24 เมษายน 2567, 01:26:48
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: [1]   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: เตรียมรับมือผู้สูงอายุล้นเมืองในอนาคต  (อ่าน 8021 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« เมื่อ: 15 ตุลาคม 2553, 12:37:06 »


                               ปี 2568 เตรียมรับมือผู้สูงอายุล้นเมือง
                 เปิดแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับท้องถิ่น (สกู๊ปแนวหน้า)  
               http://www.naewna.com/news.asp?ID=232303
 
                                
 
         วิวัฒนาการของเทคโนโลยีด้านการแพทย์และสาธารณสุข ทำให้คนไทยมีอายุยืนยาวขึ้น จำนวนผู้สูงอายุก็เพิ่มมากขึ้น อีกไม่นานสังคมไทยจะเป็นสังคมผู้สูงอายุเต็มตัว ดังที่สำนักงานสถิติแห่งชาติประมาณการว่า

         ในปี 2568 หรืออีก 15 ปีข้างหน้า ไทยจะมีจำนวนผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้น
                       จากปัจจุบันที่ 7.6 ล้านคน เป็น 14.5 ล้านคน

                                    gek gek gek

XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXX

                

         การสาธารณสุขมุลฐาน จะเป็นกลไกในการแก้ปัญหา ผู้สูงอายุในอนาคตได้
ด้วยสุขภาพดีในราคาถูก ที่มี 4 ตัวชี้วัด
คือ

1.การที่ประชาชนต้องได้รับสิ่งจำเป็นพื้นฐานในชีวิตถ้วนหน้าทุกคน

2.การที่ประชาชนร่วมรับผิดชอบต่อการมีสุขภาพดีด้วย

3.การที่ประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพได้อย่างสะดวกสบายใกล้บ้าน

4.การที่สถานพยาบาลทุกแห่งต้องเป็นสถานพยาบาลคุณภาพ มีป้ายรับรองคุณภาพทุกแห่ง

        ส่วนรายการซีมะโด่งเสวนา ครั้งที่ 3  ในวันพุธที่ 17 พฤศจิกายน 2553  จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ

   การสาธารณสุขมูลฐาน  แขกปราศัยรับเชิญ คือ น.พ.สำเริง ไตรติลานันท์ แพทย์ศาสตร์ RCU 17
         http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,6694.msg423621.html#new

        เชิญชวนพวกเราที่สนใจ และ อยากซักถาม ปัญหา เข้าร่วมฟังการบรรยายได้ โดยสามารถ
อ่านกระทู้ ล่วงหน้าก่อนฟัง จะได้เข้าใจ และ เตรียมคำถามที่สงสัยมาล่วงหน้า พบกันวันนั้นครับ

        การสาธารณสุขมูลฐาน ที่กระทู้
http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,3394.0.html

                              win win win
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #1 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2553, 15:42:40 »


                     สธ.เร่งพัฒนาพยาบาล ดูแลผู้สูงอายุ พิการ ป่วยเรื้อรัง
                         โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 ตุลาคม 2553
      http://www.manager.co.th/Qol/ViewNews.aspx?NewsID=9530000148431
 
                 
 
                           
 
       สธ.เผยมีพยาบาลประจำสถานพยาบาลทุกระดับ 90,000 คน เร่งพัฒนามาตรฐานพยาบาลในปี 2554 จัดโครงการพัฒนาพยาบาลประจำ รพ.สต. เพื่อเดินหน้างานสร้างสุขภาพ การดูแลผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ประมาณ 8 ล้านคนถึงบ้าน ลดอาการป่วยแทรกซ้อน ไม่ต้องไปโรงพยาบาล
      
       วันนี้ (21 ต.ค.) ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานในพิธีวางพานพุ่ม ถวายราชสักการะสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ณ พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร์ อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี กระทรวงสาธารณสุข เนื่องในวันพยาบาลแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ.2553 ว่า

       วันนี้เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มีความสำคัญยิ่งต่อวิชาชีพการพยาบาล ในฐานะที่พระองค์ท่านทรงสำเร็จการศึกษาวิชาการพยาบาล และตลอดพระชนม์ชีพทรงปฏิบัติพระราชภารกิจในการพัฒนาสุขภาพอนามัยและคุณภาพชีวิตของประชาชนเปี่ยมล้นด้วยพระเมตตา วิริยะอุตสาหะ นำสิริสุขแก่ปวงชนทุกก้าวพระบาทที่เสด็จไปถึงแม้ในถิ่นทุรกันดาร กระทรวงสาธารณสุข สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่ทรงมีต่อวิชาชีพพยาบาล
      
       ดร.พรรณสิริกล่าวว่า ในปี 2554 นี้ สธ.มีโครงการพัฒนาพยาบาลใน 2 เรื่องใหญ่ คือ

เรื่องที่ 1 คือ การพัฒนามาตรฐานพยาบาลของพยาบาลประจำ รพ.สต. ซึ่งขณะนี้มี 2,000 แห่ง จะเพิ่มในปี 2554 อีก 7,000 แห่ง ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำมาตรฐานโดยผู้ทรงคุณวุฒิ จะเน้นหนักการทำงานส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันการเจ็บป่วยของประชาชน ให้ประชาชนดูแลสุขภาพตนเองได้ โดยจะจัดอบรมให้ครอบคลุมพยาบาลทั่วประเทศต่อไป

เรื่องที่ 2 คือ การจัดมาตรฐานการดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้สูงอายุ และผู้พิการ ที่บ้าน หรือที่เรียกว่า โฮมวอร์ด (Home Ward) เนื่องจาก 3 กลุ่มนี้ในประเทศไทยมีประมาณ 8 ล้านคนและแนวโน้มเพิ่มขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคแทรกซ้อน เช่น แผลกดทับ ปอดติดเชื้อไม่ให้ทะลักเข้าโรงพยาบาลใหญ่ ลดอัตราการเสียชีวิต ซึ่งขณะนี้มีใช้ในหลายประเทศทั่วโลก ถือว่าเป็นมาตรการเชิงรุกที่มีประสิทธิภาพ เป็นที่พึ่งของครอบครัวที่ประสบปัญหาเป็นอย่างดี
      
       ดร.พรรณสิริกล่าวต่อว่า ขณะนี้ทั่วประเทศมีพยาบาลและผดุงครรภ์ ทั้งระดับต้นและระดับวิชาชีพ ที่ขึ้นทะเบียนใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ กับสภาพยาบาล

       ในปี 2553 จำนวน 162,620 คน ในจำนวนนี้ ปฏิบัติงานในสถานพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศประมาณ 90,000 คน

       ซึ่งยังขาดแคลนอีก 30,000 คน ได้เพิ่มกำลังผลิตทุกปี

       อย่างไรก็ตาม การบรรจุพยาบาลจบใหม่เข้าเป็นข้าราชการมีขีดจำกัด ทำให้ส่วนหนึ่งไหลออกไปสู่ภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง

      กระทรวงสาธารณสุขจะเร่งประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ขออัตรากำลังเพิ่ม เพื่อบรรเทาภาระของพยาบาลที่มีในปัจจุบัน

      โดยขณะนี้พยาบาล 1 คนต้องดูแลประชากร 900 คน ขณะที่ตามมาตรฐานโลกกำหนดให้พยาบาล 1 คน ดูแล 500 คน อีกทั้งพยาบาลบางภูมิภาคยังมีภาระงานสูงกว่าภูมิภาคอื่น เช่น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือดูแลประชากร 1 ต่อ 1,400-1,500 คน กทม. 1 ต่อ 400 คน

                                 gek gek gek
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #2 เมื่อ: 23 มกราคม 2554, 13:46:19 »


การประกันชีวิตแบบบำนาญ      
โดยเวบฐานเศรษฐกิจออนไลน์ วันพุธ ที่ 15 ธ.ค.2553   
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=50365:2010-12-15-03-18-34&catid=206:2010-06-21-06-14-52&Itemid=578
คอลัมนิสต์ผู้ทรงคุณวุฒิ    - สาธิต รังคสิริ
เขียนโดย กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ     

ท่านผู้อ่านครับ หากท่านติดตามข่าวสารเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจท่านจะทราบว่า
สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้อนุมัติ
ให้บริษัทประกันภัยออกผลิตภัณฑ์ประเภทใหม่ที่เรียกว่า

"ประกันชีวิตแบบบำนาญ"



ผู้สูงอายุ ที่จะเป็นภาระค่าใช้จ่ายในอนาคตของรัฐ

มาเป็นทางเลือกเพิ่มเติม สำหรับผู้ซื้อประกันที่ต้องการผลตอบแทนมาใช้เมื่อตนเองชราภาพ
ซึ่งต่อมากระทรวงการคลังโดยกรมสรรพากร ได้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้สิทธิประโยชน์
ทางภาษีเพิ่มเติมแก่ประกันชีวิตดังกล่าวนี้ โดยได้มีมติเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2553 เห็นชอบ
หลักการของมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการออมในรูปแบบของการประกันชีวิตแบบบำนาญไปแล้ว

ดังนั้น วันนี้ผมจะขอกล่าวรายละเอียดในเรื่องนี้ครับ

ทุกวันนี้หากท่านซื้อประกันชีวิต ท่านสามารถนำมาหักเป็นค่าลดหย่อนทางภาษี ได้เท่าที่จ่ายจริง
แต่ต้องไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี โดยต้องเป็นกรมธรรม์ที่มีกำหนดเวลาไม่ต่ำกว่า 10 ปี และ
ต้องซื้อจากบริษัทที่ประกอบกิจการในประเทศไทยเท่านั้น

สำหรับประกันชีวิตแบบบำนาญ (Annuity Life Insurance) นั้น จะมีลักษณะแตกต่าง ที่มุ่งเน้น
การออมเงินในขณะที่ผู้ออมกำลังอยู่ในวัยทำงานและมีรายได้

ทั้งนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเก็บออมไว้เป็นรายได้ในยามชราภาพหรือเกษียณอายุ
ดังนั้น จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการมีรายได้ภายหลังเกษียณอายุ หรือ ผู้ที่ต้องการสร้าง
เงินบำนาญไว้เพื่อใช้จ่ายในยามชรา

อนึ่ง การกำหนดวงเงินประกันนั้น มี 2 แบบ ได้แก่ แบบ

1.DC (Define Contribution) คือ เก็บออมเท่าไหร่ ทั้งหมดถือเป็นเงินบำเหน็จที่ได้หลังเกษียณ

2.DB (Define Benefit) จะเป็นการคำนวณตามความต้องการของลูกค้า เช่น
ต้องการบำเหน็จ 1.5 ล้านบาท หลังเกษียณ ก็จะมีการคำนวณการจัดเก็บเบี้ยในแต่ละปี
เพื่อให้ได้เงินก้อนตามต้องการใช้จ่ายหลังเกษียณ

สำหรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีของประกันชีวิตแบบบำนาญนั้น ได้มีการให้สิทธิประโยชน์
ทางภาษีเพิ่มเติมมากกว่าการประกันชีวิตแบบทั่วไป กล่าวคือ

ให้ผู้ซื้อประกันชีวิตแบบบำนาญนอกจากจะสามารถนำไปหักลดหย่อนในการคำนวณภาษีเมื่อสิ้นปี
ได้ในวงเงินเดียวกันกับประกันชีวิตแบบทั่วไป เป็นจำนวน 100,000 บาทต่อปีแล้ว

กฎหมายยังอนุญาตให้สามารถหักลดหย่อนได้เพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษสำหรับ
เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญอีกปีละ 200,000 บาท แต่ต้องไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้
และเมื่อรวมกับการหักลดหย่อนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
กองทุนสงเคราะห์ครู และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพแล้ว จะต้องไม่เกิน 500,000 บาทต่อปี


win win win

XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXX

การใช้กุศโลบายนี้ทำให้รัฐไม่ต้องเสียเงินในการดูแลผู้สูงอายุ ฝ่ายเดียว จะมีประชาชน
ที่ได้รับเงินจากการประกันชีวิตแบบบำนาญ ร่วมด้วยจึงลดค่าใช้จ่ายของรัฐ ซึ่งเตรียมไว้
ให้เฉพาะ สิ่งจำเป็นพื้นฐานต่อการมีชีวิตอยู่ จปฐ. ตามตัวชี้วัดตัวที่ 1 สุขภาพดีถ้วนหน้า




กระทู้สุขภาพดีถ้วนหน้าด้วย สาธารณสุขมูลฐาน ตาม Ottawa Charter ที่

http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,3394.0.html

หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #3 เมื่อ: 01 กุมภาพันธ์ 2554, 10:20:50 »

หากผู้สูงอายุมากขึ้น
 ต่อไปการบริการของโรงพยาบาลก็ต้องเป็นงานที่หนักมากขึ้น
เพราะคนสูงอายุเป็นช่วงอายุที่ใช้บริการมากและต่อเนื่อง
ที่สำคัญคือต้องให้ความรู้ในการดูแลตัวเองได้ในระดับหนึ่ง
ก็จะลดภาระของรพ.ได้บ้าง
รพ.ก็จะได้บริการคนไข้ที่หนัก
หรือ คนไข้ที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้อย่างมีคุณภาพ
      บันทึกการเข้า
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #4 เมื่อ: 01 กุมภาพันธ์ 2554, 11:55:40 »

อ้างถึง
ข้อความของ เอมอร 2515 เมื่อ 01 กุมภาพันธ์ 2554, 10:20:50
หากผู้สูงอายุมากขึ้น
 ต่อไปการบริการของโรงพยาบาลก็ต้องเป็นงานที่หนักมากขึ้น
เพราะคนสูงอายุเป็นช่วงอายุที่ใช้บริการมากและต่อเนื่อง
ที่สำคัญคือต้องให้ความรู้ในการดูแลตัวเองได้ในระดับหนึ่ง
ก็จะลดภาระของรพ.ได้บ้าง
รพ.ก็จะได้บริการคนไข้ที่หนัก
หรือ คนไข้ที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้อย่างมีคุณภาพ

 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ
 
การสาธารณสุขมูลฐาน ดูแลโดยมีญาติพี่น้องผู้ป่วย ร่วมดูแลด้วย บุคลากรสาธารณสุขเป็นที่ปรึกษา และ ให้การรักษาตามแนวทางมาตรฐาน ที่กำหนดโดยผู้เชี่ยวชาญกำหนดขึ้นเพื่อให้การดูแลเป็นมาตรฐานคุณภาพเดียวกัน

  รักนะ รักนะ รักนะ

ขอบคุณพี่เอมอร ที่ห่วงว่างานจะหนัก ถ้ามีการเขียนเป็นเอกสารคุณภาพ แล้วบุคลากร ร่วมมือกันทำตามแนวทาง งานจะไม่หนัก คนไข้ได้รับบริการคุณภาพ ครับพี่

 หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #5 เมื่อ: 01 กุมภาพันธ์ 2554, 12:36:39 »

เมื่อ๒ เดือนที่แล้วมาพี่ไปขอรับการบริการของร.พ.รามา
พี่ได้เห็นการทำงานของหมอแล้ว เห็นใจมากๆ
หมอปัจจุบันทำงานหนักมากๆ
และหากคนไข้รู้จักวิธีดูแลตัวเองที่ดีกว่านี้
หมอจะไม่ต้องทำงานหนักมากเช่นปัจจุบัน
พี่เห็นแล้วรู้สึกดีใจว่าไม่ได้เรียนหมอ หรือพยาบาลหรีอบุคคากรทางการแพทย์มา
เพราะหากเขาเหล่านั้น ไม่อดทน ไม่อุทิศ ไม่อึดแล้ว
ย่อมมีความทุกข์ในการทำงานแน่
( พี่มีคำถาม ขอความรู้มาด้วยนะคะ)
พี่จะลดภาระของหมอที่ดูแลพี่
เลยหาความรู้จากคนแถวนี้แหละค่ะ
ขอบคุณ
      บันทึกการเข้า
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #6 เมื่อ: 01 กุมภาพันธ์ 2554, 14:17:58 »

อ้างถึง
ข้อความของ เอมอร 2515 เมื่อ 01 กุมภาพันธ์ 2554, 12:36:39
เมื่อ๒ เดือนที่แล้วมาพี่ไปขอรับการบริการของร.พ.รามา
พี่ได้เห็นการทำงานของหมอแล้ว เห็นใจมากๆ
หมอปัจจุบันทำงานหนักมากๆ
และหากคนไข้รู้จักวิธีดูแลตัวเองที่ดีกว่านี้
หมอจะไม่ต้องทำงานหนักมากเช่นปัจจุบัน
พี่เห็นแล้วรู้สึกดีใจว่าไม่ได้เรียนหมอ หรือพยาบาลหรีอบุคคากรทางการแพทย์มา
เพราะหากเขาเหล่านั้น ไม่อดทน ไม่อุทิศ ไม่อึดแล้ว
ย่อมมีความทุกข์ในการทำงานแน่
( พี่มีคำถาม ขอความรู้มาด้วยนะคะ)
พี่จะลดภาระของหมอที่ดูแลพี่
เลยหาความรู้จากคนแถวนี้แหละค่ะ
ขอบคุณ
        การสาธารณสุขมูลฐาน เป็นคำตอบช่วยให้งานสาธารณสุขลดลง เมื่อทำครบ

ตัวชี้วัด 4 ตัวชี้วัด ที่ขอนำมากล่าวอีกครั้งคือ

ตัวที่ 1.ประชาชนทุกคนได้รับสิ่งจำเป็นพื้นฐานสำหรับชีวิตโดยถ้วนหน้าตามเกณฑ์

ตัวที่ 2.ประชาชนร่วมมือในการทำให้เกิดสุขภาพดีของชุมชน เช่น

2.1อาสาสมัครมาช่วยงานสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม. ทำหน้าที่

"แก้ข่าวร้ายกระจายข่าวดีชี้บริการประสานงานสาธารณสุขบำบัดทุกข์ประชาชนทำตนเป็นตัวอย่างที่ดี"

2.2ประชาชนร่วมมือในการปฏิบัติตัวเพื่อสุขภาพดีตามที่ อสม.แนะนำด้วยความเต็มใจ เป็นต้น

ตัวที่ 3.การมีสถานพยาบาลเข้าถึงได้ง่ายใกล้บ้าน ใกล้ใจ ปรึกษาได้เป็นกันเอง

ตัวที่ 4.สถานพยาบาลใกล้บ้าน เป็นสถานพยาบาลที่ได้รับการรับรองคุณภาพ จาก

                        

         สถาบันพัฒนาและรับรองคุณภาพ Hospital Accreditation : HA

                http://www.ha.or.th/ha2010/th/home/index.php

        จึงขอประชาสัมพันธ์ให้พวกเรา และ ประชาชน ได้ร่วมรู้ เป็น ด้านที่ 1

        ร่วมสร้างวัฒนธรรมการมีสุขภาพดี ร่วมปฏิบัติเอง เป็นด้านที่ 2 และ ชุมชน เสนอให้

        ออกกฏระเบียบ ตาม ตัวชี้วัดสุขภาพดีถ้วนหน้า ข้อ 2 ที่ว่าถึง การมีส่วนร่วมในการมีสุขภาพดี
บังคับให้ทุกคนต้องทำตามวัฒนธรรมการมีสุขภาพดี มีบทลงโทษของชุมชน เป็นด้านที่ 3

         เมื่อมีครบสามด้านของสามเหลี่ยมฯ นอกจากได้ประโยชน์เองแล้ว รักนะ ยังช่วยให้
                            งานด้านสาธารณสุขลดน้อยลงด้วย

                                            

         ตามแนวทางสามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา ของ ศ.น.พ.ประเวศ วะสี ช่วยให้เกิดได้

                                      รักนะ รักนะ รักนะ
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
  หน้า: [1]   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><