19 เมษายน 2567, 16:37:40
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 [2]  ทั้งหมด   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: GLOBAL WARMING?!!!- Real or Baloney? ภาวะโลกร้อน เรื่องจริง หรือ เหลวไหล?!!!  (อ่าน 31159 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
thanitkhom
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2543
คณะ: วิทยาศาสตร์
กระทู้: 99

เว็บไซต์
« ตอบ #25 เมื่อ: 26 มีนาคม 2553, 04:04:19 »

โลกจะร้อน โลกจะไม่ร้อน หรือโลกจะเย็นเยือกแข็ง

โลกจะร้อน ใยหัวใจ เจ้าจึงร้อน
ใจเจ้าร้อน ก็รุ่มร้อน อย่างมุ่งหวัง
โลกจะร้อน ร้อนด้วยใจ ที่จริงจัง
ใจมุ่งหวัง หวังให้โลก สงบเย็น

โลกจะร้อน ใยหัวใจ ไม่รุ่มร้อน
ไม่รุ่มร้อน ต่อภาระ ที่ยากเข็ญ
โลกจะร้อน ขอให้ใจ เจ้าร่มเย็น
สงบเย็น หวังให้โลก สงบตาม

โลกจะร้อน ใยหัวใจ เจ้ายะเยือก
ใจยะเยือก ต่อความหวั่น ความเกรงขาม
โลกจะร้อน ใจเย็นแข็ง ไม่ไหวตาม
พยายาม สู้ต่อ ไม่หวั่นเกรง

.......................................
เดินหน้าต่อไปครับ
หนามยอกเอาหนามบ่ง
โลกร้อนเอาร้อนรน
      บันทึกการเข้า
Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #26 เมื่อ: 21 ธันวาคม 2553, 16:09:14 »

แอบขโมย ข้อความมาจากคุณหมอสำเริง

http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,7125.0.html#quickreply


อ้างถึง
ข้อความของ Samrotri2517 เมื่อ 18 ธันวาคม 2553, 21:36:24

                   โดยเวบสนุกดอทคอม วันศุกร์ 17 ธ.ค. 53
                   http://news.sanook.com/988833-%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B9%8C%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%A2-%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%A1.%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%81-10-%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2.html

         นายเสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์พลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร เปิดเผยว่า

         หน่วยงานได้ศึกษาสร้างแบบจำลองผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมและน้ำทะเลขึ้นสูงในเขตกรุงเทพมหานครชั้นในและปริมณฑล หลังจากได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) และร่วมศึกษากับคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ไอพีซีซี) พบว่า

         กทม. เป็น 1 ใน 9 เมืองในทวีปเอเชีย ที่มีความเสี่ยงสูงจากน้ำทะเลเอ่อทะลักเข้าท่วมในเมือง จาก 9 เมืองที่มีความเสี่ยงประกอบด้วย เซี่ยงไฮ้ และกวางตุ้ง ประเทศจีน, ธากา ประเทศบังกลาเทศ, กัลกัตตา และมุมไบ ประเทศอินเดีย, ย่างกุ้ง ประเทศพม่า, ไฮฟอง และโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม และกรุงเทพมหานคร

                       

         ส่วนสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดน้ำท่วมใน กทม.ชั้นใน ประกอบด้วย 4 ปัจจัย ได้แก่
1.ปริมาณน้ำฝนที่ตกเพิ่มขึ้นถึง 15% ในปัจจุบัน,
2.แผ่นดินในพื้นที่ทรุดตัวปีละ 4 มิลลิเมตร,
3.ระดับน้ำทะเลฝั่งอ่าวไทยสูงขึ้น 1.3 เซนติเมตรต่อปี และ
4.ภาพรวมของระบบผังเมืองใน กทม.ที่พบว่ามีพื้นที่สีเขียวลดลงไปกว่า 50%

         ซึ่งในปัจจุบันมีประชากรในเขต กทม.ประมาณ 680,000 คน จะได้รับผลกระทบจากน้ำเอ่อท่วมอาคารประมาณ 1.16 ล้านหลัง แบ่งเป็นบ้านพักที่อยู่อาศัย 9 แสนหลังคาเรือน โดย 1 ใน 3 จะอยู่ในพื้นที่บางขุนเทียน, บางบอน, บางแค และพระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ทั้งนี้ยังพบว่าอาคารและที่พักอาศัยในเขตดอนเมืองราว 89,000 อาคารจะได้รับผลกระทบด้วย โดยรวมความเสียหายทั้งหมดจะมีมูลค่ากว่า 1.5 แสนล้านบาท

         หลังจากธนาคารโลกได้รับผลวิจัย ทางการได้ทำเรื่องส่งให้ผู้บริหารกทม. สมัยนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน เป็นผู้ว่าฯ แต่ยังไม่ได้รับการดำเนินการใดๆ ทั้งที่ผลวิจัยได้เสนอ

         วิธีป้องกันและแก้ปัญหาเอาไว้ 3 ทาง คือ
1.เร่งหาพื้นที่แก้มลิงเหนือเขตกทม. ตั้งแต่สิงห์บุรี อ่างทอง อยุธยา เพื่อเป็นที่ระบายน้ำ,
2.เร่งขุดขยายคลองระบายน้ำที่มีอยู่เวลานี้โดยเร็ว และ
3.ต้องสร้างคันกั้นน้ำในพื้นที่ชายฝั่งทะเล ระยะทาง 80 กิโลเมตร เพื่อป้องกันน้ำเอ่อทะลักเข้ามาในเขตพื้นที่ กทม.

         โดยประเทศเวียดนามได้ดำเนินการไปเรียบร้อยแล้ว

                          gek gek gek

อ้างถึง
ข้อความของ Samrotri2517 เมื่อ 12 พฤศจิกายน 2553, 15:54:20

          ขอขอบคุณเวบฐานนิวส์ วันพฤหัสบดีที่ 11 พฤศจิกายน 2010 ที่เอื้อเฟื้อข่าว
                              ถิรัต คุณานิธิพงศ์ ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ   
          http://www.thannews.th.com/index.php?option=com_content&view=article&id=46990&Itemid=524

                                   

         เมื่อ 10 พ.ย. ดร.อาจ-อง ชุมสาย ณ อยุธยา อดีตนักวิทยาศาสตร์องค์การนาซ่า บรรยายในการสัมมนาหัวข้อ“มหันตภัย น้ำท่วมโลก”  โดยกล่าวถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทยในอนาคตหากสภาวะแวดล้อมของโลกยังคงดำเนินไปโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทั้งยังแนะพื้นที่สร้างเมืองหลวงใหม่ พร้อมกล่าวถึงโอกาสเกิดแผ่นดินไหวและสึนามิในประเทศไทยอีกด้วย
 
         ****ชี้มนุษย์ใช้ทรัพยากร พลังงานสิ้นเปลืองเร่งภาวะโลกร้อนขึ้นอีก ---
 
        ดร.อาจ-อง  กล่าวว่า เรื่องน้ำท่วมโลกถือเป็นหัวข้อสำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้น และก็จะไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในไทยหรือในกรุงเทพ ฯเท่านั้นแต่จะส่งผลกระทบต่อทุกคนกันหมด ฉะนั้นเป็นเรื่องที่ทุกคนจะต้องช่วยกันเพื่อลดความรุนแรงหรือชะลอปัญหาให้เกิดช้าขึ้น เพื่อที่จะได้มีเวลาปรับตัวและรับมือ
 
        สำหรับปัญหาของโลกเรานั้นเริ่มต้นมาจากการบริโภคกันอย่างฟุ่มเฟือย โดยถ้าหากทุกคนบนโลกต้องการจะใช้ชีวิตแบบประเทศพัฒนาแล้ว มีรถคนละ 1 คัน มีบ้าน มีวัตถุต่างๆ ก็จะต้องใช้โลกอีก 5 ใบจึงจะเพียงพอความต้องการ ซึ่งความฟุ่มเฟือยของมนุษย์นั้นทำให้ทรัพยากรหมดลงไปอย่างรวดเร็ว พื้นที่ป่าในปัจจุบันก็เหลือไม่ถึง 20% ของพื้นที่โลกแล้ว
 
        การบริโภคและใช้พลังงานอย่างมหาศาลส่งผลให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลอยขึ้นไปในอากาศ ในปัจจุบันประเทศพัฒนาแล้วส่วนใหญ่ต่างก็ปล่อยก๊าซขึ้นไปเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันในประเทศกำลังพัฒนาหลายๆประเทศเช่นประเทศในแอฟริกาก็มีการเผาป่าอยู่บ่อยๆ ก็มีผลให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เช่นกัน นอกจากนี้ยังพบว่ามีก๊าซมีเทนในบริเวณขั้วโลกเหนือเพิ่มขึ้น ซึ่งก๊าซชนิดนี้มีผลต่อการเกิดสภาวะโลกมากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 21 เท่า
 
        การที่มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศเป็นจำนวนมากนั้น ส่งผลให้ความร้อนที่เข้ามากระทบโลก ไม่สามารถสะท้อนกลับออกไปได้ และทำให้อุณหภูมิของโลกสูงมากขึ้น เห็นได้ชัดจากช่วง 30 ปีที่ผ่านมาอุณหภูมิของโลกปรับสูงขึ้นอย่างเดียว จากที่ในอดีตจะมีการปรับขึ้นและลงสลับเป็นช่วงๆ
 
        อีก 7 ปี เห็นสัญญาณกรุงเทพอยู่ไม่ได้ แนะสร้างเขื่อนกั้นอ่าวไทยหรือย้ายเมืองหลวงหนี
 
        ปัญหาสำคัญคือในขณะนี้อุณหภูมิโดยเฉลี่ยทั่วโลกเพิ่มขึ้น 1 องศา โดยบริเวณขั้วโลกเหนือและใต้เพิ่มขึ้นถึง 4 องศา ส่งผลทำให้น้ำแข็งแทบขั้วโลกละลายไปเรื่อยๆ นอกจากนั้นยังมีบริเวณกรีนแลนด์ที่มีน้ำแข็งอยู่ปริมาณมหาศาลซึ่งถ้าหากกรีนแลนด์ละลายหมดจะทำให้น้ำทะเลทั่วโลกมีระดับสูงขึ้นถึง 6 เมตร
 
        นอกจากกรีนแลนด์และขั้วโลกแล้ว บริเวณที่จะส่งผลกระทบต่อระดับน้ำทะเลมากที่สุดคือบริเวณแอนตาร์คติคที่มีน้ำแข็งมากที่สุดในโลก เมื่อบริเวณนี้ละลายปริมาณน้ำทะเลจะสูงขึ้นอย่างมาก โดยนอกแหล่งที่กล่าวมาก็ยังมีหิมะที่อยู่บนเทือกเขาต่างๆ ที่เมื่อละลายแล้วน้ำจะไหลลงสู่ทะเลมีผลทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งยังจะส่งผลให้แม่น้ำสายต่างๆแห้งขอดอีกด้วย อย่างเทือกเขาหิมาลัยที่เป็นต้นกำเนิดแม่น้ำโขง แม่น้ำเหลือง แม่น้ำคงคา อีกไม่นานก็จะหิมะก็จะหมดและส่งผลให้น้ำในแม่น้ำแห้ง เกิดสภาวะขาดแคลนน้ำอีก
 
        สำหรับประเทศไทยนั้น ทางองค์การสหประชาชาติเตือนไว้ว่า

        กรุงเทพจะเป็นเมืองอันดับที่ 5 ที่จะจมน้ำไป โดยกรุงเทพจะสามารถรับมือกับระดับน้ำทะเลเพิ่มได้อีก 7 เมตรเท่านั้น ถ้าหากกรีนแลนด์ละลายหมดก็เพิ่มมาถึง 6 เมตร แล้วยังมีปัจจัยอื่นๆร่วมอีก

       ฉะนั้นอีก 7 ปีน่าจะได้เห็นสัญญาณว่ากรุงเทพเริ่มไม่เหมาะจะอาศัยแล้ว พื้นที่บางส่วนจะจมลงไปในน้ำรวมทั้งพื้นที่ สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม นนทบุรี ปทุมธานีและอยุธยา รวมทั้งอ่างทอง นครนายก นครปฐม ลพบุรีและสระบุรีจะจมไปอีกครึ่งหนึ่ง ซึ่งก็พออาศัยอยู่ได้ไปอีกซัก 20 ปี แต่หลังจากนั้นน้ำก็จะท่วมหมด

        ฉะนั้นหากต้องการป้องกัน ก็มีวิธีอยู่ 2 วิธีคือ
 
1.การสร้างเขื่อนกั้นน้ำทะเล บริเวณอ่าวไทยจากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ไปจนถึงสัตหีบ แต่วิธีนี้จะต้องใช้เวลาประมาณ 10 ปี ซึ่งขณะนี้ก็ถือว่าช้าไปแล้ว

2.คือการย้ายเมืองหลวง โดยพื้นที่ที่จะย้ายไปจะต้องอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 100 เมตร รวมทั้งไม่อยู่ในแนวเลื่อนหรือรอยร้าวของเปลือกโลกด้วย ซึ่งจังหวัดที่น่าจะเป็นไปได้คือจังหวัดนครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์และมหาสารคาม ที่แม้ในปัจจุบันจะมีเหตุการณ์น้ำท่วมแต่ถือเป็นเรื่องที่สามารถจัดการแก้ไขได้หากมีวิธีบริหารจัดการที่ดี
 
****เตือนสึนามิพร้อมเกิดตลอดเวลา เหตุแผ่นเปลือกโลกขยับ
 
        สำหรับปัญหาอีกข้อที่น่าเป็นห่วงนอกจากเรื่องระดับน้ำทะเลก็คือเรื่องของแผ่นเปลือกโลกที่พบว่ามีการเคลื่อนตัวเร็วมากขึ้นเนื่องจากแกนโลกมีการเปลี่ยนเล็กน้อย และทำให้แผ่นเปลือกโลกผลักเข้าหากัน ซึ่งเมื่อเคลื่อนกระทบกันก็จะเกิดปัญหา เพราะเปลือกโลกจะดันกันและทำให้เกิดปัญหาหลายอย่าง อย่างเช่นที่อินโดนีเซียที่มีทั้งภูเขาไฟ สึนามิ ก็เนื่องจากอินโดฯตั้งอยู่ตรงบริเวณที่เปลือกโลกชนกัน
 
        ส่วนประเทศไทยจะมีผลกระทบจากเรื่องเปลือกโลก 2 อย่างคือ เรื่องสึนามิและการเกิดรอยร้าวของขึ้น สำหรับสึนามินั้นไทยจะได้รับผลกระทบจากสึนามิที่เกิดขึ้นจากฝั่งประเทศฟิลิปปินส์ โดยหากเกิดขึ้นจะมีเวลารับมือประมาณ 16 ชั่วโมง และอีกด้านคือจากด้านภูเก็ต ถ้าหากเกิดขึ้นจะมีเวลารับมือ 3 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ทั้งนี้การเกิดสึนามินั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถจะบอกได้ว่าเกิดขึ้นได้เมื่อไหร่ ฉะนั้นต้องเตรียมพร้อมให้ดี
 
       ส่วนเรื่องรอยร้าวที่เกิดขึ้นก็จะส่งผลให้ภาคเหนือเกิดแผ่นดินไหวมากขึ้น เห็นได้ชัดบริเวณแม่สอด แมม่ฮ่องสอน ขณะที่พะเยา เชียงราย น่าน อุตรดิตถ์ แพร่ ลำปางก็มีรอยร้าวเกิดขึ้น ส่วนตากกับกาญจนบุรีก็อันตรายเพราะเชื่อมอยู่กับรอยร้าวในพม่า ส่วนอีสานมีแค่ระหว่างนครพนมกับหนองคายเท่านั้น ขณะที่ภาคใต้บริเวณประจวบฯ ระนอง สุราษฎร์ธานีจะมีรอยร้าวเพิ่มมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามแผ่นดินไหวที่จะเกิดในประเทศไทยจากรอยร้าวเหล่านี้ยังถือว่าไม่น่ากลัวมาก แต่ควรจะเตรียมพร้อมไว้ด้วยการสร้างบ้านที่ทนรับแผ่นดินไหวได้ 6 ริกเตอร์ และมีโครงสร้างที่ไม่อันตรายเมื่อบ้านถล่มลงมา
 
        นอกจากนี้ในช่วงท้าย ดร.อาจ-องยังกล่าวตอบคำถามผู้ร่วมงานอีกว่าน้ำท่วมอย่างที่เกิดขึ้นในประเทศและระดับน้ำทะเลในตอนนี้ ยังถือว่าไม่น่าเป็นห่วงอะไร ส่วนที่มีคำทำนายว่าจะเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมโลกในปี 2012 ก็เป็นเพียงเรื่องปฏิทินของชาวมายาเท่านั้นที่ไปสิ้นสุดตอนนั้นพอดี แต่น้ำยังไม่ท่วมตอนนั้นเพราะน้ำทะเลจะสูงขึ้นเพียงไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น

                     งง งง งง งง งง งง

      บันทึกการเข้า

Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #27 เมื่อ: 21 ธันวาคม 2553, 16:18:33 »

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=oJAbATJCugs" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=oJAbATJCugs</a>

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=CmRyJaBPvD0" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=CmRyJaBPvD0</a>

วิดีโอ อันกลางนี้ บอกว่า เมืองใหญ่เช่น โตเกียว เซี่ยงไฮ้ กรุงเทพ และนิวยอร์ค ล้วนแต่อยู่นในความเสี่ยงที่จะถูกน้ำท่วม

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=H9hQq13I-1o" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=H9hQq13I-1o</a>
      บันทึกการเข้า

  หน้า: 1 [2]  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><