29 เมษายน 2567, 23:00:46
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7 ... 17  ทั้งหมด   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: มหากาพย์ ความรัก ชาติภพ  (อ่าน 236482 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #100 เมื่อ: 25 กรกฎาคม 2552, 08:47:43 »

อ้างถึง
ข้อความของ Q??? เมื่อ 20 กรกฎาคม 2552, 19:08:12
อ้างถึง
ข้อความของ swsm เมื่อ 19 กรกฎาคม 2552, 23:30:23
ต่อค่ะ ก้าน .. สนุกดี

ครับผู้อ่านสนุก แต่เรื่องราวทั้งหมดมันรันทดครับพี่ 22 ปีที่ผ่านมาชีวิตของผมเป็นเหมือนดังคำทำนายไพ่ทาโรต์ใบที่ XII - The Hangman



 ฮือๆ


แว๊ก .. ใช้คำผิดค่ะ
ต้องบอกว่า .. น่าติดตาม .. จึงจะตรงกับความหมายที่ต้องการสื่อมากที่สุดค่ะ



เหนื่อย

      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
SC (ก้าน 24)
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 981

« ตอบ #101 เมื่อ: 25 กรกฎาคม 2552, 17:43:21 »

เบื้องบน หรือ บังเอิญ?
 
ปี 2544 มีเหตุให้ผมต้องไปทำงานเป็นเซลส์ขายสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ธนาคารดีบีเอส ไทยทนุ ในขณะนั้น ที่ทำงานอยู่มักกะสัน ทำให้ผมได้รู้จักสาวที่เข้าทำงานพร้อมกันแต่อายุอ่อนกว่า 15 ปี เธอชื่อ ปุ๊ก เธอคนนี้มีอะไรหลายอย่างรวมทั้งพฤติกรรมที่แสดงออกในบางครั้ง จนทำให้ผมปักใจว่าเธอใช่คนที่ผมตามหา จนกระทั่งบัดนี้ผมก็ยังไม่เคยเจอใครเหมือนกับเธอ ผมเลยยกให้เธอเป็น 1 ใน 6 หญิงที่สุดแสนประทับใจ ปุ๊ก ศิริลักษณ์ ที่พี่ยังคาใจ


 
ปุ๊กเธอเป็นสาวมังกร ตามนักษัตรจีน หรือเกิดปีมะโรงตามนักษัครไทย ซึ่งเป็นที่ปรารถนาอยากได้เป็นคู่ครองของผมมาก เพราะซินแสจีนว่าไว้ว่า ถ้าคนปีเสือกับปีมังกรเป็นคู่กัน พวกเขาสามารถพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน แต่จะดีมากถ้าเป็น ชายเสือหญิงมังกร และผมก็เกิดปีขาล เป็นชายเสือ จะว่าไปแล้ว ปุ๊ก ก็ดูจะมีใจให้ผมอยู่บ้างเหมือนกัน จากพฤติกรรมที่เธอแสดงออก เมื่อผมมีแฟนตอนปี 2549 ได้เล่าให้แฟนฟังและถามแฟนดู แฟนตอบว่า " ในฐานะที่เขาเป็นผู้หญิงเหมือนกัน บอกได้เลยว่า หึง " แต่ปุ๊กเธอก็มีแฟนที่คบกันอยู่แล้ว
 
ผมพยายามถีบตัวเองขึ้นมาเพื่อให้ปุ๊กยอมรับ ปี 2545 ผมได้ก่อตั้งบริษัทกับลูกค้าเก่าที่เคยใช้บริการที่ปรึกษาของผม โดยลูกค้าเก่าคนนี้เป็นนายทุน ถือหุ้นใหญ่ ต่อมาลูกค้าเก่าคนนี้ก็ให้ผมเรียกเขาว่า " พี่หมอ " พี่หมอเป็นผู้สนับสนุนผมมาตลอดที่ทำบริษัท หลังจากผ่านกาลเวลาที่ไม่ง่ายนักสำหรับกิจการงานที่ทำ จนกระทั่งล่วงเข้ากลางปี 2546 ก็สามารถหาผู้ใช้บริการได้จากการแนะนำผ่านอีกที เราประชุมกันหลายครั้งจนได้ข้อตกลง แต่ต้องร่างสัญญาให้ตรงตามเห็นชอบของทั้งสองฝ่าย ระหว่างรอร่างสัญญา พี่หมอก็เสียชีวิตกระทันหันด้วยโรคหัวใจวายตายฉับพลัน ล้มทั้งยืนตอนใกล้รุ่ง...
 
และทุกอย่างก็จบสิ้นลง เพราะพี่หมอเป็นคนโสด หย่ากับเมีย มีลูกสาวคนเดียวอายุ 11 - 12 ปี ไม่มีใครสานต่อ ทำให้ความหวังของผมต้องพังทลายลงไป พร้อมกับความสูญเสีย คนที่รู้ความสามารถของผมดีที่สุด เพราะผมกับพี่หมอเคยนั่งอยู่ด้วยกันทั้งวัน วิเคราะห์ความเป็นไปของตลาดฯนานพอที่จะสะสมความเชื่อถือ จนพี่หมอยินดีสนับสนุนโดยเป็นนายทุนให้
 
เมื่อมองย้อนไปจากปัจจุบัน ถ้าพี่หมอไม่ตาย ผมประสบความสำเร็จ ถีบตัวเองขึ้นมาได้ มันก็คงจะไม่มีวันนี้ วันที่มีรูปศรปรากฏที่กลางอกผม!


 เอิ่มม
      บันทึกการเข้า

My Website <== คลิกเพื่อชม MV โดยไม่มีโฆษณาคั่น คลิกเล่นแล้ว คลิกขยายให้เต็มจอ อย่าคลิก YouTube
Kaimook
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,132

« ตอบ #102 เมื่อ: 25 กรกฎาคม 2552, 19:17:13 »

หวัดดีจ่ะก้านเป็นกำลังใจให้นะคะสู้สู้ค่ะ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ
      บันทึกการเข้า
SC (ก้าน 24)
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 981

« ตอบ #103 เมื่อ: 26 กรกฎาคม 2552, 18:28:40 »

อ้างถึง
ข้อความของ Kaimook เมื่อ 25 กรกฎาคม 2552, 19:17:13
หวัดดีจ่ะก้านเป็นกำลังใจให้นะคะสู้สู้ค่ะ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ


ขอบใจจ๊ะอ้อย

 บ่ฮู้บ่หัน
      บันทึกการเข้า

My Website <== คลิกเพื่อชม MV โดยไม่มีโฆษณาคั่น คลิกเล่นแล้ว คลิกขยายให้เต็มจอ อย่าคลิก YouTube
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #104 เมื่อ: 26 กรกฎาคม 2552, 18:32:44 »

ต่อเลยค่ะ  .. น้องก้าน
      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
SC (ก้าน 24)
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 981

« ตอบ #105 เมื่อ: 26 กรกฎาคม 2552, 18:34:25 »

Psycho-Cybernetics VS พันธะสัญญา
 
ผมได้ซื้อหนังสือเกี่ยวกับการรักษาผมร่วงมาอ่านเมื่อหลายปีมาแล้ว ในหนังสือนั้นได้เกริ่นนำด้วยเรื่อง Psycho-Cybernetics ในหนังสือนั้นอธิบายว่า Cybernetics เป็นระบบล็อคเป้าหมายของขืปนาวุธนำวิถี เช่นเดียวกัน จิตคนเราก็สามารถล็อคเป้าหมายได้ด้วยเรียกว่า Psycho-Cybernetics บางครั้งจิตไร้สำนึกของคนเรามีการล็อคเป้าหมายโดยที่ตัวเราเองไม่รู้ตัว ผลลัพท์ก็คือ เราจะประสบความล้มเหลวในอาการเดิมซ้ำๆ
 
ผมมาคิดทบทวนดู ก็พบว่าใช่ ความล้มเหลวที่เกิดขึ้นมักจะมีอาการแบบเดิมๆ ผมก็พยายามคิดว่าผมได้ตั้งเป้าหมายอะไรไว้ จนจิตไร้สำนึกของผมล็อคเป้าหมายนั้นไว้ แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก จนกระทั่งเมื่อผมเขียนเรื่อง 6 หญิงที่สุดแสนประทับใจเสร็จแล้ว ผมก็คิดว่า หรือ เป้าหมายในจิตไร้สำนึกของผมที่ล็อคไว้ คือ " เป็นนักรัก " แบบ ดอน ฮวน อะไรประมาณนั้น ผมยังเคยคุยกับน้องคนหนึ่งเลยว่า พี่อาจจะไม่ประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน แต่พี่ก็ประสบความสำเร็จในกลกามความรัก เพราะ พี่ได้ผ่านประสบการณ์ระดับเทพ ซึ่งน้อยคนนักที่จะบรรลุถึงขั้นนั้น...
 
แต่เมื่อมองจากปัจจุบัน ผมก็เข้าใจแล้วว่า จิตไร้สำนึกของผมได้ล็อคเป้าหมายไว้โดยที่ผมไม่รู้ตัว นั่นคือ " ตามหาคนๆหนึ่ง " เป็นเป้าหมายที่ถูกล็อคไว้ในจิตไร้สำนึก แต่ไม่ใช่เพราะว่าผมไปตั้งมันไว้โดยที่ผมไม่รู้ตัว แต่เป็นเพราะ พันธะสัญญา ตั้งแต่ชาติภพที่แล้ว!


  เหนื่อย
      บันทึกการเข้า

My Website <== คลิกเพื่อชม MV โดยไม่มีโฆษณาคั่น คลิกเล่นแล้ว คลิกขยายให้เต็มจอ อย่าคลิก YouTube
SC (ก้าน 24)
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 981

« ตอบ #106 เมื่อ: 26 กรกฎาคม 2552, 18:35:53 »

อ้างถึง
ข้อความของ swsm เมื่อ 26 กรกฎาคม 2552, 18:32:44
ต่อเลยค่ะ  .. น้องก้าน

สวัสดีครับพี่หยี ทานข้าวมื้อเย็นเรียบร้อยหรือยังครับ?


 บ่ฮู้บ่หัน
      บันทึกการเข้า

My Website <== คลิกเพื่อชม MV โดยไม่มีโฆษณาคั่น คลิกเล่นแล้ว คลิกขยายให้เต็มจอ อย่าคลิก YouTube
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #107 เมื่อ: 26 กรกฎาคม 2552, 18:41:19 »

ทานแล้วคร่ะ  น้องก้าน
เย็นนี้ น้ำพริกกะปิ  ปลาทูทอด  แกล้มด้วยผัดสด
ตอนนี้ นั่งพุงกางอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ค่ะ ..

อิ่มขนาดหนักแบบนี้มาทุกมื้อ ตั้งแต่เมื่อวาน ..
สงสัยน้ำหนักขึ้นแน่ ๆ
      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
หนุน'21
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
*****


ซีมะโด่ง'จุฬาฯ ที่มาของผม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: "ครุศาสตร์"
กระทู้: 26,927

« ตอบ #108 เมื่อ: 26 กรกฎาคม 2552, 19:20:14 »

 งง งง

สวัสดี
ตามอ่านด้วย น้องก้าน
อิ อิ อ่านบางตอน เขินแทนเหมือนกันนะนี่

อิตอนที่ไปมองหน้าอก...ใครคนนั้นอ่ะ
มาต่อเลย
พี่รออ่านอยู่


 sing
      บันทึกการเข้า

“สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในใต้หล้า ทั้งมิใช่ชื่อเสียง และไม่ใช่ทรัพย์ศฤงคาร หากแต่เป็นน้ำใจระหว่างคน ท่านหากได้มา พึงทะนุถนอมไว้
อย่าได้สร้างความผิดหวังต่อตนเองและผู้อื่น.” “วีรบุรุษสำราญ” “โกวเล้ง”
พัช 24
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,574

« ตอบ #109 เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2552, 12:21:12 »

อ้างถึง
ข้อความของ Q??? เมื่อ 24 กรกฎาคม 2552, 19:57:29
อ้างถึง
ข้อความของ พัช 24 เมื่อ 23 กรกฎาคม 2552, 14:42:12


งั้น ขอเริ่มที่คำถามข้างท้ายนี้ค่ะ

ชาติ คือ อะไร
ภพ คือ อะไร
และ  เบื้องบนคืออะไรคะ

ถามมากไปอย่าแอบเคืองนะ



ตั้งแต่ออกจาครรภ์มารดา จนกระทั่งตาย เรียกว่า " ชาติ "
ภพ คือ โลก เช่น โลกสวรรค์ โลกมนุษย์

คนเรามีชาติเดียวหลายภพไม่ได้ แต่มีหลายชาติในภพเดียวได้ แต่เนื่องจากคนเราระลึกชาติไม่ได้ จึงไม่มีความแตกต่างกันระหว่างภพกับชาติ แต่ถ้าระลึกชาติได้ ก็จะเห็นความแตกต่างระหว่าง ชาติ และ ภพ

ส่วน " เบื้องบน " เป็นคำเรียกที่ไม่เจาะจงถึงเทพองค์ใดองค์หนึ่ง อาจเป็นเพราะว่าไม่รู้แน่ชัด สัมผัส จับต้องไม่ได้ แต่มีอิทธิพล หรือดลบันดาลให้เรากระทำ หรือละเว้นการกระทำบางอย่างได้ อย่างกรณีของผม


 บ่ฮู้บ่หัน
ขอบคุณสำหรับคำตอบค่ะ คุณก้าน
1.  คำตอบของคุณก้านพัชเข้าใจว่า  ชาติแบ่งตามเกิดขึ้นของร่างกายเมื่อเริ่มมีลมหายใจ  ไปสิ้นสุดที่เมื่อร่างกายนี้หมดลมหายใจ  ุ เป็น  หนึ่งชาติ   ถูกต้องไหมคะ
2.  นอกจากชาติตามที่คุณก้านว่านี้แล้ว ยังแบ่งแบบอื่นได้อีกไหมคะ  (ห้ามบอกว่าชาติไทย ชาติจีน ....อะไรอย่างนี้นะ)
3.  คำตอบเรื่อง เบื้องบน  พัชเข้าใจคำอธิบายว่าหมายถึงเทพ   และนอกจากเทพ  ที่คุณก้านพบว่ามีอิทธิพลหรือดลบันดาลให้ทำหรือไม่ทำบางอย่างได้นั้น ยังมีสิ่งอื่นอีกหรือไม่ที่คุณก้านถือว่ามีอิทธิพลต่อคุณก้านที่จะทำหรือไม่ทำบางอย่าง  ถ้ามีขอทราบว่ามีอะไรบ้างค่ะ

ยังมีคำถามอยู่อีกหลายคำถาม  ถ้าไม่เบื่อตอบเสียก่อน จะมาถามอีก  แต่ตอนนี้รบกวนคำถามข้างต้นค่ะ  ขอบคุณค่ะ




4. กลับมา เพิ่มเติมคำถาม   ที่ว่า  ภพ คือ โลก   โลกสวรรค์  โลกมนุษย์  ถ้าจะสรุปว่า   คือ  ที่อยู่ของกายและใจได้ไหม
และขอถามว่า   กายอยู่โลกมนุษย์ ใจอยู่โลกมนุษย์ด้วยเสมอไปมั้ย  อะไรทำให้ได้มาอยู่โลกมนุษย์และอะไรทำให้อยู่โลกสวรรค์คะ
      บันทึกการเข้า
พัช 24
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,574

« ตอบ #110 เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2552, 15:40:23 »

อ้างถึง
ข้อความของ Q??? เมื่อ 26 กรกฎาคม 2552, 18:34:25
Psycho-Cybernetics VS พันธะสัญญา
 
ผมได้ซื้อหนังสือเกี่ยวกับการรักษาผมร่วงมาอ่านเมื่อหลายปีมาแล้ว ในหนังสือนั้นได้เกริ่นนำด้วยเรื่อง Psycho-Cybernetics ในหนังสือนั้นอธิบายว่า Cybernetics เป็นระบบล็อคเป้าหมายของขืปนาวุธนำวิถี เช่นเดียวกัน จิตคนเราก็สามารถล็อคเป้าหมายได้ด้วยเรียกว่า Psycho-Cybernetics บางครั้งจิตไร้สำนึกของคนเรามีการล็อคเป้าหมายโดยที่ตัวเราเองไม่รู้ตัว ผลลัพท์ก็คือ เราจะประสบความล้มเหลวในอาการเดิมซ้ำๆ
 
ผมมาคิดทบทวนดู ก็พบว่าใช่ ความล้มเหลวที่เกิดขึ้นมักจะมีอาการแบบเดิมๆ ผมก็พยายามคิดว่าผมได้ตั้งเป้าหมายอะไรไว้ จนจิตไร้สำนึกของผมล็อคเป้าหมายนั้นไว้ แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก จนกระทั่งเมื่อผมเขียนเรื่อง 6 หญิงที่สุดแสนประทับใจเสร็จแล้ว ผมก็คิดว่า หรือ เป้าหมายในจิตไร้สำนึกของผมที่ล็อคไว้ คือ " เป็นนักรัก " แบบ ดอน ฮวน อะไรประมาณนั้น ผมยังเคยคุยกับน้องคนหนึ่งเลยว่า พี่อาจจะไม่ประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน แต่พี่ก็ประสบความสำเร็จในกลกามความรัก เพราะ พี่ได้ผ่านประสบการณ์ระดับเทพ ซึ่งน้อยคนนักที่จะบรรลุถึงขั้นนั้น...
 
แต่เมื่อมองจากปัจจุบัน ผมก็เข้าใจแล้วว่า จิตไร้สำนึกของผมได้ล็อคเป้าหมายไว้โดยที่ผมไม่รู้ตัว นั่นคือ " ตามหาคนๆหนึ่ง " เป็นเป้าหมายที่ถูกล็อคไว้ในจิตไร้สำนึก แต่ไม่ใช่เพราะว่าผมไปตั้งมันไว้โดยที่ผมไม่รู้ตัว แต่เป็นเพราะ พันธะสัญญา ตั้งแต่ชาติภพที่แล้ว!


  เหนื่อย
ขอถามอีกค่ะ  ตกลงเป้าหมายเหล่านี้   เป็นประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชน์ กับคุณก้านคะ   ถ้าเป็น  เป็นอย่างไรบ้าง   ถ้าไม่เป็น  ไม่เป็นอย่างไรบ้างคะ 
      บันทึกการเข้า
พัช 24
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,574

« ตอบ #111 เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2552, 15:53:30 »

อ้างถึง
ข้อความของ Q??? เมื่อ 25 กรกฎาคม 2552, 17:43:21
เบื้องบน หรือ บังเอิญ?
 
 
เมื่่อมองย้อนไปจากปัจจุบัน ถ้าพี่หมอไม่ตาย ผมประสบความสำเร็จ ถีบตัวเองขึ้นมาได้ มันก็คงจะไม่มีวันนี้ วันที่มีรูปศรปรากฏที่กลางอกผม![/size][/color]

 เอิ่มม
ยังไม่เข้าใจว่า  รูปศรฯ นั้น  เป็นเครื่องหมายบอกอะไร  ในความตระหนักรู้ของคุณก้านคะ  หรือเป็นสัญญลักษณ์บอกถึงอะไรคะ

ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบต่อทุกคำถามค่ะ  sorry   sorry   sorry

 

      บันทึกการเข้า
Lamai
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,712

« ตอบ #112 เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2552, 20:20:10 »

สวัสดีจ้ะก้าน บ่ฮู้บ่หัน
      บันทึกการเข้า
Kaimook
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,132

« ตอบ #113 เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2552, 22:51:55 »

สวัสดียามดึกค่ะก้าน
 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ
      บันทึกการเข้า
jacky
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,852

« ตอบ #114 เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2552, 23:01:38 »

แถม

      บันทึกการเข้า

จงทำงาน         อย่างมี         ความสุข
แต่อย่าหลงไปมีความสุขที่ได้อยู่กับงาน
หนุน'21
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
*****


ซีมะโด่ง'จุฬาฯ ที่มาของผม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: "ครุศาสตร์"
กระทู้: 26,927

« ตอบ #115 เมื่อ: 28 กรกฎาคม 2552, 07:50:03 »

อ้างถึง
ข้อความของ jacky เมื่อ 27 กรกฎาคม 2552, 23:01:38
แถม



ขอบคุณมากน้องจักร "บุรุษผู้ที่ยังไม่เคยทักทายกันเลย"
ชอบอันนี้ ขออนุญาต แฮฟ ไปเก็บไว้ทบทวนชีวิตของตัวเองครับ
ความจริงชีวิตเราไม่มีอะไรมากเลย
เพียงแต่ถ้าเราไม่วางเงื่อนไขให้กับตัวเรามากเกินไป
คิดว่าสุข ก็สุข
คิดว่าทุกข์ ก็ทุกข์

เอ้า...สาธุ....


 บ่ฮู้บ่หัน
      บันทึกการเข้า

“สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในใต้หล้า ทั้งมิใช่ชื่อเสียง และไม่ใช่ทรัพย์ศฤงคาร หากแต่เป็นน้ำใจระหว่างคน ท่านหากได้มา พึงทะนุถนอมไว้
อย่าได้สร้างความผิดหวังต่อตนเองและผู้อื่น.” “วีรบุรุษสำราญ” “โกวเล้ง”
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #116 เมื่อ: 28 กรกฎาคม 2552, 09:01:37 »

อ้างถึง
ข้อความของ jacky เมื่อ 27 กรกฎาคม 2552, 23:01:38
แถม



ชอบมากเลยค่ะ  พี่ Jacky ของน้อง ๆ
ขอแอบนำไปใช้ประโยชน์ต่อในงานและในชีวิตด้วยนะคะ ..

เพราะรู้ว่าน้อง Jacky ของพี่ ไม่ขัดอยู่แล้ว  พี่จึงขอบคุณล่วงหน้าคร่ะ


หึหึ
      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #117 เมื่อ: 28 กรกฎาคม 2552, 09:02:29 »

Good morning ค่ะพี่น้อง

ทานอาหารเช้ากันหรือยัง ??
หะยีมีแพนเค้ก (ที่ไม่ใช่ดารา) และกาแฟสดมาฝากค่ะ


 
      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
jacky
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,852

« ตอบ #118 เมื่อ: 28 กรกฎาคม 2552, 09:12:05 »

อ้างถึง
ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 28 กรกฎาคม 2552, 07:50:03
อ้างถึง
ข้อความของ jacky เมื่อ 27 กรกฎาคม 2552, 23:01:38
แถม



ขอบคุณมากน้องจักร "บุรุษผู้ที่ยังไม่เคยทักทายกันเลย"
ชอบอันนี้ ขออนุญาต แฮฟ ไปเก็บไว้ทบทวนชีวิตของตัวเองครับ
ความจริงชีวิตเราไม่มีอะไรมากเลย
เพียงแต่ถ้าเราไม่วางเงื่อนไขให้กับตัวเรามากเกินไป
คิดว่าสุข ก็สุข
คิดว่าทุกข์ ก็ทุกข์

เอ้า...สาธุ....


 บ่ฮู้บ่หัน

ขอบพระคุณครับพี่หนุน
ผมก็ "แฮพ" เค้ามาอีกที
เห็นว่าใช้ดีเลย บอกต่อ
สาธุด้วยคนครับ

 sorry
      บันทึกการเข้า

จงทำงาน         อย่างมี         ความสุข
แต่อย่าหลงไปมีความสุขที่ได้อยู่กับงาน
jacky
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,852

« ตอบ #119 เมื่อ: 28 กรกฎาคม 2552, 09:18:13 »

อ้างถึง
ข้อความของ swsm เมื่อ 28 กรกฎาคม 2552, 09:01:37
อ้างถึง
ข้อความของ jacky เมื่อ 27 กรกฎาคม 2552, 23:01:38
แถม



ชอบมากเลยค่ะ  พี่ Jacky ของน้อง ๆ
ขอแอบนำไปใช้ประโยชน์ต่อในงานและในชีวิตด้วยนะคะ ..

เพราะรู้ว่าน้อง Jacky ของพี่ ไม่ขัดอยู่แล้ว  พี่จึงขอบคุณล่วงหน้าคร่ะ


หึหึ

สวัสดีครับพี่ หยี..
แฮพ ได้ตามสบายเลยครับ
ขออภัยย้อนหลังเป็นอย่างสูง
ที่ผมยังจำพี่ๆไม่ได้มากเท่าคนอื่นๆ
ในรุ่น
 เพราะตอนเรียนก็มัวแต่
หมกตัวอยู่ในห้องทำโปรเจค
โผล่มาอีกทีก็ส่งงานอาจารย์
ส่งเสร็จ สลบอีกสองวัน
เรียนบ้าง โดดบ้าง
สังสรรค์ น้อยมากครับ

 sorry เอิ่มม
      บันทึกการเข้า

จงทำงาน         อย่างมี         ความสุข
แต่อย่าหลงไปมีความสุขที่ได้อยู่กับงาน
jacky
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,852

« ตอบ #120 เมื่อ: 28 กรกฎาคม 2552, 10:32:36 »

ก้าน
ผมยังมีบทความดีๆ
แปะไว้ที่บ้านผม และบ้านแม่เลี้ยงพัชนะ
      บันทึกการเข้า

จงทำงาน         อย่างมี         ความสุข
แต่อย่าหลงไปมีความสุขที่ได้อยู่กับงาน
พัช 24
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,574

« ตอบ #121 เมื่อ: 28 กรกฎาคม 2552, 13:51:45 »

อ้างถึง
ข้อความของ jacky เมื่อ 28 กรกฎาคม 2552, 10:32:36
ก้าน
ผมยังมีบทความดีๆ
แปะไว้ที่บ้านผม และบ้านแม่เลี้ยงพัชนะ

บริการส่งถึงที่ค่ะ


 จากบ้านจักร  จะได้ต่อเนื่อง
อ้างถึง
ข้อความของ jacky เมื่อ 28 กรกฎาคม 2552, 09:53:12
เรื่องของ "มาร"



สรุปรวมความว่า มาร ๕ มีครบถ้วนอยู่ในกายในใจของเรานี้ทั้งหมด พอเกิดมาได้รูปได้นามแล้วก็ได้มาร ๕ มาพร้อมเลย เราจะรู้จะเห็นตัวของมันหรือไม่รู้ไม่เห็นก็ตาม ขันธมารและมัจจุมารมันก็ทำหน้าที่ของมันอยู่อย่างนั้น ส่วนกิเลสมาร เทวบุตรมาร และอภิสังขารมารนั้น เมื่อรู้เท่าเข้าใจตามเป็นจริงของมันแล้ว จะไม่สามารถหลอกลวงให้ไปติดบ่วงมันได้เลย
       ท่านจึงสอนอุบายทั้งหลายให้พวกเรา คือ อย่าไปหลงการหลอกลวงของจิต แล้วอย่าไปยินดีในวิสัยของมาร อย่างที่อธิบายในเบื้องต้น อย่าไปเชื่อจิตอย่างเดียว จิตของเราไปเชื่อไม่ได้หรอก เราต้องอาศัยปัญญา ถ้าไม่มีปัญญาแล้วจะไม่รู้จักผิด ไม่รู้จักถูก ไม่รู้จักดี ไม่รู้จักชั่ว ไม่รู้ว่าจิตหลอกลวง ของจริงก็ไม่รู้จัก ของเท็จของเทียมก็ไม่รู้จักทั้งนั้น เราต้องอาศัยปัญญาจึงจะรู้
      ปัญญาเกิดขึ้นได้เพราะอาศัยความสงบ อาศัยการ ฟังธรรมะคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าให้เข้าใจ แล้วก็ทำความสงบจิตให้เข้าถึงสมาธิ จิตถึงสมาธิแล้วจะเห็นเรื่องการลวงของจิตด้วยตนเองชัดเจนทีเดียว จิตที่เป็นสมาธิแล้วไม่หลอกลวง เป็นจิตตรงไปตรงมาเข้าถึงสัจธรรมเห็นทุกข์เป็นทุกข์จริงๆ เห็นความสงบเป็นสุขจริงๆ เห็นความทะเยอทะยานดิ้นรนเป็นความเดือดร้อนแท้ทีเดียว ถ้าจิตไม่เป็นสมาธิแล้ว มันหลอกลวงเราอยู่ตลอดเวลา ให้เราลุ่มหลงมัวเมาไม่รู้จักหยุดไม่รู้จักพอ ที่เรียกว่า ตัณหา ๓ นั่นเอง
       เรื่องของตัณหานี้เราจะรู้ได้เมื่อจิตสงบเท่านั้น ถ้ายังไม่รู้เรื่องของตัณหาแล้ว กิเลสอื่นๆ ก็จะรู้ได้ยาก ความทะเยอทะยานที่เกิดขึ้นมาในตัวของเรานั่นแหละเป็นตัวกิเลส พยายามให้เห็นตัวของมัน เห็นโทษของมัน เราจึงจะละวางมันได้ เมื่อไม่มีการเบื่อหน่ายก็ไม่มีการพ้นจากมัน เพราะกลับไปยินดีในตัณหาเสียอีก มันก็อยู่ในวิสัยของมาร ดังนั้นพระพุทธองค์จึงสอนให้เรารู้จักตัวมาร ไม่ให้ยินดีตามวิสัยของมาร ก็จะเป็นการชนะมารและพ้นจากกองทุกข์ เรามาทำทาน มารักษาศีล มาเจริญเมตตาภาวนา ทำกัมมัฏฐานก็ไม่ใช่อื่นไกลเลย เพราะต้องการละกิเลสมารตัวนี้แหละ
       การทำทาน หมายถึง เราเป็นคนยอมสละออกไป ถ้ามีอยู่ปรากฏอยู่แล้วมันเป็นกังวลและห่วงในเรื่องเหล่านั้น ห่วงในการรักษาในการถือว่าของกูๆ พอสละปุ๊ปปั๊บลงไปแล้วหมดห่วง ยังเหลือแต่ผลของการสละคือความดีใจ ความอิ่มเอิบใจ ปีติว่าเราได้สละให้เป็นประโยชน์แก่คนอื่นแล้ว ผลของมันเป็นอย่างนี้
       ตัวอย่างง่ายๆ เช่นเรามีเนื้อมีปลาอยู่สักกิโลสองกิโล ทีนี้เริ่มห่วงกังวลแล้ว จะเอาไว้ที่ใดก็กลัวหนูกลัวแมวจะเอาไปกิน ทิ้งไว้ก็กลัวจะบูดจะเน่า นั่นลองคิดดูซิ ถ้าหากเราสละเนื้อนั้นทำบุญทำทาน ที่เหลือเราก็กินเสีย เท่านี้แหละความห่วงความกังวลก็หมดไป ไม่มีเหลือ กลับมีความอิ่มอกอิ่มใจที่ได้ทำบุญ วัตถุสิ่งของอื่นๆ ก็อย่างเดียวกัน ความห่วงย่อมเป็นไปตามฐานะของวัตถุนั้นๆ มีมากหรือวัตถุมีค่าก็ห่วงมาก ของน้อยหรือวัตถุมีค่าน้อยก็ห่วงน้อย
       เหตุนั้น การทำทานจึงเป็นการสละความตระหนี่หวงแหน ความห่วงกังวล ไม่ให้มันหลงไปตามวิสัยของมาร ไม่ให้จิตมันหลอกลวง จึงจะพ้นจากบ่วงของมาร
       การรักษาศีล ก็เช่นเดียวกัน ความชั่วต่างๆ ที่เราพากันทำอยู่ทุกวันนี้ เช่นฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดมิจฉาจาร ด่าทอเขา มุสาเขา ดื่มสุรายาเมา เหล่านี้ทำแล้วมันร้อนขึ้นมาภายในจิตใจของเรา ทำให้ไม่สบายใจ ถ้าหากว่าเรามาเห็นเรื่องทั้งหลายนี้ว่ามันเป็นโทษ ไม่ดีไม่งาม เราก็ละทิ้งมันได้ เมื่อละทิ้งได้แล้วก็หมดความร้อนใจ มีความสบายใจเย็นใจ นี่เรียกว่าเรารู้จักหน้าตาของมัน เห็นโทษของมันแล้วเบื่อหน่ายจึงละทิ้งได้
       ถ้าหากเรายังเสียดายหวงแหนอาลัยความชั่วอยู่ความร้อนความไม่สบายใจมันก็ยังมีอยู่นั่นเอง เพราะเรายังหวงเก็บเอาไว้ แต่นี่เราต้องการความสบายใจ ต้องการความเย็นใจ แล้วเราจะเอาความร้อนไว้ทำไม หากมีความคิดนึกอย่างนี้ก็จะละทิ้งความชั่วเสียได้ ดังนั้น การรักษาศีลจึงเป็นการระวังไม่ให้หลงตามวิสัยของมาร อัน นี้ก็เป็นการรักษาจิตไปในตัว
       การภาวนา คือการอบรมจิตใจให้มีความสงบ เป็นการชำระจิตใจให้สงบจากอารมณ์ต่างๆ ยิ่งเป็นการละ เอียดไปกว่าการรักษาศีลอีก จิตของเราถ้ายังไม่สงบตราบ ใดแล้ว มันก็จะต้องยุ่งวุ่นวายอยู่ตราบนั้น เมื่อมาฝึกหัด ภาวนา เห็นโทษเห็นภัยของความยุ่งความไม่สงบด้วยตนเองแล้ว เราก็จะพยายามทุกวิถีทางที่จะละความไม่สงบ เมื่อสิ่งใดที่ละได้แล้ว อารมณ์ใดที่วางได้แล้ว เราก็จะต้องรักษาไม่ให้สิ่งนั้นมันเกิดขึ้นมาอีก ไม่ใช่ว่าเราละได้แล้วก็แล้วไปเลยไม่ต้องคำนึงถึงมันอีก อย่างนั้นไม่ ถูกต้อง เพราะมันอาจสามารถที่จะฟื้นฟูขึ้นมาใหม่อีก ถ้ามันเกิดมาทีหลังจะยิ่งร้ายกว่าเก่า
       พระพุทธจ้าตรัสเทศนาไว้ว่า “เสขบุคคล ผู้ไม่คำนึงถึงจิตที่ละได้แล้ว และยังไม่ละ ขี้เกียจขี้คร้านทำความเพียรให้ติดต่อ คลุกคลีด้วยหมู่คณะ ประกอบความยินดีกับการงาน มันก็จะเสื่อมได้เหมือนกัน”       เหตุนั้น เมื่อเราละได้มากน้อยเท่าใดก็อย่าทอดทิ้งเคยพิจารณาอย่างนี้ ดำเนินได้อย่างนี้ก็อย่าลืม ดำเนินอยู่อย่างนั้น พิจารณาอยู่อย่างนั้น สิ่งที่ละได้แล้วก็จะต้องนำมาปรารภ นำมาพิจารณาอีกอยู่ตลอดเวลา ให้เห็นโทษเห็นภัยของมัน เห็นเป็นของน่าเบื่อหน่ายอยู่เช่นนั้น จึงได้ชื่อว่าเป็นผู้ไม่ประมาทแลไม่มีการเสื่อม
       นี่แหละเรื่องจิตหลอกลวงสัตว์คือตัวของเราเอง มีนัยตามที่ได้อธิบายมาโดยลำดับดังนี้ มันหลอกลวงเรา เราเลยไปยินดีกับมัน ติดในความลวงของมัน ชอบใจในความหลอกของมัน เลยเป็นเหตุให้เกิดแล้วตาย เกิดแล้วตาย วนเวียนอยู่นับภพนับชาติไม่ถ้วน เพราะเหตุนั้น พระพุทธเจ้าจึงทรงสอนให้เรามีสติ การที่จะละกิเลสได้หรือรู้จักตัวของกิเลสได้ก็ต้องมีความสงบของจิตเสีย ก่อน เมื่อใจสงบแล้วก็จะเห็นตัวมารและเห็นวิธีการหลอกลวงของมัน เห็นแล้วเราก็จะไม่หลงตามวิสัยของมันอีก จะเห็นทางเป็นไปเพื่อพ้นจากทุกข์       


 เหนื่อย sorry บ่ฮู้บ่หัน gek ปิ๊งๆ
      บันทึกการเข้า
jacky
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,852

« ตอบ #122 เมื่อ: 28 กรกฎาคม 2552, 15:19:17 »

อ้างถึง
ข้อความของ พัช 24 เมื่อ 27 กรกฎาคม 2552, 12:21:12
อ้างถึง
ข้อความของ Q??? เมื่อ 24 กรกฎาคม 2552, 19:57:29
อ้างถึง
ข้อความของ พัช 24 เมื่อ 23 กรกฎาคม 2552, 14:42:12


งั้น ขอเริ่มที่คำถามข้างท้ายนี้ค่ะ

ชาติ คือ อะไร
ภพ คือ อะไร
และ  เบื้องบนคืออะไรคะ

ถามมากไปอย่าแอบเคืองนะ



ตั้งแต่ออกจาครรภ์มารดา จนกระทั่งตาย เรียกว่า " ชาติ "
ภพ คือ โลก เช่น โลกสวรรค์ โลกมนุษย์

คนเรามีชาติเดียวหลายภพไม่ได้ แต่มีหลายชาติในภพเดียวได้ แต่เนื่องจากคนเราระลึกชาติไม่ได้ จึงไม่มีความแตกต่างกันระหว่างภพกับชาติ แต่ถ้าระลึกชาติได้ ก็จะเห็นความแตกต่างระหว่าง ชาติ และ ภพ

ส่วน " เบื้องบน " เป็นคำเรียกที่ไม่เจาะจงถึงเทพองค์ใดองค์หนึ่ง อาจเป็นเพราะว่าไม่รู้แน่ชัด สัมผัส จับต้องไม่ได้ แต่มีอิทธิพล หรือดลบันดาลให้เรากระทำ หรือละเว้นการกระทำบางอย่างได้ อย่างกรณีของผม


 บ่ฮู้บ่หัน
ขอบคุณสำหรับคำตอบค่ะ คุณก้าน
1.  คำตอบของคุณก้านพัชเข้าใจว่า  ชาติแบ่งตามเกิดขึ้นของร่างกายเมื่อเริ่มมีลมหายใจ  ไปสิ้นสุดที่เมื่อร่างกายนี้หมดลมหายใจ  ุ เป็น  หนึ่งชาติ   ถูกต้องไหมคะ
2.  นอกจากชาติตามที่คุณก้านว่านี้แล้ว ยังแบ่งแบบอื่นได้อีกไหมคะ  (ห้ามบอกว่าชาติไทย ชาติจีน ....อะไรอย่างนี้นะ)
3.  คำตอบเรื่อง เบื้องบน  พัชเข้าใจคำอธิบายว่าหมายถึงเทพ   และนอกจากเทพ  ที่คุณก้านพบว่ามีอิทธิพลหรือดลบันดาลให้ทำหรือไม่ทำบางอย่างได้นั้น ยังมีสิ่งอื่นอีกหรือไม่ที่คุณก้านถือว่ามีอิทธิพลต่อคุณก้านที่จะทำหรือไม่ทำบางอย่าง  ถ้ามีขอทราบว่ามีอะไรบ้างค่ะ

ยังมีคำถามอยู่อีกหลายคำถาม  ถ้าไม่เบื่อตอบเสียก่อน จะมาถามอีก  แต่ตอนนี้รบกวนคำถามข้างต้นค่ะ  ขอบคุณค่ะ




4. กลับมา เพิ่มเติมคำถาม   ที่ว่า  ภพ คือ โลก   โลกสวรรค์  โลกมนุษย์  ถ้าจะสรุปว่า   คือ  ที่อยู่ของกายและใจได้ไหม
และขอถามว่า   กายอยู่โลกมนุษย์ ใจอยู่โลกมนุษย์ด้วยเสมอไปมั้ย  อะไรทำให้ได้มาอยู่โลกมนุษย์และอะไรทำให้อยู่โลกสวรรค์คะ

ดูภาพประกอบ

      บันทึกการเข้า

จงทำงาน         อย่างมี         ความสุข
แต่อย่าหลงไปมีความสุขที่ได้อยู่กับงาน
พัช 24
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,574

« ตอบ #123 เมื่อ: 28 กรกฎาคม 2552, 15:22:11 »

 หลั่นล้า
อ้างถึง
ข้อความของ พัช 24 เมื่อ 28 กรกฎาคม 2552, 13:51:45
อ้างถึง
ข้อความของ jacky เมื่อ 28 กรกฎาคม 2552, 09:53:12
เรื่องของ "มาร"



สรุปรวมความว่า มาร ๕ มีครบถ้วนอยู่ในกายในใจของเรานี้ทั้งหมด พอเกิดมาได้รูปได้นามแล้วก็ได้มาร ๕ มาพร้อมเลย เราจะรู้จะเห็นตัวของมันหรือไม่รู้ไม่เห็นก็ตาม ขันธมารและมัจจุมารมันก็ทำหน้าที่ของมันอยู่อย่างนั้น ส่วนกิเลสมาร เทวบุตรมาร และอภิสังขารมารนั้น เมื่อรู้เท่าเข้าใจตามเป็นจริงของมันแล้ว จะไม่สามารถหลอกลวงให้ไปติดบ่วงมันได้เลย
       
มาสนับสนุนหลวงพี่จักร  ด้วยการให้ความหมายของมารทั้งห้า

มาร คือสิ่งที่ฆ่าเราจากความดี  หรือเป็นสิ่งขวางไม่ให้ได้พัฒนาตนยิ่ง ๆ ขึ้นไป

ขันธมาร    ขันธ์=กอง  พระพุทธเจ้าท่านว่าไม่มีคนในเรา บางทีท่านว่า เป็นทีธาตุมาประชุม  บางที่ท่านก็ว่า เป็นขันธ์ห้า(ห้ากอง)  คือ รูป  เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ (หรือแบ่งเป็นสองกองใหญ่ก็คือ รูปกับนาม)
ขันธมาร ก็คือสิ่งกีดขวางจาก "เรา" เอง เช่นว่า จะไปวัดทำบุญ  ก็ให้ปวดหัวตัวร้อน ท้องไส้ปั่นป่วน(อันนี้ในอดีตเคยเป็นกับตัวเอง) ปวดแข้งปวดขาไปไหนไม่ได้  ประมาณนี้  ดูเผิน ๆ ก็เหมือนมันเป็นจริงนะ  แต่ถ้าเราลุกมาสู้มารตัวนี้มันก็แพ้เราได้ค่ะ  แต่ต้องแน่วแน่ก่อนว่าสิ่งที่เราจะทำนี้เป็นสิ่งที่ถูกที่ควร จะต้องทำให้สำเร็จ  ผู้ที่เขามีความแน่วแน่จริง ๆ เขายอมตายกันเลยค่ะ
มัจจุมาร   พระท่านว่าอย่ามัวประมาท  หายใจเข้าไม่หายใจออกก็ตายแล้ว  ดังนั้นจะทำความมดี จะพัฒนาตนต้องอย่าผลัดผ่อนค่ะ  เดี๋ยว ความตายมาพรากเราไปเสียก่อน
กิเลสมาร  อันนี้คงพอคุ้น วันนี้ขอเอ่ยถึงกิเลสใหญ่ คือ  ราคะ  โทสะ โมหะ

เทวบุตรมาร อธิบายสั้น ๆ ถ้าเป็นคนแบบเรา ๆ ก็คือ พวกอันธพาล มีมิจฉาทิฎฐิ แต่ในกามาวจรภูิมินอกจากมนุษย์แล้วก็ยังมีเทวดาเป็นต้น  ดังนั้นในที่นี้ก็คือเทวดาเกเรชอบมีอิทธิพลเหนือมนุษย์และชักจูงไปในทางเสีย (วันหลังจะมาเล่าให้ฟังว่าชาวพุทธควรเป็นอย่างไรกับเทวดาตามที่ครูบาอาจารย์ท่านสอน)

อภิสังขารมาร เป็นเจตนากรรมของเราแต่ในอดีตค่ะ  เคยได้ยินมาว่าพระคุณเจ้าองค์หนึ่งติดขัดไม่สามารถบรรลุธรรมขั้นสุดได้  เพราะติดเจตนาที่เคยปรารถนาพุทธภูมิ  ในที่สุดก็ต้องถอนเจตนานั้นจึงบรรลุธรรมขั้นสุด  ไม่ทราบมีใครเคยได้ยินมาบ้าง คงพอทราบว่าเป็นพระคุณเจ้าองค์ใด
 
 
      บันทึกการเข้า
jacky
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,852

« ตอบ #124 เมื่อ: 28 กรกฎาคม 2552, 15:42:30 »

อ้างถึง
ข้อความของ พัช 24 เมื่อ 28 กรกฎาคม 2552, 15:22:11
หลั่นล้า
อ้างถึง
ข้อความของ พัช 24 เมื่อ 28 กรกฎาคม 2552, 13:51:45
อ้างถึง
ข้อความของ jacky เมื่อ 28 กรกฎาคม 2552, 09:53:12
เรื่องของ "มาร"



สรุปรวมความว่า มาร ๕ มีครบถ้วนอยู่ในกายในใจของเรานี้ทั้งหมด พอเกิดมาได้รูปได้นามแล้วก็ได้มาร ๕ มาพร้อมเลย เราจะรู้จะเห็นตัวของมันหรือไม่รู้ไม่เห็นก็ตาม ขันธมารและมัจจุมารมันก็ทำหน้าที่ของมันอยู่อย่างนั้น ส่วนกิเลสมาร เทวบุตรมาร และอภิสังขารมารนั้น เมื่อรู้เท่าเข้าใจตามเป็นจริงของมันแล้ว จะไม่สามารถหลอกลวงให้ไปติดบ่วงมันได้เลย
       
มาสนับสนุนหลวงพี่จักร  ด้วยการให้ความหมายของมารทั้งห้า

มาร คือสิ่งที่ฆ่าเราจากความดี  หรือเป็นสิ่งขวางไม่ให้ได้พัฒนาตนยิ่ง ๆ ขึ้นไป

ขันธมาร    ขันธ์=กอง  พระพุทธเจ้าท่านว่าไม่มีคนในเรา บางทีท่านว่า เป็นทีธาตุมาประชุม  บางที่ท่านก็ว่า เป็นขันธ์ห้า(ห้ากอง)  คือ รูป  เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ (หรือแบ่งเป็นสองกองใหญ่ก็คือ รูปกับนาม)
ขันธมาร ก็คือสิ่งกีดขวางจาก "เรา" เอง เช่นว่า จะไปวัดทำบุญ  ก็ให้ปวดหัวตัวร้อน ท้องไส้ปั่นป่วน(อันนี้ในอดีตเคยเป็นกับตัวเอง) ปวดแข้งปวดขาไปไหนไม่ได้  ประมาณนี้  ดูเผิน ๆ ก็เหมือนมันเป็นจริงนะ  แต่ถ้าเราลุกมาสู้มารตัวนี้มันก็แพ้เราได้ค่ะ  แต่ต้องแน่วแน่ก่อนว่าสิ่งที่เราจะทำนี้เป็นสิ่งที่ถูกที่ควร จะต้องทำให้สำเร็จ  ผู้ที่เขามีความแน่วแน่จริง ๆ เขายอมตายกันเลยค่ะ
มัจจุมาร   พระท่านว่าอย่ามัวประมาท  หายใจเข้าไม่หายใจออกก็ตายแล้ว  ดังนั้นจะทำความมดี จะพัฒนาตนต้องอย่าผลัดผ่อนค่ะ  เดี๋ยว ความตายมาพรากเราไปเสียก่อน
กิเลสมาร  อันนี้คงพอคุ้น วันนี้ขอเอ่ยถึงกิเลสใหญ่ คือ  ราคะ  โทสะ โมหะ

เทวบุตรมาร อธิบายสั้น ๆ ถ้าเป็นคนแบบเรา ๆ ก็คือ พวกอันธพาล มีมิจฉาทิฎฐิ แต่ในกามาวจรภูิมินอกจากมนุษย์แล้วก็ยังมีเทวดาเป็นต้น  ดังนั้นในที่นี้ก็คือเทวดาเกเรชอบมีอิทธิพลเหนือมนุษย์และชักจูงไปในทางเสีย (วันหลังจะมาเล่าให้ฟังว่าชาวพุทธควรเป็นอย่างไรกับเทวดาตามที่ครูบาอาจารย์ท่านสอน)

อภิสังขารมาร เป็นเจตนากรรมของเราแต่ในอดีตค่ะ  เคยได้ยินมาว่าพระคุณเจ้าองค์หนึ่งติดขัดไม่สามารถบรรลุธรรมขั้นสุดได้  เพราะติดเจตนาที่เคยปรารถนาพุทธภูมิ  ในที่สุดก็ต้องถอนเจตนานั้นจึงบรรลุธรรมขั้นสุด  ไม่ทราบมีใครเคยได้ยินมาบ้าง คงพอทราบว่าเป็นพระคุณเจ้าองค์ใด
 
 

อย่างนี้ต้อง "แฮพ"
ขอบคุณแม่เลี้ยง
ที่ขยายความ
แบบ
"คม ชัด ลึก"
ที่ข้าพเจ้า บ่ มีความรู้เลย

      บันทึกการเข้า

จงทำงาน         อย่างมี         ความสุข
แต่อย่าหลงไปมีความสุขที่ได้อยู่กับงาน
  หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7 ... 17  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><