28 เมษายน 2567, 16:41:23
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 529 530 [531] 532 533 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3239974 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #13250 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2557, 04:52:42 »



สาธยายพระไตรปิฎกนานาชาติ พุทธคยา   รัฐพิหาร  อินเดีย

"ทิฐิ" ในความปราถนาดีต่อผู้อื่น นั่นละตัวกู  ของกู ที่อันตราย
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #13251 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2557, 08:04:30 »

สวัสดีครับพี่สิงห์

จะไปอินเดียหรือครับ แล้วพี่กุศล ร่วมไปด้วยหรือไม่?
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #13252 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2557, 09:50:18 »

สวัสดีครับ คุณเหยง

จะไปดูงานที่เสปน วันที่ ๑๘-๒๔ พฤศจิกายน

จะไปร่วมสาธยายพระไตรปิฎกนานาชาติ วันที่ ๑-๑๔ ธันวาคม  

ดร.กุศล  ไม่ได้ไป เขาไปพม่า กับ ดร.อรพรรณ (มศว.)

คุณเหยง

ตอนนี้กระทรวงอุตสาหกรรมสั่งปิดโรงงานของ กฟภ.นครศรีธรรมราช ไม่มีกำหนด  มันเป็นคดีอาญา มันเป็นอย่างที่พี่สิงห์ บอก รถเป่าปูน ถังไซโลรูระบายอากาศมันตัน  ส่วนคดีตามที่ตำรวจลงบันทึกประจำวันนั้น เป็นเรื่องเท็จทั้งสิ้นสร้างเรื่องขึ้นมาปิดบังความจริง

การไฟฟ้า ไม่ยอมจ่ายเงินให้กับญาติผู้ตาย  โดยอ้างว่า เป็นความผิดของคนรถเป่าปูน และผู้รับเหมาที่ประมูลการจัดส่งขายปูนให้กับทางการไฟฟ้า  และผู้จัดการโรงงาน ไม่รู้สาเหตุว่า ทำไม? ท่อระบายอากาศไซโลมันตัน ไม่มีการตรวจสอบการใช้งาน คือไม่รู้เรื่องอะไรเลย มารับตำแหน่ง ในหน้าที่ที่ไม่เคยทำมาก่อน คนเดิมเกษียรอายุราชการเมื่อปีที่แล้ว

คนรถเป่าปูน  ผู้รับเหมาจัดส่งปูน อ้างว่า ถังปูนเป็นของ กฟภ. แต่ กฟภ.ไม่ดูแลให้ดี  เขามีหน้าที่เป่าปูนใส่เท่านั้น ไม่ได้รับผิดขอบหรือเป็นอจ้าของถังไซโลปูน จึงไม่ยอมจ่ายสตางค์ และคิดว่าไม่ผิด

หาคนรับผิดไม่ได้  เรื่องมันเลยไม่จบ  ทางกองเสา รองผู้ว่าผู้ดูแล และผู้ว่า กฟภ. ก็เฉย ๆ

เข้าใจว่า ศพ ยังไม่เผา  รอคดีความหรือการจ่ายสตางค์ตามที่เรียกร้อง  ตำรวจซวยแน่นอน เพราะ มันไม่ได้เป็นตามที่บันทึกประจำวันเอาไว้

มันเป็นเรื่องเป่าปูนลงถัง ท่อระบายอากาศมันตัน ตามรายงานของกระทรวงอุตสาหกรรม  ขณะนี้ก็ยังตันอยู่จริงเพราะโดนอายัด ลมมันออกไม่ได้ มันเลยไประเบิดฝาถังด้านบนบินมาตัดคอคนงานตาย

คุณเหยง  จบนิติ  ลองพิพากษาดู  
งานนี้ยาว ดี การไฟฟ้าจะได้เลิกผลิตเสาไฟฟ้า หันมาซื้อแทน ซื้อถูกกว่าผลิตเองเท่าตัวอยู่แล้ว เพียงแต่มันเลิกไม่ได้ต้องผลิต

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #13253 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2557, 09:55:53 »





สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

หลายท่านคงงงว่า พี่สิงห์  เอารูปเครื่องบินของ บ.การบินไทย ที่วิ่งออกนอก ทางวิ่งที่กำลังจะไปกลับลำที่หัวสนามบิน เพื่อทำการบินขึ้น แต่ล้อมันไม่เลี้ยว หรือ นักบินหักเลี้ยวไม่ทันเพราะกำลังคิด-ทำเรื่องอย่างอื่นอยู่ หรือ....ก็ไม่รู้ จึงวิ่งตกทางวิ่ง  เอาไว้รอผลการพิสูจน์จากกรมการบินพลเรีอนก็แล้วกัน  แต่อย่างที่ทราบ ผลการสอบจะเก็บเป็นความลับ ไม่เปิดเผยต่อสาธารณชน สักเท่าไร ดังที่เราได้รับทราบกัน

โชคร้ายของการบินไทย ที่เกิดเหตุการณ์ที่ต่างประเทศอีกด้วย  นี่ละเป็นขาลงของการบินไทย

แต่ผลที่พี่สิงห์  ได้รับคือ

- เห็นทิฐิของนักบิน การบินไทยบางคน เราไปถาม ไปว่าเขาไม่ได้เลย คือแตะต้องไม่ได้ มีความเป็นตัวกู  ของกูสูงยิ่ง

- เพราะความปราถนาดี  เป็นห่วง นี่ละ ทำให้เห็นความเป็นตัวกู  ของกู ของเรา ดังนั้น อย่าไปปราถนาดี กับใครมากนักแม้กระทั้งญาติ เขาคิดไม่เหมือนเรา

- ได้เข้าใจว่า ทำไม? เมื่อพระพุทธองค์ทรงตัดสินใจออกบวช  จึงไม่กลับหันหลังมามองเลย ว่ามันมีความสำคัญอย่างไรกับการถือเนกขัมมะ

- ได้เข้าใจว่า ทำไม? พระพุทธองค์ให้ระวังตนเอง สำรวมอินทรีย์  มันมีความสำคัญมากต่อการปฏิบัติธรรม

- กว่าจะเอาชนะ "หินทับหญ้า" มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย  การปลีกวิเวก  จึงเป็นสิ่งอันประเสริฐ เพราะสังคมมนุษย์เต็มไปด้วยความวุ่นวายของความคิด ความเป็นตัวกู ของกู ทั้งนั้น

- ได้เข้าใจว่า ทำไม? พระพุทธองค์จึงกำหนดคุณสมบัติของผู้ประพฤติธรรม นั้น ต้องไม่โอ้อวดในสิ่งที่รู้ ได้รู้สึก เพราะคนอื่นเขาไม่เข้าใจ และมีผลเสียมากกว่าผลดี แม้กระทั่งการสอนธรรม  ถ้าจะสอนต้องสอนให้เขาศรัทธาก่อน เป็นอันดับแรก คือการให้ทาน การทำความดี ผลของการไม่มีศีล ๕ นรก  สวรรค์ จนมีศรัทธาจึงจะสอนธรรมได้

นี่ละเมื่อใดมีทุกข์  ที่นั่นมีธรรม  ถ้าเราเป็นผู้เห็น  อย่าไปเป็นผู้เป็น 

ผู้ปฏิบัติธรรมต้องสำรวมอินทรีย์  ระวังตนเองยิ่ง  อุเบกขาให้มาก

พรุ่งนี้ วันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ เป็นวันปรินิพพานของพระสารีบุตร  เราจะมาระลึกในธรรมของท่านกันครับ

สวัสดี

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #13254 เมื่อ: 06 พฤศจิกายน 2557, 18:31:14 »



วันนี้ได้ไปรับหนังสือ แนะนำการปฏิบัติธรรม "ใหม่แกะกล่อง" มาจำนวน 500 เล่ม ตามที่ได้จองเอาไว้กับโรงพิมพ์

และได้มอบให้ ดร.ทองอยู่  ประธานรุ่น วศ.2513 จำนวน 120 เล่ม ส่งคนมารับไปแล้ว เพื่อเอาไปแจกให้กับผู้ที่ต้องการ ในงานเดิน-วิ่ง การกุศล ที่ วศ. 2513 จัดขึ้นที่สวนลุมพินีฯ เช้าตรู่วันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน นี้

สำหรับผู้ที่ต้องการอยากได้  พี่สิงห์  เอาใส่ไว้ท้ายรถ  เจอพี่สิงห์  ขอได้เลย และวันทำบุญเพลที่หอพัก จะเอาไปแจกสำหรับผู้ที่ต้องการเท่านั้น  เพราะเสียดาย  ถ้าไม่อ่านก็อยากให้คนอื่นมากกว่า

หรือใครอยากได้ ลงชื่อ ที่อยู่มาที่นี้ จะจัดส่งไปให้ครับ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #13255 เมื่อ: 06 พฤศจิกายน 2557, 18:33:45 »







เรียนเชิญ ทุกท่านไปร่วมเดิน-วิ่งการกุศลกับ วศ.2513 ที่สวนลุมฯ วันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน ครับ

ดร.สุริยา  ไปรถไฟฟ้าลอยฟ้า กับรถไฟใต้ดิน อย่างไหน? สะดวก กว่ากัน และลงสถานีไหน? ไม่เคยไปครับสวนลุมฯ จำได้ว่าเคยไปสมัยอยู่ชั้น ป.7 โรงเรียนวัดพระนอน

ก่อนวิ่ง พี่สิงห์  จะนำทุกท่านฝึกชิกง-โยคะ เป็นการอบอุ่นร่างกาย พบกันเวลาเช้าตรู่ หกโมง ครับ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #13256 เมื่อ: 06 พฤศจิกายน 2557, 19:13:57 »



วันนี้ เป็นวันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ เดือนเพ็ญเต็มดวง เป็นวันที่ พระสารีบุตร อัครสาวกเบื้องขวา ผู้มีปัญญามาก ได้ปรินิพพาน ในห้องที่ท่านเกิด เมืองนาลันทา ภายหลังจากได้เทศน์สั่งสอนมารดา จนบรรลุเป็นพระโสดาบัน

เราควรมารำลึกถึงธรรม ของท่าน
- ท่านสอนว่า เพราะผัสสะของอายตนะภายใน กับอายตนะภายนอก จึงเป็นเหตุให้กองทุกข์เกิดขึ้น  มันก็เป็นความจริง และ

- ธรรมที่ท่านสอนท่านอาณาบิณฑิกเศรษฐี ก่อนตายเพื่อไม่ให้ยึดมั่นถือมั่นในอายตนะภายใน ๖  อายตนะภายนอก ๖ ผัสสะ ๖ วิญญาณ ๖ เวทนา ๖ ธาตุ ๕ รูป-นาม โลกนี้-โลกหน้า วิญญาณที่เกิดนั้นจะไม่เกิดขึ้น และไม่ยึดมั่นในสิ่งที่ได้ยิน ได้ฟัง ได้ตรึก ได้ตรอง เพื่อให้ท่านอาณาบิณฑิกเศรษฐีจากไปอย่างไม่ยึดมั่นถือมั่นอะไรเลย คือให้มีสติ ก่อนตายนั่นเอง

- นอกจากนี้ท่านยังเป็นผู้สอน วิญญาณธาตุ เป็นธาตุที่ ๕ ต่อจาก ธาตุ ดิน  น้ำ  ลม  ไฟ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
pusadee sitthiphong
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 4,689

« ตอบ #13257 เมื่อ: 07 พฤศจิกายน 2557, 08:32:17 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 06 พฤศจิกายน 2557, 18:31:14


วันนี้ได้ไปรับหนังสือ แนะนำการปฏิบัติธรรม "ใหม่แกะกล่อง" มาจำนวน 500 เล่ม ตามที่ได้จองเอาไว้กับโรงพิมพ์

และได้มอบให้ ดร.ทองอยู่  ประธานรุ่น วศ.2513 จำนวน 120 เล่ม ส่งคนมารับไปแล้ว เพื่อเอาไปแจกให้กับผู้ที่ต้องการ ในงานเดิน-วิ่ง การกุศล ที่ วศ. 2513 จัดขึ้นที่สวนลุมพินีฯ เช้าตรู่วันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน นี้

สำหรับผู้ที่ต้องการอยากได้  พี่สิงห์  เอาใส่ไว้ท้ายรถ  เจอพี่สิงห์  ขอได้เลย และวันทำบุญเพลที่หอพัก จะเอาไปแจกสำหรับผู้ที่ต้องการเท่านั้น  เพราะเสียดาย  ถ้าไม่อ่านก็อยากให้คนอื่นมากกว่า

หรือใครอยากได้ ลงชื่อ ที่อยู่มาที่นี้ จะจัดส่งไปให้ครับ

สวัสดี
พี่สิงห์เก็บไว้ให้หนูด้วยนะคะ ปีนี้หนูไม่ได้ไปงานค่ะ เลื่อนไปเลื่อนมาตรงกับช่วงที่ไม่ว่างพอดีค่ะ
      บันทึกการเข้า

pom shi 2516
pusadee sitthiphong
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 4,689

« ตอบ #13258 เมื่อ: 07 พฤศจิกายน 2557, 08:38:27 »

คุณแม่พี่แม้วเสียค่ะ ได้ยินว่าจะฌาปนกิจวันอาทิตย์
      บันทึกการเข้า

pom shi 2516
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #13259 เมื่อ: 07 พฤศจิกายน 2557, 08:45:42 »



อาจารย์กำพล  ทองบุญนุ่ม

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

วันนี้เช้า รถไม่มาก เข้าใจว่าเมื่อคืนไปลอยกระทงกันดึก  ส่วนพี่สิงห์  ไม่ได้ไปลอยกระทงที่ไหน  อยู่บ้าน  ระลึกถึงธรรมของพระสารีบุตร

วันนี้ ได้หุงข้าวใส่บาตรพระที่หน้าบ้าน

ตอนนี้พี่สิงห์  อยู่สนามบินดอนเมือง เพื่อรอขึ้น Nok Air ไปทำงานที่นครศรีธรรมราช Boarding 09:15 น.

สังขารทั้งหลาย  ไม่เที่ยง
สังขารทั้งหลาย เป็นทุกข์
ธรรมทั้งหลาย เป็นอนัตตา

มนุุษย์ที่เขาบัญญัติเรียกเพื่อให้เข้าใจความหมายนั้น ประกอบไปด้วย รูป-นาม หรือ ร่างกายกับจิต เช่นเดียวกับคำว่ารถยนต์ ที่ประกอบไปด้วยโครง ตัวถัง เครื่องยนต์ กลไกต่าง ๆ เป็นต้น

รูป คือ ธรรมชาติที่ไม่รู้อารมณ์ นั้นประกอบไปด้วยธาตุดิน  ธาตุน้ำ ธาตุลม และธาตุไฟ มาประชุมกันด้วยเหตุ-ปัจจัย เป็นรูป อย่างที่เราเห็น เข้าใจกันได้

นาม คือ จิต หรือธรรมชาติของการรู้อารมณ์ ไม่มีตัวตน แต่มีอำนาจเหนือรูป-นาม ประกอบไปด้วย เวทนา  สัญญา  สังขาร และวิญญาณ

ในการปฏิบัติธรรม เจริญสติ พระพุทธองค์ให้เอาจิตมาอยู่ที่ฐานกาย  เวทนา  จิต  ธรรม  เพราะถ้าเราเอาจิตมายึดเกาะที่ฐานกาย เวทนา จิต ธรรม คือมีสติ-รู้สึกตัว ในฐานทั้งสี่นั้น เราจะไม่คิด เราจะสามารถเป็นผู้ดู  ไม่ไปเป็นผู้เป็น เห็นสภาพของการคิด สภาพของอารมณ์ต่าง ๆ ที่มากระทบจิต เห็นปฏิกิริยาของจิต ที่เกิดขึ้น เกิด-ดับ ๆๆๆ เพราะเราจะรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เพราะรู้สิ่งที่เกิดขึ้นก็ดับไปแล้ว

ในการปฏิบัติธรรม ท่านให้พิจารณาความเกิด-ดับ ของรูปธรรม นามธรรม มันจะเข้าใจได้ง่าย เพราะรูปธรรม นามธรรม มันไม่มีรูปร่าง เป็นเพียงสภาวะธรรมที่เกิดขึ้นกับรูป-นาม และรูปธรรม  นามธรรม มันก็ไม่มีตัวตน เพราะมันเป็นอนัตตา

แต่รูป(ที่เราเข้าใจกัน)มันเป็นรูปก็จริง แต่เพราะมันไม่เที่ยง เป็นทุกข์เพราะเกิดการ เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เราต้องคิดว่ามันไม่มีตัวตน เป็นอนัตตา เป็นเพียงธาตุทั้งสี่เท่านั้น มันจะได้ไม่ไปยึดมั่น ถือมั่นว่าเป็นตัวกู  ของกู

ในการปฏิบัติธรรม พรระพุทธองค์ท่านให้พิจารณารูปธรรม นามธรรม ที่่เกิดขึ้นกับรูป-นามเป็นปัจจุบัน

รูปธรรม คือสภาวะการเปลี่ยนแปลงของรูปที่เกิด-ดับ เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับความรู้สึก เช่น เย็น ร้อน อ่อน แข็ง สบาย ไม่สบาย เราเห็นมันเกิด-ดับ ด้วยความรู้สึกตัว ไม่มีอะไรเที่ยงเลย เมื่อเห็นแล้วมันมีอิทธพลแก่จิตเกิดเวทนา เมื่อเกิดขึ้นเราเห็น เรายังจะประคองจิตให้เป็นผู้ดู อุเบกขา เห็นความจริงในธรรมนั้น รู้สภาวะธรรม เห็นเหตุเกิด รู้เหตุแห่งการดับ และวิธีปฏิบัติทางสายกลางในการที่จะอุเบกขา ได้  จิตมันจะหน่ายไปเอง

นามธรรม คือสภาวะธรรมที่มากระทบจิต จิตเกิดอารมณ์ต่อต้าน ไม่ชอบ ชอบยินดี เพลิดเพลิน มีการเปลี่ยนแปลงเกิด-ดับ เมื่อเรามีสติ-รู้สึกตัวมันก็ดับ เมื่อเราไม่มีสติ-รู้สึกตัว มันก็ไหล หลงไปกับอารมณ์ ความคิดนั้น อารมณ์ที่เกิดรวมแล้วก็ความโลภ โกรธ หลง นั่นเอง

การปฏิบัติธรรม ท่านจึงให้เราเป็นผู้ดูในรูปธรรม นามธรรม ที่เกิดขึ้นเป็นปัจจุบัน  รักษาการมีสติ-รู้สึกตัว ในฐานทั้งสี่เข้าไว้เพียงเท่านั้น ทุกสิ่งท่านจะทราบเอง เมื่อท่านสามารถละนิวรณ์ ๕ ได้ เพราะจิตท่านจะเป็นจิตที่ควรแก่งานเรียนรู้ทางวิปัสสนาปัญญา มันจะเห็นสภาวะในรูปธรรม  นามธรรม ได้เอง

ลองหามันให้พบ ด้วยการเจริญสติ ที่เป็นทางเอกสายเดียวสู่พระนิพพาน

ท่านจะมีอริยทรัพย์เกิดขึ้น ท่านจะรู้ได้เอง เพราะมันเป็นปัจจัตตัง

อริยทรัพย์นั้น ประกอบด้วย ศรัทธา  ศีล  พหุสัจจะ  จาคะ  หิริ  โอตัปปะ และปัญญา(อยู่ด้วยสติ-สัมปชัญญะ)

สวัสดี



      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #13260 เมื่อ: 07 พฤศจิกายน 2557, 08:47:47 »

อ้างถึง
ข้อความของ pusadee sitthiphong เมื่อ 07 พฤศจิกายน 2557, 08:38:27
คุณแม่พี่แม้วเสียค่ะ ได้ยินว่าจะฌาปนกิจวันอาทิตย์

ฌาปนกิจกี่โมง  ที่ไหน  ไปอย่างไร  บอกด้วย ยังมีเวลาไปได้ทัน

จะไป  ขอบคุณมาก ที่บอกให้ทราบ  จะเอาหนังสือไปให้

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
pusadee sitthiphong
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 4,689

« ตอบ #13261 เมื่อ: 07 พฤศจิกายน 2557, 09:42:46 »

วันอาทิตย์บ่ายโมง สุสานบ้านเด่นค่ะ
      บันทึกการเข้า

pom shi 2516
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #13262 เมื่อ: 07 พฤศจิกายน 2557, 12:58:08 »



สมเด็จโตกับหัวโขน

สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ไม่เพียงเป็นพระที่รอบรู้ในทางปริยัติธรรมเท่านั้น หากยังเชี่ยวชาญด้านวิปัสสนาธุระ จนเชื่อกันว่าท่านทรงคุณวิเศษทางวิทยาคม

คุณวิเศษของท่านมักถูกกล่าวถึงในแง่อภินิหาร แต่อภินิหารนั้นยังเป็นเรื่องโลกียะ ที่สูงขึ้นไปกว่านั้นคือโลกุตตระ ได้แก่การอยู่เหนือโลก อันโลกธรรมทั้งหลายไม่อาจฉาบย้อมได้ องค์คุณประการหลังนี้ท่านได้บำเพ็ญและแสดงให้เห็นตลอดชีวิต ตัวอย่างหนึ่งได้แก่การไม่ใส่ใจกับสมณศักดิ์พัดยศ ซึ่งท่านเห็นว่าเป็นแค่ “หัวโขน” เท่านั้นเอง

ตามธรรมเนียม พระที่ทรงสมณศักดิ์อย่างท่านย่อมมีศิษย์วัดแจวเรือให้เวลาเดินทาง แต่เนื่องจากท่านชอบประพฤติตนอย่างพระอนุจรหรือพระลูกวัด ดังนั้นเมื่อใดที่เห็นศิษย์แจวเรือเหนื่อย ท่านก็จะให้นั่งพักเสีย แล้วท่านก็แจวแทน

มีคราวหนึ่งท่านได้รับนิมนต์ไปในงานที่จังหวัดนนทบุรี ขากลับเจ้าภาพได้ให้บ่าว ๒ คนผัวเมียแจวเรือมาส่ง ระหว่างทางผัวเมียคู่นี้เกิดทะเลาะกันอย่างรุนแรง ท่านเห็นเช่นนั้นจึงขอให้ทั้งสองเลิกวิวาทกันและให้เข้ามานั่งพักในประทุน แล้วท่านก็แจวเรือมาเองจนถึงวัดระฆัง

แต่ที่กล่าวขานกันมากก็คือตอนที่ท่านไปสวดมนต์ในสวนแห่งหนึ่ง เขตราษฎร์บูรณะ ฝั่งธนบุรี สวนแห่งนี้ต้องเข้าทางคลองเล็ก ท่านไปด้วยเรือสำปั้นกับศิษย์ โดยเอาพัดยศไปด้วย บังเอิญเวลานั้นน้ำแห้งเข้าคลองไม่ได้ ท่านจึงลงเข็นเรือกับศิษย์ท่าน ชาวบ้านก็ร้องบอกกันว่า “สมเด็จเข็นเรือโว้ย” ท่านได้ยินก็ตอบไปว่า “ฉันไม่ใช่สมเด็จดอกจ้ะ ฉันชื่อขรัวโตจ้ะ สมเด็จท่านอยู่ในเรือน่ะจ้ะ” ว่าแล้วก็ชี้มือไปที่พัดยศ สักพักชาวบ้านก็ลงมาช่วยกันเข็นเรือไปจนถึงบ้านงาน

เรื่องนี้สอนว่า หัวโขนนั้นพึงถอดวางเมื่อลงจากเวทีฉันใด สมณศักดิ์ก็มิใช่สิ่งซึ่งพึงยึดถือเป็น “ตัวกู ของกู” ฉันนั้น

เขียนเล่าเรื่อง พระไพศาล วิสาโล
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #13263 เมื่อ: 07 พฤศจิกายน 2557, 13:02:16 »



ที่ระลึกจากหญิงสาว

หลวงพ่อชา สุภัทโท เป็นผู้ฉลาดในการสอนศิษย์ นอกจากการกระตุ้นให้เหล่าพระเณรมีความเพียรในการปฏิบัติและเคร่งครัดในพระ วินัยแล้ว ท่านยังใส่ใจในความเป็นไปของลูกศิษย์ และให้คำแนะนำที่ “โดนใจ”อยู่เสมอ

ปัญหาหนึ่งที่มักเกิดแก่พระหนุ่มเณรน้อยก็ คือ ความใคร่ในกาม คราวหนึ่งท่านสังเกตเห็นพระหนุ่มรูปหนึ่งมีอาการร้อนผ้าเหลืองด้วยนึกถึง สีกา ท่านจึงทักขึ้นว่า “งูเห่าตายแล้วหรือยัง” พระรูปนั้นฟังแล้วก็หน้าแดง ท่านจึงพูดต่อว่า
“ระวังนะ อย่าให้งูเห่ามันฉก วันไหนมันแผ่แม่เบี้ยมาก ๆ ก็ให้ทำความเพียรให้มาก”

อีกคราวหนึ่งพระอาจารย์พรหมวังโสได้เล่าว่า ขณะที่ท่านและเพื่อนพระนวกะกำลังนั่งรถอยู่กับหลวงพ่อ จู่ ๆ ท่านก็หันมามองพระหนุ่มชาวอเมริกันแล้วพูดว่า “ท่านกำลังคิดถึงแฟนที่อเมริกาใช่ไหม” พระหนุ่มรูปนั้นประหลาดใจว่าหลวงพ่อทราบได้อย่างไร

แล้วหลวงพ่อก็บอกว่า “ไม่ต้องห่วง เรื่องนี้จัดการได้ ให้ท่านเขียนจดหมายถึงเธอ บอกให้เธอส่งของส่วนตัวบางอย่างมาให้ท่าน เอาสิ่งที่ใกล้ชิดกับตัวเธอที่สุด ท่านจะได้เอาออกมาชื่นชมได้เวลาคิดถึงเธอ”

พระหนุ่มถามด้วยความประหลาดใจว่า “พระเราทำได้หรือครับ”
“ทำได้สิ” ท่านตอบ หลวงพ่อขยายความเพิ่มเติมว่า
“ท่านควรจะขอให้เธอส่งขี้ใส่ขวดมาให้ เมื่อไหร่ที่ท่านคิดถึงเธอ จะได้หยิบขวดขี้ของเธอออกมาสูดดม”
ได้ยินเพียงเท่านี้ ความรัญจวนหวนคะนึงถึงหญิงสาวก็หายไปจากใจพระหนุ่มโดยพลัน.

เขียนเล่าเรื่อง พระไพศาล วิสาโล
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #13264 เมื่อ: 07 พฤศจิกายน 2557, 13:35:08 »

พี่สิงห์


เป็นกุศโลบายที่แยบยลของ หลวงพ่อชา ทีเดียว
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #13265 เมื่อ: 07 พฤศจิกายน 2557, 19:08:24 »

สวัสดีครับ คุณเหยง

ขอบคุณมาก

เป็นการสอนธรรมที่ดี  อีกแบบหนึ่ง ทำให้ผู้ฟังเขินอาย รู้สึกตัว ได้ผลมาก

วันอาทิตย์  ไม่ได้ไปวิ่ง-เดินการกุศลแล้ว

ขอไปงานฌาปนกิจศพคุณแม่  ของแม้ว  ที่เชียงใหม่ ดีกว่าครับ เพราะท่านเคยให้ข้าว-ปลาเรากิน ให้ที่อยู่อาศัย และเป็นแม่ของ แม้ว  เมื่อรู้จึงต้องไป  และไปกินข้าวเพลที่บ้าน ก่อนเคลื่อนย้ายศพไปฌาปนกิจ ตอนบ่ายโมง  วันนี้ได้โทรศัพท์ไปคุยกับแม้ว  มาแล้ว เขาชวนไปกินข้าวเพลที่บ้าน

และจะนอนค้างเชียงใหม่หนึ่งคืน พักที่โรงแรม The Park ได้จองโรงแรมเอาไว้แล้ว รุ่งขึ้นไปเยี่ยมพรรคพวกที่จอมทอง PPS

ส่วนการแจกหนังสือที่สวนลุมฯ  ได้ขอแรงให้ ดร.สุริยา  ช่วยจัดการให้ด้วย

เรายังอยู่ในสังคม  ก็อย่างนี้แหละ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #13266 เมื่อ: 07 พฤศจิกายน 2557, 20:31:12 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องป้อม ที่รัก

ไปกินข้าวเพล  กับ พี่สิงห์  ที่บ้านแม้วด้วยกันไหม ?

พี่สิงห์ ไปถึงเชียงใหม่ 10:15 น. พนักงานจาก PPS คอนกรีต ไปรับที่สนามบิน พาไปบ้าน แม้ว

พักที่ The Park

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #13267 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2557, 06:17:26 »



ใครต้องการหนังสือเล่มนี้ บอกชื่อ-ที่อยู่ในกระทู้นี้ จะจัดส่งไปให้
เป็นหนังสือ แนวทางการปฏิบัติธรรม  พี่สิงห์  รับรองว่าในเนื้อหาของหนังสือนั้นถูกต้อง เป็นจริงตามนั้น



สวัสดียามเช้าครับ ชาวซีมะโด่ง  และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

วันนี้ หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปลายแหลมญาน จะพัดผ่านอ่าวไทย ขึ้นฝั่งที่สุราษฎร์ธานี ฝนตกหนักทั่วภาคใต้ตอนร่าง  นครศรีธรรมราช ฝนคงตกหนัก

ไม่รู้ว่า Nok Air  จะสามารถลงที่สนามบินนครศรีธรรมราช ได้หรือไม่

ทุกปัญหาในการทำงาน ดำรงชีวิตนั้น ท่านให้เราเรียนรู้ ให้เข้าใจในปัญหานั้นอย่างท่องแท้ ขอเพียงรู้  ปัญหาก็หมดไป

ทุกปัญหาในการทำงาน ดำรงชีวิตนั้น ท่านให้เราละ ละที่สาเหตุแห่งการเกิดปัญหานั้น สิ่งแรกที่ต้องทำคือ หาสาเหตุแห่งการเกิดปัญหานั้นให้พบ  ว่านี่คือสาเหตุแห่งการเกิดอย่างแท้จริง ท่านให้ละ

วิธีแก้ปัญหาในการทำงาน ดำรงชีวิตนั้น ท่านให้ทำให้แจ้ง(ให้รู้) หมายความว่า เราต้องแก้ที่สาเหตุแห่งการเกิดปัญหานั้น อย่าไปแก้ที่กลาง หรือปลายแห่งสาเหตุ มันจะแก้ไม่ได้ จะดับปัญหาต้องดับที่สาเหตุแห่งปัญหา ถึงต้องทำให้แจ้ง  ให้รู้ นั่นเอง

วิธีปฏิบัติในการแก้ปัญหานั้น คือมรรค ๘ ท่านให้เจริญ หมายความว่าทำมรรคนั้นให้เกิดขึ้นครบทุกมรรค มันจะแก้มันปัญหาทุกสิ่งได้ แม้กระทั้งปัญหาในการทำงาน  ท่านจะพบมันได้เอง เพราะจิตท่านมีมรรคครบทุกมรรค มันจะใช้ปัญญาในการทำงานนั้น จนสำเร็จได้

สวัสดเี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #13268 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2557, 07:59:00 »



ทักษิณาทาน

ทักษิณาทาน คือการทำบุญกับผู้ที่สมควรได้รับ ผู้ให้จะได้อานิสสงมาก และผู้รับก็สมควรจะได้รับ เช่น พระพุทธองค์ พระอรหันต์  โดยเฉพาะพระอรหันต์ที่เพิ่งเสร็จสิ้นการเจริญสติภาวนาบำเพ็ญความเพียร ที่ออกจากป่า กุฏิล้าง เพราะท่านยังไม่ได้รับอาหาร

นอกจากนี้ ผู้ที่สมควรได้รับรองลงมาคือพระอนาคามี  พระสกคามี และพระโสดาบัน ผู้ให้จะได้รับอานิสสงมาก

การให้ทาน ที่รองลงมา คือพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบในปาฏิโมกข์ พระ เณร แม่ชี อุบาสก  อุบาสิกาผู้อยู่ในศีล ปฏิบัติธรรม

ลองลงมาคือ บุคคลทั่วไปที่สมควรได้รับการอนุเคราะห์ คือ บุคคลที่พิการ หรือผู้ประสพภัยภิบัติต่างๆ เป็นต้น

ผลของการให้ทาน ท่านจะสุขใจ อิ่มเอิบใจ ในชาติปัจจุบัน และมีผลส่งไปในภพหน้าท่านจะมีวรรณะผ่องใส มีทรัพย์ ได้ลาภ มีบริวาร-มิตรที่ดี

นอกจากนี้การให้ทาน  ยังเป็นการฝึกทำลายความตระหนี่-ริษยา  ที่เกิดขึ้นกับจิต  อีกด้วย

การให้ทาน ยังเป็นมงคลสูงสุด และเป็นอริยะทรัพย์  จะติดจิตท่านไปในภพหน้าด้วย

ในสมัยพุทธกาล พระมิตตะ บำเพ็ญเพียรอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่งใกล้หมู่บ้าน  ทุกเช้าท่านจะมาบิณฑบาตรที่บ้านโยมบ้านหนึ่ง โยมท่านก็ใส่บาตรพระทุกวัน โดยไม่บกพร่องเลย

วันหนึ่งท่านละจากการบำเพ็ญความเพียรมาถึงบ้านโยมเช้ามืด มายืนรอหน้าบ้าน ได้ยินโยมแม่ สั่งลูกสาวตนเองว่า นี่ลูก เจ้าจงเอาข้าวเก่าอย่างดี  นม เนยใส เหล่านี้ปรุงอาหารให้ปราณีต ให้พระของเราที่จะมาบิณฑบาตรเช้าวันนี้ แม่มีธุระ ต้องออกไปทำงานนอกบ้านวันนี้

ลูกสาวได้ถามแม่ว่า แม่เอา ข้าว นม เนยใส อย่างดีมาปรุงอาหารให้พระ แล้วแม่กินข้าว ที่ไหน

แม่ตอบลูกสาวว่า  แม่กินข้าว อาหาร ที่เหลือจากเมื่อวานแล้ว

ลูกสาวถามแม่ว่า แล้วข้าวกลางวันแม่จะกินอะไร

แม่ตอบลูกสาวว่า เจ้าจงเอาปลายข้าว  ผสมน้ำผักดอง หุงข้าวให้แม่กินก็พอแล้ว

พระมิตตะ ได้ฟังแม่ บอกลูกสาวตนเองอย่างนั้น ก็ได้คิดว่า เราไม่ได้เป็นอะไรกับโยม เลย แต่ทำไม โยมท่านปฏิบัติต่อเราดีดังนี้ ท่านหวังอะไรจากเรากันหนอ ?  ท่านคงหวังผลบุญที่ให้ทานต่อเรา นั่นเอง(ทักษิณาทาน) แต่เรายังไม่สมควร ไม่มีคุณสมบัติที่โยม สมควรให้ทานแก่เรา

เมื่อคิดได้ดังนั้น พระมิตตะ ก็เดินกลับถ้ำตัวเอง ตั้งสัจจะว่า ถ้ายังไม่บรรลุธรรม  จะไม่ออกไปรับบิณฑบาตร
ท่านก็ตั้งใจบำเพ็ญเพียรภาวนาจนสำเร็จเป็นพระอรหันต์  เทวดาที่เฝ้าปากถ้ำ พอรู้ว่าพระมิตตะ ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว ก็ได้มาปรากฏตัวตรงหน้าพระมิตตะ และกล่าวว่า

ท่านนิรทุกข์  บัดนี้จิตของท่านพ้นจากกิเลสแล้ว ท่านสมควรจะได้รับทักษิณาทาน  ขอเชิญท่านออกไปบิณฑบาตรเถิด

พระมิตตะ ก็ได้ออกไปบิณฑบาตรด้วยจิตใจที่บริสุทธฺปราศจากกิเลส  ผิวพรรณผ่องใส ไปยังบ้านของโยม

โยมก็บังเกิดความอิ่มเอิบใจในการให้ทานวันนี้ ก็มีใบหน้าผ่องใส เช่นกัน ที่ได้ให้ทานกับผู้ที่สมควรให้ทานเป็นทักษิณาทานเกิดขึ้น ทั้งผู้ให้ และผู้รับ เป็นเนื้อนาบุญของโลก

ตลอดพรรษา ที่ผ่านมาญาติ คนที่ไม่รู้จัก เขามาให้อาหารแด่เรา ผู้ถือศีล ปฏิบัติธรรม อยู่วัด เขาหวังอะไรจากเรา !

เขาหวังว่า เราคงเป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ  สำรวมด้วยศีล ปฏิบัติธรรมเจริญสติภาวนา ให้มีความเพียร ไม่ต้องกังวลในอาหาร  แล้วเราละ เป็นไปตามท่านเหล่านั้นหวังเอาไว้หรือยัง ? เราต้องมาเตือนตัวเองบำเพ็ญความเพียรภาวนาเจริญสติ ให้มากกว่านี้  จึงจะสมควรได้รับการทักษิณาทาน ! จากท่านเหล่านั้นที่มาดูแลให้อาหารแด่เรา

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #13269 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2557, 10:12:47 »



ตับของอาจารย์กำพล  ทองบุญนุ่ม  มันเกือบจะไม่ทำงานแล้ว เปลี่ยนใหม่ก็ไม่ได้  ได้แต่รอวันสิ้นลมเท่านั้น
ท้องท่านโตเพราะมันมีน้ำในท้องเพราะตับไม่ทำงาน วันลอยกระทงเจาะน้ำออกไป 3.8 ลิตร ค่อยดีขึ้นหน่อย



ความลับของความไม่ทุกข์

“คนเราสมัยนี้แสวงหาความสุข
และก็วิ่งหนีความทุกข์ แต่ความสุข
มันวิ่งหนี ความทุกข์วิ่งไล่ ความสุข
จึงเปรียบเหมือนคนที่เรารัก แต่ความทุกข์
เปรียบเหมือนคนที่รักเรา เพราะมันมัก
ติดตามเราเป็นเงาตามตัว คนเราจึงมองว่า
ความสุขหายาก ความทุกข์หาง่าย
แต่ถ้าเรารู้วิธีและเคล็ดลับของวิธีคิด
คนเราจะพบว่า ความสุขหาง่าย ความทุกข์หายาก
ต้องเริ่มต้นจากวิธีคิด และมีวิธีปฏิบัติที่ถูกต้องก่อน
นี่เป็นความลับที่ทุกคนสามารถทำได้ เราแค่
มองโลกและชีวิตในแง่ดี ในแง่ถูกต้อง
ในแง่บวกก็ได้ ถ้าเรามองดูร่างกายแล้ว
เราไม่ต้องวิ่งหาความสุข เพราะความสุข
ในตัวเรานี่มีอยู่แล้วนะ เรากินอิ่ม นอนหลับ
ขับสะดวก เป็นความสุขขั้นพื้นฐานแล้ว
เราสามารถมีได้เลย แม้แต่คนพิการจะขนาดไหน
ก็ยังมีส่วนที่ใช้ประโยชน์ที่จะมีความสุขได้
ดีกว่าเราไปมองว่า เราแย่ เราไม่ไหวเลย”

อ.กำพล ทองบุญนุ่ม ชมรมเพื่อนคุณธรรม
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #13270 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2557, 10:15:14 »



เวลา.ไม่ค่อยมี..

“เดี๋ยวนี้ใครๆมักจะบ่นว่าชีวิตเร่งรีบมาก
มีเวลาว่างน้อยลง หลายคนโทษสภาพแวดล้อม
ในเมืองที่วุ่นวาย แต่ลืมมองไปว่า ตนเองก็มีส่วน
ไม่น้อยที่ทำให้วิถีชีวิตของตนอยู่ในภาวะดังกล่าว
เวลาในแต่ละวันไม่เพียงหมดไปกับการทำมา
หากินเท่านั้น แต่จำนวนไม่น้อยยังถูกใช้ไป
กับการบริโภคสิ่งต่างๆรวมทั้งข้อมูลข่าวสาร
ถ้าเราเพียงแต่บริโภคให้น้อยลง จะพบว่า
เรามีเวลาว่างมากขึ้น สุขภาพกายและ
สุขภาพจิตดีขึ้น ความเครียดน้อยลง”

พระไพศาล วิสาโล





ไม่มีเวลาปฏิบัติธรรม เพื่อความหลุดพ้นห่วงโซ่แห่งความทุกข์

แต่เดี๋ยวนี้ ทุกคนมีเวลากับโทรศัพท์ มือถือ ที่มีแต่ความทุกข์มากขึ้น 5555!
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #13271 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2557, 10:17:48 »


“เวลาขัดแย้งกันถึงขั้นมีปากมีเสียงกัน เราไม่ควรคำนึงแต่เหตุผลหรือยึดติดกับความถูก-ผิดมากนัก เพราะถึงแม้เราจะเอาเหตุผลหรือหลักฐานมายืนยันว่าเราเป็นฝ่ายถูก ก็ใช่ว่าความขัดแย้งจะคลี่คลายไปได้ จะมีประโยชน์อะไรหากเราเป็นฝ่ายถูก แต่อีกฝ่ายยังรู้สึกเจ็บปวดและแค้นเคือง ถ้าอีกฝ่ายไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคนที่เรารักหรือใกล้ชิดเรา ผลเสียย่อมตามมาอีกมากมาย ทั้งนี้ยังไม่ต้องพูดถึงการใช้เหตุผลในการกล่าวหาโจมตีอีกฝ่ายว่าเป็นผู้ผิด ซึ่งยิ่งเท่ากับสร้างความเจ็บแค้นแก่กันและกันให้มากขึ้น”

พระไพศาล วิสาโล


กรณีเป็นญาติ หรือคนที่เรารัก  สู้เราระวังตนเองด้วยการยอมถอย ปิดปากเงียบ ไม่โต้ตอบ อุเบกขา เรื่องมันก็จบ เพราะเราระวังตนเองได้ ด้วยการมีสติ  แต่เราระวังคนอื่นไม่ได้ เพราะเขาหลงอยู่ในความคิด มีแต่วิวาทเท่านั้น

ท่านเลือกเอา  อยากจะวิวาท หรือ อยู่ด้วยอุเบกขา

แต่ถ้าเป็นพี่สิงห์  อุเบกขา  ถอยออกมาอย่างเดียว เพราะคนมันหลงอยู่ในความคิด เขาไม่ฟังเราหรอก ไม่ว่าจะมีเหตุผลอย่างไรก็ตาม เพราะนั่นคือพฤติกรรมของจิตมนุษย์คิดเข้าข้างตนเองเสมอและด้วยทิฐิมานะ ตัวกู  ของกู ละ

เมื่อเป็นดังนี้  เดี๋ยวนี้ต้องอยู่อย่างผู้แพ้เสมอ  ไม่ว่าเราจะผิด หรือถูก มันเป็นหนทางแห่งสันติสำหรับเรา
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #13272 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2557, 13:01:21 »



หย่อมความกดอากาศต่ำ กำลังขึ้นฝั่ง

เครื่อง Nok Air จะบินลงนครศรีธรรมราช ได้ไหมหนอ ?

มันจะมีผลต่อเนื่องเพราะ พรุ่งนี้ต้องบินไปเชียงใหม่ Boarding 09:05 น. ถึงเชียงใหม่ 10:15 น. ไปกินข้าวเพลได้ทันที่บ้านคุณแม้ว

แต่ถ้าเครื่อง Nok Air ไม่มารับที่นครศรีธรรมราช  คราวนี้ละยุ่งแน่ ๆ (คนเราก็วิตกกังวลไปในอนาคตแบบนี้ละ ทั้ง ๆ เหตุการมันยังมาไม่ถึง) แต่ไม่ได้วิตกกังวลจนถึงกินไม่ได้  นอนไม่หลับ อะไรมันจะเกิด  ก็ต้องเกิด เพราะมันมีเหตุ-ปัจจัยของมัน มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่ต้องเกิด  แต่เรามันต้องไปเท่านั้น

ยังมีเวลาอีกสองชั่วโมง หวังว่ามันคงจะพัดผ่านไปแล้ว ให้เครื่องบิน Nok Air สามารถบินผ่าน และบินลง-ขึ้นที่สนามบินนครศรีธรรมราชได้

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #13273 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2557, 13:51:49 »

ขอเอาใจช่วย ให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี และสมความตั้งใจครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #13274 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2557, 13:58:00 »

สวัสดีครับ คุณน้องเริง 2520

สบายดีนะครับ

พี่สิงห์  ก็หาเรื่องเขียนไปอย่างนั้นเอง  ดีกว่าอยู่เฉย ๆ เพราะไม่มีอะไรจะทำมากนัก การงานก็ทำหมดแล้ววันนี้  งานหน้างานก็ทำไม่ได้เพราะฝนมันตก  รอขึ้นเครื่อง Nok Air กลับบ้าน  จะนั่งปฏิบัติธรรม สภาพมันไม่สัปปายะ  เขาจะหาว่าบ้า  เราก็ต้องระวังเหมือนกัน

สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 529 530 [531] 532 533 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><