29 เมษายน 2567, 19:39:39
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 29 30 [31] 32 33  ทั้งหมด   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: การเมืองเป็นเรื่องของทุกคน  (อ่าน 302094 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #750 เมื่อ: 28 ตุลาคม 2555, 21:02:17 »

วันที่ 28 ต.ค. บรรยากาศการชุมนุมขับไล่รัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ที่สนามม้านางเลิ้ง นำโดยพล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือเสธ.อ้าย ประธานองค์การพิทักษ์สยาม ซึ่งมีประชาชนจากภาคีเครือข่ายต่างฯ เข้าร่วมชุนนุมเป็นจำนวนมาก

 

ในช่วงเย็น พล.อ.บุญเลิศ แก้วประเสริฐ ประธานองค์การพิทักษ์สยามและภาคีเครือข่าย ได้ขึ้นเวทีประกาศเจตนารมณ์ต่อการชุมนุมอย่างเป็นทางการ พร้อมให้สัญญากับพี่น้องประชาชนว่า จะร่วมเปลี่ยนแปลงประเทศชาติ หยุดการทำงานของรัฐบาลโดยเด็ดขาด ภายใต้เจตนารมณ์ 3 ข้อ อาทิ รัฐบาลปล่อยให้มีการจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบัน โดยไม่มีการปราบปราม รวมไปถึงการบริหารงานที่ผิดพลาดของรัฐบาล

 

นอกจากนี้ พล.อ.บุญเลิศ ยังขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกคนที่เข้ามาร่วมชุมนุมในวันนี้ พร้อมกับกล่าวว่า "ผมเป็นคนใจง่าย แต่ใจเดียวและเด็ดขาด ทำให้ผู้ที่เข้าร่วมชุมนุมส่งเสียงร้องเพื่อแสดงพลัง ขอให้ประชาชนที่เห็นตรงกันกับเราไปชักชวนเพื่อนพี่น้องกลับมาชุมนุมในครั้งต่อไป โดยพี่น้อง 1 คน ขอให้ชักชวนคนมาร่วมให้ได้ 100 คน หรือ 99  คน เราอยากให้ออกกันมาเยอะๆ เพราะมวลชนคือจุดเปลี่ยนของรัฐบาล"




ภาพข่าว จาก มติชน
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #751 เมื่อ: 28 ตุลาคม 2555, 21:21:59 »


ชี้รัฐก่อวิกฤต5ด้านพาประเทศสู่หายนะ

 
"ประสงค์" ซัดรัฐบาลก่อวิกฤต 5 ข้อทำประเทศสู่หายนะ ชี้ระบอบแม้ว แปลงทุนให้เศรษฐี แปลงหนี้ให้ชาวบ้าน
 "เสธ.อ้าย"ตั้งเป้าม็อบครั้งหน้าลุยล้มรัฐบาล


เมื่อเวลา 17.30 น.ที่สนามม้านางเลิ้ง น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ขึ้นปราศรัยว่า ในฐานะที่เป็นผู้ร่างรัฐธรรมนูญยืนยันว่าประชาชนที่มาเข้าร่วมได้ทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญทุกประการ เพราะประชาชนเป็นเจ้าของประเทศตัวจริง เมื่อรัฐบาลบริหารประเทศไม่ดี ประชาชนก็มีสิทธิชุมนุมและเรียกร้องให้รัฐบาลออกไปจากตำแหน่งได้

ขณะนี้บ้านเมืองกำลังเผชิญวิกฤต 5 ประการ ที่จะนำประเทศไปสู่หายนะในอนาคต คือ 1.วิกฤตเศรษฐกิจที่ความเป็นอยู่ของประชาชนแย่ลง เพราะข้าวของแพงขึ้น ซึ่งตั้งแต่ปี 44 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 10 ปี ที่ พ.ต.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีมีอำนาจ แปลงทุนให้เศรษฐี แปลงหนี้ให้ชาวบ้าน โดยใช้นโยบายประชานิยม จนมาถึงรัฐบาลนี้ก็มีการใช้งบประมาณที่มีอยู่จนหมด กู้เงินเพิ่ม รวมถึงมีการอ้างถึงวงเงินกู้เพื่อแก้ปัญหาอุทกภัยโดยไม่มีใครทราบว่านำไปใช้อะไรบ้าง

น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า 2.วิกฤตทางสังคมและระบบราชการ ในฐานะที่อยู่ในวงการการเมืองมาหลายสมัย ไม่เคยเห็นประชาชนแตกแยกแบ่งฝ่ายเท่ายุคนี้มาก่อน นอกจากนี้ยังมีการโยกย้ายข้าราชการน้ำดีไปอยู่ตำแหน่งที่ไม่มีบทบาท

3.วิกฤตความมั่นคงแห่งชาติ โดยเฉพาะเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา และพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหา นักการเมืองเลวได้สมคบคิดนักการเมืองกัมพูชาและบริษัทต่างชาติ โดยเฉพาะประเทศอเมริกาที่จะมากอบโกยทรัพยากรในอ่าวไทย เห็นได้จากการจ้องจะใช้พื้นที่สนามบินอู่ตะเภา หากมีการอนุญาตจะถือว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงอย่างยิ่ง ถ้ารัฐบาลยังอยู่ต่อไป อาจสุ่มเสี่ยงต่อการเสียดินแดน 4.6ตารางกิโลเมตร และพื้นที่บริเวณอ่าวไทยด้วย

4. คือ การบังคับใช้กฎหมายที่ไม่มีทั้งระบบนิติรัฐและนิติธรรม ไม่ใส่ใจที่จะดำเนินการจับกุมนักโทษหนีคดี เช่น ตำรวจ อัยการ และกระทรวงต่างประเทศที่ต่างอ้างว่าไม่รู้ที่อยู่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่กลับมีนักการเมืองไปพบ แต่จะไปโทษเจ้าหน้าที่อย่างเดียวไม่ได้ เพราะทั้งหมดถูกสั่งการจากผู้มีอำนาจ  และ 5.วิกฤตภาวะผู้นำประเทศที่ขณะนี้ผู้นำประเทศไม่มีประสิทธิภาพในการทำงาน ไม่สามารถที่จะตอบคำถามได้ อ้างแต่ว่า “หนูไม่รู้”เพียงอย่างเดียว

ทั้งนี้หลัง น.ต.ประสงค์ ปราศรัยจบ บรรดาแกนนำทั้งหมดได้ขึ้นเวที โดย พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การกลุ่มพิทักษ์สยาม ได้ปราศรัยสรุปว่า การชุมนุมในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมมาจากทั่วสารทิศเป็นจำนวนมากกว่า 2 หมื่นคน และทั้งหมดไม่มีใครจ้างมา ถือเป็นการแสดงออกว่าประชาชนไม่พอใจการทำงานของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

พล.อ.บุญเลิศ ยังย้ำกับผู้ชุมนุมก่อนแยกย้ายกลับว่า ขอให้ทุกคนพาคนมาร่วมอีกคนละ 100คนในการชุมนุมครั้งต่อไป เพื่อให้การชุมนุมครั้งหน้าซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายขับไล่รัฐบาลนี้ให้ได้
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
nok15
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 529

« ตอบ #752 เมื่อ: 31 ตุลาคม 2555, 19:51:22 »

       หวัดดีตะวัน

            ขอบคุณที่ให้ข้อมูลวันที่28ตุลาอย่างละเอียด

        เรายังอยู่มาเก๊า ไปจางเจี่ยเจี้ยมา สนุกมาก

        เพิ่งได้wifi  จึงติดต่อห้องตะวันด้วยใจระทึก

        ดีใจที่เห็นพวกพ้องน้องพี่มากันเยอะแยะ
           
                    Nokja
      บันทึกการเข้า
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #753 เมื่อ: 01 พฤศจิกายน 2555, 09:59:58 »

อ้างถึง
ข้อความของ nok15 เมื่อ 31 ตุลาคม 2555, 19:51:22
       หวัดดีตะวัน

            ขอบคุณที่ให้ข้อมูลวันที่28ตุลาอย่างละเอียด

        เรายังอยู่มาเก๊า ไปจางเจี่ยเจี้ยมา สนุกมาก

        เพิ่งได้wifi  จึงติดต่อห้องตะวันด้วยใจระทึก

        ดีใจที่เห็นพวกพ้องน้องพี่มากันเยอะแยะ
           
                    Nokja
วันนั้นเรากับเพื่อน และภรรยา 4 คนตีรถจากเขาใหญ่ไปสนามม้า คนเยอะ ดีใจเหมือนกัน
ระหว่างทางโทรหาเพื่อนที่ดู FM TV บอกว่าคนเยอะ เลยสบายใจ
อากาศร้อนมากๆๆ แต่ก็ทนได้
แล้วจะกลับเมื่อไหร่
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
nok15
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 529

« ตอบ #754 เมื่อ: 02 พฤศจิกายน 2555, 14:56:53 »

              หวัดดีตะวัน
                  เรากลับมาแล้ว
              ขอปรบมือดังๆให้"ตะวันและเพื่อน"
              ที่ทำหน้าที่"คนไทยหัวใจรักชาติ"

                     พวกเรากำลังเป็นแบบในภาพหรือเปล่าหนอ

         
                                       Nokja
      บันทึกการเข้า
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #755 เมื่อ: 03 พฤศจิกายน 2555, 18:49:34 »

อ้างถึง
ข้อความของ nok15 เมื่อ 02 พฤศจิกายน 2555, 14:56:53
              หวัดดีตะวัน
                  เรากลับมาแล้ว
              ขอปรบมือดังๆให้"ตะวันและเพื่อน"
              ที่ทำหน้าที่"คนไทยหัวใจรักชาติ"

                     พวกเรากำลังเป็นแบบในภาพหรือเปล่าหนอ

         
                                       Nokja

คงใช่นะนก..แต่อย่างไร ลุงโง่..ยังย้ายภูเขาได้นะ
เหนื่อยแค่ไหน ไม่กลัว กลัวแต่ คนไทย(หรือเพื่อนพ้องน้องพี่ของเรา ที่่เอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ไม่ใส่ใจเรื่องราวของบ้านเมืองเลย) ในขณะที่ทุกคนบอกว่า รักในหลวง แต่ไม่เห็นใคร ทำอะไรเลย เพียงแค่พูดแค่นั้น ก็ดีแล้ว..น่าเสียใจจริงๆๆ
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #756 เมื่อ: 16 พฤศจิกายน 2555, 15:36:34 »

ดาบสองคมข้อตกลง'ทีพีพี'ต้องพร้อม-มองยาว

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

นายหฤษฎ์ รอดประเสริฐ เศรษฐกรอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เขียนบทความทางวิชาการขนาดสั้น (Focused and Quick) เรื่อง "TPP : ความตกลงแห่งอนาคต? ประเด็นท้าทาย ในการจัดทำความตกลงด้านการลงทุนและการเงิน" โดยเป็นความเห็นของผู้เขียน มีประเด็นที่น่าสนใจ ดังนี้

@ความเป็นมา

ทีพีพี (Trans-Pacific Strategic Economic Partnership Agreement : TPP) เป็นความตกลงซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาจัดทำโดยประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมีสหรัฐเป็นแกนนำ มีประเทศสมาชิกก่อตั้งเป็นประเทศพัฒนาแล้วและประเทศตลาดเกิดใหม่จากทั้งสองฟากของมหาสมุทรแปซิฟิก รวมทั้งหมด 11 ประเทศ คือ สหรัฐ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี เปรู สิงคโปร์ บรูไน มาเลเซีย เวียดนาม เม็กซิโก และแคนาดา และมีความเป็นไปได้ที่จะรับประเทศสมาชิกเพิ่มในอนาคต

ทีพีพี อาจกลายเป็นการรวมกลุ่มเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดกลุ่มหนึ่งของโลก โดยขณะนี้ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และ อินโดนีเซีย ได้แสดงท่าทีอย่างเป็นทางการว่าสนใจจะเข้าร่วม ทีพีพี ในอนาคต

การเจรจาจัดทำความตกลงทีพีพีดำเนินมาตั้งแต่รอบแรกเมื่อเดือนมี.ค. 2553 แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าจะเจรจาเสร็จเมื่อใด แต่คาดว่าอาจจะเจรจาเสร็จภายในครึ่งแรกของปี 2013 ซึ่งหลังจากนั้น ประเทศสมาชิกก่อตั้ง ทีพีพี ทั้ง 9 ประเทศ จะต้องนำความตกลง ทีพีพีเข้าสู่กระบวนการให้สัตยาบันโดยรัฐสภาของประเทศตน ซึ่งจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยอีกหลายเดือนก่อนที่ความตกลงทีพีพีจะมีผลบังคับใช้
จุดเด่นของทีพีพี

การกำหนดโครงสร้าง หัวข้อ และ ประเด็นหลักในการเจรจาทีพีพีสะท้อนถึงอิทธิพลของสหรัฐ ที่จะผลักดันสิ่งที่ตนต้องการ เห็นได้จาก

- การครอบคลุมประเด็นใหม่ๆ ซึ่งมักจะไม่ปรากฏอยู่ในความตกลงเขตการค้าเสรี (Free Trade Agreement : FTA) โดยทั่วไป เช่น ความสอดคล้องทางกฎระเบียบ (Regulatory Coherence) มาตรฐานแรงงาน สิ่งแวดล้อม การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาที่เกินกว่าเอฟทีเออื่น

- การแบ่งกลุ่มการเจรจาในทีพีพีจะแตกต่างจากเอฟทีเอโดยทั่วไป คือ จะแยกเรื่องที่สหรัฐสนใจหรือกังวลเป็นพิเศษออกมา เช่น ในการเจรจาสินค้า จะแยกสินค้าสิ่งทอออกจากสินค้าอุตสาหกรรมอื่นๆ เนื่องจากเป็นประเด็นที่อ่อนไหวสำหรับสหรัฐ

@ผลทีพีพีต่อประเทศในภูมิภาค

ทีพีพี อาจเป็นเครื่องมือหนึ่งที่สหรัฐใช้ถ่วงดุลอำนาจทางเศรษฐกิจของจีนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ในช่วงที่ผ่านมา มี เอฟทีเอ เกิดขึ้นหลายฉบับในภูมิภาคเอเชียโดยไม่มีสหรัฐร่วมด้วย ด้วยเหตุนี้ หากว่าสหรัฐปล่อยให้ภูมิภาคเอเชียรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจกันได้มากยิ่งขึ้นในลักษณะนี้ อาจจะลดบทบาทสหรัฐในภูมิภาคเอเชีย

ด้วยเหตุนี้ สหรัฐจึงพยายามผลักดันให้ทีพีพี เป็นเวทีหลักในการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเพื่อรักษาอิทธิพลและพิทักษ์ผลประโยชน์ของตน ทีพีพีอาจกระทบต่อบทบาทของอาเซียน โดยเฉพาะความพยายามของอาเซียนที่จะเป็นศูนย์กลางในการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาค

ที่ผ่านมาอาเซียนได้พยายามจัดทำเอฟทีเอ กับประเทศรอบอาเซียน เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลี อินเดีย ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์ แต่ถ้าหากการจัดทำทีพีพี ประสบความสำเร็จโดยที่ประเทศอาเซียนบางประเทศไม่ได้เข้าร่วม ก็อาจจะทำให้ทีพีพี กลายเป็นศูนย์กลางของการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาคแทนที่จะเป็นเวทีอาเซียนกับคู่เจรจาอื่น

นอกจากนี้ การเข้าร่วมทีพีพี ของประเทศอาเซียน 4 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ บรูไน มาเลเซีย และ เวียดนาม ยังชี้ให้เห็นว่าประเทศอาเซียนบางประเทศสนใจที่จะแยกตัวออกไปต่อรองและตักตวงผลประโยชน์จากเวทีอื่นในภูมิภาค มากกว่าที่จะพยายามใช้กลุ่มอาเซียนเป็นเครื่องมือในการต่อรองกับประเทศอื่น

@นัยของทีพีพีต่อไทย


ประโยชน์และข้อกังวลจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลักที่ทำให้ทีพีพี แตกต่างจากเอฟทีเอ นั่นคือ มีสหรัฐเป็นหลัก ทั้งนี้ เพราะว่าสหรัฐเป็นสมาชิก ทีพีพี ประเทศเดียวที่ไทยยังไม่ได้จัดทำเอฟทีเอ หรืออยู่ในกระบวนการเจรจาเอฟทีเอ เช่น ชิลีและเปรู ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่า ทีพีพีจะเป็นเสมือนการรื้อฟื้น Thai-US FTA ที่ได้ยุติการเจรจาไปแล้ว

ประเด็นท้าทายในการจัดทำความตกลงด้านการลงทุนและการเงินภายใต้ทีพีพี มีประเด็นท้าทายและข้อกังวล 2 ประเด็น

สิทธิในการดำเนินนโยบาย (Policy Space) ดูแลเงินทุนเคลื่อนย้าย ทีพีพีมีแนวโน้มที่จะจำกัดสิทธิของสมาชิกในการดำเนินนโยบายเงินทุนเคลื่อนย้ายเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ

การเงิน

เงินทุนเคลื่อนย้าย อาจก่อให้เกิดความเสี่ยง คือ

- อาจทำให้ค่าเงินมีความผันผวน ซึ่งมักจะกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ

- ในกรณีที่เงินทุนทะลักเข้าจำนวนมาก ก็อาจทำให้เกิดภาวะฟองสบู่ในราคาสินทรัพย์

- ในกรณีที่เงินทุนไหลออกจำนวนมาก ก็อาจทำให้เกิดปัญหาดุลการชำระเงินและปัญหาด้านสภาพคล่องทางการเงิน จนอาจนำไปสู่วิกฤติเศรษฐกิจการเงิน

การเปิดตลาดบริการทางการเงิน

ประเทศภาคีของทีพีพี มีความเสี่ยงจะถูกกดดันให้เปิดตลาดบริการทางการเงินตามข้อเรียกร้องของสหรัฐมากกว่าที่จะเปิดตลาดตามความพร้อมที่แท้จริง

อย่างไรก็ดี การเปิดตลาดบริการทางการเงินภายใต้ ทีพีพีอาจจะไม่สอดคล้องกับความพร้อมของไทยเสมอไป เนื่องจากสหรัฐมักจะพยายามผลักดันให้ประเทศคู่เจรจาเปิดตลาดบริการทางการเงินให้
มาก ด้วยความได้เปรียบในด้านการแข่งขันในภาคธุรกิจนี้

@ข้อเรียกร้องของสหรัฐ ซึ่งประเทศกำลังพัฒนามักจะมีข้อกังวลที่สำคัญ คือ

วิธีการจัดทำข้อผูกพันการเปิดตลาด บริการทางการเงินแบบ Negative List คือการเปิดเสรีเกือบทั้งหมด สิ่งใดที่จะไม่เปิดเสรี ก็จะต้องเขียนเป็นข้อสงวน ซึ่งมีความเสี่ยงที่อาจจะระบุข้อสงวนได้ไม่ครบถ้วน เนื่องจากไม่สามารถหยั่งรู้ได้ว่าจะมีสิ่งใดบ้างเกิดขึ้นจากพัฒนาการในอนาคต ที่ถือว่าจะต้องเปิดเสรีให้กับสิ่งเหล่านี้โดยอัตโนมัติ

พันธกรณีที่จะต้องอนุญาตให้ต่างชาติ เข้ามาทำธุรกรรมทางการเงินใหม่ มีความเสี่ยงสำหรับประเทศที่ยังไม่มีความพร้อมในการทำธุรกรรมดังกล่าวและยังไม่มีกฎหมายรองรับในการกำกับดูแล เช่น ธุรกรรมตราสารอนุพันธ์ใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อปรากฏชัดว่า การทำธุรกรรมทางการเงินใหม่โดยไม่มีการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสมเป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจการเงินโลกที่ผ่านมา

การเปิดให้ต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจ สถาบันการเงินเต็มรูปแบบ (Full licenses) คาดว่าไทยยังไม่พร้อมกับการแข่งขันอย่างรุนแรงจากต่างชาติ เนื่องจากผู้ประกอบการไทยอาจต้องการเวลาในการปรับตัว

การเปิดให้ต่างชาติให้บริการทางการ เงินข้ามพรมแดนได้โดยไม่ต้องเข้ามาจัดตั้งสำนักงานในประเทศเจ้าบ้าน เช่น ธุรกรรมการเงินออนไลน์ระหว่างประเทศ อาจทำให้เกิดปัญหาในการตรวจสอบ กำกับ และติดตามช่องทางการทำธุรกรรมเหล่านี้เพื่อป้องกันความเสี่ยงและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงินในฐานะผู้บริโภค

การเปิดตลาดบริการทางการเงินภายใต้ ทีพีพีจึงมีความเสี่ยงที่ประเทศกำลังพัฒนาอาจจะต้องเผชิญแรงกดดันจากข้อเรียกร้องเหล่านี้ของสหรัฐ ซึ่งแตกต่างจากการเปิดตลาดภายใต้เวทีอื่นในภูมิภาค เช่น อาเซียน ซึ่งจะคำนึงถึงความพร้อมของประเทศเจ้าบ้านกว่านี้

ทั้งนี้ การเปิดตลาดบริการทางการเงินที่เหมาะสม ควรจะเป็นการเปิดตลาดแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยคำนึงถึงทั้งประโยชน์ที่ผู้ใช้บริการทางการเงินจะได้รับ และความพร้อมของระบบสถาบันการเงิน เพื่อให้ผู้ประกอบการของประเทศเจ้าบ้านมีเวลาปรับตัวและพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน

@ข้อสรุปและมองไปข้างหน้า

ที่ผ่านมา มีทั้งกระแสความกลัวว่าไทยจะตกขบวนทีพีพี และกระแสความกังวลว่าหากไทยร่วมขบวนทีพีพีแล้วจะมีปัญหา

ทีพีพี ถือเป็นโอกาสของไทยในการขยายการส่งออกไปประเทศสมาชิกทีพีพี โดยเฉพาะสหรัฐ และอาจรวมถึงประเทศอื่นที่อาจจะเข้าร่วมทีพีพี เช่น แคนาดาและเม็กซิโก ซึ่งไทยยังไม่ทำเอฟทีเอ

แต่ประเด็นข้อกังวลที่สำคัญคือ การลงทุนและบริการทางการเงิน ซึ่งในเรื่องการลงทุนทีพีพีควรจะมีความสมดุลระหว่างการคุ้มครองนักลงทุนกับการดูแลเสถียรภาพทางเศรษฐกิจการเงิน และในเรื่องบริการทางการเงิน ทีพีพีควรจะให้เปิดตลาดบริการทางการเงินตามความพร้อมที่แท้จริงของประเทศเจ้าบ้าน

ส่วนข้อกังวลในเรื่องมาตรฐานด้านแรงงานสิ่งแวดล้อม และทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงสิทธิบัตรยา คือ ไทยยังไม่มีความพร้อมในการปฏิบัติตามมาตรฐานของสหรัฐ ที่สูงกว่ามาตรฐานทั่วไป

ประเด็นสำคัญ คือ เมื่อถึงเวลาที่ผลการเจรจา TPP ปรากฏออกมาชัดเจน ไทยควรพิจารณาทั้งผลดีและผลเสียในทุกๆ ด้านอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงความพร้อมของทุกฝ่าย และประโยชน์ต่อสาธารณชนในระยะยาว
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #757 เมื่อ: 16 พฤศจิกายน 2555, 15:41:30 »

เครือข่ายพธม.ใต้16จว.ประกาศร่วมม็อบเสธ.อ้าย

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

เครือข่ายพธม.ใต้16จว.ประกาศร่วมม็อบเสธ.อ้าย "โฆษกองค์การพิทักษ์สยาม" จี้ตร.จัดการมือที่สามจ้องป่วน เชื่อตำรวจรู้ว่าอยู่ที่ไหน
โฆษณาโดย Google
บ้านทิวทะเล คอนโด ชะอำจองด่วน ซื้อคอนโด แถมรถยนต์ฟรี คอนโดหรู 1 ห้องนอน เริ่ม 3.39 ลบ.www.BaanThewTalay.com
เก่งอังกฤษในเวลาสั้น ๆพัฒนาภาษาอังกฤษเร็วเป็น 4 เท่า โดยเรียนรู้กับซอฟต์แวร์ที่บ้านwww.in-eng.com
Krungsri Cash to Carสินเชื่อเพื่อรถบ้านรู้ผลอนุมัติเร็ว แถมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม.www.krungsriauto.com/แคชทูคาร์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สนามม้านางเลิ้ง มีการแถลงข่าวรายวันขององค์การพิทักษ์สยาม โดย นายสุนทร รักษ์รงค์ ผู้ประสานงานกลุ่มเครือข่ายประชาชน 16 จังหวัดภาคใต้ กล่าวว่า เครือข่าย 16 จังหวัดภาคใต้ได้แปรขบวนมาจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) มาร่วมชุมนุมในครั้งนี้ ส่วนเหตุผลที่แปรขบวนเพราะได้มีการ ขับเคลื่อนขบวนทางการเมืองผู้ประชาชน ฉะนั้นวันนี้เครือข่ายฯจึงทำแถลงการณ์เรื่องประกาศจุดยืน และนำมวลชนร่วมชุมนุมกับกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม และภาคีเครือข่าย ในวันที่ 24 พ.ย. 2555 ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ตั้งแต่เวลา 09.01 น.

ขณะที่ พล.อ.ท วัชระ ฤทธาคนี โฆษกองค์การพิทักษ์สยาม กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ได้ส่งตัวแทนยื่นจดหมายนำเรียนถึงนายกรัฐมนตรีถึงความตั้งใจ และการที่มวลชนมาร่วมกันนั้นเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยมาตรา 63 ตามรัฐธรรมนูญไทย ฉบับปี2550 และเป็นหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีในฐานะฝ่ายบริหารที่จะต้องดูแลปวงประชาชนที่จะเข้ามาลานพระบรมรูปทรงมาในวันที่ 24 พ.ย. เพราะเป็นประโยชน์ส่วนรวม

โฆษกองค์การพิทักษ์สยาม กล่าวอีกว่า การชุมนุมครั้งนี้เครือข่ายโซเซียลเน็ตเวิร์คมีการรวมตัวกันมากมายเป็นประวัติการ มากมายกว่าครั้ง พฤษภาคม 2553 ด้วยซ้ำไป เพราะการประกาศชุมนุมครั้งนี้จะไม่ยืดเยื้อมีเวลาแค่วันหรือสองวันท่านั้น ทำให้คลื่นความคิดอารมณ์ร่วมที่จะแสดงความตั้งใจที่จะยุติการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลชุดนี้ ในเครือข่ายโซเซียลเน็คเวิร์คทราบกันดีว่าไม่ยืดเยื้อ เพราะหากไม่ออกมาจะไม่มีเวลาอีกแล้ว จึงทำให้กระแสในไซเบอร์สเปซ โลกออนไลน์ โดยเฉพาะเครือข่ายเฟสบุ๊กขณะนี้ของประเทศไทยอาจขึ้นอันดับหนึ่ง และที่มีการใช้เครือข่ายนี้มาก เพราะประชาชนตอบรับแล้วว่าวัตถุประสงค์จิตมั่นของ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ นั้นต้องการที่จะขจัดนักการเมือง พรรคการเมืองที่มีพฤติกรรมทุจริต คอรัปชั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งปล่อยปละละเลยให้คนชั่วร้ายที่จาบจ้วงสถาบันฯอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ได้ทำอะไรอย่างเด็ดขาด แต่บางครั้งกลับส่งเสริมด้วยซ้ำ

พล.อ.ท. วัชระ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ได้มีการส่งจดหมายอิเล็กทรอนิคหรืออีเมลไปที่สถานทูตสหรัฐอเมริกาซึ่งประสานงานกับสถานทูตเรียบร้อยแล้ว ว่าจะส่งอีเมล 2 ฉบับ โดยฉบับหนึ่งจะนำเรียนนายบารัค โอบามา ขอแสดงความยินดีที่ชนะการเลือกตั้ง และได้กลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง และอีกฉบับหนึ่งจะชี้แจงให้เห็นถึงวัตถุประสงค์ความตั้งใจ และแรงสะท้อนจากประชาชนชาวไทย คือแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะชุมนุมโดยสันติ ยึดถือรัฐธรรมนูญมาตรา 63 เป็นสำคัญ และยืนยันว่าหากท่านจะไปไหนมาไหนก็ไม่ต้องมาห่วงว่าทางองค์การพิทักษ์สยามจะไปทำให้ท่านระคายเคืองต่อความตั้งใจที่ท่านจะเดินทางมาประเทศไทย

“ส่วนสาเหตุที่ไม่ไปยื่นจดหมายด้วยตัวเองนั้นเพราะกลัวจะไปสร้างความวุ่นวายให้กับสถานทูตฯ สร้างความเดือดร้อนให้กับคณะที่จะมาอารักขานายอารัค โอบามา และขอให้หัวหน้าระดับ Secret เซอร์วิสของประธานาธิบดีสหรัฐอย่าได้กังวลใจว่าองค์กรพิทักษ์สยามจะไปทำสร้างอุปสรรคให้กับพวกท่าน”โฆษกองค์การพิทักษ์สยาม กล่าว

ส่วนกรณีที่รัฐบาลจะใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรมายุติการชุมนุมโดยสันติวิธี หรืออำนาจไม่เป็นธรรมของรัฐและใช้อำนาจรัฐข่มขู่ประชาชนนั้น พล.อ.ท.วัชระ กล่าวว่า คิดว่าประชาชนทั่วไปมีวิจารณญาณเองว่าใครทำร้ายประชาชนใครทำร้ายประเทศชาติ สำหรับกรณีที่อาจจะมีมือที่ 3 เข้ามาป่วนนั้น มวลชนที่จะมาร่วมครั้งนี้เป็นกลุ่มชนที่มีประสบการณ์เคยชุมนุมต่อต้านรัฐบาลไม่ว่านายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายสมัคร สุนทรเวช หรือพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาแล้ว ฉะนั้นในระบบการที่เคยปฏิบัติ หรือประสบการณ์ที่สัมผัสมาแล้ว แต่ทั้งนี้ไม่ได้เชื่อว่าจะไม่มีมือที่สาม จึงไม่ได้ประมาท เพราะความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย

“โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะมีมวลชนอิสระที่ไม่เคยเข้าร่วมชุมนุมมาก่อนเลย อย่างเช่นผมที่ไม่เคยร่วมชุมนุมมาก่อน ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้อยากจะถามว่ามีความปลอดภัยมากแค่ไหน ผมจึงได้บอกไปว่าผมก็ไม่เคยมีประการณ์ แต่ผมมาและคิดว่าคนที่คิดเช่นนี้จะออกมาเยอะ และตนก็ได้เคยบอกไปแล้วว่ามือชั่วที่จะมาก่อการนั้นอยู่ที่ไหนบ้าง ในส่วนนี้เรียนเลยว่าตำรวจสันติบาล ตำรวจท้องที่ กองปราบปรามเองก็ทราบและอย่าได้ละเลย เขารู้ทั้งหมดมือปืนอยู่ตรงไหน อันธพาลอยู่ตรอกซอกซอยไหน เพราะฉะนั้นจึงอยากเรียนผ่านถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ทำไมไม่ไปกดดันคนกลุ่มนั้น จะมากดดันพวกผมทำไม ผมก็เป็นคนไทยที่บริสุทธิ์แล้วก็ตั้งใจออกมา และไม่เคยมีประสบการณ์ ตำรวจเมื่อตรวจประวัติก็น่าจะรู้ดีว่าไม่เคยร่วมชุมนุมที่ไหน”พล.อ.ท.วัชระ กล่าว
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #758 เมื่อ: 20 พฤศจิกายน 2555, 20:36:44 »

คำสั่งลับด่วนที่สุด 3 ฉบับ ที่ โอบามา เซ็นต์ทันที หลังจากเครื่องพ้นน่านฟ้าประเทศไทย !!!!!!!!!!!!!!

ตามข่าวแจ้งว่า โอบามา เซ็นต์คำสั่งทันที่สัญญาณเข็มขัดนิรภัยดังขึ้น เครื่องบินไต่ระดับเรียบร้อยแล้ว


คำสั่งฉบับที่ 1 สั่งให้ตั้งกรรมการสอบสวน มหาวิทยาลัย แคนตั๊กกี้ ของอเมริกาเอง ในประเด็นการอนุมัติปริญญาให้กับนักศึกษาต่างประเทศ อันควรเชื่อได้ว่า ไม่ได้ปฎิบัติตามมาตรฐานของมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะการอนุมัติปริญญาระดับบัณฑิตศึกษาของนายกประเทศไทย ที่ภาษาอังกฤษไม่น่าจะผ่าน เพราะพูดคุยกับพลเมืองอเมริกันไม่ได้

คำสั่งที่ 2 สั่งให้กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำหนังสือเชิญ นายกของไทย ให้ไปร่วมงานปาร์ตี้ส่วนตัวของผู้นำสหรัฐที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ โอบามา ได้ให้เหตุผลแบบลับๆเอาไว้ในหนังสือคำสั่งดังกล่าวว่า รับรู้ถึงสายตาของนายกไทย ที่บ่งบอกความนัยบางอย่าง แต่เมื่ออยู่ในที่สาธารณะ ทำให้ ตัวเขาเอง ไม่กล้าแสดงอาการตอบรับได้อย่างเปิดเผย การพบปะกันในนามส่วนตัว น่าจะตอบสนองนัยยะของนายกไทยได้

คำสั่งที่ 3 สั่งให้สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ทำการศึกษา ค้นคว้า ว่าหญิงไทยมีมารยากี่ร้อยเล่มเกวียนกันแน่ เมื่อได้ผลสรุปแล้ว ให้ส่งให้โดยเร็ว ทั้งนี้เพื่อป้องกันตัวเอง หากเกิดผิดพลาด เช่น ไม่ยอมกลับไทย หรือ แสดงอาการที่ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจเป็นอย่างอื่น จะได้มีแนวทางในการแก้ไข เพื่อหลีกเลี่ยงการโดน อิมพีชเม้นต์
----------------------------------
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #759 เมื่อ: 23 พฤศจิกายน 2555, 10:00:15 »

“สมเกียรติ” แฉ “แม้ว” เตรียมเขมร 5 พันคนรอป่วนม็อบ แนะปชป.ลาออกแสดงความจริงใจ

สมเกียรติ” เผยข่าวจากเขมรเสรี 3 สาย “ทักษิณ” เตรียมกองกำลังเขมรราว 4-5 พันคนรอเข้ามาป่วนม็อบองค์การพิทักษ์สยาม โดยจะอ้างว่าเป็นแดงเทียม เชื่อปรากฏการณ์เสธ.อ้าย และ พ.ร.บ.ปิโตรเลียมของพันธมิตรฯ จะทำให้ปฏิวัติประชาชนสำเร็จ พร้อมแนะส.ส.ประชาธิปัตย์ลาออก ยอมเว้นวรรคการเมือง แสดงความจริงใจร่วมปฏิวัติกับประชาชน
       
       วันที่ 22 พ.ย. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย นักวิชาการอิสระ ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV
       
       โดยนายสมเกียรติกล่าวถึงการประกาศใช้ พ.ร.บ.มั่นคงฯ ว่า รัฐบาลคงประเมินแล้วว่าสมัยนายอภิสิทธิ์เคยใช้แล้วชนะ เลยกล้าประกาศ แต่อย่าลืมว่านายอภิสิทธิ์ใช้ทหารปฏิบัติการเป็นส่วนใหญ่ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณไว้ใจตำรวจมากกว่า การประกาศนี้คงเป็นความคิดของนายทักษิณ เพื่อให้สอดคล้องกับกลุ่มที่เขาจะนำมาจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในกัมพูชา ตนได้รับรายงานจากกลุ่มเขมรเสรี 3 สาย ในวันนี้ว่ากองกำลังของกัมพูชาจะเข้ามาราวๆ 4-5 พันคน โดยเปิดช่องสะงำ ช่องจอม และปอยเปต ไว้รอรับพวกนี้ออกไป แล้วเชื่อว่า นายฮุนเซน จ่ายเงิน 100 ล้านบาทให้ด้วย ประกอบกับ สมช. (สภาความมั่นคงแห่งชาติ) รายงานว่าพวกนี้เป็นแดงเทียม
       
       นายสมเกียรติกล่าวต่อว่า ตนระลึกตลอดเวลาว่าการเคลื่อนไหวเมื่อ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา เป็นจุดเริ่มต้นของประชาชน แล้วต้องเคลื่อนไหวไปจนกว่าจะได้รับชัยชนะสูงสุด คือตระกูลนี้ไม่มีอยู่ในประเทศไทย สมุนรับใช้ต้องออกไปต่างประเทศ ทั้งนี้มีโอกาสที่ทหารกับตำรวจจะปะทะกัน ถ้าทหารเห็นว่ามีการทำร้ายประชาชนมาก และตนเชื่อว่าการปฏิวัติประชาชนครั้งนี้คงได้รับผลสำเร็จ แต่เวลาไม่สามารถระบุได้ว่าเมื่อไหร่
       
       รวมไปถึงประเด็น พ.ร.บ.ปิโตรเลียม ที่พันธมิตรฯ จะเอาไปเคลื่อนไหว โดยจะทำให้เห็นชัดเจนเลยว่าหากสำเร็จ น้ำมันลดทันที 19 บาท เพื่อให้คนที่ไม่รู้จักเดือดร้อน ได้รู้ถึงความเดือดร้อน ตนเชื่อว่า ปรากฏการณ์เสธ.อ้าย ปรากฏการณ์ปิโตรเลียม จะทำให้เมืองไทยปฏิวัติประชาชนได้
       
       แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า การปฏิวัติประชาชนที่ฟิลิปปินส์ คนออกไป 2 ล้านคน ใช้วลา 4 วัน แต่เสธ.อ้ายกลับใช้เวลาครึ่งวัน โดยประกาศให้เวลาถึงแค่ 11 โมง หากคนน้อยยกเลิกชุมนุม ด้วยความเคารพ ท่านไม่ควรเร่งรัดเวลา การขับไล่รัฐบาลมันต้องอาศัยการสะสมพลังด้วย แล้วส่วนใหญ่คนจะมาเยอะช่วง 1-2 ทุ่ม อยากให้ท่านดูเวลาระหว่าง 16.00-20.00 น. ช่วงนี้เหมาะสมที่จะขอมติมหาชนเพื่อจัดตั้งรัฐบาลจากปวงชน
       
       นายสมเกียรติยังกล่าวด้วยว่า พรรคประชาธิปัตย์มีการพูดคุยกันหลายครั้งให้ ส.ส.ลาออก แต่มันติดคนสองคนที่ไม่ยอม ตนไม่อยากเอ่ยชื่อว่าใคร คล้ายๆ รออะไรบางอย่าง ตนว่าท่านควรคิดให้ไกลกว่านี้ ลาออกเพื่อแสดงความจริงใจว่าต้องการปฏิรูปพร้อมกับประชาชน เห็นมีแต่ พ.อ.วินัย สมพงษ์ ที่กล้าประกาศยอมเว้นวรรคทางการเมือง
       
       ด้านนายชัชวาลย์กล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ประกาศใช้ พ.ร.บ.มั่นคงฯ ถ้าคนโง่ก็จะบอกว่านายกฯพูดมีเหตุผล แต่ถ้าคนมีสมองก็จะเห็นว่าสมัยอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ พี่ชายคุณก็ไปจ้างเสื้อแดงออกมาชุมนุม เผาบ้านเผาเมือง ทำไมตอนนั้นไม่แก้ปัญหาในสภา นักการเมืองเหมือนกันไม่มีผิด เวลาเป็นรัฐบาลบอกให้แก้ปัญหาในสภา เวลาเป็นฝ่ายค้านก็ออกมาเป็นม็อบข้างถนน
       
       นายชัชวาลย์กล่าวต่อว่า พล.อ.บุญเลิศมีพรรคพวกเยอะ รู้จักคนทุกวิชาชีพ ที่สำคัญมีพวกเป็นทหาร วันนี้มีข่าวออกมา เสื้อแดงบอกว่านายใหญ่ซื้อหัวหน้าทหารไว้ได้แล้ว แต่ทหารระดับกลาง ระดับล่าง มีความไม่พอใจรัฐบาล ที่จะเอาทหารติดคุกในคดีสลายการชุมนุมเสื้อแดง ฉะนั้นรัฐบาลจึงไม่มั่นใจ เลยเตรียมต้านรัฐประหารกันใหญ่ นอกจากนี้ม็อบเสธ.อ้ายยังคาดเดาได้ยาก ไม่รู้จะจบอย่างไร รัฐบาลเคยทำชั่วมาแล้ว ถ้าทหารออกมามันตายเลย
       
       วันนี้ประเด็นการชุมนุมมันจุดติดแล้ว คนเกลียด พ.ต.ท.ทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เยอะจริงๆ วันนี้ถ้าเดินดีๆมันคือชัยชนะ แล้วแกนนำพันธมิตรฯ ไม่หวงมวลชน เพราะเห็นว่ามีผู้นำที่ทำเพื่อชาติยิ่งเยอะยิ่งดี
       
       พร้อมฝากถึงประชาธิปัตย์ว่า หากยังเลือกตั้งในระบบที่เต็มไปด้วยการซื้อสิทธิขายเสียง ไม่มีทางชนะเพื่อไทยได้ เพราะเขาจ่ายเยอะกว่า ประชานิยมเพื่อไทยก็ทำมาก่อน ประชาชนจำได้แบบนั้น ถ้าประชาธิปัตย์มองการไกล ยอมเว้นวรรค ร่วมปฏิรูปกับประชาชน กลับมาเลือกตั้งใหม่ก็จะเหลือแต่พรรคประชาธิปัตย์
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #760 เมื่อ: 23 พฤศจิกายน 2555, 10:15:38 »

                       อย่าให้โจรเหยียบหัว









      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #761 เมื่อ: 23 พฤศจิกายน 2555, 10:22:16 »

ร่วมการเคลื่อนไหวกับองค์กรพิทักษ์สยาม ๒๔ พย.
เอาสำนึกคุณธรรม มาสำนึก
ณ.เบื้องลึกของหัวใจ ให้ปรากฏ
สร้างจิตใจผู้รักชาติ อันงามงด
แล้วสวมบทเสริมวิญญาณ ต้านศัตรู

ณ.ที่ใดใช้เผด็จการ การกดขี่
ณ.ที่นั่นจักต้องมี การต่อสู้
เอาสายเลือดความรักชาติ มาลาดปู
เดินหน้าสู่การเคลื่อนไหว ไทยสร้างไท

อำนาจใดฤาหยุดยั้ง พลังประชา
ที่ก้าวหน้าแลรักชาติ อันยิ่งใหญ่
สามัคคีมีรูปการ สานดวงใจ
หลอมรวมให้เป็นน้ำหนึ่ง ใจเดียวกัน

จงชี้นิ้วไปข้างหน้า เพื่อท้ารบ
กับอำนาจรัฐบัดซบ ให้ลือลั่น
หมดเวลาความชั่วชาติ รัฐสามานย์
ประชาชนทุกชนชั้น...จะชิงชัย

สุคม ศรีนวล ได้โพสต์ลงในชมรมพัฒนาการเมือง
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #762 เมื่อ: 23 พฤศจิกายน 2555, 13:07:30 »

โอบามา..ทำไมจึงญาติดีกับทักษิณ? โดย เปลว สีเงิน‏

ในขณะที่ทักษิณปลื้มกับบทบาทน้องสาวของเขาจนน้ำตาซึม แต่คนไทยแทบต้องเอามือปิดหน้าแล้วร้องไห้ ทั้งเจ็บ ทั้งอาย ทั้งอดสู ต่อสายตาดูหมิ่น-ดูแคลน คละเคล้าเสียงหัวเราะหยามเย้ยจากชาวโลก อันมาจากพฤติกรรมนายกรัฐมนตรีไทยที่ชื่อ "นางสาวยิ่งลักษณ์" ในบทบาท Woman's touch ต่อประธานาธิบดีโอบามา ที่สื่อต่างๆ ทั่วโลกนำไปประจานชนิดไม่ไว้หน้า ถึงขั้นใช้คำว่า Seductive glance ขยายความ All in the eyes ของยิ่งลักษณ์!
    คนไทยที่อยู่ในประเทศ "ไทยมองไทย" ก็พอเข้าใจพฤติกรรมจากสันดานได้อยู่ แต่คนไทยที่อยู่ต่างประเทศซีครับ จะอธิบายเป็นการแก้ไขภาพลักษณ์ประเทศ โดยเฉพาะภาพลักษณ์หญิงไทยให้ชาวต่างชาติเขาเข้าใจตรงความเป็นจริงได้ขนาด ไหน?
    แค่คิด ผมยังทั้งเหนื่อย (ใจ) ทั้งอายแทน!
    โลกออนไลน์ตอนนี้ว่อนไปหมด ทั้งจริง ทั้งเอาจริงตัดต่อเสริมแต่งเป็นเรื่องเป็นราว เป็นเวอร์ชั่นต่างๆ นานา โดยมีโอบามา-ยิ่งลักษณ์ เป็นพระเอก นางเอก ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ไม่ทันข้ามคืน ด้วยบทบาท Woman's touch ของยิ่งลักษณ์ เธอเข้าสู่บท
    "เจ้าแม่ล่มเมือง" ได้เต็มตัว!
    ด้วยยุคสมัย "เทคโนโลยีการสื่อสารครองโลก" ถึงแม้สื่อใต้ระบอบทักษิณจะทำตัวเป็น "มือเดียวปิดฟ้า" ด้วยไม่นำเสนอ ไม่พูดจาถึงพฤติกรรมฉาวโลก แต่ก็ไม่สามารถปิดหรือกลบบทบาทน่าละอายของนายกฯ ไทยนางนี้ต่อการรับรู้-รับทราบของคนไทย-คนโลกได้
    เพราะเรื่องฉาวในลักษณะคาวโลกนั้น มันเป็นไฟลามทุ่งด้วยระบบดาวเทียมสื่อสารทักษิณนั่นแหละ!
    ไม่เชื่อก็ดูจาก Weekly World News ฉบับวันที่ ๑๙ พ.ย.ก็ได้ เขาพาดหัวตัวเท่าหม้อแกงบนหน้าหนึ่ง ทับรูป "กระสันสวาท" ด้วยคำว่า
    THAI PRIME MINISTER FALLS IN LOVE WITH OBAMA
    The Prime Minister of Thailand, Yingluck Shinawatra, has fallen madly in love with President Obama.
    และใน "ภาพชุด" ที่นำประจาน ใต้ภาพหนึ่ง เขาเขียนคำอธิบายไว้สุดแสบ-สุดอายคล้ายสักหมึกไว้กลางหน้าผากคนไทยทั้งมวล เป็นข้อความว่า........
    Prime Minister Shinawatra is lovesick and wants to return with President Obama to live with him at The White House. "The Prime Minister doesn’t care if she is the second wife to Michelle, she just wants to be with Barack Obama and will do anything for him," said a source in the Thai government. "She’s madly in love."
    ไม่เพียงสื่อภาษาอังกฤษ กระทั่งสื่อภาษาจีน หนังสือพิมพ์ "ไชนาเดลี" อันเป็นสื่อทางการของรัฐบาลจีน ยังลงข่าวหน้า ๑ ชาวบ้าน-ชาวเมืองวิพากษ์-วิจารณ์นายกฯ ไทยไปในทางดูหมิ่น-ดูแคลนกันฉาวฉาน ผมอ่านจีนไม่ออก วานพรรคพวกเขาอ่านพาดหัวได้ความว่า
    "โอบามาและนายกรัฐมนตรีสาวสวยของไทยดูเหมือนจู๋จี๋กันออกนอกหน้า ทำให้คนจีนเห็นแล้วรับไม่ได้"
    นี่เฉพาะจากหนังสือพิมพ์ทางการรัฐบาลจีนนะครับ ยังไม่ต้องพูดถึงด้วยเสียงวิจารณ์เสียๆหายๆ อื้ออึงจากคนจีนตามเว็บต่างๆ เอาหละ...ถ้าท่านอยากรู้รายละเอียดอันเป็น "ท่าทีจีน" ต่อกรณีนี้ คลิกไปที่  http://www.chinadaily.com.cn/hqzx/2012-11/19/content_15941848.htm อ่านดู แล้วจะรู้ว่า ทางจีนเขามีความรู้สึกตอบสนองบทบาท "ยิ่งลักษณ์-โอบามา" แบบไหน อย่างไร?
    มาดูภาพรวมในการมาเยือนไทยของโอบามาบ้าง ผมว่าโอบามา "ได้ใจคนไทย" ร้อยละ ๙๙.๙๙ ก่อนมา แสดงว่าโอบามาศึกษา "สังคมไทย" มาด้วยความเข้าใจลึกซึ้ง ทั้งหมด-ทั้งมวล สรุปได้จากการเข้าเฝ้าฯ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" ของประชาชนคนไทย
    มาดที่เป็นบุคลิกเด่นของโอบามาชินตาชาวโลกคือ นั่งที่ไหน ไม่ว่ากับใคร โอบามาเป็นต้อง "นั่งไขว่ห้าง" กระทั่งจากไทย ไปพบประธานาธิบดีเต็ง เส่ง ที่พม่า ภาพที่ปรากฏ โอบามานั่งไขว่ห้างคุยกับเต็ง เส่ง สบายอารมณ์
    แต่เป็นภาพแรก-ครั้งแรกก็ว่าได้ที่โอบามานั่งสำรวม ค้อมหลังน้อยๆ สองมือกุมวางไว้บนตัก สองเท้าวางบนพื้น เข่าชิด ในการเข้าเฝ้าฯ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว"!
    และตลอดเวลาที่เรียกว่า "การสนทนา" โอบามาสำรวมระวัง กิริยานอบน้อม นุ่มนวล ไม่มีการเผลอจนมีท่าทางหลุดใดๆ ปรากฏให้เห็น ภาพคืนวันนั้น เมื่อเผยแพร่สู่สาธารณชน ผมกล้าพูดได้ว่า ไม่มีคนไทยคนไหนที่เห็นแล้วจะไม่ประทับใจ และไม่ปันใจรักให้กับโอบามา
    กระทั่งกับต่างชาติ-ต่างภาษา โดยเฉพาะชาวตะวันตกที่มีบุคลิกทางวัฒนธรรมอีกแบบหนึ่ง เมื่อเห็นบุคลิกภาพโอบามาเมื่ออยู่เฉพาะพระพักตร์ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" สำรวมเรียบร้อย เพียบพร้อมด้วยวัฒนธรรมตะวันออกของไทย สมกับผู้นำแห่งโลกอารยะ ผมว่าเขาต้องทึ่ง
    ทึ่งในตัวโอบามา จากบุคลิกภาพ "ผู้นำโลก" ที่เปลี่ยนแปลกตาด้วยท่าทีส่อถึงความเคารพ-เลื่อมใสต่อผู้อื่น อันไม่เคยปรากฏกับใคร ที่ไหนมาก่อน และจากจุดนั้น คนตะวันตกจะเกิดทัศนะศรัทธาต่อ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" ด้วยความรู้สึกสืบเนื่องจาก "ความเข้าใจ" ที่โปร่งใส-ถูกต้อง
    ตรงนี้โอบามา "ได้ใจ" ผมไปหมดเลย!
    โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐคนนี้ ผมว่า "ไม่เบา" จะเป็นคู่ต่อสู้ของ "สีจิ้นผิง" ประธานาธิบดีคนใหม่ของจีน ที่มีลำหัก-ลำโค่นใน "ศึกชิงยุทธภูมิแปซิฟิกและอุษาคเนย์" ที่ใครก็ไม่หย่อนกว่าใคร จากที่เห็น โอบามา "ทำการบ้าน" เกี่ยวกับยุทธศาสตร์ร่วม ไทย-พม่า-เขมร-ลาว-จีน มาดีชนิด "เข้าถึงราก"
    ไปพม่า ลงจากรถปุ๊บ ก็ยกมือพนมแต้ ไหว้นางอองซาน ซูจี ชนิดไม่มีอาการเก้งก้าง และการซบกอด จุมพิต-จุมฟอดนางอองซานนั้น ให้ความรู้สึกประหนึ่ง "มารดากับบุตร" ที่ห่างหน้ากันเนิ่นนาน เป็นการกอดและจูบสะท้อนนับถือศรัทธามาจากจิตใต้สำนึกบริสุทธิ์
    ต่างกับท่าทีชายเจนสนาม-หญิงเจนศึก ณ ทำเนียบไทย ซึ่งให้ความรู้สึกต่างกันเหมือนหน้ามือ-หลังเท้า!
    การที่โอบามาพกเจตนามาไทยด้วยหวังปูทาง-วางฐานยุทธศาสตร์ "ปิดล้อมจีน" ในภูมิภาคนี้นั้น ในภาพกว้างว่ากันไม่ได้ เพราะการเมืองระหว่างประเทศนั้น ใครๆ ก็หวังประโยชน์ที่ประเทศตนจะพึงได้จากอีกฝ่ายเหมือนกันหมด
    ในโลกที่เป็นจริง การณ์ทุกอย่าง ใครจะเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว โดยไม่ยอมเสียบ้าง ก็ย่อมไม่ได้ และใครจะเสียฝ่ายเดียว โดยไม่ได้อะไรมาแลกเปลี่ยน ก็ย่อมไม่ได้ ในการคบหาเป็นมิตรสหายของไทย กับทั้งสหรัฐ และกับทั้งจีน ก็ย่อมอยู่ในฐานนี้
    หลักใหญ่-ใจสำคัญอยู่ตรงว่า จะใช้ประโยชน์ชาติ-ประโยชน์ประชาชนอันเป็นส่วนรวม "เป็นตัวตั้ง" ในการยอมได้-ยอมเสีย หรือ...จะใช้ประโยชน์เฉพาะตน-เฉพาะตระกูลและพวกพ้อง "เป็นตัวตั้ง" แล้วเอาประโยชน์ชาติไปแลก ซึ่งนั่นเป็นการได้เฉพาะตน
    แต่เสีย "ทั้งชาติ"!
    คำถามที่คนไทยทั้งประเทศอยากรู้คำตอบจากปากโอบามาว่า "ทำไมจึงยอมให้ทักษิณเข้าประเทศ และมีการคบหารัฐบาลทักษิณ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ประณามทักษิณว่า The crook?" แต่นักข่าวหน้าม้ารัฐบาลระบอบทักษิณไม่ถาม กลับเฉไฉด้วย "พูดฝรั่งได้" แล้วถามคำถามงั่งๆ ที่ทั้งฝรั่ง-ทั้งไทยไม่สนใจจะรู้
    ประเด็นนี้ คือประเด็นโอบามาพลิกกลับมาคบหาระบอบทักษิณ สื่อฝรั่งและคนในวงทักษิณเองนั่นแหละซุบซิบกันให้แซดว่า ด้วยนโยบายสหรัฐจะกลับมาใหญ่ในแปซิฟิกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เหตุนั้น ผลประโยชน์ต่างตอบแทนระหว่างทักษิณกับสหรัฐจึงเกิดขึ้น
    ทักษิณได้วีซ่าเข้าสหรัฐ สหรัฐได้รับเชิญเข้ามาใช้อู่ตะเภาเป็นฐานทัพ ทักษิณรับเจรจากรุยทางเข้าพม่าให้สหรัฐ โดยพม่ามีสัมปทานทางธุรกิจแลกเปลี่ยน ตลอดถึงความร่วมมือทางการทหารระหว่างไทย-พม่า-สหรัฐ เพราะสถานการณ์ขณะนี้ ผลประโยชน์ทักษิณ-สหรัฐตรงกัน
    สหรัฐต้องการไทย ต้องการพม่า เพื่อตัดทางออกมหาสมุทรอินเดียและอันดามันเป็นการปิดล้อมจีน ในขณะเดียวกัน ทักษิณเองทำให้เห็นว่าสนิทสนมกับจีน แต่ความจริงแล้ว "จีนไม่เอาทักษิณ"!
    ทำเป็นบินเข้า-ออกจีนให้เป็นข่าว แต่เปล่าหรอก...ไปก็ไปได้ แต่จีนตีกรอบให้แกร่วอยู่แถบๆ สนามบินปักกิ่งเหมือน "หมีแพนด้าในกรง" เท่านั้น จะไปโน่น-ไปนี่ทั่วเมืองจีนตามใจชอบไม่ได้
    โอบามากับทักษิณเคยพบกันมั้ย....ผมไม่ทราบ แต่หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์เขียนเป็น "รายงานข่าว" ไว้ท้ายข่าวการมาเยือนไทยของโอบามาอย่างนี้ครับ...
    Reporters were led out of the room as the group continued to talk, Obama could be overheard saying he met with Prime Minister Thaksin Shinawatra in Bali last year and that it strengthened our relationship as we left.
    เอ้า...เพื่อความชัดเจนว่าไม่ใช่ผมพูดเองส่งเดช ท่านคลิกไปอ่านเองที่.....http://www.washingtonpost.com/blogs/worldviews /wp/2012/11/18/president-Obama-secretary-of-state-clinton-meet-King-of-thailand/
    ท่านจำได้ใช่มั้ย "คดีวอเตอร์เกต" ที่ทำให้ประธานาธิบดีนิกสันต้องตกเก้าอี้ ก็เพราะการเจาะข่าวของวอชิงตันโพสต์นี่แหละ และเมื่อวอชิงตันโพสต์เขียนไว้อย่างนี้ ใครล่ะ...กล้าปฏิเสธ ฉะนั้น ระวังนะ ไอ้เบื๊อกตนไหนออกมาปฏิเสธว่า ไม่มีเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐมาเทียบท่าแถวๆ แหลมฉบังนั่นน่ะ
    จริงก็ดีไป แต่ถ้าเท็จแล้วปกปิด.... ก็จะรู้ว่าจีน "ซีเรียส" ขนาดไหนกับเรื่องนี้
    ในทันที-ทันใด บอกไม่เชื่อ!
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #763 เมื่อ: 23 พฤศจิกายน 2555, 16:32:43 »

เพลง ระดมกันออกมา
 ได้รับการร้องขอ..จึงupขึ้นมาให้นำไปฟังหรือไปใช้กัน..
เพลงนี้ คุณโอ๋ นักร้อง-นักดนตรีประจำวงฆราวาส เป็นผู้แต่งทั้งเนื้อร้อง ทำนอง และmix เองเสร็จ
 โดยนำแนวทางและเนื้อหา บางคำ เช่น กร้านกาจ แรดหรู จากพ่อครูสมณะโพธิรักษ์มาใช้ประกอบ และก็เร่งทำอยู่3-4 วันเพิ่งเสร็จ
 พอนำมาเปิด..ปรากฎว่า มีบางตอนเสียงเพี้ยน โอ๋ ก็รีบทำส่งมาให้ใหม่ .
. จุดมุ่งหมายของเพลงนี้มีความคาดหวังให้คนได้เข้าใจปัญหาของประเทศ
และออกมาช่วยกันแสด­งความเห็น อันเป็นประชาธิปไตยทางตรงของเรา
ไม่ใช่การใช้อำนาจแค่เลือกคนไปทำงานแทน(เลือกตั้งผู้แทน) .... เป็นการศึกษาประชาธิปไตยบทที่ 1...


http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=qZejyaHPn-g#!
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #764 เมื่อ: 23 พฤศจิกายน 2555, 16:41:32 »

สมจิตต์ นวเครือสุนทร
ขอสามคำถามถึงนายกรัฐมนตรีผ่านเฟซบุ๊ค และอยากทราบว่า เพื่อน ๆ มีสามคำถามไหนที่อยากถามนายกฯมากที่สุด


1 การประกาศใช้ พ.ร.บ.มั่นคงโอยอ้างการข่าวว่ากลุ่มผู้ชุมนุมคุกคามและต้องการล้มล้างประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขจะสวนทางกับที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยในวันเดียวกันว่า การชุมนุมดังกล่าวไม่เข้าข่ายล้มล้างการปกครองหรือไม่

2 นายกฯให้เหตุผลว่ากลไกสภาจะทำหน้าที่แก้ปัญหาและกำลังจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจโดยรัฐบาลพร้อมที่จะชี้แจง แต่ในวันดียวกันสภาล่มเพราะไม่มีรัฐมนตรีไปตอบกระทู้สดเรื่องความไม่สงบในภาคใต้ และ ส.ส.รัฐบาลไม่ให้ความสำคัญกับการประชุมสภา จนองค์ประชุมไม่ครบต้องปิดประชุมตอนประมาณ 14 นาฬิกา พฤติกรรมลักษณะนี้จะทำให้ประชาชนมั่นใจได้อย่างไรว่า นายกให้ความเคารพต่อระบบรัฐสภา และการเมืองในสภาจะแก้ปัญหาได้

3 การระบุว่าการชุมนุมสามารถทำได้ตามขอบเขตของรัฐธรรมนูญคือ ชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ ไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น ท่านคิดว่าการชุมนุมในปี 52 ล้มการประชุมอาเซียน และ ปี 53 ที่มีกองกำลังติดอาวุธและเกิดการเผาเมือง โดยแกนนำเป็นผู้ปลุกปั่นยุยงให้มวลชนใช้ความรุนแรง เป็นการกระทำที่เกินขอบเขตของรัฐธรรมนูญหรือไม่ และในวันที่ท่านไปร่วมชุมนุมเท่ากับท่านก็คือส่วนหนึ่งของการทำผิดกฎหมายด้วยหรือไม่ หากเทียบกับการชุมนุมครั้งนี้ซึ่งแกนนำประกาศชัดว่าจะไม่มีการเคลื่อนที่ ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่บุกสภา สถานที่ราชการ แต่ใช้จำนวนมวลชนกดดันรัฐบาลแทนทำไมท่านจึงคิดว่าการชุมนุมเช่นนี้เกินขอบเขตรัฐธรรมนูญ และมีการสร้างภาพจากรัฐบาลว่าการชุมนุมจะเกิดความรุนแรง จนอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศและเศรษฐกิจโดยรวม
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #765 เมื่อ: 23 พฤศจิกายน 2555, 17:02:00 »

ไฟเขียวแช่แข็งนักการเมืองเลว

23 November 2555 - 00:00

ม็อบเสธ.อ้ายเฮลั่น! ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้อง ก๊วนเพื่อไทยกล่าวหาล้มล้างระบอบการปกครอง ระบุไม่ปรากฏมูลเหตุ การชุมนุมวันที่ 24 พ.ย. เป็นเพียงแสดงพลังขับไล่รัฐบาล ขณะที่แนวคิดแช่แข็งประเทศ หมายถึงการแช่แข็งนักการเมืองเลว-ชั่วไว้แค่ 5 ปี เพื่อป้องกันไม่ให้เข้ามากอบโกยผลประโยชน์
ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนคำร้อง ที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา นายสิงห์ทอง บัวชุม สมาชิกพรรคเพื่อไทย และนายหนึ่งดิน วิมุตตินันท์ ทนายความชมรมผู้รักความเป็นธรรม ยื่นขอให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ว่า พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การพิทักษ์สยาม ได้กระทำการโดยใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการที่มิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้หรือไม่ เพื่อที่ศาลจะได้นำไปพิจารณาว่าจะรับคำร้องดังกล่าวไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือไม่
ก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญได้มีหนังสือเรียก พล.อ.บุญเลิศ และ พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคณี โฆษกองค์การพิทักษ์สยาม เข้าให้ถ้อยคำ แต่บุคคลทั้ง 2 ได้มอบหมายให้ทนายความ ประกอบด้วย นายประยงค์ ไชยศรี และนายนิติธร ล้ำเหลือ เข้าชี้แจงต่อศาลแทน
นายประยงค์กล่าวก่อนเข้าชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า ที่ พล.อ.บุญเลิศไม่ได้มาชี้แจงด้วยตัวเอง เนื่องจากติดภารกิจ จึงมอบหมายให้ตนมาชี้แจง ซึ่งจะชี้แจงถึงวัตถุประสงค์ในการชุมนุมว่า เป็นไปเพื่อแสดงออกถึงความไม่เห็นด้วยในการบริหารงานของรัฐบาล ที่ปล่อยให้มีการจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงโดยไม่ดำเนินการ และแสดงตนเป็นนอมินีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อีกทั้งยังมีการทุจริตคอรัปชั่น ดังนั้นการชุมนุมครั้งนี้มีเจตนาชัดเจนว่าเป็นการชุมนุมโดยสงบ ไม่เคลื่อนไหวไปยึดสถานที่ราชการ รวมถึงรัฐสภา และหากผู้ชุมนุมมาน้อยก็จะยุติการชุมนุม
อย่างไรก็ตาม แม้ประชาชนจะมาร่วมชุมนุมมาก ทางกลุ่มก็คิดว่าสามารถควบคุมมวลชนได้ เพราะเป็นการชุมนุมโดยสงบ และจะไม่มีการปลุกระดมให้เกิดการคลุ้มคลั่ง รวมถึงรัฐบาลก็ระบุเองว่าจะจัดกำลังเจ้าหน้าที่เข้าดูแลไม่น้อยกว่า 50,000 นาย ซึ่งทางกลุ่มก็จะมีการจัดเจ้าหน้าที่ในการตรวจไม่ให้ผู้ที่จะร่วมชุมนุมพกพาอาวุธเข้ามา ดังนั้นต่อให้ออกกฎหมายอะไรก็ไม่มิอาจยับยั้งในการชุมนุมครั้งนี้ได้ เพราะการมาชุมนุมครั้งนี้ เนื่องจากเห็นว่าประเทศถึงทางตันแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า คำประกาศของ พล.อ.บุญเลิศ ที่ระบุว่าจะแช่แข็งประเทศไทย ทำให้ถูกมองว่าเป็นการล้มล้างการปกครองตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 นายประยงค์กล่าวว่า พล.อ.บุญเลิศไม่เคยพูด มีแต่พูดว่าจะแช่แข็งนักการเมืองชั่ว ที่มีการระบุว่าจะแช่แข็งประเทศไทย และมองว่าเป็นการล้มล้างการปกครองนั้น น่าจะมาจากฝ่ายตรงข้ามมากกว่า ส่วนหากศาลสั่งให้ยุติการชุมนุมหรือไม่นั้น ขอฟังคำสั่งศาลก่อนว่าจะออกมาอย่างไร แล้วค่อยบอกว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไป
ขณะที่นายหนึ่งดินกล่าวว่า ตนได้เตรียมมอบเอกสาร และข้อเท็จจริงทั้งหมดแล้ว ตามปกติผู้ร้องไม่ต้องขอชี้แจง เป็นเรื่องของทางศาลที่จะไต่สวนผู้ถูกร้อง เพราะผู้ร้องได้ยื่นไต่สวนฉุกเฉินเพื่อขอวิธีการคุ้มครองชั่วคราวระหว่างการพิจารณา คือเรื่องนี้ทางศาลรัฐธรรมนูญเคยวางบรรทัดฐานไว้สั่งให้มีการคุ้มครองชั่วคราวระหว่างมีการพิจารณามาตรา 68 ของ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สมาชิกวุฒิสภา กับพวกที่ยื่นคำร้องกล่าวหาว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการล้มล้างการปกครอง และศาลก็สั่งให้โดยผู้ร้องไม่ได้ขอด้วยซ้ำ
เมื่อถามว่า พล.อ.บุญเลิศ ระบุว่าไม่ได้ชุมนุมล้มล้างการปกครอง ต้องการมาชุมนุมเพราะทนไม่ได้กับการทำงานของรัฐบาล นายหนึ่งดินกล่าวว่า อยากให้สื่อและประชาชนดูการกระทำซึ่งเป็นเครื่องชี้เจตนา การกระทำไม่ใช่ม็อบธรรมดา ถ้าเป็นม็อบธรรมดามากันขอให้รัฐบาลลาออกยุบสภาฯ ก็เป็นไปตามครรลองประชาธิปไตย แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ เพราะเขาวางแผนว่าม้วน 2 ต้องจบ จะจบอย่างไร ไม่ใช่จบแบบทั่วไป เป้าหมายไม่ใช่วิถีทางประชาธิปไตย การล้มล้างการปกครองต้องดูว่าล้มล้างอำนาจอะไร นิติบัญญัติ บริหาร หรือตุลาการ
ซักว่า หลักฐานอะไรไปกล่าวหา นายหนึ่งดินอ้างว่า ชัดเจนเพราะเขาประกาศที่สนามม้าว่าจะขับไล่รัฐบาล การชุมนุมปกติขับไล่รัฐบาลให้ลาออกไม่แปลก แต่ขับไล่ให้ออกนอกประเทศ หยุดการทำงานอ้างเหตุเดิมๆ 3 ข้อ เราดูแค่กรรมและหลักกฎหมาย เราดูการกระทำมากกว่า กบฏแค่คิดก็ผิดแล้ว อย่างเสธ.อ้ายบอกว่าถ้ามีกำลังในมือก็จะปฏิวัติแล้ว แค่นี้ก็ผิดแล้ว
ส่วนนายเรืองไกรให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ตนได้นำหลักฐานที่เป็นการถอดเทปคำสัมภาษณ์ของ พล.อ.บุญเลิศ ในรายการสถานีวิทยุหนึ่ง เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เป็นเวลา 10 นาที ซึ่งมั่นใจว่าหลักฐานชิ้นนี้ชี้ชัดว่ากลุ่มองค์การพิทักษ์สยามเข้าข่ายเป็นการกระทำที่ล้มล้างการปกครอง เชื่อมั่นว่า หากศาลรัฐธรรมนูญได้ฟังคำชี้แจงดังกล่าวก็จะมีคำสั่งให้กลุ่มองค์การพิทักษ์สยามยุติการชุมนุมอย่างแน่นอน
ต่อมาคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ออกนั่งบัลลังก์พิจารณาไต่สวนข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณา โดยโดยนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ได้ถามนายประยงค์ ว่าที่ พล.อ.บุญเลิศพูดว่าจะแช่แข็งประเทศไทย มีความหมายอย่างไร
นายประยงค์ชี้แจงว่า จริงๆ ข้อความดังกล่าวนี้ พล.อ.บุญเลิศไม่ได้พูดเช่นนั้น พร้อมยืนยันว่า พล.อ.บุญเลิศไม่เคยพูด มีแต่พูดว่าจะแช่แข็งนักการเมืองชั่ว นักการเมืองเลว ไม่ให้ได้มีโอกาสเข้ามาบริหารประเทศ กอบโกยผลประโยชน์สัก 5 ปี ไม่ได้มีเจตนาที่จะแช่แข็งประเทศ ส่วนเมื่อไม่มีนักการเมืองจะมีคณะบุคคลเข้ามาทำหน้าที่แทนโดยใช้วิธีการใด ตนไม่ทราบในรายละเอียด
ประธานศาลรัฐธรรมนูญซักว่า การชุมนุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อไล่รัฐบาล มีความประสงค์จะได้อำนาจรัฐด้วยวิธีการที่รัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติไว้หรือไม่
ทนายความของ พล.อ.บุญเลิศยืนยันว่า เป็นการชุมนุมก็เพื่อไล่รัฐบาล แต่ไม่ใช่การใช้วิธีการที่มิได้เป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ เพราะการชุมนุมที่กำลังจะมีขึ้นเป็นไปโดยสงบ ปราศจากอาวุธตามที่รัฐธรรมนูญให้อำนาจไว้อยู่แล้ว และยืนยันว่าการกระทำครั้งนี้ พล.อ.บุญเลิศไม่ได้ประสงค์ที่จะได้อำนาจเพื่อเป็นรัฐบาล หรือเพื่อประโยชน์ขององค์การ แต่ทำเพื่อส่วนรวม
“ลำพังจะใช้กระบวนการทางรัฐสภาไม่สามารถหยุดยั้งการกระทำที่ไม่ชอบของรัฐบาลได้ เพราะรัฐบาลชอบอ้างว่ารัฐบาลมาจากประชาชน ดังนั้นวัตถุประสงค์การชุมนุมต้องการแสดงให้รัฐบาลเห็นว่ายังมีกลุ่มบุคคล ประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการบริหารงานของรัฐบาล ซึ่งการชุมนุมครั้งนี้มีเจตนาชัดเจนว่าเป็นการชุมนุมโดยสงบ ไม่มีเจตนาที่จะขับเคลื่อนมวลชนไปยึดสถานที่ราชการ รวมถึงรัฐสภา และหากผู้ชุมนุมมาน้อยก็จะยุติการชุมนุม นี่คือเจตนา ถึงที่สุดแล้วว่าไม่มีเจตนาที่จะไปข่มขู่บังคับด้วยการใช้กำลังใดๆ อันจะไปเข้าเงื่อนไขการล้มล้างหรือว่าก่อการกบฏตามที่ผู้ร้องกล่าวหา”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการไต่สวนของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ใช้เวลาไต่สวนประมาณ 15 นาทีเท่านั้น จากนั้นศาลได้อ่านกระบวนการพิจารณาให้ทราบ โดยให้รอฟังคำสั่งในวันนี้ เวลา 15.30 น. ว่าจะรับคำร้องในคดีดังกล่าวไว้พิจารณาหรือไม่ พร้อมระบุว่าคำสั่งดังกล่าวไม่ใช่คำวินิจฉัย
จากนั้นเวลา 15.30 น. นายพิมล ธรรมพิทักษ์พงษ์ หัวหน้าโฆษกศาลรัฐธรรมนูญ แถลงว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งไม่รับคำร้องทั้ง 3 คำร้องตามที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา นายหนึ่งดิน วิมุตตินันท์ ทนายความ ชมรมผู้รักความเป็นธรรม และนายสิงห์ทอง บัวชุม สมาชิกพรรคเพื่อไทย ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามมาตรา 68 ว่า พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือเสธ.อ้าย ประธานองค์การพิทักษ์สยาม ได้กระทำการโดยใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่
ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำดังกล่าวที่ระบุว่าแนวคิดการปิดประเทศ หรือแช่แข็งประเทศ เป็นความหมายว่า เป็นการแช่แข็งนักการเมืองเลว นักการเมืองชั่ว ไว้แค่ 5 ปี เพื่อป้องกันไม่ให้เข้ามากอบโกยผลประโยชน์ การชุมนุมในวันที่ 24 พฤศจิกายน เป็นเพียงการชุมนุมเพื่อแสดงพลังขับไล่รัฐบาล
“คำร้องดังกล่าวจึงยังไม่ปรากฏมูลเหตุว่าจะมีการล้มล้างการปกครองตามที่กล่าวอ้าง ศาลจึงมีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย” หัวหน้าโฆษกศาลรัฐธรรมนูญระบุ.
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #766 เมื่อ: 23 พฤศจิกายน 2555, 23:03:24 »

สิบแสน ... กระพือปีก

โดย : ดร.ไสว บุญมา

ในช่วงนี้อาจมีปรากฏการณ์อันมีผู้สวมเสื้อยืดสีขาวพิมพ์ด้วยรูปผีเสื้อหลายขนาดพาดส่วนหน้าพร้อมข้อความว่า “สิบแสน ... กระพือปีก”

แรงดลใจที่นำไปสู่การทำเสื้อได้แก่กลอนบทหนึ่งซึ่งผมเขียนไว้ในหน้าของเครือข่ายสังคมออนไลน์เฟสบุ๊คที่มีความว่า -


จงมาเป็นผีเสื้อผู้เชื่อมั่น ว่าสักวันภาวะจะเหมาะสม
ปีกบางบางจะสร้างกระแสลม เป็นพายุแห่งสังคมอุดมการณ์


ต้นตอของกลอนบทนี้คือ “ทฤษฎีผีเสื้อกระพือปีก” ซึ่งผมมักใช้เรียก “ทฤษฎีความอลวน” (Chaos Theory) เนื่องจากผลของทฤษฎีอาจมีปรากฏการณ์ที่เรียกกันว่า “ผลลัพธ์รูปผีเสื้อ” (Butterfly Effect)

ทฤษฎีความอลวนเป็นทฤษฎีทางคณิตศาสตร์ซึ่งอาจนำไปประยุกต์ใช้ในหลากหลายด้านไม่ว่าจะเป็นฟิสิกส์ วิศวกรรม ชีววิทยา ปรัชญา เศรษฐศาสตร์ ภูมิอากาศ การเงิน หรือการเมือง มันเป็นการศึกษาพฤติกรรมของระบบความเปลี่ยนแปลงต่อเนื่องซึ่งภาวะเริ่มต้นมีผลต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นสูงมาก ความเปลี่ยนแปลงในภาวะเริ่มต้นเพียงเล็กน้อยอาจทำให้ผลที่ออกมาเปลี่ยนไปชนิดใหญ่หลวงยิ่ง สิ่งหนึ่งซึ่งอาจเกิดขึ้นนั้นเรียกกันโดยทั่วไปว่า “ผลลัพธ์รูปผีเสื้อ” เนื่องจากเส้นที่ลากซ้ำๆ ตามพฤติกรรมของความเปลี่ยนแปลงดูคล้ายผีเสื้อขณะสยายปีกบิน (ดังรูป)

ทฤษฎีความอลวนอาจนำมาตีความหมายในมุมมองของศาสนาพุทธเรื่องกรรมอันเป็นผลของการกระทำต่างๆ ได้ ตามทฤษฎีนี้ การกระทำทุกอย่างมีผลที่แน่นอน แต่ผลนั้นมิอาจคาดเดาล่วงหน้าได้และการเปลี่ยนแปลงของภาวะเริ่มต้นแม้เพียงเท่าเม็ดฝุ่นซึ่งอาจเป็นการโกหกของคนคนหนึ่งอาจนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงชนิดพลิกแผ่นดินได้

ผู้นำทฤษฎีไปประยุกต์ใช้ที่ก่อให้เกิดการถกเถียงกันอย่างเข้มข้นที่สุดได้แก่ศาสตราจารย์เอ็ดเวิร์ด ลอเรนซ์ เขาเสนองานในการประชุมใหญ่ของสมาคมอเมริกันเพื่อความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อปี 2515 งานชิ้นนั้นเป็นเอกสารชื่อ Predictability : Does the Flap of a Butterfly’s Wings in Brazil Set off a Tornado in Texas? ซึ่งอาจแปลว่า “ความเป็นไปได้ในการทำนายผลลัพธ์ : การกระพือปีกของผีเสื้อหนึ่งตัวในบราซิลทำให้เกิดพายุหมุนขนาดใหญ่ในรัฐเท็กซัสได้หรือไม่” ในตอนต้นๆ บรรดานักวิทยาศาสตร์ต่างพากันมองว่าเขาคงบ้าไปแล้วที่เชื่อว่าแรงลมจากการกระพือปีกของผีเสื้อเพียงตัวเดียวในทวีปอเมริกาใต้จะทำให้เกิดพายุหมุนขนาดใหญ่ถึงในทวีปอเมริกาเหนือซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายพันกิโลเมตร ต่อมาอีกนานก่อนที่งานของเขาจะได้รับการยกย่องว่าเป็นงานชิ้นสำคัญที่สุดชิ้นหนึ่งซึ่งช่วยสร้างความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์

สังคมไทยอาจมองได้ว่าเป็นระบบความเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องระบบหนึ่งซึ่งมีพฤติกรรมเป็นลักษณะจำเพาะของตัวเอง ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยของปัจจัยในระบบเพียงอย่างเดียวอาจส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวง แต่แน่ละ เราจะไม่สามารถทำนายผลที่จะออกมาได้ล่วงหน้าว่าจะเป็นอย่างไร

อนึ่ง สภาพรอบตัวเราอาจตีความหมายได้ว่าสังคมของเรามิใช่สังคมอุดมการณ์ ฉะนั้น เราจึงพยายามทำอะไรต่อมิอะไรเพื่อจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่จะนำไปสู่สังคมที่เราปรารถนาไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม หรือการเมือง ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมานี้มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ อย่างต่อเนื่องซึ่งหวังที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไปในทางที่ตนคิดว่าน่าจะนำไปสู่สังคมอุดมการณ์ตามคำนิยามของตน ล่าสุดเป็นการเคลื่อนไหวของกลุ่มพิทักษ์สยามซึ่งจะมีการชุมนุมใหญ่เพื่อขับไล่รัฐบาลในวันพรุ่งนี้ ผู้นำการเคลื่อนไหวเชื่อว่าประชาชนนับล้านคนมองว่ารัฐบาลไม่ทำอะไรที่เป็นปัจจัยของการพัฒนาไปสู่สังคมอุดมการณ์ตามคำนิยามของตน แต่กลับทำในทางตรงข้ามเช่นความฉ้อฉลอย่างกว้างขวาง รัฐบาลจึงควรออกไป พวกเขาเชื่อว่าถ้าประชาชนจำนวนมากออกมาชุมนุมขับไล่ในวันพรุ่งนี้ รัฐบาลจะออกไปแน่นอน ด้วยเหตุนี้จึงมีการชักนำด้วยวิธีต่างๆ เพื่อให้ประชาชนออกมาร่วมชุมนุม หนึ่งในหลายๆ วิธีได้แก่การอ้างถึงทฤษฎีผีเสื้อกระพือปีกและบทกลอนของผม

จากมุมมองของทฤษฎีดังกล่าว แต่ละบุคคลมีสภาพคล้ายผีเสื้อตัวหนึ่ง ทุกคนมีความสำคัญ ถ้าผู้นั้นไม่ออกมาร่วมชุมนุมก็หมายความว่ายังเลือกที่จะไม่กางปีกบิน ตรงข้าม การออกมาชุมนุมเป็นการกระพือปีกโผบิน การออกมาร่วมชุมนุมของใครคนใดคนหนึ่งอาจนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวงตามที่ผู้นำต้องการ แต่ไม่มีใครหยั่งรู้ได้ว่าคนนั้นคือใครและเป็นคนที่เท่าไร ผู้สวมเสื้อยืดที่มีรูปผีเสื้อพิมพ์อยู่ตรงหน้านั้นมองเห็นความสำคัญของการออกมาร่วมชุมนุมซึ่งผู้นำมองว่าถ้าออกมาถึง 1 ล้าน หรือสิบแสนคน ความเปลี่ยนแปลงที่ต้องการจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่แน่ละ เมื่อเกิดแล้วผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นอย่างไรไม่มีใครสามารถทำนายได้ล่วงหน้า ผู้ที่เลือกจะออกมาชุมนุม หรือจะไม่ออกมา หรือจะต่อต้านการชุมนุมในวันพรุ่งนี้จึงควรที่จะตระหนักในความไม่แน่นอนดังกล่าว
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #767 เมื่อ: 24 พฤศจิกายน 2555, 07:25:23 »


ปล.งานเข้าแล้วไหมล่ะ บิ๊กโอ๋.
...

ชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา ชี้ สุกำพล ออกคำสั่งปลด มาร์ค ผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยวินัยทหาร มาตรา 4,5 และ 19 ระบุ หาก สด.9 เป็นเท็จ คนผิดคือเจ้าหน้าที่ ไม่ใช่ อภิสิทธิ์ เอาผิดไม่ได้

คำสั่งกระทรวงกลาโหม ที่ 1163 /2555 มีสาระสำคัญว่า ว่าที่ ร.ต.อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นำเอาใบแทน สด 9 อันเป็นเอกสารเท็จไปใช้เพื่อประกอบการขึ้นทะเบียนกองประจำการ เจ้าหน้าที่ผิดหลงจึงรับขึ้นทะเบียนกองประจำการ เป็นการทุจริตประพฤติมิชอบในวงราชการ ผิดวินัยทหารอย่างร้ายแรง จึงให้ลงโทษปลดออกจากราชการ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยวินัยทหาร พุทธศักราช 2476 จากข้อความที่กล่าวในคำสั่งมีข้อกฎหมายที่ต้องพิจารณา ดังนี้

1 ถ้าใบแทน สด 9 ไม่ถูกต้องไม่ว่า กรณีใด ๆ ผู้กระทำคือเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ใช่การกระทำของนายอภิสิทธิ์ จะลงโทษนายอภิสิทธิ์ได้อย่างไร เว้นแต่นายอภสิทธิ์จะมีส่วนร่วมในการกระทำผิดด้วย แต่กรณีนี้ไม่มีข้อเท็จให้ฟังได้เช่นนั้น

2 ข้อเท็จจริงดังที่นำมากล่าวอ้างในการลงโทษเกิดขึ้นก่อนที่ทางราชการทหารจะรับนายอภิสิทธิ์ เข้ารับราชการเป็นทหารประจำการ เมื่อนายอภิสิทธิ์ยังไม่ได้เป็นข้าราชการทหาร ก็จะมีการกระทำผิดวินัยทหารไม่ได้และกระทำการอันเป็นการทุจริตประพฤติมิชอบในวงราชการไม่ได้ เพราะการการกระทำดังกล่าวต้องเกิดจากการกระทำของบุคคลที่เป็นข้าราชการเท่านั้น

3 ที่อ้างว่าให้ลงโทษทางวินัยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยวินัยทหาร พุทธศักราช 2476 นั้น พ.ร.บ.ดังกล่าวได้ระบุไว้ใน มาตรา 4 ว่า วินัยทหารนั้น คือ การที่ทหารต้องประพฤติตามแบบธรรมเนียมของทหาร และมาตรา 5 ว่า การกระทำที่ผิดวินัยทหาร มีคือ

(1) ดื้อ ขัดขืน หลีกเลี่ยง หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาเหนือตน

(2) ไม่รักษาระเบียบการเคารพระหว่างผู้ใหญ่ผู้น้อย

(3) ไม่รักษามรรยาทให้ถูกต้องตามแบบธรรมเนียมทหาร

(4) ก่อให้แตกความสามัคคีในคณะทหาร

(5) เกียจคร้าน ละทิ้ง หรือเลินเล่อต่อหน้าที่ราชการ

(6) กล่าวคำเท็จ

(7) ใช้กิริยาวาจาไม่สมควร หรือประพฤติไม่สมควร

(Cool ไม่ตักเตือนสั่งสอน หรือลงทัณฑ์ผู้ใต้บังคับบัญชาที่กระทำผิดตามโทษานุโทษ

(9) เสพเครื่องดองของเมาจนเสียกิริยา

ตามบทบัญญัติในมาตรา 4 และ 5 ดังกล่าว ย่อมเห็นได้ว่า กฎหมายฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้บังคับแก่ทหารประจำการ แต่กรณีของนายอภิสิทธิ์ ดังกล่าวมาแล้วว่า ข้ออ้างที่ใช้อ้างในการลงโทษนายอภิสิทธิ์ เกิดก่อนที่ทางราชการทหารจะบรรจุนายอภิสิทธิ์เข้ารับราชการ เมื่อนายอภิสิทธิ์ยังไม่ได้เป็นทหารก็ย่อมกระทำผิดวินัยทหารไม่ได้และการกระทำที่นำมาอ้างในคำสั่งก็ไม่ใช่การกระทำดังที่กล่าวไว้ในมาตรา 5 จึงไม่อาจลงโทษนายอภิสิทธิ์ได้

นอกจากนี้ตามมาตรา 19 ก็กำหนดให้ลงทัณฑ์ทหารที่กระทำผิดวินัยภายในสามเดือนนับแต่วันกระทำผิดวินัย ถ้าล่วงเลยสามเดือนแล้วจะลงทัณฑ์ไม่ได้ เมื่อนายอภิสิทธิ์ไม่ได้เป็นทหารประจำการแล้วและเวลาที่อ้างว่ามีการกระทำผิดวินัยก็ล่วงเลยมา 20 ปีเศษแล้ว จึงไม่อาจลงโทษนายอภิสิทธิ์ได้เช่นเดียวกัน

สรุปแล้ว ข้อเท็จจริงที่อ้างในคำสั่ง ไม่อาจนำกฎหมายว่าด้วยวินัยทหารมาใช้เลงโทษนายอภิสิทธิ์ได้ เป็นการออกคำสั่งโดยที่ไม่มีอำนาจตามกฎหมาย จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างชัดเจน

เครดิต เพจสายตรงภาคสนาม
ปล.งานเข้าแล้วไหมล่ะ บิ๊กโอ๋.... ชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา ชี้ สุกำพล ออกคำสั่งปลด มาร์ค ผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยวินัยทหาร มาตรา 4,5 และ 19 ระบุ หาก สด.9 เป็นเท็จ คนผิดคือเจ้าหน้าที่ ไม่ใช่ อภิสิทธิ์ เอาผิดไม่ได้ คำสั่งกระทรวงกลาโหม ที่ 1163 /2555 มีสาระสำคัญว่า ว่าที่ ร.ต.อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นำเอาใบแทน สด 9 อันเป็นเอกสารเท็จไปใช้เพื่อประกอบการขึ้นทะเบียนกองประจำการ เจ้าหน้าที่ผิดหลงจึงรับขึ้นทะเบียนกองประจำการ เป็นการทุจริตประพฤติมิชอบในวงราชการ ผิดวินัยทหารอย่างร้ายแรง จึงให้ลงโทษปลดออกจากราชการ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยวินัยทหาร พุทธศักราช 2476 จากข้อความที่กล่าวในคำสั่งมีข้อกฎหมายที่ต้องพิจารณา ดังนี้ 1 ถ้าใบแทน สด 9 ไม่ถูกต้องไม่ว่า กรณีใด ๆ ผู้กระทำคือเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ใช่การกระทำของนายอภิสิทธิ์ จะลงโทษนายอภิสิทธิ์ได้อย่างไร เว้นแต่นายอภสิทธิ์จะมีส่วนร่วมในการกระทำผิดด้วย แต่กรณีนี้ไม่มีข้อเท็จให้ฟังได้เช่นนั้น 2 ข้อเท็จจริงดังที่นำมากล่าวอ้างในการลงโทษเกิดขึ้นก่อนที่ทางราชการทหารจะรับนายอภิสิทธิ์ เข้ารับราชการเป็นทหารประจำการ เมื่อนายอภิสิทธิ์ยังไม่ได้เป็นข้าราชการทหาร ก็จะมีการกระทำผิดวินัยทหารไม่ได้และกระทำการอันเป็นการทุจริตประพฤติมิชอบในวงราชการไม่ได้ เพราะการการกระทำดังกล่าวต้องเกิดจากการกระทำของบุคคลที่เป็นข้าราชการเท่านั้น 3 ที่อ้างว่าให้ลงโทษทางวินัยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยวินัยทหาร พุทธศักราช 2476 นั้น พ.ร.บ.ดังกล่าวได้ระบุไว้ใน มาตรา 4 ว่า วินัยทหารนั้น คือ การที่ทหารต้องประพฤติตามแบบธรรมเนียมของทหาร และมาตรา 5 ว่า การกระทำที่ผิดวินัยทหาร มีคือ (1) ดื้อ ขัดขืน หลีกเลี่ยง หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาเหนือตน (2) ไม่รักษาระเบียบการเคารพระหว่างผู้ใหญ่ผู้น้อย (3) ไม่รักษามรรยาทให้ถูกต้องตามแบบธรรมเนียมทหาร (4) ก่อให้แตกความสามัคคีในคณะทหาร (5) เกียจคร้าน ละทิ้ง หรือเลินเล่อต่อหน้าที่ราชการ (6) กล่าวคำเท็จ (7) ใช้กิริยาวาจาไม่สมควร หรือประพฤติไม่สมควร (Cool ไม่ตักเตือนสั่งสอน หรือลงทัณฑ์ผู้ใต้บังคับบัญชาที่กระทำผิดตามโทษานุโทษ (9) เสพเครื่องดองของเมาจนเสียกิริยา ตามบทบัญญัติในมาตรา 4 และ 5 ดังกล่าว ย่อมเห็นได้ว่า กฎหมายฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้บังคับแก่ทหารประจำการ แต่กรณีของนายอภิสิทธิ์ ดังกล่าวมาแล้วว่า ข้ออ้างที่ใช้อ้างในการลงโทษนายอภิสิทธิ์ เกิดก่อนที่ทางราชการทหารจะบรรจุนายอภิสิทธิ์เข้ารับราชการ เมื่อนายอภิสิทธิ์ยังไม่ได้เป็นทหารก็ย่อมกระทำผิดวินัยทหารไม่ได้และการกระทำที่นำมาอ้างในคำสั่งก็ไม่ใช่การกระทำดังที่กล่าวไว้ในมาตรา 5 จึงไม่อาจลงโทษนายอภิสิทธิ์ได้ นอกจากนี้ตามมาตรา 19 ก็กำหนดให้ลงทัณฑ์ทหารที่กระทำผิดวินัยภายในสามเดือนนับแต่วันกระทำผิดวินัย ถ้าล่วงเลยสามเดือนแล้วจะลงทัณฑ์ไม่ได้ เมื่อนายอภิสิทธิ์ไม่ได้เป็นทหารประจำการแล้วและเวลาที่อ้างว่ามีการกระทำผิดวินัยก็ล่วงเลยมา 20 ปีเศษแล้ว จึงไม่อาจลงโทษนายอภิสิทธิ์ได้เช่นเดียวกัน สรุปแล้ว ข้อเท็จจริงที่อ้างในคำสั่ง ไม่อาจนำกฎหมายว่าด้วยวินัยทหารมาใช้เลงโทษนายอภิสิทธิ์ได้ เป็นการออกคำสั่งโดยที่ไม่มีอำนาจตามกฎหมาย จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างชัดเจน เครดิต เพจสายตรงภาคสนาม
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #768 เมื่อ: 24 พฤศจิกายน 2555, 09:47:12 »

เวลา 09.15น. สื่อ2คนถูกตร.ปล่อยตัว คนนี้ช่างภาพไทยพีบีเอส กล้องหล่น บัตรสื่อหาย โดนลูกหลงช่วงปะทะที่มัฆวานฯ

ภาพ/ข่าว จีรพงษ์ ประเสริฐพลกรัง ...สำนักข่าวเนชั่น twitter@jeerapong_nna
เวลา 09.15น. สื่อ2คนถูกตร.ปล่อยตัว คนนี้ช่างภาพไทยพีบีเอส กล้องหล่น บัตรสื่อหาย โดนลูกหลงช่วงปะทะที่มัฆวานฯ ภาพ/ข่าว จีรพงษ์ ประเสริฐพลกรัง ...สำนักข่าวเนชั่น twitter@jeerapong_nna
เวลา 09.15น. สื่อ2คนถูกตร.ปล่อยตัว คนนี้ช่างภาพไทยพีบีเอส กล้องหล่น บัตรสื่อหาย โดนลูกหลงช่วงปะทะที่มัฆวานฯ

ภาพ/ข่าว จีรพงษ์ ประเสริฐพลกรัง ...สำนักข่าวเนชั่น twitter@jeerapong_nna

      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #769 เมื่อ: 24 พฤศจิกายน 2555, 09:49:58 »




คุณยายได้รับผลกระทบจากแก๊สน้ำตาบริเวณสะพานมัฆวาน

ติดตามถ่ายทอดสดได้ทาง Bule Sky
http://www.blueskychannel.tv/
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #770 เมื่อ: 24 พฤศจิกายน 2555, 09:52:38 »

แวะมาอ่านครับ
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #771 เมื่อ: 24 พฤศจิกายน 2555, 09:53:02 »

จากเพจ สมจิตต์ นวเครือสุนทร


ประชาธิปไตยมีไว้ให้สีแดง
ตำรวจแบ่งแยกสิทธิไทยใช่ไหม
รำลึกราชประสงค์ไฟเขียวไป
แต่คนไทยจะใช้สิทธิถูกกีดกัน

สะท้อนใจตำรวจไทยเลือกปฏิบัติ
เห็นชัด ๆ ปี 53 ไม่แข็งขัน
ขนอาวุธจุดมวลชนกันเมามัน
เปิดด่านพลันให้สีแดงดาหน้ามา

ถ้า 53 พวกท่านทำหน้าที่
คงไม่มีโศกนาฏกรรมช้ำหนักหนา
ทั้งเผาเมืองรุนแรงยุยงมา
ตำรวจจ๋าพวกท่านทำอะไร

ไทยใกล้ดับตำรวจไม่ทำหน้าที่
แบ่งเลือกสีข้างนักโทษดับเทียนไข
ปิดพื้นที่ริดรอนประชาธิปไตย
หรือคนไทยสิทธิไม่เท่าแดง

มวลมหาประชาชนทนไม่ไหว
ขอใช้สิทธิแสดงออกกั้นยกแผง
มีสองมือพร้อมหัวใจที่แข็งแรง
ด้วยกล้าแกร่งหวังปกบ้านรักษาไทย

สกัดกันเต็มที่ไม่มีท้อ
ย่นระย่อกับอธรรมดั่งน้ำไหล
หลากล้นสู่ลานพระรูปดูห่างไกล
คนจะไปมาไม่ถึงต้องพึ่งกรุง

ต่างจังหวัดมาไม่ทันถูกกีดกั้น
ฝากคนกรุงพลิกผันไล่ถลุง
ไทยเป็นหนึ่งรวมพลังช่วยพยุง
ให้ไทยรุ่งหลุดพ้นมารครอบงำ

ประชาธิปไตยแบบไหนจึงเลือกสี
หากรัฐดีอย่าให้เกิดเหตุซ้ำ
ไทยใช้สิทธืเท่าเทียมอย่างเป็นธรรม
อย่าตอกย้ำแบ่งแยกจนชาติพัง

ถามนายกฯรักษาชาติหรืออำนาจ
ใยจึงขลาดกลัวคนไทยที่เขาหวัง
รัฐบาล 15 ล้านเสียงพร้อมรับฟัง
รวมพลังสร้างสรรค์ไทยให้มั่นคง

แก๊สน้ำตาใช้กับคนมือเปล่า
ช่างขลาดเขลายึดอำนาจอย่างลุ่มหลง
มีสติพร้อมปัญญาเพื่อปักธง
ให้ไตรรงค์ครบทุกสีใช่สีเดียว

ไล่ทุบตีประชาชนอายบ้างไหม
เขาคนไทยแต่รัฐกลับไฟเขียว
ใช้กำลังกีดกั้นเพียงอย่างเดียว
คนแน่นเหนียวสู้อำนาจรัฐอธรรม

ประชาชนเขาทำอะไรผิด
แค่ใช้สิทธิชุมนุมรุมตีซ้ำ
ประชาธิปไตยแบบไหนช่างริยำ
ยิ่งตอกย้ำเผด็จการครอบงำไทย
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
เจตน์
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ใครๆเรียกผมว่า "กุ๊ปปิ๊"
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2534
คณะ: ครุฯ พลศึกษา
กระทู้: 6,520

« ตอบ #772 เมื่อ: 24 พฤศจิกายน 2555, 09:53:28 »

นั่งเฝ้า นั่งเป็นกำลังใจให้ทุกๆท่านครับ  win
      บันทึกการเข้า

ชีวิตผมเป็นดั่งวงกลม จึงได้แต่ดอมดมความสุขจากคนอื่นๆ
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #773 เมื่อ: 24 พฤศจิกายน 2555, 21:06:13 »


เกลียดตำรวจของไทย

      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #774 เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2555, 09:15:22 »

แชร์ข้อความจาก รักเธอ ประเทศไทย
24 พ.ย. 2555

ถอยทางยุทธวิธี ... แต่ ชนะทางยุทธศาสตร์
ยุทธศาสตร์ ที่สารพัดสื่อ และ ผู้คน เคยเย้ยหยันกันมาตลอดว่า "ไม่ชัดเจน"

วันนี้ มหาประชาชนที่มีสติปัญญา และ กล้าหาญ ได้อุบัติขึ้นแล้ว

ขอบคุณ ความไม่ชัดเจน

=========================================
me พริตตี้ รักในหลวง ค่ะ / ขอบคุณความไม่ชัดเจน เหมือนกันค่ะ

เพราะความไม่ชัดเจนของยุทธศาสตร์ที่เสธอ้ายได้ทำไปวันนี้ ทำให้เราได้เห็นอะไร ๆ ในบ้านเมืองนี้ชัดเจนขึ้นค่ะ

1. ได้เห็นตัวตนคนรักชาติที่ออกมาแสดงพลัง / เพื่อนหลายคนไม่เคยไปม็อบก็ออกมา

2. ได้เห็นผู้นำม็อบที่มีความเป็นสุภาพบุรุษค่ะ / เสธอ้าย ท่านยอมถุกประนามว่าล้มรัดถะบานไม่สำเร็จ(แต่ต่อจากนี้อะไรจะเกิดกับรัดถะบานต้องดูยกที่สองค่ะ)

3. ได้เห็นการตีแผ่ขบวนการหมิ่น ที่หลายคนคิดว่าไม่มีจริง / คนที่เกี่ยวข้องกะคลิป ออกมาเ้ต้นเหมือนโดนน้ำร้อนลวกเลย (อันนี้ก็มีผลตามมาอีกแน่นอน)

4. ได้เห็นตะกวดทำพลาด ทำเกินเหตุ ทั้งภาพ ทั้งคลิป เพียบ ข่าวตีไปต่างประเทศ จะเป็นไงหนอ / อย่าคิดว่าออกมาตอแหล ผ่านฟรีทีวี แล้วคนไทยทั้งประเทศจะเชื่อ คนไทยไม่ได้กินหญ้าทั้งประเทศน๊า

5. ได้เห็น คณะรัดถะมนทีน และ นางยกปูเน่า กลัวซะขรี้ไปอยู่บนหัวกันทั้งคณะ กลัวซะจนต้องรีบประกาศใช้ พรบ เพื่อความมั่นคงของรัดถะบาน โดยลืมดูไปว่ามันขัดกับกฎหมายหรือเปล่าหนอ / ใครเป็นฝายกฎหมาย รบกวนเช็คด่วนเลยค่ะ ตายหมู่ยกคณะแน่

6. ได้เห็นว่าคนไทยผู้ไม่นิยมแม้ว แต่ละกลุ่ม แต่ละฝ่าย สามารถออกศึกร่วมกันได้ / อันนี้ดีใจที่สุดเลยค่ะ ที่ทุกท่านก้าวข้ามความขัดแย้งส่วนตัว มองเห็นภัยของชาติยิ่งใหญ่กว่าเรื่องหยุมหยิมส่วนตัว ชื่นชมค่ะ

และสุดท้าย

7. ได้เห็นบางคนที่ออกอาการโลกสวยเกินเหตุ อะไรก็ไม่ได้ อันนั้นก็ไม่ดี อันนี้ก็ไม่น่าไว้ใจ นั่งละเมอรูป นั่งฝันในอากาศ / อันนี้จะได้แยกแยะเพื่อนกลุ่มนี้ได้ง่ายขึ้น คงไม่สนใจเท่าไหร่ ปล่อยให้เค้าอยู่ในโลกส่วนตัวอย่างมีความสุขต่อไปค่ะ ไม่เป็นไรถ้าเพื่อนไม่พร้อมแชร์ อยู่เฉย ๆ นะ เดี๋ยวพวกเรากวาดบ้านให้ ถึงเวลาแล้วค่อยมาจอยกันใหม่นะ

ขอบคุณที่ทนอ่านมาถึงบรรทัดสุดท้ายนี้ค่ะ ♥ เพื่อนที่น่ารักทุกท่าน ♥
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
  หน้า: 1 ... 29 30 [31] 32 33  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><