25 เมษายน 2567, 17:45:06
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: [1]   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: "ค่ารักษาเพิ่มขึ้นทุกปี ผู้ไม่ทำหน้าที่ดูแลสุขภาพ สิทธิฟรีควรร่วมจ่ายบ้างดีไหม"  (อ่าน 4980 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« เมื่อ: 11 กุมภาพันธ์ 2553, 11:13:20 »

            
         สุดยอดของการเป็นหมอ คือ การไม่ต้องรักษาคนไข้ครับ

ไม่จำเป็นต้องใช้มีดผ่าตัด จับชีพจร ฝังเข็มหรือว่าจ่ายยารักษาโรคโดย

ไม่ต้องออกกระบวนท่าใดๆ ก็คือ

         การป้องกันก่อนเกิดโรค นั่นเองที่จะเน้นให้เห็นก็คือ

การรักษาโรคที่เกิดขึ้นโดยไม่เปลี่ยนพฤติกรรมของคนไข้ เป็นการรักษาที่ปลายเหตุ

ต่อให้เป็น   หมอจีนที่พยายามปรับร่างกายแบบองค์รวมก็เถอะ เพราะ

         เมื่อเรารักษาคนไข้จนหายโดยไม่เปลี่ยนพฤติกรรมของคนไข้นั้น

เชื่อได้เลยครับว่าเดี๋ยวเราก็จะได้เจอกันอีก.....................
   

                                                               jamsai

         ข้อความข้างบนนำมาจาก

Re: ออยพูลลิ่ง การบำบัดรักษาโรคได้ด้วยวิธีง่ายๆ  ? ? ?

« ตอบ #21 เมื่อ: 30 กันยายน 2552, 20:24:34 »

http://www.cmadong.com/board/index.php?topic=3514.0
  
                

ขอยกกระทู้ของ อาจารย์แจ่มใส ที่่พูดถึง ลี้คิมฮวง

         คนกลัวฤทธิ์มีดสั้น แล้วไม่กล้าทำ

สิ่งที่ ลี้คิมฮวง ห้ามทำ ทำให้สงบไม่ต้องสู้รบกัน


นำมาใช้ เรื่อง

         การสร้างสุขภาพดีกว่าการซ่อมสุขภาพ ทำให้ไม่ป่วยไข้ดีกว่าป่วย

จะทำให้เกิดการดูแลสุขภาพขึ้นได้ ถ้าปล่อยให้เกิดเอง ไม่มีทางเกิดขึ้นแน่

ต้องใช้ด้านที่สาม ของสามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา มาเสริมให้เกิดขึ้นด้วยการ

ออกกฏกระทรวงสาธารณสุข ให้คนที่ไม่ทำหน้าที่ดูแลสุขภาพ ตาม

สุขบัญญัติ 10 ของกรมอนามัย http://www.thaigoodview.com/node/1946

โดยใช้เกณฑ์ตัดสินที่จะร่วมกันเสนอของประชาชนเอง ว่าอย่างไรถือว่า

ไม่ดูแลสุขภาพ ต้องเสียสิทธิ์การรักษาฟรี ต้องร่วมจ่ายค่ารักษาด้วยบางส่วน


                    

        ถ้าเห็นด้วยว่าการป้องกันดีกว่าการรักษา พวกเราประชาชนผู้ใช้สิทธิเลือก ส.ส.

เข้าไปออกกฏหมาย ในสภาผู้แทนราษฏร และ เป็นรัฐบาล บริหารประเทศ

ต้องนำเรียนเสนอ พณฯ ท่าน ร.ม.ต.สาธารณสุข จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์

ให้ออกกฏกระทรวงด้านสาธารณสุข ให้ผู้ที่ไม่ทำหน้าที่พลเมืองดีด้านสุขภาพ

เช่น น้ำหนักเกินมาตรฐาน สูบบุหรี่  ป่วยบ่อย เกินค่ามาตรฐาน ที่คนดูแลสุขภาพป่วยกัน

เช่น พบว่า ถึงดูแลสุขภาพแล้ว จะยังป่วยด้วยโรคกระเพาะได้ แต่ไม่เกิน 3 ครั้งต่อปี

ถ้าใครป่วยด้วยโรคกระเพาะ เป็นครั้งที่ 4 จะต้องเสียสิทธิรักษาพยาบาลฟรี

ต้องร่วมจ่ายค่ารักษาเองบ้างเป็นบางส่วนด้วย  


         อาจจะกำหนดให้เสีย 20 % ของค่ารักษาเหมือนประเทศอเมริกา ที่ใช้แล้ว

ตามที่ ศาสตราจารย์ น.พ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแำพทยสภา ไปเห็นมา ที่

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=samrotri&month=06-2007&date=24&group=1&gblog=11

นำมาเสนอ พวกเราให้จุดประเด็นให้ประชาชนเห็นตามว่า

         การออกกฏหมายให้คนไม่ทำหน้าที่พลเมืองดีด้านสุขภาพใช้สิทธิรักษาฟรีไม่ได้

ทั้งหมด ต้องร่วมจ่ายบ้างบางส่วน จะได้ดูแลสุขภาพกันขึ้น เพราะ ไม่อยากเสียเงิน

          แต่ถ้าไม่มีจ่าย ให้สิทธิแพทย์เซ็นต์ ไม่มีเงินได้ จะทำให้คนที่พอมีเงินจ่าย

ยอมจ่าย 20% ของค่ายา ไม่ยอมเสียหน้าได้

          ผลทำให้สุขภาพประชาชน แข็งแรงขึ้น คนป่วยน้อยลง มีเงินเพิมจากร่วมจ่าย

20% งบค่ารักษาพยาบาลที่รัฐจัดให้ ซึ่งมาจากการเก็บภาษี ที่พวกเราต้องจ่าย

ที่พบว่ามีสถิติค่ารักษาเพิ่มขึ้นประมาณ 20%ทุกปี จะหยุดเพิ่ม หรือ อาจเหลือ

                  

         นำมาตรวจสุขภาพ ให้พวกเรา ประชาชนผู้เสียภาษี ได้ฟรีปีละครั้ง

เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดโรค ถ้าตรวจประจำปี พบผิดปรกติ

จะได้รีบแก้ไข ไม่ให้ป่วย ลดความพิการ หรือ เสียชีวิตลงได้

         สิ่งที่จะได้เพิ่มคือ เป็นการแสดงให้เห็นว่า สิทธิ และ หน้าที่ต้องคู่กัน

เมื่อได้สิทธิ ต้อง ทำหน้าที่ดูแลสุขภาพของตนเอง เพื่อให้ได้สิทธิรักษาฟรี และ

ทำให้ตัวชี้วัดสุขภาพดีถ้วนหน้าตัวที่ 3 ประชาชนมีส่วนร่วมในการมีสุขภาพดี สำเร็จด้วย


                gek gek gek

      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #1 เมื่อ: 28 เมษายน 2553, 15:14:23 »


             เร่งยกเครื่องระบบยาหลังคนไทยใช้ยาเกินจำเป็น

                              

            สำนักงานหลักประกันสุขภาพฯ เผยค่าใช้จ่ายด้านยาในประเทศไทยเพิ่มขึ้นทุกปี สะท้อนใช้ยาเกิความจำเป็น อาจเป็นภาระการคลังในอนาคต กำหนดยุทธศาสตร์ 5 ประเด็นในการจัดการยา...

                              

            นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ค่าใช้จ่ายด้านยาในประเทศไทย ว่า มีอัตราเพิ่มขึ้นทุกปี โดยเป็นไปในทิศทางที่ขัดแย้งกับขนาดของตลาดยาในระดับนานาชาติ ที่เพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลงจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.7 ในปี 2543 เป็นเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 6.8 ในปี 2548 สะท้อนให้เห็นว่า ประเทศไทยมีการใช้ยาเกินความจำเป็น และจะกลายเป็นภาระในระบบการเงินการคลังสำหรับประเทศไทยในอนาคต

           นพ.วินัยกล่าวต่อว่า สปสช.จึงได้กำหนดยุทธศาสตร์ด้านยา 5 ประเด็น คือ

1.การเตรียมพัฒนานโยบายการจัดหาและกระจายยา เวชภัณฑ์ และวัคซีนที่จำเป็น ให้กับผู้มีสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า

2.เร่งพัฒนาระบบข้อมูลด้านยาเพื่อเอื้อต่อการนำไปใช้ประโยชน์ ต่อการพัฒนา กำกับและติดตามการใช้ยาอย่างเหมาะสม สนับสนุนการจัดทำข้อมูลค่าใช้จ่ายด้านยา

3. สนับสนุนการประกันคุณภาพยา สนับสนุนการใช้ยาสามัญ และการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างสมเหตุผล นำร่องก่อนใน 3 โรค คือ ท้องร่วงเฉียบพลัน แผลเลือดออก และโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ

4.สร้างการมีส่วนร่วมของภาคส่วนอื่น ในการมีบทบาทและการเข้าร่วมในการบริหารจัดการระบบยา และ

5.เร่งเสริมสร้างประสิทธิภาพและความเป็นธรรมในการจัดหาและจ่ายชดเชยค่ายา

            โดยในอนาคตจะเพิ่มการสร้างความร่วมมือระหว่าง 3 กองทุน ในการบริหารจัดการด้านยาเพื่อเพิ่มการเข้าถึงยาที่จำเป็นและมีความเท่าเทียมกันทั้ง 3 กองทุนด้วย.

                 ขอขอบคุณ น.ส.พ.ไทยรัฐ วันพุธ ที่ 28 เม.ย. 2553 ที่เอื้อเฟื้อข่าว

                            http://www.thairath.co.th/content/edu/79523

                                           gek gek gek
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
  หน้า: [1]   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><