29 เมษายน 2567, 13:43:01
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: [1]   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: การเรียนรู้นอกระบบเป็นส่วนเสริมสำคัญของเด็ก สนุก Play และ เรียนรู้ Learn : PLEARN  (อ่าน 2952 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« เมื่อ: 21 มกราคม 2554, 15:31:24 »


                    โดยเวบกรุงเทพธุรกิจดอทคอม วันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม 2554
              http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/business/bizweek/20110120/371996/RDL--..ถอดรหัสแหล่งเรียนรู้-ยกระดับการเรียนรู้เด็กไทย.html

                  

             สุจิตรา วุฒิธำรง กรรมการผู้จัดการ บริษัท รักลูกดิสคัฟเวอร์รี่ เลิร์นนิ่ง จำกัด

         “การเรียนรู้นอกระบบเป็นส่วนเสริมสำคัญของเด็ก เพราะการเรียนรู้นอกระบบเป็นเรื่องสนุก เป็นแล็บสำหรับเด็กได้ทุกเรื่อง นักการศึกษาต้องมองความเชื่อมต่อของแหล่งเรียนรู้ในระบบ และนอกระบบเข้าด้วยกัน ซึ่งจะช่วยเสริมความรู้ ความเข้าใจให้กับเด็ก และทำให้แหล่งเรียนรู้มีชีวิต แต่ปัจจุบันเราบริหารแยกส่วนกันอยู่”

        โดย “ความยั่งยืน” เป็นหนึ่งในเป้าหมายของรักลูกดิสคัฟเวอร์รี่ เลิร์นนิ่ง ที่ต้องการสร้างให้กับแหล่งเรียนรู้

        “เรามองความยั่งยืนใน 2-3 เรื่อง คือ แหล่งเรียนรู้ต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง นั่นคือต้องมีเงินส่วนหนึ่งมาหล่อเลี้ยง จะเป็นรูปแบบเงินอุดหนุนหรือยืนได้ด้วยตัวเอง และอีกส่วนคือการนำแหล่งเรียนรู้ให้สังคมได้ใช้ประโยชน์ ตัวอย่างศูนย์การเรียนรู้ป่าชายเลน ปราณบุรี คุณค่าของศูนย์เรียนรู้ที่นี่คือการให้คนในชุมชนได้มีส่วนร่วมจัดสมดุลธรรมชาติให้สอดคล้องกับวิถีชุมชน”

        เป็นการสร้างความยั่งยืนในมิติของ “คุณค่าแก่สังคม” มากกว่าการมองความยั่งยืนที่ “เม็ดเงิน”

        สุจิตรา ยืนยันว่า หากจะสร้างแหล่งเรียนรู้ให้มีคุณค่าแก่สังคม เป็นแหล่งเรียนรู้มีชีวิต และยั่งยืน สำคัญที่สุดคือต้องเป็นระบบรัฐสวัสดิการจึงจะมีประสิทธิภาพ

         เพราะการศึกษาเป็นสิ่งพื้นฐานที่รัฐมีหน้าที่ต้องลงทุน เพื่อยกระดับ
               การศึกษาของสังคม และการศึกษาของคนในชาติที่ดีขึ้น

 
                            win win win
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
  หน้า: [1]   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><