24 เมษายน 2567, 01:38:56
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 294 295 [296] 297 298 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3235709 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7375 เมื่อ: 10 พฤศจิกายน 2555, 14:08:57 »

สวัสดีครับอาจารย์ อากาศเริ่มหนาวแล้วครับรักษาสุขภาพด้วยนะครับ

                            ผมได้เข้าไปติดตามอ่านกระทู้ของอาจารย์ตลอดครับ วันนี้มีข้อสงสัยเรื่องEffective stress สำหรับเสาเข็ม 4เหลื่อมครับ ขนาด 26 30 35 40 ครับผม ที่ทุกความยาวความจะใช้ลวดpc wire ขนาด 5 มิล ที่แรงดึง 75 + - 3 %ครับเนื่องจากความผิดของตอนที่ไม่ค่อยได้ pre streng ครับผม ควรจะใช้ลวดอย่างไรบ้างครับสำหรับ 25 ksc. และ 49 ksc.ครับ
ผมอยู่ระยอง กลัวเรื่องการขนส่ง และยกตอกของปั่นจั่นครับผม



สวัสดีครับ คุณศรันณ์   สวัสดี  ทราบ

                          Effective stress คือ แรงอัดประสิทธิผลในเสาเข็ม  (หักแรงเสื่อมสูญแล้ว) 25 ksc.  ควรใส่ PC wire ตามในตาราง เป็นอย่างน้อย ครับ และใช้ ลวดความหล้าต่ำในการผลิต ดึงด้วยแรง 75% ของแรงดึงประลัย

                          สวัสดี





                           สำหรับเหล็กปลอกเสาเข็มนั้น  อาจารย์ว่าใส่ตามมาตรฐาน มอก. มันก็ไม่มากไปหรอกครับ กำลังดี  ถ้าใส่น้อยกว่านี้เสาเข็มหัวแตกไม่คุ้มกับความเสียหาย  เพราะดินที่ระยองแข็งมากกว่าปกติ

                           เหล็กปลอกนั้น จะใช้เหล็กปลอกเดี่ยว หรือแบบ Spiral ได้ทั้งนั้น  หวังว่าคงคิดปริมาณเหล็กปลอกถูก

                           เอาง่ายๆ เราทราบความยาวของเหล็กปลอก และเส้นผ่านศูนย์กลาง เราสามารถหาปริมาตรเหล็กปลอกได้ในหนึ่งตัว  เมื่อเราจะใช้กับเสาเข็มหน้าตัดอะไร  เราก็ทราบปริมาตรของคอนกรีตในแต่ละช่วง เราก็หาปริมาตรของเหล็กปลอกได้  เมื่อได้ปริมาตรเหล็กปลอกแล้ว หารด้วยปริมาตรเหล็กปลอกหนึ่งเส้น ก็จะได้จำนวนเหล็กปลอก ปัดเศษเป็นจำนวนเต็ม เอาระยะที่ต้องใส่เหล็กปลอกตามปริมาตรนั้นหารด้วยจำนวนเหล็กปลอก ก็จะได้ spacing ของเหล็กปลอก ครับ

                            ลองคำนวณดูครับ  ส่วน concrete mixed design อาจารย์ส่งให้ทาง mail แล้ว

                            ส่วน Mix design ของเธอนั้น มันใส่หินมากไปหน่อยครับ จะเทยาก เสี่ยงเป็นโพรง หรือตามด

                            ปกติวันจันทร์ - พุธ อาจารย์ว่าง ถ้านัดล่วงหน้า  อาจารย์สามารถไปเยี่ยมโรงงานแล้วบรรยายให้ฟังได้ ครึ่งวัน ครับ

                            สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7376 เมื่อ: 10 พฤศจิกายน 2555, 14:10:28 »



เรียนคุณประทาน
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7377 เมื่อ: 10 พฤศจิกายน 2555, 17:38:31 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 10 พฤศจิกายน 2555, 11:47:01

                            ขอบคุณมาก ครับคุณเหยง

                            เรื่องทัวร์เขมร  เมื่อวานพี่ติ๋ว ก็ได้โทรศัพท์ มาถาม เพราะว่าถ้าไม่ไป อาจารย์พินิจ  ก็จะไม่ไป

                            แต่สงสัย  สมาคมเป็นคนจัดหรือเปล่า  เพราะโอนเงินไปทางคุณหลิว  มันไม่ถูกต้องตามหลักการ

                            ถ้าไม่ใช่สมาคมจัด  ขอไม่ไป ครับ

                            สวัสดีครับ


สมาคมหอพักจัดครับ โพสต์ในห้องตามที่ผมลิงก์ไปให้แล้ว
พี่หลิวขอรวบรวมจำนวนคน 40 ไม่เกิน 45 สำหรับรถทัวร์ 1 คัน จากมติที่ประชุมให้จัด 2 คัน
พี่หลิวบอกกับผมว่า เดินทางข้ามประเทศ 2 คันรับไม่ไหว เพราะสื่อสารกับยากขึ้น
จึงใช้วิธีสมัครและจ่ายเงิน เพื่อลดจำนวนคนในรถคันที่ 2 ออกไปครับ
เฉพาะในวันที่ 8 ซึ่งเป็นวันประชุม กรรมการจองไป 30 แล้วครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7378 เมื่อ: 10 พฤศจิกายน 2555, 17:42:08 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 10 พฤศจิกายน 2555, 14:10:28


เรียนคุณประทาน

พี่ประทาน

พี่สิงห์ จะเดินทางไปญี่ปุ่นช่วงปลายเดือน พ.ย. นี้ กลับถึง กทม. 28 พ.ย. กลางคืน
จึงไม่สามารถส่ง Passport ให้ บ.ไทยโมเดิร์น ทราแวล จก. ได้
คงมอบให้ได้ในวันที่ 1 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันเดินทางเลยครับ
พี่ประทาน ช่วยแจ้งให้ บ.ไทย โมเดิร์น ทราแวล จก. ทราบในเรื่องนี้ด้วยครับ
แต่พี่อาจส่งภาพ Passport ของพี่สิงห์ไปให้ บริษัททัวร์ เพื่อนำไปใช้ดำเนินการอย่างอื่นก่อนก็ได้ครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7379 เมื่อ: 10 พฤศจิกายน 2555, 20:42:30 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 10 พฤศจิกายน 2555, 17:38:31
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 10 พฤศจิกายน 2555, 11:47:01

                            ขอบคุณมาก ครับคุณเหยง

                            เรื่องทัวร์เขมร  เมื่อวานพี่ติ๋ว ก็ได้โทรศัพท์ มาถาม เพราะว่าถ้าไม่ไป อาจารย์พินิจ  ก็จะไม่ไป

                            แต่สงสัย  สมาคมเป็นคนจัดหรือเปล่า  เพราะโอนเงินไปทางคุณหลิว  มันไม่ถูกต้องตามหลักการ

                            ถ้าไม่ใช่สมาคมจัด  ขอไม่ไป ครับ

                            สวัสดีครับ


สมาคมหอพักจัดครับ โพสต์ในห้องตามที่ผมลิงก์ไปให้แล้ว
พี่หลิวขอรวบรวมจำนวนคน 40 ไม่เกิน 45 สำหรับรถทัวร์ 1 คัน จากมติที่ประชุมให้จัด 2 คัน
พี่หลิวบอกกับผมว่า เดินทางข้ามประเทศ 2 คันรับไม่ไหว เพราะสื่อสารกับยากขึ้น
จึงใช้วิธีสมัครและจ่ายเงิน เพื่อลดจำนวนคนในรถคันที่ 2 ออกไปครับ
เฉพาะในวันที่ 8 ซึ่งเป็นวันประชุม กรรมการจองไป 30 แล้วครับ


สวัสดีครับ คุณเหยง

                         ขอบคุณมากในการเอื้ออารีย์ ต่อผม

                         ในการไปเขมรนั้น  ถ้าต้องแย่งกัน  ผมว่าผมไม่อยู่ในฐานะที่จะต้องไป ครับ

                         เขมรผมไปมาหกครั้งแล้ว  ไปกับทัวร์ครั้งเดียว  นอกนั้นไปเอง

                         ดังนั้นขอให้น้องๆ ที่อยากไปได้มีโอกาสไปแทนผมดีกว่า

                         ตอนแรกตั้งใจ จะไปช่วย  ในฐานะผู้มีประสบการณ์มากกว่า

                         ต้องขอโทษด้วย

                         สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7380 เมื่อ: 11 พฤศจิกายน 2555, 20:54:42 »

สวัสดียามค่ำครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                            วันนี้คุณเหยง ได้โทรศัพท์ มาหาด้วยความเป็นห่วง เห็นผมไม่ได้เข้าเวบ

                            วันอาทิตย์เช้า เป็นวันพักผ่อนสำหรับผม คือ ไปออกกำลังกายตีกอล์ฟ เป็นการส่วนตัวของผม  คนเราต้องออกกำลังกาย  มีความจำเป็น  ยังต้องมีเพื่อนบ้าง  เพราะผมยังไม่ได้ปลีกวิเวกเสียทีเดียว  ยังเป็นปุถุชนม์คนธรรมดา

                            คุณเหยงเป็นห่วงเรื่องแม่ผม  จึงได้โทรศัพท์มาถาม  แม่รักษาตัวอยู่ที่บ้าน มีคุณหมอสองท่านมาดูทุกวัน มีคนดูแล และพี่สาวที่มาจากอเมริกา เป็นเพื่อน  เมื่อตัดสินใจเอาไว้บ้าน  ก็เอาไว้บ้าน  แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ ผมก็คิดว่าน้องสาวผมนั่นแหละ จะเอาไปโรงพยาบาลเอง  สำหรับผม  ไม่ขัดข้องด้วยประการทั้งปวง  ขอปล่อยวาง  ไม่มีประโยชน์ที่จะแสดงความคิดเห็น  ถึงแม้จะเป็นเสียงชี้ขาดก็ตาม

                            เรื่องอาหารไม่ย่อย  มันเป็นเรื่องของร่างกาย  บังคับมันไม่ได้  อยู่ ๆ มันก็ไม่ทำงาน  อยู่ ๆ มันก็ทำงานของมัน  คนดูแลเขาก็รู้วิธีของเขาแล้ว ว่าจะทำอย่างไร  ผมเองก็ได้แต่แนะนำ ไปตามเหตุปัจจัยที่เป็นจริงทางสาธารณสุข  ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น  ทุกครั้งที่ใส่บาตรพระ และแผ่เมตตาให้แม่ ภายหลังจากสวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็น  ทำได้เพียงเท่านั้น ครับ

                             ต้องขอขอบคุณ  คุณเหยง ที่เป็นธุระเอาใจใส่  หวังดีต่อผม  เพราะกลัวว่าผมจะไม่บอกใครทั้งสิ้นให้ทราบ

                              ผมเองไม่ปราถนาให้ใครได้รับทุกข์จากผมทั้งนั้น ด้วยประการทั้งปวง  ถ้ายังมีสติ  แต่บางโอกาสก็พลั้ง เผลอเป็นทาสของความคิด  ตกอยู่ในโมหะ  ก็ต้องขอโทษด้วยครับ  พรรคนี้พญามารมีอำนาจเหนือผม  จนอาจจะต้องปลีกวิเวกไปบำเพ็ญความเพียร อีกสักครั้งหนึ่ง

                              ผมเองรู้ดี ที่ผ่านมา ยังขาดสัมมาวายามะ คือความเพียรชอบในอันที่จะทำกุศลให้เกิดขึ้น ละอกุศลทั้งปวง  ยังบกพร่องอยู่ พญามาร  จึงชนะ ผมได้  คนเรามันก็ต้องผ่อนหนักผ่อนเบาบ้าง เพราะลืมตัว  และยังสับสนตัวเอง ต้องเพิ่มอินทรีย์ศรัทธา และพละศรัทธา  ให้มากกว่านี้

                              วันนี้น้องสาว  คุณหมอวิทิต  และคุณหมอพีร์  มาเยี่ยมที่บ้านกรุงเทพฯ และมาหาแพรว  เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศที่สิงห์บุรี บ้าง

                              พรุ่งนี้เย็นวันจันทร์ มีนัดกับคุณวิธิดา (เป้า) ว่าจะไปร่วมเป็นเจ้าภาพฟังพระสวดพระอภิธรรมศพ คุณแม่  พี่สุชัย   รอยวิรัตน์ ที่วัดธาตุทอง ยังรอการยืนยันจากคุณเป้าอยู่ ครับ

                              ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
     
                   
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7381 เมื่อ: 11 พฤศจิกายน 2555, 21:29:50 »

ชาติที่ ๑๐ พระเวสสันดร




ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญทานบารมี

                         คือบริจากทาน. มีเรื่องเล่าถึงพระเวสสันดรผู้ใจดีบริจากทุกอย่างที่มีคนขอ ครั้งหนึ่งประทานช้างเผือกคู่บ้านคู่เมือง แก่พราหมณ์ชาวกาลิงคะ ซึ่งมาขอช้างไปเพื่อให้หายฝนแล้ง แต่ประชาชนโกรธขอให้เนรเทศ พระราชบิดา จึงจำพระทัยเนรเทศ ซึ่งพระนางมัทรีพร้อมด้วยโอรส ธิดาได้ตามเสด็จไปด้วย

                         เมื่อชูชกไปขอสองกุมาร ก็ประทานอีก ภายหลังพระเจ้าสญชัยพระราชบิดาทรงไถ่สองกุมาร แล้วเสด็จไปรับกลับกรุง.

                         ( เรื่องนี้แสดงการเสียสละส่วนน้อยเพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่ คือการตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า อันจะเป็นทางให้ได้บำเพ็ญประโยชน์ส่วนรวมได้ดียิ่ง มิใช่เสียสละโดยไม่มีจุดมุ่งหมายหรือเหตุผล).


๑๐. เ ว ส สั น ด ร ช า ด ก



                             พระเจ้าสญชัย ทรงครองราชสมบัติเมืองสีพี มีพระมเหสีทรงพระนามว่า พระนางผุสดี ธิดาพระเจ้ากรุงมัททราช พระนางผุสดีนี้ในชาติก่อนๆ ได้เคยถวายแก่นจันทน์หอม เป็นพุทธบูชาและอธิษฐานขอให้ได้เป็นพุทธมารดาพระพุทธเจ้าในกาลอนาคต ครั้นเมื่อนางสิ้นชีวิตก็ได้ไปบังเกิดในเทวโลก เมื่อถึงวาระที่จะต้องจุติมาเกิดในโลกมนุษย์ พระอินทร์ได้ประทานพรสิบประการแก่นาง ครั้นเมื่อพระนางผุสดีทรงครรภ์ใกล้กำหนดประสูติ พระนางปรารถนาไปเที่ยวชมตลาด ร้านค้า บังเอิญในขณะเสด็จประพาสนั้น พระนางทรงเจ็บครรภ์และประสูติพระโอรสในบริเวณย่านนั้น พระโอรสจึงทรงพระนามว่า เวสสันดร หมายถึง ในท่ามกลางระหว่างย่านค้าขาย พร้อมกับที่พระโอรสประสูติ ช้างต้นของพระเจ้าสญชัยก็ตกลูกเป็นช้างเผือกเพศผู้ได้รับชื่อว่า ปัจจัยนาค เป็นช้างต้นคู่บุญพระเวสสันดร

                             เมื่อพระกุมารเวสสันดรทรงเจริญวัยขึ้น ทรงมีพระทัยฝักใฝ่ในการบริจาคทาน มักขอพระราชทานทรัพย์จากพระบิดามารดา เพื่อบริจาคแก่ประชาชนอยู่เป็นนิตย์ ทรงขอให้พระบิดาตั้งโรงทานสี่มุมเมือง เพื่อบริจาคข้าวปลาอาหารและสิ่งของจำเป็น แก่ประชาชน และหากมีผู้มาทูลขอสิ่งหนึ่ง สิ่งใด พระองค์ก็จะทรงบริจาคให้โดยมิได้เสียดาย ด้วยทรงเห็นว่า

                             "การบริจาคนั้นเป็นกุศลเป็นคุณประโยชน์อันยิ่งใหญ่ ทั้งแก่ผู้รับและผู้ให้ ผู้รับก็จะพ้นความเดือดร้อน ผู้ให้ก็จะอิ่มเอิบเป็นสุขใจที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น และยังทำให้พ้นจากความโลภความตระหนี่ถี่เหนียวในทรัพย์สมบัติของตนอีกด้วย"

                              พระเกียรติคุณของพระเวสสันดรเลื่องลือไปทั่วทุกทิศว่าทรงมีจิตเมตตาแก่ผู้อื่นมิได้ ทรงเห็นแก่ความสุขสบายหรือเห็นแก่ทรัพย์สมบัติส่วนพระองค์ มิได้ทรงหวงแหนสิ่งใด ไว้สำหรับพระองค์
 
                              อยู่มาครั้งหนึ่งในเมืองกลิงคราษฏร์เกิดข้าวยากหมากแพงเพราะฝนแล้ง ทำให้เพาะปลูกไม่ได้ ราษฎร์อดอยากได้รับความเดือนร้อนสาหัส ประชาชน ชาวกลิงคราษฏร์พากันไปเฝ้าพระราชา ทูลว่าในเมืองสีพีนั้นมีช้างเผือกคู่บุญพระเวสสันดร ชื่อว่า ช้างปัจจัยนาค เป็นช้างมีอำนาจพิเศษ ถ้าอยู่เมืองใด จะทำให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล พืชพันธุ์จะบริบูรณ์ ขอให้พระเจ้ากลิงคราษฏร์ ส่งทูตเพื่อไปทูลขอช้างจากพระเวสสันดร พระเวสสันดรก็จะทรงบริจาคให้เพราะพระองค์ไม่เคยขัดเมื่อมีผู้ทูลขอสิ่งใด
 
                              พระเจ้ากลิงคราษฏร์จึงส่งพราหมณ์แปดคนไปเมืองสีพี ครั้นเมื่อพราหมณ์ได้พบ พระเวสสันดรขณะเสด็จประพาสพระนคร ประทับบนหลังช้างปัจจัยนาค พราหมณ์จึง ทูลขอช้างคู่บุญเพื่อดับทุกข์ชาวกลิงคราษฏร์ พระเวสสันดรก็โปรดประทานให้ตามที่ขอ

                              ชาวสีพีเห็นพระเวสสันดรทรงบริจาคช้างปัจจัยนาคคู่บ้านคู่เมืองไป ดังนั้น ก็ไม่พอใจ พากันโกรธเคืองว่าต่อไปบ้านเมืองจะลำบาก เมื่อไม่มีช้างปัจจัยนาคเสียแล้ว

                              จึงพากันไปเข้าเฝ้าพระเจ้าสญชัย ทูลกล่าวโทษพระเวสสันดรว่าบริจาคช้างคู่บ้านคู่เมือง แก่ชาวเมืองอื่นไป ขอให้ขับพระเวสสันดรไปเสียจากเมืองสีพี พระเจ้าสญชัยไม่อาจขัดราษฏรได้ จึงจำพระทัยมีพระราชโองการให้ขับพระเวสสันดร ออกจากเมืองไป พระเวสสันดรไม่ทรงขัดข้อง แต่ทูลขอพระราชทานโอกาสบริจาคทาน ครั้งใหญ่ก่อนเสด็จออกจากพระนคร พระบิดาก็ทรงอนุญาตให้พระเวสสันดรทรงบริจาค สัตสดกมหาทาน คือบริจาค ทานเจ็ดสิ่ง สิ่งละเจ็ดร้อย แก่ประชาชนชาวสีวี

                              เมื่อพระนางมัทรี พระมเหสีของพระเวสสันดรทรงทราบว่า ประชาชนขอให้ขับพระเวสสันดร ออกจากเมือง ก็กราบทูลพระเวสสันดรว่า

                             "พระองค์เป็นพระราชสวามีของหม่อมฉัน พระองค์เสด็จไปที่ใด หม่อมฉันจะขอติดตาม ไปด้วยทุกหนทุกแห่ง มิได้ย่อท้อต่อความ ลำบาก ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีภรรยาแล้ว ย่อมต้องอยู่เคียงข้างกันในทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่ายามสุข หรือทุกข์ โปรดประทานอนุญาติให้หม่อมฉันติดตามไปด้วยเถิด"

                              พระเวสสันดรไม่ทรงประสงค์ให้พระนางมัทรี ติดตามพระองค์ไป เพราะการเดินทางไปจากพระนครย่อมมีแต่ความยากลำบาก ทั้งพระองค์ เองก็ทรงปรารถนาจะเสด็จไปประทับบำเพ็ญศีลภาวนาอยู่ในป่า พระนางมัทรีไม่คุ้นเคยต่อสภาพเช่นนั้น ย่อมจะต้องลำบากยากเข็ญทั้ง อาหารการกินและความเป็นอยู่ แต่ไม่ว่าพระเวสสันดรจะตรัสห้ามปรามอย่างไร นาง ก็มิยอมฟัง บรรดาพระประยูรญาติ ก็พากันอ้อนวอนขอร้อง พระนางก็ทรงยืนกรานว่า จะติดตามพระราชสวามีไปด้วย
 
                               พระนางผุสดีจึงทรงไปทูลขอพระเจ้าสญชัย มิให้ขับพระเวสสันดรออกจากเมือง

                               พระเจ้าสญชัยตรัสว่า
 
                              "บ้านเมืองจะเป็นสุขได้ก็ต่อ เมื่อราษฏรเป็นสุข พระราชาจะเป็นสุขได้ก็ เมื่อราษฏรเป็นสุข ถ้าราษฏรมีความทุกข์ พระราชาจะนิ่งเฉยอยู่ได้อย่างไร ราษฏรพากัน กล่าวโทษพระเวสสันดรว่าจะทำให้บ้านเมืองยากเข็ญ เราจึงจำเป็นต้องลงโทษ แม้ว่าพระเวสสันดรจะเป็นลูกของเราก็ตาม"

                               ไม่ว่าผู้ใดจะห้ามปรามอย่างไร พระนางมัทรีก็จะตามเสด็จพระเวสสันดรไปให้จงได้ พระเจ้าสญชัยและพระนางผุสดีจึงขอเอา พระชาลี พระกัณหา โอรสธิดาของพระเวสสันดรไว้ แต่พระนางมัทรีก็ไม่ยินยอม ทรงกล่าวว่า

                               "เมื่อชาวเมืองสีพีรังเกียจพระเวสสันดร ให้ขับไล่ไปเสียดังนี้ พระโอรสธิดาจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร ชาวเมืองโกรธแค้นขึ้นมา พระชาลีกัณหาก็จะทรงได้รับความลำบาก จึงควรที่จะออกจากเมืองไปเสียพร้อม พระบิดาพระมารดา"

                                ในที่สุดพระเวสสันดร พร้อมด้วยพระมเหสี และโอรสธิดาก็ออกจากเมืองสีพีไป แม้ใน ขณะนั้นชาวเมืองยังตามมาทูลขอรถพระที่นั่ง ทั้งสี่พระองค์จึงต้องทรงดำเนินด้วยพระบาทออกจากเมืองสีพีมุ่งไปสู่ป่า เพื่อบำเพ็ญพรตภาวนา

                                 ครั้นเสด็จมาถึงเมืองมาตุลนคร บรรดากษัตริย์เจตราชทรงทราบข่าว จึงพากันมาต้อนรับ พระเวสสันดร ทรงถามถึงทางไปสู่เขาวงกต กษัตริย์เจตราชก็ทรงบอกทางให้และเล่าว่า เขาวงกตนั้นต้องเดินทางผ่านป่าใหญ่ที่เต็ม ไปด้วยอันตรายแต่เมื่อไปถึงสระโบกขรณีแล้ว ก็จะเป็นบริเวณร่มรื่นสะดวกสบาย มีต้นไม้ผล ที่จะใช้เป็นอาหารได้ นอกจากนี้กษัตริย์เจตราช ยังได้สั่งให้ พรานป่าเจตบุตร ซึ่งเป็นผู้ชำนาญ ป่าแถบนั้น ให้คอยเฝ้าระแวดระวังรักษาต้นทาง ที่จะไปสู่เขาวงกต เพื่อมิให้ผู้ใดไปรบกวนพระเวสสันดรในการบำเพ็ญพรต เว้นแต่ทูต จากเมืองสีพีที่จะมาทูลเชิญเสด็จกลับนครเท่านั้น ที่จะยอมให้ผ่านเข้าไปได้
 
                                  เมื่อเสด็จไปถึงบริเวณสระโบกขรณีอันเป็นที่ร่มรื่นสบาย พระเวสสันดร พระนางมัทรี ตลอดจนพระโอรสธิดา ก็ผนวชเป็นฤาษี บำเพ็ญพรตภาวนาอยู่ ณ ที่นั้น โดยมีพรานป่าเจตบุตรคอยรักษาต้นทาง ณ ตำบลบ้านทุนนวิฐ เขตเมืองกลิงคราษฏร์

                                  มีพราหมณ์เฒ่าชื่อ ชูชก หาเลี้ยงชีพด้วยการขอทาน ชูชก ขอทานจนได้เงินมามาก จะเก็บไว้ เองก็กลัวสูญหาย จึงเอาไปฝากเพื่อนพราหมณ์ไว้ อยู่มาวันหนึ่ง ชูชกไปหาพราหมณ์ที่ตนฝากเงินได้ จะขอเงินกลับไป ปรากฎว่า พราหมณ์นั้นนำเงินไปใช้หมดแล้ว จะหามาใช้ให้ชูชกก็หาไม่ทัน จึงจูงเอาลูกสาวชื่อ อมิตตดา มายกให้แก่ชูชก พราหมณ์กล่าวแก่ชูชกว่า
 
                                 "ท่านจงรับเอาอมิตตดาลูกสาวเราไปเถิด จะเอาไปเลี้ยงเป็นลูกหรือภรรยา หรือจะเอาไปเป็นทาสรับใช้ปรนนิบัติก็สุด แล้วแต่ท่านจะเมตตา"

                                  ชูชกเห็นนางอมิตตดาหน้าตาสะสวย งดงามก็หลงรัก จึงพานางไปบ้าน เลี้ยงดู นางในฐานะภรรยา นางอมิตตดาอายุยังน้อย หน้าตางดงาม และมีความกตัญญู ต่อพ่อแม่ นางจึงยอมเป็นภรรยาชูชกผู้แก่เฒ่า รูปร่างหน้าตาน่ารังเกียจ อมิตตดา ปรนนิบัติชูชกอย่างภรรยาที่ดีจะพึงกระทำทุกประการ นางตักน้ำ ตำข้าว หุงหาอาหาร ดูแลบ้านเรือนไม่มีขาดตกบกพร่อง ชูชกไม่เคยต้องบ่นว่าหรือตักเตือนสั่งสอนแต่ อย่างใดทั้งสิ้น ความประพฤติที่ดีเพียบพร้อมของนาง อมิตตดาทำให้เป็นที่สรรเสริญของบรรดา พราหมณ์ทั้งหลายในหมู่บ้านนั้น ในไม่ช้า บรรดาพราหมณ์เหล่านั้นก็พากันตำหนิติเตียนภรรยาของตนที่มิได้ประพฤติตนเป็น แม่บ้านแม่เรือนอย่างอมิตตดา บางบ้านก็ถึงกับทุบตีภรรยาเพื่อให้รู้จักเอาอย่างนาง เหล่านางพราหมณีทั้งหลายได้รับความเดือดร้อน ก็พากันโกรธแค้นนางอมิตตดา ว่าเป็นต้นเหตุ

                                  วันหนึ่งขณะที่นางไปตักน้ำในหมู่บ้าน บรรดานางพราหมณีก็รุมกันเย้ยหยันที่นางมีสามีแก่ หน้าตาน่าเกลียดอย่างชูชก นางพราหมณีพากันกล่าวว่า

                                 "นางก็อายุน้อย หน้าตางดงาม ทำไมมายอมอยู่กับเฒ่าชรา น่ารังเกียจอย่างชูชก หรือว่ากลัวจะหาสามีไม่ได้ มิหนำซ้ำยังทำ ตนเป็นกาลกิณี พอเข้ามาในหมู่บ้านก็ทำให้ ชาวบ้านสิ้นความสงบสุข เขาเคยอยู่กันมาดีๆ พอนางเข้ามาก็เดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า หาความสงบ ไม่ได้ นางอย่าอยู่ในหมู่บ้านนี้เลย จะไปไหนก็ไปเสียเถิด"

                                  ไม่เพียงกล่าววาจาด่าทอ ยังพากันหยิกทึ้ง ทำร้ายนางอมิตตดา จนนางทนไม่ได้ ต้องหนีกลับบ้านร้องไห้ มาเล่าให้ชูชกฟัง ชูชกจึงบอกว่าต่อไปนี้นางไม่ต้องทำการ งานสิ่งใด ชูชกจะเป็นฝ่ายทำให้ทุกอย่าง นางอมิตตดาจึงว่า
 
                                 "ภรรยาที่ดีจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร จะปล่อยให้สามีมาปรนนิบัติรับใช้ เราทำไม่ได้หรอก ลูกหญิงที่พ่อแม่อบรมสั่งสอนมาดี ย่อมจะไม่นั่งนอนอยู่เฉยๆ ดีแต่ชี้นิ้วให้ผู้อื่นปรนนิบัติตน นี่แน่ะ ชูชก ถ้าท่านรักเราจริง ท่านจงไปหาบริวารมาปรนนิบัติรับใช้เราดีกว่า"

                                  ชูชกได้ฟังดังนั้นก็อัดอั้นตันใจ ไม่รู้จะไปหาข้าทาสหญิงชายมาจากไหน นางอมิตตดา จึงแนะว่า
 
                                "ขณะนี้ พระเวสสันดรเสด็จออกมาจากเมืองสีพี มาทรงบำเพ็ญพรตอยู่ในป่า เขาวงกต พระองค์เป็นผู้ใฝ่ในการบริจาคทาน ท่านจงเดินทางไปขอบริจาคพระชาลีกัณหา โอรสธิดาของพระเวสสันดรมาเป็นข้าทาสของเราเถิด"

                                 ชูชกไม่อยากเดินทางไปเลยเพราะกลัวอันตรายในป่า แต่ครั้นจะไม่ไปก็กลัวนางอมิตตดาจะทอดทิ้งไม่ยอมอยู่กับตน
ในที่สุดชูชกจึงตัดสินใจเดินทางไปเขาวงกตเพื่อทูลขอพระชาลีกัณหา เมื่อไปถึงบริเวณปากทางเข้าสู่เขาวงกต ชูชกก็ได้พบพรานเจตบุตรผู้รักษาปากทาง หมาไล่เนื้อที่พรานเลี้ยงไว้พากันรุมไล่ต้อนชูชกขึ้นไปจนมุมอยู่บนต้นไม้ เจตบุตรก็เข้า ไปตะคอกขู่

                                 ชูชกนั้นเป็นคนมีไหวพริบ สังเกตดูเจตบุตรก็รู้ว่าเป็นคนซื่อสัตย์ มีฝีมือเข้มแข็ง แต่ขาดไหวพริบ จึงคิดจะใช้วาจาลวง เจตบุตรให้หลงเชื่อ พาตนเข้าไปพบพระเวสสันดรให้ได้ ชูชกจึงกล่าวแก่เจตบุตรว่า

                               "นี่แนะ เจ้าพรานป่าหน้าโง่ เจ้าหารู้ไม่ว่าเราเป็นใคร ผู้อื่นเขา จะเดินทางมาให้ยากลำบากทำไมจนถึงนี่ เรามาในฐานะทูต ของพระเจ้าสัญชัย เจ้าเมืองสีพี จะมาทูลพระเวสสันดรว่า บัดนี้ชาวเมืองสีพีได้คิดแล้ว จะมาทูล เชิญเสด็จกลับพระนคร เราเป็นผู้มาทูลพระองค์ไว้ก่อน เจ้ามัวมาขัดขวางเราอยู่อย่างนี้ เมื่อไรพระเวสสันดรจะได้ เสด็จคืนเมือง"

                                เจตบุตรได้ยินก็หลงเชื่อ เพราะมีความจงรักภักดี อยากให้พระเวสสันดรเสด็จกลับเมืองอยู่แล้ว จึงขอโทษชูชก จัดการหาอาหารมาเลี้ยงดู แล้วชี้ทางให้เข้าไปสู่อาศรม ที่พระเวสสันดรบำเพ็ญพรตภาวนาอยู่

                                เมื่อชูชกมาถึงอาศรมก็คิดได้ว่า หากเข้าไปทูลขอ พระโอรสธิดาในขณะพระนางมัทรีอยู่ด้วย พระนางคงจะไม่ยินยอมยกให้เพราะความรัก อาลัยพระโอรสธิดา จึงควรจะรอจนพระนางเสด็จไปหาผลไม้ในป่าเสียก่อน จึงค่อยเข้าไปทูลขอต่อพระเวสสันดรเพียงลำพัง
 
                                ในวันนั้น พระนางมัทรีทรงรู้สึกไม่สบายพระทัยเป็นอย่างยิ่ง เพราะในตอนกลางคืน พระนางทรงฝันร้ายว่า มีบุรุษร่างกายกำยำ ถือดาบ มาตัดแขนซ้ายขวาของพระนางขาด ออกจากกาย บุรุษนั้นควักดวงเนตร ซ้ายขวา แล้วยังผ่าเอาดวงพระทัยพระนางไปด้วย พระนางมัทรีทรงสังหรณ์ว่าจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้น จึงทรงละล้าละลังไม่อยากไปไกลจาก อาศรม แต่ครั้นจะไม่เสด็จไปก็จะไม่มีผลไม้มาให้พระเวสสันดรและโอรสธิดาเสวย พระนางจึงจูงโอรสธิดาไปทรงฝากฝังกับ พระเวสสันดรขอให้ทรงดูแล ตรัสเรียกหา ให้เล่นอยู่ใกล้ๆ บรรณศาลา พร้อมกับเล่าความฝันให้พระเวสสันดรทรงทราบ
 
                                พระเวสสันดรทรงหยั่งรู้ว่าจะมีผู้มาทูลขอพระโอรสธิดา แต่ครั้นจะบอกความตามตรง พระนางมัทรีก็คงจะทนไม่ได้ พระองค์เองนั้น ตั้งพระทัยมั่นว่าจะบริจาคทรัพย์สมบัติทุกสิ่งทุกประการในกายนอกกาย แม้แต่ชีวิตและ เลือดเนื้อของพระองค์ หากมีผู้มาทูลขอก็จะ ทรงบริจาคให้โดยมิได้ทรงเสียดายหรือหวาดหวั่น
 
                                พระเวสสันดรจึงตรัสกับพระนางมัทรีว่าจะดูแลพระโอรสธิดาให้ พระนางมัทรีจึงเสด็จไปหาผลไม้ในป่าแต่ลำพัง

                                ครั้นชูชกเห็นได้เวลาแล้ว จึงมุ่งมาที่อาศรม ได้พบพระชาลีพระกัณหาทรงเล่นอยู่หน้าอาศรม ก็แกล้งขู่ ให้สองพระองค์ตกพระทัยเพื่อข่มขวัญไว้ก่อน แล้วชูชกพราหมณ์เฒ่าก็เข้าไปเฝ้า พระเวสสันดรกล่าววาจากราบทูลด้วยโวหาร อ้อมค้อมลดเลี้ยว ชักแม่น้ำทั้งห้า เพื่อทูลขอ พระโอรสธิดาไปเป็นข้าช่วงใช้ของตน

                                พระเวสสันดรทรงมีพระทัยยินดีที่จะทรงกระทำบุตรทาน คือ การบริจาคบุตรเป็นทาน อันหมายถึงว่า พระองค์เป็นผู้สละกิเลส ความหวงแหนในทรัพย์สมบัติทั้งปวง แม้กระทั่งบุคคลอันเป็นที่รัก ก็สามารถสละ เป็นทานเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่นได้ แต่พระองค์ทรงผัดผ่อนต่อชูชกว่า ขอให้ พระนางมัทรีกลับมาจากป่าได้ร่ำลาโอรสธิดา เสียก่อนชูชกก็ไม่ยินยอม กลับทูลว่า

                               "หากพระนางกลับมา สัญชาตญาณแห่งมารดา ย่อมจะทำให้พระนางหวงแหนห่วงใย พระโอรสธิดา ย่อมจะไม่ทรงให้พระโอรส ธิดาพรากจากไปได้ หากพระองค์ทรง ปรารถนาจะบำเพ็ญทานจริง ก็โปรดยกให้หม่อมฉันเสียแต่บัดนี้เถิด"

                               พระเวสสันดรจนพระทัยจึงตรัสเรียกหาพระโอรสธิดา แต่พระชาลีกัณหาซึ่งแอบฟัง ความอยู่ใกล้ๆ ได้ ทราบว่า พระบิดาจะยกตน ให้แก่ชูชก ก็ทรงหวาดกลัว จึงพากันไปหลบซ่อน โดยเดินถอยหลังลงสู่สระบัว เอาใบบัว บังเศียรไว้ ชูชกเห็นสองกุมารหายไป จึงทูลประชดประชันพระเวสสันดรว่าไม่เต็มพระทัย บริจาคจริง ทรงให้สัญญาณสองกุมารหนีไปซ่อนตัวเสียที่อื่น พระเวสสันดร จึงทรงต้องออกมาตามหาพระชาลีกัณหา
 
                              ครั้นทอดพระเนตรเห็นรอยเท้าเดินขึ้นมาจากสระ จึงตรัสเรียกพระโอรสธิดาว่า
 
                            "ชาลีกัณหา เจ้าจงขึ้นมาหาพ่อเถิด หากเจ้านิ่งเฉยอยู่ พราหมณ์เฒ่าก็จะเยาะเย้ยว่าพ่อนี้ ไร้วาจาสัตย์ พ่อตั้งใจจะบำเพ็ญทานบารมี เพื่อสละละกิเลสให้บรรลุพระโพธิญาณ จะได้เป็นที่พึ่งแก่สัตว์โลกทั้งหลาย ในภายภาคหน้า ให้พ้นจากทุกข์แห่งการเวียนว่ายตายเกิด เจ้าจงมาช่วยพ่อประกอบการบุญเพื่อบรรลุผล คือ พระโพธิญาณนั้นเถิด"

                             ทั้งสองกุมารทรงได้ยินพระบิดาตรัสเรียก ก็ทรงรำลึกได้ถึงหน้าที่ของบุตรที่ดี ที่ต้องเชื่อฟังบิดามารดา รำลึกได้ถึงความพากเพียรของพระบิดาที่จะประกอบ บารมีเพื่อความหลุดพ้นจากกิเลส ทั้งยังรำลึกถึงขัตติยมานะว่าทรงเป็น โอรสธิดากษัตริย์ไม่สมควรจะหวาดกลัวต่อสิ่งใด จึงเสด็จขึ้นมาจากสระบัว พระบิดาก็จูงทั้งสองพระองค์มาทรงบริจาคเป็นทานแก่ชูชก
 
                            ชูชกครั้นได้ตัวพระชาลีกัณหาเป็นสิทธิขาดแล้ว ก็แสดงอำนาจฉุดลากเอาสอง กุมารเข้าป่าไป เพื่อจะให้เกิดความยำเกรงตน พระเวสสันดรทรงสงสารพระโอรสธิดา แต่ก็ไม่อาจทำประการใดได้เพราะทรงถือว่า ได้บริจาคเป็นสิทธิแก่ชูชกไปแล้ว

                            ครั้นพระนางมัทรีทรงกลับมาจากป่าในเวลาพลบค่ำ เที่ยวตามหาโอรสธิดาไม่พบ ก็มาเฝ้าทูลถามจากพระเวสสันดร พระเวสสันดรจะทรงตอบความจริงก็เกรงว่า นางจะทนความเศร้าโศกมิได้ จึงทรงแกล้งตำหนิว่านางไปป่าหาผลไม้กลับมาจนเย็นค่ำ คงจะรื่นรมย์มากจนลืมนึกถึงโอรสธิดาและสวามีที่คอยอยู่

                            พระนางมัทรี ได้ทรงฟัง ก็เสียพระทัย ทูลตอบว่า
 
                          "เมื่อหม่อมฉันจะกลับอาศรม มีสัตว์ร้ายวนเวียนดักทางอยู่ หม่อมฉันจะมา ก็มามิได้จนเย็นค่ำ สัตว์ร้ายเหล่านั้นจึงจากไป หม่อมฉันมีแต่ความสัตย์ซื่อ มิได้เคยนึกถึงความสุขสบายส่วนตัวเลยแม้แต่น้อยนิด บัดนี้ลูกของหม่อมฉันหายไป จะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็มิทราบ หม่อมฉันจะเที่ยวติดตามหาจนกว่าจะพบลูก"
 
                           พระนางมัทรีทรงออกเที่ยวตามหาพระชาลีกัณหาตามรอบบริเวณศาลา เท่าไรๆ ก็มิได้ พบจนในที่สุด พระนางก็สิ้นแรงถึงกับสลบไป พระเวสสันดรทรงเวทนา จึงทรงนำน้ำเย็นมาประพรมจนนางฟื้นขึ้น ก็ตรัสเล่าว่าได้บริจาค โอรสธิดาแก่พราหมณ์เฒ่าไปแล้ว

                          ขอให้พระนางอนุโมทนาในทานบารมีที่ทรงกระทำ ไปนั้นด้วยบุตรทานที่พระราชสวามีทรงบำเพ็ญ และมีพระทัยค่อยบรรเทาจากความโศกเศร้า

                          ฝ่ายท้าวสักกะเทวราชทรงเล็งเห็นว่า หากมีผู้มาทูลขอพระนางมัทรีไป พระเวสสันดร ก็จะทรงลำบาก ไม่อาจบำเพ็ญเพียรได้เต็มความปรารถนา เพราะต้องทรงแสวงหาอาหารประทังชีวิต ท้าวสักกะจึงแปลงองค์เป็นพราหมณ์ มาขอรับบริจาคพระนางมัทรี

                          พระเวสสันดร ก็ทรงปิติยินดีที่จะได้ประกอบทารทาน คือ การบริจาคภรรยาเพื่อประโยชน์แก่บุคคลอื่น พระนางมัทรีก็ทรงเต็มพระทัยที่จะได้ทรงมีส่วนในการบำเพ็ญทานบารมีตามที่พระเวสสันดรทรงตั้งพระทัยไว้
 
                          เมื่อได้รับบริจาคแล้ว ท้าวสักกะก็ทรงกลับคืนร่างดังเดิม และตรัสสรรเสริญอนุโมทนาในกุศลแห่งทานบารมีของพระเวสสันดร แล้วถวายพระนางมัทรีกลับคืนแด่พระเวสสันดร พระเวสสันดรจึงได้ทรงประกอบบุตรทารทาน อันยากที่ผู้ใดจะกระทำได้ สมดังที่ได้ตั้งพระทัย ว่าจะบริจาคทรัพย์ของพระองค์เพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น โดยปราศจากความหวงแหนเสียดาย

                         ฝ่ายชูชกพาสองกุมารเดินทางมาในป่า ระหกระเหินได้รับความลำบากเป็นอันมาก และหลงทางไปจนถึงเมืองสีพี บังเอิญผ่านไปหน้าที่ประทับพระเจ้าสญชัยทรงทอดพระเนตรเห็นพระนัดดาทั้งสองก็ทรงจำได้ จึงให้เสนาไปพาเข้ามาเฝ้า ชูชกทูลว่า พระเวสสันดรทรงบริจาคพระชาลีกัณหาให้เป็นข้าทาสของตนแล้ว บรรดาเสนาอำมาตย์และประชาชนทั้งหลาย ต่างก็พากันสงสารพระกุมารทั้งสอง และ ตำหนิพระเวสสันดรที่มิได้ทรงห่วงใยพระโอรสธิดา
 
                         พระชาลีเห็นผู้อื่นพากันตำหนิติเตียนพระบิดาจึงทรงกล่าวว่า
 
                         "เมื่อพระบิดาเสด็จไปผนวชอยู่ในป่า มิได้ทรงมีสมบัติใดติดพระองค์ไป แต่ทรงมีพระทัยแน่วแน่ที่จะสละกิเลส ไม่หลงใหลหวงแหนในสมบัติสิ่งหนึ่งสิ่งใด แม้บุคคลอันเป็นที่รักก็ย่อมสละได้เพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น เพราะทรงมีพระทัยมั่นในพระโพธิญาณในภายหน้า ความรัก ความหลง ความโลภ ความโกรธ เป็นกิเลสที่ขวางกั้นหนทางไปสู่พระโพธิญาณ พระบิดาของหม่อมฉันสละกิเลสได้ดังนี้ จะมาตำหนิติเตียนพระองค์หาควรไม่"
 
                          พระเจ้าสญชัยได้ทรงฟังดังนั้นก็ยินดี จึงตรัสเรียกพระชาลีให้เข้าไปหา แต่พระชาลี ยังคงประทับอยู่กับชูชก และทูลว่า พระองค์ยังเป็นทาสของชูชกอยู่ พระเจ้าสญชัยจึงขอไถ่สองกุมารจากชูชก
 
                          พระชาลีตรัสว่า พระบิดาตีค่าพระองค์ไว้พันตำลึงทอง แต่พระกัณหานั้นเป็นหญิง พระบิดาจึงตีค่าตัวไว้สูง เพื่อมิให้ผู้ใดมาไถ่ตัวหรือซื้อขายไปได้ง่ายๆ พระกัณหา นั้นมีค่าตัวเท่ากับทรัพย์เจ็ดชีวิต เจ็ดสิ่ง เช่น ข้าทาส หญิงชาย เป็นต้น สิ่งละเจ็ดร้อย กับทองคำอีกร้อยตำลึง
พระเจ้าสญชัยก็โปรดให้เบิกสมบัติท้องพระคลังมาไถ่ตัวพระนัดดาจากชูชก และโปรดให้จัดข้าวปลาอาหารมาเลี้ยงดูชูชก เพื่อตอบแทนที่พาพระนัดดากลับมาถึงเมือง
 
                          ชูชกพราหมณ์เฒ่าขอทาน ไม่เคยได้บริโภคอาหารดีๆ ก็ไม่รู้จักยับยั้ง บริโภคมากจนทนไม่ไหว ถึงแก่ความตายในที่สุด พระเจ้าสญชัยโปรด ให้จัดการศพแล้วประกาศหาผู้รับมรดก ก็หามีผู้ใดมาขอรับไม่ หลังจากนั้นพระเจ้าสญชัย จึงตรัสสั่งให้จัดกระบวนเสด็จเพื่อไปรับ พระเวสสันดรและพระนางมัทรีกลับคืนสู่เมืองสีพี เพราะบรรดาประชาชนก็พากันได้คิดว่า พระเวสสันดรได้ทรงประกอบทานบารมี อันยิ่งใหญ่กว่าทั้งหลายทั้งปวง ก็เพื่อประโยชน์แห่งผู้คนทั้งหลาย หาใช่เพื่อพระองค์เองไม่ เมื่อกระบวนไปถึงอาศรมริมสระโบกขรณี กษัตริย์ทั้งหกก็ทรงได้พบกันด้วยความโสมนัสยินดี
 
                          พระเจ้าสญชัยจึงตรัสบอกพระเวสสันดรว่า ประชาชนชาวสีพีได้เห็นสิ่งที่ถูกที่ควรแล้ว และพากันร่ำร้อง ได้ทูลเชิญเสด็จกลับเมืองสีพี พระเวสสันดร พระนางมัทรี และพระชาลีกัณหา จึงได้เสด็จกลับเมือง พระเจ้าสญชัยทรงอภิเษกพระเวสสันดรขึ้นครองเมืองสืบต่อไป

                          ครั้นได้เป็นพระราชาแห่งสีพี พระเวสสันดรก็ทรงยึดมั่นในการประกอบทานบารมี ทรงตั้งโรงทานบริจาคเป็นประจำทุกวัน ชาวเมืองสีพีตลอดจนบ้านเมืองใกล้เคียง ก็ได้รับพระเมตตากรุณา มีความร่มเย็นเป็นสุข ชาวเมืองต่างก็เอื้อเฟื้อช่วยเหลือกัน มิได้โลภ กระหายในทรัพย์สมบัติ ต่างก็มีจิตใจผ่องใสเป็นสุข เหมือนดังที่พระเวสสันดรทรงตั้งพระปณิธานว่า

                           "พระองค์จะทรงบริจาคทรัพย์สมบัติทั้งปวง เพื่อประโยชน์สุขแก่ผู้อื่น ด้วยทรัพย์ทั้งหลาย ทำให้เกิดกิเลส คือ ความโลภ ความหลงหวงแหน เมื่อบริจาคทรัพย์แล้ว ผู้รับก็จะได้ประโยชน์จากสิ่งนั้น และมีความชื่นชม ยินดี ผู้ให้ก็จะ อิ่มเอมใจว่าได้ทำประโยชน์แก่ผู้อื่น เกิดความปิติยินดีเช่นกัน ทั้งผู้ให้และผู้รับย่อมได้รับ ความสุขความพึงพอใจดังนี้ "

คติธรรม : บำเพ็ญทานบารมี

"สั่งสอนให้คนเราเพียรประกอบคุณความดีโดยมิท้อถอย หากรู้จักสละทรัพย์บริจาคทานเนื่องนิจก็จะเป็นที่สรรเสริญทั่วไป คนโลภคนจิต"


                           ชาดก เรื่องพระเวสสันดร  นี้ ในสารทเดือนสิบ เป็นประเพณีไทย ที่จะต้องให้มีการเทศน์ที่เรียกว่าเทศมหาชาติ ในวัดเป็นเทศกาลประจำปีที่ทางวัดจะต้องดำเนินการ  โดยมีประชาชนเป็นผู้จองเป็นเจ้าของกัณเทศน์แต่ละตอนนั้น มัขั้นตอนในการเทศน์และการทำบุญมากมาย และต้องมีปีพาทย์บรรเลงเพลงประกอบในแต่ละกัณฑ์ ด้วย

                           สมัยผมเป็นเด็ก ที่วัดจะจัดให้มีการเทศน์มหาชาติและทำบุญสามวัน  ผมจำได้ว่าแม่ผมรับมากัณฑ์หนึ่ง ชือ มหาชาติ  แม่ได้ทำขนมกงใสถาด เอาไปติดกัณเทศน์เท่ากับจำนวนคาถา ด้วย   ปกติหน้าเทศมหาชาติน้ำจะท้วมทุกปี  จึงต้องพายเรือไปทำบุญที่วัด
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7382 เมื่อ: 11 พฤศจิกายน 2555, 21:37:13 »

พี่สิงห์

งานศพในวันพรุ่งนี้ เห็นพี่ตา-พนัส งามกนกวรรณ ลงชื่อไปร่วมงานด้วย

ลิงก์นี้ครับ   http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,17836.msg600281/boardseen.html#new
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7383 เมื่อ: 11 พฤศจิกายน 2555, 21:41:38 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 11 พฤศจิกายน 2555, 21:37:13
พี่สิงห์

งานศพในวันพรุ่งนี้ เห็นพี่ตา-พนัส งามกนกวรรณ ลงชื่อไปร่วมงานด้วย

ลิงก์นี้ครับ   http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,17836.msg600281/boardseen.html#new


                 ใครจะไปได้ทั้งนั้น  ไม่หวงห้าม  ทุกคนมีสิทธิ

                  เราระวังกาย  วาจา  ใจ  ของเราให้เป็นปกติ เป็นใช้ได้  ไม่ต้องสนใจใด ๆ เพราะไม่ใช่ตัวเรา  และเราไม่ทำให้ใครเดือดร้อนทั้งสิ้น

                  ผมอยู่แต่ที่บ้าน และทำงาน  ไม่ได้พบผู้คนมากนัก และไม่รู้อะไรเลยทั้งสิ้น ครับ

                  สวัสดี
      บันทึกการเข้า
ประทาน14
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2514
คณะ: เภสัชศาสตร์
กระทู้: 999

« ตอบ #7384 เมื่อ: 11 พฤศจิกายน 2555, 22:23:31 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 10 พฤศจิกายน 2555, 17:42:08
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 10 พฤศจิกายน 2555, 14:10:28


เรียนคุณประทาน

พี่ประทาน

พี่สิงห์ จะเดินทางไปญี่ปุ่นช่วงปลายเดือน พ.ย. นี้ กลับถึง กทม. 28 พ.ย. กลางคืน
จึงไม่สามารถส่ง Passport ให้ บ.ไทยโมเดิร์น ทราแวล จก. ได้
คงมอบให้ได้ในวันที่ 1 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันเดินทางเลยครับ
พี่ประทาน ช่วยแจ้งให้ บ.ไทย โมเดิร์น ทราแวล จก. ทราบในเรื่องนี้ด้วยครับ
แต่พี่อาจส่งภาพ Passport ของพี่สิงห์ไปให้ บริษัททัวร์ เพื่อนำไปใช้ดำเนินการอย่างอื่นก่อนก็ได้ครับ

รับทราบและจะประสานกับ บ.ทัวร์ให้ครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7385 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2555, 05:39:11 »

อ้างถึง
ข้อความของ ประทาน14 เมื่อ 11 พฤศจิกายน 2555, 22:23:31
อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 10 พฤศจิกายน 2555, 17:42:08
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 10 พฤศจิกายน 2555, 14:10:28


เรียนคุณประทาน

พี่ประทาน

พี่สิงห์ จะเดินทางไปญี่ปุ่นช่วงปลายเดือน พ.ย. นี้ กลับถึง กทม. 28 พ.ย. กลางคืน
จึงไม่สามารถส่ง Passport ให้ บ.ไทยโมเดิร์น ทราแวล จก. ได้
คงมอบให้ได้ในวันที่ 1 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันเดินทางเลยครับ
พี่ประทาน ช่วยแจ้งให้ บ.ไทย โมเดิร์น ทราแวล จก. ทราบในเรื่องนี้ด้วยครับ
แต่พี่อาจส่งภาพ Passport ของพี่สิงห์ไปให้ บริษัททัวร์ เพื่อนำไปใช้ดำเนินการอย่างอื่นก่อนก็ได้ครับ

รับทราบและจะประสานกับ บ.ทัวร์ให้ครับ
สวัสดีครับ คุณประทาน

                       ผมได้ mail ไปให้เขาด้วย  แต่ไม่รู้ว่าได้รับหรือไม่  จะโอนเงินก่อนวันที่ ๑๕ ตามที่เขาบอกมาครับ

                       สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7386 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2555, 05:48:43 »



สวัสดียามเช้าครับ คุณเหยง  ผู้เป็นกัลยาณมิตร และชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                       เมื่อสักครู่เวลา 05:09 นาที ทางคุณประเสริฐ  ผู้ดูแลแม่ได้โทรศัพท์ มาบอกให้ทราบว่า "ยายไม่ค่อยดี"  หายใจไม่ออกมีสะเลดที่คอมาก  ผมก็ได้แนะนำไปให้ดูดสะเลดออกเท่าที่จะทำได้  ให้มีสติ  ไม่ต้องกังวลใดๆ ทั้งสิ้น

                        สำหรับผมเอง  จิตหวั่นไหว  ใจหาย  ก็ได้แต่ดูจิตตนเอง  ปล่อยวาง เพราะได้ตัดสินใจไปแล้ว  ขึ้นอยู่กับคุณหมอวิทิต และน้องสาว เท่านั้น ทำได้เพียง สวดมนต์ธรรมวัตรเช้า  สวดมนต์บทปลงสังขาร และจบด้วยการแผ่เมตตาให้แม่ เท่านั้น

                        วันนี้ภายหลังจากใส่บาตรพระยามเช้า  จะรีบไปอยู่กับแม่  ได้เตรียมเสื้อผ้า ใส่กระเป๋าไว้นานแล้ว  

                        สวัสดีครับ



      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7387 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2555, 05:59:48 »




มงคล
คือเหตุแห่งความสุข ความก้าวหน้าในการดำเนินชีวิต
ซึ่งพระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้ให้พุทธศาสนิกชนได้พึงปฏิบัติ
นำมาจากบทมงคลสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสตอบปัญหาเทวดาที่ถามว่า
คุณธรรมอันใดที่ทำให้ชีวิตประสบความเจริญหรือมี "มงคลชีวิต" ซึ่งมี ๓๘ ประการได้แก่

๑. การไม่คบคนพาล
๒. การคบบัญฑิต
๓. การบูชาบุคคลที่ควรบูชา
๔. การอยู่ในถิ่นอันสมควร
๕. เคยทำบุญมาก่อน
๖. การตั้งตนชอบ
๗. ความเป็นพหูสูต
๘. การรอบรู้ในศิลปะ
๙. มีวินัยที่ดี
๑๐.กล่าววาจาอันเป็นสุภาษิต
๑๑.การบำรุงบิดามารดา
๑๒.การสงเคราะห์บุตร
๑๓.การสงเคราะห์ภรรยา
๑๔.ทำงานไม่ให้คั่งค้าง
๑๕.การให้ทาน
๑๖.การประพฤติธรรม
๑๗.การสงเคราะห์ญาติ
๑๘.ทำงานที่ไม่มีโทษ
๑๙.ละเว้นจากบาป
๒๐.สำรวมจากการดื่มน้ำเมา
๒๑.ไม่ประมาทในธรรมทั้งหลาย
๒๒.มีความเคารพ
๒๓.มีความถ่อมตน
๒๔.มีความสันโดษ
๒๕.มีความกตัญญู
๒๖.การฟังธรรมตามกาล
๒๗.มีความอดทน
๒๘.เป็นผู้ว่าง่าย
๒๙.การได้เห็นสมณะ
๓๐.การสนทนาธรรมตามกาล
๓๑.การบำเพ็ญตบะ
๓๒.การประพฤติพรหมจรรย์
๓๓.การเห็นอริยสัจ
๓๔.การทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน
๓๕.มีจิตไม่หวั่นไหวในโลกธรรม
๓๖.มีจิตไม่เศร้าโศก
๓๗.มีจิตปราศจากกิเลส
๓๘.มีจิตเกษม
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7388 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2555, 07:36:57 »

สวัสดีครับ คุณเหยง  ผู้เป็นกัลยาณมิตร และชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                          ขณะที่ผมกำลังยืนรอใส่บาตรพระยามเช้าที่หน้าบ้านอยู่นั้น  น้องสาวได้โทรศัพท์มาบอกว่า  แม่หายใจติดขัด  จึงเอาไปอยู่โรงพยาบาลสิงห์บุรี  เพื่อให้ท่านหายใจสบายขึ้น คือให้อ๊อกซิเจน ธรรมดา ไม่มีการเจาะคอทั้งสิ้น  แต่คงไม่ดีขึ้นหรอกเพราะระบบย่อยอาหารไม่ทำงานมาสองวันแล้ว

                          ก็เป็นดังที่ผมคาดการณ์เอาไว้  ไม่ว่าหมอ-พยาบาล เมื่อเห็นคนที่ตนรักต้องจากไปจริงๆ ในวาระสุดท้าย ก็ทำใจไม่ได้แบบนี้ละ

                          สำหรับผม ก็ได้แต่ยอมรับสภาพ  ปล่อยวาง ทำจิตให้ปกติ 

                         ตอนนี้ใส่บาตรพระเรียบร้อย  รับประทานข้าว  เอาผ้าที่ซักไปตาก รถหายติดพอดี อีกสักพัก ไปสิงห์บุรี ครับ

                         เมื่อเช้าขณะเดินจงกรมไปซื้ออาหารเช้ามาใส่บาตรที่หน้าบ้าน ก้ใช้ข้อ "ธัมมะวิจัย" มาพิจารณา ว่า "ทำไมพระพุทธองค์ นำธรรม คือ มรรค ๘ เอาไว้เป็นธรรมข้อสุดท้ายใน โพธิปักขยะธรรม ๓๗ ประการ"  ก็พบความจริงว่า

                         "พระพุทธองค์ท่านสอน อิทธบาท ๔ เพื่อให้เข้าใจหลักในการกระทำทุกสิ่งให้สำเร็จ ๔ ประการ ก่อนเมื่อเข้าใจแล้วก็ ปฏิบัติเจริญสติภาวนาด้วยการตั้งสติปัฏฐาน ๔ พร้อมกับการปฏิบัติตามสัมมัปทาน ๔ คือการทำจิตให้เป็นมหากุศล ละอกุศล เจริญแต่กุศลให้ยิ่งๆ ขึ้นไป เสร็จแล้วก็ เจริญสติปัฏฐาน ๔ ไปเรื่อยๆ ถ้ามันเกิดการหย่อนยานขาดความอุตสาหะ ก็ให้ปฏิบัติตาม อินทรีย์ ๕ (ธรรมอันเป็นใหญ่แห่งตน) เมื่อใช้อินทรีย์ ๕ แล้ว  จิตยังขาดความมานะพากเพียร ก็ให้ใช้ธรรมอันเป็นกำลังเข้าไปเสริม คือ พละ ๕ เมื่อใช้ พละ ๕ ไปแล้ว จิตยังขาดความเพียรก็มาพิจารณาด้วย ปัญญาใช้หลักการของโพชฌงค์ ๗ มาพิจารณา ปฏิบัติ  สุดท้ายจริงๆ  ถ้ายังหย่อยยาน  ก็ให้กลับมาพิจารณาหลักความจริงในธรรมชาติ ด้วยปัญญาภายใน คือ มรรค ๘  จิตมันก็สามารถจะพบความจริงในสัจจธรรม นี้ ก็สามารถที่จะเจริญสติปัฏฐาน ๔ จนพ้นทุกข์ได้"

                          และได้นำธรรม นี้บอกต่อพี่โส  เพื่อนบ้านที่กำลังรอใส่บาตร ผู้เป็นกัลยาณมิตร อีกท่านหนึ่ง

                          ก็เรียนให้ทุกท่านได้ทราบ  เราต้องใช้ธรรมะ ของพระพุทธองค์ในการดำรงชีวิต  และเอามาใช้ประโยชน์ในทุกทาง  ให้ถูกต้อง  ธรรมะของพระองค์เกื้อกูลกันเสมอ  ไม่ขัดแย้ง  ไม่ต้องตีความ  แต่เราต้องเข้าใจด้วยดวงตาเห็นธรรม  จึงจะเอาไปใช้เป็นตัวช่วย ได้แบบอัตโนมัติ คือมันเป็นไปเองโดยธรรมชาติ  ไม่ได้คิด  ไม่ได้บังคับ ครับ

                         ขอให้ทุกท่านเช้านี้ทำจิตให้เป็นปกติ หรือมหากุศล ครับ

                         สวัสดี
      บันทึกการเข้า
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #7389 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2555, 09:35:53 »


...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...

...เข้ามาตามอ่านตามปกติค่ะ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7390 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2555, 09:44:13 »

พี่สิงห์ครับ

ขณะโพสต์ พี่น่าจะอยู่ช่วงอยุธยาแล้ว
รอฟังข่าวครับ
      บันทึกการเข้า
pusadee sitthiphong
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 4,689

« ตอบ #7391 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2555, 10:45:02 »

ตามคุณเหยงมาฟังข่าวค่ะ
      บันทึกการเข้า

pom shi 2516
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7392 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2555, 12:50:23 »

เรียนทุกท่าน

พี่สิงห์โทรบอกผมเมื่อ 11.00 น.เศษนี้ ว่า

1.คืนนี้ไม่สามารถไปร่วมฟังสวดในงานศพคุณแม่ของพี่สุชัย รอยวิรัตน์ RCU14 ด้วยเหตุจำเป็น ขออภัยเป็นอย่างยิ่ง

2.เนื่องจากอาการของคุณแม่ของพี่สิงห์มีอาการหนักน่าเป็นห่วง พี่สิงห์จำเป็นต้องอยู่เฝ้าดูอาการที่ รพ.อินทร์บุรี

จึงเรียนมาเพื่อทราบเป็นเบื้องต้นครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7393 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2555, 18:18:44 »

18.17 น. ได้รับ massage จากพี่สิงห์ว่า "แม่กำลังจะจากไป"
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7394 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2555, 18:36:59 »

18.36 น. ได้รับ massage จากพี่สิงห์ว่า "แม่จากไปแล้วด้วยความสงบ"
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7395 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2555, 18:39:13 »

เรียนอาจารย์ พี่ๆ เพื่อน และน้องๆ ชาวซีมะโด่งครับ

คุณแม่ของพี่สิงห์-มานพ กลับดี จากโลกนี้ไปแล้วด้วยอาการสงบ ณ โรงพยาบาลอินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี

กำหนดงานสวดพระอภิธรรมศพ จะแจ้งให้ทราบในลำดับต่อไป
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7396 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2555, 18:41:14 »

ผมของแสดงความเสียใจและอาลัยต่อการจากไปของคุณแม่พี่สิงห์ มา ณ ที่นี้ด้วยครับ
      บันทึกการเข้า
nok15
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 529

« ตอบ #7397 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2555, 18:58:45 »




              ขอแสดงความเสียใจกับพี่สิงห์

              ในการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่นี้

              และขอให้ดวงวิญญาณของคุณแม่พี่สิงห์

            .................ไปสู่สรวงสวรรค์................

                                   Nok15
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7398 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2555, 19:07:33 »

เพิ่มเติม............

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2555 มีพิธีรดน้ำศพ เวลา 16.00 น. ณ วัดโพธิ์แก้วนพคุณ อ.เมือง สิงห์บุรี

สวดพระอธิธรรมทุกคืน จนถึงวันเสาร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2555

วันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน 2555 เวลา 16.00 น. พระราชทานเพลิงศพ


เจ้าภาพแจ้ง-ของดพวงหรีด หากช่วยซองทำบุญ จะนำเข้ามูลนิธิช่วยคนโรงเรื้อน จังหวัดสิงห์บุรี

หมายเหตุ: หากเดินทางไปจาก กทม. เลี้ยงซ้ายเข้าเมืองสิงห์บุรี ตรงไปข้ามสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา
                ลงสะพานแล้ว เลี้ยวซ้ายเข้าเมือง รพ.สิงห์บุรี จะอยู่ขวามือ
                ตรงไปสุดทางจะเป็นที่ตั้งของวัดโพธิ์แก้วนพคุณ (ไปถึงใกล้เคียงแล้ว โทรถามพี่สิงห์ได้ที่ 081 700 0760 ครับ)
      บันทึกการเข้า
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #7399 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2555, 19:50:04 »

ขอแสดงความเสียใจอย่างที่สุดต่อพี่สิงห์และครอบครัวด้วยค่ะ   sorry
      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
  หน้า: 1 ... 294 295 [296] 297 298 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><