ไม่ยาก ด๊อก ถ้าเรารู้วิธี/ ทุกคนเป็น designer ทั้งนั้น ทุกวันต้องมีการคิด วางแผน ตัดสินใจ พวกเรา ๆไปติดตรง
ที่ว่าพวก เรียนสาขา นี้จะต้อง วาดเขียนเก่ง จะต้อง abb ๆ ไม่เหมือนใคร จะต้องแต่งตัว
ไม่เหมือนใคร ฯลฯ จึงจะดูเป็น designer หรือ เป็นartist ผมเคยคิดเช่นนั้นเหมือนกัน
สมัยเรียนศิลปะ ความจริงไม่น่าจะใช่ อยู่ที่สมองมากกว่า ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไม
เราจึงปลูกฝัง เรื่องอารมณ์ ให้กับเด็กที่เรียนมาทางสายนี้ ซึ่งเราจึงได้คนที่มี ego สูง
ออกสู่ตลาดแรงงาน แทนที่จะผลิต คนที่มีการทำงานอย่างมีระบบทางความคิด ออกไป
ทีนี้มาดู การสร้าง คนให้เป็น นักคิด นักออกแบบต่อ ดีไหม ? คุณนี้/ รับรอง ถ้าถาม ถ้าตามรู้ ตามดู สนทนา และ
ทำความเข้าใจ จะรู้ว่าใคร ๆก็เป็น designerได้
ข้อที่ 1. ดู ศึกษา ผลิตภัณฑ์เดิม ๆ ที่มีอยู่ ในท้องตลาด หรือมีอยู่ก่อนแล้ว ( Existing Products )
2. การแสวงหาแนวความคิด ( Creative Idea )
จิตนาการ แนวความคิด เพ้อฝันที่เรามีใช้ได้เก็บรวบรวมไว้ อ้อ อย่าเพิ่งวาง ผลิตภัณฑ์ ตัวที่นั่งมองในข้อที่ 1.
อยู่นะดูซิว่าเราจะทำอะไรกับมัน เป็น Imagination ของเรา / เท่า่นั้นยังไม่พอ ให้พา ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ไป แชร์
ความคิดกับผู้อื่นด้วย ใครก็ได้ แต่ถ้าเป็น ผู้อยู่ในวงค์การ หรือ ผู้ที่ใช้ ผลิตภัณฑ์ตัวนี้อยู่ได้ยิ่งดี อย่าลืมนะ
ใครก็ได้ เพื่อจะได้ ความคิดร่วม แบบชนิดแตกฉานอันนี้สำคัญ เมื่องไทย สอนให้คิดเอง (นั่งเทียน) แถม ขู่
เด็กอีกว่าจะให้ F ถ้าครูรู้ว่าไปเอา Idea ของคนอืนมา( ผมโดนมาแล้ว) ทำให้เด็กไทย พูด แชร์ ความคิด
กับผู้อื่นไม่เป็น Present งานไม่เป็น ผลงานส่งครูเลย เป็น Pure ความรู้ ความเข้าใจ ระหว่างชาตินี้+ชาติที่
แล้ว( บ่นไปงั้นเดี๋ยวนี้คงเปลียนไปแล้วมั้ง ) ตรงนี้เขาเรียกว่าเปิดกว้างทางความคิด เป็น Co -operative
thinking ผลจากการ กระทำดังกล่าวข้างบน เราจะได้ Big Idea ไอ้ที่เราคิดไว้เดิมเริ่มต้นนั้น อาจจะกระจอก
มาก นี้แหละที่นักคิดควรฝึกตน ให้เป็นคนใจกว้าง ฯลฯ ผลอื่น ๆจะตามมา จะเกิด Innovation หรือ Innovative
Idea ขึ้นมา และ เกิด ขบวนการ Invention ได้อีก( สิ่งประดิษฐ์ ) (นวัตกรรม ) พอจะเขียนเป็นแผนภูมิได้ดังนี้
ยังไม่ได้ design เลยนะ คุณนี้ เพียงฝึกตนเป็นนักคิดก่อน คิดอย่างเป็นระบบ ไม่ได้ นั่งเทียน หรือ แค่ฝันๆ
เท่านั้น เอาจริง . going to be a designer.