01 พฤศจิกายน 2567, 05:38:43
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 73 74 [75] 76 77 ... 96   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: เพลินพิศ...สะบายดี...เวียงจันท์-วังเวียง  (อ่าน 617539 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 7 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #1850 เมื่อ: 03 เมษายน 2555, 19:31:30 »

พี่ตู่ พี่ทราย,
เมื่อวานอ่านหนังสือแนบในหนังสือพิมพ์
เป็นนิตยสารสั้นๆเกี่ยวกะเรื่องทางโปรเตสแตนท์
reducterเป็นบาทหลวงหญิง ที่เขียนคอลัมน์น่าสนใจ
ทุกอาทิตย์...ทั้งยังมีบทวิเคราะห์ จากศูนย์ช่วยเหลือ
เด็กและผู้หญิง มีอะไรให้อ่านเรื่อยๆ เมื่อวานมีเรื่อง
น่าสนใจคะ...เป็นเรื่องจริงที่ผู้หญิงคนนี้ไปเข้าtherapy!

เธอจบกฏหมายมา,เป็นผู้หญิงเยอรมันที่ฉลาดมีความรู้
เจอะกะแฟนตอนอายุ24...แฟนเรียนแพทย์ ยังไม่จบ
แม้ฝ่ายหญิงจะสอบผ่าน การเป็นทนายอาชีพ ฝ่ายชาย
รีบขอแต่งงาน รวบรัด ผู้ชายยังเป็นแพทย์ฝึกหัด..ย้าย
หลายที่ ฝ่ายหญิงก็ยอมตามไป ยังหาทางได้ไปทำงาน
เป็นทนายสมทบในKanzleiจนตั้งท้อง..ผู้ชายเริ่มทุบตีเค้าคะ!
ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องน้อย เริ่มcontrol เริ่มหาเรื่อง...
ทุบตีเสร็จก็เสียใจก็ขอโทษ...ดีกันเป็นปกติจนกว่าจะเริ่ม
ขมวดเกลียวจากต้นใหม่! เป็นอยู่อย่างนั้นจนผู้หญิงท้องลูก
แฝด...การจะแยกจะย้าย จะหนีก็อุ้ยอ้ายทำได้ยาก..
เด็กๆรับรู้ความตึงเครียดโดยไม่รู้ตัว ลูกชาย2 หญิง 1
ติดแม่กระจองอกระจอแง...ผู้หญิงก็ทนคะ,เธออาย
กลัวว่าจะไม่มีครอบครัวให้ลูกๆเติบโตขึ้นในแวดล้อมที่ดี
เธอเองถูกสามีตัดขาดการพบปะสังสรรค์กะเพื่อนฝูง
กลุ่มก้อนของตัวเอง...เป็นอยู่อย่างนั้นจนผู้ชายได้เลื่อนตำแหน่ง
ขึ้นเป็นแพทย์ใหญ่ ให้ผู้หญิงออกจากงาน...ทีนี้เลยแย่เลย
เพราะเธอต้องขึ้นกะสามีหมด...แถมหมดความมั่นใจ
สามีขอย้ายไปอเมริกา...ดูไป จากภายนอกชีวิตครอบครัวนี้
สมบูรณ์มีความสุขมากคะ แต่ภายในสุดจะตึงเครียดไม่มีเสียงหัวเราะ
ไม่มีความรื่นเริง...วันนึง,ฝ่ายหญิงโทรกลับเยอรมันนีหาครอบครัว
หาเพื่อน ผู้ชายก็หึงว่าจะคบหากับแฟนเก่า..เกือบได้ฆ่ากันคะ!
ฝ่ายชายควบคุมstressของตัวเองจากเรื่องงานไม่ได้ ขึ้นเรื่อยๆ
ก็มาลงที่บ้านที่ครอบครัว...เด็กๆเริ่มถูกพ่อตี...แม่ก็ช่วยไม่ได้
มันมีเรื่องหึงมากมายไม่ว่าภรรยาจะขยับจะทำอะไร..ขนาดไปเรียน
ขับเครื่องบิน ฝ่ายชายก็ทุบตีตกกระได..เกือบตายหลายหน!

คืนนึงก็ตัดสินใจคะ,โทรหาแม่ที่เยอรมันนีให้จองตั๋วสำรองรอไว้
ที่ท่าอากาศยาน เธอบอบช้ำตาเขียว ฟกไปทั้งตัว ปลุกลูกชาย
วัย8-9ขวบ ลูกแฝดชายหญิงยังหลับก็อุ้ม หนีไปท่าอากาศยาน
ปรากฏเที่ยวบินdelay..ชม.นึง...เธอว่าถ้าวันนั้นสามีตามมาทัน
เธอตายแน่...ก็หนีได้ พ่อแม่น้องชายผู้หญิงมารับที่ท่าอากาศยาน
ตกใจสภาพที่เห็น!! เพราะผู้หญิงไม่เคยเล่า...เล่าไปใครจะเชื่อ?
akademischทั้งคู่ ถือเป็น topของคนมีความรู้ แต่ตบตีภรรยา!!

เรื่องนี้จบแบบที่ผู้หญิงต้องเข้าบำบัดเยียวยาฟื้นฟูความเชื่อมั่น
ว่าเธอมีค่า มีความสามารถ ทำอะไรได้เอง และไม่ยอมให้ใคร
มาทำร้ายทุบตีโดยคิดว่าเป็นความผิดของเธอ!!
การเข้าบำบัดทำให้ทราบว่าที่เธอยอมรับการซ้อม ทุบตีจากสามี
ปิดบัง ไม่บอกใครนั้นเพราะเธอโตมากะการมีพ่อ มีพี่ชายที่ใช้กำลัง!
พ่อตีแม่,ก็เห็นแม่ยังอยู่ดี...พี่ชายทุบตีน้อง แม่ก็บอกให้น้องเงียบ..
เธอจึงรู้สึกว่าการทุบตีจากอีกฝ่ายเพราะเธอทำอะไรผิด
เธอมองย้อน,สามีชกหน้าเธอครั้งแรกตอนเป็นแฟนกัน!!เธอเห็นเค้า
หายไปไม่ติดต่อก็โทรตามเพื่อนสนิทฝ่ายชายถาม ฝ่ายชายรู้จากเพื่อน
ก็หึง..ตอนนั้นมีสัญญาณของการใช้กำลัง การยั้งสติไม่ได้
และการให้อภัยที่ผู้หญิงมามองย้อนหลังว่าเค้าจะดีขึ้น จะไม่ทำ
...เธอต้องจ่ายด้วยเวลาถึง 13 ปีคะ...13ปีที่ยาวนานกว่าจะมอง
ออกว่าความจริงน่ะ,ลงมือ ใช้กำลังครั้งแรก ก็คือ
จุดเริ่มต้นของการสิ้นสุด!
      บันทึกการเข้า


ทราย 16
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,838

« ตอบ #1851 เมื่อ: 04 เมษายน 2555, 08:24:24 »

โอ ... เรื่องที่น้องหนิงเล่านี่ น่าสงสารผู้หญิงมากๆน่ะ
คงมีกรณีแบบนี้อีกเยอะน่ะค่ะ
      บันทึกการเข้า
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #1852 เมื่อ: 04 เมษายน 2555, 10:38:45 »

อ้างถึง
ข้อความของ ทราย 16 เมื่อ 03 เมษายน 2555, 12:03:43
พี่ตู่เล่าเรื่องได้น่าสนใจ ที่น่าคิดที่มือที่ 3
เป็นแม่ยายนี่ น่าจะหนักกว่ากิ๊กน่ะค่ะ
ครอบครัวพังแบบซ่อมไม่ได้เลยค่ะ

...แต่ละครอบครัวก็มีปัญหาแตกต่างกันไปค่ะ...น้องทราย...

...ทีแรกพี่ตู่ก็เข้าใจว่า...มือที่สาม...หมายถึง...กิ๊ก...เท่านั้น...

...แต่เคยอ่านหนังสือจากท่านผู้รู้ต่างๆ...

...ท่านบอกว่า...มือที่สาม...หมายถึงบุคคลอื่นๆทุกคนที่นอกเหนือจากสามีและภรรยาค่ะ...

...อาจเป็น...พ่อตา...แม่ยาย...แม่และพ่อสามี...ลูก...เพื่อน...พี่น้อง...ญาติ...

...อาจหมายถึงสัตว์เลี้ยงด้วยนะ...อันนี้พี่ตู่คิดเองค่ะ...

...พูดง่ายๆคือ...ผู้ที่ทำให้เกิดปัญหา...ทำให้สามีภรรยาแตกแยกกัน...

...ในกรณีที่พี่ตู่เล่าให้ฟังนั้น...ฝ่ายชายเป็นคนพูดน้อย...

...ฝ่ายผู้หญิงก็นำคุณแม่และหลานมาอยู่ด้วย...

...พอเกิดปัญหานิดๆหน่อยๆ...ทางญาติฝ่ายหญิงก็จะตั้งป้อมไม่พูดจาสุงสิงด้วย...

...ทำให้ฝ่ายชายรู้สึกว่า...ตัวเองเป็นหัวเดียวกระเทียมลีบ...

...หนักเข้าๆก็แยกบ้านออกมาอยู่ในบ้านพักของที่ทำงาน...

...และไปหย่ากับฝ่ายหญิงโดยอ้างว่า...เวลาอยู่ด้วยกันแล้วจะทะเลาะกันบ่อย...

...ถึงเวลาก็ไปรับลูกมาเลี้ยงบ้าง...ถึงเวลาก็เอาไปส่ง...

...ทำตัวเหมือนเป็นเพื่อนกันเพื่อลูกจะได้ไม่มีปัญหา...

...แต่พอมาวันหนึ่ง...เอาลูกไปส่งที่บ้าน...อุ้มลูกซึ่งนอนหลับจะเข้าไปส่งที่เตียงนอนของลูก...

...กลับพบว่า...อดีตภรรยา...ได้อยู่ภายในห้องกับผู้ชายคนหนึ่ง...คือสามีใหม่ค่ะ...

...ฝ่ายชายคิดไม่ถึง...เพราะที่ผ่านมาเข้าใจว่า...แม่ของลูกยังมีใจให้ตนอยู่ค่ะ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #1853 เมื่อ: 04 เมษายน 2555, 10:44:26 »


...น้องหนุงหนิงจ๊ะ...

...เรื่องที่น้องหนุงหนิงเล่า...น่าสงสารฝ่ายหญิงมากๆค่ะ...

...ยังงี้เลิกกันไปเลยจะดีกว่าค่ะ...

...จะได้ไม่ต้องตบตีกัน...ทรมานทั้งสองฝ่ายเปล่าๆ...

...แต่ก่อนนี้เวลาที่พี่ตู่เห็นคู่ไหนทะเลาะกัน...

...ก็พยายามบอกเค้าว่าอย่าเลิกกันเลย...

...แต่ตอนหลังๆนี้ความคิดเริ่มเปลี่ยนไปค่ะ...

...ถ้าฝ่ายไหนได้รับความไม่ยุติธรรม...

...พี่ตู่เชียร์ให้เลิกกันเลยค่ะ...

...ดีกว่าทนอยู่กันแบบไม่จริงใจกันนะคะ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #1854 เมื่อ: 04 เมษายน 2555, 16:38:12 »

อ้างถึง
ข้อความของ ทราย 16 เมื่อ 04 เมษายน 2555, 08:24:24
โอ ... เรื่องที่น้องหนิงเล่านี่ น่าสงสารผู้หญิงมากๆน่ะ
คงมีกรณีแบบนี้อีกเยอะน่ะค่ะ

บทความเรื่องความรุนแรงในครอบครัวนี่
ออกมาทีไร หนิงรีบอ่านเลยค่ะพี่!
เพราะมักเขียนจากนักสังคมวิทยา,
Familientherapeutหรือนักประชาสงเคราะห์
เป็นเสียงร้องที่เงียบค่ะ...ภรรยาเหล่านี้มัก
อยู่กับความหวัง!หวังว่าเธอจะสามารถทำให้
ทุกอย่างดีขึ้น อย่างรายนี้,เธอคิดว่าการที่สามี
out of controlเพราะเธอพูดผิด ทำอะไรผิด
แถมอะไรไม่ร้ายเท่าสามีให้เธอยืนยันว่าที่เธอทำน่ะ
ผิด ทำให้เค้าโมโห...เธอว่าครอบครัวอื่นๆ
เค้าก็มีปัญหากันมากบ้างน้อยบ้าง...

มีผู้หญิงไทยก็หนีไปบ้านผู้หญิงคะพี่
สามีทุบตี จะฆ่าเอาถ้าไม่หนี..เธอหอบลูกติด1
ลูกกะสามี1หนี...ไปที่นั่นแล้วถ้าจะกลับเค้าจะ
จัดการให้กลับเมืองไทยค่ะ.. เพราะคุกคามชีวิต
คนละกรณีกะการเลิกทั่วไปที่ผู้หญิงมักมีใหม่ทันที
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #1855 เมื่อ: 04 เมษายน 2555, 16:52:29 »

อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 04 เมษายน 2555, 10:38:45
...แต่ละครอบครัวก็มีปัญหาแตกต่างกันไปค่ะ...น้องทราย...

...ทีแรกพี่ตู่ก็เข้าใจว่า...มือที่สาม...หมายถึง...กิ๊ก...เท่านั้น...

...แต่เคยอ่านหนังสือจากท่านผู้รู้ต่างๆ...

...ท่านบอกว่า...มือที่สาม...หมายถึงบุคคลอื่นๆทุกคนที่นอกเหนือจากสามีและภรรยาค่ะ...

...อาจเป็น...พ่อตา...แม่ยาย...แม่และพ่อสามี...ลูก...เพื่อน...พี่น้อง...ญาติ...

...อาจหมายถึงสัตว์เลี้ยงด้วยนะ...อันนี้พี่ตู่คิดเองค่ะ...

...พูดง่ายๆคือ...ผู้ที่ทำให้เกิดปัญหา...ทำให้สามีภรรยาแตกแยกกัน...

...ในกรณีที่พี่ตู่เล่าให้ฟังนั้น...ฝ่ายชายเป็นคนพูดน้อย...

...ฝ่ายผู้หญิงก็นำคุณแม่และหลานมาอยู่ด้วย...

...พอเกิดปัญหานิดๆหน่อยๆ...ทางญาติฝ่ายหญิงก็จะตั้งป้อมไม่พูดจาสุงสิงด้วย...

...ทำให้ฝ่ายชายรู้สึกว่า...ตัวเองเป็นหัวเดียวกระเทียมลีบ...

...หนักเข้าๆก็แยกบ้านออกมาอยู่ในบ้านพักของที่ทำงาน...

...และไปหย่ากับฝ่ายหญิงโดยอ้างว่า...เวลาอยู่ด้วยกันแล้วจะทะเลาะกันบ่อย...

...ถึงเวลาก็ไปรับลูกมาเลี้ยงบ้าง...ถึงเวลาก็เอาไปส่ง...

...ทำตัวเหมือนเป็นเพื่อนกันเพื่อลูกจะได้ไม่มีปัญหา...

...แต่พอมาวันหนึ่ง...เอาลูกไปส่งที่บ้าน...อุ้มลูกซึ่งนอนหลับจะเข้าไปส่งที่เตียงนอนของลูก...

...กลับพบว่า...อดีตภรรยา...ได้อยู่ภายในห้องกับผู้ชายคนหนึ่ง...คือสามีใหม่ค่ะ...

...ฝ่ายชายคิดไม่ถึง...เพราะที่ผ่านมาเข้าใจว่า...แม่ของลูกยังมีใจให้ตนอยู่ค่ะ...


โอ,ฟังแล้วเศร้าใจคะว่า
เป็นความไม่เข้าอกเข้าใจกันแท้ๆ
ฝ่ายชายคิดไปทาง ฝ่ายหญิงคิดไปอีกทาง
หนิงสงสัยว่าทำไมเค้าไม่คุยกันให้เข้าใจน่ะพี่?

เรื่องผู้หญิง-ผู้ชาย ยิ่งสามีภรรยา...หลายเรื่อง
ทำ/พูดในที่มิดชิด น่าจะคุยกันง่ายกว่า...
แต่ถ้าทำร้ายกันโดยการโพนทะนาเล่าว่าให้ร้าย
ออกนอกที่เมื่อไหร่ เค้าทั้งคู่ได้ผิดกฏของการรักษา
ความเป็น"คู่"เรียบร้อยแล้ว...

จริงๆนะคะ,ฝ่ายหญิงต้องวางตัวยากหลายเท่า
หากมีญาติพี่น้องพ่อแม่มาอยู่ด้วย ผู้ชายจะเสีย
ความรู้สึกว่าเค้าคือ nr.1ในบ้าน เหมือนเค้าไป
อาศัยบ้านผู้หญิงมากกว่าจะอยู่ในบ้านของตัวเอง..
เค้าคงห่างกันทางความรู้สึกแล้วค่ะพี่...ไม่ใช่ทางกาย!
อันตรายคะ ใครเข้ามาช่วงนี้ ก็ไปกันง่ายๆ
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #1856 เมื่อ: 04 เมษายน 2555, 17:03:04 »

อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 04 เมษายน 2555, 10:44:26

...น้องหนุงหนิงจ๊ะ...

...เรื่องที่น้องหนุงหนิงเล่า...น่าสงสารฝ่ายหญิงมากๆค่ะ...

...ยังงี้เลิกกันไปเลยจะดีกว่าค่ะ...

...จะได้ไม่ต้องตบตีกัน...ทรมานทั้งสองฝ่ายเปล่าๆ...

...แต่ก่อนนี้เวลาที่พี่ตู่เห็นคู่ไหนทะเลาะกัน...

...ก็พยายามบอกเค้าว่าอย่าเลิกกันเลย...

...แต่ตอนหลังๆนี้ความคิดเริ่มเปลี่ยนไปค่ะ...

...ถ้าฝ่ายไหนได้รับความไม่ยุติธรรม...

...พี่ตู่เชียร์ให้เลิกกันเลยค่ะ...

...ดีกว่าทนอยู่กันแบบไม่จริงใจกันนะคะ...


ผู้หญิงเลิกแล้ว หย่าแล้วแต่เคลียร์ค่าเลี้ยงดู
ยังต้องแชร์รับ/ส่งลูก กับสามีแพทย์ใหญ่
ที่ตอนหลังย้ายกลับเยอรมันมารับตำแหน่ง
ใหญ่ขึ้น..
heยังเหมือนเดิมคะ! บางทีโยน Kindersitz
เก้าอี้นั่งในรถใส่ภรรยา เพราะขัดใจอะไรไม่รู้
แล้วยังคิดว่าภรรยาคือคนที่เค้าทำอะไรก็ได้
ภรรยาเค้าบอกว่าถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงเฉย
ต่อความaggressiveแต่คราวนี้,เธอหมุนhandy
เรียกตำรวจทันที!! เธอจะเอาเรื่องให้ถอนสิทธิ์
การได้พบลูกด้วยเหตุผลความรุนแรง..
ฝ่ายหมอใหญ่ก็อ้างว่าภรรยาเข้า therapy
ไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรได้...จนสุดท้ายลูกชายวัย10ขวบ
บอกเจ้าหน้าที่บอกทนายว่าพ่อตีเค้า...เค้าขออยู่กะแม่
ขอไม่พบพ่อคะ!

งานนี้ผู้ชายคงหาargumentยาก
ที่โน่น ทำร้ายเด็กนี่ หมดกันคะ..
อันตราย
      บันทึกการเข้า


too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #1857 เมื่อ: 05 เมษายน 2555, 10:58:08 »


...น้องหนุงหนิงคะ...

...พอผู้ชายเริ่มเป็นใหญ่เป็นโตแล้ว...อาจจะลืมตัวหรือเปล่าค่ะ...

...และการที่ผู้หญิงไปยอมเค้ามากๆ...เลยทำให้เค้าได้ใจขึ้นไปเรื่อยๆค่ะ...

...ผู้ชายแบบนี้ต้องลำเลิกบุญคุณกันบ้างค่ะ...

...หรือเท้าความไปถึงหนหลังหรืออดีต...

...พี่ตู่ว่าบางทีเค้าอาจสำนึกบ้างก็ได้ค่ะ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #1858 เมื่อ: 05 เมษายน 2555, 11:03:53 »

อ้างถึง
ข้อความของ khesorn mueller เมื่อ 04 เมษายน 2555, 16:52:29
อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 04 เมษายน 2555, 10:38:45
...แต่ละครอบครัวก็มีปัญหาแตกต่างกันไปค่ะ...น้องทราย...

...ทีแรกพี่ตู่ก็เข้าใจว่า...มือที่สาม...หมายถึง...กิ๊ก...เท่านั้น...

...แต่เคยอ่านหนังสือจากท่านผู้รู้ต่างๆ...

...ท่านบอกว่า...มือที่สาม...หมายถึงบุคคลอื่นๆทุกคนที่นอกเหนือจากสามีและภรรยาค่ะ...

...อาจเป็น...พ่อตา...แม่ยาย...แม่และพ่อสามี...ลูก...เพื่อน...พี่น้อง...ญาติ...

...อาจหมายถึงสัตว์เลี้ยงด้วยนะ...อันนี้พี่ตู่คิดเองค่ะ...

...พูดง่ายๆคือ...ผู้ที่ทำให้เกิดปัญหา...ทำให้สามีภรรยาแตกแยกกัน...

...ในกรณีที่พี่ตู่เล่าให้ฟังนั้น...ฝ่ายชายเป็นคนพูดน้อย...

...ฝ่ายผู้หญิงก็นำคุณแม่และหลานมาอยู่ด้วย...

...พอเกิดปัญหานิดๆหน่อยๆ...ทางญาติฝ่ายหญิงก็จะตั้งป้อมไม่พูดจาสุงสิงด้วย...

...ทำให้ฝ่ายชายรู้สึกว่า...ตัวเองเป็นหัวเดียวกระเทียมลีบ...

...หนักเข้าๆก็แยกบ้านออกมาอยู่ในบ้านพักของที่ทำงาน...

...และไปหย่ากับฝ่ายหญิงโดยอ้างว่า...เวลาอยู่ด้วยกันแล้วจะทะเลาะกันบ่อย...

...ถึงเวลาก็ไปรับลูกมาเลี้ยงบ้าง...ถึงเวลาก็เอาไปส่ง...

...ทำตัวเหมือนเป็นเพื่อนกันเพื่อลูกจะได้ไม่มีปัญหา...

...แต่พอมาวันหนึ่ง...เอาลูกไปส่งที่บ้าน...อุ้มลูกซึ่งนอนหลับจะเข้าไปส่งที่เตียงนอนของลูก...

...กลับพบว่า...อดีตภรรยา...ได้อยู่ภายในห้องกับผู้ชายคนหนึ่ง...คือสามีใหม่ค่ะ...

...ฝ่ายชายคิดไม่ถึง...เพราะที่ผ่านมาเข้าใจว่า...แม่ของลูกยังมีใจให้ตนอยู่ค่ะ...


โอ,ฟังแล้วเศร้าใจคะว่า
เป็นความไม่เข้าอกเข้าใจกันแท้ๆ
ฝ่ายชายคิดไปทาง ฝ่ายหญิงคิดไปอีกทาง
หนิงสงสัยว่าทำไมเค้าไม่คุยกันให้เข้าใจน่ะพี่?

เรื่องผู้หญิง-ผู้ชาย ยิ่งสามีภรรยา...หลายเรื่อง
ทำ/พูดในที่มิดชิด น่าจะคุยกันง่ายกว่า...
แต่ถ้าทำร้ายกันโดยการโพนทะนาเล่าว่าให้ร้าย
ออกนอกที่เมื่อไหร่ เค้าทั้งคู่ได้ผิดกฏของการรักษา
ความเป็น"คู่"เรียบร้อยแล้ว...

จริงๆนะคะ,ฝ่ายหญิงต้องวางตัวยากหลายเท่า
หากมีญาติพี่น้องพ่อแม่มาอยู่ด้วย ผู้ชายจะเสีย
ความรู้สึกว่าเค้าคือ nr.1ในบ้าน เหมือนเค้าไป
อาศัยบ้านผู้หญิงมากกว่าจะอยู่ในบ้านของตัวเอง..
เค้าคงห่างกันทางความรู้สึกแล้วค่ะพี่...ไม่ใช่ทางกาย!
อันตรายคะ ใครเข้ามาช่วงนี้ ก็ไปกันง่ายๆ


...ไม่แน่ค่ะ...ผู้ชายอาจเป็นคนเฉื่อยแฉะ...

...หรืออาจจะอยากมีคนใหม่...

...เพราะรู้สึกว่าเค้าพอใจสภาวะการได้กลับมาเป็นโสดอีกค่ะ...

...และไม่ได้มีการพูดคุยหรือให้ความหวังกับอดีตภรรยาว่าจะรีเทิร์น...

...ผู้หญิงเลยหาคนมาเสียบใหม่ได้พอดีเลยค่ะ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #1859 เมื่อ: 05 เมษายน 2555, 18:10:14 »

อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 05 เมษายน 2555, 10:58:08

...น้องหนุงหนิงคะ...

...พอผู้ชายเริ่มเป็นใหญ่เป็นโตแล้ว...อาจจะลืมตัวหรือเปล่าค่ะ...

...และการที่ผู้หญิงไปยอมเค้ามากๆ...เลยทำให้เค้าได้ใจขึ้นไปเรื่อยๆค่ะ...

...ผู้ชายแบบนี้ต้องลำเลิกบุญคุณกันบ้างค่ะ...

...หรือเท้าความไปถึงหนหลังหรืออดีต...

...พี่ตู่ว่าบางทีเค้าอาจสำนึกบ้างก็ได้ค่ะ...


พี่ตู่คะ,
แถมarticleแนบท้าย สัมภาษณ์Therapeut
ผู้ชายที่บำบัดผู้ชายที่ใช้กำลังในบ้าน
เค้าบอกน่าสนใจมากเลยค่ะ...เค้าว่า,การใช้กำลัง
ย้อนสัมภาษณ์ให้ดีๆ ล้วนมีประวัติว่าคุ้นเคยกับการ
ที่ในบ้านมีพ่อที่ใช้กำลัง หรือพวกผู้ชายในบ้านที่มัก
มีทางออกของconflictในทางก้าวร้าว...คู่นี้,ทนายหญิง
และแพทย์ใหญ่ก็ไม่พ้นbackgroundนั้น...เพราะการทุบตี
ของผู้ชายหรือการปิดปากเงียบของผู้หญิง ไม่เกี่ยวกับ
ความมีความรู้หรือไม่มี!เค้าบอกว่าหากไม่บำบัด
ผู้ชายเหล่านี้เค้าไม่ได้มองว่าสิ่งที่เค้าทำ...คนอื่นเค้าไม่ทำกัน
การสำนึกให้ได้ เข้าไปอยู่ในจิตของลูกเมียให้ได้ว่าหากเค้า
เป็นผู้หญิง เค้าจะรู้สึกอย่างไร ตรงนี้สำคัญต่อการมีสัมพันธภาพ
ใหม่..เค้าบอกว่าผู้ชายที่ตบตีภรรยา มีภรรยาใหม่เค้าก็ไม่หยุดค่ะ!
เพราะสาเหตุไม่ใช่อยู่ที่ผู้หญิง อย่างที่พวกเค้าอ้างติดปาก
แต่อยู่ที่เค้านั่นแหละ...therapyกันเป็นปีๆคะเรื่องแบบนี้.

ความกดดันของที่ทำงาน,อาชีพ
ไม่ใช่argumentของการไปแสดงออก
ความก้าวร้าว ใช้กำลังกะบุคคลอื่นๆ
ไม่ว่าใครทั้งนั้นค่ะ
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #1860 เมื่อ: 05 เมษายน 2555, 18:29:33 »

อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 05 เมษายน 2555, 11:03:53
อ้างถึง
ข้อความของ khesorn mueller เมื่อ 04 เมษายน 2555, 16:52:29
โอ,ฟังแล้วเศร้าใจคะว่า
เป็นความไม่เข้าอกเข้าใจกันแท้ๆ
ฝ่ายชายคิดไปทาง ฝ่ายหญิงคิดไปอีกทาง
หนิงสงสัยว่าทำไมเค้าไม่คุยกันให้เข้าใจน่ะพี่?

เรื่องผู้หญิง-ผู้ชาย ยิ่งสามีภรรยา...หลายเรื่อง
ทำ/พูดในที่มิดชิด น่าจะคุยกันง่ายกว่า...
แต่ถ้าทำร้ายกันโดยการโพนทะนาเล่าว่าให้ร้าย
ออกนอกที่เมื่อไหร่ เค้าทั้งคู่ได้ผิดกฏของการรักษา
ความเป็น"คู่"เรียบร้อยแล้ว...

จริงๆนะคะ,ฝ่ายหญิงต้องวางตัวยากหลายเท่า
หากมีญาติพี่น้องพ่อแม่มาอยู่ด้วย ผู้ชายจะเสีย
ความรู้สึกว่าเค้าคือ nr.1ในบ้าน เหมือนเค้าไป
อาศัยบ้านผู้หญิงมากกว่าจะอยู่ในบ้านของตัวเอง..
เค้าคงห่างกันทางความรู้สึกแล้วค่ะพี่...ไม่ใช่ทางกาย!
อันตรายคะ ใครเข้ามาช่วงนี้ ก็ไปกันง่ายๆ


...ไม่แน่ค่ะ...ผู้ชายอาจเป็นคนเฉื่อยแฉะ...

...หรืออาจจะอยากมีคนใหม่...

...เพราะรู้สึกว่าเค้าพอใจสภาวะการได้กลับมาเป็นโสดอีกค่ะ...

...และไม่ได้มีการพูดคุยหรือให้ความหวังกับอดีตภรรยาว่าจะรีเทิร์น...

...ผู้หญิงเลยหาคนมาเสียบใหม่ได้พอดีเลยค่ะ...

นั่นแหละพี่,การไม่เคลียร์ให้เรียบร้อย
ทำให้สัมพันธภาพส่วนใหญ่เลิกร้างกัน
โดยความไม่เข้าใจ...เลิกแบบนี้,โกรธแค้น
ไม่เผาผีคะ และส่วนใหญ่ก็จะเป็นแบบนั้นด้วย
ก็รีบมีใหม่มาเยาะเย้ยกัน ทั้งๆที่,ชายหรือหญิง
นั้นเคยรักกัน เคยรู้สึกดีๆกันมากๆมาก่อน...อย่างน้อย
น่าจะเหลือความเป็นเพื่อนกันได้..

เรื่องนี้หนิงทึ่งจัดมากๆในวิถีที่ฝรั่งเยอรมันเค้าปฏิบัติต่อกัน
ยิ่งคู่ที่มีลูกกัน เลิกกันก็ใช่จะไม่รักแม่ก็ไม่เอาลูกด้วย..
เพราะสองสิ่งนี้ไม่เกี่ยวอะไรกัน..เค้าเลิกกันนะคะ,ยังโทร
ยังปรึกษา เผลอๆยังทำกิจกรรมต่อไป เหมือนเช่นเคย..

ที่เมืองไทยเลี่ยงการคุย การปรับความเข้าใจ
สุดท้ายก็ไม่เหลืออะไรที่จะเก็บเป็นความทรงจำ
มีแต่ช่วงท้ายตอนเลิกตอนทะเลาะ ช่วงแรก
ที่เคยประทับใจ ตรึงใจ รึงรัดพวกเค้าจนแต่ง
จนมีลูกดูจะไม่สำคัญ ไม่หนัก...น่าเสียดายค่ะ!
เพราะรีบมีใหม่โดยสัมพันธภาพเก่ายังไม่ตกตะกอน
เลิกกันอีกก็อิหร็อบเดิมๆแหละพี่......หนิงว่า.
      บันทึกการเข้า


too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #1861 เมื่อ: 07 เมษายน 2555, 11:06:16 »

อ้างถึง
ข้อความของ khesorn mueller เมื่อ 05 เมษายน 2555, 18:10:14
อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 05 เมษายน 2555, 10:58:08

...น้องหนุงหนิงคะ...

...พอผู้ชายเริ่มเป็นใหญ่เป็นโตแล้ว...อาจจะลืมตัวหรือเปล่าค่ะ...

...และการที่ผู้หญิงไปยอมเค้ามากๆ...เลยทำให้เค้าได้ใจขึ้นไปเรื่อยๆค่ะ...

...ผู้ชายแบบนี้ต้องลำเลิกบุญคุณกันบ้างค่ะ...

...หรือเท้าความไปถึงหนหลังหรืออดีต...

...พี่ตู่ว่าบางทีเค้าอาจสำนึกบ้างก็ได้ค่ะ...


พี่ตู่คะ,
แถมarticleแนบท้าย สัมภาษณ์Therapeut
ผู้ชายที่บำบัดผู้ชายที่ใช้กำลังในบ้าน
เค้าบอกน่าสนใจมากเลยค่ะ...เค้าว่า,การใช้กำลัง
ย้อนสัมภาษณ์ให้ดีๆ ล้วนมีประวัติว่าคุ้นเคยกับการ
ที่ในบ้านมีพ่อที่ใช้กำลัง หรือพวกผู้ชายในบ้านที่มัก
มีทางออกของconflictในทางก้าวร้าว...คู่นี้,ทนายหญิง
และแพทย์ใหญ่ก็ไม่พ้นbackgroundนั้น...เพราะการทุบตี
ของผู้ชายหรือการปิดปากเงียบของผู้หญิง ไม่เกี่ยวกับ
ความมีความรู้หรือไม่มี!เค้าบอกว่าหากไม่บำบัด
ผู้ชายเหล่านี้เค้าไม่ได้มองว่าสิ่งที่เค้าทำ...คนอื่นเค้าไม่ทำกัน
การสำนึกให้ได้ เข้าไปอยู่ในจิตของลูกเมียให้ได้ว่าหากเค้า
เป็นผู้หญิง เค้าจะรู้สึกอย่างไร ตรงนี้สำคัญต่อการมีสัมพันธภาพ
ใหม่..เค้าบอกว่าผู้ชายที่ตบตีภรรยา มีภรรยาใหม่เค้าก็ไม่หยุดค่ะ!
เพราะสาเหตุไม่ใช่อยู่ที่ผู้หญิง อย่างที่พวกเค้าอ้างติดปาก
แต่อยู่ที่เค้านั่นแหละ...therapyกันเป็นปีๆคะเรื่องแบบนี้.

ความกดดันของที่ทำงาน,อาชีพ
ไม่ใช่argumentของการไปแสดงออก
ความก้าวร้าว ใช้กำลังกะบุคคลอื่นๆ
ไม่ว่าใครทั้งนั้นค่ะ


...คงเป็นโรคจิตอย่างหนึ่งใช่ป่าวคะ...

...น่ากลัวค่ะ...ดีนะที่แค่ตบตี...

...แล้วถ้าสักวันหนึ่งเค้าเกิดอยากใช้อาวุธขึ้นมาล่ะคะ...

...ไม่อยากคิดเลย...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #1862 เมื่อ: 07 เมษายน 2555, 11:11:13 »

อ้างถึง
ข้อความของ khesorn mueller เมื่อ 05 เมษายน 2555, 18:29:33
อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 05 เมษายน 2555, 11:03:53
อ้างถึง
ข้อความของ khesorn mueller เมื่อ 04 เมษายน 2555, 16:52:29
โอ,ฟังแล้วเศร้าใจคะว่า
เป็นความไม่เข้าอกเข้าใจกันแท้ๆ
ฝ่ายชายคิดไปทาง ฝ่ายหญิงคิดไปอีกทาง
หนิงสงสัยว่าทำไมเค้าไม่คุยกันให้เข้าใจน่ะพี่?

เรื่องผู้หญิง-ผู้ชาย ยิ่งสามีภรรยา...หลายเรื่อง
ทำ/พูดในที่มิดชิด น่าจะคุยกันง่ายกว่า...
แต่ถ้าทำร้ายกันโดยการโพนทะนาเล่าว่าให้ร้าย
ออกนอกที่เมื่อไหร่ เค้าทั้งคู่ได้ผิดกฏของการรักษา
ความเป็น"คู่"เรียบร้อยแล้ว...

จริงๆนะคะ,ฝ่ายหญิงต้องวางตัวยากหลายเท่า
หากมีญาติพี่น้องพ่อแม่มาอยู่ด้วย ผู้ชายจะเสีย
ความรู้สึกว่าเค้าคือ nr.1ในบ้าน เหมือนเค้าไป
อาศัยบ้านผู้หญิงมากกว่าจะอยู่ในบ้านของตัวเอง..
เค้าคงห่างกันทางความรู้สึกแล้วค่ะพี่...ไม่ใช่ทางกาย!
อันตรายคะ ใครเข้ามาช่วงนี้ ก็ไปกันง่ายๆ


...ไม่แน่ค่ะ...ผู้ชายอาจเป็นคนเฉื่อยแฉะ...

...หรืออาจจะอยากมีคนใหม่...

...เพราะรู้สึกว่าเค้าพอใจสภาวะการได้กลับมาเป็นโสดอีกค่ะ...

...และไม่ได้มีการพูดคุยหรือให้ความหวังกับอดีตภรรยาว่าจะรีเทิร์น...

...ผู้หญิงเลยหาคนมาเสียบใหม่ได้พอดีเลยค่ะ...

นั่นแหละพี่,การไม่เคลียร์ให้เรียบร้อย
ทำให้สัมพันธภาพส่วนใหญ่เลิกร้างกัน
โดยความไม่เข้าใจ...เลิกแบบนี้,โกรธแค้น
ไม่เผาผีคะ และส่วนใหญ่ก็จะเป็นแบบนั้นด้วย
ก็รีบมีใหม่มาเยาะเย้ยกัน ทั้งๆที่,ชายหรือหญิง
นั้นเคยรักกัน เคยรู้สึกดีๆกันมากๆมาก่อน...อย่างน้อย
น่าจะเหลือความเป็นเพื่อนกันได้..

เรื่องนี้หนิงทึ่งจัดมากๆในวิถีที่ฝรั่งเยอรมันเค้าปฏิบัติต่อกัน
ยิ่งคู่ที่มีลูกกัน เลิกกันก็ใช่จะไม่รักแม่ก็ไม่เอาลูกด้วย..
เพราะสองสิ่งนี้ไม่เกี่ยวอะไรกัน..เค้าเลิกกันนะคะ,ยังโทร
ยังปรึกษา เผลอๆยังทำกิจกรรมต่อไป เหมือนเช่นเคย..

ที่เมืองไทยเลี่ยงการคุย การปรับความเข้าใจ
สุดท้ายก็ไม่เหลืออะไรที่จะเก็บเป็นความทรงจำ
มีแต่ช่วงท้ายตอนเลิกตอนทะเลาะ ช่วงแรก
ที่เคยประทับใจ ตรึงใจ รึงรัดพวกเค้าจนแต่ง
จนมีลูกดูจะไม่สำคัญ ไม่หนัก...น่าเสียดายค่ะ!
เพราะรีบมีใหม่โดยสัมพันธภาพเก่ายังไม่ตกตะกอน
เลิกกันอีกก็อิหร็อบเดิมๆแหละพี่......หนิงว่า.


...หลังจากนั้นไม่นาน...

...ผู้ชายก็แต่งงานใหม่ค่ะ...

...กับเด็กสาวที่เป็นเจ้าหน้าที่ในที่ทำงานเดียวกัน...

...และก็เคยช่วยงานกับครอบครัวผู้ชายเป็นจ๊อบพิเศษค่ะ...

...เคยช่วยเลี้ยงและดูแลลูกๆด้วยถ้าว่าง...

...เข้าทำนองสมภารกินไก่วัด...ฮ่าฮ่าฮ่า...

...ผู้ชายก็คงเลือกไว้เสียบอยู่ในใจตั้งนานแล้วอ่ะค่ะ...

...ดูแล้วพอๆกันค่ะ...ผัวเมียคู่นี้...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #1863 เมื่อ: 11 เมษายน 2555, 02:23:37 »

อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 07 เมษายน 2555, 11:06:16
...คงเป็นโรคจิตอย่างหนึ่งใช่ป่าวคะ...

...น่ากลัวค่ะ...ดีนะที่แค่ตบตี...

...แล้วถ้าสักวันหนึ่งเค้าเกิดอยากใช้อาวุธขึ้นมาล่ะคะ...

...ไม่อยากคิดเลย...


ไม่น่าจะใช่นะคะ
คนพวกนี้ก็ปกติดีทุกอย่างคะ
แต่ไม่เคยฝึกการควบคุมจิตใจ
ไม่เคยปล่อยวางไว้ใจ...มักชอบ
ควบคุมทุกอย่างคะ..คนเป็นภรรยา
อึดอัดแย่คะ...เพราะมักไม่มั่นใจ
ขี้หึง..ยอมรับการพ่ายแพ้ไม่เป็น
จะยึดติด ถือมั่น...หากออกไปในทาง
การเรียน อาชีพ คุณลักษณ์นี้จะทำให้
เค้าไปได้ไกลคะ แต่หากไม่มีการ abdampfen
ปล่อยไอน้ำที่กดดันในอารมณ์..เหมือนหมาบ้าค่ะ!
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #1864 เมื่อ: 11 เมษายน 2555, 02:28:38 »

อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 07 เมษายน 2555, 11:11:13
...หลังจากนั้นไม่นาน...

...ผู้ชายก็แต่งงานใหม่ค่ะ...

...กับเด็กสาวที่เป็นเจ้าหน้าที่ในที่ทำงานเดียวกัน...

...และก็เคยช่วยงานกับครอบครัวผู้ชายเป็นจ๊อบพิเศษค่ะ...

...เคยช่วยเลี้ยงและดูแลลูกๆด้วยถ้าว่าง...

...เข้าทำนองสมภารกินไก่วัด...ฮ่าฮ่าฮ่า...

...ผู้ชายก็คงเลือกไว้เสียบอยู่ในใจตั้งนานแล้วอ่ะค่ะ...

...ดูแล้วพอๆกันค่ะ...ผัวเมียคู่นี้...


ถือว่าจบดีนะคะ!!
happy ending..เหอๆ
จนกว่า,จนกว่าจะได้ยินข่าว
ว่าคู่ใหม่ก็เลิกอีก!!
ถ้าเป็นจริงแสดงว่าเค้าๆไม่ได้เรียนรู้อะไรจาก
บทเรียนเก่า...
      บันทึกการเข้า


too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #1865 เมื่อ: 11 เมษายน 2555, 11:39:37 »

อ้างถึง
ข้อความของ khesorn mueller เมื่อ 11 เมษายน 2555, 02:23:37
อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 07 เมษายน 2555, 11:06:16
...คงเป็นโรคจิตอย่างหนึ่งใช่ป่าวคะ...

...น่ากลัวค่ะ...ดีนะที่แค่ตบตี...

...แล้วถ้าสักวันหนึ่งเค้าเกิดอยากใช้อาวุธขึ้นมาล่ะคะ...

...ไม่อยากคิดเลย...


ไม่น่าจะใช่นะคะ
คนพวกนี้ก็ปกติดีทุกอย่างคะ
แต่ไม่เคยฝึกการควบคุมจิตใจ
ไม่เคยปล่อยวางไว้ใจ...มักชอบ
ควบคุมทุกอย่างคะ..คนเป็นภรรยา
อึดอัดแย่คะ...เพราะมักไม่มั่นใจ
ขี้หึง..ยอมรับการพ่ายแพ้ไม่เป็น
จะยึดติด ถือมั่น...หากออกไปในทาง
การเรียน อาชีพ คุณลักษณ์นี้จะทำให้
เค้าไปได้ไกลคะ แต่หากไม่มีการ abdampfen
ปล่อยไอน้ำที่กดดันในอารมณ์..เหมือนหมาบ้าค่ะ!


...เป็นพี่ตู่ก็หนีค่ะ...

...ไม่อยู่ด้วยหร่อก...คนแบบนี้...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #1866 เมื่อ: 11 เมษายน 2555, 11:49:40 »

อ้างถึง
ข้อความของ khesorn mueller เมื่อ 11 เมษายน 2555, 02:28:38
อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 07 เมษายน 2555, 11:11:13
...หลังจากนั้นไม่นาน...

...ผู้ชายก็แต่งงานใหม่ค่ะ...

...กับเด็กสาวที่เป็นเจ้าหน้าที่ในที่ทำงานเดียวกัน...

...และก็เคยช่วยงานกับครอบครัวผู้ชายเป็นจ๊อบพิเศษค่ะ...

...เคยช่วยเลี้ยงและดูแลลูกๆด้วยถ้าว่าง...

...เข้าทำนองสมภารกินไก่วัด...ฮ่าฮ่าฮ่า...

...ผู้ชายก็คงเลือกไว้เสียบอยู่ในใจตั้งนานแล้วอ่ะค่ะ...

...ดูแล้วพอๆกันค่ะ...ผัวเมียคู่นี้...


ถือว่าจบดีนะคะ!!
happy ending..เหอๆ
จนกว่า,จนกว่าจะได้ยินข่าว
ว่าคู่ใหม่ก็เลิกอีก!!
ถ้าเป็นจริงแสดงว่าเค้าๆไม่ได้เรียนรู้อะไรจาก
บทเรียนเก่า...


...พี่ตู่ว่า...เค้าต้องแข่งกันค่ะ...

...ทำนองว่าใครจะได้คู่ใหม่ดีกว่ากัน...

...ใครอย่าเพลี่ยงพล้ำเลิกกันก่อนนะ...ถือว่าขายหน้าชาวประชาเชียวล่ะ...

...ถ้าพูดถึงพื้นเพทางครอบครัวและอาชีพ...

...ฝ่ายหญิงได้คู่ที่เหมาะสมกันดีค่ะ...คืออาชีพเดียวกัน...

...สามีใหม่เคยเป็นเพื่อนกันมาก่อนตอนเรียน ม.ปลาย...

...และได้กลับมาเจอกันใหม่อีกครั้งตอนฝ่ายหญิงย้ายที่ทำงานครั้งสุดท้ายค่ะ...

...สามีใหม่โสดซิงๆ...

...ส่วนฝ่ายชายได้ภรรยาใหม่เป็นลูกน้องในที่ทำงาน...

...การศึกษาก็จบปริญญาตรีแต่สถาบันอันโนน...ซึ่งดูกระจอกมากในสายตาของคนในที่ทำงานเก่า...

...ฐานะทางบ้านและในทางสังคมก็สู้ภรรยาเก่าอย่างเทียบกันไม่ได้...

...แต่ผู้หญิงเป็นคนที่มีบุคลิกเรียบร้อย...ไม่มีปากมีเสียงซึ่งฝ่ายชายคงชอบค่ะ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #1867 เมื่อ: 13 เมษายน 2555, 22:22:05 »

อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 11 เมษายน 2555, 11:39:37
อ้างถึง
ข้อความของ khesorn mueller เมื่อ 11 เมษายน 2555, 02:23:37
ไม่น่าจะใช่นะคะ
คนพวกนี้ก็ปกติดีทุกอย่างคะ
แต่ไม่เคยฝึกการควบคุมจิตใจ
ไม่เคยปล่อยวางไว้ใจ...มักชอบ
ควบคุมทุกอย่างคะ..คนเป็นภรรยา
อึดอัดแย่คะ...เพราะมักไม่มั่นใจ
ขี้หึง..ยอมรับการพ่ายแพ้ไม่เป็น
จะยึดติด ถือมั่น...หากออกไปในทาง
การเรียน อาชีพ คุณลักษณ์นี้จะทำให้
เค้าไปได้ไกลคะ แต่หากไม่มีการ abdampfen
ปล่อยไอน้ำที่กดดันในอารมณ์..เหมือนหมาบ้าค่ะ!


...เป็นพี่ตู่ก็หนีค่ะ...

...ไม่อยู่ด้วยหร่อก...คนแบบนี้...


เรื่องคู่ของคนอื่น
เราถึงเข้าใจไม่หมดไงพี่!
commentไม่ได้ โทษไม่ได้
เพราะเรื่องที่ออกมาข้างนอกน่ะ
ส่วนเดียวค่ะ.
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #1868 เมื่อ: 13 เมษายน 2555, 22:31:34 »

อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 11 เมษายน 2555, 11:49:40
...พี่ตู่ว่า...เค้าต้องแข่งกันค่ะ...

...ทำนองว่าใครจะได้คู่ใหม่ดีกว่ากัน...

...ใครอย่าเพลี่ยงพล้ำเลิกกันก่อนนะ...ถือว่าขายหน้าชาวประชาเชียวล่ะ...

...ถ้าพูดถึงพื้นเพทางครอบครัวและอาชีพ...

...ฝ่ายหญิงได้คู่ที่เหมาะสมกันดีค่ะ...คืออาชีพเดียวกัน...

...สามีใหม่เคยเป็นเพื่อนกันมาก่อนตอนเรียน ม.ปลาย...

...และได้กลับมาเจอกันใหม่อีกครั้งตอนฝ่ายหญิงย้ายที่ทำงานครั้งสุดท้ายค่ะ...

...สามีใหม่โสดซิงๆ...

...ส่วนฝ่ายชายได้ภรรยาใหม่เป็นลูกน้องในที่ทำงาน...

...การศึกษาก็จบปริญญาตรีแต่สถาบันอันโนน...ซึ่งดูกระจอกมากในสายตาของคนในที่ทำงานเก่า...

...ฐานะทางบ้านและในทางสังคมก็สู้ภรรยาเก่าอย่างเทียบกันไม่ได้...

...แต่ผู้หญิงเป็นคนที่มีบุคลิกเรียบร้อย...ไม่มีปากมีเสียงซึ่งฝ่ายชายคงชอบค่ะ...


ป้องปาก: psst,พี่ตู่คะ
เพื่อนแฟนหนิงนะคะตั้งแต่หย่าครั้งแรก
เขามี เกิลเฟรนด์เปลี่ยนหน้าไป3รึ4แล้วคะ
ตอนได้กันใหม่ๆก็หวานแหวว รักกันจ๋า
จ๊วบๆกันต่อหน้าธารกำนัล...ปีกว่าไม่ถึงที
อ้าวเลิกกันแล้วเร่อะ??...
บางคนเค้าก็enjoyสภาวะ"falling in love"ค่ะ
พอชีวิตเข้าสู่routine...อ้าว,แฮะ...ไหนที่เคย
attractiveก็ไม่สวย ไม่น่านิยมไปเสียแล้ว??

ชีวิตก็ไม่หนีเรื่องในชีวิตประจำวันไปได้คะพี่
      บันทึกการเข้า


too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #1869 เมื่อ: 15 เมษายน 2555, 10:51:02 »


...น้องหนุงหนิงจ๊ะ...

...ทุกเรื่องเข้าหลักธรรมะของพระพุทธเจ้าหมดเลย...

...แรกๆเราเห็นว่าสวยว่าดี...

...เพราะสังขารปรุงแต่งจิตเราให้เห็นสวยเห็นงามไปด้วย...

...สุดท้ายก็ไม่พ้น...อนิจจัง...ทุกขัง...อนัตตา...

...ไม่เชื่อ...พิจารณาดูสิคะ...

...ตอนนี้ยังหลอกตัวเองได้อยู่...เพราะยังไม่แก่เท่าไหร่...

...เวลาเราคิดถึงลูก...เรานึกถึงตอนไหนคะ...

...ตอนที่เราอุ้มเค้า...เมื่อยังแบเบาะใช่มั้ย...

...ความไร้เดียงสาของเค้าประทับใจจนเราต้องอุ้มเค้ามาแนบอกใช่มั้ยคะ...

...ยิ่งคุยยิ่งใกล้ธรรมะเข้าไปทุกที...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #1870 เมื่อ: 16 เมษายน 2555, 20:53:02 »

ตราบเท่าที่...
พี่ยังไม่ชวนหนิงเข้าวัด!
ถือว่าพี่ยังแยกชีวิตโลก กะชีวิตธรรมออก.


      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #1871 เมื่อ: 16 เมษายน 2555, 21:16:03 »

เมื่อคืนวันเสาร์หนิงตั้งหน้าชมรายการ
documentationเรื่องน่าสนใจอีกแล้วค่ะ.
"Diet-Lüge"เรื่องโกหกแห่งการลดน้ำหนัก!

หนิงงี้สนอกสนใจ...ด้วยเมื่อหลังคริสต์มาส
เค้ามีรายการtalkshowที่ทำดีมากถึงขนาด
เป็นแรงบันดาลใจให้หนิงตั้งใจ ว่าปีนี้จะลด
ให้ได้อย่างเอาจริง ไปขึ้นเครื่องชั่ง หลังไม่เคยชั่ง
มานานหลายปีตั้งแต่เครื่องเก่าที่เป็นเข็มชี้
จนแฟนหนิงซื้อเครื่องใหม่digitalทันสมัยเฉียบ
ใส่ส่วนสูง ใส่อายุ วัดออกมาถึงขนาดขีดกรัม
มีเปอร์เซนต์fat,เปอร์เซนต์มัดกล้าม...ละเอียดเล้อเกิน!

รายการวันเสาร์นั้น,2 ชม.เต็ม ลงลึกในdiet methode
ที่หลอกเงินลูกค้าสาวๆได้ไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่
ชื่อสะแมนแตน เลิ่ดสุดยังไง พ้นระยะนั้นไป
หากไม่ปรับนิสัยการกินใหม่,กลับไปกินเหมือนเดิม
น้ำหนักก็กลับมาที่เดิม!! แถมแต่ละวิธีที่หมอคนนั้น
คนนี้ค้นคิดขึ้นมา แจงออกมาจริงๆก็ไม่พ้น concept
ง่ายๆของกฏเหล็กแห่งการรักษาควบคุมน้ำหนัก
คือ....กินเข้าไปให้เท่ากับ/น้อยกว่าที่ร่างกายต้องใช้!!
ม่ายงั้นก็ไม่พ้นความรู้สึกfrustrateที่ล้มเหลวไม่สามารถ
ทำได้ตามที่ตั้งใจ... เค้าสัมภาษณ์ผู้หญิงหลายคน
ในวัยต่างกัน 30-40-50 หรือแม้แต่หมอผู้หญิงที่รักษา
Bulimieให้เจ้าหญิงไดอาน่า...หลุดพ้นออกจากภาวะ
กินแล้วอ้วก ว่าผู้หญิงแต่ละคน แต่ละวัย แต่ละส่วนสูง
แต่ละน้ำหนัก...ไม่สามารถลอกเลียนแบบกันและกันได้
ไม่มีสุขนิสัยการกินอันไหนจะมาเป็นstandardให้กับผู้หญิง
ที่เหลืออื่นๆได้...ทุกคนเป็นindividualที่ต้องรู้จักตัวเอง
ว่าน้ำหนักไหนตัวเองสบายใจ สบายกาย สุขภาพดี
ทั้งกายทั้งจิต...นั่นคือน้ำหนักของคนนั้นที่กำหนดเค้า
ให้ไปทำอย่างอื่นๆที่สำคัญในชีวิตได้...เค้าๆcritical
วิธีการลดน้ำหนักแต่ละวิธีถึงแก่น แม้คนค้นคิดจะเป็นหมอก็เถอะ

ผู้เชี่ยวชาญให้มองในตลาด ในชั้นสินค้าว่ามีรายการ
อะไรออกมาล่อตาว่าlow fat,low carb,light..zucker zero
ล้วนแล้วแต่ขี้หกทั้งเพ!!หลอกเอาเงินชาวบ้าน
หลอกผู้บริโภค...อาหาร-เครื่องดื่มที่มีสุขภาพดี
อยู่ในผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผ่านหรือผ่านprocessน้อยที่สุด!!
ง่ายๆผักหญ้าผลไม้นี่แหละ...

พี่ตู่คะ,จบรายการ หนูแตกฉานไปอีกเยอะคะ.
      บันทึกการเข้า


too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #1872 เมื่อ: 17 เมษายน 2555, 10:23:08 »


...น้องหนุงหนิงคะ...

...พี่ตู่เห็นหลายคนที่เค้าลดน้ำหนักได้...

...เค้าจะจำกัดอาหารมื้อเย็นค่ะ...

...ทานให้น้อยลง...ทานแต่ผลไม้และผัก...

...ถ้าพี่ตู่ทำได้...พี่ตู่ก็ลดได้...

...แต่ส่วนมากทำไม่ค่อยได้ค่ะ...

...น้ำหนักจึงยังมากอยู่...

...แต่คิดอีกที...ถ้าน้ำหนักลด...

...เราจะรับได้มั้ยกับความเหี่ยวค่ะ...

...น้ำหนักลดเมื่อไร...เหี่ยวแน่นอนค่ะ...

...น้องหนุงหนิงอาจยังไม่รู้สึก...เพราะยังสาวอยู่ค่ะ...

...ดังนั้นโจทย์นี้...พี่ตู่เอาความแข็งแรงและความกระชับค่ะ...

...หมอทานมากกว่าพี่ตู่อีก...แต่แกตัวเล็กกว่า...

...เพราะแกออกกำลังมากกว่าค่ะ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #1873 เมื่อ: 21 เมษายน 2555, 00:27:32 »

นั่นสิคะ ถ้าง่าย ก็คงทำกันได้ทุกคน
ผู้หญิงที่ให้สัมภาษณ์เป็นบรรณาธิการ
นิตยสารผู้หญิง ที่ชั้นนำในเรื่อง Diet Tip
เค้าบอกว่าในความเป็นจริงอะไรที่ว่าห้ามๆ
ไม่ใช่ทุกคนจะขาดได้ทันที...อย่างเรากินข้าว
เค้ากินมันฝรั่ง...เค้าบอกว่ามื้อไหนไม่มีมันฝรั่ง
เค้ารู้สึกเหมือนยังไม่ได้กิน! ความกดดันของการ
"ละ"นี้มีผลตีกลับที่อาจไม่เห็นทันทีตอนนั้นช่วงนั้น
แต่ตีกลับแน่ๆคะ นานแค่ไหนเท่านั้น.

เค้าบอกยิ่งอายุเรามากขึ้น,การกินไม่ใช่เรื่องอะไรก็ได้
แต่เป็นเรื่อง"Sinnlichkeit"...sensuality
เป็นการรับsenseที่ intensive.
      บันทึกการเข้า


too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #1874 เมื่อ: 22 เมษายน 2555, 09:06:43 »


...แต่การที่พี่ตู่อ้วนขึ้นเนี่ย...

...ต้องยอมรับอย่างนึงว่ากินเกินความต้องการ...

...ถ้าพี่ตู่ใช้หลักว่า...กินเมื่อหิว...

...ต้องลดได้แน่นอนค่ะ...

...เพราะว่าทุกวันนี้บางทีพี่ตู่ทาน...ไม่ใช่เพราะหิว...

...แต่ทานเป็นเพื่อนหมอ...

...บางทีไม่ค่อยหิวเท่าไหร่...แต่ทานตามมื้อให้หมดๆเรื่องไป...

...ธรรมชาติของพี่ตู่จริงๆเป็นคนทานน้อยค่ะ...

...และสมัยเด็กๆจนกระทั่งสาว...

...เป็นคนที่เบื่ออาหารง่าย...ทานไม่หมดเป็นประจำ...

...พอทานอาหารได้...จึงรู้สึกมีความสุข...

...และเผลอกับการกินจนกระทั่งอ้วนค่ะ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
  หน้า: 1 ... 73 74 [75] 76 77 ... 96   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><