20 เมษายน 2567, 06:23:28
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: [1]   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: มาบริหารสมองกันเถิด  (อ่าน 6838 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« เมื่อ: 11 สิงหาคม 2552, 21:44:35 »





วิธีการบริหารสมอง 8 วิธี ดังนี้

       1. ประสานงานสมอง

การเขียนเลข 8 ในอากาศด้วยมือทั้ง 2 ข้าง ๆ ละ 5 ครั้ง โดย

เริ่มจากด้านซ้ายของเลขก่อน แล้วเขียนวนไปให้เป็นเลข 8

วิธีนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการอ่าน และการทำความเข้าใจดีขึ้นและ

ทำให้สมองด้านซ้ายและด้านขวาประสานงานกัน

         2. น้ำเปล่าหล่อเลี้ยงสมอง

วางขวดน้ำไว้ใกล้ ๆ โต๊ะของคุณเป็นประจำ และคอยจิบทีละน้อย

วิธีนี้จะช่วยให้จิตใจและร่างกายของคุณตื่นตัวตลอดเวลา และสมองก็จะเปิดว่าง

สามารถรับสารหรือข้อมูลได้ดี เพราะน้ำจะช่วยปรับสารเคมีที่สำคัญในสมองและระบบประสาท

       ถ้าเวลาที่รู้สึกเครียด เพราะขาดน้ำ จึงควรจิบน้ำเพื่อให้ร่างกายได้รับน้ำเพื่อไปหล่อเลี้ยง

ระบบของร่างกาย

       3. นวดจุดเชื่อมสมอง

วางมือข้างหนึ่งไว้บนสะดือ มืออีกข้างหนึ่งใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้วาง

บนกระดูกหน้าอกบริเวณใต้กระดูกไหปลาร้า และค่อย ๆ นวดทั้ง 2 ตำแหน่ง

ประมาณ 10 นาที วิธีนี้จะช่วยลดความงงหรือสับสน กระตุ้นพลังงานและช่วยให้มีความคิดแจ่มใส

       4. บริหารกล้ามเนื้อหัวไหล่

ให้มือซ้ายจับไหล่ขวา บีบกล้ามเนื้อให้แน่นพร้อมหายใจเข้า

จากนั้นหายในออกและหันไปทางซ้ายจนสามารถมองไหล่ซ้ายของตัวเอง

จากนั้นสูดลมหายใจลึก ๆ วางแขนซ้ายลงบนไหล่ขวา พร้อมกับห่อไหล่

ค่อยๆ หันศีรษะกลับไปตรงกลางและเลยไปด้านขวา จนกระทั่งสามารถ

มองข้ามไหล่ของคุณได้ ยืดไหล่ทั้ง 2 ข้างออก ก้มคางลงจรดหน้าอก

พร้อมกับสูดลมหายใจลึกๆ เพื่อให้กล้ามเนื้อของคุณได้ผ่อนคลาย

เปลี่ยนมาใช้มือขวาจับไหล่ซ้ายบ้างและทำซ้ำกันข้างละ 2 ครั้ง

วิธีนี้จะช่วยบริหารกล้ามเนื้อตรงส่วนลำคอและไหล่ การได้ยิน, การฟัง และ

ช่วยลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อที่เกิดจากการนั่งโต๊ะทำงานเป็น

เวลานานอีกด้วย

       5. นวดใบหูกระตุ้นความเข้าใจ วิธีนี้ทำได้โดยการนั่งพักสบาย ๆ

แตะปลายนิ้วทั้ง 2 ข้างที่ใบหู เคลื่อนนิ้วไปยังส่วนบนของหู จากนั้น

บีบนวดและคลี่รอยพับของใบหูทั้ง 2 ข้างออก ค่อย ๆ เคลื่อนนิ้ว

ลงมานวดบริเวณอื่น ๆ ของใบหู ดึงเบา ๆ เมื่อถึงติ่งหู ดึงลง

ให้ทำซ้ำกัน 2 ครั้ง วิธีนี้จะช่วยกระตุ้นการได้ยิน และทำให้ความเข้าใจดีขึ้น

เพราะเป็นการคลายเส้นประสาทบริเวณใบหูที่เชื่อมสมอง

       6. บริหารขา โดยการยืนตรงให้เท้าชิดกัน ถอยเท้าซ้ายไปข้างหลัง

โดยยกส้นเท้าขึ้น งอเข่าขวาเล็กน้อยแล้วโน้มไปข้างหน้าเล็กน้อย

ก้นของคุณจะอยู่ในแนวเดียวกับส้นเท้าขวา สูดลมหายใจเข้าและผ่อนออก

ในขณะที่ปล่อยลมหายใจออกนี้ ค่อย ๆ กดส้นเท้าซ้ายให้วางลงบนพื้น

พร้อมกับงอเข่าขวาเพิ่มขึ้น หลังเหยียดตรง สูดลมหายใจเข้าแล้ว

กลับไปตั้งต้นใหม่อีกครั้งเปลี่ยนจากขาข้างซ้ายเป็นข้างขวา

โดยออกกำลังในท่านี้ทั้งหมด 3 ครั้งด้วยกัน

การบริหารท่านี้เหมาะสำหรับการปรับปรุงสมาธิ รวมทั้งช่วยเพิ่มความเร็ว

ในการอ่านหนังสือ และยังช่วยให้กล้ามเนื้อต้นขา และกล้ามเนื้อน่อง

ผ่อนคลายอีกด้วย

       7. กดจุดคลายเครียด ใช้นิ้ว 2 นิ้ว กดลงบนหน้าผากทั้ง 2 ด้าน

ประมาณกึ่งกลางระหว่างขนคิ้ว และตีนผม กดค้างไว้ประมาณ 3-10 นาที

วิธีนี้จะช่วยคลายความตึงเครียดและเพิ่มการหมุนเวียนโลหิตเข้าสู่สมอง

       8. บริหารสมองด้วยการเขียน เขียนเส้นขยุกขยิกด้วยมือทั้ง 2 ข้าง

พร้อม ๆ กัน ลายเส้นที่เขียนอาจจะดูเพี้ยนๆ แต่ได้ผลดีต่อระบบสมอง

เป็นอย่างดีทีเดียว วิธีนี้จะช่วยให้เกิดการปรับปรุงการประสานงานของสมอง

ด้วยการทำให้สมองทั้ง 2 ซีกทำงานพร้อมกัน และเพิ่มความชำนาญ

ด้านการสะกดคำและคำนวณดีและรวดเร็วขึ้นอีกด้วย

การบำรุงรักษา และฝึกฝนสมอง การพัฒนาของสมองจะมีมากที่สุด

ในช่วงที่ยังเป็นเด็กเล็ก และอัตราการพัฒนาของสมองจะค่อย ๆ ลดลง

เมื่ออายุมากขึ้น การบำรุงรักษาสมองให้ดี สามารถทำได้โดยการเลือก

รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสมองและเซลล์ประสาท เช่น

พืช ผักและผลไม้ที่มีวิตามิน B1 วิตามิน B6 และวิตามิน B12 ที่มีใน

ข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้อง นอกจากนี้ มีหลักฐานจากงานวิจัยแสดงให้เห็นว่า

สารสกัดจากใบแปะก๊วย จะสามารถช่วยบำรุงเซลล์ประสาทให้ทำงานได้ดี

รักษาความจำให้ดีขึ้นได้

ในทางตรงข้าม การดื่มเหล้า เบียร์ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์หรือยาที่

ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท เช่น ยากล่อมประสาท ยาบ้า จะมีผลต่อการ

ทำงานของเซลล์ประสาท หรือระบบประสาททำให้เซลล์ประสาท

ทำงานผิดปกติ และทำให้มีความรู้สึกนึกคิดที่ผิดปกติ เช่น

เห็นภาพหลอน ได้ยินเสียงหลอนและทำให้แสดงพฤติกรรมที่ผิดปกติได้

สำหรับผู้ใหญ่วัยกลางคน หรือผู้สูงอายุ การรับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำ

และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดอัตราการเกิดโรคความดันโลหิตสูง

และโรคเบาหวาน อันจะนำไปสู่การป้องกันการเกิดโรคสมองขาดเลือด
       

การฝึกฝนความจำทั้งความจำระยะสั้น และระยะยาว การฝึกฝนการคิดคำนวณ

การฝึกความคิดสร้างสรรค์อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยเพิ่มเส้นใยประสาทของเซลล์ประสาท

ให้มีการเชื่อมโยงถึงกันมากขึ้น พร้อมกันนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงของสารเคมี

ที่บรรจุอยู่ที่ปลายประสาทให้มีมากเพิ่มขึ้นด้วย

       มีหลักฐานงานวิจัยประมาณไว้ว่า สมองของมนุษย์มีประมาณ

1,000,000,000,000 เซลล์ (หนึ่งล้านล้านเซลล์) และแต่ละเซลล์

อาจเชื่อมโยงกับเซลล์ประสาทอื่นๆ อีกประมาณ 80,000 - 100,000 เซลล์

ความเชื่อมโยงของเซลล์ประสาททั้งหมดในสมองมีอยู่จำนวนมหาศาล คือ

ประมาณ 1 แล้วตามด้วยเลขศูนย์ประมาณ 800 ตัว ดังนั้น พอจะอนุมานได้ว่า

       พลังสมองที่เราใช้อยู่ในปัจจุบันเป็นเพียงพลังสมองที่คิดเป็นเศษเสี้ยว

ของพลังสมองทั้งหมดที่มีอยู่ ศักยภาพของสมองมนุษย์มีอยู่มากมายมหาศาล

และพลังของสมองนั้นไม่มีขอบเขตจำกัดอาหารบำรุงสมอง

         อาหารมีความสำคัญต่อการพัฒนาสมอง ไม่แพ้การพัฒนาทางร่างกาย

เป็นความจริง ที่ยอมรับกันโดยทั่วไป

ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ทั้งหลาย จึงปรนเปรออาหารการกินให้กับลูก ๆ ด้วยหวังว่า

       อาหารเหล่านี้ จะทำให้ความคิดแล่นความจำดีสมองโปร่งใสทำให้

ลูกเฉลียวฉลาดได้ อาหารที่เชื่อกันว่าช่วยบำรุงสมองมีอยู่หลายอย่าง เช่น

เนื้อสัตว์ นม ไข่ น้ำซุปไก่เป็นต้น แต่ที่ขึ้นชื่อที่สุดเห็นจะเป็นปลา ผู้ใหญ่มัก

ให้เด็กกินปลา โดยอ้างว่าปลาบำรุงสมอง กินปลาแล้วจะฉลาดขึ้น

และถ้ากินหัวปลาได้ จะยิ่งฉลาดเข้าไปใหญ่

หากอาหารสามารถบำรุงสมองได้จริงเช่นนั้น
       
เชื่อว่าเด็กส่วนใหญ่ในประเทศไทยคงไม่สอบตก

       ฉะนั้นจะหวังให้อาหารช่วยให้ฉลาดขึ้นคงจะเป็นไปไม่ได้

เพราะอาหารช่วยบำรุงสมองได้ในระยะที่สมองเติบโต หรือในระยะเริ่มแรก

ของชีวิตเท่านั้น เมื่อเด็กเข้าโรงเรียนสมองเติบโตเต็มที่เสียแล้ว

ไม่ว่าจะทำนุบำรุงเรื่องอาหารเพียงใดก็ย่อมไม่ทำให้เฉลียวฉลาดขึ้น

ความเฉลียวฉลาดของแต่ละคน ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับกรรมพันธุ์ ถึงกรรมพันธุ์

จะเป็นตัวกำหนด ขีดขั้นตอนสติปัญญา แต่เด็กมักจะมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด

เต็มขั้นตามกรรมพันธุ์กำหนดหรือไม่ ยังขึ้นอยู่กับอาหารที่คุณแม่รับประทาน

ในช่วงตั้งครรภ์และอาหารที่ลูกกินในช่วงแรกของชีวิต

ถ้าหากในช่วงที่คุณแม่ตั้งครรภ์ คุณแม่รับประทานอาหารครบห้าหมู่และ

มีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เซลล์สมองของลูกจะสามารถ

เจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่เป็นรากฐานที่มั่นคง เมื่อได้รับการศึกษาได้เล่าเรียน

ฝึกฝนก็ย่อมมีโอกาสที่จะมีสติปัญญาเฉลียวฉลาดได้เต็มขั้นตามที่กรรมพันธุ์

กำหนด ตรงกันข้าม เมื่อขาดแคลนอาหารทั้งในปริมาณ และคุณภาพเซลล์สมอง

ไม่อาจเจริญเติบโตอย่างเต็มที่ เมื่อสมองหยุดเจริญเติบโตแล้วจำนวนเซลล์สมอง

ของเด็กเหล่านี้ อาจน้อยกว่าเด็กที่ได้รับอาหารอย่างเพียงพอถึงร้อยละ 15 ถึง 20

อาการซึมเศร้า และเชื่องช้าที่ปรากฏภายนอกเป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นผลของ

จำนวนเซลล์ที่น้อยกว่าปกติ

แม้จะได้รับการศึกษาเล่าเรียน มีโอกาสได้รับการฝึกฝนเท่าเทียมกับเด็กคนอื่น

ก็ไม่อาจมีสติปัญญาเฉลียวฉลาดเต็มขีดขั้นที่กรรมพันธุ์กำหนดได้ หรืออีกนัยหนึ่ง

ถึงพ่อแม่จะฉลาดหลักแหลมเพียงใดลูกก็ไม่มีโอกาสฉลาดเท่าเทียมพ่อแม่ได้

ฉะนั้นจึงสรุปได้ว่า อาหารมีอิทธิพลต่อการพัฒนาของสมองตั้งแต่ก่อนเด็กเกิด นับ

ตั้งแต่ปฏิสนธิขึ้นในครรภ์ของแม่เลยทีเดียว อาหารบำรุงสมองของเด็ก

จึงเป็นอาหารในระยะตั้งครรภ์ของแม่ และอาหารของเด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 1-2 ปี

       ในขณะคุณแม่ตั้งครรภ์ จึงควรเอาใจใส่อาหารการกิน อย่างน้อยที่สุด

ต้องกินให้ครบห้าหมู่ เพิ่มอาหารที่ให้โปรตีนสูง ได้แก่ ไข่ เนื้อสัตว์ และนม

ถ้าหากมีรายได้น้อยอาจพึ่งโปรตีน จากถั่วเมล็ดแห้ง เช่น ถั่วเขียว ถั่วดำ ถั่วแดง

ถั่วเหลือง เป็นต้น


ถ้าคุณแม่บางรายกินนมวัวไม่ได้ ก็ควรเลี่ยงไปกินนมถั่วเหลืองแทน

อาหารบำรุงสมองที่ดีที่สุดของทารกแรกเกิด คือนมแม่ เมื่อเด็กอายุครบ 4 เดือนแล้ว

คุณพ่อคุณแม่ ควรให้อาหารอื่นเพิ่มเติม ไม่ใช่เฉพาะข้าวกับกล้วยเท่านั้น

ควรหัดให้เด็กกินไข่ เนื้อปลา ผักและผลไม้ต่าง ๆ และถือโอกาส

ปลูกฝังนิสัยการกินอาหารที่ดีเสียแต่เนิ่น ๆ

* หมายเหตุ งานเขียนชิ้นนี้ ได้รับการคุ้มครองสิทธิตาม

พระราชบัญญัติคุ้มครองสิทธิทางปัญญา โดย

ลิขสิทธิเป็นของผู้เขียน ที่ให้เกียรตินำเผยแพร่ผ่าน วิชาการ.คอม

เรามีความยินดีและอนุญาตให้ทำซ้ำหรือเผยแพร่ต่อเพื่อประโยชน์

ทางการศึกษาเท่านั้น กรุณาให้เกียรติผู้เขียน โดยอ้างชื่อผู้เขียนและ

วิชาการ.คอม ( www.vcharkarn.com ) ทุกครั้งที่ทำการเผยแพร่ต่อ

ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อในสื่อที่เอื้อประโยชน์ทางธุรกิจ

ก่อนได้รับอนุญาต ขอขอบคุณที่ร่วมกันช่วยสร้างให้สังคมไทยเป็น

สังคมแห่งปัญญาสงวนสิทธิ์ภายใต้สัญญาอนุญาต ครีเอทีฟคอมมอนส์

 bye bye bye bye bye bye

      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
อ้อย 14
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,055

« ตอบ #1 เมื่อ: 31 สิงหาคม 2552, 20:17:47 »

ขอบคุณสำหรับข้อมูลมาก ได้พิมพ์ออกมาเพื่อฝึกปฏิบัติแล้ว คราวนี้ ขอการดูแลรักษาโรคเอ็นฝ่าเท้าอักเสบด้วยขอบคุณล่วงหน้าค่ะ  gek 
      บันทึกการเข้า
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #2 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2553, 07:27:17 »


[narongsak.com] FW: GOOD TO KNOW‏
From: narongsak@yahoogroups.com on behalf of vichit kamanchar (hs6dto@hotmail.com)
Sent: Monday, June 14, 2010 12:58:55 AM
To: Whom you Care

Blood Clots/Stroke - They Now Have a Fourth Indicator, the Tongue
อาการบ่งชี้ตัวที่ 4 ของเส้นเลือดอุดตันในสมอง




STROKE: Remember the 1st Three Letters.... S.T.R.  
เส้นเลือดอุดตันในสมอง   (Stroke)  ให้จำไว้ว่า อักษร 3 ตัวแรกคือ   S.T.R

Please read:
STROKE IDENTIFICATION:
อาการบ่งชี้ของเส้นเลือดอุดตันในสมอง


It only takes a minute to read this...
ใช้เวลาอ่านบทความนี้เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น



A neurologist says that if he can get to a stroke victim within 3 hours he can totally
reverse the effects of a stroke... totally .
He said the trick was getting a stroke recognized, diagnosed, and then getting the
patient medically cared for within 3 hours, which is tough.
แพทย์ด้านประสาทวิทยากล่าวว่า ถ้าแพทย์สามารถไปถึงตัวผู้ป่วยเส้นเลือดสมองอุดตันได้
ภายใน 3 ชั่วโมง แพทย์จะสามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยได้แน่นอน
ที่สำคัญก็คือต้องทราบว่าผู้ป่วยมีอาการของโรคนี้ วินิจฉัยได้ได้ จากนั้นก็ให้การรักษา
ภายใน 3 ชั่วโมง ซึ่งเรื่องจริงนั้นเป็นไปได้ยากอยู่


RECOGNIZING A STROKE
ต้องรู้ก่อนว่ามันคือเส้นเลือดสมองอุดตัน

Thank God for the sense to remember the '3' steps, STR . Read and Learn!
ขอบคุณพระเจ้าที่หาวิธีจำง่ายๆมาให้   STR

Sometimes symptoms of a stroke are difficult to identify. Unfortunately, the lack of
awareness spells disaster. The stroke victim may suffer severe brain damage when
people nearby fail to recognize the symptoms of a stroke.
บางครั้งอาการของโรคเส้นเลือดสมองอุดตันก็เป็นการยากที่จะรู้กันได้ แต่ที่ร้ายแรงกว่านั้นก็คือ
การไม่รู้อาจหมายถึงหายนะได้ สมองผู้ป่วยอาจจะโดนทำลายอย่างรุนแรง แต่คนรอบข้างไม่ได้รู้
เลยว่านี่คืออาการของเส้นเลือดสมองอุดตัน

Now doctors say a bystander can recognize a stroke by asking three simple questions:
หมอบอกว่า คนที่ยืนอยู่รอบข้างก็สามารถรู้อาการได้ โดยคำถาม 3 ข้อ ดังนี้

S *Ask the individual to SMILE.
S   คือบอกให้ผู้ป่วย ยิ้ม

T *Ask the person to TALK and SPEAK A SIMPLE SENTENCE (Coherently)
(i.e.. It is sunny out today.)
T   คือบอกให้ผู้ป่วยพูด โดยอาจจะเป็นประโยคง่ายๆ เช่น วันนี้อากาศดีนะ

R *Ask him or her to RAISE BOTH ARMS.
R   คือบอกให้ผู้ป่วยยกแขนทั้งสองข้างขึ้น


If he or she has trouble with ANY ONE of these tasks, call emergency number immediately  
and describe the symptoms to the dispatcher.
ถ้าผู้ป่วยมีความลำบากในการทำข้อใดข้อหนึ่ง ให้โทร.หาเบอร์ฉุกเฉินทันทีและ
แจ้งไปว่าผู้ป่วยมีอาการอย่างไร

ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

New Sign of a Stroke -------- Stick out Your Tongue
สัญญาณใหม่ของเส้นเลือดสมองอุดตัน -- แลบลิ้นออกมาดู


NOTE: Another 'sign' of a stroke is this: Ask the person to 'stick' out his tongue..
If the tongue is 'crooked', if it goes to one side or the other,  
that is also an indication of a stroke.
หมายเหตุ :   สัญญาณอีกประการหนึ่งก็คือ ลองให้ผู้ป่วยแลบลิ้นออกมา หากลิ้นมีลักษณะม้วนงอ
ตกไปด้านใดด้านหนึ่ง นั่นคือข้อบ่งชี้ว่ามีอาการเส้นเลือดสมองอุดตัน

A cardiologist says if everyone who gets this e-mail sends it to 10 people;
you can bet that at least one life will be saved. I have done my part. Will you?  
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจบอกว่า หากคุณได้รับอีเมล์นี้ และส่งต่อไปอีก 10 คน
อาจมีผลทำให้สามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยได้อย่างน้อย 1 คน ก็ได้

win win win

      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #3 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2553, 08:31:40 »


FW:  12 วิธี เพื่อความจำเป็นเลิศ ‏
From:    Charoenchai Taitilanunt (charoenchai.t@thaiairways.com)
Sent:   Monday, July 05, 2010 3:07:54 PM
To:You

 ที่อยากจำกลับลืม แต่ที่อยากลืมกลับจำ



http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=deeplove&month=10-02-2008&group=5&gblog=9

แต่ด้วย เคล็ด ลับ 12 ประการต่อไปนี้จะช่วยหยุด ความ จำที่ชอบเล่นไม่ซื่อกับคุณ
คราวนี้ คุณก็ไม่ต้องพึ่งกระดาษโน้ตช่วยเตือน ความ จำอีกต่อไป

ประสิทธิภาพในด้าน ความ จำจะค่อยๆ ลดลงเมื่ออายุย่างเข้า 25 นั่นเพราะ
เซลล์ ความ จำเริ่มเสื่อมลงเรื่อย ๆ ปีละ 1% และ ยิ่งเสื่อมเร็วมากขึ้น เมื่ออายุเข้า 50
รู้แล้วก็อย่าตื่นตระหนก เพราะมี วิธี มากมายที่จะช่วยให้คุณมีความจำดีเยี่ยม
ทีนี้จำได้แม่นยำเลยว่า วางกุญแจรถไว้ตรงไหน

ความ จำทำงานอย่างไร

ความ จำในสมองประกอบไปด้วย 2 ส่วนหลัก ๆ
ส่วนแรกเรียกว่า ความจำระยะยาว และ
ความจำระยะสั้น

ความจำระยะยาวเป็นที่ที่เก็บข้อมูลต่าง ๆ ในชีวิตข้อมูลเหล่านี้ยากที่จะถูกทำลายหรือลบเลือนไป

โดมินิก โอเบรียน แชมป์โลกด้านความจำ 8 สมัยซ้อนอธิบาย

ความจำระยะยาวประกอบไปด้วย

procedural memories เป็น ความ จำที่เกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ขี่จักรยาน และ

episodic memories เป็น ความจำที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราเอง  

ความ จำระยะสั้นเป็น ความ จำช่วงสั้น ๆ เช่น การจำเบอร์โทรศัพท์สามารถจำได้นานพอที่
จะกดเบอร์ได้ หรือจำอาหารที่กินตอนเช้าได้

โดยเราจะบันทึกข้อมูลนั้นลงบนพื้นที่ว่างในสมองทันที
ดังนั้นถ้าต้องการเก็บข้อมูลนั้นไว้ในสมองให้นานขึ้น คุณต้องถ่ายโอนข้อมูลดังกล่าวไปยัง
ส่วนที่เป็น ความ ระยะยาว ซึ่งคุณสามารถเสริมสร้างศักยภาพในการเข้าถึง ความจำระยะยาว และ
เรียกข้อมูลนั้นก ลับ มาใช้ได้

ความ จำทำงานอย่างไร

ความ จำเสื่อมเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อคนเราอายุมากขึ้น
คุณสามารถเสริมสร้างความจำให้จดจำข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ โดย

การบริหารสมอง

"ทุกครั้งที่ได้รับข้อมูลใหม่ ส่วนของเซลล์ ความ จำที่มีลักษณะปลาหมึกยักษ์จะยื่นออกมา และ
สร้างโครงข่ายใหม่ทำให้จดจำสิ่งต่าง ๆ ได้ดีขึ้นทุกครั้งที่เรียนรู้"   โดมินิกอธิบาย

ดังนั้นเมื่อหยุดให้สมองจดจำข้อมูลใหม่ ๆ เซลล์ ความจำก็จะหยุดสร้างโครงข่าย และ
ข้อมูลเหล่านี้ก็จะหายไปในไม่ช้าด้วย

"เมื่ออายุมากขึ้น เราผ่านโลกมามากขึ้น และ คุ้นเคยกับสิ่งต่าง ๆ
เป็นอย่างดี ทำให้เราหยุดท้าทายสมองตัวเอง"

 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

 ดังนั้นอย่าให้ร่างกายและสมองหยุดนิ่ง ควรทำตัวให้กระตือรือร้นและว่องไว
การศึกษาหา ความ รู้ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ จะช่วยกระตุ้นให้เซลล์สมองได้ทำงานอย่างเต็มที่

ความ จำทำงานอย่างไร

ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ลดต่ำลง มีส่วนทำให้ ความจำลด ความแม่นยำลง
นักวิจัยในแคนาดาได้ทดสอบความจำของผู้หญิงที่ฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงภายหลังตัดมดลูกทิ้ง

พบว่า ความจำแย่กว่าผู้หญิงที่ได้รับฮอร์โมนทดแทนในวัยหมดประจำเดือน

เชื่อกันว่า hormone replacement therapy-HRT ช่วยป้องกัน ความ จำเสื่อมที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ไคลฟ์ เอเวอร์แห่ง the Alzheimer’s Society กล่าว

"ผู้หญิงที่ได้รับ HRT จะลด ความ เสี่ยงในการเป็นอัลไซเมอร์เมื่อเข้าสู่วัยชรา"

หากไม่อยากพึ่ง วิธี HRT คุณก็สามารถเพิ่มระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนได้ โดย
การกินอาหารที่มีสารของพืช ซึ่งมีคุณลักษณะเหมือนเอสโตรเจน ได้แก่
อาหารจากถั่วเหลือง ลินสีด และ เมล็ดมีแป้งสูง เช่น ถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วดำ ฯลฯ
เป็นแหล่งไฟโตเอสโตรเจน

ควรไปพบแพทย์เมื่อไร

คนที่ขี้หลงขี้ลืมไม่ว่าจะอยู่ในวัยใด อย่าเพิ่งตื่นตกใจ ถ้าคุณลืมโน่นลืมนี่เป็นประจำ
"ความจำเสื่อมเล็กน้อยไม่ใช่ปัญหา

ถ้าไม่ได้เป็นถาวรหรือมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดจี๊ด ๆ หรือ
มีความผิดปกติทางสายตา มาร์ค แอตคินสัน ผู้เชี่ยวชาญของ Health Plus กล่าว

"อย่าเพิ่งสันนิษฐานว่าตัวเองเป็นโรค ความจำเสื่อม เพราะ อาการที่เกิดขึ้นอาจมีสาเหตุมาจาก
การขาดเกลือแร่และวิตามิน หรือเป็นผลจากยา ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แน่ชัด"

ความ จำทำงานอย่างไร

ถ้าคุณหลงลืมเป็นประจำเช่น จำไม่ได้ว่าวางกุญแจรถไว้ที่ไหน คำพูดติดอยู่ที่ปาก แต่คิดไม่ออก
ลืมของไว้ที่ร้าน ต้องย้อนก ลับ ไปเอา หรือลืมชื่อคนอยู่เป็นประจำ เหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนว่า
คุณต้องเสริมสร้าง ความ จำ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคสมองเสื่อมตามมา

"ตามธรรมชาติเมื่อเราอายุมากขึ้น ร่างกายก็จะอ่อนแอลง ไม่มีเรี่ยวแรงเหมือนก่อน สมองก็เช่นกัน
โดยเฉพาะอาการหลงลืมจะส่งผลต่อ ความ จำระยะสั้น"

คุณจะเสริมสร้างความจำให้เป็นเลิศด้วย 12 วิธี ต่อไปนี้

1. เล่นเกม บริหาร สมองและเสริมสร้าง ความ จำด้านสายตา โดยการ

จ้องวัตถุชิ้นหนึ่งนานประมาณ 2-3 นาที สมมติว่าเป็น แจกันดอกไม้ ให้จดจำแม้กระทั่ง
รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ จากนั้นวาดสิ่งที่คุณเห็นลงบนกระดาษ (วาดไม่สวยไม่เป็นไร)
คราวนี้หวนกลับ ไปมองที่แจกันอีกครั้ง ดูว่ามีรายละเอียดใดที่คุณวาดตกหล่นไป

" ฝึกเช่นนี้เป็นประจำจะช่วยพัฒนา ความ จำระยะสั้น" โดมินิกบอก

2. ทำงานอดิเรก " มีหลักฐานระบุว่าคนที่ชอบออกไปพบปะผู้คน ชมสิ่งที่น่าสนใจนอกบ้าน และ
ทำงานอดิเรกเช่น เล่นครอสเวิร์ด ถัดนิตติ้ง เล่นไพ่บริดจ์ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างทางเชื่อมต่อ
ระหว่างเซลล์ประสาท แต่ละเซลล์เข้าด้วยกัน ( brain connections) ลดโอกาสการเป็น
โรคอัลไซเมอร์ลงถึง 1 ใน 3" ไลคฟ์ เอเวอร์ แห่ง the Aizheimer’s Society กล่าว

3. เคี้ยวหมากฝรั่ง คุณ อาจไม่ชอบที่หมากฝรั่งติดหนึบตามทางเท้า แต่การเคี้ยวหมากฝรั่งช่วยให้
ความจำดี มหาวิทยาลัยนอร์ธอัมเบรีย พบว่า ความสามารถในการจดจำบัญชีคำศัพท์ของ
อาสาสมัครดีขึ้น 1 ใน 3 เมื่อให้เคี้ยวหมากฝรั่ง

4. ทานวิตามิน อาหาร ที่อุดมด้วยวิตามินเอ ซี และอี เช่น ส้มและพริกหวานช่วยให้ความจำดี
"อนุมูลอิสระที่อยู่รอบตัวเรา จะไปทำลายเซลล์ประสาทในสมอง ทำให้ ความจำเริ่มเลอะเลือน
แต่เราสามารถป้องกันได้ด้วย การกินแอนตี้ออกซิแดนท์เช่น วิตามินเอ ซี และอี"
ดร.มาร์ค แอตคินสัน ผู้เชี่ยวชาญของ Health Plus กล่าว

5.เกมจดจำชื่อ เมื่อได้รับการแนะนำให้รู้จักใครสักคน แค่ผ่านไป 5 นาที คุณลืมชื่อคนคนนั้นแล้ว
ถ้าเป็นเช่นนี้ ลองทำตาม เคล็ด ลับ ของโดมินิก โอเบรียน

"คุณต้องเชื่อมโยงชื่อกับอะไรบางอย่างที่คุณคิดเชื่อมได้ ทีนี้คุณก็จำชื่อของเขาได้แล้ว

6.ทานใบแป๊ะก๊วย โดมินิก โอเบรียนทานใบแป๊ะก๊วยเป็นประจำ เวลาเตรียมตัวก่อนชิงแชมป์ความจำ
เขาเป็นเจ้าของสถิติโลก โดยสามารถจดจำไพ่ได้ทั้งหมด 54 สำรับหลังจากดูไพ่เพียงครั้งเดียว
มาร์ค แอตคินสันแนะให้ทานอาหารเสริมจำพวกใบแป๊ะก๊วยวันละ2-3 ครั้งครั้งละ40-60 มิลลิกรัม

7.โสมเป็นยาจีนที่ใช้ชะลอ ความเสื่อมของเซลล์มานานหลายศตวรรษ อย่างไรก็ตาม
ผลการวิจัยเมื่อเร็ว ๆ นี้เผยว่า
โสมช่วยฟื้นฟู ความ จำของคนป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ที่มีอาการสมองเสื่อมให้ดีขึ้น นั่นเพราะ
โสมช่วยกระตุ้นการสร้างสารเคมีบางอย่างในสมอง ที่ช่วยฟื้นฟูความจำ

8. เทคนิคการจำตัวเลข โดมินิกบอก คุณสามารถนำตัวเลขมาประยุกต์ใช้กับเหตุการณ์ เพื่อจำได้
เช่น ใช้ในการจำเบอร์โทรศัพท์ เบอร์โรงพยาบาล และหมายเลขกรมธรรม์

9. กินน้ำมันปลา ปลา เป็นอาหารบำรุงสมอง
การศึกษาของศูนย์การแพทย์เซนต์ลุค ชิคาโกพบว่า
การกินน้ำมันปลา (เช่น ปลาแมคเคอเรล , ซาร์ดีน , แซลมอนและปลาทูน่าสด) ช่วยลด
ความเสี่ยงในการเป็นโรคอัลไซเมอร์

10. ไปซูเปอร์มาร์เก็ต ใช้ วิธีจำของที่ต้องซื้อโดยนึกภาพของที่จะซื้อเป็นการเดินทาง
โดมินิก โอเบรียนอธิบาย
"นึกภาพการเดินทางที่คุ้ยเคยในหัว อาจเป็นการเดินไปทำงานหรือไปห้องสมุด
นึกภาพจุดแวะ 10 จุดระหว่างการเดินทาง จุดแวะแต่ละจุดคือภาพของที่ต้องซื้อ ตัวอย่างเช่น
ขนมปัง 1 แถวกำลังยืนคอยอยู่ที่ป้ายรถเมล์ และมีชามส้มตั้งอยู่บนทางม้าลาย ทีนี้เมื่อคุณเข้า
ไปในซูเปอร์มาร์เก็ต ให้นึกภาพการเดินทางในหัวของคุณ เพื่อจดจำรายการสิ่งของที่ต้องซื้อ
เริ่มจากของ 10 อย่างก่อน เมื่อคุณจดจำได้ดีขึ้นแล้ว จึงค่อยเพิ่มรายการของให้มากขึ้น

11. นอนให้เพียงพอ นักวิทยาศาสตร์ในเบลเยี่ยมค้นพบว่า การนอนหลับอย่างเพียงพอช่วยให้
สมองสามารถเก็บข้อมูลใหม่ ๆ ไว้ใน ความจำ เพื่อจะได้นำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ในอนาคต
ดังนั้นควรนอนหลับ ให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง

12. สมุนไพรช่วยได้ น้ำมัน หอมระเหยกลิ่นโรสแมรีช่วยให้คุณสามารถจดจำสิ่งที่ลืมไปแล้ว
ผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยนอร์ธอัมเบรียพบว่า คนที่ดมกลิ่นโรสแมรีจะรู้สึกกระฉับกระเฉงว่องไว
สามารถจดจำเรื่องราวได้ต่าง ๆ ได้มาขึ้น 15% ลองหยดน้ำมันหอมระเหยกลิ่นโรสแมรี 2-3 หยด
ลงในอ่างอาบน้ำ หรือจะจุดตะเกียงน้ำมันหอมระเหยก็ได้

ผล การศึกษาอีกอย่างพบว่า อาสาสมัครที่รับประทานแคปซูลสมุนไพรเลมอนบาล์ม สามารถทำ
แบบทดสอบ ความ จำทางคอมพิวเตอร์ได้คะแนนดีกว่าคนที่ไม่ได้ทาน

ถ้าคุณสงสัยว่าตัวเองขี้หลงขี้ลืมมากผิดปกติ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจดูว่าเป็นโรคต่อไปนี้หรือไม่ :

สมองเสื่อม เป็น โรคทางสมองอย่างหนึ่งเกิดจากการที่เซลล์สมองถูกทำลายและสมองตาย
เร็วกว่าปกติ โดย ความจำระยะสั้นมักได้ผลกระทบก่อน
ดังนั้นคุณจะลืมชื่อคนในครอบครัว เพื่อนฝูง และภารกิจที่ทำเป็นประจำทุกวัน

โรคอัลไซเมอร์ เป็นสาเหตุให้เกิดโรคสมองเสื่อมที่พบได้บ่อยที่สุด
คาดกันว่าในประเทศอังกฤษมีคนเป็นโรคนี้มากถึง 5 แสนคน

ความ จำทำงานอย่างไร
ข้อมูลจาก Health plus


 gek gek gek

XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXX
มี 12 ข้อ จำไม่หมด(อายุเกิน 50 ปี แล้วเริ่มมีความจำเสื่อม เหอๆๆ)

ผมปฏิบัติอยู่ประจำ ดูแล้วก็เข้าแนวทางเพิ่มความจำได้ มีดังนี้

นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ประมาณ 6-8 ชม.ต่อวัน

ออกกำลังกายโดยการวิ่ง รอบ ร.พ. ประมาณ 2.4 กิโลเมตร วันอังคาร พุธ และ พฤหัส

ดื่มน้ำชา จากชาซองสำเร็จรูป ใส่น้ำดื่ม ไม่จำเป็นต้องน้ำร้อน ดื่มแทนน้ำ วันละ 8-10 แก้ว

ดื่ม ผัก ผลไม้ นำมาใส่เครื่องปั่น มูลิเนก โดยใส่นมเปรี้ยว ให้เป็นน้ำ เพื่อให้ดื่มได้ 1 แก้วทุกเช้า

ดื่มสุราบ้างเป็นครั้งคราว โดยจะดื่มไม่มาก ไม่เกิน 2 แก้ว ต่อวัน ไม่สูบบุหรี่ ไม่เที่ยวกลางคืน

เข้าเนตค้นหาความรู้ ที่น่าเก็บไว้ ก็เก็บไว้ที่เวบซีมะโด่งให้พวกเราอ่านด้วยเป็นงานอดิเรก

มองโลกในแง่ดี อะไรเกิดขึ้นแล้ว ดีเสมอ  ยอมรับได้ ไม่มีปัญหา พร้อมเดินหน้าต่อไป

ควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้เกินมาตรฐาน ชั่งน้ำหนักประจำ ไม่ให้เกินเป้าที่เราต้องการ

ตรวจร่างกายประจำปีที่ ร.พ.จัดให้ตรวจทุกปี เป็นต้น

 เหอๆๆ เหอๆๆ เหอๆๆ

 
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #4 เมื่อ: 14 กรกฎาคม 2553, 18:20:22 »


ขอขอบคุณเวบไทยรัฐวันพุธ 14 ก.ค.2553 ที่เอื้อเฟื้อข่าว
http://www.thairath.co.th/content/life/95901



วิ่งชะลอความแก่ได้ ผู้สูงอายุแข็งแรงและอายุยืนกว่าคนไม่ได้วิ่ง

คณะนักวิจัยศูนย์แพทย์มหาวิทยาลัยแสตนฟอร์ดของสหรัฐฯศึกษาพบ
ผู้ที่ออกกำลังด้วยการวิ่งเหยาะๆ อยู่เป็นประจำจะชะลอความแก่ชราของตนเองเอาไว้ได้

หากเป็นผู้สูงอายุก็จะมีโอกาสรอดจากการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ด้วยโรคอย่างมะเร็ง
ได้มากกว่าผู้ที่ไม่ได้ทำตั้งครึ่ง โดยจะคงสมบูรณ์แข็งแรง ไม่ค่อยพิกลพิการแต่อย่างใด

พวกเขากล่าวว่า ผลการศึกษาได้แสดงให้เห็นความสำคัญในการออกกำลังเป็นประจำของผู้สูงอายุ

วารสารวิชาการ "อายุรกรรมแพทย์" รายงานว่า

คณะนักวิจัยได้ติดตามศึกษาเหล่านักวิ่งอายุเกิน 50 ปีขึ้นไป 500 นาย เป็นเวลานานไม่ต่ำกว่า 20 ปี
โดยเทียบกับผู้ที่ไม่ได้วิ่ง หลังจากที่ติดตามศึกษามาได้ 19 ปี ปรากฏว่า

กลุ่มผู้ที่ไม่ได้วิ่ง เสียชีวิตลงร้อยละ 34 ในขณะที่พวกนักวิ่งตายแค่ร้อยละ 15

ศาสตราจารย์เจมส์ ไฟรส์ ศาสตราจารย์วิชาแพทย์ มหาวิทยาลัยกล่าวว่า

"ผลการศึกษา นับว่าเป็นคำสั่งสอนให้เห็นคุณของการออกกำลังที่สำคัญมาก ไม่มีสิ่งใดจะทำให้
คนเราเมื่อมีอายุ แข็งแรงสมบูรณ์ได้เท่ากับการออกกำลังแบบแอโรบิก"


 gek gek gek


      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
  หน้า: [1]   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><