26 เมษายน 2567, 06:53:49
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 262 263 [264] 265 266 ... 472   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุยกับ เหยง 16 - พิเชษฐ์ เชื่อมฯ-เตรียมฉลอง 100 ปี หอซีมะโด่ง จุฬาฯ  (อ่าน 2338103 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6575 เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2555, 13:50:15 »

เชิญทานอาหารเลิศรส "ผัดไทย" ที่ถูกปากคนไทยตลอดมา

ชุมนุมผัดไทย (อีกหน)
คอลัมน์ เดินดินกินข้าวแกง
โดย วิษณุ เครืองาม



ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กผัดแห้งๆ กับเครื่องที่เรียกกันว่า "ก๋วยเตี๋ยวผัดไทย" นั้นเป็นสูตรที่ไทยคิดขึ้นใหม่โดยอาจยักย้ายถ่ายเทมาจากผัดแห้งแบบจีนที่เรียกว่า "ชาก๋วยเตี๋ยว" ก็เป็นได้ ดูจากวัตถุดิบเครื่องปรุง เช่น เส้นก๋วยเตี๋ยว หัวไชโป๊สับ เต้าหู้หั่นเป็นลูกเต๋าเล็กๆ ถั่วงอก ต้นกุยช่ายแล้วไม่น่าจะเป็นไทยแท้ แต่ความเป็นไทยอยู่ที่รสชาติเปรี้ยวนำ เค็ม และหวานตามซึ่งจีนไม่มีรสแบบนี้ ทั้งต้องบริโภคกับผักดิบกับผักสดพื้นบ้านได้แก่ หัวปลี ใบบัวบก จึงทำให้ดูเป็นไทยขึ้น

ขณะเดียวกันก็น่าจะประยุกต์มาจากอาหารพื้นเมืองพวกผัดหมี่โคราชของนครราชสีมา หมี่ไชยาของสุราษฎร์ธานี และก๋วยเตี๋ยวผัดปูของจันทบุรีด้วยก็ได้เพราะรสชาติและหน้าตาใกล้เคียงกัน

ก๋วยเตี๋ยวผัดไทยมาได้รับการส่งเสริมขึ้นมากในสมัยรัฐบาล จอมพล ป.พิบูลสงครามระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 จะว่าท่านเป็น "บิดาแห่งผัดไทย" ก็ได้ เพราะรัฐบาลต้องการประหยัดข้าวสารและอีกคราวเมื่อท่านได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรียาวนานตั้งแต่ พ.ศ.2490-พ.ศ.2500 รวม 10 ปี เรียกว่าท่านตั้งใจส่งเสริมให้เป็นอาหารประจำชาติเชียวล่ะ

เวลาทำเนียบรัฐบาลมีงานเลี้ยงรับรองแขกเมืองหรือออกร้านงานเลี้ยงรื่นเริงอะไรก็ตามเป็นต้องมีก๋วยเตี๋ยวผัดไทยด้วย สมัยนั้นต้มยำกุ้ง ผัดกะเพราไก่ไข่ดาวยังไม่ติดอันดับ ยามที่ท่านจอมพลหรือท่านผู้หญิงไปตรวจราชการต่างจังหวัด แต่ละแห่งก็จะพลิกแพลงคิดสูตรก๋วยเตี๋ยวผัดไทยของตนออกประชันขันแข่งกันจนกลายเป็น "ผัดไทยสูตรประจำจังหวัด" สืบมาจนทุกวันนี้

ผมไปอุทัยธานี แม่ยายผู้ใหญ่บ้านเคยผัดก๋วยเตี๋ยวกระทะใหญ่เลี้ยงโรยกากหมูทอดด้วย ดูแปลกออกไปเรียกว่า "ผัดไทยจอมพล" แถมยกรูปถ่ายคู่กับท่านจอมพลมาให้ดู ผมบอกว่าน่าจะเรียก "ผัดไทยแบบแปลก" ตามชื่อท่านจอมพลมากกว่า!

ทุกวันนี้ก๋วยเตี๋ยวผัดไทยหรือที่บางคนเขียน "ผัดไท" โด่งดังไปทั่วโลก เมนูยอดฮิตของร้านอาหารไทยในเมืองนอกยังคงเป็น "ผัดไทย" ซึ่งฝรั่งจะออกเสียงว่า "พัดทาย" บางทีก็วงเล็บว่า "ฟรายด์ ไรซ์ นูดเดิล ไทย สไตล์" ร้านอาหารฝรั่งและร้านอาหารจีนบางแห่งที่รับเอาเมนูนี้ไปทำขายก็มีเหมือนกัน แต่เห็นจะอร่อยได้ยาก เพราะขนาดร้านไทยยังทำให้อร่อยไม่ใคร่ได้ เสียสถาบันก๋วยเตี๋ยวผัดไทยโหม้ด!

บางร้าน (ร้านไทยนี่แหละ) เอาเส้นก๋วยเตี๋ยวผัดกับโทเมโต เพสต์หรือซอสมะเขือเทศข้นๆ บางร้านเอาเส้นบะหมี่เหลืองผัด บางร้านผัดกับซอสหอยนางรม ซีอิ๊วหวาน เคยเจอที่ร้านในฮ่องกง ผัดกับต้นคะน้า พริกหวาน ถั่วลันเตา หอมใหญ่ มะเขือเทศ แครอต แล้วยังดันเรียกว่า "ฟรายด์ ไรซ์ นูดเดิล ไซแอมนิส สไตล์ (ออเท็นติค)"

เคยเล่าแล้วว่าผัดไทย ร้านทิพย์สมัย หน้าวัดเทพธิดาราม (ขายกลางคืน) นั้นเข้าขั้นสุดยอด และเป็นร้านโปรดของท่านจอมพลด้วย แต่วันนี้ที่จัดว่า "อร่อย" และใช้สูตรท้องถิ่นของตนดังสมัยทำแข่งกันต้อนรับท่านจอมพลเมื่อหลายสิบปีก่อนก็มีอยู่หลายร้านตามต่างจังหวัด แม้วัตถุดิบและรสชาติหลักจะคล้ายกัน มิฉะนั้นจะเรียกว่าผัดไทยเห็นจะไม่ได้ แต่ก็มีอะไรบางอย่างที่แตกต่างกันออกไปบ้างโดยไม่สูญเสียเอกลักษณ์ความเป็นผัดไทย

ก็ร้านทิพย์สมัยเองนั้นยังพลิกแพลงด้วยการผัดกับมันกุ้งบ้าง (ของดั้งเดิมไม่ใช้มันกุ้ง) กุ้งใหญ่บ้าง (ของแท้ต้องใช้กุ้งแห้ง) ห่อไข่บ้าง (ของแท้ต้องยีไข่ผัดคลุกไปด้วยกัน) ไม่ใส่เส้นบ้าง (นี่ก็ไม่ใช่ก๋วยเตี๋ยวผัดไทย กลายเป็นเกาเหลาผัด) ใช้วุ้นเส้นแทนก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กบ้าง ใส่มะม่วงดิบซอย ไข่เจียวฝอยโรย แกะเนื้อปูใส่บ้าง (เรียกว่าทรงเครื่องดูคล้ายข้าวคลุกกะปิ)

ผัดไทยศิลาอาสน์ อุตรดิตถ์ รสชาติจะแปลกไปอีกแบบ ออกจะมีรสหวานนำมากกว่าเปรี้ยว มีกะหล่ำปลีฝอยวางข้างๆ มาให้แนมแทนกุยช่ายด้วย เคยเห็นเจ้าอร่อยตั้งแผงขายในตลาดอนุสาร เชียงใหม่ตอนค่ำ เวลานี้ย้ายไปอยู่ในฟู้ด คอร์ต ตรงข้ามไนท์ บาซาร์ อีกเจ้าตั้งโต๊ะผัดขายในซอยแถวถนนห้วยแก้ว เชียงใหม่ พ.ต.อ.บัณฑิต ตุงคะเศรณี ครั้งเป็นรองผู้การตรวจคนเข้าเมืองภาคเหนือเคยพาไปกิน เพราะ 3 ทุ่มแล้วผมบอกว่าอยากกินผัดไทยที่ผู้คนลงมติว่าอร่อยที่สุดในเชียงใหม่ หลังจากโทร.เช็กกันทั้งจังหวัดได้ร้านนี้มา อร่อยใช้ได้ คนรอกินกันเต็ม แต่ผมบอกทางไปไม่ถูกหรอกครับ

ที่โรงแรมสวนบวก หาดชะอำ ใช้มะละกอดิบสับผัดแทนเส้นก๋วยเตี๋ยวแต่คงรสชาติและเครื่องปรุงอื่นอย่างเดิมก็อร่อยอีกแบบดูเป็นไทยๆ ดี ม.ร.ว.ถนัดศรีเคยแนะผมว่า "ของเขาอร่อยดี" ผัดไทยสุโขทัยก็จะแปลกไปอีกแบบ มีถั่วฝักยาวซอยเฉลียงมาให้แกล้มแทนถั่วงอกดิบ

ผัดไทยอ่างทองทำแบบชาวบ้านๆ มีอร่อยมากอยู่เจ้าหนึ่ง อยู่ริมถนนที่แยกเข้าวัดไชโย ใครผ่านไปทางนั้นลองถามทางจากชาวบ้านดู เจ้านี้ไม่ใช้น้ำมะขามเปียกเรียกรสเปรี้ยวอย่างเจ้าอื่น ผมเคยสังเกตมาเยอะแล้วว่าผัดไทยถ้าทำแบบชาวบ้านแท้ๆ ไม่วิลิศมาหรามากนักมักจะอร่อย ใครออกไปตามต่างจังหวัดลองแวะชิมดูเถิดครับแล้วเล่าให้ฟังบ้างจะได้ไปเดินดินกินดู

ริมถนนราชวงศ์หน้าร้านคิคูย่าใน กทม. มีรถเข็นผัดไทยง่ายๆ ขายตอนหัวค่ำอยู่เจ้าหนึ่งขายมาหลายสิบปีแล้ว เครื่องเคราก็ไม่มีอะไรมาก ผัดเสร็จก็ตักใส่กระทงใบตอง แต่ขอรับรองว่ารสชาติไม่เป็นที่สองรองใคร อีกเจ้าเปิดห้องแถวผัดขายตอนค่ำอยู่ที่เทเวศร์ หัวมุมวัดนรนาถสุนทริการาม เห็นว่าขายมานานแล้วเหมือนกัน รสชาติดีเหมือนกันแต่หาที่จอดรถยาก

อ้อ! ร้านศิริวรรณ ข้างวัดมกุฏฯ ก็จัดว่าอร่อยขายมาหลายปีดีดัก ร้านผัดไทยมักขายหอยทอดและขนมหัวผักกาดผัดด้วย

ศิริวรรณก็เช่นกัน เจ้านี้มีสาขาหลายแห่ง ตามศูนย์การค้าก็มี อีก 3-4 เจ้าที่มีผู้แนะนำมาผมลองไปชิมแล้ว รสชาติอย่างนี้แหละที่ผมชอบ เจ้าแรกอยู่ถนนสามเสนระหว่างบางขุนพรหมกับบางลำพูใกล้ซอยวรพงษ์ ขายกลางวัน เป็นห้องแถวริมถนนใกล้ร้านกวยจั๊บอร่อย อีกเจ้าคือ ผัดไทยประทุมทิพย์ ถนนประชาราษฎร์สาย 2 เลยแยกเตาปูนจะไปบางโพอยู่ซ้ายมือข้างโรงเรียนเทพสัมฤทธิ์ เจ้าที่ 3 คือเจ้าในซอยวัดดุสิตาราม เชิงสะพานพระปิ่นเกล้า ฝั่งธนฯ เข้าซอยจนเลยวัดไปจะเห็นร้านเล็กๆ อยู่ซ้ายมือ เป็นผัดไทยกุ้งสดรสชาติเยี่ยมทำแบบชาวบ้าน แต่ลูกค้าเป็นพวกเทวดาเดินดินทั้งนั้น เจ้านี้ขายกลางวันทุกวัน

ผมเคยเขียนเล่าเรื่องร้านอร่อยริมถนนพระรามที่ 4 ตั้งแต่หัวลำโพงยันพระโขนงมาแล้วหลายร้าน เคยพูดผ่านๆ ถึงร้าน "ผัดไทยแม่อัม" ย่านคลองเตย แต่ไม่เคยลงลึกให้เป็นกิจจะลักษณะ เมื่อวันนี้เปิดกรุผัดไทย "ของโปรดท่านจอมพล" ก็จะขอเจาะลึกร้านนี้เสียเลย

ร้านผัดไทยแม่อัมเป็นสูตรบ้านหมี่ ลพบุรี เจ้าของชื่อคุณอัม จะอัมอะไรก็ไม่ได้ถาม อยู่ริมถนนพระรามที่ 4 คลองเตย ตรงข้ามการไฟฟ้านครหลวง มาจากสวนลุมฯ จะไปคลองเตย ร้านเป็นตึกแถวอยู่ซ้ายมือเลยซอยโรงงานยาสูบก่อนถึงแยกถนนสุนทรโกษา ขายตั้งแต่เที่ยงจน 4 ทุ่ม ปิดเสาร์ที่ 2 และ 4 ของเดือน แต่เห็นจะจำยากเอาว่าอย่าไปกินในวันเสาร์ก็แล้วกัน กลางคืนเปิดไฟหน้าร้านสว่างโร่หาได้ง่าย

เดิมแม่อัมเป็นแม่ค้าขายขนมหวานมีฝีมืออยู่ในตลาดคลองเตย ต่อมาย้ายออกมาเปิดร้านผัดไทยราว 20 ปีแล้ว ผัดไทยสูตรลพบุรีรสจะไม่จัดจ้านเรียกว่ากำลังดี เส้นจะร่วนไม่บูรณาการเกาะกันเหนียวหนึบ ชอบใจที่ไม่ขี้เหนียวผักแกล้มมีหัวปลี ใบบัวบก ถั่วงอกดิบ ต้นกุยช่ายมาให้เต็มจาน

ดูจากรูปถ่ายและใบประกาศนียบัตรในร้านแล้วแฟนไม่น้อยทีเดียว ของดีร้านแม่อัมอีกอย่างสองอย่างคือ ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่คั่วและขนมหวาน โดยเฉพาะบัวลอยไข่หวาน เพราะแม่อัมมีฝีมือทางนี้มาก่อน อ้อ! ใครจะสั่งเป็นผัดไทยธรรมดา หรือใส่กุ้งเป็นตัวๆ หรือผัดไทยทะเลใส่กุ้งหอยปูปลาก็ได้ (นี่! เริ่มดัดแปลงแล้ว) และเขารับออกร้านจัดงานภายนอกด้วย

เอกลักษณ์ผัดไทยคือ ต้องผัดเส้นให้แห้ง ถึงจะเหยาะน้ำส้มสายชู น้ำมะขามเปียก มันกุ้ง หรือน้ำกะทิก็ตามเถอะ แต่บางเจ้าเหยาะมากจนเส้นแฉะพองเกาะกันเป็นมะพร้าวแก้วไม่น่ากิน ส่วนเครื่องปรุงที่ขาดไม่ได้คือหัวไชโป๊ เต้าหู้ หอมแดง ถั่วลิสงคั่วแล้วบด น้ำตาลปี๊บ ถั่วงอก ใบกุยช่าย และรสต้องเปรี้ยวเค็มหวานพร้อม ดังนี้จึงจะเข้าสูตรท่านจอมพล

(ที่มา:มติชนรายวัน 7 ก.ค.2555)

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1341639753&grpid=03&catid=09&subcatid=0901
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6576 เมื่อ: 08 กรกฎาคม 2555, 09:28:16 »

ปริมาณฝนตกในช่วงนี้น้อยลงจากช่วงต้นสัปดาห์ที่แล้ว แต่ยังต้องระวังเรื่องน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน
โดยเฉพาะภาคใต้ฝั่งอันดามัน ฝนชุกถึงร้อยละ 80 ของพื้นที่, คลื่นสูง - ลมแรง

พยากรณ์อากาศ ประจำวันที่ 8 กรกฏาคม 2555
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.  ร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีกำลังอ่อนลง แต่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านบริเวณจังหวัด ตราด ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ระวังอันตรายจากฝนตกหนักอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ในระยะนี้
 
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย น่าน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก และพิษณุโลก อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคกลาง  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สุพรรณบุรี
กาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออก  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดจันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูง มากกว่า 2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูง 2-3 เมตร
 
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากในระหว่างบ่ายถึงค่ำ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6577 เมื่อ: 08 กรกฎาคม 2555, 10:22:48 »

อ่านความในใจของ ผู้ว่าการ ธปท.

เปิด จม.“ประสาร”ถึง“อ.ป๋วย” เตือนประชานิยมอันตรายต่อประเทศ
7 กรกฎาคม 2555 15:07 น.


       เผยเนื้อหาจดหมายจากผู้ว่าการถึง อ.ป๋วยในวารสารเผยแพร่ภายในแบงก์ชาติ ระบุนโยบายประชานิยมผูกมัด รบ.จากช่วงเลือกตั้งเป็นอันตรายต่อประเทศ ชี้นำมาสู่ข้อเรียกร้องแปลก อย่างพ.ร.ก.โอนหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ ยันทุนสำรองไม่เป็นของใครแต่ต้องเป็นของชาติและลูกหลานคนไทยต่อไป
       
       วานนี้ (6 ก.ค.) เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ได้เผยแพร่รายงานเรื่อง 'ประสาร'เขียนจ.ม.ถึง'อ.ป๋วย'เปิดเบื้องหลังโอนหนี้กองทุนฯ โดยระบุรายละเอียดของ “จดหมายจากผู้ว่าการถึงอาจารย์ป๋วย” ที่ นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เขียนลงเผยแพร่ในวารสารพระสยาม อันเป็นวารสารซึ่งตีพิมพ์เผยแพร่ภายในธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุถึงเบื้องหลังการต่อรองระหว่างรัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทยกรณีการโอนหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ ให้กับ ธปท. รับภาระแทน เพื่อลดตัวเลขหนี้สาธารณะและให้รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์สามารถกู้เงินเพิ่มเติมได้อีก
       
       นายประสารระบุว่า การเรียกร้องให้มีการโอนหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ มีต้นเหตุมาจากนโยบายการใช้จ่ายเกินตัวของรัฐบาล โดยเฉพาะในโครงการลดแลกแจกแถม (หรือ ประชานิยม) ซึ่งเป็นโยบายระหว่างหาเสียงของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยในช่วงเลือกตั้ง อันก่อให้เกิดการขาดดุลงบประมาณ
       
       “การใช้จ่ายมากๆ ของรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการลดแลกแจกแถม หรือที่ได้สัญญากับประชาชนในช่วงเลือกตั้ง ทำให้เกิดการขาดดุลงบประมาณ และมักจะนำมาสู่ข้อเรียกร้องแปลกๆ ต่อแบงก์ชาติ ซึ่งผมจะขอยกตัวอย่างหนึ่งนำมาเรียนให้อาจารย์ทราบในจดหมายฉบับนี้ นั่นก็คือ การโอนหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ” ผู้ว่าฯ ธปท.คนปัจจุบันระบุ และกล่าวต่อว่า
       
       “ช่วงปลายปีที่แล้วและต่อเนื่องถึงต้นปีนี้ มีประเด็นที่สร้างความวิตกกังวล คือการที่มีข่าวว่ารัฐบาลจะโอนหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ มาให้แบงก์ชาติรับภาระแทน ..... รัฐบาลมีความพยายามที่จะโอนหนี้ดังกล่าวให้มาอยู่กับแบงก์ชาติ โดยได้เสนอหลักการดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. เป็นวาระลับ เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2554 ซึ่งผมเองก็ไม่ทราบมาก่อน โดยรัฐบาลให้เหตุผลว่าต้องการให้หนี้สาธารณะลดลง และจะทำให้สามารถกู้เงินได้เพิ่มเติมเพื่อฟื้นฟูประเทศหลังน้ำท่วม ทั้งนี้ ครม. มีมติเห็นความจำเป็นของการฟื้นฟูประเทศ แต่ขอให้หน่วยงานปรึกษากัน จึงเข้าใจว่าบางส่วนในรัฐบาลคงมีความเป็นห่วงในประเด็นการโอนหนี้ว่าอาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อประเทศเช่นกัน รวมทั้งมีกระแสการคัดค้านจากสาธารณชน”
       
       สำหรับจดหมายจากนายประสาร ถึง อ.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยและอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ผู้ล่วงลับมีรายละเอียดดังนี้
       
       พฤษภาคม 2555
       
       เรียน อาจารย์ป๋วยที่เคารพ
       
       ในจดหมายฉบับก่อน ผมได้มีโอกาสเรียนอาจารย์เกี่ยวกับข้อเป็นห่วงของแบงก์ชาติ ด้านการขาดวินัยทางการคลัง ซึ่งมักเป็นสาเหตุให้แบงก์ชาติต้องท้วงติงรัฐบาลคล้ายกับที่อาจารย์เคยประสบ รวมทั้งผมขออนุญาตที่จะเขียนจดหมายถึงอาจารย์อีก
       
       อาจารย์ครับ การใช้จ่ายมากๆ ของรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการลดแลกแจกแถม หรือที่ได้สัญญากับประชาชนในช่วงเลือกตั้ง ทำให้เกิดการขาดดุลงบประมาณ และมักจะนำมาสู่ข้อเรียกร้องแปลกๆ ต่อแบงก์ชาติ ซึ่งผมจะขอยกตัวอย่างหนึ่งนำมาเรียนให้อาจารย์ทราบในจดหมายฉบับนี้ นั่นก็คือ การโอนหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ
       
       ช่วงปลายปีที่แล้วและต่อเนื่องถึงต้นปีนี้ มีประเด็นที่สร้างความวิตกกังวล คือการที่มีข่าวว่ารัฐบาลจะโอนหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ มาให้แบงก์ชาติรับภาระแทน ก่อนอื่นผมขอเท้าความให้ทราบว่าหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ มาจากไหน หนี้ดังกล่าวนี้มีที่มาจากวิกฤติต้มยำกุ้งเมื่อปี 2540 ที่ประเทศเราเกิดปัญหาฟองสบู่และลุกลามสู่ปัญหาระบบสถาบันการเงิน ทำให้รัฐบาลในขณะนั้นต้องเข้ามาแก้ปัญหาด้วยการประกาศค้ำประกันเต็มจำนวนแก่เจ้าหนี้และผู้ฝากเงิน โดยให้กองทุนฟื้นฟูฯ ทำหน้าที่แทนในการจ่ายคืนทั้งต้นเงินและดอกเบี้ย เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นต่อระบบสถาบันการเงิน ภาระดังกล่าวทำให้เกิดค่าใช้จ่ายจำนวนมากแก่กองทุนฟื้นฟูฯ รัฐบาลจึงได้ตรา พ.ร.ก. ขึ้น 2 ฉบับในปี 2541 และ 2545 ให้กระทรวงการคลังออกพันธบัตรเพื่อกู้เงินและนำมาใช้ในการจ่ายคืนเจ้าหนี้และผู้ฝากเงิน ภาระหนี้จากการออกพันธบัตรดังกล่าวนับเป็นหนี้สาธารณะ ซึ่งเป็นหลักปฏิบัติสากลดังเช่นที่เกิดขึ้นล่าสุดในยุโรป
       
       การแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจนับเป็นภาระการคลังของประเทศ (fiscalization) เพราะรัฐบาลมีอำนาจเก็บภาษี จึงมีบทบาทนำในการสนับสนุนภาคการเงินในช่วงวิกฤติ โดยคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม เมื่อระบบสถาบันการเงินได้รับความน่าเชื่อถือ เศรษฐกิจก็เดินหน้าได้ ทั้งนี้ ปัจจุบันต้นเงินกู้ตาม พ.ร.ก. ปี 2541 และ 2545 มีรวมทั้งหมดประมาณ 1.14 ล้านล้านบาท
       
       รัฐบาลมีความพยายามที่จะโอนหนี้ดังกล่าวให้มาอยู่กับแบงก์ชาติ โดยได้เสนอหลักการดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. เป็นวาระลับ เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2554 ซึ่งผมเองก็ไม่ทราบมาก่อน โดยรัฐบาลให้เหตุผลว่าต้องการให้หนี้สาธารณะลดลง และจะทำให้สามารถกู้เงินได้เพิ่มเติมเพื่อฟื้นฟูประเทศหลังน้ำท่วม ทั้งนี้ ครม. มีมติเห็นความจำเป็นของการฟื้นฟูประเทศ แต่ขอให้หน่วยงานปรึกษากัน จึงเข้าใจว่าบางส่วนในรัฐบาลคงมีความเป็นห่วงในประเด็นการโอนหนี้ว่าอาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อประเทศเช่นกัน รวมทั้งมีกระแสการคัดค้านจากสาธารณชน
       
       เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2554 คุณกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี ได้ขอหารือกับ 4 หน่วยงาน คือ (1) คุณธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง (2) ผม ในฐานะผู้ว่าการแบงก์ชาติ (3) คุณอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการสภาพัฒน์ และ (4) คุณอัชพร จารุจินดา เลขาธิการกฤษฎีกา ซึ่งผมได้เรียนให้ที่ประชุมทราบว่าการโอนหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ มาให้แบงก์ชาติ มีผลเสียหายต่อประเทศชาติอย่างไรบ้าง ทั้งผลกระทบต่อการดำเนินนโยบายการเงิน การบั่นทอนวินัยการคลัง เพราะรัฐบาลอาจกู้เงินได้โดยง่ายแล้วให้แบงก์ชาติโอนเงินเพื่อชำระหนี้แทน เป็นการทำลายเสถียรภาพและการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว ทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลและเครดิตเรทติ้งของประเทศ เมื่อประเทศเสียเครดิตแล้ว ความไว้วางใจจากต่างชาติจะน้อยลง ส่งผลต่อการให้เครดิตระหว่างกัน เจ้าหนี้ต่างประเทศอาจคิดดอกเบี้ยแพงขึ้น
       
       ในการชี้แจงวันนั้น ทำให้ผมนึกถึงคำกล่าวของอาจารย์ที่ว่า “ในการที่จะติดต่อกับรัฐบาล จึงมีความจำเป็นที่จะต้องให้มีความเชื่อถือ ให้รัฐบาลหรือบุคคลในรัฐบาลเชื่อถือว่า เราไม่ได้เห็นประโยชน์ส่วนตัว ไม่ได้เห็นแก่ประโยชน์ของธนาคารชาติ แต่เห็นประโยชน์ของแผ่นดิน ผู้ว่าการและผู้ใหญ่ในธนาคารชาติจะต้องมีความกล้าหาญพอสมควร คือ ต้องสามารถที่จะพูดขัดได้ ถ้าอะไรที่ไม่ดีแล้วจำเป็นจะต้องพูดได้ ถ้าไม่มีความกล้าพอ อย่าเป็นดีกว่า”
       
       เนื่องจากในการท้วงติง ต้องอาศัยศิลปะและความกล้า เพราะรัฐบาลย่อมมีอำนาจเหนือแบงก์ชาติอยู่แล้ว แต่ในที่สุด ที่ประชุมได้ข้อสรุปตามที่แบงก์ชาติเสนอว่า (1) ต้องไม่มีการพิมพ์เงินใหม่ (2) ต้องไม่ใช้ทุนสำรองเงินตรา และหลักการของรัฐบาลว่าต้องลดภาระงบประมาณ
       
       หลังจากวันหยุดยาวในช่วงปีใหม่ พอเปิดทำการในวันแรก 4 มกราคม 2555 ผมทราบข่าวว่า กฤษฎีกาส่งร่าง พ.ร.ก. เข้าสู่การพิจารณาของ ครม. โดยที่แบงก์ชาติไม่ได้รับแจ้งหรือเห็นร่าง พ.ร.ก. ฉบับดังกล่าวก่อน ซึ่งต่างจากพิธีปฏิบัติตามปกติ ในช่วงเย็นวันนั้น มีผู้สื่อข่าวส่ง fax ร่าง พ.ร.ก. มาให้ดู ตอนเช้าวันรุ่งขึ้น 5 มกราคม สื่อสาธารณะได้ลงร่าง พ.ร.ก. ดังกล่าว ซึ่งเนื้อหาไม่สอดคล้องกับหลักการที่ได้ตกลงกันจากที่ประชุม ผมจึงได้แสดงความเห็นคัดค้านผ่านการให้สัมภาษณ์ โดยเฉพาะมาตรา 7(1) และ 7(3) เกี่ยวกับการกำหนดให้แบงก์ชาตินำส่งกำไรสุทธิไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 และการให้โอนเงินหรือสินทรัพย์ของแบงก์ชาติตามที่ ครม. กำหนด ส่วนทางคณะศิษย์หลวงตามหาบัวได้แสดงความเห็นคัดค้านในมาตรา 7(2) และ 7(3) เพราะจะกระทบต่อสินทรัพย์ในคลังหลวงหรือทุนสำรองเงินตราด้วย
       
       ในช่วง 10 โมงเช้าวันเดียวกัน รองนายกฯ ได้มาหารือกับผมที่แบงก์ชาติ ผมก็ได้ทักท้วงประเด็นที่จะสร้างความเสียหายต่อประเทศ ซึ่งรองนายกฯ รับว่าไม่มีเจตนาและเห็นพ้องที่จะให้ต้นเงินกู้หนี้กองทุนฟื้นฟูฯ ยังอยู่ที่คลัง รวมทั้งตอบรับที่จะแก้ไขมาตรา 7 ในขณะที่ยังคงให้แบงก์ชาติกำหนดเงินนำส่งของธนาคารพาณิชย์เพื่อบริหารจัดการหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ
       
       นอกจากการแสดงความเห็นท้วงติงด้วยการให้สัมภาษณ์ และการพูดคุยโดยตรงกับรัฐบาลแล้ว ผมเองยังได้ทำหนังสือลงวันที่ 9 มกราคม 2555 ถึงรัฐมนตรีคลัง เพื่อแสดงความเป็นห่วง ดังนี้ (1) การให้แบงก์ชาติรับภาระหนี้สาธารณะแทนรัฐบาลมีผลเท่ากับพิมพ์เงินให้รัฐบาลใช้ ซึ่งส่งผลเสียต่อประเทศ (2) จะต้องไม่มีการโอนเงินหรือสินทรัพย์ของแบงก์ชาติไปชำระหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ (3) การดำเนินการของกองทุนฟื้นฟูฯ ควรทำในฐานะตัวแทนรัฐบาล (4) หน้าที่กำหนดอัตราเงินนำส่งควรเป็นของกองทุนฟื้นฟูฯ โดยความเห็นชอบของ ครม. และ (5) การนำส่งกำไรสุทธิต้องหักขาดทุนสะสมแล้ว
       
       สื่อสาธารณะได้แสดงความวิตกกังวลต่อเรื่องดังกล่าวอย่างกว้างขวาง บางส่วนสะท้อนในภาพการ์ตูนล้อการเมืองที่ลงในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ซึ่งผมได้แนบมาให้อาจารย์ดูด้วย แต่ในที่สุด ครม. ก็มีมติอนุมัติร่าง พ.ร.ก.เมื่อวันที่ 10 มกราคม ซึ่งผมเองได้มีโอกาสเห็นร่าง พ.ร.ก. ที่ ครม.อนุมัติ ในช่วงเย็นวันที่ 11 มกราคม ผมเบาใจในระดับหนึ่งที่ไม่เห็นการโอนเงินหรือสินทรัพย์ของแบงก์ชาติปรากฏอยู่ เท่ากับว่าความพยายามในการท้วงติงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปลายปีก่อนสัมฤทธิผลบ้าง ซึ่งคงจะช่วยลดความเสี่ยงด้านการบริหารนโยบายเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการให้แบงก์ชาติโอนเงินหรือสินทรัพย์ไปให้รัฐบาลใช้จ่าย เพราะจะนำมาซึ่งการเสื่อมค่าของเงินตราและค่าครองชีพที่สูงขึ้นดังที่อาจารย์เคยบันทึกไว้เช่นกัน
       
       อย่างไรก็ตาม ยังมีคำถามในทางปฏิบัติเกี่ยวกับการเพิ่มเงินนำส่งธนาคารพาณิชย์ว่าเป็นอย่างไร ผมเองได้มีโอกาสพบกับสมาคมธนาคารไทยในวันที่ 12 มกราคม และได้รับทราบข้อกังวลด้านการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมระหว่างธนาคารพาณิชย์กับสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIS) เพราะ SFIS ไม่มีภาระต้องส่งเงินสมทบทำให้มีข้อได้เปรียบด้านต้นทุนการเงินที่ต่ำกว่า และอาจมีผลผลักดันให้ SFIS เข้ามาแข่งขันในเชิงพาณิชย์ ทั้งการเร่งระดมเงินฝาก และการให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้รายใหญ่ จนละเลยบทบาทในเชิงพัฒนาซึ่งเป็นหน้าที่หลักของ SFIS เช่น การให้กู้แก่คนมีรายได้น้อย ขาดโอกาส แต่มีศักยภาพที่จะพัฒนาตัวเองขึ้นได้
       
       ผมมีโอกาสหารือกับคุณธีระชัย รัฐมนตรีคลัง ที่เชียงใหม่ช่วงกลางเดือนมกราคม 2555 ซึ่งท่านไม่ค่อยแน่ใจกับการเก็บเงินนำส่งจาก SFIS แต่บอกว่าได้ออกนโยบายให้ SFIS จำกัดบทบาทเชิงพาณิชย์ลงแล้ว ต่อมา ภายหลังการเปลี่ยนแปลงรัฐมนตรีคลังจากคุณธีระชัยเป็นคุณกิตติรัตน์ มีการประชุมระหว่างรัฐมนตรีคลัง แบงก์ชาติและสมาคมธนาคารไทยเมื่อวันที่ 30 มกราคม ซึ่งได้ข้อสรุปร่วมกันว่าให้เก็บเงินนำส่งจากธนาคารพาณิชย์ในอัตราร้อยละ 0.46 เพื่อชำระคืนหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ และอีกร้อยละ 0.01 เพื่อเข้ากองทุนคุ้มครองเงินฝาก รวมทั้งให้เก็บเงินจาก SFIS ในอัตราที่เท่ากันด้วย
       
       อาจารย์ครับ หากมองย้อนเวลากลับไป ในช่วงปลายปีก่อนที่มีแนวคิดของการโอนหนี้มาให้แบงก์ชาติ เพื่อลดหนี้สาธารณะและจะได้สามารถกู้ได้เพิ่มเติม ผมพยายามเจรจาอธิบายให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้าใจว่าการใช้แบงก์ชาติโอนเงินให้รัฐบาลเพื่อใช้หนี้แทน จะส่งผลเสียต่อประเทศอย่างไร
       
       ผมดีใจนะครับว่าในที่สุดคำทัดทานของผมบังเกิดผลอยู่บ้าง สำหรับการแก้ปัญหาที่ให้เก็บเงินนำส่งจากสถาบันการเงินนั้น แน่นอนว่าสถาบันการเงินจะมีภาระเพิ่มเติม แต่ผมพยายามที่จะตกลงกันในเรื่องอัตราเงินนำส่งว่าทุกฝ่ายรับได้ และการที่ให้เก็บเงินโดยเสมอภาคกันก็คงช่วยลดผลกระทบข้างเคียงลงได้บ้าง วิธีการเก็บเงินเพื่อชำระหนี้ คงจะใช้เวลานานกว่า 20 ปี แต่ผมมองว่าเป็นหนี้ก้อนใหญ่มาก หากเก็บเงินทีเดียวเยอะๆ ก็คงไม่ไหว จึงต้องใช้วิธีทยอยเก็บเงินเพื่อชำระคืน และ ในอนาคต เมื่อประเทศมีรายได้มากขึ้น สถาบันการเงินเติบโตขึ้น ภาระเงินนำส่งก็จะลดลงไปโดยปริยาย
       
       ผมดีใจนะครับที่มีโอกาสเขียนเล่าเหตุการณ์ให้อาจารย์ทราบ เพราะอาจารย์คงเคยประสบเหตุการณ์ที่คล้ายๆ กัน โดยเฉพาะความพยายามในการโอนสินทรัพย์ของแบงก์ชาติ ผมยังจำได้ถึงข้อเขียนที่อาจารย์เคยบันทึกไว้ว่า “เรื่องทุนสำรองนี่ไม่ใช่ของผม และไม่ใช่ของใครในธนาคารชาตินี่ และไม่ใช่ของพวกคุณ ไม่ใช่ของรัฐบาล เป็นของชาติทั้งชาติ และก็เป็นของลูกหลานของเราที่จะมีต่อไป”
       
       ด้วยความเคารพอย่างสูง
       ประสาร ไตรรัตน์วรกุล


 
จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9550000083349
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6578 เมื่อ: 09 กรกฎาคม 2555, 16:40:21 »

แดดดีมา 2 วันแล้วครับ แต่ชอบมีฝนช่วงบ่ายโมงมาคั่นให้ใจเสีย

พยากรณ์อากาศ ประจำวันที่ 9 กรกฏาคม 2555
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 10:00 น.  มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับลมตะวันออกพัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้
ปกคลุมประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคตะวันออก และภาคใต้
ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านบริเวณจังหวัดจันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่ ระวังอันตราย
จากฝนตกหนักอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ในระยะนี้  

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 12:00 วันนี้ ถึง 12:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย น่าน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก และพิษณุโลก อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.  

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร และนครพนม อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.  

ภาคกลาง  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออก  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดจันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูง มากกว่า 2 เมตร  

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฏร์ธานี และนครศรีธรรมราช อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร  

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูง 2-3 เมตร  

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.  


      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6579 เมื่อ: 09 กรกฎาคม 2555, 20:42:48 »

ว่าแล้วครับ "โด้" มาผิดที่-ผิดเวลา เพราะเป็นช่วงมรสุม

"โด้" เซ็งพังงาฝนตก เก็บตัวเงียบขลุกกับแฟนสาว 2 วันติด

"โรนัลโด้" เซ็งปิดพูลล์วิลล่าหรูเก็บตัวกับแฟนสาวเพียง 2 คน ไม่ยอมออกไปเดินเล่น มีเพียงคนไทยหนึ่งเดียวคอยประสานงานกับโรงแรมเท่านั้น หลังฝนยังคงตก-ฟ้าปิดต่อเนื่อง 2 วันติดต่อกัน เผยอาจอยู่ชมความงามอ่าวพังงา-ทะเลอันดามันไม่ครบกำหนด ขณะที่ผู้บริหาร รพ.เกาะยาว-ตร.เร่งประสานขอชมฝีเท้าร่วมกับผู้นำท้องถิ่น ก่อนบินเข้ากรุงต่อสัญญา... "

อ่าวข่าวเต็มฉบับพร้อมภาพได้ที่..........

http://www.thairath.co.th/content/sport/274682
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6580 เมื่อ: 10 กรกฎาคม 2555, 07:53:03 »

มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังปกคลุมทะเลอันดามัน และอ่าวไทย ส่งผลให้มีฝนตกหนักอยู่เป็นวันที่ 3 ของการมาเที่ยวของ โรนัลโด้ และ อิริน่า เช็ค สาวสวยของวิคตอเรียส์ซีเคร็ท ซึ่งไม่ทราบว่าจะทนอยู่ต่อไปอีกหรือไม่ ??
ส่วน กทม.และปริมณฑล ฝนร้อยละ 70 ของพื้นที่

พยากรณ์อากาศ ประจำวันที่ 10 กรกฏาคม 2555
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.  มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับลมตะวันออกพัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้ปกคลุมประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านบริเวณจังหวัดตราด ระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ในระยะนี้
 
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

 
ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย น่าน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก และพิษณุโลก อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. 

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมาก บริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม บุรีรัมย์และสุรินทร์ อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. 

ภาคกลาง  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. 

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดจันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูง มากกว่า 2 เมตร 

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฏร์ธานี และนครศรีธรรมราช อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร 

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูง 2-3 เมตร
 
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. 

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6581 เมื่อ: 10 กรกฎาคม 2555, 07:59:14 »

เริ่มทดลองกันแล้ว สำหรับการเตรียมตัวรับวิกฤติเศรษฐกิจในกลุ่มยูโรโซน

กลุ่มจังก์ฟู้ด แห่เก็บเศษผักผลไม้ในขยะมาทำอาหาร



ชาวสเปนนับ 30 ราย ต่างแห่กันไปเก็บผักผลไม้ที่ทิ้งอยู่ในถังขยะมาปรุงอาหารทานกันอย่างเอร็ดอร่อย เพื่อเป็นการรณรงค์ส่งเสริมการทานอาหารอย่างมีความรับผิดชอบ

ชาวสเปนกลุ่มนี้ เรียกตัวเองว่ากลุ่มจังก์ฟู้ด หรือกลุ่มอาหารขยะ พวกเขาได้ออกมาตามหาเศษผักผลไม้ที่ยังสดและกินได้ตามถังขยะบริเวณหน้าร้านขายอาหารในกรุงมาดริดของสเปน

หลังจากที่พวกเขาได้ออกหาเศษผักผลไม้เป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง ก็ได้เศษผักผลไม้เต็มรถเข็น ไม่ว่าจะเป็นมะเขือเทศเต็มลูก แครอท กล้วย กะหล่ำ ผักขึ้นฉ่าย แอปเปิ้ลครึ่งลูก ซึ่งวัตถุดิบเหล่านี้ล้วนเป็นวัตถุดิบที่ถูกนำมาทิ้งทั้ง ๆ ที่ยังดูสดและทานได้ทั้งนั้น

จากนั้น กลุ่มจังก์ฟู้ดก็ได้นำผักผลไม้ที่พวกเขาเก็บได้ มาปรุงอาหารเย็นทานกันอย่างเอร็ดอร่อยในสวนสาธารณะมาดริด โดยไม่มีใครห่วงกังวลว่าจะเกิดอาการอาหารเป็นพิษ หรือท้องเสียเลย

พวกเขาทำแบบนี้มากว่า 3 ปีแล้ว หลังจากที่เห็นว่า ร้านอาหารและบ้านเรือนหลายแห่งในสเปน มักจะทิ้งเศษผักผลไม้ที่ยังทานได้และอยู่ในสภาพสมบูรณ์ลงถังขยะ เพราะพวกเขาซื้อมันมามากเกินไป

มันแสดงให้เห็นถึงการบริโภคอย่างฟุ่มเฟือย และไม่ใช้วัตถุดิบที่มีให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด โดยสมาชิกในกลุ่มจังก์ฟู้ดรายหนึ่งได้เปิดเผยอย่างให้ข้อคิดว่า

"เราไม่ได้มีทรัพยากรธรรมชาติให้บริโภคกันได้อย่างไม่จำกัด เราก็ต้องรู้จักแบ่งปันให้คนอื่นบ้าง โลกใบนี้มีคนตั้งมากมายมหาศาล"


ข้อมูลโดย :  www.talkystory.com/
http://news.impaqmsn.com/articles_hn.aspx?id=493916&ch=hn
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6582 เมื่อ: 10 กรกฎาคม 2555, 09:56:51 »

สำหรับนักสะสม กำหนดให้จ่ายแลกวันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม 2555 นี้

ธนบัตรที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช  สยามมกุฎราชกุมารจัดพิมพ์ขึ้นจำนวน 10,000,000 ฉบับ โดยมีกำหนดออกใช้ในวันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม 2555
 


ด้านหน้าธนบัตรมีลักษณะทั่วไป สี และขนาดเช่นเดียวกับธนบัตรชนิดราคา 100 บาทแบบ 15 ที่หมุนเวียนอยู่ในปัจจุบัน



ภาพด้านหลังธนบัตรเชิญพระฉายาสาทิสลักษณ์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมารเป็นภาพประธาน ด้วยเป็นพระฉายาสาทิสลักษณ์ที่มีความสง่างามสมพระเกียรติ และเชิญภาพพระราชพิธีสถาปนาเฉลิมพระนามาภิไธยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร รวมทั้งตราสัญลักษณ์พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ 28 กรกฎาคม 2555 เป็นภาพประกอบ เพื่อเฉลิมพระเกียรติในฐานะที่ทรงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นพระรัชทายาท ทรงช่วยแบ่งเบาพระราชภาระในการบำเพ็ญพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถในด้านต่าง ๆ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6583 เมื่อ: 10 กรกฎาคม 2555, 10:03:28 »

ธนบัตร ชนิดราคา 80 บาท กำหนดจ่ายแลกในวันพฤหัสบดีที่ 9 สิงหาคม 2555

ธนบัตรที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 12 สิงหาคม 2555 ชนิดราคา 80 บาท จัดพิมพ์จำนวน 2 ล้านฉบับ ขนาดกว้าง 80 มิลลิเมตร  หมายถึง พระชนมพรรษา 80 พรรษา และยาว 162 มิลลิเมตร เมื่อบวกตัวเลขความยาวของธนบัตรจะเท่ากับ 9 หมายถึง รัชกาลที่ 9 สีโดยรวมเป็นสีฟ้า ซึ่งเป็นสีวันพระราชสมภพ
 


ภาพด้านหน้าธนบัตร เชิญพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันในฉลองพระองค์ครุยมหาจักรีบรมราชวงศ์คู่กับพระฉายาสาทิสลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถในฉลองพระองค์ชุดไทยประยุกต์เป็นภาพประธาน ซึ่งแสดงถึงความเป็นพระมหากษัตริย์ และพระบุญญาบารมีของทั้งสองพระองค์ และเชิญภาพพระราชพิธีสถาปนาพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมราชินี รวมทั้งตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถเป็นภาพประกอบ มีลายน้ำอักษรพระนามาภิไธย “ส.ก.”ภายใต้พระมหามงกุฎ โดยอักษร “ก” มีความโปร่งแสงเป็นพิเศษ มองเห็นได้ชัดเจนทั้งสองด้านเมื่อยกธนบัตรขึ้นส่องดูกับแสงสว่าง

ภาพด้านหลังธนบัตร เชิญพระฉายาสาทิสลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถในฉลองพระองค์ตามสมัยนิยม เป็นภาพประธาน สำหรับภาพประกอบเชิญภาพพระราชกรณียกิจด้านต่าง ๆ อาทิ การเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎร ซึ่งพระองค์จะมีพระราชดำรัสกับราษฎรอย่างใกล้ชิด ไม่ถือพระองค์ และเต็มไปด้วยพระเมตตา การทรงงาน ด้านศิลปาชีพ ซึ่งเป็นพระราชกรณียกิจที่ทรงบำเพ็ญ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎร รวมทัั้ง เพื่ออนุรักษ์ และฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมไทยที่ทรงให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ด้วยทรงตระหนักถึงความสำคัญของป่า ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร และช่วยป้องกันบรรเทาปัญหาอุทกภัย รวมทั้งความสำคัญของป่าที่มีต่อระบบนิเวศ

ทั้งนี้ ในเนื้อกระดาษฝังแถบสีฟ้าซ่อนไว้ตามด้านกว้างของธนบัตรโดยมีบางส่วนปรากฏให้เห็นเป็นระยะที่ด้านหลังธนบัตร ภายในแถบสีฟ้ามีตัวเลขอารบิก “80” ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นรูปดอกกุหลาบเมื่อพลิกธนบัตรไปมา โดยนำมาใช้เป็นครั้งแรกในธนบัตรไทย หมึกและเส้นใยเรืองแสงที่โรยไว้ในเนื้อกระดาษ มองไม่เห็นด้วยแสงธรรมชาติ แต่จะเห็นเรืองแสงภายใต้รังสีเหนือม่วง 



ธปท. จะนำธนบัตรที่ระลึกฯ ออกใช้ในวันพฤหัสบดีที่ 9 สิงหาคม 2555 โดยจ่ายแลกพร้อมแผ่นพับในราคาชุดละ 120 บาท ทั้งนี้ รายได้ส่วนต่างจากมูลค่าหน้าธนบัตรที่ระลึกฯ จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย ประชาชนที่สนใจสามารถติดต่อแลกซื้อธนบัตรที่ระลึกฯ ได้ ที่ทุกสาขาของธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย

ข้อมูลจาก มติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1341293621&grpid=&catid=09&subcatid=0905
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6584 เมื่อ: 10 กรกฎาคม 2555, 12:11:32 »

อ้าว...ขู่ ซะเลย !!~

อย่าให้พ่อกูกลับมาได้ก็แล้วกัน!
เปลว สีเงิน10 July 2555 - 00:00

   ไม่รู้ว่าผ่านตากันไปบ้างหรือยังกับบทความที่ชื่อ "ศาลเจ้า" ไม่ใช่ "ศาลราษฎร" ของ นิธิ เอียวศรีวงศ์ ตีพิมพ์ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับที่วางตลาดเมื่อสัปดาห์ก่อน
    เนื้อหาน่าสนใจ ขอยกมาให้อ่านทั้งยวงนะครับ
    "แต่ความศักดิ์สิทธิ์ของฝ่ายตุลาการ เป็นความศักดิ์สิทธิ์ที่ผูก?ไว้กับสถาบันพระมหากษัตริย์?เหมือนกับสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ จึงเป็นความศักดิ์สิทธิ์ที่?คลุมเครือในระบอบประชาธิปไต?ย เพราะพระมหากษัตริย์ที่เป็น?ฐานของความศักดิ์สิทธิ์นั้น? คือพระมหากษัตริย์ในระบอบอื่น ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย
    ศาลมักอ้างเสมอว่า พิจารณาพิพากษาคดี "ในพระปรมาภิไธย" ซึ่งแปลว่าอะไรไม่ชัดนักระห?ว่างผู้พิพากษาเป็นเพียง "ข้าหลวง" ที่โปรดให้มาทำหน้าที่แทน หรือพระปรมาภิไธยในฐานะที่เ?ป็นตัวแทนของอำนาจอธิปไตยขอ?งปวงชน  พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ "The People" ในศาลอเมริกัน หรือ "The Crown" ในศาลอังกฤษ เช่นเดียวกับพระบรมฉายาลักษ?ณ์ที่ติดไว้ในห้องพิจารณาคด?ีของศาลทุกแห่ง หมายถึงองค์พระมหากษัตริย์ห?รือบุคลาธิษฐานของอำนาจอธิป?ไตยซึ่งเป็นของปวงชนชาวไทย
    ความคลุมเครือเช่นนี้ลามไปถึงการแต่งกาย, ท่านั่ง, หรือคำพูดของผู้เข้าฟังหรือ?ร่วมในการพิจารณาคดีด้วย เช่น ห้ามแต่งกาย "ไม่เรียบร้อย", ห้ามนั่งไขว่ห้าง, ฯลฯ ทำให้ไม่ชัดนักว่าผู้เข้าฟั?งหรือร่วมในการพิจารณาคดี กำลัง "เข้าเฝ้า" หรือเพียงแต่อยู่ในห้องพิจา?รณาคดีของศาลในประเทศประชาธิปไตยกันแน่
    "หมิ่นศาล" หมายถึงอะไรกันแน่ ระหว่างการหมิ่น "ข้า-หลวง" ซึ่งกำลังทำหน้าที่แทนพระเจ้าแผ่นดิน หรือ "ศาล" ในความหมายถึงกระบวนการพิจา?รณาคดี ที่หากไปขัดขวางด้วยประการต่างๆ ย่อมถือว่า "หมิ่น" เพราะทำให้กระบวนการดังกล่า?วไม่อาจดำเนินไปอย่างเป็นธร?รมแก่ทุกฝ่ายได้ ความคลุมเครือนั้นเป็นจราจร?สองทางครับ นอกจากทำให้ฝ่ายหนึ่งงงแล้ว? ก็ยังทำให้ตัวเองงงด้วย  อำนาจวินิจฉัยของศาลรัฐธรรม?นูญ หรือศาลอะไรก็ตามแต่ ในระบอบประชาธิปไตย ย่อมตั้งอยู่บนกฎหมายอย่างเ?คร่งครัด ไม่มากและไม่น้อยไปกว่าที่ก?ฎหมายกำหนด
    แตกต่างจากรับสั่งของพระเจ้?าแผ่นดิน ซึ่ง "ข้าหลวง" ต้องตีความเอาเองว่า ทรงมุ่งประสงค์สิ่งใดกันแน่? แล้วก็ปฏิบัติให้ต้องตามพระ?ราชประสงค์
    ความ "ศักดิ์สิทธิ์" ของศาลเพิ่งสร้างขึ้นไม่นานมานี้เอง หาได้เป็นมรดกตกทอดมาจากยุค?โบราณไม่
    แต่ความศักดิ์สิทธิ์นี้ถูกส?ร้างขึ้นไม่ใช่เพื่อบรรลุเป้าหมายในการทำหน้าที่ของตนต?ามระบอบประชาธิปไตย
    แต่สร้างขึ้นเพื่อทำให้พ้นจ?ากการถูกตรวจสอบ จึงเอาไปผูกไว้กับสถาบันพระ?มหากษัตริย์
    ซึ่งย่อมอยู่พ้นไปจากการถูก?ตรวจสอบเช่นกัน"
    อ่านบทความชิ้นนี้จบ ผมคิดไปหลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะอนาคตของประเทศไทย
    ถ้าวันหนึ่งรัฐธรรมนูญของประเทศไม่มีบทบัญญัติว่าด้วยอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล โฉมหน้าประเทศไทยจะเป็นอย่างไร
    แต่ยืนยันว่าต่างจากปัจจุบันแน่นอน!
    คำว่า "ในพระปรมาภิไธย" มีการให้คำนิยามกันค่อนข้างหลากหลาย  และถกเถียงในเชิงวิชาการมามาก แต่ความเข้าใจไขว้เขวก็ยังคงดำเนินอยู่เรื่อยๆ เช่นกัน
    มีบทความอีกชิ้นที่อยากให้อ่านคือ ข้อเขียนของ นายสถิตย์ ไพเราะ ผู้พิพากษาอาวุโส
    "เหตุใดกฎหมายรัฐธรรมนูญจึงบัญญัติว่า  การพิจารณาพิพากษาอรรถคดีต้องดำเนินการในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ บัญญัติไว้เพราะเป็นไปตามแนวโบราณราชนิติประเพณีเดิมและเพื่อให้ศาลนำไปอ้างว่าเป็นผู้แทนองค์พระมหากษัตริย์หรือ นักกฎหมายควรจะต้องรู้ว่า ประเทศไทยปกครองโดยกฎหมายรัฐธรรมนูญที่เป็นระบอบประชาธิปไตย และพยายามจะเป็นนิติรัฐ ไม่ใช่ปกครองตามแนวโบราณราชนิติประเพณี ซึ่งเป็นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ฉะนั้นจึงต้องยึดรัฐธรรมนูญเป็นหลัก ไม่ใช่ยึดโบราณราชนิติประเพณีเป็นหลัก
    เมื่อต้นปี  ๒๕๔๙ มีนักการเมืองและคณะบุคคลกลุ่มหนึ่งทูลเกล้าฯ ขอนายกพระราชทานตามมาตรา ๗ ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.๒๕๔๐ โดยอ้างประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสอธิบายผู้พิพากษาประจำสำนักงานศาลยุติธรรม เมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน  ๒๕๔๙ ว่า “ข้าพเจ้ามีความเดือดร้อนมากที่เอะอะอะไรก็ขอพระราชทาน  นายกฯ พระราชทาน ซึ่งไม่ใช่การปกครองแบบประชาธิปไตย ถ้าไปอ้างมาตรา  ๗ ของรัฐธรรมนูญเป็นการอ้างที่ผิด มันอ้างไม่ได้ มาตรา ๗ มี ๒ บรรทัด ว่า  อะไรที่ไม่มีในรัฐธรรมนูญก็ให้ปฏิบัติตามประเพณีหรือตามที่เคยทำมา ไม่มี เขาอยากได้นายกฯ พระราชทาน เป็นต้น จะขอนายกพระราชทานไม่ใช่เป็นเรื่องการปกครองแบบประชาธิปไตย เป็นการปกครองแบบขอโทษพูดแบบมั่ว แบบไม่ ไม่ ไม่มีเหตุผล
    ผมคิดว่าใครก็ตามที่ชอบอ้างโบราณราชนิติประเพณี และอ้างเลยไปถึงว่าเป็นผู้แทนองค์พระมหากษัตริย์ ควรจะอ่านพระราชดำรัสที่ผมอัญเชิญมาข้างบนนี้หลายๆ หน เพื่อจะได้เข้าใจใส่เกล้าฯ ในระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยมากขึ้น โดยเฉพาะผู้พิพากษาในศาลยุติธรรม เพราะมาตรา ๒๖  แห่งพระราชบัญญัติข้าราชการฝ่ายตุลาการกำหนดคุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นผู้พิพากษาไว้ว่า ต้องเลื่อมใสการปกครองระบอบประชาธิปไตยโดยบริสุทธิ์ใจ ถ้าไม่รู้ว่าการปกครองแบบประชาธิปไตยคืออะไรก็คงเลื่อมใสไม่ถูกและขาดคุณสมบัติที่จะเป็นผู้พิพากษา
    ควรจะถามเสียก่อนว่า เหตุใดรัฐธรรมนูญจึงไม่บัญญัติว่า รัฐสภาและคณะรัฐมนตรีต้องดำเนินการในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์เหมือนผู้พิพากษา  ตุลาการ ทั้งๆ ที่อำนาจนิติบัญญัติและอำนาจบริหารมีความสำคัญมากกว่า  เพราะเป็นผู้มีอำนาจออกกฎหมายให้คนทั้งประเทศต้องปฏิบัติตามรวมทั้งศาลด้วย ดังกล่าวมาแล้ว หรืออย่างน้อยก็เท่ากับอำนาจตุลาการ ดังจะเห็นได้ว่ารัฐธรรมนูญทุกฉบับบัญญัติถึงอำนาจนิติบัญญัติและอำนาจบริหารไว้ก่อนอำนาจตุลาการตลอดมา และตำแหน่งเฝ้า ประธานรัฐสภาและนายกรัฐมนตรีก็นั่งหน้าประธานศาลฎีกา
    คำตอบ ก็คือเมื่อในทางทฤษฎีหรือทางกฎหมายรัฐธรรมนูญ กำหนดให้  พระมหากษัตริย์ทรงใช้อำนาจนิติบัญญัติทางรัฐสภา และอำนาจบริหารทางคณะรัฐมนตรี หมายความว่าในทางปฏิบัติ รัฐสภาและคณะรัฐมนตรีจะใช้อำนาจแต่เพียงผู้เดียวไม่ได้ ต้องทูลเกล้าฯ ให้องค์พระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธย  และประธานรัฐสภาหรือนายกรัฐมนตรีลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ จึงจะถูกต้องตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ มิฉะนั้นตกเป็นโมฆะ เพราะไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ...
    ...และมีความหมายด้วยว่า ผู้รับสนองพระบรมราชโองการต้องเป็นผู้รับผิดรับชอบในการออกกฎหมายนั้นๆ หรือในการปฏิบัติราชการบริหารนั้นๆ หากมีคนใดไม่เห็นด้วยหรือไม่พอใจก็ต้องวิพากษ์วิจารณ์ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการจะไปวิพากษ์วิจารณ์องค์พระมหากษัตริย์ไม่ได้ การปฏิบัติเช่นนี้ในทางปฏิบัติสามารถกระทำได้ เพราะงานของฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารที่ต้องทูลเกล้าฯ ให้ทรงลงพระปรมาภิไธยแต่ละปีมีไม่มาก ต่างกับงานของศาล ซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจตุลาการ"
    ที่จริงแล้วผมเห็นไม่ตรงกับท่าน นายสถิตย์ ไพเราะ ในหลายบทความของท่านที่เผยแพร่ในเว็บไซต์คณะนิติราษฎร์ แต่บทความชิ้นนี้ผมเห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์
    เพราะในความจริงที่ว่าจะมีผู้พิพากษาสักกี่คนที่อ้างว่าตัวเองคือตัวแทนในหลวง และให้ปฏิบัติตัวกับเขาอย่างปฏิบัติกับสถาบัน อย่างที่บทความของอาจารย์นิธิเขียนถึง 
     ผมไม่เข้าใจว่าอาจารย์นิธิใช้ความคิดในมิติไหน มาเหมารวมว่า การแต่งกาย, ท่านั่ง, หรือคำพูดของผู้เข้าฟังหรือ?ร่วมในการพิจารณาคดีนั้นลามมาจาก ความศักดิ์สิทธิ์ที่ผูก?ไว้กับสถาบันพระมหากษัตริย์สมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์
    รวมถึงพระบรมฉายาลักษ?ณ์ที่ติดไว้ในห้องพิจารณาคด?ีของศาลทุกแห่ง ที่อ้างว่าคือที่มาของความคลุมเครือ
    อย่าว่าแต่ศาลเลยครับ โรงแรมหรูห้าดาวลองลากแตะไปดูซิครับ ยามมันจะถีบกระเด็นกลับออกมา
    น่าจะมีสักครั้งในชีวิตการเป็นครูของอาจารย์นิธิ ที่มีนักศึกษาแต่งตัวสุภาพเรียบร้อยเดินเข้าไปพบในห้องทำงาน และนั่งตัวตรงฝั่งตรงข้ามที่โต๊ะทำงานของอาจารย์นิธิ และนักศึกษาคนนั้นใช้วาจาสุภาพเรียบร้อย เพราะเขาระลึกว่ากำลังคุยกับอาจารย์ผู้พร่ำสอนให้ความรู้เขาอยู่
    ผมว่าต้องมี!
    และต้องมีนักศึกษาที่ก้าวร้าว ที่ใส่รองเท้าแตะเสื้อผ้ายับยู่ยี่มาพบในห้องทำงาน และใช้วาจาสามหาว ไม่รู้ใครศิษย์ใครอาจารย์
    ทำนองเดียวกับที่นายโอ๊ค พานทองแท้ เขียนในเฟซบุ๊กว่า “ไม่เป็นไรครับ...ขู่ได้ขู่ไป...อย่าให้พ่อกูกลับมาได้ก็แล้วกัน”
    ที่จริงผมว่า แค่หัวเรื่อง "ศาลเจ้า" ไม่ใช่ "ศาลราษฎร" ก็บ่งบอกทั้งหมดแล้วว่า อาจารย์นิธิคิดอะไร เพราะ ๒ ศาลนั้นไม่เคยมี เว้นแต่ศาลสถิตยุติธรรม
    นอกจากเขาคนนั้นไม่พอใจระบอบที่เป็นอยู่ แล้วติไปเสียทั้งหมด หยิบมาแม้กระทั่งการแต่งตัวสุภาพเข้าศาล นั่นแหละครับถึงพูดเรื่องศาลเจ้า ศาลราษฎร  ในความหมายที่ไม่ต่างไปจาก สี่แยกราชประสงค์-ราษฎร์ประสงค์ 
    ครับ! ศุกร์ 13 นายกฯ ยิ่งลักษณ์จะไปเป็นแขกรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐในประเทศกัมพูชา ฟังดูแปลกๆ แต่ที่ไม่แปลกคือ บริษัทน้ำมันสัญชาติอเมริกันมากันตรึม คงอยากแบ่งเค้กในอ่าวไทยให้เสร็จเร็วๆ
    ผมเห็นข่าวเด็กกัมพูชาเสียชีวิตด้วยโรคลึกลับในเขมรแล้วถึง 64 ราย   ไม่ได้แช่งนะครับ ถ้าให้ผู้ใหญ่ไร้สำนึกตายเพราะโรคนี้แทน น่าจะเป็นการแลกที่คุ้มค่า แม้จะเป็นการแลกระหว่างผู้ใหญ่ไทยกับเขมรก็เถอะ.
                                          ผัดกาดหอม

http://www.thaipost.net/news/100712/59423
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6585 เมื่อ: 10 กรกฎาคม 2555, 16:30:56 »

ตอบมาแล้วครับ

"มัลลิกา" สวนโอ๊ค "กูไม่กลัวพ่อมึง จำไว้"


สงครามเฟซบุ๊ก หลัง "โอ๊ค" ไม่หยุด ประกาศ "กูไม่กลัวมึง-อย่าให้พ่อกูกลับมาได้ก็แล้วกัน" ด้าน "มัลลิกา" รองโฆษก ปชป. ออกโรงแทน "สุเทพ" จวกกลับทันควัน พร้อมยก 5 คดีอาญาและสำนวนระหว่างรอส่งฟ้องศาลเพียบ ยัน "ทักษิณ" ทำร้ายชาติ ตอกกลับ "กูไม่กลัวพ่อมึง จำไว้"...
ฯลฯ
อ่านเต็มฉบับและสาระครบครันที.......
http://www.thairath.co.th/content/pol/274896
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6586 เมื่อ: 10 กรกฎาคม 2555, 21:53:27 »

ว่ากันไปครับ ........

ครม.ขยาดสมนาคุณนักโทษ “แดงเผาเมือง” ชี้ขอสิทธิพิเศษเยอะเกินเหตุ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 กรกฎาคม 2555 19:20 น. 


แหล่งข่าว ครม.เผยเหตุตีกลับแนวทางช่วยเหลือครอบครัวนักโทษเสื้อแดงเผาเมือง ชี้ขอความช่วยเหลือเยอะเกินเหตุ ไล่ตั้งแต่ขอทุนการศึกษา ขอแปลงหนี้ ขอเบี้ยเลี้ยง ขอเงินเดินทางเยี่ยมนักโทษ ขอค่าซ่อมแซมบ้าน ขอรักษาฟรีทั้งวงศ์ตระกูล ไม่เว้นขออาชีพเสริม ชี้ เพิ่งอนุมัติงบประกันตัวผู้ต้องขังหมาดๆ
       
       วันนี้ (10 ก.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 10 ก.ค.มีมติให้ถอนเรื่อง แนวทางการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของครอบครัวผู้ต้องขังคดีอาญาที่มีลักษณะเกี่ยวเนืองกับความขัดแย้งในทางการเมืองที่ยังไม่ได้รับการประกันตัว ตามข้อเสนอของกระทรวงยุติธรรม ออกไปก่อน โดยให้เหตุผลว่า การประชุม ครม.เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่งอนุมัติงบประมาณในการประกันตัวผู้ต้องขังคดีอาญา ที่มีลักษณะเกี่ยวเนื่องกับความขัดแย้งทางการเมือง จึงอยากให้กระทรวงยุติธรรมกลับไปพิจารณา ยังมีความจำเป็นที่จะช่วยเหลืออีกหรือไม่ หรือถ้าจะช่วยเหลือตามข้อเสนอจะช่วยเหลือได้แค่ไหน
       
       แหล่งข่าวจาก ครม.แจ้งว่า ข้อเสนอแนวทางช่วยเหลือผู้ต้องขังทางการเมืองครั้งนี้ มีการเสนอจากกระทรวงยุติธรรมผ่าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เข้า ครม.เป็นวาระเพื่อพิจารณาเรื่องที่ 14 โดยไม่มีการแถลงมติแต่อย่างใด ทั้งนี้ เอกสารที่เสนอ ครม.เป็นกรณีให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมหลังจากที่ ครม.เคยมีมติจ่ายค่าเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองไปแล้ว โดยอ้างว่า มีผู้ต้องขังคดีอาญาซึ่งศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว และคดียังไม่ถึงที่สุด จำนวน 51 ราย มีความต้องการให้ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ต่อมากระทรวงยุติธรรมได้ตั้งคณะทำงานตรวจสอบ พบว่า ในจำนวน 51 ราย อยากให้ช่วยเหลือด้านต่างๆ ซึ่งบางรายมีความต้องการมากกว่า 1 ด้าน จำแนกเป็น 18 ราย อยากให้ช่วยสนับสนุนเงินกู้ตามโครงการของรัฐบาล ทุนการศึกษา หรือเงินบริจาคจากองค์กรเอกชน เนื่องจากประสบปัญหาค่าอุปกรณ์การศึกษา เช่น หนังสือ ชุดนักเรียน ค่ารถ ค่าอาหาร ทั้งนี้ ตามแนวทางช่วยเหลือได้กำหนดให้ สพฐ.มอบทุนยากจนคนละ 500 บาทต่อภาคเรียน เป็นต้น
       
       ส่วนประเภทที่สอง ต้องการให้ช่วยเหลือด้านหนี้สินและการดำรงชีวิต จำนวน 42 ราย ส่วนหนึ่งประสบปัญหามีหนี้สินนอกระบบ อยากให้แปลงหนี้นอกระบบให้เข้ามาในระบบเพื่อลดอัตราดอกเบี้ย อีกจำนวนหนึ่งประสบปัญหาหนี้สินในระบบ อยากให้ขยายเวลาการชำระหนี้ อีกจำนวนหนึ่ง ต้องการเงินค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตประจำวัน เนื่องจากขาดรายได้จาการถูกคุมขัง คิดเป็นค่าใช้จ่ายประจำวัน กทม.และปริมณฑล ประมาณวันละ 400 บาท ต่างจังหวัดประมาณวันละ 300 บาท ค่าใช้จ่ายในการไปเยี่ยมผู้ต้องขังประมาณ ครั้งละ 1,500 บาท และยังขอค่าซ่อมแซมบ้านด้วย

       ประเภทที่สาม ต้องการช่วยเหลือด้านการรักษาพยาบาล จำนวน 16 ราย ตั้งแต่ขอให้รักษาพยาบาลบุคคลในครอบครัว บิดา มารดา ภรรยา บุตร ไม่ว่าจะเป็นให้ออกค่ารักษาพยาบาล ค่ายารักษาโรคที่อยู่นอกเหนือบัญชีของสิทธิในการรักษาต่างๆ ขอให้ออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้กับญาติผู้ต้องขังที่อยู่ต่างจังหวัด มีฐานะยากจน ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
       
       ขณะที่ประเภทที่สี่ ต้องการช่วยเหลือด้านอาชีพ จำนวน 26 ราย โดยมีปัญหาการฝึกอาชีพ ไม่ได้ประกอบอาชีพต้องการมีรายได้ แต่ไม่มีความรู้ ต้องการประกอบอาชีพเสริม แนวทางการช่วยเหลือ ให้ช่วยเหลือตามกฎกระทรวงแรงงานพิจารณาจากกลุ่มบุคคลทั่วไป ผู้ไม่มีงานทำต้อกงารอาชีพเสริม ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล ส่วนผู้ที่ประสบปัญหาเงินทุนในการประกอบอาชีพ แนวทางช่วยเหลือให้ยึดตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ.2545 มีกองทุนหมุนเวียนให้กู้ยืมระยะสั้น 3-6 เดือน วงเงินการกู้ยืมตั้งแต่ 1 หมื่น ถึง 4.2 หมื่นบาท นอกจากนี้ มีกรณีขาดอุปกรณ์ประกอบอาชีพ จำนวน 5 ราย แนวทางช่วยเหลือให้ใช้เงินกู้กองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน และยังมีปัญหาสถานที่ประกอบอาชีพ เนื่องจากมีความรู้ในการประกอบอาชีพแต่ไม่มีสถานที่ค้าขาย ยังมีการขอรับการสนับสนุนค่าเช่าที่ดินเพื่อทำนา โดยมีแนวทางช่วยเหลือตามกฎกระทรวงแรงงานผ่านศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัด

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9550000084722
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6587 เมื่อ: 10 กรกฎาคม 2555, 22:12:56 »

ฟ้าเปิด "โรนัลโด้" ควงแฟนสาวอาบแดด-เที่ยวเกาะ


"โรนัลโด้" เริ่งร่า อากาศดี-ฟ้าเปิด พายเรือแคนูกับแฟนสาวเที่ยวรอบรีสอร์ตหรูเกาะยาว 2 ชั่วโมง โชว์ซิกแพก-ทูพีช อาบแดด ช่วงบ่ายย่องเงียบเหมาเรือสปีดโบ๊ต 2 ชั้น ไปเที่ยวอ่าวนาง-หมู่เกาะพีพี-อ่าวไร่เลย์และเกาะแก่งรอบๆ อุทยานแห่งชาติิหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ มีตำรวจสันติบาลคนเดียวดูแล คุยโว ถ้าอากาศดีแบบนี้อยู่ยาวจนถึงวันต่อสัญญาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ยอมรับ ทะเลอันดามันสวยตามคำร่ำลือ...


อ่านข่าวเต็มๆ กว่าหนึ่งหน้าได้ที่.........
http://www.thairath.co.th/content/sport/274994
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6588 เมื่อ: 11 กรกฎาคม 2555, 19:49:44 »

สวัสดีครับ

วันนี้หายไปทั้งวัน เนื่องจากตามแม่บ้านไปติดต่อ สนง.แรงงานจังหวัด เพื่อเตรียมขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าว(ต่ออายุ)
นี่ถ้า"นางซูจี" พาคนงานชาวพม่าของเธอกลับประเทศ ธุรกิจของคนไทยจะเป็นอย่างไร

มีผู้รับผิดชอบของรัฐคนหนึ่งออกมาบอกว่า พม่ากลับไป ก็จ้างปากีสถานหรือบังคลาเทศแทน
มันจะเป็นไปได้หรือ ?? คนละศาสนากันเลย
      บันทึกการเข้า
ti2521
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,987

« ตอบ #6589 เมื่อ: 12 กรกฎาคม 2555, 11:00:14 »


.....สวัสดีครับ พี่เหยง.....
      บันทึกการเข้า

เพื่อซีมะโด่งจุฬาฯ
สำหรับผม
อย่างไรก็ได้
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6590 เมื่อ: 12 กรกฎาคม 2555, 20:02:18 »

สวัสดีตี๋

สินค้าจากไร่นา ออกมาบ้างแล้วหรือยัง ??
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6591 เมื่อ: 12 กรกฎาคม 2555, 20:08:27 »

ฟ้าฝนกลับมาอีกรอบหนึ่งแล้ว
ฝนเพิ่มขึ้นทุกภาค โดยเฉพาะ กทม.และปริมณฑล ฝนมากถึงร้อยละ 80


พยากรณ์อากาศ  ประจำวันที่ 12 กรกฏาคม 2555
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 16:00 น.  มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีคลื่นกระแสลมตะวันออกเข้าปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป โดยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก อาจมีน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากเกิดขึ้นได้ในระยะ 1-2 วันนี้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยที่อาศัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านระมัดระวังอันตรายจากภัยดังกล่าวไว้ด้วย 

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 17:00 วันนี้ ถึง 17:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จังหวัดเชียงราย น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก และพิษณุโลก อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคกลาง  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดสระแก้ว ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูง มากกว่า 2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฏร์ธานี และนครศรีธรรมราช อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูง 2-3 เมตร
 
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-31 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6592 เมื่อ: 12 กรกฎาคม 2555, 20:11:49 »

สวัสดี หมอกำพล

กิจกรรมเดือนต่อไป เริ่มแล้วหรือยัง ??
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6593 เมื่อ: 12 กรกฎาคม 2555, 20:16:12 »

ข่าวพี่หอ 2515

นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ

         ที่ถูกย้ายไปเป็นที่ปรึกษานายกฯ ฝ่ายข้าราชการประจำ ได้รับมอบประกาศเกียรติคุณและครุฑทองคำ ในฐานะเป็นหนึ่งในผู้บริหารข้าราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี 2553-2554 เมื่อวันพุธ


http://www.thaipost.net/node/59527
      บันทึกการเข้า
หนุน'21
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
*****


ซีมะโด่ง'จุฬาฯ ที่มาของผม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: "ครุศาสตร์"
กระทู้: 26,927

« ตอบ #6594 เมื่อ: 13 กรกฎาคม 2555, 09:21:15 »

สวัสดีครับพี่เหยง
ไม่ได้เข้ามาเยี่ยมชมซะนาน
ได้อ่านสาระประโยชน์ ในหลายเรื่องราว หลายมุมมองเลย
ขอบคุณครับ


 รักนะ รักนะ
      บันทึกการเข้า

“สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในใต้หล้า ทั้งมิใช่ชื่อเสียง และไม่ใช่ทรัพย์ศฤงคาร หากแต่เป็นน้ำใจระหว่างคน ท่านหากได้มา พึงทะนุถนอมไว้
อย่าได้สร้างความผิดหวังต่อตนเองและผู้อื่น.” “วีรบุรุษสำราญ” “โกวเล้ง”
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6595 เมื่อ: 14 กรกฎาคม 2555, 21:01:54 »

สวัสดี หนุน

2 วันที่ผ่านมา พี่ก็ยุ่งพอสมควรครับ เดี๋ยวจะว่าให้ฟัง
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6596 เมื่อ: 14 กรกฎาคม 2555, 21:06:30 »

ฝนทั่วประเทศอยู่ในเกณฑ์ร้อยละ 60 ของพื้นที่

พยากรณ์อากาศ ประจำวันที่ 14 กรกฏาคม 2555
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 16:00 น.  มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน
ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองกระจายและมีฝนตกหนักบางแห่ง
 
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 17:00 วันนี้ ถึง 17:00 วันพรุ่งนี้. 

ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ และพิษณุโลก อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ นครพนม สกลนคร ชัยภูมิ และนครราชสีมา อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออก  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูง มากกว่า 2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดระนอง ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูง 2-3 เมตร
 
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6597 เมื่อ: 14 กรกฎาคม 2555, 21:10:39 »

เมื่อวานเช้า ช่วงก่อน 09.00 น. ออกไปประชุมมูลนิธิหลวงพ่อบุญนำ ชิตมาโร วัดนครสวรรค์มาครับ

เริ่มด้วยการถวายสังฆทานก่อน




      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6598 เมื่อ: 14 กรกฎาคม 2555, 21:14:21 »

จากนั้นจึงทำพิธีมอบแจกันดอกไม้แสดงความยินดีกับประธานมูลนิธิ (นายจิตตเกษม นิโรจน์ธนรัฐ) ซึ่งได้รับการเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเทศบาลนครนครสวรรค์ และคณะที่ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาเทศบาลยกชุด



      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6599 เมื่อ: 14 กรกฎาคม 2555, 21:16:16 »

จากนั้นจึงเริ่มประชุมคณะกรรมการมูลนิธิฯ

      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 262 263 [264] 265 266 ... 472   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><