29 พฤษภาคม 2567, 13:34:43
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 17 18 [19] 20 21 ... 36  ทั้งหมด   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: ++ Blog Tag ++  (อ่าน 309331 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Hong82
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #450 เมื่อ: 04 พฤษภาคม 2550, 12:59:21 »

สงสัยว่าช่วงนี้จะเป็นฤดูการแห่งการเปลี่ยนภาพโลโก้... Shocked

 พี่ปุ๊กกี้...พี่เอ79  ....เอก ตี๋หมี่เกี๊ยว รวมถึงน้องวีคุงของเรา....

ต่างพร้อมใจกันเปลี่ยนรูป...โดยมิได้นัดหมาย(รึเปล่า?) Cheesy

สงสัยต้องหารูปมาเปลี่ยนมั่งซะแล้ว Cheesy
บันทึกการเข้า
gamo
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 621

« ตอบ #451 เมื่อ: 04 พฤษภาคม 2550, 13:04:20 »

กลับมาอีกครั้ง พบกันในตอนที่ 3
วันนี้เล่าเรื่องพรหมลิขิตดีกว่า ว้าว......

3. จริงๆโดยส่วนตัวแล้วเป็นคนไม่ค่อยเชื่อเรื่องดวง โชค ฯลฯ อะไรนัก รวมถึงพรหมลิขิตด้วย
แต่ลองมาคิดพิจารณาดูแล้ว ผมว่าผมกับแฟน(ปิ๋ม) นี่ท่าจะเป็นพรหมลิขิต เป็นเนื้อคู่กันมา
แต่ชาติปางก่อนเป็นแน่แท้ ผมเชื่อว่าเรื่องของผมไม่น่าจะเหมือนใครในโลกใบนี้ (เว่อร์ไปป่ะ)
มีเพืยงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ประวัติความเป็นมาของผมกับปิ๋ม เอาล่ะ ผมจะเริ่มเล่าแล้วครับ


ผมเป็นคนโคราชโดยกำเนิด  ส่วนปิ๋มเป็นคนนางรอง (บุรีรัมย์)
เราพบกันครั้งแรกที่โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย (โรงเรียนชายประจำจังหวัด) ม.ต้นชายล้วน
แต่ม.ปลายเป็นสหศึกษา  ปิ๋มเข้ามาเรียนต่อที่โคราชตอนม. 4
สมัยนั้นมัธยมปลายแบ่งเป็น 14 ห้อง ห้อง 1 เป็นห้องคิง แล้วก็เรียงตามลำดับความเก่ง
ไปจนถึงห้อง 10 ห้อง 11 เป็นสายศิลป์ภาษา  12 เป็นพานิชย์  13 เป็นห้องเกษตร กับช่าง
14เป็นห้องนักเรียนกีฬา    ผมอยู่ทับ 5 ส่วนปิ๋มอยู่ทับ 3  ประมาณว่าเป็นคนเรียนปานกลาง
นักเรียนแต่ละห้องจะมีประมาณสี่สิบกว่า ห้าสิบคนได้  และแต่ละห้องจะมีผู้หญิงน้อย
ห้องผมน่าจะมีเยอะสุดในรุ่นนั้นมั้ง คือประมาณ 14 คน ถ้าจำไม่ผิด  ส่วนห้องปิ๋มมีแค่ 4 คน
คนในรุ่นนั้นทั้งรุ่นไม่ค่อยมีคนหน้าตาดีเท่าไหร่  ผมมีเพื่อนสนิทอยู่ห้องปิ๋ม เพราะสนิทกัน
ตั้งแต่ม.ต้น  แต่พอม.ปลายอยู่กันคนละห้อง  


เรื่องมันเริ่มต้นที่เช้าวันหนึ่ง  จะไปโรงเรียน
พอดีได้มีโอกาสขึ้นรถเมล์คันเดียวกับปิ๋ม  ซึ่งตอนนั้นผมก็รู้ว่าคนนี้ชื่อปิ๋ม อยู่ห้อง 3 แต่ก็ไม่เคย
คุยกันเลยสักที  ผมขึ้นรถก่อนหน้าเค้าหนึ่งป้าย  พอถึงป้ายที่เค้าขึ้นมา  เค้ามองหน้าผมด้วยสีหน้า
ที่เหมือนคนเกลียดกันมากๆ หรือโกรธอะไรกันมากๆ เจอกันมองกัน ผมก็เป็นงง ว่าเอ๊  ไม่เคย
คุยกันเลยนะ ทำไมมามองหน้าเราแบบนี้ได้  วันนั้นพอถึงโรงเรียน ก็ไปเล่าให้เพื่อนสนิทคนนั้นฟัง
เรื่องก็เริ่มมาตั้งแต่บัดนั้น   มันก็มาบอกผมว่า ผมอย่างโน้นอย่างนี้ ปิ๋มว่าอย่างโน้นอย่างนี้
(อันนี้ผมจำรายละเอียดไม่ได้) ทำทีว่าเป็นการคุยกันผ่านคนกลาง อะไรประมาณนั้น หลังจากนั้น
ผมก็เริ่มสังเกตปิ๋มมากขึ้น  มองบ่อยๆเข้า ก็เอ  น่ารักเหมือนกันแฮะ อิอิ


จนในที่สุดความอึดอัด อัดอั้นก็มาถึงที่สุด ว่าต้องเคลียร์ซะที มีความโกรธแค้นอะไรผมก็ว่ามา
เช้าวันนั้น ผมต้องเดินทางไปแข่งกีฬาที่ต่างจังหวัด ไม่ต้องไปเรียนหนังสือ แต่เป็นวันที่ต้องไป
โรงเรียนตามปกติ  ผมก็โทรไปหาปิ๋มแต่เช้าตรู่ที่หอพักเค้า  เนื่องด้วยว่าผมจะไม่ต้องไปโรงเรียน
เป็นอาทิตย์ ก็คือไม่ต้องเจอกัน เคลียร์ๆให้จบๆ กลับมาจะได้จบเรื่อง  

เสียงโทรศัพท์ดัง กริ๊งๆ ๆๆๆ   มีคนวิ่งมารับ ผมก็ว่าขอสบายปิ๋มครับ  สักพักมีคนวิ่งมารับโทรศัพท์
ด้วยอาการหอบ ปิ๋มค่ะ ตอนนั้นผมตื่นเต้นมาก  เริ่มประโยคสนทนาว่า ปิ๋มเหรอ นี่โก๋นะ
ประโยคที่ตอบกลับมาคือว่า โก๋ไหน  ป่อย?Huh??? เท่านั้นแหละคร้าบ  ผมจึงถึงบางอ้อ
เพื่อนมันหลอกผมมาตลอด  มันไม่เคยไปคุยอะไรกับปิ๋มเลย วัยรุ่นเซ็งครับพี่น้อง
เท่านั้นแหละ ก็ไม่รู้จะคุยอะไร ถึงกับอึ้งครับ ไม่มีอะไรให้เคลียร์  จบกัน  ปิ๋มก็ว่างั้นปิ๋มขอไป
แต่งตัวไปโรงเรียนก่อนนะค่ะ   ว่างหูปุ๊บ นึกถึงหน้าเพื่อนคนนั้นลอยมาพร้อมกับคำด่าสาบแช่ง
ยกหูโทรศัพท์อีกครั้งโทรไปหามันเลย   ไอ้........ เอ้ย.......  ม....... (เซ็นเซอร์ครับ)


ด่ามันจบก็วางหูไป ไม่ได้คิดอะไรละ คิดแต่เพียงว่า จบเรื่องละ   จำได้ว่ากำลังขี้อยู่บนบ้าน
โทรศํพท์ดัง  กริ๊งๆๆๆๆ  น้องสาวรับ ตะโกนเรียก โกโก๋ (โก เป็นคำนำหน้าที่ใช้เรียกพี่ชาย
ในภาษาจีนแคะ) สาวโทรมาหา  ผมก็วิ่งลงมารับ ฮัลโหล  เสียงทางโน้นพูดมาว่า โก๋เหรอ
นี่ปิ๋มนะ  ทำไมไม่บอกล่ะ เมื่อเช้า   ขอให้ชนะนะ จะส่งใจไปช่วย   เท่านั้นแหละครับ  เป็นงง
บวกกับดีใจเล็กน้อย   คิดในใจว่าอะไรวะเนี่ย  สมัยนั้นยังไม่มีเพจเจอร์ โทรศัพท์มือถือ  
ไม่งั้นจะโทรไปหาเพื่อนผมแล้วถามมันว่า มรึงไปพูดอะไรกับปิ๋ม(วะ)  เค้าถึงโทรกลับมาพูดแบบนี้
จนผมกลับมาจากต่างจังหวัด อีกหลายวันต่อมา ผมถึงได้ถามเพื่อน  มันบอกว่า มันไปบอกปิ๋มว่า
คนที่โทรหาเธอเมื่อเช้าที่ชื่อโก๋อ่ะ  มันแอบชอบเธอ  มันจะไปแข่งกีฬา เลยโทรมาขอกำลังใจ
ฮิ้วๆๆๆๆๆ รู้สึกตอนนั้นตัวเองหน้าแตกยังเยิน เพราะเกิดมาไม่เค้ยไม่เคยเลยจริงๆที่จะทำแบบนั้น
และไม่เคยคิดจะทำด้วย รู้สึกมันเห่ยและเชยมากๆๆๆๆ


หลังจากนั้น ก็คุยกันมาเรื่อยๆ เป็นแฟนกันตั้งแต่ม. 4 เทอมสอง  จบม. 6 ก็สอบเอ็นทรานซ์
ติดที่เดียวกัน  เรียนคณะเดียวกัน  แถมภาควิชาเคมีเหมือนกันอีก

ที่ว่าผมเชื่อว่าเป็นพรหมลิขิตก็เพราะว่า  ปกติปิ๋มไม่ใช่คนที่จะสนิทกับใครง่ายๆ โดยเฉพาะผู้ชาย
สมัยมาเรียนที่ราชสีมาใหม่ๆ จะมีนิสัยค่อยข้างวางตัวมากๆ  ขนาดว่าเพื่อนผู้ชายสะกิดไหล่เรียก
ยังหันไปบอกว่า เรียกเฉยๆก็ได้ ไม่ต้องมาแตะ  (อะไรจะขนาดนั้น)  แต่เช้าวันนั้น ไม่รู้เธอนึกไง
ถึงได้โทรกลับมาพูดคำหวานกับคนที่เธอไม่เคยรู้จักขนาดนั้น  หลังจากที่สนิทกันแล้วก็ถามปิ๋ม
เหมือนกันว่า ทำไมโทรมา ปิ๋มก็บอกว่า ไม่รู้เหมือนกัน  ปกติก็ไม่ทำหรอก ก็แปลกดี

ส่วนอีกเรื่องนึงก็คือว่า เอ็นทรานซ์ติดที่เดียวกัน ทั้งๆที่เลือกกันคนละอันดับ แล้วก็เลือกจุฬาฯ
เหมือนกันอันดับเดียวด้วย  สมัยนั้นเลือกคณะได้  4  อันดับ  ปิ๋มเลือกเศรษศาสตร์เกษตร
เป็นอันดับแรก แล้วก็วิทยาฯจุฬาฯ  ส่วนผม เลือกวิทยาฯจุฬาฯอันดับหนึ่ง
อันดับสองวิทยาฯ เชียงใหม่ (ถ้าจำไม่ผิด) แล้วก็ไม่มีอะไรเหมือนกันอีกเลย

ขอจบแต่เพียงเท่านี้ครับ มันช่างเป็นพรหมลิขิตจริงๆ ว่าไหมครับพี่น้อง   เพราะผมเชื่อเป็น
อย่างยิ่งว่า ถ้าไม่ได้สอบติดที่เดียวกัน ก็คงไม่มีวันนี้แน่นอน เพราะต่างคนคงต่างมีแฟนใหม่แน่ๆ
บันทึกการเข้า
veekung
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,361

« ตอบ #452 เมื่อ: 04 พฤษภาคม 2550, 13:04:54 »

อ้างจาก: "Hong82"
สงสัยว่าช่วงนี้จะเป็นฤดูการแห่งการเปลี่ยนภาพโลโก้... Shocked

 พี่ปุ๊กกี้...พี่เอ79  ....เอก ตี๋หมี่เกี๊ยว รวมถึงน้องวีคุงของเรา....

ต่างพร้อมใจกันเปลี่ยนรูป...โดยมิได้นัดหมาย(รึเปล่า?) Cheesy

สงสัยต้องหารูปมาเปลี่ยนมั่งซะแล้ว Cheesy


ต้องดึงดูดให้คนเข้ามาดูพี่   เอาหน้าตามาใช้เป็นอาวุธ:D
บันทึกการเข้า

quot;อยากทำได้ให้ถามหญิงต่ำหูก อยากทำถูกให้ถามเด็กเลี้ยงควาย คนหลายคนกินน้ำบ่อเดียว เดินทางเดียวไม่ซ้ำรอยกัน" หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
<img src="[url]http://images.veejang.multiply.com/badge/U2FsdGVkX1.NpQZsTXem61w2P0GWCkA-bbo-041zLltmdDT.VkgnNuJu42GDLoxDzp2qkya
iamfrommoon
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2535
คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 8,396

เว็บไซต์
« ตอบ #453 เมื่อ: 04 พฤษภาคม 2550, 13:09:36 »

อ้างจาก: "gamo"
กลับมาอีกครั้ง พบกันในตอนที่ 3
วันนี้เล่าเรื่องพรหมลิขิตดีกว่า ว้าว......

3. จริงๆโดยส่วนตัวแล้วเป็นคนไม่ค่อยเชื่อเรื่องดวง โชค ฯลฯ อะไรนัก รวมถึงพรหมลิขิตด้วย
แต่ลองมาคิดพิจารณาดูแล้ว ผมว่าผมกับแฟน(ปิ๋ม) นี่ท่าจะเป็นพรหมลิขิต เป็นเนื้อคู่กันมา
แต่ชาติปางก่อนเป็นแน่แท้ ผมเชื่อว่าเรื่องของผมไม่น่าจะเหมือนใครในโลกใบนี้ (เว่อร์ไปป่ะ)
มีเพืยงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ประวัติความเป็นมาของผมกับปิ๋ม เอาล่ะ ผมจะเริ่มเล่าแล้วครับ
ผมเป็นคนโคราชโดยกำเนิด  ส่วนปิ๋มเป็นคนนางรอง (บุรีรัมย์)
เราพบกันครั้งแรกที่โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย (โรงเรียนชายประจำจังหวัด) ม.ต้นชายล้วน
แต่ม.ปลายเป็นสหศึกษา  ปิ๋มเข้ามาเรียนต่อที่โคราชตอนม. 4
สมัยนั้นมัธยมปลายแบ่งเป็น 14 ห้อง ห้อง 1 เป็นห้องคิง แล้วก็เรียงตามลำดับความเก่ง
ไปจนถึงห้อง 10 ห้อง 11 เป็นสายศิลป์ภาษา  12 เป็นพานิชย์  13 เป็นห้องเกษตร กับช่าง
14เป็นห้องนักเรียนกีฬา    ผมอยู่ทับ 5 ส่วนปิ๋มอยู่ทับ 3  ประมาณว่าเป็นคนเรียนปานกลาง
นักเรียนแต่ละห้องจะมีประมาณสี่สิบกว่า ห้าสิบคนได้  และแต่ละห้องจะมีผู้หญิงน้อย
ห้องผมน่าจะมีเยอะสุดในรุ่นนั้นมั้ง คือประมาณ 14 คน ถ้าจำไม่ผิด  ส่วนห้องปิ๋มมีแค่ 4 คน
คนในรุ่นนั้นทั้งรุ่นไม่ค่อยมีคนหน้าตาดีเท่าไหร่  ผมมีเพื่อนสนิทอยู่ห้องปิ๋ม เพราะสนิทกัน
ตั้งแต่ม.ต้น  แต่พอม.ปลายอยู่กันคนละห้อง  เรื่องมันเริ่มต้นที่เช้าวันหนึ่ง  จะไปโรงเรียน
พอดีได้มีโอกาสขึ้นรถเมล์คันเดียวกับปิ๋ม  ซึ่งตอนนั้นผมก็รู้ว่าคนนี้ชื่อปิ๋ม อยู่ห้อง 3 แต่ก็ไม่เคย
คุยกันเลยสักที  ผมขึ้นรถก่อนหน้าเค้าหนึ่งป้าย  พอถึงป้ายที่เค้าขึ้นมา  เค้ามองหน้าผมด้วยสีหน้า
ที่เหมือนคนเกลียดกันมากๆ หรือโกรธอะไรกันมากๆ เจอกันมองกัน ผมก็เป็นงง ว่าเอ๊  ไม่เคย
คุยกันเลยนะ ทำไมมามองหน้าเราแบบนี้ได้  วันนั้นพอถึงโรงเรียน ก็ไปเล่าให้เพื่อนสนิทคนนั้นฟัง
เรื่องก็เริ่มมาตั้งแต่บัดนั้น   มันก็มาบอกผมว่า ผมอย่างโน้นอย่างนี้ ปิ๋มว่าอย่างโน้นอย่างนี้
(อันนี้ผมจำรายละเอียดไม่ได้) ทำทีว่าเป็นการคุยกันผ่านคนกลาง อะไรประมาณนั้น หลังจากนั้น
ผมก็เริ่มสังเกตปิ๋มมากขึ้น  มองบ่อยๆเข้า ก็เอ  น่ารักเหมือนกันแฮะ อิอิ
จนในที่สุดความอึดอัด อัดอั้นก็มาถึงที่สุด ว่าต้องเคลียร์ซะที มีความโกรธแค้นอะไรผมก็ว่ามา
เช้าวันนั้น ผมต้องเดินทางไปแข่งกีฬาที่ต่างจังหวัด ไม่ต้องไปเรียนหนังสือ แต่เป็นวันที่ต้องไป
โรงเรียนตามปกติ  ผมก็โทรไปหาปิ๋มแต่เช้าตรู่ที่หอพักเค้า  เนื่องด้วยว่าผมจะไม่ต้องไปโรงเรียน
เป็นอาทิตย์ ก็คือไม่ต้องเจอกัน เคลียร์ๆให้จบๆ กลับมาจะได้จบเรื่อง  
เสียงโทรศัพท์ดัง กริ๊งๆ ๆๆๆ   มีคนวิ่งมารับ ผมก็ว่าขอสบายปิ๋มครับ  สักพักมีคนวิ่งมารับโทรศัพท์
ด้วยอาการหอบ ปิ๋มค่ะ ตอนนั้นผมตื่นเต้นมาก  เริ่มประโยคสนทนาว่า ปิ๋มเหรอ นี่โก๋นะ
ประโยคที่ตอบกลับมาคือว่า โก๋ไหน  ป่อย?Huh??? เท่านั้นแหละคร้าบ  ผมจึงถึงบางอ้อ
เพื่อนมันหลอกผมมาตลอด  มันไม่เคยไปคุยอะไรกับปิ๋มเลย วัยรุ่นเซ็งครับพี่น้อง
เท่านั้นแหละ ก็ไม่รู้จะคุยอะไร ถึงกับอึ้งครับ ไม่มีอะไรให้เคลียร์  จบกัน  ปิ๋มก็ว่างั้นปิ๋มขอไป
แต่งตัวไปโรงเรียนก่อนนะค่ะ   ว่างหูปุ๊บ นึกถึงหน้าเพื่อนคนนั้นลอยมาพร้อมกับคำด่าสาบแช่ง
ยกหูโทรศัพท์อีกครั้งโทรไปหามันเลย   ไอ้........ เอ้ย.......  ม....... (เซ็นเซอร์ครับ)
ด่ามันจบก็วางหูไป ไม่ได้คิดอะไรละ คิดแต่เพียงว่า จบเรื่องละ   จำได้ว่ากำลังขี้อยู่บนบ้าน
โทรศํพท์ดัง  กริ๊งๆๆๆๆ  น้องสาวรับ ตะโกนเรียก โกโก๋ (โก เป็นคำนำหน้าที่ใช้เรียกพี่ชาย
ในภาษาจีนแคะ) สาวโทรมาหา  ผมก็วิ่งลงมารับ ฮัลโหล  เสียงทางโน้นพูดมาว่า โก๋เหรอ
นี่ปิ๋มนะ  ทำไมไม่บอกล่ะ เมื่อเช้า   ขอให้ชนะนะ จะส่งใจไปช่วย   เท่านั้นแหละครับ  เป็นงง
บวกกับดีใจเล็กน้อย   คิดในใจว่าอะไรวะเนี่ย  สมัยนั้นยังไม่มีเพจเจอร์ โทรศัพท์มือถือ  
ไม่งั้นจะโทรไปหาเพื่อนผมแล้วถามมันว่า มรึงไปพูดอะไรกับปิ๋ม(วะ)  เค้าถึงโทรกลับมาพูดแบบนี้
จนผมกลับมาจากต่างจังหวัด อีกหลายวันต่อมา ผมถึงได้ถามเพื่อน  มันบอกว่า มันไปบอกปิ๋มว่า
คนที่โทรหาเธอเมื่อเช้าที่ชื่อโก๋อ่ะ  มันแอบชอบเธอ  มันจะไปแข่งกีฬา เลยโทรมาขอกำลังใจ
ฮิ้วๆๆๆๆๆ รู้สึกตอนนั้นตัวเองหน้าแตกยังเยิน เพราะเกิดมาไม่เค้ยไม่เคยเลยจริงๆที่จะทำแบบนั้น
และไม่เคยคิดจะทำด้วย รู้สึกมันเห่ยและเชยมากๆๆๆๆ
หลังจากนั้น ก็คุยกันมาเรื่อยๆ เป็นแฟนกันตั้งแต่ม. 4 เทอมสอง  จบม. 6 ก็สอบเอ็นทรานซ์
ติดที่เดียวกัน  เรียนคณะเดียวกัน  แถมภาควิชาเคมีเหมือนกันอีก

ที่ว่าผมเชื่อว่าเป็นพรหมลิขิตก็เพราะว่า  ปกติปิ๋มไม่ใช่คนที่จะสนิทกับใครง่ายๆ โดยเฉพาะผู้ชาย
สมัยมาเรียนที่ราชสีมาใหม่ๆ จะมีนิสัยค่อยข้างวางตัวมากๆ  ขนาดว่าเพื่อนผู้ชายสะกิดไหล่เรียก
ยังหันไปบอกว่า เรียกเฉยๆก็ได้ ไม่ต้องมาแตะ  (อะไรจะขนาดนั้น)  แต่เช้าวันนั้น ไม่รู้เธอนึกไง
ถึงได้โทรกลับมาพูดคำหวานกับคนที่เธอไม่เคยรู้จักขนาดนั้น  หลังจากที่สนิทกันแล้วก็ถามปิ๋ม
เหมือนกันว่า ทำไมโทรมา ปิ๋มก็บอกว่า ไม่รู้เหมือนกัน  ปกติก็ไม่ทำหรอก ก็แปลกดี

ส่วนอีกเรื่องนึงก็คือว่า เอ็นทรานซ์ติดที่เดียวกัน ทั้งๆที่เลือกกันคนละอันดับ แล้วก็เลือกจุฬาฯ
เหมือนกันอันดับเดียวด้วย  สมัยนั้นเลือกคณะได้  4  อันดับ  ปิ๋มเลือกเศรษศาสตร์เกษตร
เป็นอันดับแรก แล้วก็วิทยาฯจุฬาฯ  ส่วนผม เลือกวิทยาฯจุฬาฯอันดับหนึ่ง
อันดับสองวิทยาฯ เชียงใหม่ (ถ้าจำไม่ผิด) แล้วก็ไม่มีอะไรเหมือนกันอีกเลย

ขอจบแต่เพียงเท่านี้ครับ มันช่างเป็นพรหมลิขิตจริงๆ ว่าไหมครับพี่น้อง   เพราะผมเชื่อเป็น
อย่างยิ่งว่า ถ้าไม่ได้สอบติดที่เดียวกัน ก็คงไม่มีวันนี้แน่นอน เพราะต่างคนคงต่างมีแฟนใหม่แน่ๆ


กรี๊ดสลบ 100 รอบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พรหมลิขิตสุดยอดมาก...เอ่อ ลุงโก๋คะ ขอชื่อเพื่อนคนนั้นหน่อยสิคะ...เป็นตัวนำโชคจริงๆ เลยค่ะ อ่านแล้วแบบว่า...เขิลแทนน้องปิ๋มเลยค่ะ พรหมลิขิต ก็มีคนนำพรหมลิขิตมาให้ด้วยนะเนี่ย เพื่อนโก๋แน่มากกกกกกกกกกกก ประทับใจมากเลย โก๋ เยี่ยมๆๆๆ :oops:  :oops:  :oops:

บันทึกการเข้า

@@ธรรมชาติสร้างความขัดแย้ง เพื่อให้คนเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ดียิ่งขึ้น@@@

Hong82
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #454 เมื่อ: 04 พฤษภาคม 2550, 13:10:45 »

อ้างจาก: "veekung"

ป.ล. ชีวิตผมอาจจะไม่มีอะไรน่าสนใจเหมือนกับหลาย ๆ คนที่มีอะไรน่าสนใจเยอะมาก (กว่าจะไล่อ่านของทุกคนหมดแทบแย่) มีข้อคิดในการดำเนินชีวิต แต่ผมคิดว่าการที่เรารู้ชีวิตของใครจะซักคนหนึ่งมันยาก และมันคงมีประโยชน์กับใครบ้างคน ซึ่งผมก็หวังว่าเรื่องราวของผมจะพอมีประโยชน์กับใครบางคนเช่นเดียวดันครับ Cheesy

ป.ล.2 ผมสนับสนุนให้รวมเรื่องราวที่น่าสนใจเป็นเล่มครับ Cheesy  Cheesy  :roll:



ไม่จริงเลยน้องวี....ชีวิตของคนทุกคนมีเรื่องราวที่น่าสนใจทั้งนั้นแหละจ้ะ

รวมถึงของน้องด้วย.... Cheesy อย่าขี้แยไปเลยน๊ะจ๊ะ :wink:

พี่รออ่านภาคต่ออยู่นะน้องวี...กลับมาไวๆ เน้อ:D
บันทึกการเข้า
Hong82
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #455 เมื่อ: 04 พฤษภาคม 2550, 13:28:18 »

อ้างจาก: "iamfrommoon"

กรี๊ดสลบ 100 รอบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พรหมลิขิตสุดยอดมาก...เอ่อ ลุงโก๋คะ ขอชื่อเพื่อนคนนั้นหน่อยสิคะ...เป็นตัวนำโชคจริงๆ เลยค่ะ อ่านแล้วแบบว่า...เขิลแทนน้องปิ๋มเลยค่ะ พรหมลิขิต ก็มีคนนำพรหมลิขิตมาให้ด้วยนะเนี่ย เพื่อนโก๋แน่มากกกกกกกกกกกก ประทับใจมากเลย โก๋ เยี่ยมๆๆๆ :oops:  :oops:  :oops:




มาขอกรี๊ดดดด...ให้กับพรหมลิขิตด้วยคนค่ะ Cheesy

โดยส่วนตัวเป็นคนเชื่อเรื่องพรหมลิขิตอยู่แล้ว...เชื่อว่าการที่คนเราได้มารู้จักกัน....มันย่อมมีสาเหตุและบางสิ่งที่ชักนำ.... Cheesy  อย่างการที่ได้มีโอกาสเข้ามาในนี้...มาทำความรู้จักและพูดคุยกับทุกๆคน....ก็คงเป็นอีกหนึ่งผลงานของพรหมลิขิตเช่นกัน... Cheesy
บันทึกการเข้า
iamfrommoon
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2535
คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 8,396

เว็บไซต์
« ตอบ #456 เมื่อ: 04 พฤษภาคม 2550, 13:37:37 »

อ้างจาก: "Hong82"
อ้างจาก: "iamfrommoon"

กรี๊ดสลบ 100 รอบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พรหมลิขิตสุดยอดมาก...เอ่อ ลุงโก๋คะ ขอชื่อเพื่อนคนนั้นหน่อยสิคะ...เป็นตัวนำโชคจริงๆ เลยค่ะ อ่านแล้วแบบว่า...เขิลแทนน้องปิ๋มเลยค่ะ พรหมลิขิต ก็มีคนนำพรหมลิขิตมาให้ด้วยนะเนี่ย เพื่อนโก๋แน่มากกกกกกกกกกกก ประทับใจมากเลย โก๋ เยี่ยมๆๆๆ :oops:  :oops:  :oops:




มาขอกรี๊ดดดด...ให้กับพรหมลิขิตด้วยคนค่ะ Cheesy

โดยส่วนตัวเป็นคนเชื่อเรื่องพรหมลิขิตอยู่แล้ว...เชื่อว่าการที่คนเราได้มารู้จักกัน....มันย่อมมีสาเหตุและบางสิ่งที่ชักนำ.... Cheesy  อย่างการที่ได้มีโอกาสเข้ามาในนี้...มาทำความรู้จักและพูดคุยกับทุกๆคน....ก็คงเป็นอีกหนึ่งผลงานของพรหมลิขิตเช่นกัน... Cheesy


ใช่แล้วจ๊ะ พรหมลิขิต...นู๋หงส์ลองไปอ่านกระทู้รุ่น 39 สิกระทู้นี้ตั้งมาตั้งแต่เว็บฯ ยังไม่ล่ม "Do you believe in Destiny?" โพสต์ Destiny ให้พี่ๆ ได้อ่านด้วยยิ่งดีค่ะ..แต่บอกก่อนนะจ๊ะว่า มันยาวหลายหน้าแล้ว หุหุ  Cool

ปล. รูปใหม่เนี่ย เพิ่งถ่ายกับแฟนคลับพี่เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเองค่ะ เหอเหอ  :oops:  :oops:  :oops:
บันทึกการเข้า

@@ธรรมชาติสร้างความขัดแย้ง เพื่อให้คนเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ดียิ่งขึ้น@@@

khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #457 เมื่อ: 04 พฤษภาคม 2550, 17:04:48 »

Nong Gamo ka,
let me join your cute story:Talking about "destiny","fade",any definition it has...I never believe it too untill I met it myself...Nong Gamo ka..my life was running around with this word since I was born...my parent come from a different part of Thailand...father from the south,mother from north eastern..could we imagine how is the opportunity at that time...can not compare to nowaday...the people seems to stay and bind to their place...not global and mobility like modern day...yes,love and affection could give one couple an enormous energy to overcome all trouble.What I have learned out of this was:tolerance,compromise amd agreement.
You can read my love story in Greeting from Germany 1 and 2 like any other concerned room I have hidden it  :twisted:  you can see,without a seconds of destination...I and my husband would never,never meet each other as the opportunity is rare!
p.nn
บันทึกการเข้า


wannee
Global Moderator
Cmadong พันธุ์แท้
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: จุฬาฯรุ่นประวัติศาสตร์ 2516
คณะ: ทันตแพทยศาสตร์
กระทู้: 4,806

« ตอบ #458 เมื่อ: 04 พฤษภาคม 2550, 18:10:32 »

มาอ่านต่อค่ะ กลัวการบ้านจะเยอะ  :lol:  :lol:  :lol:
บันทึกการเข้า

"เสียด" ภาษาจีนฮากกา แปลว่า หิมะ
A79
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #459 เมื่อ: 04 พฤษภาคม 2550, 20:14:32 »

อ้างจาก: "Hong82"
สงสัยว่าช่วงนี้จะเป็นฤดูการแห่งการเปลี่ยนภาพโลโก้... Shocked

 พี่ปุ๊กกี้...พี่เอ79  ....เอก ตี๋หมี่เกี๊ยว รวมถึงน้องวีคุงของเรา....

ต่างพร้อมใจกันเปลี่ยนรูป...โดยมิได้นัดหมาย(รึเปล่า?) Cheesy

สงสัยต้องหารูปมาเปลี่ยนมั่งซะแล้ว Cheesy


เปลี่ยน season ค่ะ น้อง Hong82  Cool  Cool  Cool  Cool
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #460 เมื่อ: 04 พฤษภาคม 2550, 21:36:42 »

P.Wannee,Nong A79,
ooh,ooh,ooh..what is that's girl???
a complement for a new collection kaaaaa.
nn.
บันทึกการเข้า


nuihahey
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #461 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2550, 06:43:51 »

พิ่งสังเกตเห็นว่า พี่หนุงหนิงเป็นระดับเหนือเซียนนี่นา สุดยอด
นึกว่าที่นี่จะไม่มีใครสู้พี่ปุ๊กได้ ตอนนี้พี่ปุ๊กคงเร่งอยู่แน่ ๆ เลย
บันทึกการเข้า
jviruch-78
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,601

« ตอบ #462 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2550, 11:21:28 »

อ้างจาก: "gamo"
อ้างจาก: "MahDee"
อ้างจาก: "jviruch-78"
ไล่นั่งอ่านของพี่ๆน้องๆ ตั้งนาน มันส์มากเลยครับ



อ่านเสร็จแล้ว รีบส่งการบ้านเลยครับพี่โจ้


พี่ ๆ น้อง ๆ ตั้งตาอ่านของพี่แล้วนะครับ




ใช่ๆๆ วิรัช  รีบเขียนมาเร็วๆ


อาไรกัน gamo ผมยังไม่มีใคร tag เลยน่ะไม่เชื่อไม่ดู

(ใคร tag กรู ...น่ะ อืมมมม)
บันทึกการเข้า
Hong82
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #463 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2550, 14:44:14 »

อ้างจาก: "A79"
อ้างจาก: "Hong82"
สงสัยว่าช่วงนี้จะเป็นฤดูการแห่งการเปลี่ยนภาพโลโก้... Shocked

 พี่ปุ๊กกี้...พี่เอ79  ....เอก ตี๋หมี่เกี๊ยว รวมถึงน้องวีคุงของเรา....

ต่างพร้อมใจกันเปลี่ยนรูป...โดยมิได้นัดหมาย(รึเปล่า?) Cheesy

สงสัยต้องหารูปมาเปลี่ยนมั่งซะแล้ว Cheesy


เปลี่ยน season ค่ะ น้อง Hong82  Cool  Cool  Cool  Cool


ตอนนี้ก็ Spring แล้วสิคะ Cheesy

....หนูว่านี่แหละค่ะคือเสน่ห์ของรัฐทางเหนือ

ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนของฤดูกาล...

หนูเคยอยู่ Connecticut ค่ะ...ชอบหน้า Fall ที่สุดเลย Cheesy
บันทึกการเข้า
gamo
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 621

« ตอบ #464 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2550, 17:01:33 »

อ้างจาก: "jviruch-78"
อ้างจาก: "gamo"
อ้างจาก: "MahDee"
อ้างจาก: "jviruch-78"
ไล่นั่งอ่านของพี่ๆน้องๆ ตั้งนาน มันส์มากเลยครับ



อ่านเสร็จแล้ว รีบส่งการบ้านเลยครับพี่โจ้


พี่ ๆ น้อง ๆ ตั้งตาอ่านของพี่แล้วนะครับ




ใช่ๆๆ วิรัช  รีบเขียนมาเร็วๆ


อาไรกัน gamo ผมยังไม่มีใคร tag เลยน่ะไม่เชื่อไม่ดู



(ใคร tag กรู ...น่ะ อืมมมม)





งั้นกรูนี่แหละ ขอ tag มรึง  รีบๆมาเขียนเลย
บันทึกการเข้า
gamo
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 621

« ตอบ #465 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2550, 17:20:37 »

อ้างจาก: "khesorn mueller"
Nong Gamo ka,
let me join your cute story:Talking about "destiny","fade",any definition it has...I never believe it too untill I met it myself...Nong Gamo ka..my life was running around with this word since I was born...my parent come from a different part of Thailand...father from the south,mother from north eastern..could we imagine how is the opportunity at that time...can not compare to nowaday...the people seems to stay and bind to their place...not global and mobility like modern day...yes,love and affection could give one couple an enormous energy to overcome all trouble.What I have learned out of this was:tolerance,compromise amd agreement.
You can read my love story in Greeting from Germany 1 and 2 like any other concerned room I have hidden it  :twisted:  you can see,without a seconds of destination...I and my husband would never,never meet each other as the opportunity is rare!
p.nn



P' NN

You are always welcome to join me anytime you want.

When you come to Thailand don't forget to come playing badminton with me na krab.
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #466 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2550, 17:45:46 »

อ้างจาก: "nuihahey"
พิ่งสังเกตเห็นว่า พี่หนุงหนิงเป็นระดับเหนือเซียนนี่นา สุดยอด
นึกว่าที่นี่จะไม่มีใครสู้พี่ปุ๊กได้ ตอนนี้พี่ปุ๊กคงเร่งอยู่แน่ ๆ เลย

Nong Nuihahey,
we make it teamwork...hurry up, catch your 1641 replies..and we can go together...to the next level.
p.nn
บันทึกการเข้า


iamfrommoon
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2535
คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 8,396

เว็บไซต์
« ตอบ #467 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2550, 18:10:40 »

อ้างจาก: "jviruch-78"
อ้างจาก: "gamo"
อ้างจาก: "MahDee"
อ้างจาก: "jviruch-78"
ไล่นั่งอ่านของพี่ๆน้องๆ ตั้งนาน มันส์มากเลยครับ



อ่านเสร็จแล้ว รีบส่งการบ้านเลยครับพี่โจ้


พี่ ๆ น้อง ๆ ตั้งตาอ่านของพี่แล้วนะครับ




ใช่ๆๆ วิรัช  รีบเขียนมาเร็วๆ


อาไรกัน gamo ผมยังไม่มีใคร tag เลยน่ะไม่เชื่อไม่ดู

(ใคร tag กรู ...น่ะ อืมมมม)


โดนมาตั้งแต่หน้าแรกแล้วนะ ถ้าจำไม่ผิดนู๋อ๋อย 41 Tag น้องโจ้ที่น่ารัก หุหุ..มาเลยๆ แถมลุงโก๋พ่อลูกอ่อนมา Tag ซ้ำ อย่างนี้ไม่เขียนไม่ได้แล้วนะ ไม่งั้นจะเผาพริกเผาเกลือ....

















"ทำแจ่ว" จิ้มกับข้าวเหนียวนะเอง 555
บันทึกการเข้า

@@ธรรมชาติสร้างความขัดแย้ง เพื่อให้คนเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ดียิ่งขึ้น@@@

iamfrommoon
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2535
คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 8,396

เว็บไซต์
« ตอบ #468 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2550, 18:20:30 »

อ้างจาก: "khesorn mueller"
อ้างจาก: "nuihahey"
พิ่งสังเกตเห็นว่า พี่หนุงหนิงเป็นระดับเหนือเซียนนี่นา สุดยอด
นึกว่าที่นี่จะไม่มีใครสู้พี่ปุ๊กได้ ตอนนี้พี่ปุ๊กคงเร่งอยู่แน่ ๆ เลย

Nong Nuihahey,
we make it teamwork...hurry up, catch your 1641 replies..and we can go together...to the next level.
p.nn


พี่หนิงคะ...
นู๋ให้พี่หนิงล่วงหน้าไปก่อนน่ะค่ะ เด๋วลูกทีมจะตามไป

น้อง Nuihahey,
พี่น่ะอยู่บนชั้นนี้นาน พี่รอให้พี่ๆ น้องๆ ตามมาให้ทันเยอะหน่อย บนนี้เหงาจะตายไป ตัวเราเองน่ะ รีบๆ เลย เด๋วหมดโควต้านะเออ...อิอิ
บันทึกการเข้า

@@ธรรมชาติสร้างความขัดแย้ง เพื่อให้คนเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ดียิ่งขึ้น@@@

gamo
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 621

« ตอบ #469 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2550, 18:53:02 »

กลับมาเล่าตอนที่ 4 เอาเรื่องชีวิตในจุฬาฯและหอซีมะโด่งละกัน

4. จำได้ว่าเข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯ แรกๆ มีความรู้สึกเลยว่า คนกรุงเทพฯ ไม่มีน้ำใจให้กัน
ต่างกับคนบ้านนอกอย่างเราๆ  จริงๆนะ  ทำให้รู้สึกว่าไม่อยากอยู่ที่คณะเท่าไหร่
เพราะจะมีสังคมเด็กกรุงเทพฯ เลยชอบอยู่ที่หอมากกว่า ปกติแล้วเด็กวิทยาฯ เค้าจะชอบ
ไปนั่งจับกลุ่มกันที่ใต้ตึกแถบ  ผมเป็นคนนึงที่ไม่ไปสุงสิงกับเค้าเลย จะว่าเป็นคนชอบเก็บตัวก็ได้
จริงๆแล้วรักสันโดษ  (เขียนถูกไหมเนี่ย)  เลือกเรียนกลับหอ เลิกเรียนกลับหอ
มาบุญครองเอย สยามเอย แทบไม่ไปเดินเลย  จะไปก็เฉพาะมีเหตุต้องไป เช่น ไปซื้อของ
ไปกินข้าวกับเพื่อนๆ  แต่ให้ไปเดินเล่นๆ ทำไม่เป็นครับ  แบบว่าไม่รู้จะไปเดินทำอะไร
ดูอะไร  ปกติไปซื้อของก็ไปซื้อของ  ซื้อเสร็จก็กลับเลย


ตอนปีหนึ่งเหมือนช่วงปรับตัว  ยังทำอะไรไม่ค่อยถูก แม้แต่เรื่องการเรียน แทบแย่เหมือนกัน
มาถึงเทอมแรก 2.00 พอดีเป๊ะ ดีไม่มี F กว่าจะรู้สึกว่าปรับตัวได้ก็ปาเข้าไปปีสามแล้ว
ขนาดจบปี 2 เกรดรวม ถ้าจำไม่ผิด น่าจะอยู่ที่ 2.1 หรือ 2.2 กว่าๆ เองอ่ะ
คือโดยธรรมชาติเป็นคนไม่ชอบอ่านหนังสือ (สม้ยก่อนนะ แต่เดี๋ยวนี้รักการอ่านหนังสือแล้ว
ไม่รู้ว่าเปลี่ยนไปได้ยังไง ตั้งแต่เมื่อไหร่) แต่สุดท้ายเข็นจบมาได้ 2.53 ก็ถือว่าสุดยอดแล้ว


ปีหนึ่งรับน้องก็หนักหนาสาหัส จำได้ว่าเป็นรุ่นสุดท้ายที่ได้ลงโคลนนะเนี่ย  ปีหนึ่งแข่งกีฬาเฟรชชี่
ลงวอลเล่ย์บอลกับรักบี้ให้กับคณะวิทยาฯ  วอลเล่ย์รู้สึกจะตกรอบ รักบี้ได้รองแชมป์แพ้ครุฯ
แบบโดนกระชากเหรียนทองไป เพราะว่า จริงๆนำอยู่ แต่กรรมการไม่ยอมเป่าหมดเวลาซะที
จนสุดท้าย เค้าวางไทรได้ แพ้เลย เศร้า.... ตอนแรกอยากลงแบด แต่มีคนกันท่าทั้งๆที่ฝีมือก็
ไม่ค่อยเอาไหน ก็เลยขี้เกียจยุ่ง  ปีสองที่หอจัดแข่งกีฬาชิงรางวัล มีแบด กับปิงปอง ผมกวาดเรียบ
ได้เงินไปก้อนนึง อิอิ  แบดชายเดี่ยว ชายคู่ (ผมคู่กับน้องผมที่เป็นรุ่นพี่ เอ๊ะ งงๆ ก็คือน้องชาย
คนที่ผมเคยเล่าให้ฟังในตอนแรกไงครับ ว่าเรียนรุ่นเดียวกันตลอด แต่คราวนี้ มันสอบเทียบ
เอ็นทรานซ์ติดก่อนผม  เรียนคณะวิศวะฯครับ อยู่หอด้วย ก็เลยเรียนรหัส 37 ผม 38 ที่ทิ้งท้าย
ไว้ตอนแรกว่ามีเรื่องตลก มันก็ตลกตรงนี้แหละครับ น้องชายเป็นรุ่นพี่ คราวนี้เพื่อนน้องที่เป็นรุ่นพี่
ก็เกร็ง ไม่รู้จะเรียกเราว่าอะไร   เราก็เกร็งๆ ไม่รู้จะเรียกเค้าว่าอะไร เพราะถ้าตามปกติแล้ว
เพื่อนน้องก็ต้องเรียกผมว่าพี่ด้วยใช่ป่ะครับ ตลกดี ทำให้เวลาคุยกับเพื่อนน้องที่เป็นรุ่นพี่
ก็ไม่ค่อยเรียกสรรพนามกัน)

ปิงปองก็ลงชายเดี่ยว แล้วคราวนี้เพื่อนที่อยู่หอหญิงที่เป็นนักกีฬา
ตัวแทนมหาลัย ก็เลยชวนไปคัดตัวนักกีฬาดู ก็ปรากฏว่าคัดติด ก็เล่นปิงปองให้จุฬาฯสองปี
คือปี 2 กับปี 3 ส่วนเรื่องการทำกิจกรรมก็ไม่ชอบอีกครับ แรกๆรู้สึกว่า พวกห้องค่าย
พวกห้องกรรมการ เป็นคนแปลกๆแฮะ   ดูจะ over action  รู้สึกไม่ใช่เรา ทำไม่ได้อ่ะ  
แต่ปิ๋ม แฟนผม เค้าเดินทางนี้มาตลอด สมัยมัธยมก็เป็นรองประธานนักเรียน  เลขาฯ ฯลฯ
เค้าเลยถูกชักชวนมาทำกิจกรรมที่ห้องกรรมการฯ  จบปีหนึ่ง ได้มีโอกาสไปคอนเสิร์ตหาทุน
ด้วยกัน (จริงๆไม่ได้อยากไปหรอก แต่ปิ๋มไปก็เลยไป) เป็น staff จังหวัดนครปฐม

สิ่งที่ได้กลับมาเป็นประสบการณ์ในการทำงาน ในการใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นมาจนถึงทุกวันนี้ ผมว่า
มันสุดยอดมาก  จำได้ว่าที่รู้สึกว่าได้อะไรจริงๆตอนนั้น แล้วรู้สึกชอบการทำกิจกรรมขึ้นมาก็คือว่า
การได้อยู่ร่วมกันกับคนอื่น ได้เห็นคนอื่นๆในด้านอื่นๆ  ได้ลำบากด้วยกัน ได้สนุกด้วยกัน
ได้สนิทกันมากขึ้น ทำให้รู้ว่าคนคนนึงนั้นที่เราเห็นเฉพาะตอนอยู่หอ เจอกันแว้บๆ  จริงๆเค้าเป็นคน
ยังไงกันแน่ มีน้ำใจไหม เห็นแก่ตัวไหม ทำให้ผมมีคติประจำใจอยู่ข้อนึงคือ เพื่อนแท้วัดกันได้
เมื่อยามลำบาก พอปี 2 ปิ๋มเข้ามาทำงานเป็นเลขาฯ หัวหอ ผมก็ยังไม่มีตำแหน่งอะไร
เหมือนพรหมลิขิตอีกครั้ง ที่ตำแหน่งเหรัญญิกหอชาย คนที่ได้รับเลือกตั้งมา ลาบวชไม่ยอมสึก
พี่หัวหอสมัยนั้นคือพี่จับหมู ก็เลยทาบทามให้ผมมาทำหน้าที่แทน ปี 3 เป็นหัวหน้าชั้นปี (หัวจู)
และปีสุดท้ายเป็นหัวหอชายครับ  

เดี๋ยวตอนสุดท้ายจะกลับมาเล่าเรื่องกิจกรรมมันส์สมัยอยู่หอให้ฟังกันต่อครับ
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #470 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2550, 20:39:46 »

Nong Gamo,
make a break...2 games badminton with me...till I win then you can come back to continue your Tag.(I think it would take a years!!)
p.nn
บันทึกการเข้า


ป๋าหน่าย
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #471 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2550, 22:25:31 »

อ้างจาก: "gamo"
จำได้ว่าเข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯ แรกๆ มีความรู้สึกเลยว่า คนกรุงเทพฯ ไม่มีน้ำใจให้กัน
ต่างกับคนบ้านนอกอย่างเราๆ จริงๆนะ ทำให้รู้สึกว่าไม่อยากอยู่ที่คณะเท่าไหร่
เพราะจะมีสังคมเด็กกรุงเทพฯ เลยชอบอยู่ที่หอมากกว่า ปกติแล้วเด็กวิทยาฯ เค้าจะชอบ
ไปนั่งจับกลุ่มกันที่ใต้ตึกแถบ ผมเป็นคนนึงที่ไม่ไปสุงสิงกับเค้าเลย จะว่าเป็นคนชอบเก็บตัวก็ได้
จริงๆแล้วรักสันโดษ (เขียนถูกไหมเนี่ย) เลือกเรียนกลับหอ เลิกเรียนกลับหอ
มาบุญครองเอย สยามเอย แทบไม่ไปเดินเลย จะไปก็เฉพาะมีเหตุต้องไป เช่น ไปซื้อของ
ไปกินข้าวกับเพื่อนๆ แต่ให้ไปเดินเล่นๆ ทำไม่เป็นครับ แบบว่าไม่รู้จะไปเดินทำอะไร
ดูอะไร ปกติไปซื้อของก็ไปซื้อของ ซื้อเสร็จก็กลับเลย


อืม ผมว่าเด็กหอหลายๆคนก็เคยเป็นอะไรแบบเดียวกันกับที่พี่โก๋เล่ามารวมทั้งตัวผมเองด้วย ผมว่าส่วนหนึ่งอาจจะมาจากการที่เราต้องมารับน้องหอตอนเย็นทุกวัน ในขณะที่ที่คณะ (เช่นที่วิดวะ) เค้าก็มีรับน้องกรุ๊ป เลี้ยงกรุ๊ป พี่ๆพาไปกินข้าว แต่กว่าเราจะรับน้องกันเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบมิดเทอม กลับไปที่คณะพวกเพื่อนๆเค้าก็สนิทเป็นกลุ่มกันไปแล้ว เราเลยรู้สึกเคว้งคว้าง แปลกแยก ขาดจากสังคมตรงนั้นไปเลย เลยช่วยไม่ได้ที่เราจะสนิทกับเพื่อนที่หอมากกว่ามาก ( อันนี้ไม่ได้ว่ารับน้องหอไม่ดีนะครับ)กว่าผมจะมีเพื่อนสนิทที่คณะก็ปาเข้าไปปีสองเทอมปลายตอนเข้าภาคไปแล้วนู่น โชคดีครับที่ยังปรับตัวทัน เพื่อนๆที่คณะผมหลายคนก็ยังคบกันมาจนทุกวันนี้  อันที่จริงผมว่าส่วนหนึ่งมันก็อยู่ที่เราเองด้วยว่าเราเปิดใจหรือเปล่า จริงๆแล้วเพื่อนๆเด็กกรุงเทพเท่าที่ได้สัมผัสส่วนใหญ่เค้าก็เป็นเพื่อนที่ดีนะครับ ถึงจะมีอะไรที่แตกต่างกับเพื่อนที่หออยู่มากพอสมควร แต่เราก้อต้องยอมรับความแตกต่างและพยามเข้าใจในความแตกต่างนั้น  เด็กหอเราหลายๆคนก็ค่อนข้างโชคดีที่ปรับตัวได้ เรื่องนี้ถ้ามีโอกาสก็อยากฝากไปถึงน้องๆหอยุคปัจจุบัน (ไม่รู้จะถึงป่าวนะ)ด้วยว่าอย่าจำกัดตัวเองอยู่ที่หอมากเกินไปนัก ประสบการณ์ดีๆและเพื่อนดีๆน่ะหาได้ทุกที่แหละ เปิดใจให้กว้างเข้าไว้ จุฬาของเรานั้นไม่ได้มีแค่หอพักเท่านั้นนะ  เวลาสี่ปีนี่เร็วมากอย่างนึกไม่ถึง เพราะฉะนั้นจงใช้มันให้คุมค่าที่สุดเถอะครับ

( ปล. เรื่องชีวิตรักของพี่โก๋สุดยอดจริงๆครับ อ่านแล้วยิ้มไปด้วยเลยอ่ะ  แต่ผมว่าพี่โก๋คงจำผมไม่ได้ร้อก..อิอิ)
บันทึกการเข้า
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #472 เมื่อ: 06 พฤษภาคม 2550, 09:44:09 »

:lol: พี่แอ๊ะต้องใช้เวลา หนึ่งวัน  เพื่ออ่านเรื่องtag .ให้จบ เมื่อไปวัดสายตาและเปลี่ยนเลนส์แว่นตาแล้ว :shock:

เกรงว่าจะตกขบวน รถไฟ เที่ยวสุดท้าย เด่ว ตามเรื่องไม่ทัน คงเสียดายยยยยยยยยยยย แย่เลยค่ะ :cry:
บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
gamo
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 621

« ตอบ #473 เมื่อ: 06 พฤษภาคม 2550, 10:26:36 »

อ้างจาก: "khesorn mueller"
Nong Gamo,
make a break...2 games badminton with me...till I win then you can come back to continue your Tag.(I think it would take a years!!)
p.nn



P NN.

I can make the result I want.  Cheesy  So, I think it should not over 20 mins
I will lose you. Hope to see you in Thailand krab P NN.
บันทึกการเข้า
gamo
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 621

« ตอบ #474 เมื่อ: 06 พฤษภาคม 2550, 10:33:04 »

อ้างจาก: ป๋าหน่าย
อ้างจาก: "gamo"

อืม ผมว่าเด็กหอหลายๆคนก็เคยเป็นอะไรแบบเดียวกันกับที่พี่โก๋เล่ามารวมทั้งตัวผมเองด้วย ผมว่าส่วนหนึ่งอาจจะมาจากการที่เราต้องมารับน้องหอตอนเย็นทุกวัน ในขณะที่ที่คณะ (เช่นที่วิดวะ) เค้าก็มีรับน้องกรุ๊ป เลี้ยงกรุ๊ป พี่ๆพาไปกินข้าว แต่กว่าเราจะรับน้องกันเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบมิดเทอม กลับไปที่คณะพวกเพื่อนๆเค้าก็สนิทเป็นกลุ่มกันไปแล้ว เราเลยรู้สึกเคว้งคว้าง แปลกแยก ขาดจากสังคมตรงนั้นไปเลย เลยช่วยไม่ได้ที่เราจะสนิทกับเพื่อนที่หอมากกว่ามาก ( อันนี้ไม่ได้ว่ารับน้องหอไม่ดีนะครับ)กว่าผมจะมีเพื่อนสนิทที่คณะก็ปาเข้าไปปีสองเทอมปลายตอนเข้าภาคไปแล้วนู่น โชคดีครับที่ยังปรับตัวทัน เพื่อนๆที่คณะผมหลายคนก็ยังคบกันมาจนทุกวันนี้  อันที่จริงผมว่าส่วนหนึ่งมันก็อยู่ที่เราเองด้วยว่าเราเปิดใจหรือเปล่า จริงๆแล้วเพื่อนๆเด็กกรุงเทพเท่าที่ได้สัมผัสส่วนใหญ่เค้าก็เป็นเพื่อนที่ดีนะครับ ถึงจะมีอะไรที่แตกต่างกับเพื่อนที่หออยู่มากพอสมควร แต่เราก้อต้องยอมรับความแตกต่างและพยามเข้าใจในความแตกต่างนั้น  เด็กหอเราหลายๆคนก็ค่อนข้างโชคดีที่ปรับตัวได้ เรื่องนี้ถ้ามีโอกาสก็อยากฝากไปถึงน้องๆหอยุคปัจจุบัน (ไม่รู้จะถึงป่าวนะ)ด้วยว่าอย่าจำกัดตัวเองอยู่ที่หอมากเกินไปนัก ประสบการณ์ดีๆและเพื่อนดีๆน่ะหาได้ทุกที่แหละ เปิดใจให้กว้างเข้าไว้ จุฬาของเรานั้นไม่ได้มีแค่หอพักเท่านั้นนะ  เวลาสี่ปีนี่เร็วมากอย่างนึกไม่ถึง เพราะฉะนั้นจงใช้มันให้คุมค่าที่สุดเถอะครับ

( ปล. เรื่องชีวิตรักของพี่โก๋สุดยอดจริงๆครับ อ่านแล้วยิ้มไปด้วยเลยอ่ะ  แต่ผมว่าพี่โก๋คงจำผมไม่ได้ร้อก..อิอิ)



เห็นด้วยกับน้องป๋าหน่ายครับ คนกรุงเทพฯ ดีๆมีเยอะแยะ  แต่ความรู้สึกนั้นเป็นเฉพาะช่วงแรกๆ
ที่พี่เข้ามาเรียนที่นี่ครับ จริงๆ คนจะดีหรือไม่ดี ไม่เกี่ยวกับว่ามาจากที่ไหนหรอกครับ
เด็กหอไม่ดีก็มีเยอะแยะครับ


ว่าแต่น้องป๋าหน่ายนี่ชื่อเล่นชื่ออะไร แล้วอยู่รุ่นไหนอ่ะ ลองบอกมาเผื่อพี่จำได้
บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 17 18 [19] 20 21 ... 36  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><