29 เมษายน 2567, 04:53:51
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: [1]   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: เอาจริงเสียทีปราบคอร์รัปชั่น (บทบรรณาธิการ น.ส.พ.แนวหน้า)นำมาให้พวกเราทราบ  (อ่าน 2156 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« เมื่อ: 02 ธันวาคม 2553, 12:40:55 »


                    เอาจริงเสียทีปราบคอร์รัปชั่น (บทบรรณาธิการ)
                   http://www.naewna.com/news.asp?ID=238948

                        

         นับเป็นนิมิตหมายที่ดีที่ภาคเอกชนเริ่มตื่นตัวในการร่วมมือกับภาครัฐในการหาแนวทางขจัดปัญหาคอร์รัปชั่น โดยในการสัมนาหอการค้าทั่วประเทศที่จังหวัดขอนแก่น เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมีสมาชิกหอการค้าทั่วประเทศ ราว 2,000 คน เข้าร่วมการสัมมนา และ มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน

         ได้หยิบยกประเด็นหลักในการสัมมนาก็ คือ การต่อต้านการคอร์รัปชั่น โดยหอการค้าไทย ได้จัดทำสมุดปกขาวแนวทางการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่นเสนอต่อนายกรัฐมนตรีด้วย

         ในการสัมมนาครั้งนี้ มีการสำรวจหอการค้าที่เข้าร่วมสัมมนาเกี่ยวกับปัญหาคอร์รัปชั่น พบข้อมูลที่น่าสนใจก็คือ ผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจกับภาครัฐถึงร้อยละ 70.7 ระบุว่า จะต้องจ่ายเงินเพิ่มพิเศษแก่นักการเมืองและข้าราชการที่ทุจริตเพื่อให้ได้สัญญาโครงการต่างๆ

         จากการสำรวจยังพบว่า เมื่อเปรียบเทียบสถานการณ์คอร์รัปชั่นในปัจจุบัน กับสถานการณ์ 3 ปีที่ผ่านมา พบว่า

         ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ ร้อยละ 62.4 เห็นว่า ปัญหาคอร์รัปชั่นรุนแรงเพิ่มมากขึ้น

         ขณะที่ร้อยละ 16.3 เห็นว่า เพิ่มขึ้นเล็กน้อย

         ร้อยละ 15.7 เห็นว่าเท่าเดิม และ

         ร้อยละ 5.6 เห็นว่า ลดลงเล็กน้อย

         ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ ยังให้ความเห็นว่าปัญหาคอร์รัปชั่นส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ ทั้งนี้ อัตราเงินใต้โต๊ะที่ผู้ประกอบการต้องจ่ายให้เหล่านักการเมืองและข้าราชการอาจจะสูงถึงร้อยละ 25 ของมูลค่าโครงการ

         ทั้งนี้ หากมีการสมคบกันคอร์รัปชั่นระหว่างนักการเมือง ข้าราชการ และผู้ประกอบการภาคเอกชนในการประมูลหรือจัดซื้อจัดจ้างโครงการของรัฐ แน่นอนว่า ผู้ประกอบการย่อมต้องมีต้นทุนเพิ่มขึ้นจากเงินใต้โต๊ะส่วนเกินที่ต้องจ่ายให้กับนักการเมืองผู้มีอำนาจ หรือข้าราชการ

        ดังนั้นผู้ประกอบการย่อมต้องผลักภาระต้นทุนส่วนเกินนี้ให้กับรัฐและประชาชนผู้บริโภคในที่สุด

         ดังนั้นผู้ที่เสียประโยชน์จากปัญหาคอร์รัปชั่นอย่างแท้จริง ก็คือ ชาติและประชาชนเจ้าของประเทศ

         ขณะที่ผู้ได้ประโยชน์ คือ คนเพียงไม่กี่คน อันได้แก่ นักการเมือง ข้าราชการ และพ่อค้าผู้ประกอบการ


         ต่อแนวทางขจัดปัญหาคอร์รัปชั่นนั้น นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ได้เสนอต่อการสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศครั้งนี้ว่า

         ข้าราชการและนักการเมืองเป็นจำเลยที่ 1 และ 2 อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ภาครัฐตบมือข้างเดียวคงไม่ได้ผล ดังนั้นเอกชนต้องร่วมมือด้วยการไม่สมคบกับนักการเมืองและข้าราชการทำการคอร์รัปชั่น

         จากข้อมูลการสัมมนาของหอการค้าทั่วประเทสครั้งนี้ ชี้ให้เห็นวิกฤติคอร์รัปชั่นที่นับวันจะฝังรากลึกและรุนแรงขึ้นทุกขณะ จึงถือเป็นวาระแห่งชาติที่ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนต้องร่วมมือกันกำหนดแนวทางแก้ไขอย่างจริงจัง ให้เห็นผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว

         ซึ่งมีแนวคิดจากหลายฝ่ายเรียกร้องให้

        มีการเพิ่มอำนาจแก่องค์กรซึ่งมีหน้าที่ในการปราบปรามคอร์รัปชั่น โดยเฉพาะคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ให้มากขึ้น ตลอดจน

        แก้ไขกฎหมายกำหนดให้คดีคอร์รัปชั่นไม่มีอายุความ และกำหนดบทลงโทษที่รุนแรงยิ่งขึ้น รวมทั้งให้ลงโทษเอาผิดครอบคลุมถึงพ่อค้า นักธุรกิจ ที่สมคบกับนักการเมืองและข้าราชการที่คอร์รัปชั่นด้วย


                   วันที่ 2/12/2010

                win win win
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #1 เมื่อ: 09 ธันวาคม 2553, 19:54:18 »


                               ต้องให้ข้างบนนิ่งก่อน แล้วข้างล่าง จะเข้าแถวเอง!!!
        ขอขอบคุณเวบมติชน วันพุธที่ 08 ธันวาคม พ.ศ. 2553 เอื้อเฟื้อข่าว อ่านข่าวทั้งหมดได้ที่
        http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1291792232&grpid=&catid=02&subcatid=0207

                          

        การประชุมนานาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต (IACC) ที่กรุงเทพฯ http://www.13iacc.org/ ผ่านพ้นไปแล้ว แต่มีเสียงวิจารณ์ว่า นอกจาก

                    

        นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.กระทรวงยุติธรรม

         ไปเปิดงานแล้ว ไม่เห็นหัวนักการเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านเลย คนที่เอางานเอาการที่สุดคือ
                    
                                          

                                                 ส.ว.รสนา โตสิตระกูล

         เพราะเธอใส่ใจไปร่วมประชุมทุกวัน หรือ ว่านักการเมืองไทยไม่สนใจปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น ทั้ง ๆ ที่ตัวเลขปูดออกมาว่ารัฐสูญเสียงบประมาณปีละไม่ต่ำกว่าแสนล้านจากการคอร์รัปชั่น
    
         เหลียวดูการจัดอันดับดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชั่น ประจำปี 2553 ประเทศไทยได้ 3.5 คะแนนจากคะแนนเต็ม 10 ดีขึ้นมานิดหน่อย แต่โดยสรุปอันดับก็ยังแย่
        
                        ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))

         ต้องให้ข้างบนนิ่งก่อน แล้วข้างล่าง จะเข้าแถวเอง!!!

              

                    หรือ ถ้าหัวไม่ส่าย หางก็จะไม่กระดิก

                             win win win
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
  หน้า: [1]   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><