khesorn mueller
|
|
« ตอบ #1850 เมื่อ: 03 เมษายน 2555, 19:31:30 » |
|
พี่ตู่ พี่ทราย, เมื่อวานอ่านหนังสือแนบในหนังสือพิมพ์ เป็นนิตยสารสั้นๆเกี่ยวกะเรื่องทางโปรเตสแตนท์ reducterเป็นบาทหลวงหญิง ที่เขียนคอลัมน์น่าสนใจ ทุกอาทิตย์...ทั้งยังมีบทวิเคราะห์ จากศูนย์ช่วยเหลือ เด็กและผู้หญิง มีอะไรให้อ่านเรื่อยๆ เมื่อวานมีเรื่อง น่าสนใจคะ...เป็นเรื่องจริงที่ผู้หญิงคนนี้ไปเข้าtherapy!
เธอจบกฏหมายมา,เป็นผู้หญิงเยอรมันที่ฉลาดมีความรู้ เจอะกะแฟนตอนอายุ24...แฟนเรียนแพทย์ ยังไม่จบ แม้ฝ่ายหญิงจะสอบผ่าน การเป็นทนายอาชีพ ฝ่ายชาย รีบขอแต่งงาน รวบรัด ผู้ชายยังเป็นแพทย์ฝึกหัด..ย้าย หลายที่ ฝ่ายหญิงก็ยอมตามไป ยังหาทางได้ไปทำงาน เป็นทนายสมทบในKanzleiจนตั้งท้อง..ผู้ชายเริ่มทุบตีเค้าคะ! ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องน้อย เริ่มcontrol เริ่มหาเรื่อง... ทุบตีเสร็จก็เสียใจก็ขอโทษ...ดีกันเป็นปกติจนกว่าจะเริ่ม ขมวดเกลียวจากต้นใหม่! เป็นอยู่อย่างนั้นจนผู้หญิงท้องลูก แฝด...การจะแยกจะย้าย จะหนีก็อุ้ยอ้ายทำได้ยาก.. เด็กๆรับรู้ความตึงเครียดโดยไม่รู้ตัว ลูกชาย2 หญิง 1 ติดแม่กระจองอกระจอแง...ผู้หญิงก็ทนคะ,เธออาย กลัวว่าจะไม่มีครอบครัวให้ลูกๆเติบโตขึ้นในแวดล้อมที่ดี เธอเองถูกสามีตัดขาดการพบปะสังสรรค์กะเพื่อนฝูง กลุ่มก้อนของตัวเอง...เป็นอยู่อย่างนั้นจนผู้ชายได้เลื่อนตำแหน่ง ขึ้นเป็นแพทย์ใหญ่ ให้ผู้หญิงออกจากงาน...ทีนี้เลยแย่เลย เพราะเธอต้องขึ้นกะสามีหมด...แถมหมดความมั่นใจ สามีขอย้ายไปอเมริกา...ดูไป จากภายนอกชีวิตครอบครัวนี้ สมบูรณ์มีความสุขมากคะ แต่ภายในสุดจะตึงเครียดไม่มีเสียงหัวเราะ ไม่มีความรื่นเริง...วันนึง,ฝ่ายหญิงโทรกลับเยอรมันนีหาครอบครัว หาเพื่อน ผู้ชายก็หึงว่าจะคบหากับแฟนเก่า..เกือบได้ฆ่ากันคะ! ฝ่ายชายควบคุมstressของตัวเองจากเรื่องงานไม่ได้ ขึ้นเรื่อยๆ ก็มาลงที่บ้านที่ครอบครัว...เด็กๆเริ่มถูกพ่อตี...แม่ก็ช่วยไม่ได้ มันมีเรื่องหึงมากมายไม่ว่าภรรยาจะขยับจะทำอะไร..ขนาดไปเรียน ขับเครื่องบิน ฝ่ายชายก็ทุบตีตกกระได..เกือบตายหลายหน!
คืนนึงก็ตัดสินใจคะ,โทรหาแม่ที่เยอรมันนีให้จองตั๋วสำรองรอไว้ ที่ท่าอากาศยาน เธอบอบช้ำตาเขียว ฟกไปทั้งตัว ปลุกลูกชาย วัย8-9ขวบ ลูกแฝดชายหญิงยังหลับก็อุ้ม หนีไปท่าอากาศยาน ปรากฏเที่ยวบินdelay..ชม.นึง...เธอว่าถ้าวันนั้นสามีตามมาทัน เธอตายแน่...ก็หนีได้ พ่อแม่น้องชายผู้หญิงมารับที่ท่าอากาศยาน ตกใจสภาพที่เห็น!! เพราะผู้หญิงไม่เคยเล่า...เล่าไปใครจะเชื่อ? akademischทั้งคู่ ถือเป็น topของคนมีความรู้ แต่ตบตีภรรยา!!
เรื่องนี้จบแบบที่ผู้หญิงต้องเข้าบำบัดเยียวยาฟื้นฟูความเชื่อมั่น ว่าเธอมีค่า มีความสามารถ ทำอะไรได้เอง และไม่ยอมให้ใคร มาทำร้ายทุบตีโดยคิดว่าเป็นความผิดของเธอ!! การเข้าบำบัดทำให้ทราบว่าที่เธอยอมรับการซ้อม ทุบตีจากสามี ปิดบัง ไม่บอกใครนั้นเพราะเธอโตมากะการมีพ่อ มีพี่ชายที่ใช้กำลัง! พ่อตีแม่,ก็เห็นแม่ยังอยู่ดี...พี่ชายทุบตีน้อง แม่ก็บอกให้น้องเงียบ.. เธอจึงรู้สึกว่าการทุบตีจากอีกฝ่ายเพราะเธอทำอะไรผิด เธอมองย้อน,สามีชกหน้าเธอครั้งแรกตอนเป็นแฟนกัน!!เธอเห็นเค้า หายไปไม่ติดต่อก็โทรตามเพื่อนสนิทฝ่ายชายถาม ฝ่ายชายรู้จากเพื่อน ก็หึง..ตอนนั้นมีสัญญาณของการใช้กำลัง การยั้งสติไม่ได้ และการให้อภัยที่ผู้หญิงมามองย้อนหลังว่าเค้าจะดีขึ้น จะไม่ทำ ...เธอต้องจ่ายด้วยเวลาถึง 13 ปีคะ...13ปีที่ยาวนานกว่าจะมอง ออกว่าความจริงน่ะ,ลงมือ ใช้กำลังครั้งแรก ก็คือ จุดเริ่มต้นของการสิ้นสุด!
|
|
|
|
ทราย 16
|
|
« ตอบ #1851 เมื่อ: 04 เมษายน 2555, 08:24:24 » |
|
โอ ... เรื่องที่น้องหนิงเล่านี่ น่าสงสารผู้หญิงมากๆน่ะ คงมีกรณีแบบนี้อีกเยอะน่ะค่ะ
|
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #1852 เมื่อ: 04 เมษายน 2555, 10:38:45 » |
|
...แต่ละครอบครัวก็มีปัญหาแตกต่างกันไปค่ะ...น้องทราย...
...ทีแรกพี่ตู่ก็เข้าใจว่า...มือที่สาม...หมายถึง...กิ๊ก...เท่านั้น...
...แต่เคยอ่านหนังสือจากท่านผู้รู้ต่างๆ...
...ท่านบอกว่า...มือที่สาม...หมายถึงบุคคลอื่นๆทุกคนที่นอกเหนือจากสามีและภรรยาค่ะ...
...อาจเป็น...พ่อตา...แม่ยาย...แม่และพ่อสามี...ลูก...เพื่อน...พี่น้อง...ญาติ...
...อาจหมายถึงสัตว์เลี้ยงด้วยนะ...อันนี้พี่ตู่คิดเองค่ะ...
...พูดง่ายๆคือ...ผู้ที่ทำให้เกิดปัญหา...ทำให้สามีภรรยาแตกแยกกัน...
...ในกรณีที่พี่ตู่เล่าให้ฟังนั้น...ฝ่ายชายเป็นคนพูดน้อย...
...ฝ่ายผู้หญิงก็นำคุณแม่และหลานมาอยู่ด้วย...
...พอเกิดปัญหานิดๆหน่อยๆ...ทางญาติฝ่ายหญิงก็จะตั้งป้อมไม่พูดจาสุงสิงด้วย...
...ทำให้ฝ่ายชายรู้สึกว่า...ตัวเองเป็นหัวเดียวกระเทียมลีบ...
...หนักเข้าๆก็แยกบ้านออกมาอยู่ในบ้านพักของที่ทำงาน...
...และไปหย่ากับฝ่ายหญิงโดยอ้างว่า...เวลาอยู่ด้วยกันแล้วจะทะเลาะกันบ่อย...
...ถึงเวลาก็ไปรับลูกมาเลี้ยงบ้าง...ถึงเวลาก็เอาไปส่ง...
...ทำตัวเหมือนเป็นเพื่อนกันเพื่อลูกจะได้ไม่มีปัญหา...
...แต่พอมาวันหนึ่ง...เอาลูกไปส่งที่บ้าน...อุ้มลูกซึ่งนอนหลับจะเข้าไปส่งที่เตียงนอนของลูก...
...กลับพบว่า...อดีตภรรยา...ได้อยู่ภายในห้องกับผู้ชายคนหนึ่ง...คือสามีใหม่ค่ะ...
...ฝ่ายชายคิดไม่ถึง...เพราะที่ผ่านมาเข้าใจว่า...แม่ของลูกยังมีใจให้ตนอยู่ค่ะ...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #1853 เมื่อ: 04 เมษายน 2555, 10:44:26 » |
|
...น้องหนุงหนิงจ๊ะ...
...เรื่องที่น้องหนุงหนิงเล่า...น่าสงสารฝ่ายหญิงมากๆค่ะ...
...ยังงี้เลิกกันไปเลยจะดีกว่าค่ะ...
...จะได้ไม่ต้องตบตีกัน...ทรมานทั้งสองฝ่ายเปล่าๆ...
...แต่ก่อนนี้เวลาที่พี่ตู่เห็นคู่ไหนทะเลาะกัน...
...ก็พยายามบอกเค้าว่าอย่าเลิกกันเลย...
...แต่ตอนหลังๆนี้ความคิดเริ่มเปลี่ยนไปค่ะ...
...ถ้าฝ่ายไหนได้รับความไม่ยุติธรรม...
...พี่ตู่เชียร์ให้เลิกกันเลยค่ะ...
...ดีกว่าทนอยู่กันแบบไม่จริงใจกันนะคะ...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #1854 เมื่อ: 04 เมษายน 2555, 16:38:12 » |
|
บทความเรื่องความรุนแรงในครอบครัวนี่ ออกมาทีไร หนิงรีบอ่านเลยค่ะพี่! เพราะมักเขียนจากนักสังคมวิทยา, Familientherapeutหรือนักประชาสงเคราะห์ เป็นเสียงร้องที่เงียบค่ะ...ภรรยาเหล่านี้มัก อยู่กับความหวัง!หวังว่าเธอจะสามารถทำให้ ทุกอย่างดีขึ้น อย่างรายนี้,เธอคิดว่าการที่สามี out of controlเพราะเธอพูดผิด ทำอะไรผิด แถมอะไรไม่ร้ายเท่าสามีให้เธอยืนยันว่าที่เธอทำน่ะ ผิด ทำให้เค้าโมโห...เธอว่าครอบครัวอื่นๆ เค้าก็มีปัญหากันมากบ้างน้อยบ้าง...
มีผู้หญิงไทยก็หนีไปบ้านผู้หญิงคะพี่ สามีทุบตี จะฆ่าเอาถ้าไม่หนี..เธอหอบลูกติด1 ลูกกะสามี1หนี...ไปที่นั่นแล้วถ้าจะกลับเค้าจะ จัดการให้กลับเมืองไทยค่ะ.. เพราะคุกคามชีวิต คนละกรณีกะการเลิกทั่วไปที่ผู้หญิงมักมีใหม่ทันที
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #1855 เมื่อ: 04 เมษายน 2555, 16:52:29 » |
|
โอ,ฟังแล้วเศร้าใจคะว่า เป็นความไม่เข้าอกเข้าใจกันแท้ๆ ฝ่ายชายคิดไปทาง ฝ่ายหญิงคิดไปอีกทาง หนิงสงสัยว่าทำไมเค้าไม่คุยกันให้เข้าใจน่ะพี่?
เรื่องผู้หญิง-ผู้ชาย ยิ่งสามีภรรยา...หลายเรื่อง ทำ/พูดในที่มิดชิด น่าจะคุยกันง่ายกว่า... แต่ถ้าทำร้ายกันโดยการโพนทะนาเล่าว่าให้ร้าย ออกนอกที่เมื่อไหร่ เค้าทั้งคู่ได้ผิดกฏของการรักษา ความเป็น"คู่"เรียบร้อยแล้ว...
จริงๆนะคะ,ฝ่ายหญิงต้องวางตัวยากหลายเท่า หากมีญาติพี่น้องพ่อแม่มาอยู่ด้วย ผู้ชายจะเสีย ความรู้สึกว่าเค้าคือ nr.1ในบ้าน เหมือนเค้าไป อาศัยบ้านผู้หญิงมากกว่าจะอยู่ในบ้านของตัวเอง.. เค้าคงห่างกันทางความรู้สึกแล้วค่ะพี่...ไม่ใช่ทางกาย! อันตรายคะ ใครเข้ามาช่วงนี้ ก็ไปกันง่ายๆ
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #1856 เมื่อ: 04 เมษายน 2555, 17:03:04 » |
|
ผู้หญิงเลิกแล้ว หย่าแล้วแต่เคลียร์ค่าเลี้ยงดู ยังต้องแชร์รับ/ส่งลูก กับสามีแพทย์ใหญ่ ที่ตอนหลังย้ายกลับเยอรมันมารับตำแหน่ง ใหญ่ขึ้น.. heยังเหมือนเดิมคะ! บางทีโยน Kindersitz เก้าอี้นั่งในรถใส่ภรรยา เพราะขัดใจอะไรไม่รู้ แล้วยังคิดว่าภรรยาคือคนที่เค้าทำอะไรก็ได้ ภรรยาเค้าบอกว่าถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงเฉย ต่อความaggressiveแต่คราวนี้,เธอหมุนhandy เรียกตำรวจทันที!! เธอจะเอาเรื่องให้ถอนสิทธิ์ การได้พบลูกด้วยเหตุผลความรุนแรง.. ฝ่ายหมอใหญ่ก็อ้างว่าภรรยาเข้า therapy ไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรได้...จนสุดท้ายลูกชายวัย10ขวบ บอกเจ้าหน้าที่บอกทนายว่าพ่อตีเค้า...เค้าขออยู่กะแม่ ขอไม่พบพ่อคะ!
งานนี้ผู้ชายคงหาargumentยาก ที่โน่น ทำร้ายเด็กนี่ หมดกันคะ.. อันตราย
|
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #1857 เมื่อ: 05 เมษายน 2555, 10:58:08 » |
|
...น้องหนุงหนิงคะ...
...พอผู้ชายเริ่มเป็นใหญ่เป็นโตแล้ว...อาจจะลืมตัวหรือเปล่าค่ะ...
...และการที่ผู้หญิงไปยอมเค้ามากๆ...เลยทำให้เค้าได้ใจขึ้นไปเรื่อยๆค่ะ...
...ผู้ชายแบบนี้ต้องลำเลิกบุญคุณกันบ้างค่ะ...
...หรือเท้าความไปถึงหนหลังหรืออดีต...
...พี่ตู่ว่าบางทีเค้าอาจสำนึกบ้างก็ได้ค่ะ...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #1858 เมื่อ: 05 เมษายน 2555, 11:03:53 » |
|
...ไม่แน่ค่ะ...ผู้ชายอาจเป็นคนเฉื่อยแฉะ... ...หรืออาจจะอยากมีคนใหม่... ...เพราะรู้สึกว่าเค้าพอใจสภาวะการได้กลับมาเป็นโสดอีกค่ะ... ...และไม่ได้มีการพูดคุยหรือให้ความหวังกับอดีตภรรยาว่าจะรีเทิร์น... ...ผู้หญิงเลยหาคนมาเสียบใหม่ได้พอดีเลยค่ะ...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #1859 เมื่อ: 05 เมษายน 2555, 18:10:14 » |
|
พี่ตู่คะ, แถมarticleแนบท้าย สัมภาษณ์Therapeut ผู้ชายที่บำบัดผู้ชายที่ใช้กำลังในบ้าน เค้าบอกน่าสนใจมากเลยค่ะ...เค้าว่า,การใช้กำลัง ย้อนสัมภาษณ์ให้ดีๆ ล้วนมีประวัติว่าคุ้นเคยกับการ ที่ในบ้านมีพ่อที่ใช้กำลัง หรือพวกผู้ชายในบ้านที่มัก มีทางออกของconflictในทางก้าวร้าว...คู่นี้,ทนายหญิง และแพทย์ใหญ่ก็ไม่พ้นbackgroundนั้น...เพราะการทุบตี ของผู้ชายหรือการปิดปากเงียบของผู้หญิง ไม่เกี่ยวกับ ความมีความรู้หรือไม่มี!เค้าบอกว่าหากไม่บำบัด ผู้ชายเหล่านี้เค้าไม่ได้มองว่าสิ่งที่เค้าทำ...คนอื่นเค้าไม่ทำกัน การสำนึกให้ได้ เข้าไปอยู่ในจิตของลูกเมียให้ได้ว่าหากเค้า เป็นผู้หญิง เค้าจะรู้สึกอย่างไร ตรงนี้สำคัญต่อการมีสัมพันธภาพ ใหม่..เค้าบอกว่าผู้ชายที่ตบตีภรรยา มีภรรยาใหม่เค้าก็ไม่หยุดค่ะ! เพราะสาเหตุไม่ใช่อยู่ที่ผู้หญิง อย่างที่พวกเค้าอ้างติดปาก แต่อยู่ที่เค้านั่นแหละ...therapyกันเป็นปีๆคะเรื่องแบบนี้.
ความกดดันของที่ทำงาน,อาชีพ ไม่ใช่argumentของการไปแสดงออก ความก้าวร้าว ใช้กำลังกะบุคคลอื่นๆ ไม่ว่าใครทั้งนั้นค่ะ
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #1860 เมื่อ: 05 เมษายน 2555, 18:29:33 » |
|
นั่นแหละพี่,การไม่เคลียร์ให้เรียบร้อย ทำให้สัมพันธภาพส่วนใหญ่เลิกร้างกัน โดยความไม่เข้าใจ...เลิกแบบนี้,โกรธแค้น ไม่เผาผีคะ และส่วนใหญ่ก็จะเป็นแบบนั้นด้วย ก็รีบมีใหม่มาเยาะเย้ยกัน ทั้งๆที่,ชายหรือหญิง นั้นเคยรักกัน เคยรู้สึกดีๆกันมากๆมาก่อน...อย่างน้อย น่าจะเหลือความเป็นเพื่อนกันได้..
เรื่องนี้หนิงทึ่งจัดมากๆในวิถีที่ฝรั่งเยอรมันเค้าปฏิบัติต่อกัน ยิ่งคู่ที่มีลูกกัน เลิกกันก็ใช่จะไม่รักแม่ก็ไม่เอาลูกด้วย.. เพราะสองสิ่งนี้ไม่เกี่ยวอะไรกัน..เค้าเลิกกันนะคะ,ยังโทร ยังปรึกษา เผลอๆยังทำกิจกรรมต่อไป เหมือนเช่นเคย..
ที่เมืองไทยเลี่ยงการคุย การปรับความเข้าใจ สุดท้ายก็ไม่เหลืออะไรที่จะเก็บเป็นความทรงจำ มีแต่ช่วงท้ายตอนเลิกตอนทะเลาะ ช่วงแรก ที่เคยประทับใจ ตรึงใจ รึงรัดพวกเค้าจนแต่ง จนมีลูกดูจะไม่สำคัญ ไม่หนัก...น่าเสียดายค่ะ! เพราะรีบมีใหม่โดยสัมพันธภาพเก่ายังไม่ตกตะกอน เลิกกันอีกก็อิหร็อบเดิมๆแหละพี่......หนิงว่า.
|
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #1861 เมื่อ: 07 เมษายน 2555, 11:06:16 » |
|
...คงเป็นโรคจิตอย่างหนึ่งใช่ป่าวคะ...
...น่ากลัวค่ะ...ดีนะที่แค่ตบตี...
...แล้วถ้าสักวันหนึ่งเค้าเกิดอยากใช้อาวุธขึ้นมาล่ะคะ...
...ไม่อยากคิดเลย...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #1862 เมื่อ: 07 เมษายน 2555, 11:11:13 » |
|
...หลังจากนั้นไม่นาน...
...ผู้ชายก็แต่งงานใหม่ค่ะ...
...กับเด็กสาวที่เป็นเจ้าหน้าที่ในที่ทำงานเดียวกัน...
...และก็เคยช่วยงานกับครอบครัวผู้ชายเป็นจ๊อบพิเศษค่ะ...
...เคยช่วยเลี้ยงและดูแลลูกๆด้วยถ้าว่าง...
...เข้าทำนองสมภารกินไก่วัด...ฮ่าฮ่าฮ่า...
...ผู้ชายก็คงเลือกไว้เสียบอยู่ในใจตั้งนานแล้วอ่ะค่ะ...
...ดูแล้วพอๆกันค่ะ...ผัวเมียคู่นี้...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #1863 เมื่อ: 11 เมษายน 2555, 02:23:37 » |
|
ไม่น่าจะใช่นะคะ คนพวกนี้ก็ปกติดีทุกอย่างคะ แต่ไม่เคยฝึกการควบคุมจิตใจ ไม่เคยปล่อยวางไว้ใจ...มักชอบ ควบคุมทุกอย่างคะ..คนเป็นภรรยา อึดอัดแย่คะ...เพราะมักไม่มั่นใจ ขี้หึง..ยอมรับการพ่ายแพ้ไม่เป็น จะยึดติด ถือมั่น...หากออกไปในทาง การเรียน อาชีพ คุณลักษณ์นี้จะทำให้ เค้าไปได้ไกลคะ แต่หากไม่มีการ abdampfen ปล่อยไอน้ำที่กดดันในอารมณ์..เหมือนหมาบ้าค่ะ!
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #1864 เมื่อ: 11 เมษายน 2555, 02:28:38 » |
|
ถือว่าจบดีนะคะ!! happy ending..เหอๆ จนกว่า,จนกว่าจะได้ยินข่าว ว่าคู่ใหม่ก็เลิกอีก!! ถ้าเป็นจริงแสดงว่าเค้าๆไม่ได้เรียนรู้อะไรจาก บทเรียนเก่า...
|
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #1865 เมื่อ: 11 เมษายน 2555, 11:39:37 » |
|
...เป็นพี่ตู่ก็หนีค่ะ...
...ไม่อยู่ด้วยหร่อก...คนแบบนี้...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #1866 เมื่อ: 11 เมษายน 2555, 11:49:40 » |
|
...พี่ตู่ว่า...เค้าต้องแข่งกันค่ะ...
...ทำนองว่าใครจะได้คู่ใหม่ดีกว่ากัน...
...ใครอย่าเพลี่ยงพล้ำเลิกกันก่อนนะ...ถือว่าขายหน้าชาวประชาเชียวล่ะ...
...ถ้าพูดถึงพื้นเพทางครอบครัวและอาชีพ...
...ฝ่ายหญิงได้คู่ที่เหมาะสมกันดีค่ะ...คืออาชีพเดียวกัน...
...สามีใหม่เคยเป็นเพื่อนกันมาก่อนตอนเรียน ม.ปลาย...
...และได้กลับมาเจอกันใหม่อีกครั้งตอนฝ่ายหญิงย้ายที่ทำงานครั้งสุดท้ายค่ะ...
...สามีใหม่โสดซิงๆ...
...ส่วนฝ่ายชายได้ภรรยาใหม่เป็นลูกน้องในที่ทำงาน...
...การศึกษาก็จบปริญญาตรีแต่สถาบันอันโนน...ซึ่งดูกระจอกมากในสายตาของคนในที่ทำงานเก่า...
...ฐานะทางบ้านและในทางสังคมก็สู้ภรรยาเก่าอย่างเทียบกันไม่ได้...
...แต่ผู้หญิงเป็นคนที่มีบุคลิกเรียบร้อย...ไม่มีปากมีเสียงซึ่งฝ่ายชายคงชอบค่ะ...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #1867 เมื่อ: 13 เมษายน 2555, 22:22:05 » |
|
เรื่องคู่ของคนอื่น เราถึงเข้าใจไม่หมดไงพี่! commentไม่ได้ โทษไม่ได้ เพราะเรื่องที่ออกมาข้างนอกน่ะ ส่วนเดียวค่ะ.
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #1868 เมื่อ: 13 เมษายน 2555, 22:31:34 » |
|
ป้องปาก: psst,พี่ตู่คะ เพื่อนแฟนหนิงนะคะตั้งแต่หย่าครั้งแรก เขามี เกิลเฟรนด์เปลี่ยนหน้าไป3รึ4แล้วคะ ตอนได้กันใหม่ๆก็หวานแหวว รักกันจ๋า จ๊วบๆกันต่อหน้าธารกำนัล...ปีกว่าไม่ถึงที อ้าวเลิกกันแล้วเร่อะ??... บางคนเค้าก็enjoyสภาวะ"falling in love"ค่ะ พอชีวิตเข้าสู่routine...อ้าว,แฮะ...ไหนที่เคย attractiveก็ไม่สวย ไม่น่านิยมไปเสียแล้ว??
ชีวิตก็ไม่หนีเรื่องในชีวิตประจำวันไปได้คะพี่
|
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #1869 เมื่อ: 15 เมษายน 2555, 10:51:02 » |
|
...น้องหนุงหนิงจ๊ะ...
...ทุกเรื่องเข้าหลักธรรมะของพระพุทธเจ้าหมดเลย...
...แรกๆเราเห็นว่าสวยว่าดี...
...เพราะสังขารปรุงแต่งจิตเราให้เห็นสวยเห็นงามไปด้วย...
...สุดท้ายก็ไม่พ้น...อนิจจัง...ทุกขัง...อนัตตา...
...ไม่เชื่อ...พิจารณาดูสิคะ...
...ตอนนี้ยังหลอกตัวเองได้อยู่...เพราะยังไม่แก่เท่าไหร่...
...เวลาเราคิดถึงลูก...เรานึกถึงตอนไหนคะ...
...ตอนที่เราอุ้มเค้า...เมื่อยังแบเบาะใช่มั้ย...
...ความไร้เดียงสาของเค้าประทับใจจนเราต้องอุ้มเค้ามาแนบอกใช่มั้ยคะ...
...ยิ่งคุยยิ่งใกล้ธรรมะเข้าไปทุกที...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #1870 เมื่อ: 16 เมษายน 2555, 20:53:02 » |
|
ตราบเท่าที่... พี่ยังไม่ชวนหนิงเข้าวัด! ถือว่าพี่ยังแยกชีวิตโลก กะชีวิตธรรมออก.
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #1871 เมื่อ: 16 เมษายน 2555, 21:16:03 » |
|
เมื่อคืนวันเสาร์หนิงตั้งหน้าชมรายการ documentationเรื่องน่าสนใจอีกแล้วค่ะ. "Diet-Lüge"เรื่องโกหกแห่งการลดน้ำหนัก!
หนิงงี้สนอกสนใจ...ด้วยเมื่อหลังคริสต์มาส เค้ามีรายการtalkshowที่ทำดีมากถึงขนาด เป็นแรงบันดาลใจให้หนิงตั้งใจ ว่าปีนี้จะลด ให้ได้อย่างเอาจริง ไปขึ้นเครื่องชั่ง หลังไม่เคยชั่ง มานานหลายปีตั้งแต่เครื่องเก่าที่เป็นเข็มชี้ จนแฟนหนิงซื้อเครื่องใหม่digitalทันสมัยเฉียบ ใส่ส่วนสูง ใส่อายุ วัดออกมาถึงขนาดขีดกรัม มีเปอร์เซนต์fat,เปอร์เซนต์มัดกล้าม...ละเอียดเล้อเกิน!
รายการวันเสาร์นั้น,2 ชม.เต็ม ลงลึกในdiet methode ที่หลอกเงินลูกค้าสาวๆได้ไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ชื่อสะแมนแตน เลิ่ดสุดยังไง พ้นระยะนั้นไป หากไม่ปรับนิสัยการกินใหม่,กลับไปกินเหมือนเดิม น้ำหนักก็กลับมาที่เดิม!! แถมแต่ละวิธีที่หมอคนนั้น คนนี้ค้นคิดขึ้นมา แจงออกมาจริงๆก็ไม่พ้น concept ง่ายๆของกฏเหล็กแห่งการรักษาควบคุมน้ำหนัก คือ....กินเข้าไปให้เท่ากับ/น้อยกว่าที่ร่างกายต้องใช้!! ม่ายงั้นก็ไม่พ้นความรู้สึกfrustrateที่ล้มเหลวไม่สามารถ ทำได้ตามที่ตั้งใจ... เค้าสัมภาษณ์ผู้หญิงหลายคน ในวัยต่างกัน 30-40-50 หรือแม้แต่หมอผู้หญิงที่รักษา Bulimieให้เจ้าหญิงไดอาน่า...หลุดพ้นออกจากภาวะ กินแล้วอ้วก ว่าผู้หญิงแต่ละคน แต่ละวัย แต่ละส่วนสูง แต่ละน้ำหนัก...ไม่สามารถลอกเลียนแบบกันและกันได้ ไม่มีสุขนิสัยการกินอันไหนจะมาเป็นstandardให้กับผู้หญิง ที่เหลืออื่นๆได้...ทุกคนเป็นindividualที่ต้องรู้จักตัวเอง ว่าน้ำหนักไหนตัวเองสบายใจ สบายกาย สุขภาพดี ทั้งกายทั้งจิต...นั่นคือน้ำหนักของคนนั้นที่กำหนดเค้า ให้ไปทำอย่างอื่นๆที่สำคัญในชีวิตได้...เค้าๆcritical วิธีการลดน้ำหนักแต่ละวิธีถึงแก่น แม้คนค้นคิดจะเป็นหมอก็เถอะ
ผู้เชี่ยวชาญให้มองในตลาด ในชั้นสินค้าว่ามีรายการ อะไรออกมาล่อตาว่าlow fat,low carb,light..zucker zero ล้วนแล้วแต่ขี้หกทั้งเพ!!หลอกเอาเงินชาวบ้าน หลอกผู้บริโภค...อาหาร-เครื่องดื่มที่มีสุขภาพดี อยู่ในผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผ่านหรือผ่านprocessน้อยที่สุด!! ง่ายๆผักหญ้าผลไม้นี่แหละ...
พี่ตู่คะ,จบรายการ หนูแตกฉานไปอีกเยอะคะ.
|
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #1872 เมื่อ: 17 เมษายน 2555, 10:23:08 » |
|
...น้องหนุงหนิงคะ...
...พี่ตู่เห็นหลายคนที่เค้าลดน้ำหนักได้...
...เค้าจะจำกัดอาหารมื้อเย็นค่ะ...
...ทานให้น้อยลง...ทานแต่ผลไม้และผัก...
...ถ้าพี่ตู่ทำได้...พี่ตู่ก็ลดได้...
...แต่ส่วนมากทำไม่ค่อยได้ค่ะ...
...น้ำหนักจึงยังมากอยู่...
...แต่คิดอีกที...ถ้าน้ำหนักลด...
...เราจะรับได้มั้ยกับความเหี่ยวค่ะ...
...น้ำหนักลดเมื่อไร...เหี่ยวแน่นอนค่ะ...
...น้องหนุงหนิงอาจยังไม่รู้สึก...เพราะยังสาวอยู่ค่ะ...
...ดังนั้นโจทย์นี้...พี่ตู่เอาความแข็งแรงและความกระชับค่ะ...
...หมอทานมากกว่าพี่ตู่อีก...แต่แกตัวเล็กกว่า...
...เพราะแกออกกำลังมากกว่าค่ะ...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #1873 เมื่อ: 21 เมษายน 2555, 00:27:32 » |
|
นั่นสิคะ ถ้าง่าย ก็คงทำกันได้ทุกคน ผู้หญิงที่ให้สัมภาษณ์เป็นบรรณาธิการ นิตยสารผู้หญิง ที่ชั้นนำในเรื่อง Diet Tip เค้าบอกว่าในความเป็นจริงอะไรที่ว่าห้ามๆ ไม่ใช่ทุกคนจะขาดได้ทันที...อย่างเรากินข้าว เค้ากินมันฝรั่ง...เค้าบอกว่ามื้อไหนไม่มีมันฝรั่ง เค้ารู้สึกเหมือนยังไม่ได้กิน! ความกดดันของการ "ละ"นี้มีผลตีกลับที่อาจไม่เห็นทันทีตอนนั้นช่วงนั้น แต่ตีกลับแน่ๆคะ นานแค่ไหนเท่านั้น.
เค้าบอกยิ่งอายุเรามากขึ้น,การกินไม่ใช่เรื่องอะไรก็ได้ แต่เป็นเรื่อง"Sinnlichkeit"...sensuality เป็นการรับsenseที่ intensive.
|
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #1874 เมื่อ: 22 เมษายน 2555, 09:06:43 » |
|
...แต่การที่พี่ตู่อ้วนขึ้นเนี่ย...
...ต้องยอมรับอย่างนึงว่ากินเกินความต้องการ...
...ถ้าพี่ตู่ใช้หลักว่า...กินเมื่อหิว...
...ต้องลดได้แน่นอนค่ะ...
...เพราะว่าทุกวันนี้บางทีพี่ตู่ทาน...ไม่ใช่เพราะหิว...
...แต่ทานเป็นเพื่อนหมอ...
...บางทีไม่ค่อยหิวเท่าไหร่...แต่ทานตามมื้อให้หมดๆเรื่องไป...
...ธรรมชาติของพี่ตู่จริงๆเป็นคนทานน้อยค่ะ...
...และสมัยเด็กๆจนกระทั่งสาว...
...เป็นคนที่เบื่ออาหารง่าย...ทานไม่หมดเป็นประจำ...
...พอทานอาหารได้...จึงรู้สึกมีความสุข...
...และเผลอกับการกินจนกระทั่งอ้วนค่ะ...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
|