29 เมษายน 2567, 14:21:44
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 111 112 [113] 114 115 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3240488 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
lek_adisorn
Hero Cmadong Member
***

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,595

« ตอบ #2800 เมื่อ: 09 สิงหาคม 2554, 07:34:06 »









      บันทึกการเข้า
lek_adisorn
Hero Cmadong Member
***

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,595

« ตอบ #2801 เมื่อ: 09 สิงหาคม 2554, 07:36:30 »









      บันทึกการเข้า
lek_adisorn
Hero Cmadong Member
***

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,595

« ตอบ #2802 เมื่อ: 09 สิงหาคม 2554, 07:40:12 »











      บันทึกการเข้า
lek_adisorn
Hero Cmadong Member
***

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,595

« ตอบ #2803 เมื่อ: 09 สิงหาคม 2554, 07:46:57 »





















      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #2804 เมื่อ: 09 สิงหาคม 2554, 15:04:47 »



พี่สิงห์,
ฮั่นแน่,ถ่ายมากี่รูปคะ?
ลงหมดแน่นะพี่?
เดี๋ยวหนิงscrollกลับไปนับ.
      บันทึกการเข้า


Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2805 เมื่อ: 09 สิงหาคม 2554, 15:39:47 »

                       วันนี้ต้องขอบคุณเป็นพิเศษให้กับ คุณอดิสร (เล็ก) ที่เอื้อเฟื้อต่อพี่สิงห์ ในสิ่งที่อยากได้ครับ วันนี้ผมไปสำนักงานของอดิสรมาครับ โดยนั่งรถใต้ดินไปโผล่ศาลาแดง ต่อ บนดินไปลงสุรศักดิ์ แล้วเดินไป ทั้งไปและกลับ ครับ

                       และขอขอบคุณที่นำรูปมาลง เพิ่มเติม ในส่วนที่ขาดหายไปจากกล้องผมครับ

                       คุณเหยง นำรูปไปลงได้ตามสบาย ครับ

                       สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2806 เมื่อ: 09 สิงหาคม 2554, 16:35:40 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

             ท่านอยากรู้เหมือนผมไหมครับ? เวลาไปฟังพระสวดพระอภิธรรม นั้น ท่านอยากรู้ความหมายไหม? พระอภิธรรมนี้ พระพุทธเจ้าท่านใช้เป็นบทสวดโปรดพระมารดา ในพรรษาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ แต่ในขณะเดียวกันท่านได้นำพระอภิธรรมนี้ มาแสดงแด่พระสารีบุตร และให้พระสารีบุตร แสดงธรรมนี้แด่พระภิกษุสงฆ์ในพรรษานั้น อีกทอดหนึ่ง โดยที่พระองค์เนรมิตร่างแสดงธรรมอยู่ที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ขณะที่ท่านแสดงแด่พระสารีบุตร

              ลองพิจารณาความหมายดูครับ น่าสนใจที่สุด ครับ

              สวัสดี



รู้ธรรมวันละนิด  จิตผ่องใส

ตอน

 
ขอกราบอนุโมทนาบุญ คุณ ชงโค-ผู้แปล และผู้อ่านทุกท่านครับ

บทสวดพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ พร้อมคำแปล




           อภิธรรม คือธรรมะขั้นสูง หัวใจของอภิธรรมจะกล่าวถึงเรื่องของ จิต เจตสิก รูป และนิพพาน สำหรับอภิธรรมส่วนใหญ่พระท่านจะสวดบทพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์

           มีอุปมาเอาไว้ว่า พระอภิธรรมปิฎกมีความสำคัญเปรียบเสมือนรากแก้ว พระวินัยปิฏกประหนึ่งลำต้น พระสุตตันตปิฎกเหมือน กิ่งก้านสาขา บรรดาปิฎกทั้ง ๓ นี้ พระอภิธรรมจึงมีความสำคัญที่สุด เป็นความรู้ระดับสูง ที่ท่านเรียกว่า ปรมัตถธรรม


คำอาราธนาธรรม

           พรัหมา จะ โลกาธิปะตี สะหัมปะตี กัตอัญชะลี อันธิวะรัง อะยาจะถะ สันตีธะ สัตตาปปะระชักขะชาติกา เทเสตุ ธัมมัง อนุกัมปิมัง ปะชัง ฯ

พระสังคิณี

           กุสะลา ธัมมา อะกุสะลา ธัมมา อัพยากะตา ธัมมา, กะตะเม ธัมมา กุสะลา, ยัสมิง สะมะเย กามาวะจะรัง กุสะลัง จิตตัง อุปปันนัง โหติ โสมะนัสสะสะหะคะตัง ญาณะสัมปะยุตตัง รูปารัมมะณัง วา สัททารัมมะณัง วา คัณธารัมมะณัง วา ระสารัมมะนัง วา โผฏฐัพพา รัมมะณังวา ธัมมา รัมมะณัง วา ยัง ยัง วา ปะนะรัพภะ ตัสมิงสะมะเย ผัสโส โหติ อะวิเข โป โหติ เย วา ปะนะ ตัสมัง สะมะเย อัญเญปิ อัตถิ ปฏิจจะสะมุปปันนา อรูปิโน ธัมมา อิเม ธัมมา กุสะลา.

พระสังคิณี (แปล)

           ธรรมทั้งหลายที่เป็นกุศล ธรรมทั้งหลายที่เป็นอกุศล ธรรมทั้งหลายที่เป็นอัพยากฤต ธรรมเหล่าไหนเป็นกุศล ในสมัยใด กามาวจรกุศลจิตที่สหรคตด้วยโสมนัส สัมปยุคด้วยญาณเกิดขึ้น ปรารภอารมณ์ใดๆ จะเป็นรุปารมณ์ก็ดี สัททารมณ์ก็ดี คันธารมณ์ก็ดี รสารมณ์ก็ดี โผฏฐัพพารมณ์ก็ดี ธรรมารมณ์ก็ดี ในสมัยนั้น ผัสสะ ความฟุ้งซ้านย่อมมี อีกอย่างหนึ่งในสมัยนั้น ธรรมเหล่าใดแม้อื่น มีอยู่ เป็นธรรมที่ไม่มีรูป อาศัยกันและกันเกิดขึ้น ธรรมเหล่านี้เป็นกุศล.

พระวิภังค์
[/color]

          ปัญจักขันธา รูปักขันโธ เวทะนากขันโธ สัญญากขันโธ สังขารักขันโธ วิญญาณักขักขันโธ, ตัตถะ กะตะโม รูปักขันโธ, ยังกิญจิ รูปัง อะตีตานาคะ ตะปัจจุปปันนัง อัชฌัตตัง วา พะหิตธา วา โอฬาริกัง วา สุขุมัง วา ทีนัง วา ปะณีตัง วา ยัง ทูเร วา สันติเก วา ตะเทกัชฌัง อภิสัญญูหิตวา อภิสังขิปิตวา อะยัง วุจจะติ รูปักขันโธ.

พระวิภังค์ (แปล)

           ขันธ์ ๕ คือ รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ บรรดาขันธ์ทั้งหมด รูปขันธ์เป็นอย่างไร รูปอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่เป็นอดีต อนาคต ปัจจุปัน ภายในก็ตาม หยาบก็ตาม ละเอียดก็ตาม เลวก็ตาม ประณีตก็ตาม อยู่ไกลก็ตาม อยู่ใกล้ก็ตาม นั้นกล่าวรวมกันเรียกว่ารูปขันธ์

พระธาตุกะถา

           สังคะโห อะสังคะโห, สังคะหิเตนะ อะสังคะหิตัง อะสังคะหิเตนะ สังคะหิตัง สังคะหิเตนะ สังคะหิตัง อะสังคะหิเตนะ อะสังคะหิตัง สัมปะโยโค วิปปะโยโค, สัมปะยุตเตนะ วิปปะยุตตัง วิปปะยุตเตนะ สัมปะยุตตัง อะสังคะหิตัง.

พระธาตุกะถา (แปล)

           การสงเคราะห์ การไม่สงเคราะห์ คือ สิ่งที่ไม่ให้สงเคราะห์เข้ากับสิ่งที่สงเคราะห์ไม่ได้ สิ่งที่สงเคราะห์เข้ากับสิ่งที่สงเคราะห์ได้ สิ่งที่ไม่สงเคราะห์เข้ากับสิ่งที่สงเคราะห์ไม่ได้ การอยู่ด้วยกัน การพลัดพรากคือ การพลัดพรากจากสิ่งที่อยู่ด้วยกัน การอยู่ร่วมกับสิ่งที่พลัดพรากไปจัดเป็นสิ่งที่สงเคราห์ไม่ได้.

พระปุคคะละปัญญัตติ

           ฉะ ปัญญัตติโย ขันธะปัญญัติ อายะตะนะปัญญัตติ ธาตุปัญญัตติ สัจจะปัญญัตติ อินทริยะปัญญัตติ ปุคคะละปัญญัตติ, กิตตาวะตา ปุคคะลานัง ปุคคะละปัญญัตติ, สะมะยะวิมุตโต อะสะมะยะวิมุตโต กุปปะธัมโม อะกุปปะธัมโม ปะริหานะธัมโม อะปะริหานะธัมโม เจตะนา ภัพโพ อนุรักขะนาภัพโพ ปุถุชชะโน โคตระภู ภะยูปะระโต อะภะยูปะระโต ภัพพาคะมะโน อะภัพพาคะมะโน นิยะโต อะนิยะโต ปฏิปันนะโก ผะเลฏฐิโต อะระหา อะระหัตตายะ ปฏิปันโน.

พระปุคคะละปัญญัตติ (แปล)

           บัญญัติ ๖ คือ ขันธบัญญัติ อายตนบัญญัติ ธาตุบัญญัติ สัจจบัญญัติ อินทรีย์บัญญัติ บุคคลบัญญัติ บุคคลบัญญัติของบุคคลมีเท่าไร มีการพ้นจากสิ่งที่ควรรู้ การพ้นจากสิ่งที่ไม่ควรรู้ ผู้มีธรรมที่กำเริบได้ ผู้มีธรรมที่กำเริบไม่ได้ ผู้มีธรรมที่เสื่อมได้ ผู้มีธรรมที่เสื่อมไม่ได้ ผู้มีธรรมที่ควรแก่เจตนา ผู้มีธรรมที่ควรแก่การรักษา ผู้ที่เป็นปุถุชน ผู้รู้ตระกูลโคตร ผู้เข้าถึงภัย ผู้เข้าถึงอภัย ผู้ไม่ถึงสิ่งที่ควร ผู้ไม่ถึงสิ่งที่ไม่ควร ผู้เที่ยง ผู้ไม่เที่ยง ผู้ปฏิบัติ ผู้ตั้งอยู่ในผล ผู้เป็นพระอรหันต์ ผู้ปฏิบัติเพื่อพระอรหันต์.

พระกถาวัตถุ

            ปุคคะโล อุปะลัพภะติ สัจฉิกัตถะปะระมัตเถนาติ อามันตา, โย สัจฉิกัตโถ ปะระมัตโถ ตะโต โส ปุคคะโล อุปะลัพภะติ สัจฉิกัตถะปะระมัตเถนาติ, นะ เหวัง วัตตัพเพ, อาชานาหิ นิคคะหัง หัญจิ ปุคคะโล อุปะลัพภะติ สัจฉิกัตถะปะระมัตเถนะ เตนะ วะตะ เร วัตตัพเพ โย สัจฉิกัตโถ ปะระมัตโถ ตะโต โส ปุคคะโล อุปะลัพภะติ สัจฉิกัตถะปะระมัตเถนาติ, มิจฉา.

พระกถาวัตถุ (แปล)

(ถาม) ค้นหาบุคคลไม่ได้โดยปรมัตถ์ คือ ความหมายที่แท้จริงหรือ
(ตอบ) ใช่... ค้นหาบุคคลไม่ได้โดยปรมัตถ์ คือ โดยความหมายที่แท้จริง
(ถาม) ปรมัตถ์ คือ ความหมายอันแท้จริงอันใดมีอยู่ ค้นหาบุคคลนั้นไม่ได้โดยปรมัตถ์ คือโดยความหมายอันแท้จริงอันนั้นหรือ
(ตอบ) ท่านไม่ควรกล่าวอย่างนี้ ท่านจงรู้นิคคะหะเถิด ว่าท่านค้นหาบุคคลไม่ได้โดยปรมัตถ์ คือ โดยความหมายอันแท้จริงแล้ว ท่านก็ควรกล่าวด้วยเหตุนั้นว่า ปรมัตถ์คือความหมายอันแท้จริงอันใดมีอยู่ เราค้นหาบุคคลนั้นไม่ได้โดยปรมัตถ์ คือโดยความหมายอันแท้จริงนั้น คำตอบของท่านที่ว่า ปรมัตถ์คือความหมายอันแท้จริงอันใดมีอยู่ เราค้นหาบุคคลนั้นไม่ได้โดยปรมัตถ์คือ โดยความหมายอันแท้จริงนั้นจึงผิด.


พระยะมะกะ

           เย เกจิ กุสะลา ธัมมา สัพเพ เต กุสะลามูลา, เย วา ปะนะ กุสะละมูลา สัพเพ เต ธัมมา กุสะลา, เย เกจิ กุสะลา ธัมมา สัพเพ เต กุสะละมูเลนะ เอกะมูลา, เย วา ปะนะ กุสะละมูเลนะ เอกะมูลา สัพเพ เต ธัมมา กุสะลา.

พระยะมะกะ (แปล)

            ธรรมบางเหล่าเป็นกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมีกุศลเป็นมูล อีกอย่าง ธรรมเหล่าใดมีกุศลเป็นมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมดก็เป็นกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมีอันเดียวกับธรรมที่มีกุศลเป็นมูล อีกอย่างหนึ่ง ธรรมเหล่าใดมีมูลอันเดียวกับธรรมที่เป็นกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมดเป็นกุศล.
พระมหาปัฏฐาน

            เหตุปัจจะโย อารัมมะณะปัจจะโย อธิปะติปัจจะโย อนันตะระปัจจะโย สะมะนันตะระปัจจะโย สะหะชาตะปัจจะโย อัญญะมัญญะปัจจะโย นิสสะยะปัจจะโย อุปะนิสสะยะปัจจะโย ปุเรชาตะปัจจะโย ปัจฉาชาตะปัจจะโย อาเสวะนะปัจจะโย กัมมะปัจจะโย วิปากาปัจจะโย อาหาระปัจจะโย อินทริยะปัจจะโย ฌานะปัจจะโย มัคคะปัจจะโย สัมปะยุตตะปัจจะโย วิปปะยุตตะปัจจะโย อัตถิปัจจะโย นัตถิปัจจะโย วิคะตะปัจจะโย อะวิคะตะปัจจะโย.

พระมหาปัฏฐาน (แปล)

           ธรรมที่มีเหตุเป็นปัจจัย ธรรมที่มีอารมณ์เป็นปัจจัย ธรรมที่มีอธิบดีเป็นปัจจัย ธรรมที่มีปัจจัยหาที่สุดมิได้ ธรรมที่มีปัจจัยมีที่สุดเสมอกัน ธรรมที่เกิดพร้อมกับปัจจัย ธรรมที่เป็นปัจจัยของกันและกัน ธรรมที่มีนิสัยเป็นปัจจัย ธรรมที่มีธรรมเกิดก่อนเป็นปัจจัย ธรรมที่มีธรรมเกิดภายหลังเป็นปัจจัย ธรรมที่มีการเสพเป็นปัจจัย ธรรมที่มีกรรมเป็นปัจจัย ธรรมที่มีวิบากเป็นปัจจัย ธรรมที่มีอาหารเป็นปัจจัย ธรรมที่มีอินทรีย์เป็นปัจจัย ธรรมทีมีฌานเป็นปัจจัย ธรรมที่มีมรรคเป็นปัจจัย ธรรมที่มีการประกอบเป็นปัจจัย ธรรมที่มีการอยู่ไม่ปราศจากเป็นปัจจัย ธรรมที่มีปัจจัย ธรรมที่ไม่มีปัจจัย ธรรมที่มีการอยู่ปราศจากเป็นปัจจัย ธรรมที่ไม่มีการอยู่ปราศจากเป็นปัจจัย.

พยายามจำความหมายให้มั่นไว้ สำหรับผู้ปฏิบัติธรรม
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2807 เมื่อ: 10 สิงหาคม 2554, 07:31:24 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                       ขณะนี้ผมอยู่ที่สนามบินดอนเมือง อาคาร ๑ ครับ เพื่อเดินทางไปทำงานที่นครศรีธรรมราช Boarding 08:00 น. และกลับวันพรุ่งนี้ คือวันพฤหัสบดีที่ ๑๑ สิงหาคม Boarding 15:50 น. เนื่องจากมีวันหยุดยาวสุดสัปดาห์ ครับ

                       ตอนนี้ร่างกายแข็งแรง ยังเดินจงกรมออกกำลังกายทุกวัน และ ฝึก TAI CHI และโยคะ เพียงแต่ปรับเปลี่ยนใหม่เวลาฝึก TAI CHI จะหายใจยาวๆ เข้าทางจมูก อั้นไว้สักครู่ แล้วหายใจออกยาวๆ ทางปาก แทนครับ

                      ขณะนั่งรถ Taxi มาสนามบินผมให้คนขับรถเปิดวิทยุฟังรายการ ของคุณหมอปัญญา วันนี้ท่านได้พูดถึงวิตตามิน D และ E แทบไม่น่าเชื่อครับว่าประเทศไทยเป็นประเทศเมืองร้อน มีแสงแดดมากเพราะอยู่ใน Zone ใกล้เส้นศูนย์สูตร แต่เชื่อไหมครับ สังคมคนเมืองเป็นโรคขาดวิตามิน D ถึง 45% ทั้งๆที่วิตามิน D นั้นไม่ต้องกินอาหาร เพราะวิตามิน D นั้น 90% ที่ร่างกายต้องการมาจากแสงแดด แต่เพราะสังคมคนเมืองชอบทาครีมกันแดด และ Whitenning lotion ป้องกันแสงแดดจากผิว และอยู่แต่ในสำนักงาน บ้าน เป็นส่วนใหญ่ ผลคือเป็นโรคขาดวิตามิน D ทำให้ร่างกายและกระดูกไม่แข็งแรงโดยเฉพาะสุภาพสตรีที่ชอบทาครีมกันแดด และ lotion จึงเป็นโรคกระคูกพรุนกันมาก เพราะส่วนหนึ่งขาดวิตามิน D

                      สำหรับวิตามิน E นั้นมีความสำคัญต่อคนสมัยมาก คือวิตามิน E ช่วยป้องกันไม่ให้หลอดเลือดอุดตัน ช่วยไม่ให้เลือดแข็งตัวมากเกินไป ป้องกันโรคหลอดเลือด  เลือดต้องไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ปราสาท ทุกส่วนของร่างกาย เลือดต้องสามารถวิ่งไปได้ทุกส่วน วิตามิน E จึงสำคัญมากเพื่อไม่ให้เลือดแข็งตัว และหลอดเลือดอุดตัน วิตามิน E ร่างกายสร้างไม่ได้ ต้องได้จากการกินสารอาหารประจำวันประเภท ข้าวซ้อมมือ เมล็ดธัญพืช ต่าง เช่น ถั่วเขียว ถั่วและ ถั่วแดง ข้างฟ่าง ...... เป็นต้น แต่ทุกวันนี้เมล็ดธัญพืชพวกนี้หารับประทานอยาก ดังนั้นท่านมีโอกาสขาดวิตามิน E ที่มีส่วนอย่างมากทำให้เลือดอุดตัน ท่านต้องกินข้าวซ้อมมือ และเมล็กธัญพืชมากๆ หรือน้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันรำข้าว นะครับครับ

                      สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2808 เมื่อ: 10 สิงหาคม 2554, 11:00:52 »

รู้ธรรมวันละนิด  จิตผ่องใส

ตอน

ภัทเทกรัตตนสูตร

           อะตีตัง  นานฺวาคะเมยยะ  นัปปะฏิกังเข  อะนาคะตัง,
   บุคคลไม่ควรตามคิดถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้ว  ด้วยอาลัย, และไม่พึงพะวง   ถึงสิ่งที่ยังไม่มาถึง;
           ยะทะตีตัมปะหีนันตัง  อัปปัตตัญจะ  อะนาคะตัง,  
   สิ่งเป็นอดีตก็ละไปแล้ว,    สิ่งเป็นอนาคตก็ยังไม่มา;
           ปัจจุปันนัญจะ  โย  ธัมมัง  ตัตถะ  ตัตถะ  วิปัสสะติ, อะสังหิรัง  อะสังกุปปัง ตัง วิทธา  มะนุพรูหะเย.
               ผู้ใดเห็นธรรมอันเกิดขึ้นเฉพาะหน้าในที่นั้นๆอย่างแจ่มแจ้ง,ไม่ง่อนแง่นคลอนแคลน,  เขาควรพอกพูนอาการเช่นนั้นไว้.
           อัชเชวะ  กิจจะมาตัปปัง โก  ชัญญา  มะระณัง  สุเว,
   ความเพียรเป็นกิจที่ต้องทำวันนี้, ใครจะรู้ความตาย แม้พรุ่งนี้;
           นะ  หิ  โน  สังคะรันเตนะ   มะหาเสเนนะ  มัจจุนา,
   เพราะการผัดเพี้ยนต่อมัจจุราช ซึ่งมีเสนามาก ย่อมไม่มีสำหรับเรา;
           เอวัง  วิหาริมาตาปิง อะโหรัตตะมะตันทิตัง,ตัง  เว ภัทเทกะรัตโตติ สันโต  อาจิกขะเต  มุนิ.  
   มุนีผู้สงบ  ย่อมกล่าวเรียก  ผู้มีความเพียรอยู่เช่นนั้น, ไม่เกียจคร้านทั้งกลางวันกลางคืน ว่า “ ผู้เป็นอยู่แม้เพียงราตรีเดียวก็น่าชม ” .


                     อาจารย์แม่บ้านหอพักนิสิตหญิง ท่านอาจารย์อำไพ   จูฑะศรี ก็จากพวกเราไปแล้ว มีคติธรรมที่น่าสนใจ คือ ท่านอาจารย์ได้จากไป โดยที่ไม่ทำให้ ผู้อยู่ข้างหลัง คือ น้อง ๆ หลาน ๆ หรือแม้กระทั่งพวกเราต้องได้รับทุกข์ จากท่าน ต้องไปงานศพของท่าน ต้องไปเผา ท่าน ท่านไม่ต้องการทั้งนั้น เป็นงานศพที่แม้แต่พระวัดชลประทานฯ ยังชม ที่มีแต่ความเรียบง่ายๆ ไม่ต้องสวดมาก ไม่มีพิธีมาก ไม่ต้องรอใคร ไม่มากเรื่อง ทำกันง่ายๆ ทั้งนั้น เพราะท่านอาจารย์ไม่ต้องการให้ใครเดือดร้อนเพราะท่าน  ท่านก็ตายไปแล้วไม่รู้เรื่องแล้ว จะสวดนานแค่ไหน  จัดงานท่านอย่างไรท่านไม่รับรู้ เพราะจากไปด้วยดีแล้ว  จึงไม่อยากให้ผู้อยู่ข้างหลังลำบาก ทำพอเป็นพิธีก็เพียงพอ

                     คนเรายามมีชีวิตอยู่ ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบทางกาย วาจา ใจ มีใจโอบอ้อมอารีย์ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แด่ญาติมิตร คนใกล้ชิด สังคม อยู่ด้วยพรหมวิหาร ๔ คือมีเมตตา  กรุณา  มุทิตา  อุเบกขา มีสังคหวุตถุ ๔ คือให้ทาน  มีปิยะวาจา  ให้ความอนุเคราะห์แก่คนที่สมควรให้ และกระทำดีด้วยความสม่ำเสมอ ทำการงานด้วยอิทธิบาท ๔ คือ ฉันทะ  วิริยะ  จิตตะ  วิมังสา  และถ้ามีศ๊ล ๕ อยู่ในใจเสมอ คือ ละเว้นจากการฆ่าสัตว์ ละเว้นจากการลักทรัพย์ ละเว้นจากการประพฤติผิดในกาม ละเว้นจากการพูดปด และละเว้นจากการดื่มน้ำเมาและของเสพติด ท่านจะเป็นคนที่มีมิตรสหายมากทั้งยามที่ท่านมีชีวิตอยู่ และตอนจากไป ท่านจะมีแต่คว่มปีติสุข ครับ

                     ท่านอาจารย์อำไพ  เตรียมตัว วางแผนสำหรับตัวเองไว้ดี  เพราะท่านไม่มีสิ่งผูกพันธ์ คือสามี บุตร จึงต้องการให้งานศพของท่านเรียบง่าย ไม่ก่อทุกข์ให้น้อง ๆ หลาน ๆ นั่นคือความประสงค์ของท่านแท้จริง

                     ผมเองก็อยากจะทำแบบท่าน ในวาระที่ความตายมาถึง สวดวันเดียวแล้วเผา ไม่เก็บอะไรไว้ทั้งสิ้นแม้แต่ภาพถ่าย เช่นเดียวกับท่านอาจารย์ ผู้จากไปด้วยดี(สุคะโต) หรือมอบเงินที่ตั้งใจไว้ให้ผู้อยู่เบื้องหลังคือหลาน เหลน จะต้องเอาไปจัดงานศพจากประกันชีวิตและร่างให้กับโรงเรียนแพทย์ ไปเลยเมื่อเสียชีวิตลงแล้ว จะได้ไม่ก่อทุกข์ให้ใครเลย

                     บุญ ทาน การกระทำแต่ความดีทั้งตัวเราเอง และสังคม ควรทำตั้งแต่ยามเรามีชีวิตอยู่  อย่าให้ใครต้องทำบุญให้กับเราเมื่อเราตายไปแล้วเลย เสียเงิน เสียทอง ลำบากก่อทุกข์ให้กับคนที่ยังอยู่ บุญนั้นจะถึงเราหรือไม่ ยังไม่ทราบ  สู้ทำความดีตามที่กล่าวมาข้างต้น เราจะเป็นสุข ณ ปัจจุบัน

                     ณ ปัจจุบัน นี้ เราทุกคนต้องสนใจตัวเรา อดีตที่ผ่านไปแล้วเอาคืนมาไม่ได้ อย่าไปร่ำไร เสียดาย รำพัน ต่อมันเลยไม่ก่อประโยชน์มีแต่ความทุกข์ทั้งสิ้น เสียเวลา  อนาคตที่ยังมาไม่ถึงก็อย่าไปกังวลกับมันเลย อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดตามกรรมเก่า สู้อยู่กับปัจจุบันอย่างมีสติ(ระลึกได้) ตั้งใจทำงาน  รู้จักการวางแผนงาน และชีวิต เตรียมจิตของเราให้มั่นในการมีสติ ให้จิตอยู่ว่างๆ ไม่คิด  อย่างนี้ นี่คือนิพพานในปัจจุบันแล้วครับ นิพพานนั้นอย่าไปรอให้ตายแล้วไปนิพพานเลย ขอให้เราเอานิพพานตอนมีชีวิตอยู่ ที่มีจิตสงบ  ไม่คิด  เมื่อไม่คิดมันก็ไม่ทุกข์ นี่คือนิพพานปัจจุบันต่อเราครับ

                     ผมอยุ่นครศรีธรรมราชแล้วครับ


                        สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #2809 เมื่อ: 10 สิงหาคม 2554, 14:53:24 »

 
อ้างถึง   
สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                       ขณะนี้ผมอยู่ที่สนามบินดอนเมือง อาคาร ๑ ครับ เพื่อเดินทางไปทำงานที่นครศรีธรรมราช Boarding 08:00 น. และกลับวันพรุ่งนี้ คือวันพฤหัสบดีที่ ๑๑ สิงหาคม Boarding 15:50 น. เนื่องจากมีวันหยุดยาวสุดสัปดาห์ ครับ

                       ตอนนี้ร่างกายแข็งแรง ยังเดินจงกรมออกกำลังกายทุกวัน และ ฝึก TAI CHI และโยคะ เพียงแต่ปรับเปลี่ยนใหม่เวลาฝึก TAI CHI จะหายใจยาวๆ เข้าทางจมูก อั้นไว้สักครู่ แล้วหายใจออกยาวๆ ทางปาก แทนครับ

                      ขณะนั่งรถ Taxi มาสนามบินผมให้คนขับรถเปิดวิทยุฟังรายการ ของคุณหมอปัญญา วันนี้ท่านได้พูดถึงวิตตามิน D และ E แทบไม่น่าเชื่อครับว่าประเทศไทยเป็นประเทศเมืองร้อน มีแสงแดดมากเพราะอยู่ใน Zone ใกล้เส้นศูนย์สูตร แต่เชื่อไหมครับ สังคมคนเมืองเป็นโรคขาดวิตามิน D ถึง 45% ทั้งๆที่วิตามิน D นั้นไม่ต้องกินอาหาร เพราะวิตามิน D นั้น 90% ที่ร่างกายต้องการมาจากแสงแดด แต่เพราะสังคมคนเมืองชอบทาครีมกันแดด และ Whitenning lotion ป้องกันแสงแดดจากผิว และอยู่แต่ในสำนักงาน บ้าน เป็นส่วนใหญ่ ผลคือเป็นโรคขาดวิตามิน D ทำให้ร่างกายและกระดูกไม่แข็งแรงโดยเฉพาะสุภาพสตรีที่ชอบทาครีมกันแดด และ lotion จึงเป็นโรคกระคูกพรุนกันมาก เพราะส่วนหนึ่งขาดวิตามิน D

 สวัสดีครับ

พี่สิงห์,
ทาแต่หน้า ส่วนอื่นไม่ทา
ไม่ขาดนะคะ?
แขนขายังรับวี่ตามินได้นะพี่?

คนไทยแท้ๆล้วนคล้ำโดยธรรมชาติคะพี่
เพราะจะsun block ,whitenningยังไงก็ตาม
ก็ไม่ช่วยให้ขาวเป็นไข่ปอกขึ้นมาได้
แดดเลี่ยงยังไงก็ยังหนีไม่พ้น
ผิวสีน้ำตาล สีน้ำผึ้งนั่นแหละพี่สิงห์..
sexy!
      บันทึกการเข้า


lek_adisorn
Hero Cmadong Member
***

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,595

« ตอบ #2810 เมื่อ: 10 สิงหาคม 2554, 15:17:27 »

lสวัสดีครับพี่สิงห์และชาวซีมะโด่งทุกท่าน วันนี้ขอลงรูปให้หมดครับ กระทู้นี้วิ่งเร็วเดี๋ยวจะเนิ่นนานไปครับ  











      บันทึกการเข้า
lek_adisorn
Hero Cmadong Member
***

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,595

« ตอบ #2811 เมื่อ: 10 สิงหาคม 2554, 15:33:54 »













      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #2812 เมื่อ: 10 สิงหาคม 2554, 15:42:50 »

เห็นพี่กรองอร พี่สมชาย
ชัดแจ๋วคะ
ขอเห็นพี่อดิสร 1 รูป!
please.
      บันทึกการเข้า


lek_adisorn
Hero Cmadong Member
***

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,595

« ตอบ #2813 เมื่อ: 10 สิงหาคม 2554, 15:45:10 »









      บันทึกการเข้า
lek_adisorn
Hero Cmadong Member
***

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,595

« ตอบ #2814 เมื่อ: 10 สิงหาคม 2554, 15:57:21 »









      บันทึกการเข้า
lek_adisorn
Hero Cmadong Member
***

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,595

« ตอบ #2815 เมื่อ: 10 สิงหาคม 2554, 16:00:22 »

อ้างถึง
ข้อความของ khesorn mueller เมื่อ 10 สิงหาคม 2554, 15:42:50
เห็นพี่กรองอร พี่สมชาย
ชัดแจ๋วคะ
ขอเห็นพี่อดิสร 1 รูป!
please.


สวัสดีครับหนิง รูปผมคงไม่มีมั้งครับ เอาเป็นผมขอถามว่าหนิงจำได้ไหมครับว่าท่านนี้คือใคร
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2816 เมื่อ: 10 สิงหาคม 2554, 16:02:13 »

สวัสดีเล็ก

พี่เหยง copy ภาพและข้อความของงานท่านอาจารย์แม่บ้าน ไปลงไว้ที่ห้องซีมะโด่งสัมพันธ์
      บันทึกการเข้า
lek_adisorn
Hero Cmadong Member
***

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,595

« ตอบ #2817 เมื่อ: 10 สิงหาคม 2554, 16:03:33 »








      บันทึกการเข้า
lek_adisorn
Hero Cmadong Member
***

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,595

« ตอบ #2818 เมื่อ: 10 สิงหาคม 2554, 16:04:27 »

ลูกค้ามาแล้วเดี๋ยวมาโพสท์ต่อครับ
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #2819 เมื่อ: 10 สิงหาคม 2554, 16:26:39 »

อ้างถึง
ข้อความของ lek_adisorn เมื่อ 10 สิงหาคม 2554, 16:00:22
อ้างถึง
ข้อความของ khesorn mueller เมื่อ 10 สิงหาคม 2554, 15:42:50
เห็นพี่กรองอร พี่สมชาย
ชัดแจ๋วคะ
ขอเห็นพี่อดิสร 1 รูป!
please.


สวัสดีครับหนิง รูปผมคงไม่มีมั้งครับ เอาเป็นผมขอถามว่าหนิงจำได้ไหมครับว่าท่านนี้คือใคร




พี่อดิสร,
หนิงนั่งนึกอยู่คะเนี่ย!
ยังนึกไม่ออก..
คุ้นๆว่าจะเป็นพี่ปอโทที่อยู่ชั้น๗
เป็น1 ในทีมผู้ช่วยอนุสาสก อจ.สุพพัดดา
พี่เค้าเรียนโทครุฯ ชาวใต้ พี่อะไรนะ?
ท่านนี้หนิงเรียกพี่ ทำไมอจ.อุบลรัตน์ก็โท
แต่หนิงเรียกอจ....คงเป็นความใกล้ไกลมังพี่
..
..
ขอนึกอีกแป๊บพี่!
      บันทึกการเข้า


Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2820 เมื่อ: 10 สิงหาคม 2554, 20:26:16 »

อ้างถึง
ข้อความของ khesorn mueller เมื่อ 10 สิงหาคม 2554, 14:53:24
 
อ้างถึง   
สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                       ขณะนี้ผมอยู่ที่สนามบินดอนเมือง อาคาร ๑ ครับ เพื่อเดินทางไปทำงานที่นครศรีธรรมราช Boarding 08:00 น. และกลับวันพรุ่งนี้ คือวันพฤหัสบดีที่ ๑๑ สิงหาคม Boarding 15:50 น. เนื่องจากมีวันหยุดยาวสุดสัปดาห์ ครับ

                       ตอนนี้ร่างกายแข็งแรง ยังเดินจงกรมออกกำลังกายทุกวัน และ ฝึก TAI CHI และโยคะ เพียงแต่ปรับเปลี่ยนใหม่เวลาฝึก TAI CHI จะหายใจยาวๆ เข้าทางจมูก อั้นไว้สักครู่ แล้วหายใจออกยาวๆ ทางปาก แทนครับ

                      ขณะนั่งรถ Taxi มาสนามบินผมให้คนขับรถเปิดวิทยุฟังรายการ ของคุณหมอปัญญา วันนี้ท่านได้พูดถึงวิตตามิน D และ E แทบไม่น่าเชื่อครับว่าประเทศไทยเป็นประเทศเมืองร้อน มีแสงแดดมากเพราะอยู่ใน Zone ใกล้เส้นศูนย์สูตร แต่เชื่อไหมครับ สังคมคนเมืองเป็นโรคขาดวิตามิน D ถึง 45% ทั้งๆที่วิตามิน D นั้นไม่ต้องกินอาหาร เพราะวิตามิน D นั้น 90% ที่ร่างกายต้องการมาจากแสงแดด แต่เพราะสังคมคนเมืองชอบทาครีมกันแดด และ Whitenning lotion ป้องกันแสงแดดจากผิว และอยู่แต่ในสำนักงาน บ้าน เป็นส่วนใหญ่ ผลคือเป็นโรคขาดวิตามิน D ทำให้ร่างกายและกระดูกไม่แข็งแรงโดยเฉพาะสุภาพสตรีที่ชอบทาครีมกันแดด และ lotion จึงเป็นโรคกระคูกพรุนกันมาก เพราะส่วนหนึ่งขาดวิตามิน D

 สวัสดีครับ

พี่สิงห์,
ทาแต่หน้า ส่วนอื่นไม่ทา
ไม่ขาดนะคะ?
แขนขายังรับวี่ตามินได้นะพี่?

คนไทยแท้ๆล้วนคล้ำโดยธรรมชาติคะพี่
เพราะจะsun block ,whitenningยังไงก็ตาม
ก็ไม่ช่วยให้ขาวเป็นไข่ปอกขึ้นมาได้
แดดเลี่ยงยังไงก็ยังหนีไม่พ้น
ผิวสีน้ำตาล สีน้ำผึ้งนั่นแหละพี่สิงห์..
sexy!


สวัสดีค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ที่รัก

            ถึงว่านั่นซิ สาวนครศรีธรรมราช ปีหนึ่ง ๆ ฝรั่งมาแต่งงานด้วยแยะมาก ๆ สาวแต่ละคนสีแทนดำ ๆ แต่ฝรั่งชอบ ปีหนึ่งๆ พาลูกมาเยี่ยมบ้าน เห็นประจำทุกสัปดาห์เลยครับ และเป็นความรักที่ยั่งยืน ด้วย คือมีลูก และกลับมาเยี่ยมบ้านทุกปี และแต่งงานแบบไทยด้วย ครับ

             รูปอดิสร มีแน่นอน เป็นภาพหมู่ พี่สิงห์เป็นคนถ่ายเอง เป็นรูปเกือบสุดท้าย กล้องอดิสร ครับ

             ที่เมรเผาศพ พี่สิงห์กับอดิสร ยืนถ่ายรูปกันคนละฝั่ง วิว รูป จึงไม่ซ้ำกันครับ

             วันนี้เย็นที่นครศรีธรรมราชฝนตก พี่สิงห์เลยวิ่งไป 5.6 กิโลเมตร เผาผลาญพลังงานไป 380 แคลอรี่ วิ่งไป 55 นาที เสร็จแล้วก้ไปรำ TAI CHI  โยคะ  นั่งเจริญสติต่อให้เหงื่อแห้ง ก็ไปซาวน่า ต่อครับ รู้สึกว่าตัวเองแข็งแรงเป็นปกติดีแล้ว ครับ

              ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2821 เมื่อ: 10 สิงหาคม 2554, 20:39:11 »

สวัสดีครับ อดิสร

                   พี่สิงห์ยังไม่ได้ทดลองถ่ายภาพเลย แต่อ่านคู่มือไปได้ครึ่งเล่มแล้ว  คงต้องทำความเข้าใจ ถ่ายไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็คงดีเองครับ

                   ขอบคุณมากที่มีเวลาเอาภาพมาลงต่อ  หวังว่าเธอไปทำงานถ่ายภาพที่อมตะ คงเสร็จเรียบร้อยดี ครับ

                   ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2822 เมื่อ: 10 สิงหาคม 2554, 21:00:39 »



ดร. สุริยา ทำไม ? มันเป็นอย่างนี้

มันทุกข์มากหรือไร ? ปลดมันลงเสียบ้างทุกข์น่ะ จะได้เบาตัว

ทุกข์พระพุทธเจ้าท่านให้เพียงกำหนดรู้ แต่อย่าไปเป็นทุกข์เสียเอง

เวลานี้ ผมไม่พรุ่งพล่านเดือดดาลใจ ข่าวการเมืองไทยแล้ว สามารถปล่อยวางได้ มันเป็นเรื่องนอกตัว

สามารถรับทราบข่าวสารได้ และไม่คิดปรุงแต่งต่อทั้งสิ้น เพิ่งรู้สึกได้วันนี้เอง สามารถเอาหนังสือพิมพ์มาอ่านข่าวการเมืองได้
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #2823 เมื่อ: 10 สิงหาคม 2554, 21:07:20 »

พี่สิงห์กระซิบหนิงหน่อยคะ
ใครคะในรูปที่พี่อดิสรวงกลม
หนิงนึกยังไงก็นึกไม่ออก
จาเริ่มใช้วิชาวูดู และหมอผี..
แต่ก่อนใช้,ถามพี่ก่อน
ใครคะ?
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #2824 เมื่อ: 10 สิงหาคม 2554, 21:10:06 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 10 สิงหาคม 2554, 21:00:39

ทำไม ? มันเป็นอย่างนี้
มันทุกข์มากหรือไร ? ปลดมันลงเสียบ้างทุกข์น่ะ จะได้เบาตัว
ทุกข์พระพุทธเจ้าท่านให้เพียงกำหนดรู้ แต่อย่าไปเป็นทุกข์เสียเอง
เวลานี้ ผมไม่พรุ่งพล่านเดือดดาลใจ ข่าวการเมืองไทยแล้ว สามารถปล่อยวางได้ มันเป็นเรื่องนอกตัว
สามารถรับทราบข่าวสารได้ และไม่คิดปรุงแต่งต่อทั้งสิ้น เพิ่งรู้สึกได้วันนี้เอง สามารถเอาหนังสือพิมพ์มาอ่านข่าวการเมืองได้


ใครถ่ายคะภาพนี้?
ยังงี้พี่ป๋องไม่ตบเข่า...ฉาด
อุเหม่,ถ่ายไปได้
จะหล่อ .... เลยไม่ได้หล่อ!
..
..
      บันทึกการเข้า


  หน้า: 1 ... 111 112 [113] 114 115 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><