อ่านบทความของ ศาสตราจารย์ระพี สาคริกในบทความ "
ถูกทุกข้อ" ของ "สามวา สองศอก"
วันสงกรานต์ถูกทุกข้อ 20 เมษายน 2553 - 00:00     วันสงกรานต์ประเพณีอันดีเลิศ
     สิ่งประเสริฐของโบราณนานนักหนา
     ไปรดน้ำบรรพบุรุษสุดบูชา
     ไหว้ครูบาอาจารย์ท่านให้พร
          ประเพณีที่ดีงามตามแบบเดิม
          ชาวไทยเริ่มผิดศีลธรรมคำสั่งสอน
          เที่ยวสาดน้ำรถยนต์จนเปียกปอน
          คนเดือดร้อนทั่วกันอันธพาล
     น้ำประปาราคาแพงแกล้งสาดเล่น
     เหมือนดั่งเช่นของไร้ค่าน่าสงสาร
     สนุกสนานเกินขอบเขตเทศกาล     
     เที่ยววิ่งพล่านสาดรถเมล์ร้องเฮฮา
          น้ำประปากว่าจะได้ใช้ดื่มกิน
          เราต้องสิ้นน้ำมันกันหนักหนา
          ใช้ไฟฟ้าหาคลอรีนเมืองนอกมา
          ทำประปาให้สะอาดชาติขาดดุล
                                   ไสว สุนทร          
              วิธีแก้ปัญหาไทยฆ่าไทย
เรียน คุณสามวา สองศอก ที่เคารพ
     หลังจากเกิดเรื่องคนไทยยกพวกฆ่ากันเองในเมืองกรุงเทพฯ  ผมได้ปรารภมานานหลายปีถึงความล้มเหลวในการพัฒนาชนบท  โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อยู่ห่างไกลเมืองกรุงเทพฯ  ก็ดี  ผู้ที่มีรากฐานจิตใจหย่อนยานจนกระทั่งพึ่งตนเองได้ยากก็ดี 
     เราควรคิดแก้ไขที่การจัดการศึกษา  แต่เราก็ไม่ได้สนใจ  เมื่อไม่ยอมสนใจก็ย่อมไม่ยอมเข้าใจ  และไม่ยอมที่จะรู้เรื่อง
     คงคิดรวบยอดแต่เพียงว่า  เอาสิ่งยากมาเป็นสิ่งง่าย  และเอาสิ่งง่ายมาเป็นสิ่งยาก  หลังจากเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็แล้วแต่  มักมีแนวโน้มมุ่งไปโทษผู้อื่นอย่างน่าเวทนาที่สุด
     แถมในจุดที่อยู่ห่างไกลสายตาผู้มีอำนาจในกรุงเทพฯ  ด้วยแล้ว  อย่าว่าแต่อำนาจในราชการเลย  แม้แต่อำนาจทางสังคมที่จะให้สังคมยอมรับ  ผู้มีอำนาจส่วนใหญ่ก็ยังคิดที่จะใช้อำนาจบาตรใหญ่กับผู้น้อย  แม้แต่ในกระบวนการจัดการศึกษาเรา  ก็ยิ่งเห็นได้ชัดเจน
     ขณะนี้แม้ผมจะอยู่ห่างไกล  แต่มันก็ห่างไกลแต่เพียงระยะทางซึ่งไม่ใช่ของจริง  เพราะของจริงมันอยู่ที่ใจคน  หลังจากผู้น้อยมีความทุกข์ก็มักมาระบายที่ผม  ช่วยให้ผมมีโอกาสรู้ความจริงแทบทุกเรื่องภายในแวดวงการบริหารงานของสถาบันอุดมศึกษาบางแห่ง
     ยิ่งอยู่ห่างไกลเท่าไหร่  คนที่ได้รับความทุกข์ก็มักมาระบายที่ผม  เพราะเขารู้สึกว่ามาระบายที่ผมแล้วทำให้เขามีความสุขได้ทุกเรื่อง  ยิ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาในชนบทด้วยแล้ว  เมื่อมีคนที่ใช้อำนาจบาตรใหญ่อยู่ในสถาบันอุดมศึกษา  ก็ย่อมมีคนเกิดความทุกข์หนักเข้ามาระบายกับผม
     ในช่วงนี้มีคนจากสถาบันการศึกษาในชนบทที่เข้ามาระบายความทุกข์กับผมอย่างน้อย  3  ราย
     ในเมื่อมันเป็นเช่นนั้น  ก็ย่อมเป็นเพราะเหตุเช่นนี้
     ดังนั้นในช่วงหลังๆ  มีคนประเภท  "ล่าอำนาจเพื่อเสพอำนาจ"  เหนือการเสพอย่างอื่น  เกิดขึ้นในชนบทอย่างน้อย  3  แห่ง  คนประเภทนี้มีนิสัยล่าอำนาจมาช้านานแล้ว  เพราะโดยปกติบุคคลลักษณะนี้ชอบเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัย
     ก็พอดีกันนั่นแหละ  เป็นเพราะสถาบันการศึกษาส่วนใหญ่ต่างก็อยากเป็นมหาวิทยาลัย  จึงทำให้มหาวิทยาลัยเกิดขึ้นยังกะดอกเห็ด  ที่ไหนไม่ได้เป็นมหาวิทยาลัยเพราะถูกกระทรวงศึกษาธิการบังคับ  บุคลากรในสถาบันการศึกษาแห่งนั้นต่างก็เสียอกเสียใจ  เพราะไม่รู้ว่าการเป็นมหาวิทยาลัยนั้นมันก็อยู่ที่ชื่อ  แต่คุณงามความดีไม่ว่าจะชื่อเสียงเรียงนามอย่างไรก็ตาม  ต่างก็ทำได้เท่าเทียมกันหมด
     นี่แหละที่มันทำให้คนไทยอยากได้หน้า  เมื่อได้มาแล้วก็เกิดความทุกข์  เพราะการบริหารงานของผู้บริหารก็ยังไม่ได้เป็นที่ตอบสนอง
     ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเกิดความทุกข์  ก็ยิ่งมองข้ามความสำคัญของประชาชน  ทำให้เขาทั้งหลายต่างก็ผิดหวังไปตามๆ   กัน  ยิ่งพูดถึงมหาวิทยาลัยด้วยแล้ว  คุณลองไปถามชาวบ้านเขาดูว่า  ได้ประโยชน์อะไรจากมหาวิทยาลัยในแต่ละท้องถิ่น  บางแห่งถึงขนาดปิดประตูรั้วแล้วหันหลังให้กับชาวบ้านอย่างน่าอับอายที่สุด
     ผมขอให้หัวหน้าสายงานที่เกี่ยวข้อง  ลองละจากห้องประชุมติดแอร์และเครื่องประดับอันหรูหรา  ลงมาเดินที่พื้นดินดูบ้างเป็นยังไง  แล้วคุณจะมีโอกาสรับฟังเรื่องราวต่างๆ  จากชาวบ้านจนกระทั่งแทบจะคับหูในหลายแห่ง
     ไม่เช่นนั้นแล้วใครเลยจะอยากละถิ่นฐานบ้านช่อง  รวมทั้งเรือกสวนไร่นา  มาแห่กันเอาเรื่องอยู่ในกรุงเทพฯ
     ขณะนี้มีผู้บริหารมหาวิทยาลัยบางแห่ง  คิดไม่ซื่อกับประชาชน
     "เพราะไม่มีสิ่งนั้นจึงมีสิ่งนี้"  นี่คือหลักธรรม  ถ้าใครคิดแก้ไขปัญหาโดยใช้หลักธรรม  ผมเชื่อว่าทุกอย่างย่อมเป็นผลสำเร็จได้ทุกเรื่อง     
     คนประเภทที่มีนิสัยชอบล่าตำแหน่งและอำนาจนั้น  เมื่อไม่ได้เป็นอธิการบดีที่นี่หรือเป็นแล้วหมดเทอม  ทำให้ต้องละจากตำแหน่งและอำนาจ  เธอก็ไปดำรงตำแหน่งอธิการบดีอยู่ที่นั่นที่โน่น  บางครั้งก็หวนกลับมาเป็นที่เก่าก็ยังมี
     นี่แหละที่เขาเรียกกันว่า  "เสพตำแหน่งและอำนาจ  มันมีผลทำลายสังคมยิ่งกว่าเสพกามารมณ์และยาเสพติด" 
     แต่ผู้ที่มีนิสัยเสพติดอำนาจก็มักมีนิสัยเสพติดเหล้ายาร่วมด้วย  ไม่เชื่อลองสังเกตดูให้ดีแล้ว
จะรู้ได้เอง  ซึ่งคนประเภทนี้มักไม่ยอมไว้หน้าไม่ว่าใครเป็นใคร  ถ้ามีความคิดเห็นไม่ตรงกับตัวก็เล่นงานเขาเรื่อยไป  ซึ่งมันไม่ถูกหลักกับการบริหารงานบุคคล  อันควรใช้คุณธรรมและจริยธรรมเป็นพื้นฐาน
     ฉันรู้สึกสงสารพวกเขาที่จำต้องตกเป็นเครื่องมือ  เพื่อหวังเสพอำนาจและตำแหน่งโดยไม่ได้คิดที่จะละลด  หรืออีกนัยหนึ่งอาจกล่าวว่า  "คนประเภทนี้ย่อมไม่รู้จักพอ  เมื่อไม่รู้จักพอย่อมรู้จักเสพเพิ่มมากยิ่งขึ้น  จนกว่าตนเองจะถูกทำร้ายเมื่อไหร่นั่นแหละ  จึงจะรู้สึกจากความเจ็บปวด"
     ไม่เป็นเพียงเท่านั้นแต่ชาวบ้านที่เขารู้สึกได้  ถึงความสำคัญของระบบและองค์กรชาวบ้าน คนประเภทนี้ย่อมรู้สึกรับผิดชอบต่อสังคม  ดังนั้นบุคคลประเภทนี้อีกนั่นแหละที่เขาเอาข้อมูลมาบอกผม  จนกระทั่งกลายเป็นเรื่องที่อาจทำให้สังคมต้องเดือดร้อนหนัก
     เหตุการณ์บ้านเมืองในลักษณะนี้  ถ้าไม่รีบแก้ไขตั้งแต่ต้น  หากปล่อยให้มันบานปลายออกไปเพิ่มมากยิ่งขึ้น   จนกระทั่งทำให้คนไทยด้วยกันเองต้องมาคิดทำร้ายกัน  แล้วคุณจะไปโทษใคร  ถ้าไม่อาจหวนกลับมาโทษตัวเอง  การคิดแก้ไขมันก็ย่อมมีผลผิดไปจากจุดที่เป็นปัญหา  อย่างที่เรียกว่า  "เกาไม่ถูกที่คัน" 
     ผมทราบเรื่องนี้แล้วอดที่จะหวนกลับมานึกถึง  "กรรมการบริหารการอุดมศึกษาของชาติ" เรื่องนี้ถ้ารู้จักสังหรณ์ใจก็ย่อมหยั่งรู้ได้ว่า  "เหตุใดคนในระดับอุดมศึกษาแล้ว  แต่ทำไมถึงได้ไม่ไปหากรรมการอุดมศึกษาของชาติ  มันต้องมีอะไรที่เป็นเงื่อนปมอยู่ตรงนั้นอย่างแน่นอน  ไม่เชื่อก็ลองค้นหาดูก็แล้วกัน"
     ผมนึกถึงคำปรารภที่มักพูดกันว่า  "อะไรๆ  ก็ตั้งกรรมการ  อะไรๆ  ก็ต้องให้กรรมการสอบ"  แทนที่จะไว้อกไว้ใจหลังจากนั้นจึงสนใจที่จะให้ใครก็ได้ที่ได้รับการไว้วางใจจากประชาชน  เขาหวนกลับมาเห็นความสำคัญของคนที่เขาเชื่อถือ
     สิ่งนี้หรือมิใช่ที่มันเป็นปัญหาสลับซับซ้อน  โปรดอย่าคิดนะว่าเป็นเพราะปัญหาสลับซับซ้อนจึงทำให้คิดแก้ไขได้ยาก  หากขอให้คิดว่ามันจะเกิดจากอะไรก็ตาม  แม้เป็นปัญหาสลับซับซ้อนแค่ไหนก็ตาม  ฉันจะมุ่งมั่นแก้ไขให้มันเสร็จสิ้นด้วยจิตสำนึกรับผิดชอบของตัวเอง
     นี่แหละที่เป็นส่วนหนึ่ง  ซึ่งแฝงเอาเงื่อนปมเข้าไว้ในเหตุการณ์  ซึ่งทำให้คนไทยต้องมายกพวกฆ่ากันเองอยู่ในขณะนี้  ทั้งนี้เพราะประชาชนก็เช่นกัน  แทนที่จะมีจิตใต้สำนึกโดยไม่ดูถูกของเล็กน้อย  หรือสิ่งซึ่งมันตกหล่นอยู่บนพื้นดิน  แม้แต่เงาของปัญหาที่สะท้อนขึ้นมาจากด้านล่าง  มันก็เป็นปัญหาสังคมร่วมกันทั้งนั้น
     จะแก้ไขโดยใช้องค์กรนั้นองค์กรนี้เป็นที่พึ่งมันก็ไม่ได้  หลังจากหวนกลับมาคิดร้องเรียนให้ใครคนหนึ่งช่วยแก้ให้มันก็เท่านั้น  ดังนั้นสู้หันกลับมาแก้ไขด้วยตัวเอง  ผมขอบอกว่าอะไรๆ  มันก็ไม่เหมือนรากฐานที่ฝังอยู่ในแผ่นดินถิ่นนี้มาแต่อดีต
     นี่แหละผมรับรองว่าการคิดแก้ไข  ย่อมเป็นผลสำเร็จได้ทุกเรื่อง
     เมื่อพูดถึงการล่าตำแหน่ง  การล่าอำนาจ  อยู่ที่ไหนก็ต้องมีอำนาจบริหาร  คิดแก้ไขอะไรก็ต้องมีอำนาจบริหาร  ทั้งๆ  ที่การใช้อำนาจมันไม่ได้วิเศษไปกว่าการใช้คุณธรรมและบารมีซึ่งช่วยให้ตัวเองบังเกิดความสุข  แถมยังช่วยให้การนำปฏิบัติบังเกิดผลในสิ่งซึ่งทั้งดีทั้งงามอีกด้วย
     นี่แหละที่ผมคิดว่า  คนไม่มีอำนาจ  ไม่มีตำแหน่ง  คงมีแต่คุณงามความดีรวมทั้งมีบารมี  ย่อมนำไปสู่ผลสำเร็จได้ทุกเรื่อง
     ขอโทษทีนะครับ  ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้อย่าเอาอำนาจหน้าที่ไปโยนให้รัฐบาลเลย
     นี่ผมไม่ได้พูดเข้าข้างรัฐบาล  แต่มันเป็นสัจธรรมซึ่งทุกคนมีอยู่แล้ว  ถ้าไม่รู้จักตัวเองก็ย่อมไม่รู้จักนำมาใช้ประโยชน์จากธรรมชาติที่มีอยู่แล้วภายในจิตใจตัวเอง  โดยไม่ต้องอาศัยทรัพย์สินเงินทองเพื่อมาจับจ่ายแต่อย่างใดทั้งสิ้น
                                                   ด้วยความเคารพอย่างสูง
                                                            ระพี สาคริก
ตอบ อาจารย์ระพี
     ทุกคนที่กำลังคิดหาทางแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมือง  ถ้าพอมีเวลาช่วยหันมาฟังอาจารย์ระพีบ้าง  บางทีเรื่องยากอาจจะเป็นเรื่องง่าย
                                                       สามวา สองศอก                             
http://www.thaipost.net/news/200410/21037