14 พฤษภาคม 2567, 17:03:14
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 68 69 [70] 71 72 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3256100 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 6 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1725 เมื่อ: 31 มีนาคม 2554, 23:54:03 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 30 มีนาคม 2554, 11:15:15
เป็นอันว่าอาทิตย์นี้พี่สิงห์ไม่สามารถไปนครศรีธรรมราชได้ สนามบินปิด ไม่สะดวกด้วยประการทั้งปวง ใช้คุยกันทางโทรศัพย์แทน
ไปก็ทำอะไรไม่ได้ เป็นการเพิ่มภาระให้ลูกน้องตัวเองอีกมาก เลยตัดสินใจอยู่กรุงเทพฯ
ปรึกษา หารือกัน ทางโทรศัพท์แทน ครับ

สนามบินยังไม่เปิดครับ ฝนน้อยลงก็จริง แต่ดินอุ้มน้ำไว้เกิดปริมาณและความสามารถทำให้ดินโคลนถล่มได้ทุกจุด

สั่งและปรึกษางานทางโทรศัพท์ก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วครับ สำหรับสถานการณ์แบบนี้
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1726 เมื่อ: 01 เมษายน 2554, 11:41:28 »

พี่สิงห์

นสพ ฐานเศรษฐกิจ ออนไลน์ ประเมินความเสียหายในภัยพิบัติครั้งนี้

ภาคใต้ รง.เจ๊ง-เกษตรล่ม ประกันภัยพืชผลแค่ราคาคุย   
ข่าวหน้า1 - Big Stories 
โดย กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ     
วันพุธที่ 30 มีนาคม 2011 เวลา 10:09 น. 


     7 จังหวัดภาคใต้อ่วมอีกครั้งหลังเผชิญอุทกภัย  กระทรวงเกษตรฯระบุพื้นที่เกษตรจมน้ำกว่า 7 แสนไร่  กระทบปาล์มน้ำมันขาดช่วงไม่มีป้อนโรงงาน  ภาคอุตสาหกรรมไม่น้อยหน้าคาดที่นครศรีธรรมราชโรงงานเจ๊งแล้ว 300 ล้านบาท  ร้องโครงการประกันภัยพืชผล 8 หมื่นล้านบาทไม่คืบหน้าแค่ราคาคุย  บริษัทประกันชี้ความเสี่ยงสูงและเบี้ยต่ำ  ฝ่ายคลังขอเวลาทำการบ้านให้ทันรับประกันข้าวนาปี
ภาคเกษตรพัง 7 แสนไร่
     ส่วนป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยธรรมชาติ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สรุปสถานการณ์ฝนตกหนักติดต่อกันหลายวันจนเกิดอุทกภัยในภาคใต้ว่า  ณ วันที่  29  มีนาคม มีจังหวัดที่ประสบภัย 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี ตรัง ชุมพร สงขลา และกระบี่  ด้านเกษตรกรรมมีเกษตรกรได้รับผลกระทบ 111,827 ราย พื้นที่การเกษตรประสบภัย 732,655 ไร่ แบ่งเป็น ข้าว 248,899 ไร่ พืชไร่ 38,245 ไร่ พืชสวนและอื่นๆ 445,511 ไร่ สำหรับยางพารา ประมาณการพื้นที่คาดว่าจะเสียหายจากดินโคลนถล่มไม่เกิน 50,000 ไร่ เนื่องจากสถานการณ์อุทกภัยครั้งนี้จะลดลงได้อย่างรวดเร็วจะไม่ทำให้ต้นยางพาราที่มีอายุมากไม่เสียหาย
     ด้านปศุสัตว์ เกษตรกรได้รับผลกระทบ 48,759 ราย  สัตว์ที่ได้รับผลกระทบ 1,915,077 ตัว แบ่งเป็น โค - กระบือ 99,126 ตัว สุกร 112,429 ตัว แพะ 10,977 ตัว สัตว์ปีก 1,692,545 ตัว แปลงหญ้า 4,207 ไร่ ด้านประมง เกษตรกรได้รับผลกระทบ  6,082 ราย พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์ประสบภัย 7,409 บ่อ คิดเป็นพื้นที่ 10,018 ไร่ และ 1,130 กระชัง คิดเป็นพื้นที่ 20,976 ตารางเมตร
     นายวิศาล จันทิพย์ ผู้จัดการชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ กล่าวว่าปกติสหกรณ์จะรับซื้อผลปาล์มดิบจากเกษตรกร วันละ 1,200-1,300 ตัน  ซึ่งจะสกัดเป็นน้ำมันปาล์มดิบได้วันละ 200 ตัน แต่ปรากฏว่า 2-3 วันที่ผ่านมาเกิดภาวะน้ำท่วมจังหวัดกระบี่เกษตรกรไม่สามารถเก็บผลปาล์มซึ่งอยู่ในช่วงเก็บเกี่ยวได้ ทำให้ผลปาล์มเข้าโรงงานได้น้อยลง วันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมาไม่มีผลปาล์มเข้าสู่โรงงานแม้แต่ทะลายเดียว เพราะฝนตกตลอดทั้งวันเกษตรกรออกไปเก็บเกี่ยวไม่ได้ ส่วนจังหวัดอื่นๆ ที่เป็นแหล่งปลูกปาล์มประสบปัญหาเหมือนกันหมด
     นายเอกพจน์ ยอดพินิจ ประธานชมรมผู้เลี้ยงกุ้งจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า น้ำท่วมครั้งนี้ถือว่ารุนแรงสุดในรอบ 50 ปี เฉพาะจังหวัดสุราษฎร์ธานี ขณะนี้มีบ่อกุ้งที่ได้รับความเสียหายอย่างสิ้นเชิงแล้ว 602 บ่อ หรือคิดเป็นพื้นที่ 3,000 ไร่ มูลค่าความเสียหายเบื้องต้น 425 ล้านบาท  พื้นที่ดังกล่าวคือพื้นที่เสียหายสิ้นเชิง แต่ยังมีพื้นที่ที่ประสบน้ำท่วม ไฟฟ้าดับ อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งภาครัฐจะต้องเร่งเข้ามาช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เพราะผลกระทบไม่เพียงผู้เลี้ยงกุ้งเท่านั้น ยังกระทบไปถึงห้องเย็น ผู้ส่งออกที่จะไม่มีวัตถุดิบส่งมอบลูกค้า   
อุตสาหกรรมอ่วม 300 ล้าน
     นางสุทธินีย์ พู่ผกา ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้สรุปผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ โดยเฉพาะจังหวัดนครศรีธรรมราชที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดและได้ประเมินความเสียหายเฉพาะจังหวัดนครศรีธรรมราชไว้ที่ 300 ล้านบาท  พื้นที่เกษตรได้รับความเสียหายถึง 150,000 ไร่ ส่งผลให้อุตสาหกรรมผักและผลไม้บรรจุกระป๋อง อุตสาหกรรมการสกัดน้ำมันปาล์ม น้ำมันปาล์มดิบ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับยางพาราได้รับผลกระทบตามไปด้วย ขณะเดียวกันยังพบว่าเครื่องจักร ผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบในโรงงานได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมด้วย โดยเฉพาะโรงงานยางพารา และโรงสีข้าว
     นอกจากนี้ ยังมีสถานที่สำคัญหลายแห่งได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมและดินถล่ม ได้แก่ สนามบินนครศรีธรรมราช ทำให้ต้องประกาศปิดสนามบินชั่วคราว โรงพยาบาลท่าศาลาได้รับความเสียหายอย่างหนัก และมีโรงเรียนถูกน้ำท่วม 229 แห่ง ขณะที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) ต้องงดจ่ายกระแสไฟฟ้า เส้นทางการคมนาคมมีน้ำท่วมขังกว่า 300 เส้นทาง รถเล็กสัญจรไปมาไม่ได้หลายพื้นที่ รวมถึงสะพานขาดในอำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช และ อำเภอกาญจนดิษฐ์  จังหวัดสุราษฎร์ธานี
     ด้าน นางวานิช พันธุ์พิพัฒน์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า เบื้องต้นมีผู้ประกอบการอุตสาหกรรมในพื้นที่ อำเภอปากพนัง และ อำเภอท่าศาลา ซึ่งประสบปัญหาน้ำท่วมหนักและได้รับความเสียหายแล้วประมาณ 20 ราย ส่วนใหญ่เป็นโรงงานปลาป่น โรงงานน้ำแข็ง และห้องเย็น แต่ยังไม่สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายได้ คาดว่าจะต้องปิดโรงงานเป็นเวลา 4-5 วันเป็นอย่างน้อย ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศว่าฝนจะหยุดหรือไม่ แต่จนถึงวันที่ 29 มีนาคม 2554 ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมายังคงมีฝนตกต่อเนื่องเป็นเวลานานกว่า 1 สัปดาห์แล้ว 
     ในส่วนของเส้นทางคมนาคมหลักระหว่างสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และพัทลุง แม้ว่าจะเดินทางลำบากแต่ยังพอใช้การได้ จึงยังไม่มีปัญหาเรื่องการขนส่งวัตถุดิบมากเท่าเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อปลายปี 2553 ที่ผ่านมา ประกอบกับช่วงนี้โรงงานแปรรูปยางพาราและปาล์มน้ำมันไม่ได้มีกำลังการผลิตสูง เพราะยังไม่ใช่ฤดูการผลิต จึงไม่กระทบมากนัก อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามสถานการณ์น้ำท่วมว่าจะยาวนานมากน้อยเพียงใด หากท่วมไม่เกินเดือน เชื่อว่าปาล์มขนาดใหญ่คงไม่ได้รับผลกระทบมาก และสามารถมีผลผลิตป้อนเข้าสู่โรงงานในเดือนพฤษภาคมได้
 ท่องเที่ยวกระทบหนัก
      นายภาณุ วรมิตร ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสุราษฎร์ธานี เผยว่า การเกิดอุทกภัยน้ำท่วมใน จ.สุราษฎร์ธานีที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของเกาะสมุยอย่างมากและมีการยกเลิกเที่ยวบินและการเดินเรือ  โดยบางกอกแอร์แวย์ส มีการยกเลิก 36 เที่ยวบินต่อวัน รวมถึงเรือที่ให้บริการสู่เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่ายังมีการยกเลิกด้วย ขณะเดียวกันยอดการจองห้องพักล่วงหน้าในสมุยและสุราษฎร์ธานีราว 20-30% มีการยกเลิกการเดินทาง ส่งผลให้อัตราการเข้าพักเฉลี่ยในสมุยและสุราษฎร์ธานีมีราว 30-50% โดยททท.อยู่ระหว่างการประเมินรายได้ที่สูญเสียไป
   "เบื้องต้น สมุย พะงัน และเกาะเต่าจะได้รับผลกระทบมาก กว่าบนแผ่นดินใหญ่ เนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทาง ขณะที่การท่องเที่ยวในสุราษฎร์ธานีจะเป็นกลุ่มประชุมสัมมนาหรือไมซ์ ซึ่งจะเร่งฟื้นฟูให้กลับสู่สภาพเดิมเร็วที่สุดเน้นการจัดอีเวนต์ในสมุยเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว"
     นายเรืองนาม ใจกว้าง นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ฝั่งตะวันออก เผยว่าขณะนี้มีนักท่องเที่ยวติดค้างอยู่บนเกาะสมุย  เกาะเต่า เกาะพะงัน ราว 3,500 คน และคาดว่าน่าจะเป็นผลกระทบระยะสั้นเท่านั้นคาดใน 3-4 วันสถานการณ์น่าจะดีขึ้น และอยู่ระหว่างการประเมินผลกระทบ
     ขณะที่  สายการบินบางกอก แอร์เวย์ส แจ้งว่าขณะนี้มีผู้โดยสารตกค้างอยู่สนามบินเกาะสมุยประมาณ 2,000 คน เนื่องจากยังไม่สามารถเปิดเส้นทางบินได้ตั้งแต่วันที่ 29-30 มีนาคม นอกจากนี้ยังมีผู้โดยสารอีกร่วม 800 คนที่ต้องการเดินทางจากกรุงเทพฯไปยังเกาะสมุย ยังไม่สามารถเดินทางได้เช่นกัน
     โดยบางกอกแอร์เวย์สมีจำนวนเที่ยวบินเข้า-ออก เกาะสมุย  วันละประมาณ 54 เที่ยวบิน หรือ 1,500 คน  และได้ประสานกับภาครัฐตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ และใช้สุราษฎร์ธานีเป็นศูนย์กลางในการกระจายความช่วยเหลือต่าง ๆ ในเบื้องต้นเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ บริจาคเงิน 10 ล้านบาทและยังส่งเฮลิคอปเตอร์ไปประจำที่สนามบินสุราษฎร์เพื่อช่วยขนส่งสิ่งของบริจาคเข้าพื้นที่ และขนย้ายผู้ป่วยหนักด้วย
     ขณะที่นายสมชาย จันทร์รอด อธิบดีกรมการบินพลเรือน (บพ.) ว่าขณะนี้แม้น้ำท่วมท่าอากาศยานนครศรีธรรมราชมีน้ำท่วมเข้าไปในทางวิ่งจะลดลงแล้ว แต่ระบบไฟฟ้าสนามบินใช้งานไม่ได้คาดว่าจะใช้เวลา 3-5 วันเพื่อตรวจสอบความพร้อมและ เพื่อลดผลกระทบแก่ผู้โดยสารที่มีความจำเป็นเร่งด่วนได้มีการประสานให้ 3 สายการบิน คือ สายการบินนกแอร์เพิ่มเที่ยวบิน กรุงเทพฯ - ตรัง, โอเรียนท์ไทย เพิ่มเที่ยวบินกรุงเทพฯ - กระบี่

 รถไฟเสียหาย 8 จังหวัด
     นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม  เปิดเผย"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ล่าสุดจากการรายงานความเสียหายกรณีน้ำท่วมพื้นที่ภาคใต้ของไทยพบว่า จากการตรวจสอบจากการรถไฟแห่งประเทศไทย กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบทพบว่า มี 8 จังหวัดได้รับความเสียหายแล้ว โดยมีถนนของกรมทางหลวงถูกน้ำท่วมประมาณ 41 สายทาง ส่วนถนนกรมทางหลวงชนบทถูกน้ำท่วมแล้วกว่า 64 สายทาง ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ 47 สายทาง
 ด้านนายวีระ เรืองสุขศรีวงศ์ อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวว่า มีถนนทางหลวงในพื้นที่จังหวัดตรัง ระนอง ชุมพร และสุราษฎร์ ได้รับความเสียหาย 41 สายทาง ขณะนี้เริ่มสัญจรได้แล้ว 32 สาย อีก 9 สายสัญจรไม่ได้ พบความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 300 ล้านบาท 

 ประกันภัยพืชผลไม่คืบ
     แหล่งข่าวกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยความคืบหน้าการตั้ง "กองทุน" เพื่อดำเนินการประกันภัยพืชผลว่า ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน เพราะเป็นเรื่องใหม่ และต้องใช้เงินจำนวนมาก  ที่มาของแหล่งเงินยังไม่ชัด  อย่างไรก็ดีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไม่ได้ขัดข้องหากจะให้กระทรวงดูแลกองทุน แต่ทั้งนี้คิดว่ากว่าจะเกิดขึ้นได้คงต้องใช้ระยะเวลาอีกยาวนาน โดยมีจุดที่ต้องพิจารณาคือ 1.ที่มาของแหล่งเงิน รวมถึงวิธีบริหารเงินกองทุน 2.หลักเกณฑ์การประเมินความเสียหายจากภัยธรรมชาติ 3.เบี้ยประกันภัยที่เกษตรกรต้องจ่าย
     ทั้งนี้คณะกรรมการพิจารณากรอบประกันภัยพืชผลที่มีนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจเป็นประธาน  มีแนวคิดให้จ่ายสินไหมทดแทนแก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวในโครงการรับประกันภัยข้าวนาปีประจำปี 2554 กรณีที่ได้รับความเสียหายทั้งจำนวน 100% จากภัยน้ำท่วม ภัยแล้งและภัยศัตรูพืชในอัตราไร่ละ  2,000 บาท  โดยคิดเบี้ยประกันภัยไร่ละ 140 บาท แบ่งจ่ายโดยเกษตรกรไร่ละ 50 บาท ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.)ไร่ละ 50 บาท และรัฐบาลอุดหนุนอีกไร่ละ 40 บาทนั้น

วินาศภัยไม่อยากเสี่ยง
      "ฐานเศรษฐกิจ"ได้สำรวจความเห็นไปยังสมาคมประกันวินาศภัย ตั้งข้อสังเกตว่า แนวทางประกันภัยพืชผลนั้นคิดเป็นทุนประกันทั้งหมดประมาณ 80,000 ล้านบาท โดยมองว่าบริษัทประกันภัยมีความสามารถจำกัดทั้งศักยภาพในการรับประกันไม่เกิน 5% ที่เหลือต้องกระจายภัยให้บริษัทประกันภัยต่อต่างประเทศ(รีอินชัวเรอร์)อีกทั้งสถิติการรับประกันภัยข้าวยังมีน้อย และยอมรับว่าเบี้ยประกันภัยที่อัตรา 140 บาทต่อไร่นั้นเมื่อเทียบกับวงเงินสินไหมถือว่าน้อย ดังนั้นต้องศึกษาความเป็นไปได้ไม่ว่าเรื่องกำหนดเบี้ยประกันภัย  ค่าความเสี่ยงที่สูงมากและบริษัทประกันภัยที่จะสมัครใจเข้าร่วม ประกอบกับระยะเวลาที่ตัดสินใจค่อนข้างกระชั้นชิด
      นายถนัด  จีรชัยไพศาล ผู้อำนวยการสมาคมประกันวินาศภัยกล่าวว่า ต้องมีการปรับเบี้ยและกำหนดวงเงินทุนประกันใหม่อีกครั้ง โดยต้องนำค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงมาคำนวณเพิ่มเติม เช่นต้นทุนของผู้สำรวจภัย หากความเสียหายมากต้นทุนส่วนนี้จะสูงตามไปด้วย รวมถึงเกษตรกรได้เสนอความต้องการเข้ามาให้เพิ่มความคุ้มครองภัยจากแมลง อาทิ หอยเชอร์รี่ และเพลี้ยกระโดด
     "หากทำสำเร็จจะเป็นเรื่องที่ดีมากต่อเกษตรกรที่จะมีความคุ้มครอง เพราะไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมและมีความเสี่ยงภัยที่เกิดความเสียหายสูง ในอนาคตต้องการให้พัฒนาความคุ้มครองไปยังพืชผลอื่นๆ ด้วย เช่น ลิ้นจี่ มันสำปะหลังและลำไย ด้วยการใช้ดัชนีความชื้นหรืออุณหภูมิเช่นต่างประเทศ แต่คงต้องมีผู้เชี่ยวชาญมากำหนดค่าความเสี่ยงภัยที่ใช้คำนวณเบี้ยและความคุ้มครอง
     ด้านความคืบหน้าของรัฐบาลที่ต้องการสนับสนุนการรับประกันภัยข้าวนั้น  นางเดือนเด่น ชื่นจิตต์ศิริ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สมโพธิ์ เจแปน ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด  กล่าวว่า ทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ได้ดำเนินทำแผนบูรณาการวาระแห่งชาติไปแล้ว  รอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณา ในลักษณะงบประมาณอุดหนุนเบี้ยประกันภัย
 นายบุญช่วย เจียดำรงค์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธ.ก.ส.กล่าวว่า ทางคณะทำงานยังมีโจทย์ที่ต้องศึกษาต่อ ในแง่ของการออกแบบการรับประกันภัยทั้งหมดแบบบูรณาการในลักษณะแพ็กเกจ  ซึ่งรัฐบาลกำลังพิจารณาความเป็นไปได้  ในการที่จะนำเรื่องของการประกันรายได้ (ประกันราคา) ที่รัฐบาลดำเนินการอยู่แล้ว รวมเข้ากับประกันภัยพืชผลซึ่งประเมินทั้งต้นทุนทางตรงและทางอ้อมบวกกำไรและรายได้จากการปลูกพืชแต่ละประเภท เพื่อสร้างเครื่องมือที่เป็นนวัตกรรมของการรับประกันคุ้มครองความเสี่ยงของเกษตรกร ทั้งนี้จึงต้องวางแนวทางและรูปแบบการประกันภัยพืชผลให้ชัดเจน กะทัดรัดและเกษตรกรเข้าใจง่ายด้วย

สศค.ขอเวลาศึกษา
     ด้านความคืบหน้าแนวคิดจัดตั้งกองทุนนั้น ดร.นริศ ชัยสูตร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)กล่าวกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่า  ขณะนี้กำลังศึกษาและปรับปรุงระเบียบกองทุนร่วมบรรเทาความเสียหายทางการเกษตร พ.ศ. 2539 ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อทำหน้าที่เป็นช่องทางในการรับเงินสมทบจากเกษตรกรผู้ประสงค์จะเอาประกันภัย และจ่ายเงินชดเชยแก่เกษตรกรที่เอาประกันภัยเมื่อได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติต่างๆ
 กองทุนข้างต้นจะนำมาดำเนินการรับประกันภัยสำหรับข้าวนาปีทั่วประเทศในปีการเพาะปลูก 2554 แหล่งเงินสมทบของกองทุนจะมาจาก 3 แหล่ง คือเกษตรกร รัฐบาล และ ธ.ก.ส. ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาระดับเงินสมทบที่เหมาะสม และกองทุนสามารถนำเงินสมทบดังกล่าวไปบริหารจัดการต่อ ซึ่งรวมถึงการซื้อประกันภัยกับบริษัทประกันภัยได้  ทั้งนี้ เป้าหมายของกองทุนและยุทธศาสตร์ในการประกันภัยพืชผล คือ สามารถรับประกันภัยสำหรับข้าวนาปีได้ในฤดูการเพาะปลูก 2554 ดังนั้น สศค. จะนำเสนอยุทธศาสตร์ชาติฯ และแนวทางการรับประกันภัยต่อคณะรัฐมนตรีผ่าน คณะกรรมการพิจารณากรอบแนวทางการประกันภัยพืชผล ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) เป็นประธานได้ภายในเดือนพฤษภาคม 2554 เพื่อให้ทันต่อฤดูการเพาะปลูกของเกษตรกร
     ต่อประเด็นที่สมาคมวินาศภัยระบุว่า บริษัทประกันภัยของไทยยังมีศักยภาพจำกัดในการรับประกันนั้นโดยต้องทาบทามให้ค่ายประกันภัยต่อต่างประเทศเข้ามารับความเสี่ยงส่วนใหญ่นั้น สศค. มีการประสานความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับสมาคมประกันวินาศภัยมาโดยตลอด และทราบถึงข้อจำกัดดังกล่าว  นอกจากนี้ ยังมีบริษัทประกันภัยต่างประเทศบางส่วนให้ความสนใจในการเข้ามารับความเสี่ยงโดยได้เข้ามาหารือและขอข้อมูลสถิติพื้นฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการตัดสินใจต่อไป

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,622 
31 มีนาคม - 2 เมษายน พ.ศ. 2554
 

http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=61249:2011-03-30-03-15-43&catid=89:2009-02-08-11-24-05&Itemid=417
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #1727 เมื่อ: 01 เมษายน 2554, 13:54:16 »

สวัสดีครับ คุณเหยง และชาวซีมะโด่งที่รักทุกท่าน
                         เมื่อวันพุธที่ 30 มีนาคม สูบน้ำออกจากโรงงานเรียนบร้อยแล้ว แห้งคนงานสามารถกลับบ้านพักได้ แต่เย็นวันพฤหัสบดีวันที่ 31 มีนาคม ฝนตกทั้งวันทั้งคืน ผลคือ โรงงานน้ำกลับมาท้วมเท่าเดิมอีกครั้ง ต้องอพยพคนงานไปอยู่ตึกแถวและบนรถอีกครั้งครับ
                         ปีนี้เจอหนักจริงๆ ครับ น้ำมันมาแบบไม่ให้ตั้งตัวอีกครั้ง ทั้งๆ ที่เราเฝ้าระวัง แต่มันมาปริมาณมาก ล้นถนน ซ้ำสองครับ กรรมจริงๆ หมดตัวกันแน่นอน อยู่ที่ใครจะทำใจ ปลงตก ปล่อยวาง ทำใจให้เป็นปกติ ค่อยๆ แก้ไขกันไป พี่สิงห์ไปไหนไม่ได้ต้องอยู่กรุงเทพฯ คอยรับทราบเหตุการณ์ สนามบินนครศรีธรรมราชยังปิดต่อเนื่องครับ
                         สวัสดี



      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1728 เมื่อ: 01 เมษายน 2554, 16:35:53 »

ในรูปของบริษัท ต้องตั้งค่าใช้จ่าย-ค่าเสียหายไว้ แล้วค่อยทะยอยหักจากรายได้ที่จะรับเข้ามา

แต่ก็เหนื่อยพอดู, หากไม่ใช่บริษัทหรือห้างฯ ก็หมดสิทธิตั้งค่าใช้จ่าย-ค่าเสียหายเช่นกัน
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #1729 เมื่อ: 02 เมษายน 2554, 10:06:26 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 30 มีนาคม 2554, 09:25:33
อ้างถึง
ข้อความของ เอมอร 2515 เมื่อ 28 มีนาคม 2554, 21:47:46
สวัสดีค่ะพี่สิงห์
ไปพักฟื้นที่บ้านต่างจังหวัดหลายวัน
ไม่ได้เข้ามาเยี่ยมเยียน
 มาสวัสดีก่อนคะ

สวัสดีค่ะ คุณน้องเอมอร ที่รัก
                   เธอไปต่างจังหวัด พี่สิงห์ก็ดีใจด้วย แสดงว่ากระดูกติดเรียบร้อยดีแล้วสามารถปไไหนได้ปกติแล้ว จะได้เปลี่ยนสถานที่ จะเป็นผลดีต่อจิตใจ ที่ต้องอยู่ที่เดิมมานานเป็นเดือน ๆ แต่อย่างไรขอให้ดูกายตัวเองด้วยปัญญา อย่าทำตามที่ใจคิดเด้ดขาด เธอสามารถดูกาย-ดูใจ ของเธอได้ด้วยปัญญา "ว่าควร-ไม่ควร" ต้องให้หายด้วยธรรมชาติอย่างแท้จริง อย่ารีบร้อนเหมือนนักฟุตบอลอาชีพ เจ็บซ้ำๆซากๆ เพราะความโลภแห่งจิต ครับ
                    สวัสดี
สวัสดีค่ะ พี่สิงห์
  งานพี่สิงห์ตอนนี้ คงมีปัญหาให้ต้องสะสางมากนะคะ เห็นรูปแล้วเหนื่อยแทนค่ะ
ค่อยทำค่อยไป  และปล่อยวางในสิ่งที่เราทำดีที่สุดแล้ว ตามที่พี่สิงห์บอก ก็จะทำให้ทุกข์น้อยนะคะ
เห็นข่าวน้ำท่วมแล้ว เห็นใจชาวใต้มากๆ
ที่ทำงาน มีsite งานออกโฉนดที่ดินเคลื่อนที่ในแต่ละจังหวัดครบทั้ง ๘ จังหวัด เหมือนกันค่ะ
ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร บ้าง สมัยที่น้ำท่วมชุมพร เมื่อหลายปีมาแล้ว ต้องขนโฉนดที่ดินหนีน้ำกันอุตลุตค่ะ
 สำหรับการป่วย พี่สิงห์พูดเหมือนตาเห็น
เป็นยิ่งกว่านักฟุตบอลอาชีพอีก เพราะพอหมอบอกว่าให้หัดเดินได้ ทำทันที
และทำมากด้วย เพราะขาไม่มีกำลังค่ะ ก็พยายาม
คราวนี้มาเป็นแถว ปวดแขน ปวดไหล่ เพราะต้องกดที่ไม้เท้าในการพยุงตัว
แล้วเหนื่อยมาก เดินแล้วนอน เหมือนเด็กๆ เลย
พักนี้ เลยมีแต่เดิน แล้วนอนสลับกันค่ะ
อาทิตย์หน้าจะไปทำงานแล้วคะ เลยต้องพยายามเดินให้ได้ค่ะ
ขอบคุณที่ให้กำลังใจมาตลอดค่ะ
      บันทึกการเข้า
supanee
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 605

« ตอบ #1730 เมื่อ: 02 เมษายน 2554, 12:02:31 »

น้องอร จะไปทำงานแล้วหรือ ยินดีด้วยนะคะ ขับรถไปเองได้แล้วยัง ?
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #1731 เมื่อ: 02 เมษายน 2554, 12:26:08 »

อ้างถึง
ข้อความของ supanee เมื่อ 02 เมษายน 2554, 12:02:31
น้องอร จะไปทำงานแล้วหรือ ยินดีด้วยนะคะ ขับรถไปเองได้แล้วยัง ?
ขอบคุณค่ะ สำหรับกำลังใจค่ะ พี่อี๊ด
นั่งแท็กซี่ค่ะ
ยังงอกแงกอยู่ค่ะ แต่ก็ดีใจที่ได้ไปทำงานเสียที อยู่บ้านเกือบ ๕ เดือนแล้ว
สมองไม่แล่นแล้วค่ะ
พี่อี๊ดสบายดี นะคะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #1732 เมื่อ: 02 เมษายน 2554, 12:36:45 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องเอมอร ที่รัก
                         พี่สิงห์ยินดีด้วยที่เธอจะไปทำงานแล้ว แต่อย่าลืมให้มีสติในทุกอิริยาบถ โดยเฉพาะการเดินแต่ละก้าว ถ้ามีสติเราจะไม่พลาดในการเดิม คือหกล้ม อย่าส่งจิตออกนอก คือคิดเรื่อยเปื่อย จะทำให้เราล้มได้  ไปทำงานก็ดี แต่ขอให้ดูกาย-ดูใจ แล้วจะทราบความต้องการของร่างกายที่แท้จริง
                         พี่สิงห์อยู่กรุงเทพฯ สบายดี มีเวลาว่างทำอะไรได้หลายอย่าง ไม่ได้ไปเครียดกับน้ำท้วมมันเลย เพราะพี่สิงห์ทำอะไรไม่ได้ ปล่อยมันไปตามธรรมชาติ ท้วม ๆ ไป เราก็สูบให้แห้ง ท้วมอีก เราก็สูบให้แห้งอีก ตอนนี้สูบน้ำออกจากโรงงานหมดแล้ว ก็ทำความสะอาดใหม่ ถ้าฝนหยุดตก ก็เริ่มผลิตทันที เพราะคนงานต้องมีงานทำมิฉนั้นจะไม่มีกิน รวมทั้งพี่สิงห์ด้วยครับ และเรารู้ว่าปีนี้เราคงหมดตัว ต้องทำงานให้มาก เงินเดือนน้อยก็ต้องยอมกันเพื่อความอยู่รอดของบริษัท ครับ เราอาจจะมีโชคในปีหน้าก็ได้ครับ
                         สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #1733 เมื่อ: 02 เมษายน 2554, 13:11:39 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 02 เมษายน 2554, 12:36:45
สวัสดีค่ะ คุณน้องเอมอร ที่รัก
                         พี่สิงห์ยินดีด้วยที่เธอจะไปทำงานแล้ว แต่อย่าลืมให้มีสติในทุกอิริยาบถ โดยเฉพาะการเดินแต่ละก้าว ถ้ามีสติเราจะไม่พลาดในการเดิม คือหกล้ม อย่าส่งจิตออกนอก คือคิดเรื่อยเปื่อย จะทำให้เราล้มได้  ไปทำงานก็ดี แต่ขอให้ดูกาย-ดูใจ แล้วจะทราบความต้องการของร่างกายที่แท้จริง
                         พี่สิงห์อยู่กรุงเทพฯ สบายดี มีเวลาว่างทำอะไรได้หลายอย่าง ไม่ได้ไปเครียดกับน้ำท้วมมันเลย เพราะพี่สิงห์ทำอะไรไม่ได้ ปล่อยมันไปตามธรรมชาติ ท้วม ๆ ไป เราก็สูบให้แห้ง ท้วมอีก เราก็สูบให้แห้งอีก ตอนนี้สูบน้ำออกจากโรงงานหมดแล้ว ก็ทำความสะอาดใหม่ ถ้าฝนหยุดตก ก็เริ่มผลิตทันที เพราะคนงานต้องมีงานทำมิฉนั้นจะไม่มีกิน รวมทั้งพี่สิงห์ด้วยครับ และเรารู้ว่าปีนี้เราคงหมดตัว ต้องทำงานให้มาก เงินเดือนน้อยก็ต้องยอมกันเพื่อความอยู่รอดของบริษัท ครับ เราอาจจะมีโชคในปีหน้าก็ได้ครับ
                         สวัสดีครับ
สวัสดีค่ะ พี่สิงห์
  ชีวิต ก็เป็นอย่างนี้ ทุกข์เรื่องนั้นจบ เรื่องนี้ก็ตามมา
 เพียงแต่อย่านึกท้อเท่านั้น ก็ไม่ทุกข์มากค่ะ
  ทำให้ดีที่สุด แค่ไหน ก็แค่นั้นนะคะ
  ลดรายได้ลงแล้ว เชื่อว่าพี่ก็ยังคงอยู่ได้ดีกว่าอีกหลายๆคน
 สมัยปี ๔๐-๔๑ ช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ ผู้บริหารบริษัทจำนวนมากก็ต้องทำอย่างที่พี่จะทำ เพื่อให้บริษัทอยู่รอด
   อย่าท้อนะคะ สู้ๆค่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #1734 เมื่อ: 02 เมษายน 2554, 15:30:32 »




สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่งที่รักทุกท่าน
                          เดือนเมษายน นั้นพี่สิงห์มีเรื่องที่ต้องกระทำสามเรื่อง คือ
                          ๑. ทอดผ้าป่า ที่วัดพระนอน ตำบลทับยา อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ในวันที่ ๑๓ เมษายน และสังฆทานให้พ่อ อาบน้ำให้แม่ในหมู่พี่ๆ - น้องๆ - หลานๆ - เหลน ๆ เป็นประเพณีทุกปี ถือเป็นวันพบญาติ ประจำปี
                          ๒. ต้องไปแข่งขันกอล์ฟอาชีพ ที่สนามโวยาจพานอรามา อำเภอสี่คิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ในวันที่ 18-21 เมษายน โดยลงแข่งขันทั้งประเภท Super Senior ( อายุ ๖๐ ปีขึ้นไป) และ Senior (อายุ ๕๐ ปีขึ้นไป) ในประเภท Super Senior นั้นคงมีหวังได้รับเงินรางวัลแน่นอน จะมาก จะน้อยขึ้นอยู่วันแข่งขัน
                          ๓. วันพุธที่ ๒๗ เมษายน เป็นวันรดน้ำดำหัวประจำปีของพวกเราชาวซีมะโด่ง ที่หอพัก และคุณวัฒนา  ประธานชมรมฯ เชิยพี่สิงห์ไปพุดเรื่อง สาระดี ๆ จากพี่สิงห์ ครับ
                          จึงแจ้งให้พวกเราทราบ นอกนั้น ไม่มีอะไร? ครับ
                          สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #1735 เมื่อ: 04 เมษายน 2554, 11:06:40 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่งที่รัก
                         พี่สิงห์เข้ามาตรวจสอบดูว่า มีใครอยากคุยกับพี่สิงห์บ้าง ปรากฎว่าไม่มี พี่สิงห์ก็ไม่รู้จะคุยอะไร? เหมือนกัน เพราะไม่ได้ติดต่ออะไรกับใคร? หรือไปทำกิจกรรมอะไร?มา เป็นพิเศษ เลยไม่รู้จะรายงานอะไร?
                         การอยู่กับปัจจุบันนั้น มันไม่มีเรื่องอะไร? มากอยู่แล้ว ยิ่งไม่ได้สังสรรค์กับใคร? มีแต่เรื่องของตัวเองอย่างเดียว ซึ่งมีแต่สิ่งว่างเปล่า ไม่คิดอะไร? ไม่มีเรื่องต้องกังวลทั้งสิ้น อดีตก็ไม่เอาทั้งสิ้น จึงบอกไม่ถูกว่า จะเอาอะไรมาคุย ครับ
                         ใครอยากให้พี่สิงห์ทำอะไร? ก็บอกมาเลย ยินดีทำให้เสมอ
                         สวัสดี
      บันทึกการเข้า
มีนา
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2515
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 1,865

« ตอบ #1736 เมื่อ: 04 เมษายน 2554, 12:44:41 »

.....สวัสดีค่ะพี่สิงห์.......มาคุยเรื่องจังหวัดสิงห์บุรี  พี่มีเรื่องราวเล่าให้ฟังบ้างนะคะ
เคยไปเยี่ยมเยือนผู้ว่าหมู (ประภาส) พาเที่ยวศาลากลางเก่าที่กรมศิลป์ฯขึ้นทะเบียนอนุรักษ์
สวยงามตามรูปด้านล่างค่ะ  ที่ชลฯมีอาคารรูปร่างลักษณะนี้เหมือนกัน
ปัจจุบันน่าจะเป็นที่ทำการเทศบาลเมืองฯ     เอ ... งง งง  หรือเป็นพิพิธภัณฑ์ฯ
ต้องแวะไปดูและถ่ายรูปเก็บไว้ซะแล้วค่ะ

 
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #1737 เมื่อ: 04 เมษายน 2554, 13:01:02 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 04 เมษายน 2554, 11:06:40
สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่งที่รัก
                         พี่สิงห์เข้ามาตรวจสอบดูว่า มีใครอยากคุยกับพี่สิงห์บ้าง ปรากฎว่าไม่มี พี่สิงห์ก็ไม่รู้จะคุยอะไร? เหมือนกัน เพราะไม่ได้ติดต่ออะไรกับใคร? หรือไปทำกิจกรรมอะไร?มา เป็นพิเศษ เลยไม่รู้จะรายงานอะไร?
                         การอยู่กับปัจจุบันนั้น มันไม่มีเรื่องอะไร? มากอยู่แล้ว ยิ่งไม่ได้สังสรรค์กับใคร? มีแต่เรื่องของตัวเองอย่างเดียว ซึ่งมีแต่สิ่งว่างเปล่า ไม่คิดอะไร? ไม่มีเรื่องต้องกังวลทั้งสิ้น อดีตก็ไม่เอาทั้งสิ้น จึงบอกไม่ถูกว่า จะเอาอะไรมาคุย ครับ
                         ใครอยากให้พี่สิงห์ทำอะไร? ก็บอกมาเลย ยินดีทำให้เสมอ
                         สวัสดี
สวัสดีค่ะ พี่สิงห์
เห็นพีสิงห์ เล่า เรื่องกอล์ฟ เข้ามาอ่านค่ะ เห็นยังไม่ได้เขียนต่อ
ก็เลยไม่ได้เขียน
รอพี่สิงห์เล่าเรื่องไปจัดกอล์ฟให้คณะฯค่ะ
เป็นอย่างไรบ้าง คะ
เปลี่ยนเรื่องน้ำท่วมจะได้ไม่คิดเรื่องน้ำท่วมมากค่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #1738 เมื่อ: 05 เมษายน 2554, 09:11:32 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องเอมอร ที่รัก
                         พี่สิงหืหวังว่าเธอคงไปทำงานเรียบร้อยแล้วนะครับ ถ้าอยากใช้บริการจากพี่สิงห์ในเรื่องยืดเหยียดกล้ามเนื้อ โยคะ และ Tai Chi ทำบางท่าที่ไม่กระทบกับกระดูกเป็นการเสริมกล้ามเนื้อ ให้แข็งแรง
                         สำหรับน้ำท้วมที่นครศรีธรรมราชนั้น พี่สิงห์ไม่ได้กังวล หรือวิตกอะไรทั้งนั้น เพราะมันเป็นอดีตที่ผ่านไปแล้ว และเป็นเรื่องธรรมชาติ พี่่สงห์ได้แต่สั่งการให้ลูกน้องเก็บกวาดโรงงาน ซึ่งเสร็จแล้ว วันนี้คงเริ่มดำเนินการผลิตได้ ส่วนสำนักงานต้องทำพื้น และทาสีใหม่ทั้งหมด ตอนนี้ทราบว่าสายการบิน Nok Air เปิดบินอย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อวานมีการทดสอบ Run Way แล้ว ดังนั้น วันที่ 7 เมษายน Boarding 08:00 น. พี่สิงห์คงเดินทางไปทำงานที่นครศรีธรรมราชได้ ตามปกติ ครับ
                         เท่าที่สอบถามดู ไม่มีหน่วยงานไหนยืนมือเข้ามาช่วยเหลือเลยทั้งคนงานและบริษัท คงเห็นว่าเป็นบริษัท เลยไม่มาแจกข้าวของใดๆทั้งสิ้น ทั้งๆที่คนงานลำบากมากไม่มีที่นอนและอาหาร แต่พี่สิงหืได้ให้ทางบริษัท หาข้าวมาให้กินทุกมื้อ ไปเปิดอพาร์ทเม้นให้หลับนอนชั่วคราว ก็ไม่ว่ากันแต่พี่สิงห์ให้ไปแจ้ง อบต. ถึงความเสียหายที่เกิดขึ้น ได้ให้ไปแจ้งทางอุตสาหกรรมจังหวัด แจ้งความเสียหายที่เกิดขึ้น และทางสรรพากร เพื่อขอการลดหย่อนภาษีรายได้ เพราะเราเสียหายจริงๆ เป็นสิบล้านบาท
                          พี่สิงห์ทำได้เพียงเท่านี้ครับ ไปนครต้องไปวางแผนกันใหม่ ว่าปีนี้เราจะดำเนินการธุรกิจของเราให้อยู่รอดได้อย่างไร? ในอีกแปดเดือนที่เหลือข้างหน้า เป็นปัญหาใหญ่ของบริษัท
                          อีกอย่างคือ พี่สิงห์จะเอาเงินเดือนตัวเองไปแจกคนงาน คนละหนึ่งพันบาท ตามที่ตั้งใจไว้แต่ต้น สำหรับคนงาน-พนักงานที่บ้านถูกน้ำท้วม เป็นการบันเทาความเดือดร้อนให้กับลูกน้องตัวเอง ชดเชยที่ไม่สามารถทำงานได้ในช่วงที่ผ่านมา คงช่วยได้บ้างถึงแม้จะไม่มาก ก็ตาม
                          สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #1739 เมื่อ: 05 เมษายน 2554, 09:24:45 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องมีนา ที่รัก
                         พี่สิงห์เองเคยไปพบท่านผู้ว่าประภาส  สามครั้งด้วยกันที่ศาลากลางจังหวัดสิงห์บุรี ได้พูดคุยกันนาน เพราะพี่สิงห์รู้จักทั้งผู้ว่าซึ่งเป็นชาวซีมะโด่ง และท่านรองผู้ว่า ประหยัด ซึ่งเคยแข่งขันวอลเล่บอลกันในสมัยเรียน คุ้นเคยกันดี ตอนนั้พี่สิงห์ไปพบเพื่อติดต่อนำพวกเราชาวซีมะโด่งไปเยี่ยมที่สิงห์บุรี จำนวนสองคันรถบัส ซึ่งก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากท่านผู้ว่าประภาส
                         ศาลากลางเดิมนั้น พี่สิงหืเคยไปนอนสมัยที่ยังเรียนอยู่ชั้น มศ. ๒ เพราะได้รับคัดเลือกให้ไปรับเสด็จสมเด็จพระราชินีนารถที่จังหวัดอยุธยา งานแสดงกิจกรรมนักเรียน แต่ด้วยการเดินทางสมัยนั้นยังลำบาก จึงต้องไปนอนค้างคืนที่ศาลากลางจังหวัด รุ่งขึ้นออกเดินทางต่อไปยังจังหวัดอยุธยา ครับ
                         พี่สิงห์เป็นคนตำบลทับยา อำเภออินทร์บุรี บ้านไม่ได้อยู่ที่ตัวอำเภอ จึงไม่ได้มีโอกาสไปศาลากลางสิงห์บุรีเลย เวลากลับบ้านก็ไปที่บ้านเลย ซึ่งโดยรอบมีแต่วัด ตลาดเล้กๆหมู่บ้าน และท้องทุ่งนาข้าว หลังบ้านที่สิงห์ไปทางทิศตะวันตกประมาณสามกิโลเมตร คือลำแม่ลา แหล่งปลาช้อนอร่อยที่สุดของเมืองไทย พวกญาติๆ พี่สิงห์ทางน้องชายพ่อ จะอาศัยอยู่บริเวณนั้น ทุกคนมีอาชีพทำนา หาปลาในหน้าน้ำ และปลูกผักขายในหน้าแล้งตามลำแม่ลา ครับ
                          แต่ปัจจุบันเปลี่ยนไปตามกาลเวลา แต่ไปในทางที่สู้สมัยที่พี่สิงห์เป็นเด้กไม่ได้ ถึงแม้ไม่มีเงิน ไม่มีสิ่งฟุ้งเฟ้อ แต่ทุกบ้านเติมไปด้วยรอยยิ้ม มีเมตตา เอื้ออารีย์ เป็นนิสัยของคนไทยที่แท้จริง  ทุกบ้านมีความสุข ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ในยุ้งฉางมีข้าวเต็ม ไม่เดือดร้อน เพราะไม่ต้องใช้เงิน ก็อยู่ได้อย่างมีความสุข แต่ปัจจุบันตรงข้ามทั้งสิ้น ครับ
                          เอาไว้วันหลังจะเล่าให้ฟังครับ
                          สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #1740 เมื่อ: 05 เมษายน 2554, 09:32:30 »



โรงเรียนวัดพระนอน พี่ๆของพี่สิงห์ทุกคน สอบได้ที่หนึ่งของโรงเรียนทุกคน โดยจะมีป้ายจารึกไว้ รวมทั้งพี่สิงห์ด้วย
ถือเป็นเกียรติของตระกูล "กลับดี" ที่พ่อแก้ว  กลับดี เป็นคนสร้างโรงเรียนและวัด เพื่อให้ลูกตัวเองได้เรียนหนังสือ
พี่สิงห์ได้รับปากกาหมึกซึม สลักชื่อ ยี่ห้อเซลเล่อ เป็นรางวัลที่หนึ่งของโรงเรียนจากบริษัทพัฒนพิบูลย์ จำกัด สมัยนั้น
พี่สิงห์เป็นนักกีฬาของโรงเรียน โดยเฉพาะแชร์บอล ชนะเลิศของอำเภอ รุ่นเล็ก ความสูงไม่เกิน ๑๕๐ เซนติเมตร

 

                           เมื่องกลางเดือนมีนาคม ก่อนฝนตกหนักภาคใต้ และหนาวที่กรุงเทพฯ พี่สิงห์ได้กลับไปสิงห์บุรีไปเยี่ยมพี่สาว และแม่ ได้กลับไปที่โรงเรียนชั้นประถมที่พี่สิงห์เคยเรียนสมัย ป.๑ - ป.๗ คือโรงเรียนวันพระนอน ปรากฎว่าปีนี้เปิดรับนักเรียนใหม่ มีเด็กนักเรียนเข้าใหม่ชั้น ป.๑ เพียง ๔ คนเท่านั้น เนื่องจากนอกนั้นทุกบ้านส่งลูกหลานไปเรียนที่จังหวัดกันหมด ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง แต่เพราะเชื่อว่าจะสอนดีกว่าโรงเรียนประจำหมู่บ้าน ถ้าสถานการณ์เป็นอย่างนี้ ปีการศึกษาหน้าต้องยุบห้องเรียน ใช้วิธีเรียนรวม เพราะครูจะถูกตัดออกไปอีกให้เหลือ ครู ๑ ท่าน ต่อเด็กนักเรียน ๒๕ คน ไม่ต้องพูดถึง คุณภาพของเด็กไทยเตี้ยลงแน่นอนครับ
                           พี่สิงห์ได้บริจาคเงินช่วยเหลือเด็กนักเรียนที่อยากจน ในโอกาสวันเกิดของพี่สิงห์ที่ผ่านมา ให้ไว้กับครูใหญ่ เป็นจำนวน หนึ่งหมื่นบาท ให้แจกเป็นทุนแก่เด็กนักเรียน ตอนเปิดเทอมใหม่ ครับ
                           นี่ละการศึกษาไทย
                           สวัสดี
      บันทึกการเข้า
yc
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 557

เว็บไซต์
« ตอบ #1741 เมื่อ: 05 เมษายน 2554, 14:17:38 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 05 เมษายน 2554, 09:24:45
สวัสดีค่ะ คุณน้องมีนา ที่รัก
                         พี่สิงห์เองเคยไปพบท่านผู้ว่าประภาส  สามครั้งด้วยกันที่ศาลากลางจังหวัดสิงห์บุรี ได้พูดคุยกันนาน เพราะพี่สิงห์รู้จักทั้งผู้ว่าซึ่งเป็นชาวซีมะโด่ง และท่านรองผู้ว่า ประหยัด ซึ่งเคยแข่งขันวอลเล่บอลกันในสมัยเรียน คุ้นเคยกันดี ตอนนั้พี่สิงห์ไปพบเพื่อติดต่อนำพวกเราชาวซีมะโด่งไปเยี่ยมที่สิงห์บุรี จำนวนสองคันรถบัส ซึ่งก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากท่านผู้ว่าประภาส
                         ศาลากลางเดิมนั้น พี่สิงหืเคยไปนอนสมัยที่ยังเรียนอยู่ชั้น มศ. ๒ เพราะได้รับคัดเลือกให้ไปรับเสด็จสมเด็จพระราชินีนารถที่จังหวัดอยุธยา งานแสดงกิจกรรมนักเรียน แต่ด้วยการเดินทางสมัยนั้นยังลำบาก จึงต้องไปนอนค้างคืนที่ศาลากลางจังหวัด รุ่งขึ้นออกเดินทางต่อไปยังจังหวัดอยุธยา ครับ
                         พี่สิงห์เป็นคนตำบลทับยา อำเภออินทร์บุรี บ้านไม่ได้อยู่ที่ตัวอำเภอ จึงไม่ได้มีโอกาสไปศาลากลางสิงห์บุรีเลย เวลากลับบ้านก็ไปที่บ้านเลย ซึ่งโดยรอบมีแต่วัด ตลาดเล้กๆหมู่บ้าน และท้องทุ่งนาข้าว หลังบ้านที่สิงห์ไปทางทิศตะวันตกประมาณสามกิโลเมตร คือลำแม่ลา แหล่งปลาช้อนอร่อยที่สุดของเมืองไทย พวกญาติๆ พี่สิงห์ทางน้องชายพ่อ จะอาศัยอยู่บริเวณนั้น ทุกคนมีอาชีพทำนา หาปลาในหน้าน้ำ และปลูกผักขายในหน้าแล้งตามลำแม่ลา ครับ
                          แต่ปัจจุบันเปลี่ยนไปตามกาลเวลา แต่ไปในทางที่สู้สมัยที่พี่สิงห์เป็นเด้กไม่ได้ ถึงแม้ไม่มีเงิน ไม่มีสิ่งฟุ้งเฟ้อ แต่ทุกบ้านเติมไปด้วยรอยยิ้ม มีเมตตา เอื้ออารีย์ เป็นนิสัยของคนไทยที่แท้จริง  ทุกบ้านมีความสุข ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ในยุ้งฉางมีข้าวเต็ม ไม่เดือดร้อน เพราะไม่ต้องใช้เงิน ก็อยู่ได้อย่างมีความสุข แต่ปัจจุบันตรงข้ามทั้งสิ้น ครับ
                          เอาไว้วันหลังจะเล่าให้ฟังครับ
                          สวัสดี

สวัสดีครับพี่สิงห์

แอบเข้ามาอ่านของพี่สิงห์เป็นระยะ วันนี้ขอแสดงตัวสักหน่อยครับ
ที่อ้างมาและทำตัวสีไว้นั้น เพราะชอบมากครับ..มันสะท้อนอะไรลึกๆถึงการจัดการสังคมไทยของเรานะครับ

ยังชิน
      บันทึกการเข้า
มีนา
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2515
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 1,865

« ตอบ #1742 เมื่อ: 05 เมษายน 2554, 14:28:32 »

สวัสดีพี่สิงห์ และสมาชิกทุกคนค่ะ รออ่านพี่สิงห์เล่าต่อค่ะ
      บันทึกการเข้า
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #1743 เมื่อ: 05 เมษายน 2554, 17:34:24 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 05 เมษายน 2554, 09:32:30


โรงเรียนวัดพระนอน พี่ๆของพี่สิงห์ทุกคน สอบได้ที่หนึ่งของโรงเรียนทุกคน โดยจะมีป้ายจารึกไว้ รวมทั้งพี่สิงห์ด้วย
ถือเป็นเกียรติของตระกูล "กลับดี" ที่พ่อแก้ว  กลับดี เป็นคนสร้างโรงเรียนและวัด เพื่อให้ลูกตัวเองได้เรียนหนังสือ
พี่สิงห์ได้รับปากกาหมึกซึม สลักชื่อ ยี่ห้อเซลเล่อ เป็นรางวัลที่หนึ่งของโรงเรียนจากบริษัทพัฒนพิบูลย์ จำกัด สมัยนั้น
พี่สิงห์เป็นนักกีฬาของโรงเรียน โดยเฉพาะแชร์บอล ชนะเลิศของอำเภอ รุ่นเล็ก ความสูงไม่เกิน ๑๕๐ เซนติเมตร

 

                           เมื่องกลางเดือนมีนาคม ก่อนฝนตกหนักภาคใต้ และหนาวที่กรุงเทพฯ พี่สิงห์ได้กลับไปสิงห์บุรีไปเยี่ยมพี่สาว และแม่ ได้กลับไปที่โรงเรียนชั้นประถมที่พี่สิงห์เคยเรียนสมัย ป.๑ - ป.๗ คือโรงเรียนวันพระนอน ปรากฎว่าปีนี้เปิดรับนักเรียนใหม่ มีเด็กนักเรียนเข้าใหม่ชั้น ป.๑ เพียง ๔ คนเท่านั้น เนื่องจากนอกนั้นทุกบ้านส่งลูกหลานไปเรียนที่จังหวัดกันหมด ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง แต่เพราะเชื่อว่าจะสอนดีกว่าโรงเรียนประจำหมู่บ้าน ถ้าสถานการณ์เป็นอย่างนี้ ปีการศึกษาหน้าต้องยุบห้องเรียน ใช้วิธีเรียนรวม เพราะครูจะถูกตัดออกไปอีกให้เหลือ ครู ๑ ท่าน ต่อเด็กนักเรียน ๒๕ คน ไม่ต้องพูดถึง คุณภาพของเด็กไทยเตี้ยลงแน่นอนครับ
                           พี่สิงห์ได้บริจาคเงินช่วยเหลือเด็กนักเรียนที่อยากจน ในโอกาสวันเกิดของพี่สิงห์ที่ผ่านมา ให้ไว้กับครูใหญ่ เป็นจำนวน หนึ่งหมื่นบาท ให้แจกเป็นทุนแก่เด็กนักเรียน ตอนเปิดเทอมใหม่ ครับ
                           นี่ละการศึกษาไทย
                           สวัสดี

...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...
...รูปที่ 2 พี่สิงห์คนไหนคะ...มองไม่ออกค่ะ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #1744 เมื่อ: 05 เมษายน 2554, 19:08:09 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 05 เมษายน 2554, 09:11:32
สวัสดีค่ะ คุณน้องเอมอร ที่รัก
                         พี่สิงหืหวังว่าเธอคงไปทำงานเรียบร้อยแล้วนะครับ ถ้าอยากใช้บริการจากพี่สิงห์ในเรื่องยืดเหยียดกล้ามเนื้อ โยคะ และ Tai Chi ทำบางท่าที่ไม่กระทบกับกระดูกเป็นการเสริมกล้ามเนื้อ ให้แข็งแรง                         สำหรับน้ำท้วมที่นครศรีธรรมราชนั้น พี่สิงห์ไม่ได้กังวล หรือวิตกอะไรทั้งนั้น เพราะมันเป็นอดีตที่ผ่านไปแล้ว และเป็นเรื่องธรรมชาติ พี่่สงห์ได้แต่สั่งการให้ลูกน้องเก็บกวาดโรงงาน ซึ่งเสร็จแล้ว วันนี้คงเริ่มดำเนินการผลิตได้ ส่วนสำนักงานต้องทำพื้น และทาสีใหม่ทั้งหมด ตอนนี้ทราบว่าสายการบิน Nok Air เปิดบินอย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อวานมีการทดสอบ Run Way แล้ว ดังนั้น วันที่ 7 เมษายน Boarding 08:00 น. พี่สิงห์คงเดินทางไปทำงานที่นครศรีธรรมราชได้ ตามปกติ ครับ
                         เท่าที่สอบถามดู ไม่มีหน่วยงานไหนยืนมือเข้ามาช่วยเหลือเลยทั้งคนงานและบริษัท คงเห็นว่าเป็นบริษัท เลยไม่มาแจกข้าวของใดๆทั้งสิ้น ทั้งๆที่คนงานลำบากมากไม่มีที่นอนและอาหาร แต่พี่สิงหืได้ให้ทางบริษัท หาข้าวมาให้กินทุกมื้อ ไปเปิดอพาร์ทเม้นให้หลับนอนชั่วคราว ก็ไม่ว่ากันแต่พี่สิงห์ให้ไปแจ้ง อบต. ถึงความเสียหายที่เกิดขึ้น ได้ให้ไปแจ้งทางอุตสาหกรรมจังหวัด แจ้งความเสียหายที่เกิดขึ้น และทางสรรพากร เพื่อขอการลดหย่อนภาษีรายได้ เพราะเราเสียหายจริงๆ เป็นสิบล้านบาท
                          พี่สิงห์ทำได้เพียงเท่านี้ครับ ไปนครต้องไปวางแผนกันใหม่ ว่าปีนี้เราจะดำเนินการธุรกิจของเราให้อยู่รอดได้อย่างไร? ในอีกแปดเดือนที่เหลือข้างหน้า เป็นปัญหาใหญ่ของบริษัท
                          อีกอย่างคือ พี่สิงห์จะเอาเงินเดือนตัวเองไปแจกคนงาน คนละหนึ่งพันบาท ตามที่ตั้งใจไว้แต่ต้น สำหรับคนงาน-พนักงานที่บ้านถูกน้ำท้วม เป็นการบันเทาความเดือดร้อนให้กับลูกน้องตัวเอง ชดเชยที่ไม่สามารถทำงานได้ในช่วงที่ผ่านมา คงช่วยได้บ้างถึงแม้จะไม่มาก ก็ตาม
                          สวัสดี
สวัสดีค่ะ พี่สิงห์
 เป็นโชคดี อย่างมากของลูกน้อง ที่มีหัวหน้าที่มีใจเมตตาอย่างพี่สิงห์
 พี่สิงห์คงช่วยเขาได้มากค่ะ เป็นบุญของเขาค่ะ
 และเป็นบุญของพี่สิงห์ด้วย
ที่ได้มีโอกาสได้ทำบุญกับคนที่ลำบากจริงๆ
  สนใจการสร้างกล้ามเนื้อค่ะ
รบกวนพี่สิงห์ ลงรายละเอียด ส่งในข้อความมาให้หากสะดวก ขอบคุณค่ะ
หรือหากพี่สิงห์เคยลงไว้ที่ไหน แล้ว รบกวนบอกกระทู้ค่ะ
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #1745 เมื่อ: 05 เมษายน 2554, 19:12:29 »

อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 05 เมษายน 2554, 17:34:24
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 05 เมษายน 2554, 09:32:30


โรงเรียนวัดพระนอน พี่ๆของพี่สิงห์ทุกคน สอบได้ที่หนึ่งของโรงเรียนทุกคน โดยจะมีป้ายจารึกไว้ รวมทั้งพี่สิงห์ด้วย
ถือเป็นเกียรติของตระกูล "กลับดี" ที่พ่อแก้ว  กลับดี เป็นคนสร้างโรงเรียนและวัด เพื่อให้ลูกตัวเองได้เรียนหนังสือ
พี่สิงห์ได้รับปากกาหมึกซึม สลักชื่อ ยี่ห้อเซลเล่อ เป็นรางวัลที่หนึ่งของโรงเรียนจากบริษัทพัฒนพิบูลย์ จำกัด สมัยนั้น
พี่สิงห์เป็นนักกีฬาของโรงเรียน โดยเฉพาะแชร์บอล ชนะเลิศของอำเภอ รุ่นเล็ก ความสูงไม่เกิน ๑๕๐ เซนติเมตร

 

                           เมื่องกลางเดือนมีนาคม ก่อนฝนตกหนักภาคใต้ และหนาวที่กรุงเทพฯ พี่สิงห์ได้กลับไปสิงห์บุรีไปเยี่ยมพี่สาว และแม่ ได้กลับไปที่โรงเรียนชั้นประถมที่พี่สิงห์เคยเรียนสมัย ป.๑ - ป.๗ คือโรงเรียนวันพระนอน ปรากฎว่าปีนี้เปิดรับนักเรียนใหม่ มีเด็กนักเรียนเข้าใหม่ชั้น ป.๑ เพียง ๔ คนเท่านั้น เนื่องจากนอกนั้นทุกบ้านส่งลูกหลานไปเรียนที่จังหวัดกันหมด ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง แต่เพราะเชื่อว่าจะสอนดีกว่าโรงเรียนประจำหมู่บ้าน ถ้าสถานการณ์เป็นอย่างนี้ ปีการศึกษาหน้าต้องยุบห้องเรียน ใช้วิธีเรียนรวม เพราะครูจะถูกตัดออกไปอีกให้เหลือ ครู ๑ ท่าน ต่อเด็กนักเรียน ๒๕ คน ไม่ต้องพูดถึง คุณภาพของเด็กไทยเตี้ยลงแน่นอนครับ
                           พี่สิงห์ได้บริจาคเงินช่วยเหลือเด็กนักเรียนที่อยากจน ในโอกาสวันเกิดของพี่สิงห์ที่ผ่านมา ให้ไว้กับครูใหญ่ เป็นจำนวน หนึ่งหมื่นบาท ให้แจกเป็นทุนแก่เด็กนักเรียน ตอนเปิดเทอมใหม่ ครับ
                           นี่ละการศึกษาไทย
                           สวัสดี

...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...
...รูปที่ 2 พี่สิงห์คนไหนคะ...มองไม่ออกค่ะ...
พี่ตู่ค่ะ
ขอทายก่อนค่ะ อรว่า คนหน้าตรงที่ถือรางวัลอยู่ เหมือนพี่สิงห์มากค่ะ
ใช่ไหมคะ พี่สิงห์
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #1746 เมื่อ: 05 เมษายน 2554, 20:25:42 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ คุณน้องเอมอร คุณน้องมีนา และคุณน้องยังชิน ที่รัก
                         รูปแรกพี่สิงห์ยืนหน้าตรง
                         รูปที่สองนั้นสังเกตุได้ง่ายมาก พี่สิงห์มีเสื้อผ้าสองชุดสำหรับไปโรงเรียน คือมีกางเกงสองตัว เสื้อสีขาวหนึ่งตัว และเสื้อกากีหนึ่งตัวสามารถแต่งเครื่องแบบลูกเสือได้ ส่วนรองเท่านั้นมีคู่เดียวคือชุดลูกเสือ พ่อแม่จบเพียงแค่ชั้น ป.๔ เท่านั้นไม่รู้อะไรมาก มีเพียงแค่นั้นก็ดีแล้วครับ วันนั้นพี่สิงห์ใส่เสื้อสีกากี ครับ ส่วนเพื่อนๆ เขามีเสื้อผ้าหลายชุดเขาสามารถใส่เสื้อสีขาวได้ทุกวัน ส่วนพี่สิงห์ต้องสลับวันเว้นวัน ซึ่งคุณครูไม่ว่าอะไร เพราะมีเพียงแค่นั้นครับ เด็กนักเรียนส่วนใหญ่ก็ไม่มีรองเท้าใส่เหมือนกับพี่สิงห์ กลางวันเดินกลับบ้านไปกินข้าวกลางวันที่บ้าน   โรงเรียนหยุดวันโกน-วันพระ หน้าดำนาหยุดหนึ่งเดือน หน้าเกี่ยวข้าวโรงเรียนหยุดสองเดือน เพื่อให้เด็กนักเรียนได้เฝ้าบ้านเพราะพ่อ-แม่ไปทำนากันหมด
                          หลักสูตรสมับพี่สิงห์ชั้นประถมศึกษานั้น ต้องเรียนจัก-สาน  ปลุกผันสวนครัว เพราะจบป.๗ หรือ ป.๔ ส่วนใหญ่ไม่ได้เรียนต่อ ต้องไปทำนากันหมด ยกเว้นบ้านพี่สิงห์ ไม่มีนาให้ทำเพราะปู่มีลูกมาก พ่อจึงไม่มีมรดกจากปู่คือที่นา ทำนาจึงต้องหาอาชีพอื่นทำ คือร่อนกรวดมาขายกรุงเทพฯ และแม่ทำขนมไทยขายเพื่อให้ลูกๆได้เรียนหนังสือ ครับ
                          เอาไว้วันหลังจะเล่าให้ฟัง
                           สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #1747 เมื่อ: 05 เมษายน 2554, 20:39:30 »

สวัสดีครับ คุณน้องยังชิน ที่รัก
                         การทำการเมืองเป็นเรื่องดี  แต่ทุกวันนี้การเมืองเป็นเรื่องธุระกิจไปแล้ว  ไม่มีใครเสียสละมาทำการเมืองเพื่อส่วนรวม ไม่มีเลยสักคนเดียว  มีแต่มาหาผลประโยชน์ให้ตัวเองโกยได้โกยเอา ร่ำรวยกันอย่างรวดเร็ว ดีกว่าอาชีพอื่นทั้งหมด แถมมีหน้ามีตาด้วย และในขณะเดียวกันก็ต้องเตรียมหาเงินไปเลือกตั้งใหม่ เพราะค่าใช้จ่ายในการหาเสียงมันมากๆ ไม่ต่ำกว่า ๓๐ ล้านต่อ สส.หนึ่งคนในต่างจังหวัด นี่คือวงจรอุบาททางการเมืองไทย ไม่มีเงินเป็น สส.ไม่ได้ เพราะประชาชนก็แบมือขอเงินอย่างเดียวเหมือนกัน ทั้งสองฝ่ายฝังนิสัยลึกเสียแล้วแก้ไขไม่ได้ กฎหมายช่วยอะไรไม่ได้ เพราะคนถือกฎหมายก็กลัวนักการเมืองกลัวตายเหมือนกัน
                         ยิ่งการศึกษาสมัยนี้เด็กบ้านนอกเป็นโรคไม่รู้หนังสือแยะมากเพราะเปิดโรงเรียนมาแล้ว ครูไม่ครบชั้น เด็กต้องไปเรียนในเมือง ดังนั้นต่อไปคนไทยยังจะสามารถถูกนักการเมืองซื้อเสียงได้สบายมาก แก้ไม่ตกครับ
                         สมัยที่พี่สิงห์เป็น สสร.อันดับหนึ่งสิงห์บุรี เคยเสนอให้มีการเรียนการสอนเรื่องประชาธิปไตย จรรยาบรรณนักการเมือง และการเสียสละเพื่อสังคม ให้กับบัณฑิตย์ทุกท่านในปีสุดท้ายก่อนจบ เพื่อให้เขาเป็นนักการเมืองที่ดีในอนาคต ไม่ใช่ไปหาแบบอย่างนักการเมืองรุ่นพี่ๆ ที่เหลวๆ เป็นตัวอย่าง  เหมือนอย่างทุกวันนี้ ซึ่งไม่มีนักการเมือง สส.คนไหน จนสักคนหนึ่งครับ
                         ดังนั้น คนดีๆ มีความรู้ มีความสามารถ จึงไม่มีโอกาสเป็น สส.หรอกครับ เพราไม่มีเงิน  ซื้อเสียงไม่เป็น ทำชั่วไม่เป็น คดโกงไม่เป็น
                         สวัสดี 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1748 เมื่อ: 05 เมษายน 2554, 20:50:46 »

สวัสดีครับพี่สิงห์

ผมหายไป 2 วันเพราะกลับนครปฐมไปไหว้เตี๋ยในเทศกาลเชงเม้งครับ เลยไม่ได้เข้าเว็ปเมื่อวานนี้
เห็นว่า พรุ่งนี้สนามบินเมืองนครศรีฯ จะเปิดใช้งานแล้ว
อย่าลืมเสนอแนวทางแก้ไขน้ำท่วมเมืองนครฯ ด้วยนะครับ ไม่เช่นนั้นมันก็จะท่วมทุกปีอีกนั่นแหละ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #1749 เมื่อ: 05 เมษายน 2554, 20:53:46 »

                         สมัยที่พี่สิงห์เป็นเด็ก หนึ่งวันพระก่อนถึงสงกรานต์ จะเป็นวันตรุษไทย คือช่วงนี้ละ วันโกนแต่ละบ้านจะทำขนมไปทำบุญ ไหว้บรรพบุรุษ และแจกเพื่อนบ้านแลกเปลี่ยนกันรับประทานคือ จะทำขนมกวน และข้าวเหนี๋ยวแดง เป็นประเพณี ขนมสองอย่างอยู่ได้นาน พี่สิงห์ชอบขนมกวนมาก และแม่พี่สิงห์ทำอร่อยมาก เพราะเป็นแม่ค้าทำขนมขายมาก่อน และที่บ้านพี่สิงห์มีอุปกรณ์ทำขนมครบทุกอย่างครับ แต่ไม่ดีตรงที่พี่สิงห์ต้องโม่แป้งนี่ละ เพราะโม่หินหนักมากโม่แป้งได้ละเอียด  แต่ปัจจุบันไม่มีบ้านไหนทำกันแล้ว และคนที่ทำขนมกวน ข้าวเหนี๋ยวแดงเป็นนั้นกำลังจะตายจากไปหมดแล้ว คนรุ่นใหม่ทำไม่เป็นแล้ว อนิจจา
                          นอกจากนี้คนหนุ่ม คนสาวจะเล่นตรุษกัน คือเล่นลูกช่วง มอนซ่อนผ้า เด็กๆจะเล่น ทอยกอง หมากเขย่ง ตี่จับ  ขี้ม้าส่งเมือง จะไปเล่นกันที่วัด และชายหาดในเวลาเย็น ลืมไป เด็กๆได้เล่นว่าว ตามชายหาดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทุกวัดจะสนุกสนานมาก เพราะในสมัยนั้นไม่มีวิทยุ ไม่มีทีวี ไม่มีรถเครื่อง ไม่มีรถยนต์ มีแต่จักรยาน ที่หนุ่มๆ ต่างถิ่นขับมาจีบสาวในเทศกาลตรุษไทย นี่ละครับ จะเป็นช่วงที่ไม่ต้องทำนา ชาวบ้านจะมารวมตัวกันที่วัด สนุกสนานไปตามวัยย์แก่หน่อยก็เล่นเพลงฉ่อย ตามท้องถิ่น สนุกมากครับ
                          เสียดาย ปัจจุบันไม่มีแล้วครับ วัดเงียบหง๋อย วัดไม่ได้เป็นสถานที่หนุ่มๆ สาวๆ มาดูตัว หรือจีบกัน จาการเล่นตรุษไทย อีกแล้วครับ
                          ราตรีสวัดิ์ทุกท่านครับ
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 68 69 [70] 71 72 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><