29 เมษายน 2567, 14:09:32
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: [1]   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: นำข่าวการสอบวัดผลแนวใหม่ของ มสธ. ระบบสอบอิเล็กทรอนิกส์วัดความรู้ นศ.เมื่อพร้อม  (อ่าน 2984 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2553, 21:20:16 »


                         โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   26 พฤศจิกายน 2553
                http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9530000166683

       มสธ.แก้ปัญหา นศ. มีพื้นฐานการศึกษา-วิธีการเรียนแตกต่าง จัดระบบสอบอิเล็กทรอนิกส์แบบง่ายๆ ไม่จำเป็นต้องรอกำหนดสอบ สามารถสอบได้ทันทีเมื่อพร้อม แถมรวดเร็วรู้ผลทันที เมื่อเสร็จสิ้นการสอบ คาดเริ่มต้นใช้ระบบเดือนมีนา'54
      
       มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) นับเป็นมหาวิทยาลัยเปิดที่ใช้ระบบการศึกษาทางไกล ที่มีระบบการเรียนการสอนที่ได้มาตรฐาน และมีประสิทธิภาพมากที่สุดอีกแห่งหนึ่งของประเทศ แต่ละปีผลิตบัณฑิตคุณภาพกลับคืนสู่สังคมอีกเป็นจำนวนมาก ด้วยคุณภาพมาตรฐาน และประสบการณ์ยาวนานกว่า 32 ปี ทำให้ชื่อของ มสธ. กลายเป็นที่ยอมรับของสังคม ส่งผลให้มีนักศึกษาก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้ปีละนับหมื่นๆ คน

                  

                  

       จากจำนวนนักศึกษาที่เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งมีความหลากหลายทางด้านวัยวุฒิและคุณวุฒิ รวมถึงวิธีการเรียนที่แตกต่างกัน ทำให้มสธ. ต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้งทางด้านวิชาการ ระบบการเรียนการสอนที่พัฒนาให้ทันสมัยและเหมาะสมกับผู้เรียน ล่าสุด สำนักงานทะเบียนวัดและประเมินผล ได้จัดทำโครงการพัฒนาระบบสอบอิเล็กทรอนิกส์ตามความพร้อมของนักศึกษา(Walk-In Exam) ขึ้น เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับนักศึกษา ที่มีความรู้ ความสามารถ ในชุดวิชาที่ลงทะเบียนได้เข้าสอบเมื่อพร้อม โดยไม่ต้องรอจนจบภาคเรียน ซึ่งนับว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับนักศึกษาที่เรียนระบบทางไกล
      
       รศ.ดร.ศุภมาส อังศุโชติ หัวหน้าโครงการ Walk-In Exam เปิดเผยว่า มสธ. ใช้ระบบ การวัดและประเมินสัมฤทธิ์ปลายภาคในระบบที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศอยู่แล้ว แต่เนื่องจากนักศึกษามสธ. มีพื้นฐานการศึกษา และมีวิธีการเรียนที่แตกต่างกัน ทางมหาวิทยาลัยจึงได้พัฒนาระบบการสอบอิเล็กทรอนิกส์ขึ้นมา เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับนักศึกษาที่มีความพร้อม โดยอาศัยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในการทดสอบ และใช้ข้อสอบที่มีคุณภาพจากระบบคลังข้อสอบอิเล็กทรอนิกส์ ของมหาวิทยาลัย ซึ่งนักศึกษาสามารถเข้าสอบได้เมื่อพร้อม โดยไม่ต้องรอให้ถึงกำหนดการสอบที่มหาวิทยาลัยกำหนด และทราบผลสอบของชุดวิชาที่เข้าสอบได้ทันทีเมื่อเสร็จสิ้นการสอบ หากนักศึกษาสอบไม่ผ่านยังสามารถเข้ารับการทดสอบตามสนามสอบจริงที่มหาวิทยาลัยกำหนดได้อีกครั้งหนึ่ง
      
       “จากการสำรวจนักศึกษาระดับปริญญาตรีที่ทดลองใช้ พบว่านักศึกษาส่วนใหญ่พึงพอใจมาก เพราะว่านอกจากสะดวกแล้ว ยังทำให้เขาได้รู้ถึงศักยภาพ ความรู้ในสาขาวิชาต่างๆ ด้วย เริ่มแรก คาดว่าจะเริ่มในวิชาไทยศึกษา วิชาที่นักศึกษาทุกคนต้องเรียนและต้องสอบ โดยจะเปิดให้บริการแก่นักศึกษาได้สอบด้วยคอมพิวเตอร์ใน 1 ห้องรองรับได้ 35 คน ที่มสธ. ศูนย์กลาง คาดว่าจะเริ่มเปิดให้นักศึกษาทุกคนได้ใช้ระบบนี้ประมาณเดือนมีนาคมปี 2554”
      
                  

                  

       ปัจจุบันประเทศไทย มีหลายแห่งนิยมการสอบแบบ Walk-In Exam ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ และทำให้นักศึกษามีเวลาไปทบทวนความรู้ หรือทำกิจกรรมอย่างอื่นมากยิ่งขึ้น ยิ่งนักศึกษาของมสธ. ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาที่เรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย ระบบดังกล่าวเอื้อต่อการเรียนรู้ และประโยชน์ของนักศึกษาอย่างมาก
      
       ด้าน ทูล ทัดเทียม นักศึกษาชั้นปีที่ 1 สาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แขนงวิชาเทคโนโลยีอุสาหกรรม หนึ่งในนักศึกษาที่ได้ทดลองใช้ระบบสอบ Walk-In Exam บอกว่า เป็นครั้งแรกที่ได้สอบโดยผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นระบบที่ง่าย สะดวก ทำให้ได้รับรู้ถึงความสามารถ ในวิชานั้นๆ ว่าเพียงพอที่ตัวเองจะไปสอบหรือไม่ เพราะหากมีความรู้ไม่พร้อม ก็เหมือนกับเป็นการทดสอบก่อนที่จะไปสอบสนามจริง เป็นการทบทวนความรู้ได้อย่างดี
      
       “ตอนแรกที่สอบก็กังวลว่าระบบจะยุ่งยากแต่เมื่อได้สอบจริงๆ เป็นระบบที่ใช้ง่ายมาก อ่านโจทย์ ตอบคำถาม และส่งข้อสอบ ส่งเสร็จก็ทราบคะแนนทันที ช่วยลดเวลาได้เยอะ ถ้าสอบไม่ผ่านก็สามารถสอบใหม่ได้ในการสอบปลายภาค ทำให้มีเวลาทบทวนบทเรียนมากขึ้น ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายนั้น หากทางมหาวิทยาลัยเรียกเก็บวิชาละ 300-500 บาท ผมว่าไม่ได้มากมายอะไร เมื่อเทียบกับการเวลาที่เหลือที่จะนำไปใช้ประโยชน์อื่นๆ ยิ่งเมื่อเราสอบผ่าน เราก็จะได้นำเวลาที่เหลือไปทบทวนวิชาอื่น”
      
                  

                  

       ส่วน วรนุช กุณฑลสุรกานต์ นักศึกษาชั้นปีที่ 1 สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ แขนงวิชา การแพทย์แผนไทย บอกว่า รู้สึกพอใจกับระบบอย่างมาก เพราะเป็นระบบที่ง่าย สะดวก สอบเสร็จรู้ผลทันที ไม่ต้องมานั่งเครียดว่าสอบผ่านหรือไม่ผ่าน และถ้าสอบไม่ผ่าน ทำให้รู้ว่าองค์ความรู้ที่มีนั้นเพียงพอต่อการสอบหรือไม่ จะได้เตรียมตัวให้พร้อมในการสอบปลายภาคได้อีกครั้ง แต่หากสอบผ่าน จะได้นำเวลาที่เหลือไปอ่านในวิชาอื่นๆ แถมยังทำให้มีเวลาที่เหลือจากการทำงาน เรียน ไปใช้ชีวิตทำอย่างอื่น
      
       “เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย เป็นสิ่งที่เหนื่อย แต่เชื่อว่าเมื่อประสบความสำเร็จย่อมเป็นสิ่งที่คุ้มค่ามาก การที่มสธ. พยายามพัฒนาระบบนี้ขึ้นมาเพื่อเอื้ออำนวยแก่นักศึกษาได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ แต่หากมีการเปิดใช้ระบบนี้อย่างสมบูรณ์ อยากให้มีการเปิดสอบในวันเสาร์-อาทิตย์ ด้วย เพราะหากเปิดสอบช่วงวันธรรมดา คนที่ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ก็ต้องลางาน ทำให้มีปัญหา อีกทั้งค่าสมัครสอบอยากให้เก็บ 200 บาท หรือ300 บาท เพื่อจะได้ช่วยคนที่มีฐานะปานกลาง หรือยากจน” อีกหนึ่งเสียงสะท้อนจากนักศึกษาที่ได้ทดลองใช้ระบบสอบ Walk-In Exam
      
       “เวลา” เป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับนักศึกษาที่ต้องเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย ระบบสอบ Walk-In Exam จึงเป็นทางเลือกใหม่ที่สะดวก ช่วยประหยัดเวลา และเอื้ออำนวยให้กับนักศึกษาเข้ารับการสอบได้ในช่วงเวลาที่พร้อม โดยไม่ต้องรอให้ถึงกำหนดการสอบที่มหาวิทยาลัยกำหนดไว้ เริ่มแรกเป็นการสอบชุดวิชาในหมวดศึกษาทั่วไป และขยายต่อไปสู่ชุดวิชาอื่นๆ ที่มหาวิทยาลัยเห็นสมควร โดยเป็นชุดวิชาที่มีรูปแบบข้อสอบ เป็นแบบเลือกสอบ สนใจสอบถามข้อมูลได้ที่ โทร.02-504-7788 หรือ www.stou.ac.t  

                         gek gek gek
 
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
  หน้า: [1]   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><