้คนละอัน

       อีกด้านหนึ่ง บริเวณด้านหลังเวทีราชประสงค์ หลังมีข่าวยิง พล.ตขัตติยะถูกลอบยิงทำให้บรรดาแกนนำเสื้อแดงได้มารวมตัวกันที่หลังเวที และมีการเช็กข่าวกันเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด พร้อมกับสั่งเพิ่มการ์ด นปช. ร่าม 100 คน เข้าแถวเรียงหน้าคอยคุ้มกันบริเวณหน้าเวทีปราศรัย และเพิ่มจำนวนการ์ดคุ้มกันแกนนำมากขึ้น โดยหลายคนได้ใส่เสื้อเกราะกันกระสุนจากที่ไม่เคยใส่มาก่อน

      และตั้งแต่ช่วงค่ำเป็นต้นมาหลัง เสธ.แดงถูกยิง แกนนำหลายคนซึ่งปกติขึ้นเวทีปราศรัยในช่วงค่ำ ก็ไม่ได้ขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัย ในขณะที่แกนนำเสื้อแดงคนหนึ่งวิเคราะห์ว่า การลอบยิงเสธ.แดงเป็นการเตือนแกนนำให้รีบยุติการชุมุนม โดยบุคคลที่แกนนำเป็นห่วงว่าอาจเป็นรายต่อไปคือนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง จึงได้สั่งเพิ่มการ์ดคุ้มกันนายอริสมันต์เพิ่มขึ้น

      ทันทีที่มีภาพข่าวยืนยันว่าเสธ.แดงถูกลอบยิงจริง แกนนำ นปช.หลายคนอยู่ในภาวการณ์ตึงเครียดทันที โดยเฉพาะนายนิสิต สินธุไพร และนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ต่างมีสีหน้าซีดเผือด ขณะที่แกนนำคนอื่นๆ อาทิ นายจตุพร พรหมพันธุ์ , นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ต่างโทรศัพท์ตรวจสอบสถานการณ์จ้าละหวั่น ส่วนนายอริสมันต์ก็นั่งหน้าเครียดและหารือกับนายณัฐวุฒิและนายจตุพร  ท่ามกลาง การ์ด นปช.นับสิบคนกระจายกำลังคุ้มครองอย่างใกล้ชิด

      แหล่งข่าวในที่ประชุมแกนนำ นปช.กล่าวว่า หลังจากที่นายวีระ มุสิกพงศ์ ประธาน นปช., นายอดิศร เพียงเกษ,  นายวิสา คัญทัพ  และนางไพจิตร อักษรณรงค์ ทยอยถอนตัวออกจากพื้นที่ชุมนุม หลังจากไม่เห็นด้วยมติที่ประชุมแกนนำ นปช.ที่ไม่ยอมยุติชุมนุม รวมทั้งข่าวเสธ.แดงถูกยิง ทำให้แกนนำ นปช.หลายคนเริ่มถอดใจอยากให้มีการเปิดเจรจากับรัฐบาลอีกครั้ง โดย นปช.จะยอมยุติชุมนุม เพื่อให้ชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ได้เดินทางกลับบ้านด้วยความปลอดภัยก่อน  แต่ติดที่นายจตุพรและนายอริสมันต์ ประกาศกร้าวที่จะสู้อย่างถึงที่สุด ทำให้แกนนำหลายคนต่างอึดอัดไม่กล้าแสดงความเห็นคัดค้าน เนื่องจากกลัวถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้ทรยศคนเสื้อแดง

      ยังมีการวิเคราะห์สาเหตุการยิง เสธ.แดงอีกหลากหลายทาง โดยมีการคาดว่าคนร้ายน่าจะยิงออกมาจากสะพานลอย หรือตึกสูงริมถนนพระราม 4 โดยเป้าหมายน่าจะอยู่ที่เสธ.แดงเพียงคนเดียว เพราะคนอื่นๆ ที่อยู่บริเวณนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรง และเชื่อว่าจุดประสงค์ของการยิงน่าจะเพื่อปลุกเร้าให้ผู้ชุมนุมเกิดความโกรธแค้นและมาร่วมชุมนุมกันมากขึ้น  เนื่องจากที่ผ่านมาหากมีเหตุการณ์รุนแรง ก็จะสามารถระดมคนเข้ามาร่วมได้เป็นจำนวนมาก

       ในขณะที่การสัมภาษณ์ของ เสธ.แดงเมื่อวันที่ 12 พ.ค.นั้น พล.ต.ขัตติยะยอมรับว่าเกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงกับนายอารีย์ ไกรนรา หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของกลุ่มคนเสื้อแดง จากประเด็นการแบ่งเงินและอำนาจไม่ลงตัว

        พล.ต.ขัตติยะบอกว่า นายอารีย์มีนักเลงอยู่ในการควบคุมเป็นจำนวนมาก โดยนักเลงเหล่านั้นมีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยด้านหลังเวทีเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นคนละส่วนกับกองกำลังของเสธ.แดง ซึ่งนายอารีย์เป็นผู้หากินกับการ์ดมาโดยตลอด เมื่อได้รับเงินมาก็จะอมเอาไว้ จ่ายให้ไม่ครบ ทำให้มีการ์ดบางส่วนรู้สึกไม่พอใจจึงมาเข้าร่วมกับเสธ.แดง

       "เสธ.แดงเองก็มีกองกำลังของตัวเองอยู่ แต่เมื่อมีการ์ดที่ถูกนายอารีย์อมเงินเข้ามาเสริม ก็ทำให้เสธ.แดงแข็งแกร่งขึ้น และเป็นเหตุให้นายอารีย์ไม่พอใจอย่างยิ่ง" พล.ต.ขัตติยะระบุไว้เมื่อวันที่ 12 พ.ค.

แดงคลั่งทำลายสิ่งของ

      ด้านความรู้สึกของผู้ชุมนุม เมื่อเวลา 20.30 น. ที่บริเวณสีลม แยกศาลาแดงนั้น กลุ่มผู้ชุมนุมมีอาการคลุ้มคลั่งอย่างหนัก เนื่องจากไม่พอใจที่เสธ.แดงถูกยิง โดยได้เข้าทำลายสิ่งกีดขวาง รื้อกั้นเหล็ก และทุบทำลายกล้องซีซีทีวีบริเวณรอบศาลาแดง

     เวลา 21.05 น. นายจตุพร  พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. ได้ขึ้นปราศรัยกรณีที่ พล.ต.ขัตติยะถูกยิงว่า ถ้านายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี, นายสุเทพ เทือกสุบรรณ  รองนายกด้านความมั่นคง, นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ถ้าอยากจะยิงก็ยิงได้เลย  ถ้าคิดว่าการที่เสธ.แดงถูกยิงแล้วจะทำให้พวกตนไม่กล้าขึ้นบนเวทีปราศรัยนั้น เข้าใจผิด สิ่งที่นายอภิสิทธิ์ประกาศออกมาว่าพูดปรองดอง แต่สิ่งที่พูดนั้นไม่เคยพูดออกมาจากหัวใจ มันเป็นเพียงมารยาเท่านั้น

      นายจตุพรกล่าวอีกว่า นายอภิสิทธิ์ต้องการฆ่า และฆ่าเท่านั้น เพื่อรักษาตำแหน่งนายกฯ ตอนนี้คนเสื้อแดงกำลังไหลเข้ามาที่นี่แล้ว และจะได้รู้ว่าใครเป็นส่วนใหญ่ของประเทศ หลายคนอาจช็อก แต่ในความโชคร้ายยังมีโชคดี เพราะ เสธ.แดงยังมีชีวิต ตอนนี้ไม่ต้องเสียดายชีวิต อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ถ้าจะต้องเสียเลือด เสียชีวิต และต้องตายและได้มาซึ่งประชาธิปไตยเราก็พร้อม

      "ถ้าความตายอยู่ตรงหน้าก็จะเดินเข้าหามัน อภิสิทธิ์ สุเทพ เนวิน  เราอยู่นี่มายิงได้เลย ไม่ต้องรอถึง 6 โมงเช้า มาฆ่าได้เลย  พวกเราจะออกจากที่นี่แบบราชสีห์  เราจะไม่เดินออกไปแบบผู้แพ้ แต่สำหรับผู้สั่งฆ่าประชาชนต้องตายตกตามกัน" นายจตุพรกล่าวอย่างดุดัน

      เมื่อเวลา 21.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณหน้าประตูรถไฟใต้ดินสวนลุมพินี แยกถนนวิทยุ ได้มีประชาชนคนเสื้อแดงมารวมตัวกว่า 100 คน เพื่อมากดดันทหารที่ประจำการอยู่ในสวนลุมพินี โดยผู้ชุมนุมได้นำแผงกั้นพลาสติกสีส้มมากั้นทางเข้า-ออกเพื่อกันไม่ไม้ทหารสามารถออกมาได้ พร้อมกับตะโกนด่าทอ ขับไล่ทหารออกไปเป็นระยะ หลังจากนั้นได้มีเสียงประทัดดังขึ้นประมาณ 3-4 นัด ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารต้องยิงกระสุนยางออกมา  ซึ่งทำให้คนเสื้อแดงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และได้นำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง อีกทั้งเหตุจากการยิงประทัดขึ้นนั้น ทำให้ประทัดได้พลัดตกลงมาตรงหน้ารถแท็กซี่ที่จอดอยู่ตรงฝั่งถนนพระราม 4  ส่งผลให้กระจกด้านหน้าร้าว อย่างไรก็ตาม การจราจรที่บริเวณดังกล่าวยังเป็นปกติ แต่น่าสังเกตว่าได้มีรถมอเตอร์ไซค์และรถแท็กซี่ได้เดินทางเข้ามาที่บริเวณสวนลุมฯ อย่างต่อเนื่อง

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เมื่อเวลา 22.30 น. ได้เกิดเหตุตึงเครียดที่บริเวณแยกสวนลุมพินีตัด ถ.สาทร  เมื่อกลุ่มคนเสื้อแดงเกือบพันคน ได้รวมตัวกันเพื่อขับไล่ทหารที่อยู่ในสวนลุมฯ ทำให้ทหารย้ายกำลังออกจากสวนลุมฯ แล้วเข้าไปอยู่ที่ตึกอื้อจื้อเหลียง ถนนพระราม 4 จากนั้นกลุ่มคนเสื้อแดงที่เห็นเหตุการณ์ก็ได้พยายามเข้าไปไล่  โดยช่วงเวลาดังกล่าวมีเสียงปืนและเสียงคล้ายระเบิดดังขึ้น 3-4 ครั้ง ส่งผลให้ผู้ชุมนุมพยายามปลุกเร้าประชาชนในพื้นที่ให้ช่วยกันให้ขับไล่ทหารออกไปให้หมด และขณะนี้บรรยากาศยิ่งเพิ่มระดับความตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ.

http://www.thaipost.net/node/22191

      บันทึกการเข้า
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #2026 เมื่อ: 14 พฤษภาคม 2553, 13:55:11 »

ถ้า ฉัน เป็นเฉแดงงงงงงง

ฉัน จะบริจาค หัวใจ ตับ ลูกกะตา ให้ผู้รอปลูกถ่ายอวัยวะ

เฉ...จะได้ มีบุญ เกิดเป็นคนดีในชาติหน้าได้


เพราะตอนนี้ที่เสียไปคือสมอง ซึ่งอย่างที่บอกไม่ตายก็เลียงไม่โต

หัวใจ ตับ ลูกกะตา ยังใช้ได้อยู่

      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #2027 เมื่อ: 14 พฤษภาคม 2553, 14:01:04 »

บริจาคไปซะเฉ....

จะได้ได้บุญนะเฉ เพื่อลบรอยบาปที่เฉ...killed คนดีๆไปมากมายยยยยยยยย
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #2028 เมื่อ: 14 พฤษภาคม 2553, 19:31:16 »

อ้างถึง
ข้อความของ prapasri AH เมื่อ 14 พฤษภาคม 2553, 13:55:11
ถ้า ฉัน เป็นเฉแดงงงงงงง

ฉัน จะบริจาค หัวใจ ตับ ลูกกะตา ให้ผู้รอปลูกถ่ายอวัยวะ

เฉ...จะได้ มีบุญ เกิดเป็นคนดีในชาติหน้าได้


เพราะตอนนี้ที่เสียไปคือสมอง ซึ่งอย่างที่บอกไม่ตายก็เลียงไม่โต

หัวใจ ตับ ลูกกะตา ยังใช้ได้อยู่

อ้างถึง
ข้อความของ prapasri AH เมื่อ 14 พฤษภาคม 2553, 14:01:04
บริจาคไปซะเฉ....

จะได้ได้บุญนะเฉ เพื่อลบรอยบาปที่เฉ...killed คนดีๆไปมากมายยยยยยยยย


ขอขอบคุณพี่แอ๊ะแทนเฉ .. ที่ช่วยแนะนำทางสร้างบุญ ลบบาป ..      sorry
      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2029 เมื่อ: 14 พฤษภาคม 2553, 21:03:44 »

พี่แอ๊ะครับ

คุณสนธิ ลิ้มทองกุล กำลังออกรายการ ที่ ASTV-News1 อยู่ครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2030 เมื่อ: 14 พฤษภาคม 2553, 21:27:17 »

ยกคำร้องนปช.ค้านทหารสลายการชุมนุม

ศาลแพ่งยกคำร้อง นปช. ร้องขอศาลห้ามทหารใช้กำลังสลายการชุมนุม ชี้ยังไม่มีเหตุผลอันสมควรและเพียงพอที่จะนำวิธีการคุ้มครองชั่วคราว....

วันที่ 14 มี.ค.ที่ศาลแพ่ง นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้มอบอำนาจให้ทนายความ ยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวขอให้ศาลแพ่งมีคำสั่งไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้า สลายการชุมนุมโดยใช้อาวุธสงครามและห้ามมิให้มีการปิดกั้นหรือขัดขวาง ไม่ให้รถขนอาหารและน้ำดื่มเข้าไปบริเวณพื้นที่การชุมนุมบริเวณแยกราชประสงค์ โจทก์ฟ้องว่า

กรณีที่ นายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ในฐานะผู้อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) สั่งการให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน มีประกาศ ศอฉ. เรื่อง ห้ามการใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะ ฉบับลงวันที่ 13 พ.ค.2553 เพื่อห้ามมิให้นำอาหาร น้ำดื่ม ยารักษาโรคส่งถึงภายในบริเวณที่ชุมนุมบริเวณแยกราชประสงค์ ถือเป็นการกระทำที่ละเมิดต่อรัฐธรรมนูญ กฎหมาย คำสั่งศาล โดยไม่สุจริต โจทก์ จึงขอให้ศาลแพ่งมีคำสั่งห้ามมิให้เจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติตามคำสั่งของ นายอภิสิทธิ์ กับพวก ที่สั่งปิดกั้นเส้นทางคมนาคม และขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้เจ้าหน้าที่รัฐ ที่เข้าสลายการชุมนุมใช้อาวุธสงครามใดๆ กระทำต่อประชาชนผู้ร่วมชุมนุมโดยเด็ดขาด

ต่อมาช่วงค่ำศาลแพ่งมีคำสั่ง โดยพิเคราะห์คำร้องประกอบคำไต่สวนพยานโจทก์แล้วเห็นว่า การที่นายอภิสิทธิ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ ในฐานะผอ.การแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน กำกับควบคุม สั่งการให้ พล.อ.อนุพงษ์ หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน มีประกาศ ศอฉ. ดังกล่าว ต่อมามีการปฏิบัติการตามประกาศนั้น เพื่อสกัดกั้นมิให้ประชาชนที่อยู่นอกพื้นที่การชุมนุมทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเข้ามาสมทบกับกลุ่มผู้ชุมนุมเดิม บริเวณสี่แยกราชประสงค์นั้น เป็นมาตรการหนึ่งในการสลายการชุมนุมเพื่อให้เกิดความสงบสุขในบ้านเมืองไม่ กระทบต่อความมั่นคงของรัฐและไม่ส่งผลเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศอั เป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร ที่จำเป็นต้องดำเนินการ แม้การปฏิบัติการดังกล่าวจะทำให้ผู้ชุมนุมได้รับความกระทบกระเทือนต่อความเป็นอยู่ ตามคำร้องอยู่ในมาตรการการรักษาความสงบเรียบร้อยประการหนึ่ง เป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร ศาลจึงมิอาจก้าวล่วงไปพิจารณาหรือทบทวนการใช้ดุลพินิจของฝ่ายบริหารเช่นว่านั้นได้

ส่วนที่โจทก์ขอให้มีคำสั่งห้ามเจ้าหน้าที่ใช้อาวุธสงครามต่อประชาชนผู้เข้า ร่วมชุมนุมนั้น เห็นว่าข้อเท็จจริงได้ความจากนายคารม พลทะกลาง ทนายความโจทก์ว่า เหตุการณ์ใช้อาวุธต่อบุคคลที่ระบุในคำร้องไม่อาจ ยืนยันได้ว่าเป็นการกระทำของฝ่ายใด ประกอบกับการที่เจ้าหน้าที่ดำเนินการสลายการชุมนุมเพื่อให้เกิดความสงบสุขในบ้านเมือง โดยมีอาวุธติดตัว หากมีความจำเป็นสามารถนำมาใช้เพื่อระงับยับยั้งได้ไปตามสถานการณ์หรือ เหตุการณ์เฉพาะหน้า หรือป้องกันตนเองได้ อันเป็นไปตามหลักสากล กรณียังไม่มีเหตุผลอันสมควรและเพียงพอที่จะนำวิธีการคุ้มครองชั่วคราวก่อน พิพากษาตามที่โจทก์ขอมาใช้บังคับได้ จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง.


http://www.thairath.co.th/content/region/82973
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2031 เมื่อ: 14 พฤษภาคม 2553, 21:59:04 »

มอนเตเนโกรสั่งห้ามทักษิณคุยการเมืองป่วนไทย

                                   

คมชัดลึก :นายมิลาน โรเซน รัฐมนตรีต่างประเทศมอนเตเนโกร แถลงเมื่อวันศุกร์ (14 พ.ค.) ว่า รัฐบาลได้สั่งห้ามพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้มอนเตเนโกรเป็นฐานเคลื่อนไหวทางการเมืองแล้ว

 "เราเตือนพ.ต.ท.ทักษิณว่า เขาไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับดินแดนมอนเตเนโกร ด้วยการส่งสารทางการเมืองทุกประเภท ไปยังพรรคพวกของเขา หรือลรรดาผู้ที่ทำงานให้กับทางการไทยในปัจจุบันได้ ซึ่งเป็นสถานะเดียวกับพลเมืองมอนเตเนโกรทุกคน " นายโรเซนย้ำ

  รัฐมนตรีต่างประเทศมอนเตเนโกรกล่าวด้วยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ระหว่างการทำโครงการที่มีความสำคัญอย่างมากให้กับมอนเตเนโกร  พร้อมยืนยันว่า อดีตนายกรัฐมนตรีได้สัญชาติมอนเตเนโกรก่อนที่จะโดนตั้งข้อหาทุจริตคอร์รัปชั่นทุกกระทง และการให้สัญชาติก็เป็นไปตามกระบวนการที่อนุมัติให้กับคนอื่นๆ ในด้านธุรกิจ และวัฒนธรรม

http://www.komchadluek.net/detail/20100514/59111/มอนเตเนโกรสั่งห้ามทักษิณคุยการเมืองป่วนไทย.html
      บันทึกการเข้า
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #2032 เมื่อ: 15 พฤษภาคม 2553, 07:22:18 »

ตลกมากเลย ทักษิน บอกขอปรองดอง

ตอนแรกแกนนำยอมปรองดองแล้ว แต่ตั๊กกก ไม่ยอม

พอเฉ..ตายและทำท่าจะเเย่ กลับมาเรียกร้องปรองดอง
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #2033 เมื่อ: 15 พฤษภาคม 2553, 07:47:05 »



รูปนี้เรียกว่าหาทางลง มีเงินหลายร้อยล้าน แล้วต้องมาหาทางลงแบบนี้จะไหวรื้อ....

ลิงลง หรือคนลง  คนนี้หรือเป็นวีรชน


แน่จริงอย่าหนี

อย่าปล่อยให้ชาวบ้านตายแทนซิ
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #2034 เมื่อ: 15 พฤษภาคม 2553, 08:13:57 »

      บันทึกการเข้า

เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2035 เมื่อ: 15 พฤษภาคม 2553, 10:14:36 »

คุณวณิชย์

ขอบคุณครับที่ส่งข่าวนี้ไปให้

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2036 เมื่อ: 15 พฤษภาคม 2553, 10:20:15 »

บทบรรณาธิการ นสพ แนวหน้า ออนไลน์ วันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม 2553

บทบรรณาธิการ  
 
การกวาดล้างขบวนการนปช. (บทบรรณาธิการ)
 
 
 
     .ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 24 และสมัครพรรคพวกซึ่งประกอบด้วยกลุ่มผลประโยชน์หลายๆ ฝ่ายภายใต้การนำของเขาได้สร้างความเสียหายแก่ประเทศชาติเหลือคณานับคิดเป็นมูลค่าหลายแสนล้านบาท

     การที่เขาและพรรคพวกต้องหมดอำนาจทางการเมืองไปเพราะการรัฐประหารของคณะทหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 นั้นเป็นจุดเริ่มต้นการแตกแยกทางด้านการเมืองในหมู่ประชาชนคนไทยอย่างรุนแรงระหว่างฝ่ายที่ต่อต้านพ.ต.ท.ทักษิณกับฝ่ายที่สนับสนุนเขา

     การเกิดขึ้นของขบวนการ นปช.คนเสื้อแดงซึ่งมีการเรียกขานกันอย่างโก้หรูว่าแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาตินั้นมีฐานที่เชื่อมโยงกับพรรคการเมืองคือไทยรักไทย พลังประชาชนและเพื่อไทยโดยมีหัวหน้าขบวนการใหญ่คือพ.ต.ท.ทักษิณที่อ้างประชาธิปไตยบังหน้าเป็นแกนกลาง

     ขบวนการของคนเสื้อแดงมีฐานใหญ่ที่สำคัญแพร่กระจายอยู่ในพื้นที่รวม 19 จังหวัดประกอบด้วยพื้นที่ กทม.,ชลบุรีโดยเฉพาะที่เมืองพัทยา, สมุทรปราการ, นนทบุรี, ปทุมธานี, นครปฐม, พระนครศรีอยุธยา, ลพบุรี, เชียงใหม่, เชียงราย, ลำปาง, นครสวรรค์, น่าน, พะเยา, นครราชสีมา, ชัยภูมิ, ขอนแก่น, อุดรธานีและศรีสะเกษ

     กลุ่ม นปช.ได้พยายามที่จะใช้พลังมวลชนเข้ามายึดอำนาจรัฐโดยดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2550 มีการปลุกระดมมวลชน การจัดตั้งกองกำลังติดอาวุธ การจัดตั้งโรงเรียนการเมืองฯลฯ

     การจัดตั้งองค์กรสื่อสารมวลชนที่ใช้เพื่อการล้างสมองและปลุกระดมมวลชนครอบคลุมทั้งหนังสือพิมพ์รายวันทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ หนังสือพิมพ์รายปักษ์และรายเดือน สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม สถานีโทรทัศน์เคเบิ้ลทีวีท้องถิ่นและสถานีวิทยุกระจายเสียงชุมชน ฯลฯ

     นปช.ได้พยายามใช้กำลังก่อการร้ายประสานกับความเคลื่อนไหวใหญ่ของมวลชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครขึ้นมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกในเดือนเมษายนปี 2552 ครั้งหลังตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคมปีนี้จนถึงปัจจุบัน

     ล่าสุดขบวนการ นปช.ได้ส่งกำลังเข้ามายึดพื้นที่สี่แยกราชประสงค์ครอบคลุมไปทั่วพื้นที่เขตปทุมวันและเขตบางรักบางส่วนยังผลทำให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจของชาติอย่างมหาศาล รัฐบาลได้พยายามเจรจากับแกนนำ นปช.เพื่อปรองดองระหว่างประชาชนในชาติไทยด้วยกัน

      แต่การเจรจาไม่ประสบผลสำเร็จในที่สุดก็เกิดการปะทะกันระหว่างทหาร ตำรวจกับขบวนการ นปช.ที่ยังดื้อแพ่งยึดพื้นที่สี่แยกราชประสงค์อยู่ในขณะนี้ ถ้าหากดูอำนาจและเหตุผลต่างๆตามกฎหมายแล้วเห็นว่าฝ่ายรัฐบาลมีความชอบธรรมที่จำเป็นที่จะต้องกวาดล้างขบวนการนปช.ให้ปฎิบัติตามกฎหมายและนำความสงบสุขมาสู่ประเทศชาติต่อไป  
 
วันที่ 15/5/2010
 
http://www.naewna.com/news.asp?ID=211111
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2037 เมื่อ: 15 พฤษภาคม 2553, 10:25:56 »

ล้อมกรอบ
ถูกทุกข้อ 15 พฤษภาคม 2553 - 00:00

               จ.ม.ถึงนายกฯ (ฉบับที่ 16)
               จดหมายถึงนายกฯ ฉบับสิบหก
               ปวงชนยังหวาดวิตกไปทั่วหล้า
               เมื่อไพร่แดงไม่ยึดกฎกติกา
               ไม่หวั่นเรื่องอาญาจะตามตัว
     เอาใจช่วยท่านนายกฯ มาตลอด
     ให้ท่านรอดพ้นวิบากจากคนชั่ว
     พวกคนถ่อยแดงไพร่อย่าไปกลัว
     มวลชนยังเป็นรั้วคอยป้องกัน
               ประเทศไทยวันนี้เหมือนมีกรรม
               เพราะมีคนระยำคอยปลุกปั่น
               ชาติบ้านเมืองเสียหายสะใจมัน
               หวังผลักดัน "รัฐไทยใหม่" เพื่อไทยแลนด์
     ท่านนายกฯ ออกโรดแม็พไว้ห้าข้อ
     หวังจะก่อ "ปรองดอง" ให้แนบแน่น
     ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ทั่วดินแดน
     นี่คือแผนหาทางลงให้ไพร่แดง
               ทำไมท่านไม่ใช้ความเด็ดขาด
               ทั้งที่มีอำนาจอันแข็งแกร่ง
               แต่ยังปล่อยม็อบระยำทำรุนแรง
               เที่ยวยุแยงป้ายสีเป็นรายวัน
     ส่งสารามายังท่านนายกฯ
     อย่ามัวแต่วิตกคิดหวาดหวั่น
     เอาคนผิดมาลงโทษในเร็วพลัน
     อย่าอ้างนี่อ้างนั่นกันอยู่เลย
                                                      สมบัติ จันทร์จำรัส
                                                 กวีร่วมสมัยจังหวัดพิษณุโลก

                    ปัญหาระยะยาว                    
เรียน คุณสามวา สองศอก ที่เคารพ
     ก่อนอื่นผมต้องกราบขอโทษที่เขียนจดหมายมารบกวนคุณอีกแล้ว ในขณะที่ปัญหาบ้านเมืองมันกำลังหนักหนา แม้มองเห็นด้านนอกอาจเข้าใจว่ามันลดลง แต่คนมีปัญญาควรจะมองให้ลึกยิ่งกว่านี้
     ทั้งนี้เมื่อด้านบนลด ด้านล่างอาจมีกระแสที่รุนแรงยิ่งขึ้นกว่าเก่า ประเด็นนี้คือหลักธรรมซึ่งมันเป็นธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลง โดยใช้หลักธรรมเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ค้นหาความจริง
     ด้านบนแม้จะลดลง แต่ก็เป็นผลจากการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งผมเห็นด้วยขอให้ทำดีที่สุด แต่โปรดอย่าให้เขาประณามว่า "คนไทยดีแต่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น" ซึ่งเรื่องนี้มันเป็นมานาน จึงน่าเป็นห่วง "ถ้าขืนแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้านเดียว โดยไม่สนใจที่จะแก้ระยะยาว ถ้ามันเกิดขึ้นอีกจะรุนแรงยิ่งกว่าเก่า" นี่คือธรรมชาติซึ่งหลักธรรมะก็ได้ชี้ไว้อย่างชัดเจน
     การที่ถูกสังคมประณามว่า "คนไทยส่วนใหญ่มักแก้ปัญหาระยะยาวไม่เป็น" น่าจะมีเหตุผลสืบเนื่องมาจากการที่คนไทยในยุคหลังๆ คุณธรรมและจริยธรรมภายในจิตใจของแต่ละคนมันลดลงไป ทั้งนี้ ถ้าคนส่วนใหญ่มีคุณธรรมประจำใจ ก็ย่อมมีปัญญาที่จะสามารถมองเห็นการณ์ไกลได้ไม่ยาก
     นี่แหละครับผมมีของจริงที่จะนำมาเสนอให้พิจารณา "ก่อนอื่นคงต้องกราบขออภัยที่นำเรื่องนี้มาเขียน กรุณาอย่าคิดว่าผมมุ่งร้าย ทั้งนี้เพราะติเพื่อก่อ"
     ในยามที่บ้านเมืองกำลังเกิดปัญหาหนัก ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน เราจะต้องมีใจกว้างเข้าหากัน และพร้อมที่จะรับฟังคำวิจารณ์แม้ในทางลบ ถ้าแสดงออกด้วยความจริงใจแล้ว เห็นสมควรนำไปพิจารณาแก้ไข น่าจะเป็นผลดีแก่บ้านเมืองของเรา
     เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา หลายคนคงได้ทราบข่าว การที่ฝ่ายรัฐบาลได้จัดประชุมสัมมนาเรื่อง "การสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชน" ขึ้นที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ โดยเหตุที่ต้องการระดมความคิดในขณะที่บ้านเมืองเกิดปัญหาหนัก
     ผมเป็นคนหนึ่งซึ่งได้รับเชิญให้ไปร่วมประชุมด้วย เช้าวันนั้นผมไปแต่เช้า เพราะตัวเองมีนิสัยที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว ก็ไม่ต้องการให้คนรุ่นหลังต้องมารอเรา สู้ไปล่วงหน้าและเราไปรอเขาจะดีกว่า
     เช้าวันนั้นผมไปถึงที่ประชุมประมาณกว่า 08.30 น. เล็กน้อย เห็นคนนั่งอยู่ไม่กี่คน ส่วนใหญ่เป็นคนมาจากต่างจังหวัดบ้าง แต่เขาก็รู้จักผมดี ผมไม่เห็นผู้ใหญ่ที่ควรจะเป็นหลักนั่งอยู่ตรงนั้นแม้แต่ท่านเดียว
     ผมไปนั่งอยู่ครู่ใหญ่ มองเห็นเอกสารแผ่นสองแผ่นที่วางอยู่ตรงหน้า มีข้อความประโยคหนึ่ง ซึ่งสะดุดใจผมมากๆ ในนั้นได้บอกเอาไว้ว่า "ให้พูดได้คนละไม่เกิน 3 นาที"
     เรื่องนี้ผมนึกทันทีว่าคนทำขาดศิลปะ เมื่อขาดศิลปะก็ย่อมขาดประสบการณ์ ความจริงแล้วการกำหนดให้คนพูดแบบนี้ไม่ควรจะเขียนเอาไว้ "หากอยู่ที่ศิลปะของผู้คุมการพูด ซึ่งยืดหยุ่นได้มากกว่า" สิ่งที่ผมกล่าวมาแล้วทั้งหมดเมื่อนำมาสรุปกันเข้า ก็คงขออนุญาตพูดว่า "แบบผักชีโรยหน้า"
     ผมต้องกราบขออภัยที่พูดเรื่องนี้ ความจริงไม่มีเจตนาจะว่าร้ายใคร แต่ขออนุญาตสอนคนที่รับผิดชอบในการทำ ซึ่งแสดงว่าไม่ได้ทำงานลงมาสู่ด้านล่าง จากจิตวิญญาณที่ให้ความรักความเมตตาแก่ชนรุ่นหลังอย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้นแล้วเรื่องเช่นนี้มันไม่น่าจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีประสบการณ์ในการบริหารและจัดการย่อมอ่านเกมออก
     นี่แหละคือเหตุผลทั้งหมดที่ทำให้ผมต้องหวนกลับมาพิจารณาตัวเองว่า ผมควรจะเลือกเดินทางไหน ซึ่งมีงานที่จำเป็นมากกว่า
     ในที่สุดผมก็ตัดสินใจเลือกกลับบ้าน เพื่อมาทำงานที่สำคัญมากกว่า
     ในขณะที่บ้านเมืองกำลังเดือดร้อนหนัก ผมมีงานล้นมืออยู่แล้ว โดยเฉพาะมีหลักสำคัญอยู่บท
หนึ่งว่า "การสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนซึ่งเป็นคนระดับล่างนั้น คนระดับบนควรมีวิญญาณในการนำตัวเองลงมาเน้นการปฏิบัติอยู่ที่พื้นดิน"
     การสร้างความเข้มแข็งให้แก่รากฐานจิตใจคน ยิ่งเป็นคนระดับล่างซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญด้วยแล้ว การมานั่งประชุมกันอยู่ในห้องมันไม่ได้ผลอะไรมากนัก แต่ควรจะลงมาทำงานร่วมกับคนระดับล่าง ด้วยความรักความจริงใจย่อมได้ผลมากกว่า
     อนึ่ง คงขออนุญาตนำเอาประเด็น "สร้างความเข้มแข็ง" ขึ้นมาพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ผมถือหลักธรรมบทหนึ่งซึ่งกล่าวไว้ว่า "ถ้าเราต้องการสร้างความเข้มแข็งที่รากฐาน โดยเฉพาะคนระดับล่างซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของสังคม คนที่อยู่ด้านบนควรจะมุ่งปฏิบัติ โดยเน้นความสำคัญลงมาสู่ด้านล่างมากกว่า ไม่เช่นนั้นแล้วการแก้ไขปัญหามันก็เป็นแบบผักชีโรยหน้า หรืออีกนัยหนึ่งอาจกล่าวว่าอาจแก้ได้แต่ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น"
     ผมขออนุญาตพูดด้วยความเคารพรัก และความจริงใจที่มอบให้กับทุกคน ไม่ได้คิดประสงค์ร้ายกับท่านผู้ใดทั้งสิ้น โดยเฉพาะผู้บริหารงาน ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่ความคิดของผม แต่เป็นสัจธรรมซึ่งมันไม่ใช่ของใครทั้งนั้น หากเป็นประเด็นธรรมชาติของมนุษย์และสังคม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรและอยู่ที่ไหน ถ้าใครปฏิบัติจากใจจริงย่อมได้ผลทุกเรื่อง
     แม้แต่เรื่องนี้ที่ผมนำมาพูด เกิดจากการปฏิบัติซึ่งตัวเองได้ทำมาแล้ว และได้ผลแล้วจึงนำมา
พูด     
     เมื่อไม่นานมานี้ผมเดินทางไปร่วมชีวิตกับกลุ่มชาวนาซึ่งทำนาแบบเกษตรอินทรีย์ที่นครสวรรค์ และนำเด็กนักเรียนไปร่วมมือเกี่ยวข้าวในนาด้วยกันกับเขาทั้งหลาย ความจริงไม่ใช่เขาจะได้ประโยชน์เท่านั้น แต่ผมคิดว่าตัวเองได้ประโยชน์มากกว่า เพราะใช้ชีวิตอยู่ในเมือง แต่ลงไปทำนาร่วมกับชาวบ้านอยู่บนพื้นดิน ย่อมช่วยให้มีโอกาสเรียนรู้ความจริงจากใจตนเอง อันหมายถึงการเรียนรู้ธรรมะ
     ไม่เพียงเท่านั้นเมื่อไม่กี่วัน ผมก็เดินทางไปร่วมกับเจ้าหน้าที่เขตการศึกษา ซึ่งทำงานอยู่ในชนบทโดยเฉพาะขึ้นไปอยู่บนเขาร่วมกับชาวปกากะญอ ที่อำเภอสะเมิงใต้ บ้านสบลาน
     "เพราะมีเหตุนั้น จึงมีเหตุนี้" เพราะผมขึ้นไปที่นั่นด้วยความรักความเมตตา อีกทั้งความเห็นใจคนระดับล่าง เขาจึงมอบความรักให้กับผมอย่างเป็นธรรมชาติ สิ่งนี้คือการปฏิบัติธรรมที่เห็นผลได้อย่างชัดเจน
     ผมกลับมาแล้วยังนำมาเขียนให้หลายคนเรียนรู้ว่า ตัวเราเองอยู่ในสังคม ควรจะปฏิบัติตัวอย่างไรถึงจะได้รับความสุขอย่างแท้จริง
     ถ้าคุณไม่ลงทุน ไฉนเลยจะได้รับผล เราพูดถึง "นายทุน" ผมก็เป็นนายทุน แต่ไม่ใช่ทุนเรื่องทรัพย์สินเงินทอง หากเป็นทุนความดีความงามที่ควักเอาออกมาจากใจตัวเอง ทุนลักษณะนี้ยิ่งควักออกมาใช้ เราก็ยิ่งได้รับเพิ่มมากยิ่งขึ้นกว่าเก่า ผมรับรองว่าการลงทุนแบบนี้ไม่มีทางขาดทุน มีแต่ได้กำไร โดยเฉพาะกำไรที่หมายถึง ก็คือความสุขที่เกิดจากใจตนเอง
     ผมขออนุญาตเชิญชวนให้ทุกคนลงทุนแบบนี้ ยิ่งใครว่าคุณเป็นนายทุนก็ยิ่งควรภูมิใจมากกว่า เพราะกำไรที่ได้รับนั้นคือความยั่งยืนของวัยวุฒิ นี่คือภาษาจากใจซึ่งทุกคนมีอยู่แล้ว
     ผมรับรองว่าใครปฏิบัติได้ ย่อมควรแก่การเคารพรักจากผู้อื่นอย่างแท้จริง โดยไม่มีใครจะตำหนิคุณได้ เมื่อตำหนิไม่ได้ "ก็ย่อมมีแต่การชื่นชม" นี่ก็คือหลักธรรมอีกบทหนึ่ง
     สิ่งที่ผมกล่าวมาแล้วทั้งหมด ผมขออนุญาตฝากไว้เป็นบทสุดท้ายว่า "เพราะเราไม่อยากได้ เราจึงได้" เพราะฉะนั้นขอให้นำปฏิบัติอย่างมีความสุขก็พอแล้ว
                                        ขอกราบทุกคนมาด้วยความเคารพอย่างยิ่ง
                                                           ระพี สาคริก
ตอบ อาจารย์ระพี                   
     แก้ปัญหาเฉพาะหน้าเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ปัญหาระยะยาวมันก็ลากมาถึงวันนี้ และไม่รู้ว่ามันจะต้องแก้ปัญหาไปอีกนานแค่ไหน ประเทศไทยถึงจะกลับมาสุขสงบอีกครั้ง
                                                        สามวา สองศอก

http://www.thaipost.net/news/150510/22217
      บันทึกการเข้า
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #2038 เมื่อ: 15 พฤษภาคม 2553, 20:02:52 »

จะเล่าเรื่องขำขัน คลายเครียด แต่หามีอารมณ์ไม่....

วันนี้มีเรื่องขำขัน

เรื่อง

พี่อยู่อุบล ไปรักกับคนอุดร

หนทางไม่แน่นอน คนอุดรรักคนอุบลลลลลลลลล

ไว้หายเครียด แล้ว จะเล่านะคะ


ตอนนี้เห็นใจนายกอภิสิทธิ์ ใจจะขาดเเล้วค่ะ

 ปฎิบัติการแบบนุ่มนวล ก็หาว่าไม่ทำอะไร พอปราบอันธพาล เอาจริงเอาจังก็หาว่า

ฆ่าประชาชนนนนนนนน
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2039 เมื่อ: 15 พฤษภาคม 2553, 20:37:43 »

พี่แอ๊ะ

บอกเขาใหม่อีกทีว่า...รัฐบาลฆ่าผู้ก่อการร้าย...ไม่ได้ฆ่าประชาชน
      บันทึกการเข้า
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #2040 เมื่อ: 15 พฤษภาคม 2553, 22:07:36 »

บิ๊กจิ๋วโบกมือลาประเทศไทยแล้วววว ..      หลั่นล้า
      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #2041 เมื่อ: 15 พฤษภาคม 2553, 22:20:53 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 15 พฤษภาคม 2553, 20:37:43
พี่แอ๊ะ

บอกเขาใหม่อีกทีว่า...รัฐบาลฆ่าผู้ก่อการร้าย...ไม่ได้ฆ่าประชาชน


น้องเอ๊ยย

อยู่ยโส แล้ว จะรู้ค่ะ ว่าเขาบอกว่าเขาคือประชาชนที่บริสุทธิ์ต้องทิ้งบ้าน ไร่นาไปเพื่อประชาธิปไตย

คนที่กลับบ้านกันมาบ้าง  เก่งๆ ขึ้นทุกคน  ปราศรัยได้


บางคนเคยปฎิบัติธรรมเป็นคนนุ่มนวล

 กลับมาคราวนี้เเข็งกร้าว ราวกับนักรบ พูดจาฉาดฉาน

เเสนจะน่ากลัว
ถูกล้างสมอง ซะเรียบหมดเลยยยยยยย

พี่แอ๊ะอยู่ทางนี้ต้องทำตัวลีบๆ

ใหญ่ได้เฉพาะในเวบหอ นี่แหละค่า[/b]
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #2042 เมื่อ: 15 พฤษภาคม 2553, 22:23:40 »

เห็นน้อง ดร. มนตรี ไวๆ ไปไหนมาจ๊ะ

คิดฮอด หลาย ไม่ได้ปราศรัย กันหลายวันเเล้ว

พี่แอ๊ะ good night ก่อนนะ
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2043 เมื่อ: 16 พฤษภาคม 2553, 07:58:30 »

คอลัมม์ "คนปลายซอย" ของคุณเปลว สีเงิน ฉบับวันที่ 15 พฤษภาคม 2553 ซึ่งไม่มีขายในจังหวัดนครสวรรค์

ข้อมูลของคุณเปลว สีเงิน ยังทันสมัย อย่างเช่น "นักวิชาการ ประเภทถังสังฆทาน" "ใครสั่งยิง ใครยิง เสธ.แดง" และ "อิทธิพลของสื่อ"

"สงครามข่าวสาร" กับ "ปฏิบัติการสลายม็อบ"
เปลว สีเงิน 15 พฤษภาคม 2553 - 00:00


     ก็เป็นกำลังใจให้ "ทหาร-ตำรวจ" ในปฏิบัติการนำกรุงเทพฯ "คืนเมืองไทย" จากพวกกบฏแดงนะครับ ๑๒ ชั่วโมง "ภาคกลางวัน" กับ ๑๒ ชั่วโมง "ภาคกลางคืน" ที่ผ่านมาเมื่อวาน (๑๔ พ.ค.๕๓) มีผลเป็นอย่างไร คืบหน้าเป็นบวก หรือถอยหลังลบ ตื่นขึ้นมาเช้าวันนี้ท่านก็คงทราบแล้ว  ส่วนปฏิบัติการนี้จะจบแบบ "งามพร้อม" เมื่อไหร่ ผมว่า-ฝ่ายผู้รับผิดชอบคือ ศอฉ. โดยนายกฯ อภิสิทธิ์-ผบ.ทบ.อนุพงษ์ และทหาร-ตำรวจทุกท่าน ท่านปรารถนายิ่งกว่าเราอีกครับ! สิ่งที่ผมอยากจะบอกยามนี้คือ ทุกคนอย่า "สติแตก" และอย่าหวั่นวิตก จนตีโพย-ตีพาย ใครพูดอะไร  ว่าอะไร ก็เป็นไม้เลื้อยตามไปหมด โดยไม่เหลือสติปัญญาเพื่อการใคร่ครวญเหตุการณ์ต่างๆ ไว้กับตัวเอง

     เพราะอะไร?
     เพราะยุคนี้เป็นยุค "สื่อสารครองโลก" ถ้าเราพิจารณาเหตุการณ์ที่เกิดด้วยสติจริงๆ จะเห็นว่าการกระทบกระทั่งระหว่างทหาร-ตำรวจ กับหน่วยกำลังของกบฏแดงไม่ได้ทำกันแบบโกรธแค้น เหมือนศัตรูในสงครามที่ต้องห้ำหั่น เข่นฆ่าอีกฝ่ายให้ตายคาไม้-คามือ อาจพูดได้ว่า
     ตีกัน "ฉันพี่น้อง" ก็ย่อมได้!
     ทหาร-ตำรวจก็ดาหน้า ดันๆ ไปเป้าหมาย "เคลียร์พื้นที่" เห็นไม่ไหวก็ใช้กระสุนยางยิงขับไล่ ฝ่ายหน่วยกำลังผู้ชุมนุมก็ทำแบบ "เอ็งมาข้ามุด-เอ็งหยุดข้าแหย่" ใช้หนังสติ๊กยิงบ้าง พลุ-ตะไลบ้าง เอายางรถมาจุดไฟเผาบ้าง ขับมอเตอร์ไซค์ฉวัดเฉวียนกวนโอ๊ยบ้าง เผลอๆ ก็ล่อ "ของจริง" ซักเปรี้ยง-สองเปรี้ยง ที่เป็นระเบิด เป็นเอ็ม ๗๙ นั้น...แดงเทียมเค้าทำน่ะ แดงฮาร์ดคอร์ "เปล่าทำ"!?
     นี่คือสิ่งที่เกิดบริเวณ แยกศาลาแดง แยกถนนวิทยุ ราชปรารภ ใต้สะพานลอยไทย-เบลเยียม หน้าสนามมวยลุมพินี บ่อนไก่ แยกสารสิน สวนลุมพินี และหน้าโรงพักลุมพินี เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นรอบนอกที่ "ทหาร-ตำรวจ" ค่อยๆ เคลียร์พื้นที่รุกคืบเข้าไป แต่ยังไม่ถึง และยังไม่ได้ทำอะไรกับ "ไข่แดง" คือวงชุมนุมใหญ่ที่ยึดราชประสงค์ไว้


     นั่นก็คือ "พวกฮาร์ดคอร์" อย่างจตุพร-ณัฐวุฒิ-เหวง-แรมโบ้-อริสมันต์ และอีกหลายๆ คนนั้น ยังรอดปลอดภัย นอนหายใจตุ๊มๆ ต่อมๆ ปากแข็ง-ตูดนิ่ม-ขาอ่อน โดยยึดชาวบ้านเป็น "เกราะกำบัง" ให้ตัวเองได้อยู่ แต่จะได้อยู่ และอยู่ได้ ถึงวันไหน-ชั่วโมงไหนนั้น ในสภาพการณ์เช่นนี้  คงไม่ต้องฟันธงกระมัง?!
     แต่อย่างว่าแหละ "ตีกันฉันพี่น้อง" ยังมีเวลาให้ทุกนาทีสำหรับ "การเจรจา" ในทางสันติกับฝ่ายรัฐบาล  จนกว่านาทีที่ทหาร-ตำรวจ "เขาเคลียร์ไปถึงตัว" นั่นแหละ ถ้าเขาจับกุม หรือพลิกผันเป็นอย่างอื่นไปแล้ว  สถานภาพในการเจรจามันก็เปลี่ยน
     หัวหน้าใหญ่ "วีระ มุสิกพงศ์" เขาก็ฉากหลบไปแล้ว คุณวีระเขาอายุมากแล้ว รู้เช่นเห็นชาติ "ต่างคน-ต่างหลอก" กับทักษิณมาพอแล้ว ฉะนั้น ปล่อยแกไปยามบั้นปลายเถอะ แต่น่าเสียดายอย่างจตุพร อย่างณัฐวุฒิ ยังหนุ่มยังแน่น ยังสดใหม่ในสินค้าตลาดการเมือง ที่ "ขายตัว" ให้ทักษิณได้มาขนาดนี้ก็ "ที่สุดของชีวิต" แล้ว แล้วยังจะต้อง "ขายชีวิต" ไปด้วยทำไม ผมเสียดายปาก ที่ยังสามารถตวัดวาทะหลอกชาวบ้าน หลอกพวกเศรษฐีจ้างผีโม่แป้งเข้าสภาได้อีกมากมาย  เพราะสังคมไทย ใครก็รู้ ยังโง่-ยังง่าย ให้คนมีลิ้นหลอกกินได้สบายๆ อีกนาน!
     ฉะนั้น คุยกันได้ และยังพอมีเวลา ก็คุยกับรัฐบาลเขาซะ อย่าให้ผู้ชุมนุมพลอยเดือดร้อนไปด้วยเลย  เลิก-ปล่อยเขากลับบ้านไปทำไร่-ทำนากันเถอะ วันพระไม่มีหนเดียว จำไม่ได้หรือ เลิกชุมนุมวันนี้ ก็ไปซ่องสุม รวมตัวชุมนุมกันใหม่ในเดือนหน้า เดือนโน้นก็ยังได้ เกมมันยังไม่จบหรอก แต่มันจะจบสำหรับ "คนโง่" ที่หลับหู-หลับตารบ โดยไม่รู้จักประเมินสถานการณ์! ขณะนี้สังคมไทย และสังคมโลกเข้าใจ ชุมนุมสันติบ้าอะไร บุกเข้าไปยึดโรงพยาบาล การต่อสู้ทางการเมืองนั้น ถ้า"ประชาชนไม่เอา" มันก็จบแล้ว จบ "แบบโจร" ไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าปล่อยให้จบแบบแพ้ในสนามรบศรัทธาประชาชน นั่นเท่ากับตาย หรือจตุพร-ณัฐวุฒิจะยอม "ตายทั้งเป็น"?
     มาถึงขณะนี้ ทหาร-ตำรวจ เขาต้องลุยถึงรัง "ไข่แดง" กลางแยกราชประสงค์แน่ ก็ตะโกนฟ้องดินฟ้าอากาศไปเถอะว่ารัฐบาลใช้กำลัง ไม่มีใครเขาสนใจเชื่อ-สนใจฟังหรอก เพราะพฤติกรรมโจรก่อการร้าย  พฤติกรรมเด็กเลี้ยงแกะ เขา "รู้เช่น-เห็นชาติ" กันทั้งโลกไปแล้วว่า...แบบนี้ปล่อยเอาไว้ไม่ได้!
     ฉะนั้น ผมจึงอยากให้พวกเราชาวประชาสังคม "มีราก-มีสติ" ในการมองปัญหา และรับรู้เหตุการณ์  ควรเข้าใจ-เห็นใจ-ให้กำลังใจรัฐบาล ทหาร-ตำรวจเขา อย่าเอามัน เอาแต่ใจ ต้องอยู่กับเหตุผลที่เป็นจริงในสถานการณ์และปัญหาที่เป็นจริงให้มาก อย่าอยู่กับอารมณ์พอใจ-ไม่พอใจ หรือฟังนักวิชาการ นักนั้น-นักนี้ พูดอย่างนั้น อย่างนี้ ก็เป็น "สวะลอยน้ำ" ตามขึ้น-ตามลงไปเรื่อย


     ต้องยอมรับว่า สังคมยุ่งเหยิงทุกวันนี้ จาก ส.ส.ส่วนหนึ่งในระบบรัฐสภาแล้ว อีกส่วนก็มาจากพวก "นักวิชาการ" ประเภท "ถังสังฆทาน" ล้นเต็ม ตั้งแต่กระดาษเช็ดตูดถึงยาสระหัว เป็นสินค้าใหม่ แต่ไร้คุณภาพบ้าง หมดอายุบ้าง ครึ่งค่อนชีวิต บางคนทั้งชีวิตเรียนแต่ตำราเข้ามานั่งพ่นตามหน้าจอ แต่ไม่เคยทำอะไรที่เรียกว่า "เผชิญปัญหา" แล้วแก้สำเร็จจนสร้างเป็นตำราให้คนอื่นเขาได้เรียนตามเลย! ฉะนั้น นักวิชาการพวกนี้ พูดได้ทุกมุม-ทุกทรรศนะ รัฐบาลไม่ทำอะไร เขาก็กางตำรามาพูดได้ว่าเป็น "รัฐบาลล้มเหลว" ครั้นรัฐบาลทำอะไร เขาก็พูดได้อีกว่า "รัฐบาลทำรุนแรง" ครั้นถามว่า "แล้วมีวิธีการอะไรแนะนำเพื่อแก้ปัญหา?" ปัญญาถังสังฆทานก็กำปั้นทุบจักรวาลตรงกันว่า "ประนีประนอม" คุยกันหาทางออก! โอ้โห...เป็นเลิศอะไรปานนั้น มิน่า...เด็กจบมหาวิทยาลัยออกมาเดี๋ยวนี้ บางทีน่าส่งเรียนต่อที่ "โรงเรียนปัญญาวุฒิกร"!

     มาดูเรื่องเสธ.แดงกันบ้าง เท่าที่สดับตรับฟังวานนี้ทั้งวัน สังคมอุเบกขาคือ "วางเฉย" กับสิ่งที่พลตรีขัตติยะ หรือเสธ.แดงได้รับ แต่ถึงอย่างไร ผมก็สวดมนต์ให้ "คุณพระรักษา" อย่าถึงตายเลย คำถามคู่ประเทศตอนนี้คือ "ใครยิงเสธ.แดง?" "ใครยิง" ไม่สำคัญเท่า "ใครสั่ง"? ผมบอกแล้ว ต่อจากนี้ด้วยมุมดาว "แดงเป็นพิษ" เสื้อแดง-ศาลาแดง-เสธ.แดง เผลอๆ คนที่สั่ง หรือคนที่ลงมือ อาจนัวเนียอยู่ในวังวนของคำว่า "แดง" นี่ก็ได้ แต่จะแดงในลักษณะไหน อย่างไร ผมไม่ทราบความจริง ด้วยบทบาทเสธ.แดงที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า "สร้างเงื่อนไขตายรอบตัว" เมื่อมีเหตุการณ์ลอบยิงเกิดขึ้น ใครจะเพ่งเล็ง พูดถึงประเด็นไหน มันคลับคล้าย-คลับคลาไปเสียทั้งนั้น!
     คนกันเอง คนใกล้ตัว หรือคนที่สร้างแค้นกันไว้ ผมคิดว่ากระทั่งตัวเสธ.แดงเองก็ยากจะชี้ชัด ดูจากรูปการณ์ เสธ.แดงก็น่าจะรู้ว่าตัวเองไม่ปลอดภัย ฉะนั้นที่บางคนสงสัยว่าทำไมเสธ.แดงไม่ค่อยอยู่นิ่งกับที่  เพราะเห็นในโทรทัศน์ทีไร ก็ต้องเดินไป-พูดไป หรือไม่ก็ขยับไปทางซ้าย ย้ายมาทางขวาตลอด เรียกว่า "ไม่อยู่นิ่ง" นั่นคือไม่หยุดให้เป็น "เป้านิ่ง" ตะหาก!  เสธ.แดงเป็นทหาร เรียนมา ฉะนั้น เมื่อออกตามท้องถนนจะเห็นว่าไม่ยอมยืนนิ่งอยู่กับที่ แต่ที่ถูกยิงหัวเมื่อคืนวันที่ ๑๓ พฤษภา นั่นต้องบอกว่า "ถึงรู้-ก็มิสู้กรรมเวรจัดสรร" บังเอิญนักข่าวต่างชาติมาสัมภาษณ์  เสธ.แดงเลยต้องยืนให้สัมภาษณ์ และก็กรรมจัดสรรจริงๆ ช่างกล้องก็ถ่ายภาพ พอดีเป็นช่วงค่ำจึงต้องส่องสปอตไลต์ไปที่เสธ.แดง ลงตัวเหมือนจับยัด ยืนนิ่งให้สัมภาษณ์ ไฟส่องให้เห็นตัวจะจะ....เปรี้ยงเดียว ต้องยอมรับว่า มือระดับ "โคตรปรมาจารย์" จริงๆ ในผลงาน "ดับเสธ.แดง" ครั้งนี้!!!


     ทักษิณ-ศูนย์กลาง จิ๋วรับงาน วีระรับงาน ตู่รับงาน ณัฐวุฒิรับงาน เหวงรับงาน กี้รับงาน แรมโบ้รับงาน  ขวัญชัยรับงาน หัวคะแนน-แกนนำใหญ่ๆ ในแต่ละจังหวัดรับงาน โดยเฉพาะอีสาน-เหนือ และเสธ.แดงก็เป็นอีกสายหนึ่งที่รับงานจากศูนย์กลางจักรวาล คือทักษิณ แล้วมารวมปฏิบัติการ "ล้มสถาบัน-เปลี่ยนระบอบ" ประเทศ
     แต่งานยังไม่สำเร็จ เงินก็จ่ายแล้ว รับกันไปแล้ว วีระถอนตัว จิ๋วถอนตัว เสธ.แดงที่เป็นดาวโคจรวงนอกขยับเข้าวงใน ท่ามกลางดาววงในไม่มีใครยอมขยับขยายเปิดพื้นที่ให้เสธ.แดงแผ่บารมี ไม่ว่าณัฐวุฒิ จตุพร  อริสมันต์ แรมโบ้ เหวง ซึ่งล้วนมี "มือดี" เป็นการ์ดโดยไม่ต้องพึ่งบริการบริวารเสธ.แดงอยู่แล้ว ซ้ำ หนักๆ เข้า เสธ.แดงกลายเป็นคน "อยู่เหนือการควบคุม" จากใครทั้งนั้น นั่นคือ "มนุษย์อันตราย"! จึงน่าจะเป็นโจทย์ร่วมในรายการ "หักเหลี่ยมโหด-โกรธร่วมแดง" ที่ยากจะตัดประเด็นออกไปได้ ส่วนนายใหญ่จะรู้เห็นด้วยหรือไม่นั้น คงไม่มีใครตอบได้ แต่ที่ตอบได้แน่ๆ คือ รัฐบาล-ทหาร-ตำรวจ ไม่เกี่ยวในรายการนี้แน่นอน!
     ฉะนั้น ตัดประเด็นไปได้เลย อย่าไปสงสัย อย่าไปเชื่อใครที่ป้ายสีว่า ฝ่ายปฏิบัติการ "ตำรวจ-ทหาร" เก็บเสธ.แดง!!!


     ท่านที่ชอบเสพข่าวต่างประเทศ อย่าไปบ้าตามทรรศนะฝรั่งที่มองเหตุการณ์ในบ้านเราแล้วสะท้อนออกไปด้วยสายตา "ไม่เข้าใจ-เข้าไม่ถึง" ในปัญหาลักษณะสังคมไทย เขาว่าของเราแรง  แต่ของเขา อย่างที่ทุบม็อบเผาเมืองในฝรั่งเศส สไนเปอร์-ยิงหัวประธานาธิบดีในสหรัฐ กลับเป็นปฏิบัติการของชนอารยชาติ?

     โลกทุกวันนี้ เป็น "สื่อสารครองโลก" ฉะนั้น ทั้งประชาสังคมไทย ทั้งรัฐบาล และทั้งทหาร-ตำรวจต้องเข้าใจ รับอาวุธ "โลกสื่อสาร" ด้วยการให้ข้อมูลทันการณ์-ทันจริงด้วย.


http://www.thaipost.net/news/150510/22223
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2044 เมื่อ: 16 พฤษภาคม 2553, 08:08:41 »

เขียนให้คิด 
 

แกนนำนปช. จงใจพาคนไปตาย? (เขียนให้คิด)
 
      "แกนนำ(นปช.)ยอมเจรจา(กับรัฐบาล)แล้ว แต่ม็อบม(มวลชน)ไม่ยอม เพราะม็อบ(มวลชน)ไปไกลเกินกว่าแกนนำนปช." นี่คือคำแก้ตัวที่ไร้ความรับผิดชอบต่อความเป็นความตายของประชาชนผู้บริสุทธิ์ ซึ่งแกนนำนปช.พยายามยกมาเป็นข้อแก้ตัวกับผู้คนในสังคมไทยที่รู้ไม่เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมกลโกง เพื่อให้พรรคพวกของตนรอดพ้นจากความผิดที่ได้จงใจก่อให้เกิดขึ้นหลายครั้งหลายหน

      ต้องยอมรับว่า หลังจากเกิดเหตุโศกนาฏกรรมในเขตใจกลางพระนครของประเทศไทยครั้งล่าสุด ซึ่งเริ่มเกิดความรุนแรงขั้นสาหัสมาตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2553 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน สังคมไทยได้สูญเสียความน่าเชื่อถือ สูญเสียความสงบร่มเย็น สูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงสูญเสียเอกลักษณ์ความเป็นไทย โดยเฉพาะในเรื่องของความมีน้ำจิตน้ำใจให้แก่กันและกันจนหมดสิ้น

      หากจะตั้งคำถามและพินิจพิเคราะห์ให้ลึกซึ้งว่า ทำไมเหตุการณ์อุบาทว์เช่นนี้ จึงอุบัติขึ้นบนแผ่นดินไทยในยามนี้ อะไรคือมูลเหตุสำคัญ ใครคือตัวการ และใครคือผู้สูญเสีย

      คำตอบประการหนึ่ง ซึ่งเราทุกคนน่าจะตอบได้ตรงกันก็คือ ผู้สูญเสียคือคนไทยทุกคนและประเทศไทยของเรา ส่วนคำถามอื่นๆ นั้น เราอาจจะให้คำตอบที่แตกต่างกันไป ตามแต่มุมมอง ข้อมูลข่าวสารและตามความเชื่อส่วนบุคคล


หากประท้วงโดยสันติ ความสูญเสียจะไม่เกิดขึ้น


      อย่างไรก็ตาม หากเราตั้งสติให้มั่น แล้วเพ่งพินิจรากเหง้าของวิกฤตการณ์ครั้งนี้อย่างลึกซึ้ง เราน่าจะได้คำตอบตรงกันประการหนึ่งคือ ความสูญเสียและความเลวร้ายใดๆ จะไม่มีวันเกิดขึ้นบนแผ่นดินของเราได้ ถ้าหากไม่มีการประท้วงโดยจงใจละเมิดหลักกฎหมาย จงใจละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนผู้บริสุทธิ์ และไม่มีการยั่วยุให้เกิดความรุนแรงด้วยกรรมวิธีใดๆ รวมถึงการที่แกนนำนปช.จะต้องไม่นำมวลชนไปก่อเหตุจลาจลตามที่ต่าง ๆ ไม่พามวลชนไปบุกทำลายสถานที่ราชการและสถานที่ทำการของภาคเอกชน

      แกนนำนปช.ต้องยอมรับความจริงในข้อที่ว่า พวกคุณคือผู้ที่นำพาให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ไปรวมตัวประท้วงตามสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นที่บริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ถนนราชดำเนินกลาง และบริเวณสี่แยกราชประสงค์และถนนใกล้เคียง รวมถึงบริเวณหัวถนนสีลม ณ ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6 หน้าสวนลุมพินี และก็ต้องไม่ปฏิเสธว่า พวกคุณคือผู้ที่พยายามเรียกร้องและปลุกระดมให้ประชาชนไปรวมตัวกันที่หน้าเวทีสี่แยกราชประสงค์ โดยมิได้สนใจว่าประชาชนจะประสบกับเหตุการณ์เลวร้ายสักเพียงใด

      เท่านั้นยังไม่พอ ครั้นเมื่อเกิดเหตุวิกฤติที่อาจจะนำมาซึ่งความเป็นความตายของประชาชน แต่แทนที่แกนนำนปช.จะสั่งให้ประชาชนยุติการชุมนุมแล้วแยกย้ายสลายตัวกลับบ้านเพื่อความปลอดภัย แต่กลับใช้ประชาชนเป็นโล่มนุษย์เพื่อป้องกันภัยให้กับตนเอง และที่น่าสังเวชคือโล่มนุษย์ที่แกนนำนปช.ใช้เป็นเครื่องป้องกันภัยให้ตนนั้นก็คือเด็กและผู้หญิงชราที่มิใช่ญาติพี่น้องและลูกเมียของแกนนำนปช.


เมื่อเกิดวิกฤติ แกนนำนปช. หนีเอาตัวรอด ปล่อยประชาชนให้ล้มตาย


      และแล้วเมื่อประชาชนตกอยู่ในวงล้อมของอันตรายอย่างแสนสาหัส ต้องเสี่ยงกับความเป็นความตาย จนกระทั่งมีผู้เสียชีวิตหลายสิบรายและบาดเจ็บอีกกว่าพันคน สังคมไทยก็ได้ยินคำแก้ตัวที่น่ารังเกียจของแกนนำนปช.ว่า "แกนนำนปช.ยอมเจรจาแล้ว แต่ม็อบไม่ยอม"

      ต้องย้ำว่า คำแก้ตัวโดยอาศัยรูปแบบการโกหกของนปช.เช่นนี้ เป็นการแสดงให้เห็นส่วนลึกของจิตใจและวุฒิภาวะของแกนนำนปช.ได้เป็นอย่างดีว่า แท้จริงแล้วคนพวกนี้รักและหวังดีกับประชาชนมากน้อยเพียงใด

      หากนปช.มีความจริงใจและหวังดีกับประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างแท้จริงแล้ว สมควรหรือที่จะใช้ประชาชนเป็นโล่มนุษย์เพื่อคุ้มกันภัยให้ตนเอง แล้วเคยมีสักครั้งหรือไม่ ที่แกนนำนปช.จะเดินนำหน้าประชาชนไปประท้วงตามสถานที่ต่างๆ แต่ที่สาธารณชนรับรู้รับทราบตลอดเวลาคือนปช.จะหลบอยู่ข้างหลังประชาชนตลอดเวลา แม้กระทั่งการกินการนอนก็ยังมีความพิเศษเหนือกว่ามวลชนที่ให้การสนับสนุนพวกตน แถมยังมีบอดี้การ์ดอีกหลายสิบคนคอยล้อมหน้าล้อมหลังเพื่อให้การอารักขาอย่างหนาแน่น

      ขอถามตรงๆ ว่า นี่หรือคือพฤติกรรมของผู้ที่มีความจริงใจกับมวลชน ผู้ที่อ้างว่าจริงใจกับมวลชน เขาตีค่าชีวิตของประชาชนเป็นแค่เพียงโล่กำบังภัยให้กับแกนนำนปช.เท่านั้นเองหรือ


ทำไมแกนนำนปช. ไม่ใช้ลูกและเมียของตนเป็นโล่มนุษย์


      ขอทราบคำตอบชัดๆ จากแกนนำนปช.ด้วยว่า ทำไมพวกคุณจึงไม่พาพ่อแม่ ลูกเมีย และญาติพี่น้องของคุณไปร่วมประท้วงด้วย ทำไมจึงดีแต่เรียกร้องให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่อาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ต้องไปเผชิญหน้ากับความตายและความสูญเสียสารพัดรูปแบบ เหตุใดพวกคุณจึงไม่ยอมให้เมียของคุณพาลูกตัวน้อย ๆ ของคุณไปอยู่ที่หน้าเวทีที่สี่แยกราชประสงค์

      แกนนำนปช.อาจไม่จำเป็นจะต้องขอให้เมียพาลูกน้อยที่ยังเป็นทารกซึ่งเพิ่งคลอดได้ไม่กี่วันไปที่หน้าเวทีการชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์ก็ได้ เพราะดูจะโหดร้ายและไร้มนุษยธรรมจนเกินไป แต่ช่วยพาลูกคนโตที่มีอายุประมาณ 1-2 ขวบไปเป็นโล่มนุษย์ของคุณก็ได้

      แกนนำนปช.จะกล้าทำเรื่องสำคัญและละเอียดอ่อนเช่นนี้หรือไม่ ถ้าหากคุณไม่กล้าแล้วทำไมพวกคุณจึงยอมให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์พาลูกตัวน้อย ๆ ของเขาไปเป็นโล่มนุษย์ให้พวกของคุณ หรือแกนนำนปช.คิดว่าคุณค่าและราคาชีวิตของลูกของคุณมันสูงเกินกว่าราคาชีวิตของลูกประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่เขาถูกหลอกมาตายแทนคุณ

      พวกคุณเคยสำเหนียกบ้างหรือไม่ว่า คุณจงใจพาคนบริสุทธิ์จากต่างจังหวัดเข้ามาตกระกำลำบากและเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายอยู่ในดินแดนที่พวกเขาไม่คุ้นเคย แน่นอนว่าอาจจะมีคนบางกลุ่มที่อ้างว่าตนเองเป็นคนกรุงเทพฯเข้าไปร่วมชุมนุมกับพวกคุณอยู่บ้าง แต่ถามว่าคุณเคยพูดความจริงอะไรกับผู้ที่ไปร่วมชุมนุมกับคุณบ้าง

      ขอถามย้ำอีกทีว่า พวกแกนนำนปช.ทั้งหลาย ช่วยตอบให้สาธารณชนได้รับทราบอย่างชัดเจนด้วยว่า ทำไมคุณไม่พาพ่อแม่ ปู่ยาตายาย พี่ป้าน้าอา ญาติพี่น้องและลูกเมียของคุณไปเป็นโล่มนุษย์ให้กับพวกคุณ หรือคุณคิดว่าคุณค่าความเป็นมนุษย์ของลูกเมียของพวกคุณมันสูงส่งและมีคุณค่าเกินกว่าความเป็นมนุษย์ของคนต่างจังหวัดที่คุณไปหลอกให้เขาเข้ามาตายแทนคุณ คุณเคยสำเหนียกไหมว่า พฤติกรรมสามานย์เช่นนี้คือการจงใจเหยียบศพของผู้บริสุทธิ์ขึ้นไปแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน

      แม้คนกรุงเทพฯบางกลุ่มอาจจะอ้างว่า "กูมาเอง ไม่มีใครจ้างกูมา" หรือบางคนอาจจะอ้างว่า "กูมีสติปัญญา กูไม่ได้ถูกหลอกให้มา กูมีสตางค์ กูมาเอง" แต่ก็ยังอยากจะถามพวกที่อวดอ้างว่ามีสติปัญญาและมาด้วยใจว่า แกนนำนปช.เคยบอกความจริงอะไรกับพวกคุณบ้าง และที่สำคัญคือคุณเคยรู้ความจริงอะไรจากกลุ่มนปช.บ้าง หรือว่าพวกคุณไม่ต้องการคิดอะไรมากไปกว่า อะไรก็ไม่สำคัญ แต่พวกกูขอแค่เพียงประท้วงเพื่อล้มรัฐบาลชุดนี้แล้วเอาทักษิณ ชินวัตร กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งก็พอ


แกนนำนปช. ทำกิจการอันใดฦา จึงร่ำรวยราวปาฏิหาริย์


      มีอีกคำถามหนึ่งที่วิญญูชนถามกันมากว่า เหตุใดแกนนำนปช.จึงมั่งคั่งร่ำรวยราวปาฏิหาริย์ขึ้นมาได้ภายในพริบตา สาธารณชนตั้งคำถามว่า แกนนำนปช.ทำอาชีพอะไรหรือ จึงสามารถสั่งสมโภคทรัพย์และเงินทองมากมายได้ถึงเพียงนี้

      เพราะจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏคือ แกนนำนปช.ดำเนินชีวิตอยู่กับการจัดเวทีชุมนุมประท้วงทางการเมืองมาโดยตลอด แล้วอาชีพจัดการประท้วงนี้ มันสามารถทำให้พวกคุณมีเงินทองมากมายล้นฟ้าได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ

      แกนนำนปช.ตอบสังคมได้ไหมว่า พวกคุณเอาเงินจากที่ไหนไปว่าจ้างให้คนไปติดตั้งเต็นท์ผ้าใบขนาดใหญ่มหึมาหลายร้อยเต็นท์ให้กับพวกคุณใช้เป็นเวลานานกว่าสองเดือนมาแล้ว คุณจ่ายเงินค่าอุปกรณ์ไฟฟ้าและค่าติดตั้งเวทีการชุมนุมไปวันละกี่แสนกี่ล้านบาท คุณได้ค่าเหนื่อยจากทำกิจการการเมืองในครั้งนี้กี่สิบล้านหรือกี่ร้อยล้านบาท หรือคุณอาจจะตอบว่า คุณไม่เคยได้ค่าตอบแทนแม้แต่น้อย ซึ่งก็เป็นเรื่องของคุณ แต่ถึงอย่างไรคุณก็ไม่สามารถโกหกตัวเองได้

      แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่สังคมกำลังตั้งคำถามจากบรรดาแกนนำนปช.ก็คือ พวกคุณคิดว่าเงินทองที่คุณได้จากการก่อการประท้วงเพื่อให้เกิดความวุ่นวายทางการเมืองเป็นเงินบริสุทธิ์กระนั้นหรือ และคุณเชื่อด้วยความบริสุทธิ์ใจหรือว่า ทรัพย์ที่ได้มาด้วยกระทำที่น่ารังเกียจนี้จะทำให้ชีวิตของคุณและบุคคลในครอบครัวของคุณประสบกับความร่มเย็นเป็นสุขในอนาคตและในชาติภพหน้า

      ขอย้ำอีกครั้งว่า หากแกนนำนปช.มั่นใจและกล้ายืนยันว่ามิได้มีเจตนาใช้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เป็นโล่มนุษย์เพื่อป้องกันภัยอันตรายให้กับตนเองแล้ว และไม่เคยหลอกหลวงให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ไปตายแทนตนเอง รวมถึงมิเคยต้องการเหยียบศพประชาชนผู้บริสุทธิ์ขึ้นไปแสวงหาผลประโยชน์ทางการเมืองเพื่อกลุ่มและพวกของตนเองแล้ว ก็ขอให้แกนนำนปช.ประสบแต่ความสุขความเจริญต่อไป แต่หากมิได้เป็นเช่นนั้นแล้วละก็ ในอีกไม่ช้าผลแห่งกรรมชั่วก็จะตามไปลงโทษทั้งแกนนำนปช.และโคตรเหง้าของคนพวกนี้


เฉลิมชัย ยอดมาลัย 
 
วันที่ 16/5/2010
 
http://www.naewna.com/news.asp?ID=211181
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2045 เมื่อ: 16 พฤษภาคม 2553, 08:22:42 »

อ่านข่าวหน้า 1 จาก นสพ.ไทยโพสต์ ออนไลน์ วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม 2553

ประเทศไทยพัง แดงปิดเมืองหลวงงัดอาวุธปะทะทหารตายเจ็บอื้อ
ข่าวหน้า 1  16 พฤษภาคม 2553 - 00:00

     สงครามยังไม่ยุติ เสื้อแดงขยายแนวรบเพิ่ม ปะทะเดือดทั้งวัน พระราม 4 ราชปรารภ เลือดท่วม ยอดตายเพิ่มเป็น 22 ศพ แกนนำแดงกลัวไข้โป้ง ไม่กล้าเดินพ้นเวที ปัดความรับผิดชอบอ้างสั่งเสื้อแดงนอกค่ายไม่ได้ ศอฉ.ขนลุก! รัฐเจออาวุธหนักมากที่สุดนับแต่หลังสงครามคอมมิวนิสต์ ขุนทหารเรียงหน้าแถลง M79 ห่าใหญ่ลงแล้วร่วม 40 ลูก แฟลตตำรวจ สน.ลุมพินีเจอเต็มๆ เจ็บยกครัว ม็อบแดงเริ่มงัดม่าม่ากินแทนข้าว
     สงครามกลางเมืองรอบใหม่ในกรุงเทพมหานคร ที่เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม จากเหตุการณ์ปะทะกันด้วยอาวุธสงครามระหว่างทหารกับกลุ่มติดอาวุธของคนเสื้อแดงต่อเนื่องตลอดทั้งคืนจนข้ามมาวันใหม่ ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเพิ่มขึ้นอีกหลายราย
     เวลา 00.10 น. วันที่ 15 พฤษภาคม บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง ทางลงอุโมงค์มุ่งหน้าเข้าอนุสาวรีชัยสมรภูมิ กลุ่มคนเสื้อแดงกว่า 500 คน ได้นำยางรถยนต์และขอนไม้ ที่นอน จำนวนหนึ่งมาจุดไฟบนถนนทางลงอุโมงค์จนเกิดไฟลุกท่วม มีกลุ่มควันพวยพุ่ง และเตรียมรถบรรทุกน้ำมันหลายคันที่ยึดมาไว้ก่อเหตุ
     ส่วนที่ถนนราชปรารภ ทางเข้าประตูน้ำ มีเจ้าหน้าที่ทหารตั้งด่านสกัดกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งมีเสียงปืนเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นระยะๆ ต่อมามีรถตู้ยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ฮค 8561 กทม. ขับมาบนถนนราชปรารภ มุ่งหน้าไปทางดินแดงด้วยความเร็วสูง เมื่อมาถึงบริเวณสถานีแอร์พอร์ตลิงก์มักกะสัน ก่อนข้ามทางรถไฟ ทหารส่งสัญญาณให้หยุดรถ แต่รถตู้คันดังกล่าวกลับพุ่งเข้าหาเจ้าหน้าที่ทหาร ทำให้ทหารต้องใช้อาวุธปืนยิงยางรถยนต์ แต่รถตู้ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด กลับพุ่งชนด่าน เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจระดมยิงด้วยกระสุนยางและกระสุนจริงจนรถพรุนไปทั้งคัน ทำให้คนขับตู้เป็นชายวัยกลางคน สภาพมีกลิ่นเหล้าคลุ้ง ถูกยิงที่สีข้างขวาได้รับบาดเจ็บสาหัส
     จากการตรวจค้นภายในรถ พบมีดหัวตัดสัญลักษณ์ของกลุ่ม นปช.จำนวนมาก ทั้งนี้ได้มีเด็กชายอายุประมาณ 10 ขวบ ถูกกระสุนลูกหลงเข้าที่หน้าท้องอาการสาหัส นอกจากนี้ยังมีคนขับรถแท็กซี่อีก 1 คน ที่รอรถกลับบ้านบริเวณดังกล่าวถูกยิงเข้าที่ลำตัวบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน เจ้าหน้าที่รีบนำคนเจ็บทั้ง 3 รายส่ง รพ.พญาไท 1 เพื่อช่วยชีวิตอย่างเร่งด่วน
     อย่างไรก็ตาม การปะทะยังคงมีอย่างต่อเนื่องไปถึงเช้า ทั้งที่ถนนราชปรารภ แยกสีลม รวมทั้งถนนพระราม 4 บริเวณชุมชนบ่อนไก่ โดยคนเสื้อแดงยังคงนำยางรถยนต์มาเผาในทุกจุด เกิดกลุ่มควันสีดำ เมื่อมองจากระยะไกลไม่ต่างจากการเผาเมือง
     มีท่าทีจากศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ถึงสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นมีความรุนแรงโดยต่อเนื่อง มีมวลชนที่ใช้อาวุธ มีกองกำลังที่ใช้อาวุธ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีการฝึกมาอย่างดี เพื่อเข้ามาโจมตีเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นได้สอดคล้องกับสิ่งที่แกนนำได้เคยประกาศว่าจะทำสงครามประชาชน หรือสงครามกลางเมือง ซึ่งจำเป็นที่รัฐบาลต้องใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดต่อไป

กระชับวงฮาร์คคอร์

     "ทางเจ้าหน้าที่เป็นการกระชับวงล้อม เป็นการสกัดกั้นการเติมกำลังสนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุมที่นิยมความรุนแรง แต่กลับถูกกองกำลังของ นปช.โจมตีด้วยอาวุธหนักตลอดเวลา นี่เป็นกองกำลังที่มีอาวุธหนักมากที่สุดนับแต่หลังสงครามคอมมิวนิสต์เป็นต้นมาที่เป็นการใช้กำลังต่อทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ของบ้านเมือง"
     นายสาทิตย์กล่าวว่า เหตุการณ์ทั้งหมดเป็นความเห็นแก่ตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและแกนนำที่นิยมความรุนแรง ซึ่งปลุกระดมและใช้มวลชนเป็นเครื่องมือในการต่อสู้ทางการเมืองเพื่อชัยชนะส่วนตน เห็นได้ชัดว่าข้อต่อรองของแกนนำไม่ใช่ข้อต่อรองเพื่อมวลชนที่นำมาชุมนุม แต่เป็นข้อเรียกร้องส่วนตน โดยเมื่อไม่ได้รับการตอบสนองก็ล้มแผนการปรองดอง ปัญหาทั้งหมดจึงเป็นเรื่องที่ผูกพันกับการตัดสินใจของ พ.ต.ท.ทักษิณและแกนนำที่นิยมความรุนแรง
     ด้านนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุม ศอฉ.รายงานตัวเลขการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ที่กระจายตามจุดต่างๆ ในเวลา 22.00 น.ของวันที่ 14 พ.ค. ลดลงจากที่ผ่านมาเหลือเพียง 6,000 คน โดยชุมนุมจากแยกราชประสงค์ถึงประตูน้ำ 3,000 คน แยกราชประสงค์ถึงแยกปทุมวัน 1,000 คน จากแยกราชประสงค์ถึงแยกชิดลม 1,000 แยกราชประสงค์ถึงแยกราชดำริ 500 คน และข้างสวนลุมพินี  500 คน โดยทั่วไปการเกิดระเบิดตลอดทั้งวัน มีการนำผู้ที่ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลตำรวจเรียบร้อยแล้ว
     สำหรับการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่แยกราชประสงค์ ตกอยู่ในสภาพเสียขวัญและเริ่มมีปัญหาเรื่องเสบียง เนื่องจากถูกตัดเส้นทางลำเลียงเกือบทั้งหมด แม้คนเสื้อแดงจะแก้ปัญหาด้วยการใช้กองทัพมด แต่อาหารก็ยังไม่เพียงพอ
     ช่วงสาย นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. แถลงว่า ได้รับการประสานงานจากกลุ่มประชาชนที่เรียกตัวเองว่ากลุ่มพีซ  (Peace) ว่าจะนำเสบียงอาหารและน้ำมาให้ประชาชนที่ชุมนุมกันอยู่ที่ราชประสงค์
     แกนนำ นปช.ผู้นี้บอกว่า นปช.ยังยืนในข้อเรียกร้อง 3 ข้อคือ  1.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ  ยุบสภาและไม่ให้รักษาการอีกต่อไป  2.ให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินโดยทันที  3.ระหว่าง  นปช.และรัฐบาล ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างเท่าเทียมกัน
     นายจตุพรกล่าวอีกว่า จากเหตุการณ์เมื่อวานได้มีกลุ่มผู้ชุมนุม 16 คนเสียชีวิตและบาดเจ็บ 159 ราย สาหัส 7-8 ราย แต่ไม่มีทหาร ชัดเจนว่าประชาชนไม่มีอาวุธเข้าไปต่อสู้กับกลุ่มทหาร
     "ที่บอกว่ามีกลุ่ม นปช.ที่ใช้ความรุนแรงอยู่ในม็อบ 500 คน เท่ากับหมายความว่าสามารถฆ่าประชาชนได้อีก 500 คนใช่หรือไม่ คิดว่าเหตุการณที่เกิดขึ้นจบลงประชาชนอีกกว่า 60 ล้านคนจะปล่อยให้อยู่ต่อไปได้อย่างไร"
     นอกจากนี้ นายจตุพรยังกล่าวอีกว่า มีกระแสข่าวมาว่าจะมีการให้จบภายในวันอาทิตย์นี้ ก็ทำได้เพียงภาวนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้มีการสั่งการเลิกภารกิจ ส่วนทางกลุ่มผู้ชุมนุมเลิกไม่ได้เพราะเป็นฝ่ายถูกฆ่า การขึ้นเวทีตอนนี้ของแกนนำก็เหมือนการเดิมพันชีวิตว่าจะถูกใครส่องยิงเมื่อไหร่

"จตุพร"ปากกล้าขาสั่น

     "เมื่อผู้ชุมนุมไม่กลัว  แกนนำก็ไม่กลัว ซึ่งตอนนี้คงไม่หวังหาความยุติธรรมในประเทศนี้แล้ว ตอนนี้โลกทั้งโลกกำลังจับตาเหตุการณ์นี้อยู่ ทั้งสหประชาชาติและต่างประเทศก็มีความพยายามหยุดการฆ่าในครั้งนี้"
     เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเหตุระเบิดเอ็ม  79  ที่มีการยิงถล่มที่แยกศาลาแดงและตามจุดต่างๆ ว่าจะอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร นายจตุพรปฏิเสธว่า ไม่ใช่ฝีมือของผู้ชุมนุม นปช. ก็ไม่ทราบว่าใครมีอะไรอย่างไร  หรือมีใครร่วมสร้างสถานการณ์ด้วยหรือไม่ เพราะเอ็ม 79 เองก็มีในรถหุ้มเกราะ คันละ 2 กระบอกเช่นกัน และที่ผ่านมาทหารยังไม่บาดเจ็บเลยสักนาย
     เวลา 10.05 น. มีการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมกับและทหารโดยมีการยิงเอ็ม 79 ใส่เจ้าหน้าที่ทหาร ด้านเจ้าหน้าที่ทหารได้ยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อตอบโต้และข่มขวัญ นอกจากนี้กลุ่มผู้ชุมนุมยังจุดไฟเผาตู้โทรศัพท์สาธารณะจนเพลิงลุกลามไปยังอาคารใกล้เคียง แต่รถดับเพลิงดับได้ทัน อย่างไรก็ตามบริษัทห้างร้านบริเวณดังกล่าวถูกคนเสื้อแดงขว้างก้อนหินใส่จนกระจกด้านหน้าแตกละเอียดจำนวนมาก
     เวลาใกล้เคียงกัน  ที่บริเวณแยกราชปรารภมีเสียงปืนต่อเนื่อง และที่ใต้ทางด่วนพระราม 4 เกิดการปะทะกัน มีคนบาดเจ็บหลายราย ส่วนที่แยกวิทยุก็มีเสียงปืนดังเป็นระยะๆ
     ในช่วงบ่าย บรรยากาศบริเวณ ถ.พระราม 4 ตั้งแต่ช่วงสะพานไทย-เบลเยี่ยม ไปจนถึงบ่อนไก่ ยังคงมีการปิดถนนตลอดเส้นทาง ขณะเดียวกันจะมีเสียงพลุดังออกมาจากฝั่งกลุ่มเสื้อแดง ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ทหารที่ตรึงกำลังบริเวณดังกล่าวได้มีการยิงตอบโต้ด้วยการใช้กระสุนยาง เป็นลักษณะการยิงตอบโต้แบบนัดต่อนัด
     นอกจากนี้ยังมีการนำกระสอบทรายมาตั้งบริเวณดังกล่าวเพื่อใช้เป็นแนวบังเกอร์ และที่บริเวณด้านหน้าบ่อนไก่ กลางถนนพระราม 4 ใกล้กับลุมพินีทาวเวอร์ พบรถขยะของ กทม.ถูกเผา ควันดำคลุ้งไปทั่วบริเวณ พร้อมกับเสียงโห่ร้องของกลุ่มเสื้อแดง
     ด้านการทำงานของสื่อมวลชน ทางเจ้าหน้าที่ทหารได้ห้ามไม่ให้เดินกลางถนน เพราะเกรงจะได้รับอันตราย ทางสื่อมวลชนจึงใช้วิธีเดินลัดเลาะริมถนนตามกันไปเป็นกลุ่มๆ
     บริเวณถนนพระราม 4 ย่านบ่อนไก่ ยังคงมีการก่อเหตุเป็นระยะ เวลา 15.00 น. เกิดเพลิงลุกไหม้ขึ้นที่บริเวณหน้าธนาคารกสิกรไทย  สาขาบ่อนไก่ เพราะคนเสื้อแดงนำยางรถยนต์มาจุดไฟเผา จากนั้นไฟได้ลามไปยังเสาไฟฟ้าที่อยู่บริเวณใกล้เคียง แต่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงอย่างใดเนื่องจากมีผู้ที่เห็นเหตุการณ์ช่วยกันดับไฟไว้ได้
     ส่วนที่บริเวณแยกสามเหลี่ยมดินแดง กลุ่มผู้ชุมนุม นปช.ได้มีการทุบทำลายตู้โทรศัพท์สาธารณะบริเวณฝั่งตรงข้ามและหน้าธนาคารกรุงเทพ  สาขาสามเหลี่ยมดินแดง  จนได้รับความเสียหาย รวมทั้งกระจกหน้าธนาคารและตู้เอทีเอ็มที่ติดตั้งไว้หน้าธนาคารถูกทุบทำลายงัดเอาเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ของตู้เอทีเอ็มสูญหายไป ซึ่งเบื้องต้นยังไม่ทราบว่ามีเงินสดภายในตู้เอทีเอ็มดังกล่าวสูญหายไปหรือไม่

"ณัฐวุฒิ"โหนศพตีกิน

     สำหรับความสูญเสียที่เกิดขึ้น แกนนำคนเสื้อแดงโยนให้รัฐบาลรับผิดชอบไปฝ่ายเดียว นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. แถลงช่วงบ่ายว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.รวมแล้วจำนวน 56 ศพแล้ว นายอภิสิทธิ์ก็ไม่มีท่าทีอะไร แต่กลับเก็บตัวเงียบปัดความรับผิดชอบอย่างหน้าด้านที่สุด เพราะถ้าไม่หยุดก็ไม่แน่ใจว่าจะมีศพเพิ่มขึ้นเป็น 80 ศพหรือไม่ เวลานี้คนที่เสียชีวิตที่สามเหลี่ยมดินแดง  ทหารนำศพประชาชนไปไว้ที่วัดตะพาน โดยที่ไม่สามารถเข้าไปเอาศพออกไปได้ กลัวจะมีการทำลายศพเพื่อปกปิด ส่วนเหตุการณ์ระเบิดท้ายรถเก๋งที่รามอินทราก็เป็นอีกเหตุการณ์ที่จะทำให้กรุงเทพฯ เป็นมิคสัญญีไปแล้ว
     เมื่อถามว่า จะเจรจากับรัฐบาลได้หรือไม่ นายณัฐวุฒิตอบว่า ไม่มีเจรจาแล้วนอกจากการเจรจาเร่งด่วนโดยรัฐบาลต้องสั่งให้ทหารหยุดยิงเฉพาะหน้า ซึ่งตนได้ประสานกองทัพให้หยุดยิงก่อน  แต่ถ้าจะเจรจาเรื่องวันเลือกตั้ง วันยุบสภานั้นเลิกพูดได้แล้ว ความจริงการเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง ไม่ใช่ให้เอาทหารมาไล่ยิงอย่างนี้
     ซักว่าเมื่อไร นปช.จะหยุดการต่อสู้ นายณัฐวุฒิอ้างว่า ตอบไม่ได้ เพราะไม่ใช่ผู้ฆ่า "จะให้ผมออกไปประสานพี่น้องข้างนอกไม่ได้ นอกจากคนยิงต้องหยุดยิงถอนทหารออกไป ผมทำได้คือให้พี่น้องเสื้อแดงรวมตัวกันอยู่ที่นี่ เพราะถ้าออกไปก็จะปะทะกับทหารอีก"
     สำหรับบรรยากาศโดยทั่วไปที่แยกราชประสงค์ในช่วงเย็น แกนนำ นปช.มีอาการเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้บริเวณดังกล่าวกลับไม่พบนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง และนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ แกนนำหัวรุนแรง
     ขณะที่ประชาชนที่มาชุมนุมนั้นบางตากว่าทุกวันเนื่องจากมาตรการปิดล้อมของ  ศอฉ. ส่วนอาหารการกินนั้น แม้ตามเต็นท์ชุมนุมต่างก็ยังมีการทำอาหารให้แก่ผู้ชุมนุม แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าเริ่มมีการแจกจ่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารแห้ง นมถั่วเหลืองกล่องให้แก่ผู้ชุมนุมแล้ว
     ส่วนที่พรรคเพื่อไทย กลุ่มแนวร่วม นปช.และผู้สนับสนุนได้นัดหมายรวมตัวกันเพื่อเดินเท้าไปตามถนนพระราม 4 ไปที่ตั้งจุดสกัดห้ามผ่านเข้า-ออกของทหาร บริเวณแยกสามย่าน นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรค และ ส.ส. ได้พยายามย้ำกับประชาชนว่าให้รวมตัวโดยสงบและคล้องแขนกัน แต่ถึงเวลาเดินเท้านักการเมืองพวกนี้กลับให้คนเสื้อแดงเดินกันไปเอง
     ก่อนเคลื่อนขบวนไปยังจุดสกัดของทหารตรงบริเวณแยกสามย่านซึ่งห่างจากพรรคประมาณ 200 เมตร มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.ปทุมวันเข้ามาดูแลความสงบเรียบร้อย อย่างไรก็ตามแนวร่วมได้เคลื่อนขบวนอย่างสงบ แล้วเดินทางกลับมายังพรรคอย่างสงบ โดยไม่มีเหตุการณ์ปะทะกันแต่อย่างใด
     เวลา 15.20 น. กลุ่มผู้ชุมนุมที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดงเริ่มเคลื่อนโดยไปปิดถนนไม่ให้รถที่ออกจากอนุสาวรีย์ชัยฯ ไปยังถนนวิภาวดีรังสิต แต่บังคับให้เลี้ยวกลับย้อนศรไปทางถนนราชปรารภ โดยอ้างว่าให้ทหารแก้ปัญหาจราจร แต่แท้จริงแล้วเสมือนหนึ่งว่าใช้รถดังกล่าวเป็นแนวกำบังให้ จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้นำรถน้ำของ กทม.ขนยางรถยนต์มาตั้งเป็นบังเกอร์ปิด 2 ช่องทางถนน ความสูงระดับหน้าอก โดยบังเกอร์ดังกล่าวตั้งอยู่ห่างจากแยกสามเหลี่ยมดินแดงประมาณ 200 เมตร
     ระหว่างที่เคลื่อนขบวนกลุ่มผู้ชุมนุมก็ส่งเสียงโห่ร้องด่าทอเจ้าหน้าที่ทหารและรัฐบาลที่ปฏิบัติกับกลุ่มผู้ชุมนุมแบบสองมาตรฐาน ขณะเดียวกันก็มีเสียงประทัดรวมถึงเสียงท่อไอเสียรถ จยย.ที่จอดอยู่จุดดังกล่าวแตกระเบิดขึ้นทำให้เกิดความแตกตื่นโกลาหลเล็กน้อย
     ต่อมา กลุ่มผู้ชุมนุมขยับแนวเข้าไปหาทหารอีก 100 เมตร โดยใช้รถยนต์ประชาชนและรถน้ำ กทม.เคลื่อนนำหน้า จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมก็พากันหมอบคลานตามฟุตบาท เสาไฟ และต้นไม้ ทหารใช้ปืนยิงล้อยางรถน้ำ กทม. ซึ่งมีรูกระสุนที่กระจกหน้าฝั่งข้างคนขับด้วย และยังมีเสียงระเบิดดังขึ้น 3 ครั้ง สลับกับเสียงปืน ทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงถอยร่นออกมาจากแนวบังเกอร์ที่ตั้งไว้ โดยรถประชาชนที่ถูกบีบเข้ามาก็ถูกปืนยิงที่กระจกมองข้าง 1 คัน ต่อมากลุ่มรถประชาชนที่ถูกบีบเข้ามาก็รีบกลับรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว
     หลังจากเกิดเหตุปะทะกัน ผู้ชุมนุมได้ถอยร่นมายังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการระดมคนเข้ามายังจุดดังกล่าวประมาณ 300-400 คน ทั้งนี้ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 5 ราย ซึ่งในจำนวนนี้เป็นผู้สื่อข่าวช่างภาพเนชั่นคือ นายไชยวัฒน์ พุ่มพวง โดยนำตัวผู้บาดเจ็บทั้งหมดส่ง รพ.แล้ว
     มีความเห็นจากฝ่ายการเมือง พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ขอฝากเตือนไปยังรัฐบาล ถ้าหากยังไม่หยุดฆ่าประชาชน ยังปล่อยให้เหตุการณ์เป็นอยู่เช่นนี้ต่อไป คงหลีกเลี่ยงสงครามกลางเมืองไม่ได้อย่างแน่นอน แล้วทหารจะเสียชีวิตอีกเป็นจำนวนมาก เนื่องจากชาวบ้านจะติดอาวุธสู้ ถึงเวลานั้นไม่ว่าฝ่ายไหนตายศพก็ไม่สวยสักคน
     แต่ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณสั่งให้ผู้ชุมนุมวางอาวุธ หยุดใช้อาวุธสงครามตอบโต้เจ้าหน้าที่ ความรุนแรงทุกอย่างจะยุติ เพราะประเมินแล้วว่าเหตุรุนแรงทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะคนบางคนต้องการใช้สถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเพื่อต่อรองผลประโยชน์ของตัวเอง เพราะรัฐบาลได้ยืนยันมาตลอดว่าจะไม่ใช้ความรุนแรงจนถึงที่สุด แต่เหตุการณ์วันที่ 14 พ.ค.เกิดขึ้นเพราะต้องบังคับใช้กฎหมาย
     ที่กรมทหารราบที่ 11 มีการแถลงข่าวของ ศอฉ.อีกครั้ง พล.ท.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รองเสนาธิการทหารบก กล่าวว่า หลังจากที่มีกองกำลังติดอาวุธแฝงในที่ชุมนุม ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องมีการสูญเสีย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องให้เจ้าหน้าที่ใช้อาวุธปืนเพื่อป้องกันตัวเอง จึงใช้อาวุธปืนลูกซอง กระสุนจริง ซึ่งจะใช้ใน 3 กรณี คือ 1.หยุดยั้งไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้าประชิดตัวเจ้าหน้าที่ รักษาระยะไว้  หากผู้ชุมนุมยังคิดจะเข้ามา ให้ใช้ลูกซองยิงต่ำ ยิงลงที่พื้น ยิงช่วงล่าง และไม่ให้ยิงผู้หญิงกับเด็กเป็นอันขาด 2.ใช้เพื่อป้องกันตัวเอง ถ้าจะถึงแก่ชีวิต และ 3.ใช้ตอบโต้กองกำลังติดอาวุธที่แฝงอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม โดยให้ยิงไปเมื่อเห็นเป้าหมายเท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการสูญเสียกับประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้อง  ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ทุกคนจะไม่ใช้ระเบิดขว้างเอ็ม 79 หรืออาร์พีจี เพราะอาวุธดังกล่าวใช้ในสงครามเท่านั้น และจากอำนาจทำลายล้างอาจทำให้คนอยู่ใกล้เคียงได้รับบาดเจ็บด้วย จึงถูกสั่งห้ามใช้เด็ดขาด ที่เจ้าหน้าที่ใช้มีเพียงปืนพก ลูกซอง ปืนเอ็ม 16 และปืนเอชเค

แฉเอ็ม 79 แฝงในเสื้อแดง

     พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า หลังจากวันที่ 10 เม.ย.เป็นต้นมา ทำให้เราประจักษ์ว่ามีกองกำลังติดอาวุธแฝงตัวอยู่ในที่ชุมนุมโดยสันติ ทำให้เกิดความเสียหาย มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนหนึ่ง จะเห็นได้ว่าการก่อกวนที่ผ่านมาทำให้เกิดการเสียหายทั้งจากเอ็ม 79 ระเบิดขว้าง จำนวน 30-40 ครั้ง
     พล.ต.กัมปนาท รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.1 รอ.) กล่าวว่า สิ่งที่เห็นคือกองกำลังติดอาวุธจะอยู่หลังมวลชน แล้วมีการยิงใส่เจ้าหน้าที่ สิ่งที่ปฏิบัติได้คือประชาสัมพันธ์ว่ากลุ่มผู้ชุมนุมอย่าเข้ามาใกล้เจ้าหน้าที่ในระยะ  50-100 เมตร เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า
     ผบ.พล.1 รอ.บอกว่า เหตุการณ์เมื่อคืนที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ชุมนุมได้ยึดรถตำรวจและเผา นอกจากนี้ยังได้รถใช้แท็กซี่ รถบรรทุกวิ่งเข้าหาแนวทหาร เราจึงต้องสกัดกั้นด้วยปืนลูกซองยิงเพื่อให้รถหยุด ปรากฏว่ารถบรรทุกได้หยุดและเลี้ยวกลับหมด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นคือมีประชาชนบาดเจ็บจำนวนมาก ที่หลังแนวรถตำรวจที่ถูกเผา โดยอยู่ห่างจากแนวของเจ้าหน้าที่ถึง 300 เมตร ซึ่งจะเห็นได้ว่าไม่ว่าอย่างไรปืนลูกซองก็ยิงไม่ถึงในระยะ 300 เมตรได้
     พล.ต.สุรศักดิ์ บุญศิริ ผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่  2 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.ม.2 รอ.)  กล่าวว่า ตั้งแต่ปฏิบัติการในช่วงวันที่ 13-14 พ.ค.ที่ผ่านมา ทางหน่วยถูกยิงด้วยระเบิดเอ็ม 79 จำนวน 29 นัด ซึ่งการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าทางหน่วยใช้มาตรการตามขั้นตอนมาตลอด และจะยิงเมื่อเห็นกองกำลังติดอาวุธเท่านั้น
     พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ในฐานะโฆษก ศอฉ. ให้สัมภาษณ์ว่า สามารถจับกุมกลุ่มติดอาวุธได้กว่า 40 คน ขณะนี้ผู้กระทำความผิดเหตุซึ่งหน้าจะส่งสถานีตำรวจ แต่กรณีที่มีหมายจับจะจับไปควบคุมตัวในพื้นที่ 5 แห่งที่ไม่ใช่ทัณฑสถาน เช่น กองบังคับการตำรวจ ค่ายทหาร ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ ซึ่งจำนวนผู้ติดอาวุธนี้ไม่มีระดับนำ ส่วนใหญ่ระดับแกนนำอยู่ที่บริเวณเวทีชุมนุมอย่างเดียวไม่เคยออกมา ส่วนกรณีที่มีการทะเลาะกันระหว่างผู้ชุมนุมนั้น จากการประเมิน ศอฉ.นั้นพบว่ามีกลุ่มหนึ่งอยากยุติ กลุ่มหนึ่งยังไม่อยากยุติ ด้วยเกรงอิทธิพลของกลุ่มที่ไม่อยากยุติ มีการ์ด นปช.ไม่ลงรอยกัน
     เมื่อถามว่า บรรดาการ์ดที่ติดอาวุธจากข้อมูลพบว่ามีอาวุธชนิดใดบ้างโฆษก ศอฉ.ตอบว่า มีปืนลูกซองทราโว่ เอ็ม 16 ที่ยึดไปจากทหาร และปืน ปตอ.12.7 ที่ติดบนรถเกราะที่ถูกยึดจากเจ้าหน้าที่ พล.ม.2 และเอ็ม 79 ระเบิดขว้างหลากหลายชนิด ระเบิดแสวงเครื่องและอาร์พีจี นอกจากนี้ การจับกุมการ์ดและกลุ่มผู้ติดอาวุธในพื้นที่เมื่อคืนที่ผ่านมา มีการรายงานข้อมูลละเอียดในพื้นที่ว่ามีเต็นท์บริเวณไหน การ์ดอยู่บริเวณไหน พบว่ามีการ์ดจำนวนทั้งหมด 500 ซึ่งทาง ศอฉ.ไม่แน่ใจว่าที่ถูกจับเป็นการ์ดหรือกลุ่มผู้ชุมนุมที่ฮึกเหิมไปตามแรงยั่วยุ
     ถามด้วยว่า มีกระแสข่าวว่ามีกลุ่มนายทหารเข้าไปช่วยเหลือกลุ่มผู้ชุมนุม พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า ใครที่เป็นผู้ให้ความร่วมมือสนับสนุนการก่อการร้าย ก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนที่นอกเหนือจาก พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ส่วนใหญ่เป็นอดีตทหารพรานและนายทหารหรือนายตำรวจนอกราชการ ปัจจุบันไม่ได้รับราชการอาจจะมีความถนัดในวิชาชีพ อาจมีส่วนร่วมในการงานที่กำหนดยุทธศาสตร์งานที่ถนัด ซึ่งไม่ได้พักภายในพื้นที่การชุมนุมจะเป็นการเดินทางไปๆ มาๆ

สั่งจำคุก 1 ปี 27 เสื้อแดง

     นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ในฐานะโฆษกกระทรวงยุติธรรม แถลงว่า การดำเนินคดีของผู้ทำผิดกฎหมาย ศาลแขวงปทุมวันได้มีคำพิพากษาตัดสินลงโทษ 27 คน เมื่อวันที่ 14 พ.ค. จำเลยทั้ง 27 คนรับสารภาพจึงส่งฟ้องทันที ซึ่งมีฐานความผิดฐานร่วมชุมนุม โดยศาลลงโทษบทหนักที่สุดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ตามมาตรา 18 ให้จำคุก 1 ปี เนื่องจากจำเลยรับสารภาพจึงลดลงกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 6 เดือน เป็นไปตามการบริหาร พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 โดยไม่รอการลงโทษ
     สำหรับเหตุความไม่สงบในช่วงใกล้ค่ำยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เวลา 18.20 น. ได้มีชายแต่งกายชุดดำที่อยู่บริเวณถนนวิทยุตัดแนวสารสิน ได้ใช้อาวุธสงครามเครื่องยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าใส่แฟลตที่พักของตำรวจ สน.ลุมพินี โดยกระสุนตกเข้าใส่ที่ห้องพักของ ด.ต.บุญสืบ ไม่ทราบนามสกุล เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี เป็นเหตุให้ ด.ต.บุญสืบ พร้อมภรรยาและลูกอีก 2 คน ที่นอนพักผ่อนอยู่ในห้องพักได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ที่ประสบเหตุได้ช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงเป็นการด่วน
     ก่อนหน้านั้น ชายคนเดียวกันนี้ได้ยิงเอ็ม 79  เข้าใส่ สน.ลุมพินี แต่ปรากฏว่ากระสุนพลาดไปถูกกิ่งไม้ที่อยู่บริเวณด้านหน้า และกระสุนยังไม่อยู่ในระยะที่จะเกิดการระเบิดจึงตกลงมาที่ข้างถนน
     ส่วนบรรยากาศบริเวณย่านบ่อนไก่ ถนนพระราม 4 สถานการณ์การปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารและกลุ่มผู้ชุมนุม นปช.ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยยังคงมีเสียงปืนและเสียงระเบิดรวมทั้งเสียงระเบิดเอ็ม 79 ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
     ขณะเดียวกัน กลุ่มผู้ชุมนุมได้ทยอยมาสมทบเพิ่มมากขึ้นจำนวนหลายร้อยคน ในช่วงค่ำกลุ่มผู้ชุมนุมได้ขยายบริเวณเข้ามาถึง 3 แยกคลองเตย เนื่องจากมีกระแสข่าวว่าเจ้าหน้าที่ทหารจะใช้เส้นทางด่วนและลงเดินเท้าเข้ามาในพื้นที่การชุมนุม  พร้อมนำยางรถยนต์มาราดน้ำมันจุดไฟปิดทางลงบริเวณดังกล่าว
     เวลา 19.00 น. ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 พร้อมด้วย พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และเจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด (อีโอดี) ได้นำกระสุนปืน ถังแก๊ส ดินระเบิด วัตถุระเบิดที่ต่อวงจรประกอบสำเร็จ พร้อมใช้งานจำนวนมากที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.โคกครามจับได้จากรถยนต์ต้องสงสัยที่จอดทิ้งไว้ในซอยรามอินทรา 34 เมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา นำมาแสดงให้สื่อมวลชนได้บันทึกภาพ
     พล.ต.ต.สาโรจน์กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ถือเป็นการจับกุมวัตถุระเบิดได้มากที่สุดครั้งหนึ่ง ซึ่งทางตำรวจจะมีการสืบสวนสอบสวนต่อไปว่าผู้ใดเป็นเจ้าของวัตถุระเบิดดังกล่าว แต่เบื้องต้นคาดว่ารถดังกล่าวที่นำมาจอดน่าจะเป็นยานพานะที่เตรียมจะนำไปก่อเหตุในสถานที่ต่างๆ ในระหว่างการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง แต่เนื่องจากปัจจุบันเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจได้มีการตั้งด่านตรวจอย่างเข้มข้น ทำให้เจ้าของรถดังกล่าวไม่กล้าขับรถไปก่อเหตุในพื้นที่ต่างๆ ได้ จึงได้มีการจอดรถทิ้งไว้ ซ.รามอินทรา 34 ซึ่งเบื้องต้นวัตถุระเบิดดังกล่าวจะถูกเก็บไว้ที่หน่วยอีโอดีก่อน

ตั้งกองร้อยเคลื่อนที่เร็ว

     พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. กล่าวถึงกรณีที่มีเหตุการณ์ความรุนแรงว่า ศอฉ.เป็นห่วงและวิตกกังวล จึงได้กำชับไปยัง ผบ.หน่วยที่รับผิดชอบในโซนพื้นที่ต่างๆ ให้เพิ่มความเข้มข้นในมาตรการรักษาความปลอดภัยมากกว่าเดิม โดยเฉพาะการจัดตั้งกองร้อยเคลื่อนที่เร็วในการเข้าไปแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งนี้สิ่งที่เกิดขึ้นทาง ศอฉ.พยายามแก้ไขปัญหา เพื่อให้สามารถควบคุมสถานการณ์ในวงจำกัดได้
     โฆษก ศอฉ.กล่าวว่า ส่วนกรณีที่หากมีสถานการณ์รุนแรงและกลุ่มกองกำลังติดอาวุธพยายามยิงอาวุธสงครามใส่เจ้าหน้าที่ทหารนั้น ทางทหารก็สามารถยิงตอบโต้ได้เพื่อเป็นการป้องกันชีวิตของตนเอง สำหรับกรณีที่หลายฝ่ายต้องการให้ ศอฉ.เข้าขอคืนพื้นที่แยกราชประสงค์นั้น ทาง ศอฉ.มีมาตรการว่าเวลาไหน จะเหมาะสมหรือไม่อย่างไรในการดำเนินการ
     "ขณะนี้สังคมเริ่มเร่งเร้าให้ดำเนินการจัดการกับกลุ่มผู้ชุมนุม  แต่ผมอยากให้แง่คิดว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ ศอฉ.แค่ปฏิบัติงานกดดันกลุ่มผู้ชุมนุมยังมีผู้เสียชีวิตถึง 17 คน บาดเจ็บ 140 คน ดังนั้นหากเราทำอะไรรุนแรงกว่านี้ก็จะมีการสูญเสียมากขึ้น" พ.อ.สรรเสริญกล่าว
     รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้ ศอฉ.วิตกกังวลเกี่ยวกับกองกำลังติดอาวุธที่มีการนำอาวุธสงครามเอ็ม 79 มาปฏิบัติการตอบโต้เจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งจากการสืบทราบพบว่ากองกำลังติดอาวุธมีการสะสมอาวุธลูกระเบิดเอ็ม 79 ระเบิดขว้างเอ็ม 67 และจรวดอาร์พีจีจำนวนมาก โดยขณะนี้สืบทราบว่าอาวุธสงครามดังกล่าวส่วนใหญ่มีการซุกซ่อนไว้ในพื้นที่ 2 แห่งใหญ่ คือสวนลุมพินีและภายในตึกเซ็นทรัลเวิลด์ ทาง ศอฉ.จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่มีความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยเพื่อไม่ให้กลุ่มผู้ก่อการร้ายนำอาวุธดังกล่าวมาก่อเหตุได้
     ขณะที่ศูนย์เอราวัณ สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร (กทม.) ระบุว่า จนถึงเวลาประมาณ 19.30 น. มีผู้เสียชีวิตแล้ว 22 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 172 ราย จากเหตุการณ์ปะทะกันหลายครั้งระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ชุมนุม กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มเสื้อแดง หลายจุดในกรุงเทพฯ ใกล้บริเวณที่ชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงที่แยกราชประสงค์ ส่วนชาวต่างชาติได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย เพิ่มเป็น 4 ราย เป็นชาวไลบีเรีย
     อย่างไรก็ตาม ล่าสุดในช่วงเย็นมีผู้เสียชีวิตเพิ่มที่ ซ.งามดูพลี เป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัย ทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยรหัส "ทองหล่อ 051" ศพถูกนำส่ง รพ.เลิดสิน ทำให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตอย่างไม่เป็นทางการล่าสุดอยู่ที่ 18 ราย
     พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่ากรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ในส่วนของนายบุญทิ้ง ปางศิลา เจ้าหน้าที่หน่วยฉุกเฉินของ รพ.วชิรพยาบาล ซึ่งเสียชีวิตที่บริเวณ ซ.รางน้ำ ในขณะที่ปฏิบัติหน้าที่ เชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุและน่าจะเกิดจากความเข้าใจผิด เนื่องจากในช่วงที่เข้าไปเจ้าหน้าที่รายนี้ได้ส่งสัญญาณยกมือเพื่อขอเข้าไปปฏิบัติหน้าที่แล้ว แต่ในขณะนั้นมีคนพลุกพล่าน ชุลมุน ทำให้เกิดความสับสน ซึ่งตรงนี้เราได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวังมากขึ้น
     เวลา 20.00 น. แกนนำ นปช.ร่วมกันแถลงข่าว โดยนายณัฐวุฒิกล่าวว่า การเรียกร้องให้มีการหยุดยิงได้ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง เมื่อการแถลงข่าวของนายทหารของ ศอฉ.แถลงราวกับประเทศไทยประสบชัยชนะทั้งๆ ที่เป็นการใช้อาวุธฆ่าประชาชน และ ศอฉ.ไม่ยอมรับความจริงว่าประชาชนที่เสียชีวิตเกิดจากฝ่ายทหาร แต่กลับบอกว่ากลุ่ม นปช.ขัดแย้งกันเอง
     "เราต้องเรียกร้องอีกทีที่คุณอภิสิทธิ์  ต้องคืนสันติภาพแก่สังคมไทย ไม่เช่นนั้นวันต่อๆ ไปจะมีแต่ข่าวแบบนี้ ผมเรียนว่าสถานการณ์มันกำลังบานปลายไป เมื่อถึงเวลาหนึ่งใครก็ควบคุมไม่ได้ ประเด็นตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่ราชประสงค์แล้ว แต่อยู่ด่านต่างๆ และถ้าจะปราบ มาปราบในนี้ ไม่ใช่มายิงเขาตายข้างนอก และเราจะเสนอให้คนไทยและทั่วโลกรู้ความจริงต่อไป"

แกนนำหารัฐยัดเอ็ม 79

     นายณัฐวุฒิยังกล่าวว่า  การยิงระเบิดเอ็ม 79 ที่แฟลตตำรวจ สน.ลุมพินี ตนอยากบอกว่าคนเสื้อแดงก็เป็นมิตรกัน  แต่รัฐบาลพยายามใส่ภาพว่าการยิงระเบิดเอ็ม 79 เป็นของคนเสื้อแดง
     ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ รองประธาน นปช. กล่าวว่า ที่ ศอฉ.บอกว่าผู้ชุมนุมมีผู้ก่อการร้ายติดอาวุธ  500 คน แสดงว่า ศอฉ.จะติดใบมรณบัตร 500 ใบ ตนอยากบอกว่าถ้ามนุษย์ที่มีจิตใจเป็นธรรม ล้วนเป็นประชาชน พลเรือน และเจ้าหน้าที่พยาบาล ถ้าคนเสื้อแดงมีอาวุธจริงทำไมไม่มีทหารโดนยิงแม้แต่รายเดียว แล้วที่บอกว่ามีการยิงระเบิดเอ็ม 79 จากคนเสื้อแดง ทำไมไม่ระคายผิวทหาร  แต่การยิงเอ็ม 79 ว่าเป็นการยิงตอบโต้กัน ทั้งที่เป็นการยิงฝ่ายเดียวทั้งเอ็ม 16 และเอ็ม 79 เพราะฉะนั้นความตายที่เกิด เป็นมือเปล่า แต่พยายามออกโทรทัศน์บิดเบือน
     "เราจะยืนหยัดทวงความยุติธรรมกับทุกชีวิต เพราะฉะนั้นพวกผมเป็นหนี้ชีวิตทุกวีรชนที่ได้พลีชีพ ไม่ว่ากี่วันจะได้ความยุติธรรม ขอเพียงเศษเสี้ยวของความจริง และความยุติธรรมไม่ต้องให้ผมก็ได้ ให้กับคนตาย เพราะเขาไม่มีสิทธิ์เถียงอะไรเลย และเป็นหน้าที่ของเราทุกคนในการหาความยุติธรรมไม่ว่าในสวรรค์หรือนรก" นายจตุพรกล่าว
     เวลา 20.15 น. ที่อาคารกิตติสุข กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ออกแถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ แสดงความเสียใจต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้น
     "ผมตลอดจนรัฐบาล และเจ้าหน้าที่ทุกคนก็รู้สึกไม่ต่างไปจากพี่น้องประชาชนคนไทย ที่ไม่ต้องการเห็นเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น และไม่ต้องการเห็นสภาพของบ้านเมืองอยู่ในลักษณะของความขัดแย้งและความรุนแรง"
     นายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าการชุมนุมนั้นเกิดคู่ขนานไปกับการมีกองกำลังติดอาวุธ และมีการใช้อาวุธสงคราม อาวุธที่ร้ายแรง ทั้งก่อวินาศกรรมและทำร้ายเจ้าหน้าที่ และกระทำต่อประชาชนทั่วไป แม้กระทั่งกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยกันเอง นี่จึงทำให้การแก้ไขปัญหาของเจ้าหน้าที่ของรัฐประสบปัญหาความยากลำบากมาโดยตลอด
     "ที่บอกว่าน่าเสียดาย น่าเสียใจ หรือว่าน่าผิดหวังนั้น เห็นได้ชัดว่าการปฏิเสธการปรองดองนั้นไม่ได้เป็นไปเพื่อประโยชน์ของใครเลย แต่เพื่อประโยชน์ของกลุ่มเล็กๆ ซึ่งประสงค์ที่จะให้เกิดความรุนแรงเกิดขึ้น ต้องการที่จะเดินไปสู่แผนที่จะทำให้เกิดสงครามกลางเมือง การสูญเสียบ้าง ซึ่งจะนำสิ่งเหล่านี้มากดดันรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่ไม่น่าที่จะเป็นที่ยอมรับได้ คือแนวคิดการเอาชีวิตของประชาชนหรือชีวิตของคนมาเป็นเรื่องของการที่จะนำมากดดันรัฐบาลทำให้เกิดปัญหา"
     นายอภิสิทธิ์ยืนยันว่า สิ่งที่รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ดำเนินการอยู่ขณะนี้ เป็นสิ่งที่มีความจำเป็น เราไม่สามารถที่จะปล่อยให้บ้านเมืองนั้นตกอยู่ในสภาพซึ่งมีคนไม่เคารพกฎหมาย พูดง่ายๆ เหมือนกับจับคนกรุงเทพฯ หรือศูนย์กลางของประเทศเป็นตัวประกัน เราไม่สามารถปล่อยให้บ้านเมืองอยู่ในสภาวะที่คนสามารถจัดตั้งกองกำลังและมาล้มล้างรัฐบาลที่ไม่เป็นที่พอใจของคนที่จัดตั้งหรือก่อตั้งกลุ่มที่มีกำลังเหล่านั้น
     "การดำเนินการในลักษณะนี้ผมจึงขอยืนยันว่า รัฐบาลจำเป็นต้องเดินหน้า รัฐบาลไม่อาจถอยได้ เพราะรัฐบาลกำลังทำในสิ่งที่จะเป็นประโยชน์สำหรับประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ผมขอยืนยันว่าแนวทางนี้เป็นแนวทางเดียวที่จะนำไปสู่ความสงบสุขและการรักษาความถูกต้องในบ้านเมืองได้"
     นายกฯ ยืนยันว่า ถ้าเราปรารถนาที่จะเห็นความสูญเสียน้อยที่สุด วิธีการเดียวคือทำให้ผู้ชุมนุมยุติการชุมนุม เพราะตราบเท่าที่มีการชุมนุมกองกำลังที่ติดอาวุธ ผู้ก่อการร้ายก็ยังคงปฏิบัติการต่อไป นำความสูญเสียให้เกิดขึ้นกับประชาชนบ้าง ผู้ชุมนุมบ้าง และเจ้าหน้าที่ของรัฐบ้าง ไม่จบไม่สิ้น
     "ฉะนั้นขอยืนยันว่า ประชาชนทุกคนจะต้องช่วยกันทำให้เกิดการยุติการชุมนุม มาตรการที่ ศอฉ.ใช้ขณะนี้เหมาะสมที่สุด และจะเดินหน้าต่อไป คือการกระชับวงล้อม การตัดบริการสาธารณะ ที่จะนำไปสู่การตัดสินใจให้ยุติการชุมนุม"
     นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เมื่อการชุมนุมยุติลง ปัญหาทุกปัญหาได้ถูกบรรจุไว้ในแผนปรองดองที่ได้นำเสนอและเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง เพราะฉะนั้นถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนต้องมีเจตนารมณ์ร่วมกัน สื่อสารไปยังทุกคนที่เกี่ยวข้องว่า วันนี้การยุติการชุมนุมคือทางออกที่ดีที่สุดสำหรับประเทศชาติ ประชาชน ตนขอบคุณประชาชนอีกครั้งหนึ่งสำหรับความร่วมมือ กำลังใจที่ให้กับรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ของรัฐ และขอให้กำลังใจที่มอบให้นั้นกลับคืนเป็นกำลังใจของประชาชนที่จะร่วมฟันฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน.


http://www.thaipost.net/node/22250
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2046 เมื่อ: 16 พฤษภาคม 2553, 08:37:13 »

แนวหน้าวิเคราะห์
 
ใบสั่งล้มแผนปรองดอง แดงแตกหักจุดไฟกลียุคนองเลือด (แนวหน้าวิเคราะห์)
 
 
 
      ทั้งๆ ที่ทำท่าว่าจะเดินไปได้สวยสำหรับโรดแมปแผนสร้างความปรองดองของนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่บรรดาแกนนำคนเสื้อแดง ตลอดจนกระแสสังคมสนับสนุนกันทั่วบ้านทั่วเมือง โดยกำหนดให้ยุบสภาในช่วงครึ่งหลังของเดือน ก.ย.ที่จะถึงนี้ และมีการเลือกตั้งทั่วไปในราววันที่ 14 พ.ย. พร้อมกับแนวทางสร้างความปรองดอง 5 ข้อ แต่แล้วในที่สุดแผนสู่ความสมานฉันท์ก็ล่มไม่เป็นท่าเมื่อจู่ๆ แกนนำเสื้อแดงสายฮาร์ดคอร์เล่นเกมตีรวนยื้อเกมไม่ยอมสลายม็อบเสื้อแดงพ้นย่านราชประสงค์ จนเป็นชนวนทำให้สถานการณ์กลับไปสู่ความตึงเครียดเมื่อฝ่ายรัฐบาลตัดสินใจใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดสลายการชุมนุมเคลียร์พื้นที่ย่าราชประสงค์และกวาดล้างกลุ่มก่อการร้ายที่ แฝงตัวอยู่ในม็อบเสื้อแดง

      เบื้องหลังแผนปรองดองที่ล่มลงอย่างฉับพลันสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเกิดจากใบสั่งของ นักโทษชายแม้ว นายใหญ่     ขบวนการเสื้อแดง โดยจากคำให้สัมภาษณ์ของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง หัวหน้ากองกำลังฮาร์ดคอร์ ที่ขึ้นตรงกับนักโทษชายแม้ว ออกมาเปิดเผยว่าได้รับโทรศัพท์จาก นักโทษชายแม้วว่า ไม่เห็นด้วยกับแผนปรองดองเพราะเป็นแค่แผนของฝ่ายรัฐบาลที่ต้องการสลายการชุมนุมม็อบเสื้อแดงเท่านั้น

      เสธ.แดง ยังเปิดเผยคำสั่งของ นักโทษชายแม้ว ที่ให้เตรียมแกนนำเสื้อแดงชุดใหม่อันประกอบด้วยแกนนำสายฮาร์ดคอร์ประกอบด้วย นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ นายขวัญชัย ไพรพนา นายพายัพ ปั้นเกตุ ขึ้นมาทำหน้าที่คุมม็อบเสื้อแดงแทน แก๊งสามเกลอ อันประกอบด้วย นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ

      การที่ นักโทษชายแม้ว มีแผนเปลี่ยนขุนศึกกลางสนามรบก็คงเพราะประเมินแล้วว่า ตัวเอง ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยแม้แต่น้อยจากแผนปรองดองเพื่อนำชาติบ้านเมืองกลับคืนสู่ความสงบครั้งนี้ อีกทั้งหากเดินตามเกมแผนปรองดองของรัฐบาลด้วยการสลายม็อบเสื้อแดงแล้วไปวัดดวงในการเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 14 พ.ย. ถือเป็นความเสี่ยงและไม่ทันการสำหรับการช่วงชิงอำนาจรัฐมาเป็นของตัวเองเพื่อผลักดันเป้าหมายสำคัญคือฟอกโทษความผิดทั้งหมดของ นักโทษชายแม้วและทวงทรัพย์สินที่ถูกยึดตกเป็นของแผ่นดินคืน รวมไปถึงแผนที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศไปสู่ระบอบใหม่

      ทั้งนี้ นักโทษชายแม้ว อาจประเมินแล้วว่า การเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นไม่แน่ว่าพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นหุ่นเชิดของตัวเองจะชนะการเลือกตั้งอย่างเด็ดขาดจนได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพราะนับวันคะแนนนิยมของ นายกฯอภิสิทธิ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะดีวันดีคืน ขณะที่พรรคเพื่อไทยเองจนขณะนี้แม้แต่หัวหน้าพรรคตัวจริงที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเข้าชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนต่อไปอย่างแท้จริงก็ยังหาไม่ได้

      จากแนวโน้มที่มีความเสี่ยงไม่แน่นอนในศึกเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นแล้วทำให้ นักโทษชายแม้ว หันมาเดินเกมสร้างสถานการณ์ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเพื่อช่วงชิงอำนาจรัฐแบบฉับพลัน เพราะหากปล่อยให้รัฐบาลอภิสิทธิ์คุมอำนาจต่อไปจนถึงเดือนก.ย.นี้ ก็จะทำให้ นักโทษชายแม้ว หมดโอกาสที่จะผลักดันให้นายทหารที่เป็นคนของตัวเองขึ้นคุมอำนาจในกองทัพ ซึ่งนั่นหมายถึงอุปสรรคอย่างสำคัญต่อแผนการใหญ่ที่ นักโทษชายแม้ว วางไว้ เพราะแม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งทั่วไปและได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่ก็คงดำเนินการตามเป้าหมายของ นักโทษชายแม้วได้ลำบากตราบใดที่ยังไม่สามารถควบคุมผู้นำในกองทัพได้ ทั้งนี้เนื่องจากไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่ากองทัพคือปัจจัยแห่งอำนาจซึ่งมีความสำคัญที่จะกำหนดเสถียรภาพของรัฐบาลและอนาคตของประเทศ

      ด้วยแผนของ นักโทษชายแม้ว ที่ต้องการเร่งเผด็จศึกช่วงชิงอำนาจรัฐให้ได้โดยเร็วที่สุด รวมทั้งการผลักดันแกนนำเสื้อแดงสายฮาร์ดคอร์ให้ขึ้นมามีบทบาทนำม็อบเสื้อแดงแทนแก๊งสามเกลอหัวขวดที่ยึดแนวทางประนีประนอมทำให้นักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตว่านี่คือสัญญาณอันตรายในการทำสงครามขั้นแตกของขบวนการเสื้อแดงภายใต้ใบสั่งของ นักโทษชายแม้ว เพราะมีแนวโน้มว่า

      นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปปฏิบัติการใต้ดินด้วยการลอบก่อวินาศกรรมจะเพิ่มความรุนแรงยิ่งขึ้นคู่ขนานไปกับการเคลื่อนไหวอย่างเข้มข้นยั่วยุท้าทายอำนาจรัฐของม็อบเสื้อแดง

      เบื้องหลังการล่มของแผนปรองดองครั้งนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งอย่างรุนแรงในหมู่แกนนำคนเสื้อแดงระหว่างแกนนำกลุ่มที่ยึดแนวทางสันติประนีประนอมนำโดย นายวีระ กับกลุ่มฮาร์ดคอร์ที่นำโดย เสธ.แดง นายอริสมันต์ นายขวัญชัย นายสุภรณ์ และนายพายัพ

      ความขัดแย้งในหมู่แกนนำคนเสื้อแดงมาถึงจุดแตกหักหลังจากที่มีการเจรจาอย่างลับๆระหว่างตัวแทนฝ่ายรัฐบาลกับตัวแทนคนเสื้อแดงนำโดย นายวีระ จนได้ข้อสรุปเพื่อนำไปสู่ความปรองดองแล้วโดยม็อบเสื้อแดงพร้อมที่จะสลายการชุมนุม แต่แล้วจู่ๆ แกนนำสายฮาร์ดคอร์ซึ่งได้รับคำสั่งจาก นักโทษชายแม้ว กลับยืนกรานด้วยท่าทีแข็งกร้าวไม่ยอมรับแผนปลองดองและต้องการให้ม็อบเสื้อแดงยึดย่านราชประสงค์ชุมนุมต่อไป ท่ามกลางกระแสข่าวว่า นายวีระ ไม่พอใจอย่างมากที่เสียคำพูดในการไปเจรจากับฝ่ายรัฐบาลถึงถอนตัวจากเวทีเสื้อแดง นอกจากนี้ยังมีข่าวว่าแกนนำเสื้อแดงสายอีกหลายคนที่คิดจะโบกมือลาเวทีคนเสื้อแดงตาม นายวีระ อาทิ นายอดิศร เพียงเกษ นายจรัล ดิษฐาอภิชัย นายกอบแก้ว พิกุลทอง นายวิสา คัญทัพ และนางไพจิตร อักษรณรงค์

      เงื่อนไขของฝ่ายรัฐบาลที่ไม่ยอมให้ประกันตัวแกนนำคนเสื้อแดงบางคนที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาร้ายแรงว่าร่วมอยู่ในขบวนการก่อการร้าย เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ให้เกิดความร้าวฉานในหมู่แกนนำคนเสื้อแดง ซึ่งสะท้อนให้เห็นชัดเจนจากคำกล่าวของ นายขวัญชัย ที่ว่า รัฐบาลตั้งเงื่อนไขยอมให้ประกันตัวแกนนำเสื้อแดง 20 คน แต่ไม่ยอมให้ประกันตัว 4 คน คือ ตัว นายขวัญชัย นายอริสมันต์ นายสุภรณ์ และ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์

      ด้วยใบสั่งของ นักโทษชายแม้ว ที่หนุนหลังแกนนำสายฮาร์ดคอร์ให้ขึ้นมากุมการนำม็อบเสื้อแดงทำให้เกิดการตีรวนยื้อเกมและมีมติไม่สลายการชุมนุมคนเสื้อแดงตามเส้นตายที่ตกลงไว้กับฝ่ายรัฐบาลจึงเหมือนฟางเส้นสุดท้ายสำหรับแผนการสร้างความปรองดองระหว่างรัฐบาลกับคนเสื้อแดง โดยสะท้อนจากท่าทีที่แข็งกร้าวของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ที่ประกาศว่า รัฐบาลได้พยายามทำตามข้อเรียกร้องของฝ่ายแกนนำคนเสื้อแดงทุกอย่างแล้วเพื่อสร้างความปรองดอง แต่ฝ่ายแกนนำคนเสื้อแดงกลับพยายามยื้อเวลาเพื่อชุมนุมต่อไป เพราะฉะนั้นถือว่า สังคมหมดความอดทนแล้วสำหรับม็อบเสื้อแดง

      แต่ที่สำคัญคือท่าทีของ นายกฯอภิสิทธิ์ ที่ประกาศอย่างหนักแน่นจริงจังว่าขอให้ม็อบเสื้อแดงสลายการชุมนุมในทันทีก่อนที่รัฐบาลจะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดเข้าเคลียร์พื้นที่ย่านราชประสงค์ รวมทั้งล้มเลิกข้อเสนอยุบสภาและกำหนดวันเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ย.นี้ ตามที่เคยประกาศไปก่อนหน้านี้

      " เวลานี้พี่น้องประชาชนเดือดร้อนมากพอแล้ว ความอดทนของประชาชนกลุ่มอื่นๆ ลดลงมาก ความเสี่ยงต่อการสูญเสียที่จะเกิดขึ้นทั้งในพื้นที่การชุมนุมและนอกพื้นที่การชุมนุมมีมากทุกวัน ไม่มีประโยชน์อะไรกับใครเลยที่จะมายื้อเวลาในลักษณะอย่างนี้ .....ไม่มีแล้วครับ ผมถือว่าการไม่ยุติการชุมนุมคือการไม่ตอบรับแผนปรองดอง และขอให้ยุติการชุมนุมในทันที"

      การตัดสินใจใช้ปฏิบัติการขั้นเด็ดขาดเพื่อสลายการชุมนุมของม็อบเสื้อแดงที่ยึดย่านราชประสงค์มานานกว่าหนึ่งเดือนของ นายกฯอภิสิทธิ์ ก็เพื่อรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของหลักนิติรัฐและลบภาพความเป็น รัฐล้มเหลว ของรัฐบาล แต่ที่สำคัญก็คือเป้าหมายในการกวาดล้างกลุ่มก่อการร้ายที่แฝงตัวอยู่ในม็อบคนเสื้อแดงและมีการซุกซ่อนอาวุธสงครามไว้จำนวนมาก

      หลังคำสั่งที่เด็ดขาดจริงจังของ นายกฯอภิสิทธิ์ มีการประชุมศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.)เป็นการด่วนโดยมี นายกฯอภิสิทธิ์ เป็นประธานเพื่อซักซ้อมแผนปฏิบัติการเพื่อสลายการชุมนุมม็อบเสื้อแดงให้ได้ก่อนที่จะถึงวันเปิดเทอม 17 พ.ค.นี้ โดยเป้าหมายสำคัญในปฏิบัติการขั้นเด็ดขาดสลายม็อบเสื้อแดงครั้งนี้ก็คือการกวาดล้างจับกุม เสธ.แดง และกลุ่มก่อการร้าย ตลอดจนแกนนำสายฮาร์ดคอร์ของคนเสื้อแดงแบบขุดรากถอนโคน

      การยื้อเกมตีรวนของขบวนการเสื้อแดงภายใต้ใบสั่งของนักโทษชายแม้วผู้เป็นนายใหญ่จนทำให้รัฐบาลตัดสินใจเลิกล้มแผนยุบสภาเพื่อเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 14 พ.ย.นี้ จนนำมาสู่ปฏิบัติการขั้นเด็ดขาดจัดการกับม็อบเสื้อแดงและกลุ่มก่อการร้ายที่แฝงตัวอยู่ ขณะที่กลุ่มผู้บงการวางแผนอยู่เบื้องหลังขบวนการเสื้อแดงพยายามที่จะสร้างสถานการณ์ใช้แผนสังหารเจ้าหน้าที่หรือแม้แต่ฆ่าพวกเดียวกันเองหวังจุดชนวนให้เกิดการจลาจลกลายเป็นสงครามกลางเมืองให้ได้เหมือนเช่นโศกนาฏกรรมเลือดเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่แยกคอกวัว ซึ่งเหตุการณ์ลอบยิงเสธ.แเดงอาจเป็นไปได้ที่จะอยู่ในแผนปฏิบัติการดังกล่าว อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นปัญหาที่ท้าทายรัฐบาลภายใต้การนำของนายกฯอภิสิทธิ์ว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์และนำพาประเทศกลับคืนสู่ความสงบและเดินไปข้างหน้าโดยเกิดความสูญเสียน้อยที่สุดได้หรือไม่ แต่สำหรับนักโทษชายแม้วดูเหมือนกำลังรอตักตวงผลประโยชน์จากหายนะของชาติบ้านเมืองครั้งนี้ด้วยการใช้เหตุการณ์นองเลือดเป็นข้ออ้างในการเรียกร้องให้องค์กรระหว่างประเทศโดยเฉพาะองค์การสหประชาชาติเข้ามาแทรกแซงวิกฤตการณ์ในประเทศไทยโดยหวังที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงซึ่งเป็นผลดีต่อตัวเอง



ทีมข่าวการเมือง
 
วันที่ 16/5/2010
 
http://www.naewna.com/news.asp?ID=211187
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2047 เมื่อ: 16 พฤษภาคม 2553, 08:44:08 »

กำจัดอาวุธปืนยิงลูกระเบิด M-79 ไม่ได้ ประชาชนซึ่งเป็นสุจริตชนจะไม่ปลอดภัย (ทั้งนี้ไม่รวมถึงทหาร ตำรวจ)


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=4hmSPbugDAA" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=4hmSPbugDAA</a>

      วิดีโอคลิปในเว็บไซต์ Youtube ซึ่งผู้ใช้นามว่า "realmkii" โพสต์ขึ้นไปเมื่อวันที่ 15 พ.ค.53 พร้อมระบุว่า เป็นภาพเหตุการณ์ที่คนเสื้อแดงยิงระเบิดเอ็ม 79 ที่บริเวณแยกศาลาแดง เมื่อวันที่ 14 พ.ค.53 ระหว่างที่คนเสื้อแดงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ทหาร ที่ทำการปิดล้อมพื้นที่ชุมนุมของคนเสื้อแดง


http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9530000067290
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2048 เมื่อ: 16 พฤษภาคม 2553, 19:31:58 »

อ้าวพี่แอ๊ะ...เสธ. ก็เป็นรุ่นน้องครุศาสตร์ด้วยอ่ะ??

ประวัติ เสธ.แดง
วันศุกร์ ที่ 14 พฤษภาคม 2553 เวลา 08:32 น

ประวัติส่วนตัว พล.ต. ขัตติยะ เป็นชาวอำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี เกิดเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2494 เป็นบุตรชายคนสุดท้องของ ร.อ.สนิท สวัสดิผล และนางสอิ้ง สวัสดิผล จากจำนวนพี่น้อง 4 คนซึ่งเป็นหญิง 3 คนและชาย 1 คน


จบมัธยมศึกษาจากโรงเรียนศรีวิกรม์ การศึกษาด้านการทหาร จบโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 11, โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 22 และโรงเรียนเสนาธิการทหารบก รุ่นที่ 63


เรียนต่อปริญญาตรี ครุศาสตร์บัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำเร็จการศึกษาปี 2528 ปริญญาโท คณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ สำเร็จการศึกษาปี 2539


ปริญญาตรี นิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีปทุม สำเร็จการศึกษาปี 2545 ปริญญาตรี เศรษฐศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง สำเร็จการศึกษาปี 2547 และจบปริญญาเอก สาขาบริหารรัฐกิจ UNIVERSITY OF NORTHERN PHILIPPINES สำเร็จการศึกษาปี 2551


เข้ารับราชการครั้งแรกในกองพันทหารราบที่ 4 ค่ายอิงคยุทธบริหาร จังหวัดปัตตานี และเติบโตมาในสายทหารม้า เคยได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายทหารพิเศษ ประจำกองพันทหารม้าที่ 3 รักษาพระองค์ เมื่อปี 2543


เคยเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าในช่วงปี 2529 เป็นนายทหารติดตามของ พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก รองนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และเคยเป็นนายทหารคนสนิทของนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานในรัฐบาล นายชวน หลีกภัย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก


สมรสกับ นาวาเอก (พิเศษ) หญิง จันทรา สวัสดิผล (เสียชีวิตแล้วด้วยโรคมะเร็ง) มีบุตรสาวด้วยกันทั้งหมด 1 คน ชื่อ นางสาวขัตติยา สวัสดิผล (ชื่อเล่น: เดียร์) ปัจจุบันทำงานเป็นทนายความในสำนักกฎหมายเอกชน


ปัจจุบัน พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล มีเว็บไซต์ของตนเอง ที่วิพากษ์วิจารณ์สถานการณ์การเมืองในปัจจุบันอย่างดุเดือด โดยบุคคลที่ชื่นชอบจะเรียกชื่อ พล.ต.ขัตติยะ อย่างเคารพว่า "อาแดง"


(อ้างอิงจาก วิกีพีเดีย สารานุกรมเสรี)


http://tnews.teenee.com/politic/50455.html
      บันทึกการเข้า
ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #2049 เมื่อ: 16 พฤษภาคม 2553, 20:50:51 »

เคยเกลียดเสธแดงมาก  ตอนนี้อโหสิ
      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
  หน้า: 1 ... 80 81 [82] 83 84 ... 131   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><