28 เมษายน 2567, 19:53:49
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 8 9 [10] 11 12 ... 34  ทั้งหมด   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: บทความการเมือง  (อ่าน 308459 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Mr.EggMan
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,826

« ตอบ #225 เมื่อ: 17 มกราคม 2551, 00:04:26 »

อ่านบทความโอแล้ว ได้อะไรอย่างนึง

การจะเอาชนะต้องเอาชนะ ด้วยนโยบาย ไม่ใช่เอาทหารไปยึดอำนาจมา
ที่ผ่านมา มันเหมือนเกาไม่ถูกที่คัน

ถ้าเราว่าเค้าเลว แล้วไปใช้วิธีเลวๆ เพื่อเอาชนะเค้า เราก็คงจะเลวไม่ต่างกะเค้า

แย่เนอะ ผลประโยชน์มันบดบังตากันหมดแล้ว แต่ขออย่าให้มันมีอะไรรุนแรงเลย แบบปากีสถาน ศรีลังกา เคนย่า แบบนี้ก็ไม่ไหว ตายกับเป็นเบือ

ไทยนี้รักสงบ
บันทึกการเข้า

jakkreepan@hotmail.com
Love is in the A...I...R......H
ppornson
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,724

« ตอบ #226 เมื่อ: 22 มกราคม 2551, 17:42:13 »

หายไป 1 ปีกว่า..ถอยหลังกลับไป..พร้อมกับ พี่หมัก บรรหาร ป๋าเหลิม เสนาะ..

เจริญพร
บันทึกการเข้า
Max
Hero Cmadong Member
***

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,435

« ตอบ #227 เมื่อ: 22 มกราคม 2551, 17:49:18 »

อยากดู List รายการ กฎหมายที่ รัฐบาล 1 ปีนี้ทำออกมาน่ะ

ว่าผ่านอะไรออกมาบ้าง

แล้วมีผลกระทบไรบ้างน่ะ
บันทึกการเข้า
Mr.EggMan
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,826

« ตอบ #228 เมื่อ: 22 มกราคม 2551, 18:37:16 »

อดทนเวลาที่ฝนพรำ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง
เมื่อวันเวลาที่ฝนจาง ฟ้าก็คงสว่างและทำให้เราได้เข้าใจ ว่ามันคุ้มค่าแค่ไหนที่เฝ้ารอ

อดทนต่อไป ประเทศไทย ของเรา (เอ๊ะ รึ ของใครหว่า)
บันทึกการเข้า

jakkreepan@hotmail.com
Love is in the A...I...R......H
Mr.EggMan
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,826

« ตอบ #229 เมื่อ: 22 มกราคม 2551, 19:52:36 »

ขุมทรัพย์ประกันสังคม [8 พ.ย. 50 - 18:23]
 
 

ท่านผู้อ่านจะรู้สึกอย่างไร หากมีใครสักคนมาว่าจ้างให้ท่านไปนั่งบริหารเงิน 450,000 กว่าล้านบาท หรือในทางกลับกันหากท่านเป็นเจ้าของเงิน ท่านจะพิจารณาคัดเลือกคนที่มีคุณสมบัติเช่นใดมาบริหารเงินก้อนนี้
 
ที่ผมตั้งคำถามนี้กับท่านผู้อ่านเพราะรู้สึกไม่สบายใจ เมื่ออ่านข่าวพบว่าเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) สำนักงานประกันสังคม ใช้งบฯบริหาร 10% หรือเฉลี่ยปีละ 30 ล้านบาท ไปกับการดูงานต่างประเทศ
ส่วนใหญ่จะเป็นการเดินทางไปยุโรปและอเมริกาปีละหลายๆครั้ง โดยใช้งบฯ เฉลี่ยครั้งละ 3 ล้านบาท สำหรับคณะ 20-30 คน
โดยที่ไม่เคยชี้แจงต่อผู้เอาประกันตนหรือสาธารณชนว่า ได้รับประสบการณ์ความรู้อะไรบ้าง จากการเดินทางไปดูงาน หรือได้สารประโยชน์ใดมาปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้น
 
มิหนำซ้ำข่าวที่ออกมากลับกลายเป็นตรงกันข้าม เช่น เมื่อวันที่ 20-29 ก.ย. ที่ผ่านมา บอร์ดประกันสังคมเดินทางไปดูงานที่สหรัฐอเมริกา แต่ในกำหนดการกลับเป็นการท่องเที่ยว เสียส่วนใหญ่ ทั้งหาความสำราญในเมืองกาสิโนอย่างลาสเวกัส เยี่ยมชมโรงถ่ายภาพยนตร์ยูนิเวอร์แซล ล่องเรือชมภูมิทัศน์อ่าวซานฟรานซิสโก สะพานโกลเดนเกทและคุกอัลคาทราส ช็อปปิ้งและรับประทานอาหารในภัตตาคารหรูหรา
จนรู้สึกเหมือนว่า ผมให้เขาหักเงินเดือนละ 5% เพื่อให้บางคนไปเสพสุข ในต่างประเทศ แทนที่จะเอาไปผ่อนเบาภาระความทุกข์ยาก ของพี่น้องผู้ใช้แรงงาน
 
ผมไม่ได้นึกเสียดายเงินก้อนนี้ แต่รู้สึกเสียใจบ้างก็คือเงินที่เสียไป ไม่ได้ทำให้บอร์ด ประกันสังคมรู้สึกตระหนักว่า ควรจะตอบแทนบุญคุณคนที่ให้ส่งเงินสมทบกองทุนฯ หรืออย่างน้อยก็ควรที่จะดูแลผลประโยชน์ของผู้ประกันตนให้มากกว่านี้ ไม่ใช่ปล่อยให้มีการรุมทึ้งเหมือนในอดีต
 
เพราะในหลายๆปีที่ผ่านมา ข่าวคราวที่ออกมาจากสำนักงานประกันสังคม ส่วนใหญ่มักเป็นเรื่องทุจริตคอรัปชัน ไม่ว่าจะเป็นโครงการจัดหาและ ดำเนินการระบบงานสารสนเทศแรงงาน หรือโครงการอี-เลเบอร์ มูลค่า 2,800 ล้านบาท โครงการจัดซื้อที่ดินและอาคารวัฏจักร มูลค่า 500 ล้านบาท
หรือความไม่ชอบมาพากลในการลงทุนในหุ้นไทยธนาคาร 63 ล้านหุ้น มูลค่าเกือบ 500 ล้านบาท ที่ทำให้กองทุนฯต้องขาดทุนไปกว่า 200 ล้านบาท
ซึ่งล้วนเกี่ยวพันไปถึงนักการเมือง นายทุนพรรค หรือไม่ก็ลูกหลาน อดีตผู้บริหารกระทรวง
 
ในขณะที่นักการเมืองและผู้บริหารกำลังเสวยสุข ใช้จ่ายเงินกองทุนฯกันอย่างสนุกมือ แต่ผลประโยชน์ตอบแทนที่ผู้ประกันตนควรจะได้รับกลับลดลง
 
ต้องไม่ลืมว่าเงิน 450,000 กว่าล้านบาท แม้จะดูเยอะ แต่เมื่อเทียบกับภาระที่กองทุนฯ ต้องจ่ายคืนผู้ประกันตนในอนาคต โดยเฉพาะในปี 2557 ที่ผู้ประกันรุ่นแรกเกษียณอายุและ จะได้รับเงินบำนาญ เงินกองทุนฯก็จะเริ่มไหลออกและไหลออกเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้กองทุนฯที่ดูเหมือนจะมากในวันนี้หดเล็กลง จนต้องเพิ่มเปอร์เซ็นต์การหักเงินสมทบ เพื่อที่กองทุนฯจะได้ไม่ต้องติดลบ
 
ดังนั้น หน้าที่สำคัญของบอร์ดประกันสังคม จึงจำเป็นที่ต้องรักษาผลประโยชน์ของผู้ประกันตน และพยายามสร้างผลกำไรให้กับกองทุนฯให้มากที่สุด ไม่ใช่การถลุงเงินกองทุนฯ เพื่อบำรุงบำเรอความสุขตัวเอง
 
น่าเสียดายที่บอร์ดประกันสังคม แม้จะมาจากภาครัฐ นายจ้างและลูกจ้าง แต่อำนาจการบริหารมักตกอยู่ในมือนักการเมืองและข้าราชการประจำ ทำให้กองทุนฯกลายเป็นขุมทรัพย์ให้คนเลวได้กอบโกยอย่างไม่สิ้นสุด
 
หากเราปล่อยให้เป็นอย่างนี้อีกต่อไป กองทุนประกันสังคมก็ไม่ ต่างอะไรกับต้นไม้ใหญ่ ที่ถูกปลวกมอดกัดกินแกนในจนเป็นรูพรุน รอวันโค่นล้มลงมาทับผู้ใช้แรงงาน ที่เหมือนหญ้าแพรกให้แหลกลาญ.
 


“ลมสลาตัน”
 

 


“เราจะทำเช่นไร หากเงินที่เราจ่ายไป ไม่ได้กลับคืนมา โปรดช่วยส่งต่อ เพื่อประจานความชั่วของคนกลุ่มนี้ ให้ได้สำนึก”
บันทึกการเข้า

jakkreepan@hotmail.com
Love is in the A...I...R......H
ppornson
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,724

« ตอบ #230 เมื่อ: 26 มกราคม 2551, 13:12:14 »

กรูอยู่ในวงการราชการ..เห็นงบดูงานมานานแล้วล่ะ...แมร่ง..เที่ยวทั้งนั้น..
บันทึกการเข้า
Aj.O
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,241

« ตอบ #231 เมื่อ: 26 มกราคม 2551, 13:45:40 »

อ้างจาก: "ppornson"
กรูอยู่ในวงการราชการ..เห็นงบดูงานมานานแล้วล่ะ...แมร่ง..เที่ยวทั้งนั้น..


เออ...จริงอย่างที่นายว่าว่ะ :twisted:
เอ๊ะ นายบอกว่า"อยู่ในวงราชการ"...หมายถึงอยู่ใกล้ชิด แต่ไม่ได้หมายถึงรับราชการใช่มั้ย
หรือว่าเคยทำงานราชการมาเหมือนกัน?
บันทึกการเข้า

...
Aj.O
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,241

« ตอบ #232 เมื่อ: 27 มกราคม 2551, 23:42:10 »

ก็อปบทสนทนามาลง...วันนี้ผมไปสนทนาทาง msn กับอดีตคนเดือนตุลาคนนึง(เค้าใช้ชื่อว่า แคนไทเมือง) ที่เป็นสมาชิกพันทิปราชดำเนิน

 
อ้างถึง   
ผมเคยได้ยินเรื่องความกร่างแบบฉาวๆของนายยุทธอยู่บ้างเหมือนกัน ที่ให้เจ้าหน้าที่ในโรงเรียนมากราบขอโทษลูกตัวเอง(ที่กำลังจะหนีเรียน)
Songklod says:
แต่ทำไมพวกชาวบ้าน ชั้นล่าง  ยังคงเลือกเค้าเข้ามาล่ะครับ?
lungcan says:
เงิน
lungcan says:
http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P6274727/P6274727.html#128
lungcan says:
เค้าซื้อเสียง ซื้อประเทศก้แค่นั้น
Songklod says:
โฮ่ เงินตัวเดียวจริงๆ
ถ้างั้น http://blogazine.prachatai.com/user/saengdao/post/84
ไอ้ที่ดีแต่ด่านักการเมืองหรือชนชั้นนำอย่างเดียว ก็คงไม่ถูกสิครับ ต้องด่าค่านิยมของชาวบ้านเองด้วย
Songklod says:
ที่เลือกตัวเงินตัวทอง มาข่มเหงพวกเดียวกันเอง
lungcan says:
ธรรมดา ใครเอาเงินมาให้ชาวบ้านก็ชอบทั้งนั้น
เค้าคิดแค่วันต่อวัน
lungcan says:
ไม่ได้คิดถึงบ้านเมือง มันรู้สึกใกลตัว
lungcan says:
หัวคะแนนได้เงินใช้ กำนันผู้ใหญ่บ้านมีงบลงไปให้ ใครบ้างไม่ชอบ
Songklod says:
ผมเป็น ขรก.โรงบาล นั่งทำแต่งานในห้อง เลยไม่ค่อยได้รู้ว่ามีอะไรในหมู่บ้านบ้าง เวลาเลือกตั้ง
lungcan says:
ก็ระบบอุปถัมป์ ธรรมดาๆ

.......................................................................................

ผมเคยอ่านบทความข้างล่างนี้ แล้วคล้อยตาม(เป็นบทความของ NGO คนนึง)  แต่แล้วก็เกิดคำถามบ้าๆบอๆที่มีมากมายตามมา???

 
อ้างถึง   
ในยุคสังคมปัจจุบัน เราวัดค่ากันที่เงิน แม้กระทั่งราคาของความเป็นคนก็วัดกันที่เิงิน แต่ดิฉันอยากถามว่าใครเป็นผู้กำหนดอัตราค่าแลกเปลี่ยนเหล่านี้ คนจนมีส่วนร่วมไหม ถ้าคนจนมีส่วนร่วม ทำไมข้าวเปลือกถึงถูก ข้าวสารถึงแพง ทำไมค่าแรงถึงต่ำ แต่สินค้าสำเร็จรูปถึงได้มีราคาแพง เพราะว่าคนยากจนซึ่งเป็นผู้ผลิตสิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีโอกาสกำหนดมูลค่าของสิ่งของที่มีอยู่ในสังคมปัจจุบันนี้ เขาถูกเอาเปรียบพอสมควร

เพราะฉะนั้น ดิฉันคิดว่าความยากจนเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากเวรกรรม แต่เกิดขึ้นจากความไม่เป็นธรรม


แล้วไม่ใช่"คนจน หรือ คนชั้นล่าง"(ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่)หรือ?  ที่เลือกนักการเมืองกลุ่มเดิมๆเข้ามาบริหาร?
เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ชั่วคราวของพวกตัวเอง? จากระบบอุปถัมภ์?
แล้วเงื่อนไขเดิมๆของสังคม(เช่นความเหลื่อมล้ำของรายได้) ก็ไม่เคยถูกแก้ไข?
ถามว่า คนชั้นล่างมีโอกาสได้มีส่วนร่วมไหม? จริงอยู่ด้านนึงมันก็น่าเห็นใจ?
แต่อีกด้านนึงก็น่าสมน้ำหน้า! ถ้าไม่มีคนพวกนี้(ที่คุณ ppornson เรียกว่า กุลีครองเมือง)เลือกผู้บริหารกลุ่มเดิมๆเข้ามา  พวกนี้จะกลับมาวนเวียนกับผลประโยชน์ได้หรือ?

ปล.อยากมีโอกาสได้สนทนากับพี่ Prapasri เหมือนกัน  อยากรู้ว่าเค้ามีมุมมองยังไงกับเหตุการณ์เหล่านี้???
บันทึกการเข้า

...
Max
Hero Cmadong Member
***

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,435

« ตอบ #233 เมื่อ: 21 กุมภาพันธ์ 2551, 10:44:16 »

ลองอ่านดูครับ เกี่ยวกับทางใต้  Sad


http://pchutchawan.spaces.live.com/?_c11_BlogPart_BlogPart=blogview&_c=BlogPart&partqs=amonth%3d11%26ayear%3d2007
บันทึกการเข้า
Aj.O
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,241

« ตอบ #234 เมื่อ: 21 กุมภาพันธ์ 2551, 16:11:20 »

ยังคิดอยู่ว่า ไอ่เฮี้ยเหลิม มันจะบ้าพอจะแต่งตั้งลูกตัวเองมาเป็นผู้ช่วยหรือเปล่าวะ? :x
แต่ยังไงคนอื่นๆในพรรค ก็คงต้องรักษาภาพพจน์เหมือนกันอ่ะ  เพราะได้ข่าวมาว่ากลุ่มอื่นๆในรัฐบาลเองก็ไม่เห็นด้วยกะเหลิม

 
อ้างถึง   
ลองอ่านดูครับ เกี่ยวกับทางใต้  :cry:

ได้ยินว่า แม้แต่มุสลิมด้วยกัน ถ้าไม่ใช่พวกมัน มันก็ทำลายไม่เว้น :x
บันทึกการเข้า

...
Tritti_83
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,481

เว็บไซต์
« ตอบ #235 เมื่อ: 22 กุมภาพันธ์ 2551, 12:36:16 »

ในที่สุดความบ้าบอก็ชนะ...เฮ้อ
บันทึกการเข้า
Aj.O
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,241

« ตอบ #236 เมื่อ: 22 กุมภาพันธ์ 2551, 22:24:39 »

อ้างจาก: "Mr.EggMan"
Democracy is from Fr. démocratie, via late L. from Gk dUmokratia, from dUmos ‘the people’ + -kratia ‘power, rule’.

Democracy = The People + Power = พลังประชาชน

ตอนแรกๆที่รู้ข่าว ก็รู้สึกแบบเดียวกับพ่อแม่พี่น้องแหละครับ เบื่อและท้อแท้มากๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็เลยนั่งคิด นั่งหาว่า ไอ้ประชาธิปไตย เนี่ย มันดีจริงๆหรือ เพราะกับสิ่งที่เกิดขึ้น วันนี้มันไม่เป็นไปอย่างที่คิด และเฝ้าหวัง แล้วไอ้คำว่า เผด็จการเนี่ย มันเลวร้ายจริงๆหรือไม่ ยิ่งคิดยิ่งค้น ผมเองกลับยิ่งเข้าใจว่า จะดีหรือชั่ว นั้น มันไม่ได้อยู่ที่ระบบ หรือวิธีการ แต่มันขึ้นอยู่กับความเหมาะสมมากกว่า ไม่ได้เป็น สัจนิรันดร์ว่าแบบไหน จะดีจะเลว เสมอไป


ถึงตอนนี้ ผมมองเห็นอะไรๆคล้ายคุณ Eggman มากขึ้นเรื่อยๆ  จากที่ตอนแรกผมเคยมาตะแบงวิจารณ์คณะรัฐประหารเมื่อต้นปีที่แล้ว...ตอนนี้เหตุการณ์ผ่านไป ผมเห็นอะไรที่ไม่ตรงกับที่เคยคิดไว้
 พวก นปก.ที่เดินสายด่าคณะรัฐประหาร(ในตอนนั้น) ด่าป๋าเปรมฯลฯ  ก็ไม่ได้โดนทำร้ายปางตาย แบบสมัยพฤษภาทมิฬแต่อย่างใด? นอกจากโดนจับไปแค่บางคนเท่านั้น ด้วยข้อหาทางกฏหมายธรรมดาๆนี่เอง ไม่ใช่โดยอำนาจอัยการศึกแต่อย่างใด เพราะการไปรุมตะโกนด่าเขาหน้าบ้าน มันเท่ากับการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างเห็นๆ ต่อให้บุคคลที่โดนด่านั้นไม่ใช่องคมนตรี เป็นแค่ตาสีตาสา ก็ถือว่าผิดข้อหาหมิ่นประมาทอยู่ดี..
...อีกคำถาม ทำไม นปก.ทดลองใช้เครื่องปลุกระดมคล้ายๆพันธมิตรหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อเหลือง สัญลักษณะเชิงชาตินิยม คำกล่าวหาที่รุนแรงต่อกลุ่มบุคคลที่เป็นเป้าหมาย แต่ทำไมปลุกม็อบไม่ขึ้น(ได้แค่หลักร้อย) เหมือนจุดไฟใส่ยางมะตอย? ...แต่ ทำไมพันธมิตรจึงสามารถระดมพลได้เป็นหลักพัน? ราวกับจุดไฟใส่แก๊สโซฮอล์?  สนธิปลุกม็อบเก่งกว่าทักษิณหรือ? สนธิมีสื่อในมือมากกว่าหรือ? ถึงตอนนี้ผมว่าไม่ใช่หรอก  เพราะพฤติกรรมของบุคคลที่เป็นเป้าหมายเอง ก็น่าจะมีส่วนไม่น้อย
นึกถึงบทความของ อ.เสกสรรค์ ในหนังสือ ค.คน (เมื่อต้นเมษาปีที่แล้ว ก่อนจะมีการเลือกตั้ง)เหมือนไอเดียของนาย Eggman มาก :idea:

บทความของ อ.เสกสรรค์
 
อ้างถึง   
ที่ผ่านมาเหตุการณ์อย่างรัฐประหาร 2549 ดูเหมือนเหลือเชื่อ นึกไม่ถึงว่าจะเกิด แต่ถ้าเราไปพิจารณาดูดีๆ จะเห็นว่าเหตุการณ์นำร่องคือความผิดพลาดล้ทเหลวของผู้นำที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งก็คือผู้นำที่มาจากภาคธุรกิจทำให้เกิดช่องโหว่ในเรื่องการนำ สุดท้ายผู้นำจากระบบราชการเขาก็กลับคืนมาใช้ประโยชน์จากช่องว่างตรงนั้น

ทีนี้จะป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต มันมีสองทางเลือกเท่านั้น หนึ่ง คุณต้องทำให้นักการเมืองพลเรือนมีประสิทธิภาพ สถาปนาการนำได้อย่างถูกต้อง ลึกซึ้ง และยั่งยืน แก้ปัญหาให้กับบ้านเมืองได้สำเร็จ เพราะความชอบธรรมของผู้นำแบบนั้นจะนำไปสู่ความยั่งยืนของตัวระบอบประชาธิปไตยด้วย ถ้าเขาพลาด ระบอบก็ล้ม นั่นคือทางเลือกที่หนึ่งว่าทำอย่างไรให้ผู้นำจากการเลือกตั้งเป็นผู้นำที่เก่งกล้าสามารถและเป็นคนซื่อสัตย์ ซึ่งตรงนี้คิดกันจนหัวแทบผุแล้ว ลองมาหลายแบบแล้ว ก็ยังไม่สำเร็จเสียที
อีกทางหนึ่งก็คือว่า ถ้ายังไม่มั่นใจว่าจะทำแบบแรกได้สำเร็จ ก็ต้องเปิดพื้นที่ให้ผู้นำมาจากหลายทาง มาจากการเลือกตั้ง มาจากธุรกิจภาคเอกชนก็ได้ ผสมผสานกับผู้นำที่มาจากการแต่งตั้ง หรือมาจากกลไกรัฐที่มีอยู่ก็ได้ ฟังดูบางคนเขาอาจจะด่าผมว่า นี่บิดเบือนหลักการประชาธิปไตยแล้ว  ถ้าเป็นเช่นนั้นผมก็คงต้องขอบอกว่า หลักการประชาธิปไตยความจริงเราเขียนขึ้นเองทั้งนั้น อย่าไปยึดติดกับรูปกับนามมากเกินไป เพราะจริงๆแล้วเนื้อในของสังคมไทยโดยตัวมันเองไม่ได้เปลี่ยนมากมายอะไร คุณเพียงแต่ยัดมันเข้าไปในหีบห่อที่เรียกว่าประชาธิปไตยบ้าง เผด็จการบ้าง มันเป็นเพียงชื่อที่เราตั้งกันในแต่ละช่วงเวลา พอเอาสิ่งเหล่านี้มาครอบสังคมไทยอย่างลงตัวบ้างไม่ลงตัวบ้าง เราก็พานโกรธว่ามันไม่เป็นอย่างนั้น ไม่เป็นอย่างนี้  อันที่จริงมันไม่เป็นอะไรสักอย่างนอกจากเป็นตัวมัน มันคลี่คลายไปเรื่อยๆ

อย่างในเวลานี้ถามว่า เป็นระบอบเผด็จการเต็มรูปเหมือนอย่างที่เราเคยเห็นมาในอดีตหรือเปล่า? ก็ไม่ใช่...เช่นเดียวกับสภาพก่อนหน้ารัฐประหาร 19 กันยายน ถามว่ามันเป็นประชาธิปไตยตามอุดมคติที่ฝันถึงตอน 14 ตุลาคมหรือเปล่า? ก็ไม่ใช่อีก...แต่ถ้าถามต่อไปอีกว่าความแตกต่างระหว่างก่อนและหลังรัฐประหารนั้นมากแค่ไหน? คำตอบคือไม่มากเท่าไหร่โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเราพิจารณาจากความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับสังคม ระหว่างคนมีอำนาจกับคนไม่มีอำนาจ มันก็เหมือนเดิม แค่เปลี่ยนตัวบุคคลจำนวนหนึ่งเท่านั้น
บันทึกการเข้า

...
ลูกพิ้ง
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,287

« ตอบ #237 เมื่อ: 23 กุมภาพันธ์ 2551, 17:23:55 »

อ้างจาก: "Max"
ลองอ่านดูครับ เกี่ยวกับทางใต้  Sad


http://pchutchawan.spaces.live.com/?_c11_BlogPart_BlogPart=blogview&_c=BlogPart&partqs=amonth%3d11%26ayear%3d2007


 :shock: เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา...มีการวางระเบิดที่คณะวิทยาศาสตร์..
ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา...ซึ่งเป็นที่ทำงานของเพื่อนสาวรุ่นเรา-มูนีเร๊าะห์...
โชคดีที่เร๊าะห์..ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วย... Cheesy

ปล.เพิ่งได้อ่าน..นิตยสาร ค คน ที่กล่าวถึงจังหวัดปัตตานี...ที่ตั้งแต่มีเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น...
ทำให้เมืองที่น่าอยู่...เมื่อสัก 10 ปีก่อน...เปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้....
ตอนเด็กๆ เราเคยไปเที่ยวแถบๆ 3 จังหวัดชายแดนใต้กับครอบครัวอยู่บ่อยๆ ทุกปิดเทอม..
เมืองปัตตานี..ยะลา...นราธิวาส...เป็นเมืองงาม...สุดชายแดน..จริงๆ นะ...
อยากไปป่าฮาลาบาลา...ที่นราธิวาส..ที่ว่ากันว่า..มีนกเงือกมาก...
แต่ปัจจุบันนี่สิ...แม้แต่จะคิดก็ไม่กล้าแล้ว....:?

 :x อย่างล่าสุด.ปลายปีก่อน..เราได้มีโอกาสไปอ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา...
เพื่อไปร่วมงานศพของคุณพ่อของเพื่อน...ที่นี่ก็จัดเป็นพื้นที่สีแดง..อีกที่หนึ่ง...
พอบอกใครว่าจะไปที่นี่...ทุกคนเตือนนักหนาว่าให้ระวังตัว..
และต้องออกจากพื้นที่นี้...ก่อนตะวันตกดิน..
พอไปถึงที่นั่น..ก็พบกับบรรยากาศที่..แบบว่า..ขับรถเข้าไปในชุมชน..ก็จะเจอด่านลวดหนาม
พร้อมบังเกอร์...เป็นจุดจุด..ให้ขับซิกแซก..ทำให้เพื่อนสาวที่ขับรถไปด้วยกัน..
นึกว่า..มา TEST DRIVE แต่สุดท้ายก็กลับมาอย่างปลอดภัย....

 :roll: และกำลังนึกว่า..ประเทศไทย..จะเป็นแบบนี้...อีกนานแค่ไหน..
เมื่อไหร่..จะสงบร่มเย็นเสียที :twisted:  :twisted:  :twisted:

 :twisted:  :twisted:  :twisted:
บันทึกการเข้า
Apirat T.
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,357

« ตอบ #238 เมื่อ: 03 เมษายน 2551, 08:10:02 »

รัฐสภา ไม่ใช่ สนามชนไก่ นะเฟ้ยยยยยยย
นอกจากไม่มี "ปัญญา" แล้ว "สติ" ก้อไม่มีด้วย

ไร้ซึ่ง สติปัญญา

ตาแคม
บันทึกการเข้า
pandanong
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 134

« ตอบ #239 เมื่อ: 03 เมษายน 2551, 08:32:05 »

ไก่ชน นี่มันเรื่องเดียวกับ โดดถีบ ป่ะคะพี่ ?
บันทึกการเข้า

Pick a star on the dark horizon and follow the light ~
หลิม 81
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,840

« ตอบ #240 เมื่อ: 03 เมษายน 2551, 11:37:01 »

เหอะ ๆ เมื่อเ้ช้ามีข่าวว่านักการเมืองผู้ทรงเกียรติ มันโดดถีบกัน....

คิดยังไงครับ ว่ามีการศึกษา หรือว่าไร้...ลองเอาคนจน ๆ ไปถีบ หรือด่ามันซิ...มันจะบอกทันทีี่ว่ามันมีการศึกษาและทรงเีกียรติครับ


เลวได้ใจจริง ๆ  :cry:  :cry:
บันทึกการเข้า

@ ปีนี้ปีของผม @
Apirat T.
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,357

« ตอบ #241 เมื่อ: 03 เมษายน 2551, 12:35:28 »

อ้างจาก: "pandanong"
ไก่ชน นี่มันเรื่องเดียวกับ โดดถีบ ป่ะคะพี่ ?


เรื่องเดียวกันแหละ
มันคุมบ่อนไก่ชน อยู่แถวดอนเมืองครับ
อุ๊ย ขอโทษ ต้องเรียกว่า "ท่าน" สิ ไม่ใช่ "มัน"

ตาแคม
บันทึกการเข้า
Mr.EggMan
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,826

« ตอบ #242 เมื่อ: 03 เมษายน 2551, 13:45:36 »

ย้อนรอย(ตีน) ขอเสนอ อัตชีวประวัติอัวสูงส่ง ของทั่น สส. ผู้ทรงเกลียด ( ผู้ที่คิดว่าตัวเองเป็นไอ้มดแดง และเห็น สส. ฝ่ายตรงข้ามเป็นสัตว์ประหลาดแปลงร่าง)

เริ่มจากปี 2549 ราวต้นเดือนสิงหาคม นายเจริญ สารไทสง อายุ 53 ปี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัท อุดมสุข จำกัด เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง ว่าถูก นายการุณ โหสกุล อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยรักไทย และอดีต ส.ก.เขตดอนเมืองในขณะนั้นกับพวก ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ และพูดจากข่มขู่จะทำร้ายอีก
       
       ทั้งนี้ นายเจริญให้การว่า บริษัทฯ ได้ให้ตนไปทำหน้าที่ดูแลโรงภาพยนตร์แอร์พอร์ตราม่า ตั้งอยู่เลขที่ 16/137 หมู่ 1 ถนนสรงประภา แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม. ซึ่งเป็นโรงภาพยนตร์ที่ปิดกิจการแล้ว ซึ่งขณะที่ตนกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่นั้น นายการุณพร้อมพวกอีก 5 คนได้เข้ามาที่โรงภาพยนตร์ดังกล่าวพร้อมกับสั่งให้ตนเปิดประตูโรงภาพยนตร์เพื่อที่จะเข้าไปดูด้านใน ตนจึงบอกไปว่าถ้าจะเข้าไปต้องขออนุญาตจากผู้จัดการเสียก่อนเพราะไม่มีอำนาจ หากเปิดเข้าไปโดยพลการจะมีความผิด เมื่อนายการุณได้ยินที่ตนพูดไปอย่างนั้น ทำให้ไม่พอใจจนโต้เถียงกันอย่างหนัก ก่อนที่นายการุณจะเตะเข้าที่กกหูข้างซ้ายของตน 2 ครั้ง จังหวะนั้นตนได้แต่เอามือมาป้องไว้ นอกจากนี้ พวกลูกน้องของนายการุณก็พยายามจะกรูกันเข้ามาทำร้ายตนอีกด้วย
       
       “เขายังพูดขู่ว่า กูจะกลับมาอีกครั้ง มึงไม่รู้หรือว่ากูเป็นใคร จำไม่ได้หรือไง ผมก็บอกไปว่าจำได้ และรู้จักด้วยว่าเป็นใครเพราะผมเคยลงคะแนนเสียงให้เขาเมื่อครั้งที่เขาลงสมัคร ส.ส.เขตดอนเมือง แล้วเขาก็กลับไป ส่วนผมก็เดินทางมาแจ้งความไว้เพราะเขาได้พูดขู่ว่าจะกลับมาอีก จึงกลัวว่าจะถูกพวกเขากลับมาทำร้ายอีก” นายเจริญกล่าว
       
       ก่อนหน้านั้นปี 2548 ต้นเดือนมีนาคม พ.ต.ท.ณฐกร คุ้มทรัพย์ สารวัตรเวร สน.ดอนเมือง รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาทกันที่บริเวณหน่วยเลือกตั้ง ส.ก.เขตดอนเมือง ซึ่งตั้งอยู่ภายในโรงเรียนประชาอุทิศ ถนนประชาอุทิศ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม. เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบ นายการุณ โหสกุล สามีของนางรัชดาวรรณ โหสกุล ผู้สมัคร ส.ก.จากพรรคไทยรักไทย หมายเลข 1 และชายฉกรรจ์จำนวนหนึ่งแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ว่า นายประสิทธิ์ ชื่นมัจฉา อายุ 52 ปี หนึ่งในทีมงานของตนที่ช่วยหาเสียงให้กับภรรยาของตนนั้นถูกชายฉกรรจ์คนหนึ่งใช้อาวุธข่มขู่
       
       ครั้งนั้น นายการุณระบุว่า ตนพร้อมด้วยทีมงานของพรรคไทยรักไทย ได้เดินทางมาดูแลความเรียบบร้อย รวมทั้งเดินทางมาให้กำลังใจกับภรรยาตนที่หน่วยเลือกตั้งดังกล่าว โดยบรรยากาศในหน่วยเลือกตั้งนั้น ทางกองเชียร์ทั้ง 2 ฝ่าย คือ พรรคไทยรักไทย และพรรคชาติไทย ต่างเชียร์กันอย่างเต็มที่จนกระทั่งมีเรื่องกระทบกระทั่งกัน จากนั้นมีชายคนหนึ่งมากับรถยนต์เปอโยต์ 405 สีเลือดหมู หมายเลขทะเบียน พบ-5367 กทม. เดินเข้ามาขู่นายประสิทธิ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมงานของตนว่า มึงอยากตายหรือ ซึ่งนายประสิทธิ์ก็มองเห็นว่าชายคนดังกล่าวมีปืนอยู่ จึงเห็นท่าไม่ดีเลยเดินออกมา ตนจึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว
       
       จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการสกัดจับรถคันดังกล่าวได้ พร้อมกับพบชายคนหนึ่ง ทราบชื่อต่อมาคือ นายสมปอง ชัยฤทธิ์ อายุ 45 ปี ท่าทางมีพิรุธอยู่ในรถ จึงได้ทำการตรวจค้นภายในรถพบ ซองกระสุนปืนขนาด 9 มม.จำนวน 1 ซอง เครื่องกระสุน ขนาด 9 มม.จำนวน 13 นัด และตรวจค้นตามตัวพบมีปืนขนาด 9 มม.ยี่ห้อซีแซด จึงได้ยึดไว้เป็นหลักฐาน พร้อมนำตัวมาดำเนินคดีที่ สน.ในข้อหาพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยไม่มีเหตุอันควร
       
       แต่ในเวลาต่อมา ที่ สน.ดอนเมือง ได้มีนางสมศรี ด่าน หนึ่งในทีมงานของพรรคชาติไทย เขตดอนเมือง ได้เดินทางเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.อำนวย โพธิ์ทอง พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สน.ดอนเมือง ว่าถูกนายการุณ โหสกุล ทำร้ายร่างกาย โดยถูกเตะเข้าที่แขนซ้ายจนได้รับบาดเจ็บ
       
       นางสมศรี ให้การว่า ตนเป็นหนึ่งในทีมงานที่ดูแลความเรียบร้อยของการเลือกตั้ง ส.ก.ของพรรคชาติไทย ซึ่งก่อนเกิดเหตุในช่วงเช้านั้น ตนได้รับแจ้งจากประชาชนว่ามีกลุ่มชายฉกรรจ์หลายคนมาเดินวนเวียนอยู่ในพื้นที่หน่วยเลือกตั้งโรงเรียนประชาอุทิศ และมีการข่มขู่คนมาลงคะแนนเสียงเลือกตั้งด้วย จึงได้ชักชวนนายเขี้ยว ซึ่งเป็นทีมงานของพรรคชาติไทย และเจ้าของรถยนต์เปอโยต์ 405 สีเลือดหมู หมายเลขทะเบียน พบ-5367 กทม.เดินทางมาตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ ซึ่งระหว่างนั้นเอง นายเขี้ยวได้ชักชวนนายสมปอง ซึ่งไม่ใช่คนของทางพรรคชาติไทยแต่อย่างใดขึ้นรถมาเป็นเพื่อนด้วย ซึ่งตนก็คิดว่านายสมปองน่าจะรู้จักกับนายเขี้ยว ตนจึงให้ติดรถมายังที่หน่วยเลือกตั้งด้วย
       
       เมื่อมาถึงที่หน่วยเลือกตั้งดังกล่าว พบว่ามีกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวนมากตามที่ได้รับแจ้งมา โดยตนเห็นว่ามีนายการุณรวมอยู่ในกลุ่มชายดังกล่าวด้วย ซึ่งขณะนั้นตนก็รู้สึกปวดปัสสาวะจึงได้เดินไปเข้าห้องน้ำ และเมื่อเดินกลับมาที่รถ ขณะที่ตนกำลังจะเปิดประตูรถนั้น นายการุณ พร้อมด้วยกลุ่มของชายฉกรรจ์ดังกล่าวก็เดินตรงมาล้อมรถของตนไว้ ก่อนที่นายการุณจะเตะเข้ามาที่แขนซ้ายของตนทันที พร้อมกับด่าว่าตนด้วยถ้อยคำหยาบคาย แต่หลังจากที่ตนรีบเข้ามาในรถได้นั้นก็ได้รีบโทรศัพท์แจ้งกลับไปทางที่ทำการพรรคให้แจ้งตำรวจทันที โดยที่ยังถูกกลุ่มของนายการุณยืนล้อมรถอยู่
       
       “ขณะนั้นดิฉันคิดว่าอาจจะโดนไข้โป้งแล้ว เพราะคนพวกนั้นบางคนก็ล้วงไปในกระเป๋าเสื้อ คาดว่าน่าจะมีปืนแน่นอน เลยโทร.ไปแจ้งทางพรรคให้แจ้งตำรวจ แต่ฉันขอยืนยันว่านายสมปองไม่ได้ชักปืนขึ้นมาขู่ใครตามที่อีกฝ่ายกล่าวอ้างแน่นอน นายการุณทำแบบนี้ไม่มีความเป็นลูกผู้ชายเหลืออยู่แล้ว ซึ่งดิฉันขอยืนยันว่าจะดำเนินคดีทางกฎหมายกับนายการุณให้ถึงที่สุด” นางสมศรี กล่าว
       
       ในปี 2548 นอกจาก ส.ส.ผู้นี้จะมีคดีความทำร้ายร่างกายกับบุคคลอื่นแล้ว ยังมีคดีความทำร้ายอดีตภรรยาตนเองด้วย โดยเหตุเกิดราวเดือน มิ.ย. เมื่อนางรัชดาวรรณ เกตุสะอาด อายุ 24 ปี ส.ก.เขตดอนเมือง อดีตภรรยานายการุณ พร้อมคณะเพิ่งกลับจากดูงานต่างประเทศ โดยในระหว่างรอรับกระเป๋าเดินทางที่อาคาร 1 อยู่นั้น นายการุณ โหสกุล พร้อมพวกอีก 2 คน คนหนึ่งแต่งเครื่องแบบตำรวจยศจ่าสิบตำรวจได้เข้าไปหานางรัชดาวรรณ โดยนายการุณได้เอ่ยปากบอกให้นางรัชดาวรรณกลับบ้านทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันแล้ว เนื่องจากศาลได้มีคำสั่งให้นางรัชดาวรรณกับนายการุณหย่าขาดกันตั้งแต่วันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา นางรัชดาวรรณจึงทำท่านิ่งเฉยไม่สนใจ ทำให้นายการุณโกรธมาก ตรงเข้าจิกผมนางรัชดาวรรณแล้วตบหน้า 1 ครั้ง ท่ามกลางผู้คนจำนวนมาก ด้วยความตกใจกลัว นางรัชดาวรรณจึงรีบเดินหนี แต่นายการุณยังเดินตามและพยายามฉุดกระชาก กระทั่งไปถึงศูนย์รักษาความปลอดภัยในท่าอากาศยานกรุงเทพ มีตำรวจและทหารประจำอยู่ นายการุณจึงเดินหนีไป
       
       ในต้นปี 2548 เช่นเดียวกัน นายการุณต้องเผชิญวิบากกรรม โดยศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ปรับเงินนายการุณ หรือเก่ง โหสกุล อายุ 38 อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 14 ดอนเมือง พรรคไทยรักไทย จำเลยในความผิด ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2496 ม.27 ฐานลักลอบนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลบเลี่ยงภาษีศุลกากร เป็นเงินจำนวน 30,254,052 บาท หากต้องกักขังแทนค่าปรับให้กักขังได้ไม่เกิน 2 ปี และริบของกลาง ในคดีคดีลักลอบนำจักรเข้าประเทศ แต่ก็ได้รับการประกันตัวออกไป
       
       คดีนี้ นายการุณได้เดินทางมารายงานต่อตัวงานอุทธรณ์-ฎีกา หลังศาลออกหมายจับไปแล้วเมื่อวันที่ 8 ก.พ. เนื่องจากหลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และถูกนำตัวไปควบคุมที่ห้องขังใต้ถุนศาลอาญา ต่อมาญาติของการุณได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดินย่านดอนเมืองจำนวน 2 แปลงเนื่อที่ 1 ไร่ 84 ตารางวา ราคาประเมิน 4,800,000 บาท ขอประกันตัว ซึ่งหลังศาลพิจารณาคำร้องและหลักทรัพย์แล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้นายการุณประกันตัวออกไปตีราคาประกัน 4.5 ล้านบาท
       
       หลังได้รับการปล่อยตัว นายการุณในชุดสูทสีดำ เสิ้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้า เนกไทสีแดง พร้อมผู้ติดตามและทนายความ ได้เดินหนีผู้สื่อข่าวและไม่ยอมให้สัมภาษณ์ใดๆ โดยนายการุณใช้เสื้อสูทคลุมศีรษะปิดบังใบหน้าไม่ยอมให้สื่อมวลชนถ่ายภาพทำข่าวและขึ้นแท็กซี่เดินทางกลับไปในทันที
       
       นอกจากนี้ ในปีเดียวกันนั้นเอง ศาลฎีกายังมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ของ “การุณ โหสกุล” จากพรรคไทยรักไทย เพราะมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ประกาศยกเลิกใบปริญญาบัตรของผู้สมัครฯ โดยคดีนี้สืบเนื่องจากนายชัยณรงค์ เทียนมงคล ผู้อำนวยการคณะกรรมการการเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร (ผอ.กกต.กทม.) ได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีการะบุว่า กกต.เขต 14 ได้ตรวจพบว่าคุณสมบัติของนายการุณไม่ต้องด้วย พ.ร.บ.เลือกตั้ง ประกอบรัฐธรรมนูญ ม.107 กล่าวคือ เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 48 กกต.เปิดรับสมัครรับเลือกตั้งที่อาคารกีฬาเวสน์ กทม. โดยนายการุณใช้หลักฐานประกอบการสมัครเป็นวุฒิการศึกษาระดับปริญญาโทของมหาวิทยาลัยรามคำแหง และเอกสารแสดงวุฒิการศึกษาอื่นๆ ซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมายเลือกตั้ง แต่เนื่องจาก กกต.ได้ประกาศรายชื่อเป็นผู้สมัครแล้ว จึงขออาศัยเหตุดังกล่าวเพิกถอนสิทธิการสมัครรับเลือกตั้งของนายการุณ และสุดท้าย ศาลก็มีคำสั่งเพิกถอนการเลือกตั้งดังกล่าวของนายการุณ
       
       ล่าสุด นายการุณ หรือเก่ง โหสกุล ตกเป็นผู้ต้องหาทำร้าย พ.ต.ท.บัญชา คล้ายน้อย รอง ผกก. 2 บก.ป. ขณะเข้าไปสืบสวนหาข่าวการเล่นพนันไก่ชน ภายในสนามชนไก่คลอง 5 หมู่ 14 ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี จนใต้ตาแตก ซึ่งพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหานายการุณ 4 ข้อหา คือ ร่วมกันทำร้ายร่างกาย ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ ทำให้เสียทรัพย์ และดูหมิ่นเจ้าพนักงาน แต่นายการุณรับสารภาพในข้อหาทำร้ายร่างกายเพียงข้อหาเดียว ขณะนี้เรื่องอยู่ระหว่างพิจารณาในชั้นศาลธัญบุรี


เห็นมั้ยครับ คนแบบนี้ได้เป็น สส.เพราะ?Huh?Huh?? (ประชาชนต้องการความปกป้องจากเหล่าร้าย จึงส่งไอ้มดแดงมาสภา)

ที่นี่รู้รึยังครับ ทำไมประเทศชาติเราถึงกำลังพัฒนา มาหลายสิบปีแล้ว   :roll:
บันทึกการเข้า

jakkreepan@hotmail.com
Love is in the A...I...R......H
Apirat T.
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,357

« ตอบ #243 เมื่อ: 04 เมษายน 2551, 07:46:36 »

^
^
สรุป จากใจความข้างต้นได้ดังนี้
มันก็ยังได้รับเลือกเป็น สก. และมันก็ยังได้รับเลือกเป็น สส.
อันเนื่องมากจากประชาชนชาวไทย ไม่มีโทรทัศน์เอาไว้ดูข่าว

อ่านแล้วก้อเซ็ง
ไปกินอาหารฟรีที่เชียงใหม่ดีกว่า
งานวันเกิดคุณตู้เย็นเค้า เจ้าของสโมสรเค้าไป เลยต้องยิ่งใหญ่กันหน่อย
ไม่ให้คนรักได้อย่างไง คนร่วมงานเป็นพันๆ คน
ยังเลี้ยงฟรีได้เลย

ตาแคม
บันทึกการเข้า
Aj.O
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,241

« ตอบ #244 เมื่อ: 23 พฤษภาคม 2551, 17:02:16 »

ไอ่เกย์จักรภพ เพ็ญ มันเคยปราศรัยที่เมืองนอกว่ามันเกลียดระบบอุปถัมภ์ อมาตยาธิปไตย???

แต่ตัวมันตอนนี้ เที่ยวไปขอให้บิ๊กจิ๋วบ้างล่ะ ทักกี้บ้างล่ะ ช่วยเคลียร์เรื่องของตัวเอง(ที่เคยไปปากเสีย จนโดนกระแสรุมด่า) ให้
สิ่งที่มันทำอยู่นี่(วิ่งขอคำปรึกษาจากทักกี้) มันต่างกับระบบอุปถัมภ์ ตรงไหนฟะ?!?
 :x
บันทึกการเข้า

...
Mouy (Again)
มือใหม่หัดเมาท์
*

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 150

« ตอบ #245 เมื่อ: 23 พฤษภาคม 2551, 17:59:55 »

ก็รอดูผลกรรมของพวกเค้าเหล่านั้นอยู่เหมือนกัน...แต่ทำไม..มันนานจัง.... แย่จริงๆ การเมืองไทย...  Sad
บันทึกการเข้า
Mr.EggMan
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,826

« ตอบ #246 เมื่อ: 23 พฤษภาคม 2551, 18:38:35 »

สงสัย บาปกรรม กำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อเสนอ สำนักงานยมโลกสูงสุด
แต่ถูกตีกลับเพราะหลักฐานไม่พอ ไม่ก็มีคนเผากระดาษเงินกระดาษทอง
ไปล๊อบบี้แน่ๆเลยครับ

 :twisted:
บันทึกการเข้า

jakkreepan@hotmail.com
Love is in the A...I...R......H
ppornson
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,724

« ตอบ #247 เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2551, 12:15:53 »

รอฟังคำแปลของน้าเค้าครับ..ดูว่าจะแถไปยังไง..

อยากอ่านภาคก่อนแปลน่ะ..ใครมีบ้าง
บันทึกการเข้า
Mr.EggMan
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,826

« ตอบ #248 เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2551, 13:52:27 »

http://video.yahoo.com/watch/1063188

นี่เป็นคลิบครับเพื่อนโต้ง ที่เค้าให้สัมภาษณ์ไว้
แต่ระบบเสียงแย่หน่อยนะครับ รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง

 Cool
บันทึกการเข้า

jakkreepan@hotmail.com
Love is in the A...I...R......H
iamfrommoon
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2535
คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 8,396

เว็บไซต์
« ตอบ #249 เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2551, 16:22:44 »

ได้รับมาจากรุ่นพี่จุฬาฯ ค่ะ...

ไขรหัส คำปาฐกถาจักรภพ เพ็ญแข (ขัดตาทัพ)
แนวหน้า 20 พ.ค. 51


ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา คำปาฐกถาเจ้าปัญหาของนายจักรภพ เพ็ญแข ที่ไปกล่าวไว้ต่อนักข่าวและผู้ฟังที่ ชมรมนักข่าวต่างประเทศ ( FCCT ) เมื่อต้นเดือนกันยายนปีที่แล้ว ( ก่อนการเลือกตั้งฯทั่วไปครั้งที่ผ่านมา) กำลังเป็นประเด็นร้อนที่ได้รับความสนใจอย่างยิ่ง เพราะเป็นประเด็นที่กำลังเป็นคดีพิจารณาว่า มีความผิดฐานหมิ่นฯหรือไม่หมิ่นฯ บางคนคิดถึงกับว่าเข้าลักษณะความผิดต่อความมั่นคงในราชอาณาจักรฐานกบฏด้วยหรือไม่

คำถอดความคำปาฐกถาเป็นภาษาอังกฤษมีอยู่ในมือสื่อหลายแห่ง พร้อมคำแปลเป็นภาษาไทยจากหลายสำนัก แต่ก็เป็นการนำเสนอในลักษณะลับๆล่อๆ คงเพราะเกรงว่าจะเฉียดเฉี่ยวเข้าไปใกล้คำว่า "บังควร"ทับซ้อนไปบนความ "บังอาจ" แต่ความเชื่อหนึ่งที่เกิดขึ้นแก่ผู้ได้พิจารณาข้อความอย่างละเอียดแล้ว คือเชื่อว่า น่าจะมีการ"ฆ่าตัดตอน" เกิดขึ้นในเร็วๆนี้ เป็นการตัดเนื้อร้ายและฆ่าตัดตอนของนายกรัฐมนตรีที่มักคุยอวดเลือดสีน้ำเงิน

การบรรยายรวมการตอบคำถามเป็นภาษาอังกฤษของนายจักรภพ เพ็ญแขไม่ทราบว่าใช้เวลาบนเวทีทั้งสิ้นเท่าไร แต่ถอดเป็นหนังสือออกมาได้ประมาณ 12-13 หน้ากระดาษ A 4 เมื่อพิจารณาโดยละเอียดแล้วจะพบว่า มีลักษณะ " ซ่อนรหัสไว้ในพลความ" นอกเหนือจากการ "ซ่อนความไว้ระหว่างบรรทัด"

คุณจักรภพ เพ็ญแขได้เปิดเผยตัวตนบุคคลที่ทักษิณ ชินวัตรเรียกว่า "ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ" อย่างชัดเจน ด้วยคำอารัมภบทเริ่มต้นว่า

" ผมเพิ่งออกจากคุกคุณเปรม ไม่ใช่คุกทั่วไป แต่เป็นคุกของคุณเปรม มันเป็นวิธีที่คุณเปรมสื่อสารโดยตรงกับสาธารณชนว่า เขาเป็นบุคคลที่ถูกแตะต้องไม่ได้" ( ความจริงจักรภพกับพวกเคยถูกจำขังอยู่ที่เรือนจำคลองเปรมประชากร)

มีคำพาดพิงต่อว่า " คุณเปรมเป็นใคร คุณเปรมเป็นตัวแทนของใคร คุณเปรมเป็นตัวแทนของคนๆนั้นจริงหรือ ? " (Who is Khun Prem, whom he represents, whether or not he represents him ?)

" คุณเปรมเป็นสัญลักษณ์ของอะไรหลายอย่าง เราได้เรียนรู้จากคุณเปรมว่า คนดีคนหนึ่งเมื่อแก่ตัวไป ซึ่งไม่เกี่ยวกับอายุ แต่เกี่ยวกับความรู้สึกนึกคิดที่ไม่กล้าได้กล้าเสียอีกต่อไป ความรู้สึกที่อยากถอยเวลากลับไปหาเวลาในอดีตที่เขารู้สึกพอใจ แต่คนแก่คนนี้ไม่เหมาะสมที่จะมีอิทธิพลต่อประเทศไทยอีกต่อไป"

จักรภพ เพ็ญแข ได้เปิดเผยชื่อคุณเปรม ไว้ชัดเจนยิ่งขึ้น ด้วยคำกล่าวถึงในบางตอนว่า คุณเปรม หรือพลเอกเปรม( Khun Prem or General Prem ) แต่ส่วนเลยเถิดที่เป็นปริศนาต่อไปคือคำถามที่ว่า คุณเปรมเป็นตัวแทนของคนๆนั้นจริงหรือ ?

จักรภพ เพ็ญแข ได้วิเคราะห์ประเทศไทยต่อไปว่า

" วิกฤตการเมืองในปัจจุบันคือการต่อสู้ระหว่าง ประชาธิปไตยกับระบบอุปถัมภ์ เป็นการปะทะกันโดยตรง และจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในประเทศไทยและรากฐานของประเทศ เป็นการเดิมพันที่สูงมากสำหรับทั้งสองฝ่าย ทั้งประชาธิปไตยและระบบอุปถัมภ์........ไม่เคยมีครั้งไหนที่ประชาชนออกมาเป็นจำนวนมาก และประกาศก้องว่า เราไม่ต้องการระบบอุปถัมภ์อีกต่อไป...... มันถึงเวลาแล้ว และเป็นสิทธิโดยชอบธรรมของคนไทยที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว ผมเชื่อว่าเราจะสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ได้เริ่มต้นนี้แล้ว ภายในชั่วชีวิตเรา"

อะไรคือระบบอุปถัมภ์ในความหมายของจักรภพ เพ็ญแข ?

มีคำอธิบายต่อว่า

" ประเทศเราเริ่มต้นจากระบบอุปถัมภ์.....ในรัชสมัยหนึ่งยุคสุโขทัย เราถูกชักนำให้เชื่อว่า กษัตริย์องค์หนึ่งในสมัยสุโขทัยคือ พ่อขุนรามคำแหง เป็น บิดาที่ยิ่งใหญ่...........กษัตริย์ในสมัยสุโขทัยจึงถูกมองว่าเป็นบิดาที่ยิ่งใหญ่ผู้มีความเมตตากรุณาต่อประชาชน และให้ในสิ่งที่ประชาชนต้องการได้.... เพราะฉะนั้นประชาชนจึงมีหน้าที่ต้องจงรักภักดี และต้องมีความศรัทธาในระบบซึ่งมีผู้มอบให้เขา ไม่มีระบบอื่นที่สามารถแข่งขันได้ ไม่มีความคิดในเรื่องระบบการปกครองที่ดีกว่านี้ในสมัยนั้น

ต่อมาในสมัยอยุธยา แนวคิดที่ว่ากษัตริย์เปรียบเสมือนเทพเจ้าถูกนำเข้ามาจากเขมร กษัตริย์เป็นกึ่งเทพเจ้า เป็นตัวแทนของเทพในศาสนาฮินดูและเทพที่อยู่เหนือเทพทั้งหลาย ดังนั้นระบบอุปถัมภ์จึงกลายมาเป็นระบบคุ้มครอง ถ้าคุณมีความจงรักภักดีต่อกษัตริย์โดยปราศจากข้อสงสัย คุณจะได้รับความคุ้มครอง ประชาชนที่ทำในทางอื่นต้องถูกลงโทษ ไม่ว่าจะถือว่าเป็นความก้าวหน้าหรือความถดถอยก็ตาม แต่มันเป็นการผสมผสานระหว่าง รูปแบบบิดาผู้ยิ่งใหญ่ ( The Great Fathers model ) และรูปแบบผู้นำที่ยิ่งใหญ่ ( The Great Leaders model) สมัยอยุธยาได้ก่อให้เกิดความสัมพันธ์รูปแบบใหม่ขึ้นในประเทศไทย คือความสัมพันธ์ระหว่างนายกับทาส ความสัมพันธ์ระหว่างชนชั้นผู้ดีมียศฐาบรรดาศักดิ์กับสามัญชน

ขณะนี้เราอยู่ในรัชสมัยของกษัตริย์องค์ปัจจุบัน ซึ่งเป็นการรวมทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา และเนื่องจากพระองค์ทรงครองราชย์มานานมากกว่า 60 ปีแล้ว ทำให้สถานภาพของพระองค์ถูกยกขึ้นเปรียบเสมือนเป็นตำนาน ประชาชนไม่รู้เลยว่าสิ่งที่พูดนั้นเป็นความจริง หรือเป็นความเชื่อเกี่ยวกับพระองค์"


จักรภพ เพ็ญแข มีความคิดอย่างไร

" การได้บางสิ่งบางอย่างในเวลาที่ผิด ย้ำเตือนเราว่าอาจมีความจำเป็นที่จะต้องมีผู้นำที่มาเปลี่ยนแปลงให้เราใหม่หมด...... ... เราถูกชักนำให้เชื่อว่ารูปแบบของการปกครองแบบประชาธิปไตย หรือการปกครองแบบประชาธิปไตยภายใต้การชี้นำอันสง่างามของกษัตริย์เป็นการพัฒนาแนวคิดและความเชื่ออย่างต่อเนื่องมาจนถึงสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งผมมองว่า เป็นการปะทะกันระหว่างประชาธิปไตยกับระบบอุปถัมภ์"

" คนไทยถูกทำให้รู้สึกว่าสบายใจกับระบบอุปถัมภ์ .... เรายิ้มไว้ก่อนไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น มันเป็นวิธีการแก้ปัญหาเพราะไม่มีวิธีอื่นแล้วในขณะนั้น และเราก็สร้างคำพูดและความเชื่อที่ว่า ค่าของคนคือคนของใคร"

" สาเหตุที่เรากำลังขัดแย้งกันอยู่ในขณะนี้เพราะมีประชาชนจำนวนหนึ่งออกมาบอกว่า เราไม่ต้องการระบบอุปถัมภ์อัปรีย์ของพวกคุณต่อไป การติดป้ายโฆษณาใหญ่ทั่วกรุงเทพและอาจจะนอกกรุงเทพด้วย มีข้อความเช่น คนไทยต้องร่วมชะตา ลงเรือลำเดียวกัน แต่สิ่งที่น่าสังเกตคือ ท้ายข้อความบนป้ายเขียนว่า ประชาชนคนเสื้อเหลือง ................ ประเทศไทยกำลังใกล้ถึงจุดเปลี่ยนแปลงเต็มที่แล้ว สิ่งที่พวกเรากำลังพูดถึงระหว่างประชาธิปไตยและระบบอุปถัมภ์คือ ประชาชนเริ่มเติบโตและหลุดพ้นแล้ว"

" ระบบอุปถัมภ์เป็นตัวปัญหา เพราะมันส่งเสริมความไม่เท่าเทียมกันของปัจเจกบุคคล และนั่นคือความขัดแย้งโดยตรงกับประชาธิปไตย มันส่งเสริมให้คนคิดพึ่งพาคนอื่น มันก่อให้เกิดทาสจำนวนมาก แต่มีนายจำนวนเพียงไม่กี่คน มันขัดขวางมิให้ประเทศไทยหลุดพ้นหรือเติบโตขึ้น"

มีคำอธิบายต่อว่า

" การที่มีพี่เลี้ยงคอยช่วยเหลือนั้นไม่ใช่เป็นเรื่องบาป ไม่ใช่ความชั่วร้าย แต่ทั้งหมดกำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมตอนนี้เราต้องปะทะกัน เพราะมีประชาชนจำนวนมากพอสมควรที่ออกมา และบอกว่า เราไม่ต้องการระบบอุปถัมภ์เฮงซวยของท่านต่อไป ( We don't want anymore of your damn patronage !)"

จักรภพ เพ็ญแขคือตัวแทนความคิดของใคร ?

" นายกทักษิณ ชินวัตร ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่าง ได้กำจัดระบบอุปถัมภ์ไปจากผู้มีอำนาจ....ก่อให้เกิดความขัดแย้งกับระบบอุปถัมภ์ เพราะสิ่งที่ท่านทำได้ปลดเปลื้องระบบเดิมอย่างรวดเร็วภายในเวลาเพียง 5 ปี ประชาชนในระดับรากหญ้าเริ่มรู้สึกว่าเขามีสิทธิที่จะสามารถมีชีวิตความเป็นอยู่ดีกว่าเดิมได้ กล่าวคือพวกเขามีทางเลือกใหม่"

" ทักษิณมิได้ทำไปเพื่อท้าทายใคร แต่มีคนรู้สึกว่าถูกท้าทายจากสิ่งที่เขาทำ ( Thaksin didn't do it to challenge anyone. But some people felt challenged by what he did and what he has done.)"

" ทักษิณ ชินวัตรไม่ใช่เผด็จการ ผมทำงานกับท่าน....ท่านดีกว่าผู้นำแก่ๆที่มีคนบอกให้ผมเคารพ ผมอยากทำงานภายใต้สามัญชนที่ดีเพียงครึ่งเดียวมากกว่าที่จะทำงานให้กับผู้สูงศักดิ์ที่ว่างเปล่า (I would rather work underneath a half good commoner than an empty noble)"

จักรภพ เพ็ญแขมุ่งมั่นอะไร

" ผมอยากจะบอกว่า ไม่ว่าผมจะอยู่ในคุกหรือนอกคุก ผมพบว่าประชาธิปไตยกับระบบอุปถัมภ์เป็นสิ่งที่ขัดแย้งกันโดยตรง..... ถ้าคุณไปที่สนามหลวง คุณจะมีความรู้สึกเหมือนผมว่า ประชาชนคนไทยไม่ใช่เด็กอีกต่อไป พวกเขาเป็นผู้ใหญ่ที่ถูกบังคับให้ใส่เสื้อผ้าเด็ก พวกเขารู้สึกหงุดหงิด อึดอัดทั้งใจทั้งกาย และพยายามดิ้นรนที่จะปลดปล่อยตัวเอง ผมไม่ทราบว่าเขาจะทำได้อย่างไร แต่พวกเขาจะต้องทำ"

ถ้อยวาจาทุกคำของจักรภพ เพ็ญแข เป็นตัวแทนของความคิดและพยายามของบุคคลน้อยนิดจำนวนหนึ่งในสังคมขณะนี้ แต่มีความพยายามขยายความคิดและแนวร่วมจากปัจเจกชนที่มีพลังมหาศาล จักรภพ เพ็ญแข ทำให้หมดกังขาที่เหตุใดภาพยนตร์สารคดีเกี่ยวกับการล้มล้างสถาบันกษัตริย์ของอังกฤษ ฝรั่งเศส เนปาล และ....จึงได้นำมาเสนอซ้ำซากทางสถานีโทรทัศน์ช่อง NBT หน่วยงานในกำกับดูแลของนายจักรภพ เพ็ญแข ในฐานะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เหตุใดจึงมีปรากฏการณ์ที่ผู้ร่วมรายการในบางรายการของสถานีโทรทัศน์ช่องนี้ ใส่เสื้อยืดพิมพ์ตัวหนังสือที่หน้าอกว่า ไม่ยืนไม่ใช่อาชญากร คิดต่างไม่ใช่อาชญากรรม เพื่อสนับสนุนการกระทำของกลุ่มบุคคลที่ไม่ยอมลุกขึ้นยืนเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมี


คำปาฐกถานี้เปลือยตัวตนจักรภพ เพ็ญแข และ"นายใหญ่" ที่อยู่เบื้องหลังอย่างล่อนจ้อนจริงๆ

คำปาฐกถาคราวนี้ท้าทายเลือดสีน้ำเงินของนายกรัฐมนตรีคนนี้จริงๆ
บันทึกการเข้า

@@ธรรมชาติสร้างความขัดแย้ง เพื่อให้คนเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ดียิ่งขึ้น@@@

  หน้า: 1 ... 8 9 [10] 11 12 ... 34  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><