29 เมษายน 2567, 16:55:35
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 6 7 [8] 9 10 ... 21  ทั้งหมด   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: การเมืองเป็นเรื่องสนุก ( จะเป็นประเด็นปลีกย่อย..เกร็ดเล็กๆน้อยๆ..ถากถาง..ขำขัน.)  (อ่าน 215712 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #175 เมื่อ: 05 เมษายน 2553, 22:32:19 »

ประธานศาลปค.จี้รัฐใช้บังคับกม.อย่าให้ปัญหาลุกลาม
05 เมษายน 2553 เวลา 20:43 น.
"อักขราทร"จี้รัฐบังคับใช้กฏหมายอย่าปล่อยให้ปัญหาลุกลามเปรียบหากไม่มีการบังคับใช้ก็ไม่ต่างกับระฆังที่ไร้ลูกตุ้ม

นายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด กล่าวปาฐกถาหัวข้อ "การบังคับใช้กฎหมายให้เกิดความยุติธรรมในสังคมไทย"ในงาน "วันสัญญา ธรรมศักดิ์ ประจำปี 2553"ซึ่งจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ศูนย์รังสิต ว่า บ้านเมืองในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้คนในสังคมอย่างมาก ปัญหาในปัจจุบันใกล้ๆจะเข้มข้น หากสิ่งนี้เกิดขึ้นที่ประเทศอื่นๆ ในโลก ไม่ว่าจะเป็นประเทศประชาธิปไตยร้อยเปอร์เซ็นต์ เช่น ฝรั่งเศส อเมริกา ฯลฯ แต่ละชาติจะมีวิธีการแก้ไขปัญหาด้วยการบังคับใช้กฎหมายที่มีลักษณะสากล จะไม่ปล่อยให้เรื่องต่างๆ ลุกลาม หรือปล่อยให้สถานการณ์นั้นแก้ไขด้วยตัวเอง

"ผู้ที่คิดว่ามีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบ ถ้าไปมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องของการใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ เมื่อยังไม่มีกฎหมายว่าด้วยการดูแลการชุมนุม จึงพยายามอธิบายว่ารัฐในฐานะผู้ดูแลรับผิดชอบบ้านเมืองไม่อาจจะทำอะไรได้ ต้องรอจนกว่า ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะรอจนกว่าเมื่อไหร่" นายอักขราทรกล่าว และว่า กฎหมายนั้นต้องมีความศักดิ์สิทธิ์ และมีผลบังคับได้อย่างแท้จริง กฎหมายเป็นเรื่องของกฎเกณฑ์ความประพฤติของสังคมที่ต้องยอมรับในการดำรงอยู่ ในทุกสังคม กฎหมายที่ไม่มีการบังคับใช้ก็ไม่ต่างอะไรกับระฆังที่ไม่มีลูกตุ้ม.

      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #176 เมื่อ: 06 เมษายน 2553, 16:00:33 »

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=I0AGoDHURqw" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=I0AGoDHURqw</a>

** เนื้อเพลง ... แม้ว มอนเต **
       
     สู้เถอะพี่น้อง เสียงขอร้องจากแม้วมอนเตฯ
       อยู่ริมทะเล ประเทศมอนเตรเนโกร
       นั่งจิบกาแฟ เอกเขนก กินเค๊กชิ้นโต
       ลิงค์วีดีโอ บงการเผาผลาญบ้านไทย

     
      ตากแดดตากฝน สู้เพื่อคนมอนเตรเนโกร
      พาลูกอวดโชว์  มอนเตเนโกรซื้อเกาะเอาไว้
      เป็นนักโทษหนี ใส่ร้ายย่ำยีศักดิ์ศรีศาลไทย
      วันนี้กำลังจุดไฟ เผาไหม้เมืองไทยแหลกราน


     ภาพคนเสื้อแดง อ่อนแรงหิวโหยโรยรา
     ทักษิณจูงพิณทองทายิ้มร่ารื่นเริงสำราญ
     ภาพคนเสื้อแดงแดดแรงรุ่มร้อนกลางลาน
     ลูกโอ๊คและแพทองธารเบิกบานที่เมืองมอนเตรฯ


     สู้เถอะพี่น้องเสียงขอร้องจากคนเมืองไกล
     ให้สู้ต่อไป ผู้ชายสัญชาติมอนเตรเนโกร
     จะแดดจะฝนให้สู้ทนอย่าได้เยโย
     มอนเตเนโกร ลูกสาวลูกชายผมสบายดี
     สู้กันต่อไป ลูกสาวลูกชายผมสบายดี

     ตากแดดกันไป ลูกสาวลูกชายผมสบายดี ....
     ตากฝนกันไป ลูกสาวลูกชายผมสบายดี ....
     โง่กันต่อไป ลูกสาวลูกชายผมสบายดี ....



      บันทึกการเข้า

อ้อย 14
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,055

« ตอบ #177 เมื่อ: 08 เมษายน 2553, 09:03:47 »

สถานการ์ณตอนนี้  น่าจะเหมือนยุคอันธพาลครองเมือง 2499  และยุคอั้งยี่  เพี่ยงแต่สมัยก่อนนู้น  ผู้คนคงรักชาติบ้านเมืองมากกว่านี้....
      บันทึกการเข้า
Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #178 เมื่อ: 09 เมษายน 2553, 06:25:23 »

      บันทึกการเข้า

Kittiwit Pk
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 281

« ตอบ #179 เมื่อ: 09 เมษายน 2553, 19:30:53 »

มอบให้แด่ความหน่อมแน้มของรัฐบาลและนายทหารขี้ครอก
      บันทึกการเข้า
Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #180 เมื่อ: 10 เมษายน 2553, 05:51:18 »

      บันทึกการเข้า

Preecha2510
Cmadong Member
Full Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2510
กระทู้: 788

« ตอบ #181 เมื่อ: 10 เมษายน 2553, 10:10:46 »


                            จาก นสพ.ไทยโพสต์ วันที่ 10 เมษายน 2553


                           http://www.thaipost.net/news/100410/20639
      บันทึกการเข้า
Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #182 เมื่อ: 10 เมษายน 2553, 14:58:10 »

แบบฟอร์ม ถอดถอน 3 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้ทรงเกือก



หรือจะดาวน์โหลดเอาจากที่นี้ก็ได้

http://files.thaiday.com/download/dw1.pdf

จากเมกา วันนี้ส่งไปหลายฉบับแล้วครับ

      บันทึกการเข้า

seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #183 เมื่อ: 24 เมษายน 2553, 13:14:35 »

ลอกคราบ 'ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ'นายทุนสื่อ “ล้มเจ้า” 
 
โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 24 เมษายน 2553 09:12 น.
 
 
   หากเอ่ยชื่อ 'ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ' คนทั่วไปอาจไม่รู้จัก แต่ถ้าพูดถึง 'ฟ้าเดียวกัน' เว็บไซต์และนิตยสารที่มีเนื้อหาโจมตีสถาบันกษัตริย์อย่างรุนแรงตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมาแล้วล่ะก็หลายคนคงร้องอ๋อ.. เพราะเขาคือนายทุนผู้ให้การสนับสนุนสื่อที่ถูกตั้งคำถามจากสังคมถึงวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่แท้จริง ?
       
       ธนาธร หรือ 'เอก' นักธุรกิจหนุ่มวัย 32 ปี เป็นหลานชายแท้ๆของ 'สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ' อดีตรองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย และ รมว.อุตสาหกรรม ผู้อื้อฉาวจากคดีคอร์รัปชั่น CTX เขาเป็นบุตรชายคนโตของ นายพัฒนา จึงรุงเรืองกิจ (เสียชีวิตแล้ว) และนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ นักธุรกิจหมื่นล้าน เจ้าของบริษัทผลิตอะไหล่รถยนต์รายใหญ่ของไทย
       
       เมื่อบิดาเสียชีวิต เขาจึงต้องเข้ามาบริหารธุรกิจในตำแหน่งรองประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทไทยซัมมิต แต่ก็ยังคงเป็นนายทุนของเว็บไซต์และนิตยสาร'ฟ้าเดียวกัน' สื่อที่เน้นการเผยแพร่เนื้อหาที่โจมตี และลดความน่าเชื่อถือของสถาบันพระมหากษัตริย์ เช่น การโจมตีสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ การโจมตีพิธีพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ว่าใช้เงินมากเกินไป นอกจากนั้นเว็บไซต์นี้ยังมีการเผยแพร่ธงชาติใหม่ของ “สาธารณรัฐสยาม” และแนวคิดเรื่อง “รัฐไทยใหม่” ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของ นช.ทักษิณ ชินวัตร เจ้าของเงินและเจ้าของม็อบเสื้อแดงด้วย
       
      ว่ากันว่า ธนาธร ถูกขนานนามว่า 'แอ๊กทิวิสต์ซ้ายจัด' ตั้งแต่ครั้งที่เป็นนักศึกษาคณะวิศวะ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นผู้ที่คลั่งไคล้ในลัทธิมาร์กซและต่อต้านระบอบกษัตริย์อย่างโจ่งแจ้ง แต่ขณะเดียวกันก็กลับชื่นชมระบบทุนนิยมอย่างออกหน้าออกตา เขาเคยให้สัมภาษณ์ในฐานะรองประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทไทยซัมมิต ว่า “ เราจะไม่ยอมเป็นบริษัทที่อยู่ในทุนนิยมหางแถว แต่ต้องการเป็นบริษัทที่สามารถใช้ประโยชน์จากทุนนิยม ”
       
       ล่าสุดในการให้สัมภาษณ์ 'มติชนสุดสัปดาห์' ฉบับวันที่ 16-22 เม.ย.2553 ธนาธรเปิดตัวชัดเจนว่าเขาสนับสนุนการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มเสื้อแดง โดยไม่ได้แสดงท่าทีกังขากับวิธีการถ่อยสถุลที่ไม่ต่างจากอันพาลและพฤติกรรมเผาบ้านเผาเมืองของผู้ชุมนุมกลุ่มนี้แต่อย่างใด อีกทั้งยังสนับสนุนแนวคิดโค่น 'อำมาตย์' ด้วยเห็นว่าเป็นตัวการที่ทำให้ระบบทุนนิยมของไทยไม่สามารถก้าวต่อไปได้
       
       “ ผมทำธุรกิจหลายหมื่นล้าน วันนี้ผมก็เป็นไพร่ คำว่าไพร่และอำมาตย์ วันนี้มันกลับมามีความหมายอีกครั้งทำไมเราถึงต้องสนับสนุนเสื้อแดง ผมคิดว่าดูที่ข้อเสนอคำว่าไพร่กับอำมาตย์ มันเป็นคีย์เวิร์ด อะไรคือความหมายของคำว่าอำมาตย์ ผมคิดว่าความหมายของอำมาตย์ มันไม่ใช่ข้าราชการอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่ผมคิดว่าถ้าจะนิยามให้ถูกว่าอำมาตย์ในภาวะปัจจุบันคืออะไร ผมคิดว่าคือคนที่มีอำนาจ และไม่ถูกตรวจสอบ คนที่มีอำนาจ และไม่มีกลไก check and balance และในสังคมประชาธิปไตย อำนาจมาพร้อมกับความรับผิดชอบ ณ วันนี้คนกลุ่มหนึ่งในสังคมไทย มีอำนาจและปราศจากความรับผิดชอบใด ๆ มีคนที่มีอำนาจและไม่ถูกตรวจสอบ ปัญหาคือ ถ้าเสื้อแดงกลับมาแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ จัดวางระบบสังคมใหม่ เอาอำมาตย์ เอาทหารออกไป ผมคิดว่าคนกลุ่มนี้ไม่ยอม” ธนาธรให้สัมภาษณ์กับมติชนสุดสัปดาห์
       
       ทั้งนี้ หากพิเคราะห์จากตัวตนและแนวคิดของธนาธรตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมาแล้ว คำว่า 'โค่นอำมาตย์' ในความหมายของเขาคงไม่ใช่แค่การโค่นล้มประธานองคมนตรี เช่น พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ แต่น่าจะหมายถึงผู้ที่อยู่ในฐานะสูงกว่านั้น เพราะบทความแต่บทแต่ละตอนของ 'ฟ้าเดียวกัน' นั้นล้วนพุ่งโจมตีต่อสถาบันกษัตริย์โดยตรง
       
       แม้แต่ในหมู่เพื่อนๆต่างรู้กันดีว่า ธนาธรมีมุมมองที่เป็นลบต่อสถาบันสูงสุดของไทยมานานแล้ว

       
       'กิตติยศ ไผ่เรือง' เพื่อนนิสิตซึ่งเรียนปริญญาโท สาขาเศรษฐศาสตร์การเมือง คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รุ่นเดียวกับธนาธร พูดถึงไพร่หมื่นล้านคนนี้ว่า
       
       “ เอกเป็นคนเชื่อมั่นในตัวเองสูง ไม่ค่อยฟังใคร คิดว่าความคิดของตัวเองถูกต้องที่สุด และด้วยความที่เป็นคนเรียนเก่ง ไหวพริบดี อ่านหนังสือเยอะ แต่บางครั้งพอไปอ่านเจอตำราเรื่องราวบางอย่างที่ตัวเองเชื่อ เช่น ประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส รัสเซีย ซึ่งมีการโค่นล้มระบอบกษัตริย์ ก็เลยคิดว่ามันใช่นะ เขามองว่าการค้าเสรีมันทำให้เศรษฐกิจดี ซึ่งเอกเขาเป็นนายทุนไง เขาจะมองในแง่นี้อยู่แล้วว่าอะไรที่ทำให้ระบบทุนนิยมขับเคลื่อนได้ช้าก็เป็นสิ่งไม่ไม่ดี เขามองว่าระบอบกษัตริย์เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ระบบเศรษฐกิจขับเคลื่อนได้ช้า คือพวกฝ่ายซ้ายบางคนไม่ได้ต่อต้านกษัตริย์โดยตรงนะแต่เขามีความเชื่อบางอย่างเกี่ยวกับการทำธุรกิจหรือแนวความคิดแบบทุนนิยม ซึ่งอาจจะมองว่าเห็นแก่ตัวก็ได้ ”
       
       กล่าวได้ว่า ธนาธรนั้นก็ไม่ต่างจาก 'ซ้ายอกหัก' อีกหลายคน ที่นอกจากไม่เคยลุกขึ้นมาต่อต้านการคอร์รัปชั่นซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ก่อให้เกิดช่องว่างทางชนชั้นในสังคมแล้ว เขายังยินดีร่วมมือกับทุนสามานย์แห่งระบอบทักษิณที่เหิมเกริมจนถึงขั้นต้องการสถาปนารัฐไทยใหม่ ด้วยจุดมุ่งหมายเพียงประการเดียว นั่นคือ 'ผลประโยชน์' ของตนเองและพวกพ้อง
 

 
 
 
 
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #184 เมื่อ: 26 เมษายน 2553, 11:01:58 »

โปรดใช้วิจารณญาณ ในการอ่าน เท็จจริง เร็ววันคงได้รู้

เพื่อนส่งมาบอกว่า

วันนี้ได้คุยกับเพื่อนเรื่อง งาน บังเอิญคุยเรื่องการเมืองกันแถมท้าย เพื่อนเล่าให้ฟังว่า นายแพทย์ที่เป็นเพื่อนกับแม่เขาเป็นทีมรักษามะเร็งให้ทักษิณอยู่ ข่าวลือต่างๆที่ออกสื่อนั้น เป็นเรื่องจริง

จริงๆแล้ว ผมก็ถามว่าทำไม่ไม่ไปรักษาต่างประเทศ เช่น อเมริกา เพื่อนบอกว่า ไป อเมริกาไม่ได้ ตามแพทย์เขาก็ ไม่มา จริงๆแล้ว แพทย์ไทยเก่งสุดๆอยู่แล้ว เป็นรองก็ อเมริกาเท่านั้น

เพื่อนก็เล่าต่ออีกว่า ที่ทักษิณมา เขมรก็เพราะ จะมารักษาตัวไปตามแพทย์ให้มารักษาง่ายและเร็วหน่อย เท่านั้น

จริงๆ ก็น่าจะอาการดีขึ้นแล้วแล้ว เพราะ รักษาด้วย ฟังแร่กัมมันตภาพรังสี นั้นคือ เรเดี่ยม แต่พระสยามเทวาธิราช พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระกาฬไชยศรีคงจะมีจริง เพื่อนก็บอกเช่นนั้น เหมือนกัน ปรากฏว่า เรเดี่ยม แตก ซึมเข้ากระเสโลหิต นายแพทย์ ก็งงว่า โอกาศเกิด หนึ่งใน ล้าน ซวยซ้ำซวยซ้อน คนที่รักษา ได้มีเพียง ที่อเมริกาเท่านั้น ครับ แต่ไปไม่ได้ ต้องใช้เครื่องมือ ที่ไม่มีในไทยและประเทศอื่นๆ แพทย์ เลยลงความเห็นว่า ไม่น่าเกิน หกเดือน ก็เลยเป็นข่าวออกมา

พวก แกนนำเสื้อแดง รู้แล้ว ตอนนี้เลย ถ่วงเวลา ดูดเงิน ทักษิณต่อไป กรรม จริงๆ จะตายอยู่แล้วยังจะมาแก้แค้นอีก คงจะบ้าไปแล้วจริงๆ
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
หนุน'21
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
*****


ซีมะโด่ง'จุฬาฯ ที่มาของผม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: "ครุศาสตร์"
กระทู้: 26,927

« ตอบ #185 เมื่อ: 26 เมษายน 2553, 19:10:41 »

ถ้าเป็นอย่างที่พี่ตะวันได้ข่าวมา
ก็น่าจะทำให้เหตุการณ์วุ่นวายตามท้องถนนในช่วงนี้
จะกลับคืนสู่สภาพปรกติในเร็ววัน
ใช่มั๊ยครับ
      บันทึกการเข้า

“สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในใต้หล้า ทั้งมิใช่ชื่อเสียง และไม่ใช่ทรัพย์ศฤงคาร หากแต่เป็นน้ำใจระหว่างคน ท่านหากได้มา พึงทะนุถนอมไว้
อย่าได้สร้างความผิดหวังต่อตนเองและผู้อื่น.” “วีรบุรุษสำราญ” “โกวเล้ง”
Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #186 เมื่อ: 27 เมษายน 2553, 15:08:44 »



คนไทยในสหรัฐฯ แอลเอ - นิวยอร์ค
ต้านคอนเสิร์ต เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตรย์
22 พฤษภาคม 2010 แสดงที่แอลเอ
31 พฤษภาคม 2010 แสดงที่นิวยอร์ค
ตั๋วราคาก็แพง อ้างรายได้ส่วนหนึ่ง ถวายเป็นพระราชกุศล (เพียง10%)
ข่าวลือกันว่า เบิร์ดเคยเอาน้ำดื่มไปแจกพวกเสื้อแดง
แกรมมี่-อากู๋ สนับสนุนทักษิณมาตลอด
ตั๋วขายไม่ออกเลย พธม. มีมากกว่า ส่วนเสื้อแดงในเมกามีน้อยมาก
      บันทึกการเข้า

Kittiwit Pk
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 281

« ตอบ #187 เมื่อ: 27 เมษายน 2553, 18:54:44 »

      บันทึกการเข้า
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #188 เมื่อ: 06 พฤษภาคม 2553, 10:36:08 »

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คนทรยศและหลอกลวง !??
 

โดย คำนูณ สิทธิสมาน 5 พฤษภาคม 2553 15:11 น. ผู้จัดการออนไลน์
 
 
 
ถ้าเราคาดหวังจากนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะไว้สูง หรืออยากให้ท่านเป็นในสิ่งที่เราอยากให้เป็น ไม่ใช่เป็นในสิ่งที่ท่านเป็น การตัดสินใจยื่นข้อเสนอแผนปรองดองแห่งชาติของท่านเมื่อคืนวันที่ 3 พฤษภาคม 2553 ที่ผ่านมา ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการที่พวกเรา....
       
        ถูกหลอก !
       
        ถูกทรยศ !!

       
        แค่ชื่อแผนก็บอกเล่าได้มากแล้ว ท่านเลือกใช้คำว่า “ปรองดอง” แทนที่จะใช้คำว่า “ปฏิรูป” หรือ “ปฏิรูปประเทศ” ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับสมานฉันท์ สามัคคี เป็นกลาง ฯลฯ เฉพาะคำก็ฟังดูดีไม่น่าจะมีอะไรผิด แต่ถ้าพิจารณาจากบริบทของเหตุการณ์ปัจจุบันมันก็เป็นธรรมดาอยู่เองที่พวกเราจะต้องตั้งคำถามกำลับไปว่า ท่านต้องการให้เกิดความปรองดองระหว่างความถูกกับความผิดหรือ ? ท่านต้องการให้เกิดความปรองดองระหว่างพวกเราที่ต้องการรักษาราชอาณาจักรไทยไว้โดยการปฏิรูปใหญ่กับขบวนการสถาปนารัฐไทยใหม่โดยจุดชนวนสงครามประชาชนหรือ ?
       
        จริงอยู่ ท่านมีกรอบ 5 กรอบมาตั้งเป็นธงนำก่อนจะพูดเรื่องกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ 14 พฤศจิกายน 2553 แต่พูดก็พูดเถอะ ทั้ง 5 กรอบนี้มีน้ำเสียงที่ “ปร่าแปร่ง” อยู่ไม่น้อย
       
        และผมเชื่อเกิน 100 ว่าในวันที่ประกาศท่านยังคงไม่ตกผลึกว่าจะเริ่มนับ 1 ให้เป็นรูปธรรมอย่างไร
       
        ไม่ต้องพูดว่าจะทำให้มันมั่นคงอย่างไรก่อนวันเลือกตั้งใหม่
       
        ผู้คนหลายกลุ่มหลายเหล่ารวมทั้งผมที่เสนอเรื่องปฏิรูปประเทศ ต้องการให้รัฐบาลใช้วิกฤตนี้เป็นโอกาสในการแก้ปัญหาที่รากฐาน และให้เป็นองค์รวมของข้อเสนอทางการเมืองที่ยิ่งใหญ่กว่าและก้าวหน้ากว่าข้อเสนอแบบมีวาระซ่อนเร้นของคนเสื้อแดง การปฏิรูปประเทศที่ว่านี้ขอเพียงให้รัฐบาลเปิดเวทีให้ประชาชนทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม โดยมีวิธีการตั้งแต่ตั้งขั้นต่ำ ๆ ก็ตั้งกรรมการอิสระตามนโยบายข้อ 1.1.3 ของรัฐบาลเอง ไปจนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 1 ประเด็นเปิดให้มีหมวดพิเศษว่าด้วยการปฏิรูปประเทศเพื่อเป็นหลักประกันการเดินหน้าต่อเนื่อง การปฏิรูปประเทศที่ว่านี้จะไม่ผูกติดอยู่กับการแก้ปัญหาการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย การก่อการร้ายที่แฝงเข้ามา และการจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบัน เราเชื่อว่าข้อเสนอทางการเมืองที่ยิ่งใหญ่กว่าและก้าวหน้ากว่าที่จะต้องเดินหน้าเป็นรูปธรรมทันทีนี้จะตอกย้ำชัยชนะทางการเมืองของรัฐบาลและสังคมไทยเหนือแกนนำคนเสื้อแดงที่เห็นชัดแล้วหลังกรณีบุกโรงพยาบาลจุฬาฯให้มีน้ำหนักขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
       
        เมื่อชนะทางการเมืองแล้ว การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเรื่องการชุมนุมจะง่ายขึ้นมาก
       
        และไม่จำเป็นต้องจบลงด้วยการนองเลือด !
       
        เราเสนอให้รัฐบาลประกาศแผนปฏิรูปประเทศ ไม่ใช่ประกาศวันเลือกตั้งใหม่
       
        ความปรองดองจะเกิดขึ้นตามมาภายใต้กระบวนการปฏิรูปประเทศตามแผน และการเลือกตั้งใหม่จะเกิดตามมาเอง
       
        เราเสนอ 2 ด้านที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ในด้านการแก้ปัญหาการชุมนุม ก็ไม่ไปขีดเส้นให้รัฐบาลว่าต้องทำให้จบภายในวันวันนั้นวันนี้ จะอีกกี่วันกี่สัปดาห์สุดแท้แต่ความเหมาะสมและผลึกของสถานการณ์ที่จะตกตะกอนเอง เช่นเดียวกับที่เราไม่ปฏิเสธการเลือกตั้งใหม่ซึ่งเป็นเรื่องการเมืองของนักการเมือง ขอเพียงแต่อย่าไปกำหนดล่วงหน้า
       
        เราบอกแล้วว่าการตกลงเรื่องวันเลือกตั้งใหม่ว่าจะทันทีหรือจะ 9 เดือน 6 เดือน 1 เดือน รัฐบาลแพ้ทั้งนั้น
       
        ไม่ใช่แพ้เลือกตั้ง แต่แพ้ทางการเมือง !
       
        วันนี้รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะแปรสภาพเป็นรัฐบาลสุรยุทธ จุลานนท์ 2 ไปแล้ว ตรงที่ยังไม่ทันทำอะไรก็กำหนดวันเลือกตั้ง
       
        ประกาศชื่อแผนออกมาก็แพ้ทางการเมืองไปขั้นหนึ่งแล้ว เพราะแสดงว่าคุณไม่ได้จะสู้ แต่จะปรองดอง พอกรอบ 5 กรอบตามออกมาด้วยสภาวะไร้รูปธรรมและยังไม่เกิดขึ้นทันทีแถมยังปร่าแปร่งอีกต่างหาก มันก็แพ้ขั้นที่สอง สุดท้ายพอระบุวันเลือกตั้งออกมาชัดเจนพร้อมกันก็คือแพ้ขั้นที่สาม
       
        ทุกฝ่ายไม่ได้พูดถึง 5 กรอบ แต่พูดกันเฉพาะเรื่องเลือกตั้ง !
       
        ความปร่าแปร่งของ 5 กรอบนี้หลายคนอาจไม่สังเกตเห็น ผมขออนุญาตชี้ประเด็นโดยสังเขปนะ

       
        กรอบ 1 เรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ ท่านพูดคลุม ๆ แต่ก็มีนัยให้คนคิดได้ว่าไม่ต้องการให้ทุกฝ่ายนำประเด็นเรื่องสถาบันพระมหากษัตรริย์เข้ามาเป็นส่วนในข้อต่อสู้ทางการเมือง หมายถึงดำเนินคดีกับกลุ่มผู้จาบจ้วงน่ะแน่นอน ไม่สงสัย แต่ฝ่ายพิทักษ์ปกป้องนี่ในความเห็นลึก ๆ ของท่านนายกฯก็ควรให้หยุดพูดด้วยหรือเปล่า
       
        กรอบ 3 เรื่องการปฏิรูปสื่อ นอกจากโทรทัศน์และวิทยุชุมชนฝ่ายเสื้อแดงที่หยุดไปแล้ว ท่านจะเอายังไง ? ASTV อยู่ในข่ายต้องปรับตัวด้วยใช่ไหม ? เรื่องนี้ไม่ว่ากัน แต่กรณีช่อง NBT ของรัฐเองล่ะ รายการของอาจารย์เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อาจารย์เสรี วงษ์มณฑา แทนคุณ จิตต์อิสระ สันติสุข มะโรงศรี และ ฯลฯ ต้องถูกถอดหรือลดเวลาลงด้วยหรือเปล่า ก็นี่จะ “ปรองดอง” กันแล้วนี่
       
        กรอบ 5 เรื่องการเมืองของนักการเมือง ท่านคิดจะนิรโทษกรรมให้นักการเมืองที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปีเพราะโดนยุบพรรคทั้งกลุ่ม 111 และกลุ่ม 109 ด้วยใช่ไหม เพื่อตามใจพรรคร่วมรัฐบาล
       
        ไม่ต้องพูดถึงกรอบ 2 การปฏิรูปประเทศและกรอบ 4 การตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ยังไร้รูปธรรม
       
        ท่านนายกฯเสียโอกาสครั้งสำคัญในชีวิตไปแล้ว !
       
        ตรงทาง 2 แพร่ง ระหว่างทางไปสู่ความเป็นรัฐบุรุษ กับทางไปสู่ความเป็นนักการเมืองดาด ๆ อีกคนหนึ่ง เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา ท่านประกาศแล้วว่าเลือกทางหลัง !!
       

        เพลวันนั้น ผมอภิปรายว่าท่านนายกฯจะเดินแหกกรอบ “การเมืองที่ล้มเหลว” ตามที่ท่านประกาศไว้เมื่อแรกรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2551 ได้มีอยู่หนทางเดียว คือใช้กุญแจวิเศษดอกที่ชื่อพลังศรัทธาของพี่น้องประชาชน ที่จะเกิดขึ้นจากแนวทางที่ถูกต้องในการปฏิรูปประเทศประกาศออกมาจากปากและท่าทีท่วงทำนองที่อุดมไปด้วยเสน่ห์สาธารณะของท่าน
       
        ท่านนั่งฟังอยู่อย่างตั้งใจ แต่ปรากฏการณ์หลังจากนั้นทำให้ผมเชื่อว่าท่านฟังแต่ไม่ได้ยิน
       
        เพราะพิสูจน์แล้วว่าท่านใช้กุญแจสนิมเขรอะดอกเดิม
       
        จากนี้ไปเราจะเห็นวิถีทางเดิม ๆ ของนักการเมืองที่ชาญฉลาดในการเลือกตั้ง ย้ายผู้ว่าฯย้ายนายอำเภอ ย้ายตำรวจ ย้ายข้าราชการ จัดงบประมาณลงพื้นที่ ที่จะเป็นไปเพื่อประโยชน์ในการเลือกตั้ง ทั้งอำนาจรัฐ และอำนาจเงิน ที่คิดว่าจะเอาชนะพรรคเพื่อไทยให้ได้มากที่สุด เราจะเห็นพรรคประชาธิปัตย์ต้องเป็นเบี้ยล่างนายเนวิน ชิดชอบ นายบรรหาร ศิลปอาชา และนายอะไรต่อมิอะไร มากขึ้น
       
        เราถูกหลอกและถูกทรยศจากนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะหรือไม่ ขึ้นอยู่กับจริตและมุมมองของแต่ละท่าน ไม่ว่ากัน
       
       แต่ในประเด็นนี้เราทำอะไรไม่ได้....นอกจาก....
       
       เลิกหลอกตัวเองว่านายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะจะเปลี่ยนแปลงตัวเองจากสิ่งที่ท่านเป็นมาเป็นในสิ่งที่เราอยากให้เป็น !
 
 

 
 
 
 
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #189 เมื่อ: 06 พฤษภาคม 2553, 11:20:49 »

มาร์คเอ๋ยมาร์ค
รายงานข่าวโดย: ณ กาฬ 06 พฤษภาคม 2553 เวลา 05:59 น.postoday online


แผนปรองดองแห่งชาติ เหมือนจะทำให้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ถูกขนาบด้วยแรงบีบทั้งสองด้าน

ด้านแรก-แดง ยังไม่ถอยทัพ พร้อมกับได้ทีกระโดดขี่คอสั่งการให้อภิสิทธิ์ไปคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล ไปคุยในพรรคประชาธิปัตย์ถึงแผนสันติภาพที่จะมีการเลือกตั้งใหม่ในเดือนพฤศจิกายนเสียก่อน แล้วค่อยมาเจรจากับแดง

นอกจากนั้น แดงยังสำทับอีก ต้องการให้อภิสิทธิ์ กำหนดให้ชัด จะยุบสภาฯวันไหน ถึงจะตัดสินใจสั่งถอย

ใครได้เปรียบ-เสียเปรียบ ก็ดูเองแล้วกัน

ส่วนแรงบีบอีกด้าน มาจากกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับการยุบสภาฯ

กลุ่มเหล่านี้เคยอยู่ข้างอภิสิทธิ์ และให้กำลังใจอภิสิทธิ์

แต่วันนี้ ไม่ใช่เสียแล้ว

เพราะกลุ่มดังกล่าวรับไม่ได้กับการตัดสินใจที่เหมือนกับการยุบสภาฯเอาหน้ารอดของอภิสิทธิ์

เหตุผลเนื่องจากความรู้สึกของคนในชาติถูกปลุกเร้าอย่างรุนแรงด้วยข้อมูลของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน --ศอฉ. ในประเด็นขบวนการล้มเจ้าที่เกี่ยวพันกับแกนนำแดงเป็นโขยง

สำหรับคนไทย ความมั่นคงของสถาบันกษัตริย์ ต้องทำทุกอย่างให้เด็ดขาด รู้ดำ-รู้แดง ใครผิดก็ต้องว่าผิด ถูกก็ต้องว่าถูก ไม่มีคำว่าปรองดองอย่างเด็ดขาด

ทว่าลีลาการปรองดองของอภิสิทธิ์ นั้น กำลังทำราวกับว่าจะโน้มตัวลงไปจูบปากกับแกนนำแดง

แค่คิดก็เสียวซ่านสะท้านทรวง

อย่าลืมแกนนำหลายคนถูกเอาปูนแดงป้ายหัวอยู่ในขบวนการล้มเจ้า

คนจำนวนมากจึงไม่เห็นด้วยกับแผนปรองดองของอภิสิทธิ์ และมองเห็นว่า แม้จะยุบสภาฯปัญหาก็ไม่จบ

พ่อรูปหล่อ จะหลอกลวง ทุรยศ รักที่ให้แล้วฤา ?

และงานนี้ถ้าทำไม่ดี ปฏิกริยาย้อนกลับอาจเกิดขึ้นได้ทันที ทำนอง อภิสิทธิ์ กับ ขุนทหารไล่ตั้งแต่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เอาสถาบันหลักมาเล่นการเมืองในคดีล้มเจ้าหรือเปล่า Huh?

เพราะเคยชี้หน้าแกนนำแดง อยู่ในข่ายล้มเจ้า แต่จู่ๆ ก็จะมาจับมือถือแขนร้องรำทำเพลง พลอดรักปรองดองกันดื้อๆ

อภิสิทธิ์เอ๋ยอภิสิทธิ์ ...


      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
เจตน์
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ใครๆเรียกผมว่า "กุ๊ปปิ๊"
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2534
คณะ: ครุฯ พลศึกษา
กระทู้: 6,520

« ตอบ #190 เมื่อ: 06 พฤษภาคม 2553, 16:08:39 »

เสียดายภาษีที่จ่าย...

เสียดายเงินบำรุงพรรคการเมือง...

เสียดายความรู้สึก...

      บันทึกการเข้า

ชีวิตผมเป็นดั่งวงกลม จึงได้แต่ดอมดมความสุขจากคนอื่นๆ
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #191 เมื่อ: 03 กรกฎาคม 2553, 12:25:09 »

วันที่ 02 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 เวลา 22:39:39 น.   มติชนออนไลน์

รัฐบาล ไม่ให้ราคา"อัมสเตอร์ดัม"ตีปี๊บแค่ให้คุ้มค่าจ้าง .

สภาสหรัฐหนุนแผนปรองดองรัฐบาล


สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ว่าสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ มีมติเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ด้วยเสียงท่วมท้นสนับสนุนแผนการแก้ไขวิกฤตการเมืองของไทย 411 ต่อ 4 เสียง สนับสนุนให้ไทยแก้ปัญหาวิกฤตการเมืองด้วยสันติวิธีและตามแนวทางประชาธิปไตย นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้พรรคการเมืองทุกพรรคของไทยหันมาปรองดองกันตามแผนปรองดองแห่ง ชาติ 5 ข้อ ที่นำเสนอโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี


ทั้งนี้ ตามข้อเสนอของนายเอนี ฟาเลโอมาวาเอกา สมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการกิจการเอเชียแปซิฟิกฯ คณะกรรมาธิการต่างประเทศ ที่แสดงความห่วงกังวลต่อสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในไทย ระบุว่า จากการที่เกิดเหตุความวุ่นวายทางการเมืองขึ้นในไทยจนนำไปสู่สถานการณ์ปัญหา ทางการเมืองที่รุนแรงที่สุดในไทยนับตั้งแต่ปี 2535 เป็นต้นมา นำไปสู่วิกฤตที่อาจส่งผลกระทบด้านลบต่อทั้งชาวไทย เศรษฐกิจและสังคมของไทย ในฐานะที่สหรัฐอเมริกามีความสัมพันธ์อันแนบแน่นกับประเทศไทยและเป็นมิตรกับ ไทยมานานตั้งแต่ปี 2376 เมื่อสองประเทศสถาปนาความสัมพันธ์ระหว่างกันขึ้นอย่างเป็นทางการ และความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐยังคงแข็งแกร่งจนถึงปัจจุบัน

  
ทางสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ จึงมีความเห็น 2 ข้อต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองไทย ข้อแรก ขอให้ทุกพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องกับวิกฤตการเมืองที่เกิดขึ้นในไทย ยุติการใช้ความรุนแรงและให้คำมั่นว่าจะแก้ปัญหาการเมืองด้วยสันติวิธี ตามแนวทางประชาธิปไตย ข้อ 2 พรรคการเมืองทุกพรรคควรจะร่วมมือกันเพื่อหาทางยุติความแตกต่าง โดยใช้หลักการตามแนวทางของแผนปรองดองแห่งชาติ 5 ข้อ ที่เสนอโดยนายกฯที่ให้เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์, ทำการปฏิรูปการเมือง และแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม


บัวแก้วคุยเป็นผลงานป้อนข้อมูล


น.ส.วิมล คิดชอบ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ข้อมติของสภาผู้แทนฯสหรัฐซึ่งนำเสนอโดยนายฟาเลโอมาวาเอกา มีสาระสำคัญสนับสนุนให้ทุกฝ่ายในวิกฤตการเมืองไทยปฏิเสธการใช้ความรุนแรงและ แก้ไขปัญหาโดยสันติวิธีตามกระบวนการประชาธิปไตย และแก้ไขความแตกต่างบนพื้นฐานของแผนปรองดองของนายกรัฐมนตรี  ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน ได้ประสานพูดคุยและให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสมาชิกสภาผู้แทนฯสหรัฐมาตลอด

 

 

ทั้งนี้ ข้อมติดังกล่าวสะท้อนถึงมิตรภาพระหว่างสองประเทศ และแสดงให้เห็นว่าสหรัฐมีความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ในไทย ระหว่างการพิจารณาข้อมติดังกล่าวสมาชิกสภาผู้แทนฯสหรัฐยังได้กล่าวสนับสนุน การดำเนินงานของรัฐบาลไทยในการพยายามเยียวยาข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุม ประท้วง  พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นต่อการดำเนินการตามแผนปรองดอง รวมทั้งเห็นว่าไทยมีสถานะเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดของสหรัฐ ดังนั้น สหรัฐจึงควรสนับสนุนการปรองดองในไทย

 
ปชป.คุยข่ม-ชี้ "นพดล" ล็อบบี้เหลว


 นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้ติดตามการเดินสายเคลื่อนไหวในต่างประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ใช้ยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศไทย และทำลายความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมของประเทศ โดยประสานผ่านเครือข่ายในและต่างประเทศ และบริษัท ล็อบบี้ยิสต์ โดยในส่วนของรัฐสภาสหรัฐมีการประสานงานของเครือข่ายต่างประเทศ ซึ่งเชื่อมโยงกับบริษัทล็อบบี้ยิสต์ชั้นนำในสหรัฐ เพื่อหวังเปลี่ยนแปลงการเตรียมยื่นญัตติเพื่อลงมติของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ มีการเตรียมการก่อนนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางไปถึง และในระหว่างเดินทางนายนพดลพยายามที่จะพบกับสมาชิกของรัฐสภาด้านต่างประเทศ เพื่อหวังจะเปลี่ยนแปลงประเด็นที่ทางรัฐสภาเตรียมที่จะออกแถลงการณ์ในลักษณะ สนับสนุนแนวทางการดูแลรักษาความสงบ และกระบวนการปรองดองของรัฐบาล แต่ความพยายามไม่สัมฤทธิผลเพราะรัฐสภาของสหรัฐได้ลงมติเป็นแถลงการณ์ด้วย คะแนนเป็นเอกฉันท์ 411 ต่อ 4 เสียง สนับสนุนแนวทางของรัฐบาลใน 5 สาระหลัก ไม่ใช่สนับสนุนเฉพาะกรอบการปรองดองเหมือนอย่างที่นายนพดลบอก

 
ดักคอเดินสายล็อบบี้"อียู"ต่อ

 
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า พรรครับทราบว่าได้มีการเตรียมการที่จะดำเนินการในลักษณะเดียวกันกับทาง รัฐสภาของสหภาพยุโรป โดยนายนพดลเตรียมเดินทางไปที่กรุงบรัสเซลส์ เพื่อที่ล็อบบี้เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดในประเทศไทย พรรคเห็นว่าความร่วมมือของประเทศต่างๆ ถือว่าเป็นสาระสำคัญในการติดตามกระบวนการที่เชื่อมโยงกันกับการก่อความ วุ่นวายที่มีความเคลื่อนไหวอยู่ในต่างประเทศ และเชื่อว่ากระบวนการที่พยายามดึงเอาองค์กรระหว่างประเทศ หรือประเทศอื่นๆ เข้ามากดดันหรือแทรกแซงการเมืองภายในประเทศนั้นจะไม่สัมฤทธิผล และยืนยันว่ารัฐบาลไทยพร้อมที่จะชี้แจงตามข้อเท็จจริงและให้ความร่วมมือกับ ทุกมิตรประเทศในการที่จะสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับเหตุการณ์ความขัด แย้งในการเมืองภายในประเทศ แม้จะมีเครือข่ายที่พยายามสร้างความเข้าใจในลักษณะอื่น ตามการว่าจ้างของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ถือเป็นผู้ขับเคลื่อนหลักในยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศในขณะนี้
  
เชื่อ"อัมสเตอดัมส์"จงใจดิสเครดิต


ส่วนกรณีนายโรเบิร์ต อัมสเตอดัมส์ ทนายความชาวสหรัฐอเมริกาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำจดหมายเปิดผนึกถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี นายคณิต ณ นคร ประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมือง ปลัดกระทรวงยุติธรรม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เรียกร้องให้ใช้กฎหมายระหว่างประเทศรวมถึงดึงองค์กรระหว่างประเทศมาตรวจสอบ เหตุการณ์การชุมนุมเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานั้น

 

นพ.บุรณัชย์กล่าวว่า  ถือว่าไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมาย โดยมีเจตนาเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมภายในประเทศ พรรคเห็นว่าความพยายามที่จะแทรกแซงดังกล่าวซ้ำซ้อนกันกับในส่วนแกนนำ นปช.ที่ทุกคนก็มีทีมทนายความชาวไทย และสามารถใช้สิทธิตามกฎหมายทุกประการ ทั้งการประกันตัว การเตรียมสำนวนเพื่อต่อสู้ในชั้นศาลและยืนยันว่าทุกคนยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตามมาตรฐานสากล

 

ทั้งนี้ นายอัมสเตอดัมส์ที่จะหยิบเรื่องเหล่านี้มานั้น เพื่อสร้างความเข้าใจผิดจากองค์กรระหว่างประเทศ เช่นการส่งจดหมายถึงนางพีเลย์ ในฐานะข้าหลวงของสหประชาชาติด้านสิทธิมนุษยชน ทั้งๆ ที่ผ่านมานางพีเลย์ได้เคยเขียนแถลงการณ์แสดงความเข้าใจต่อการใช้อาวุธดูแล ความสงบในสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ จึงถือว่าการส่งจดหมายดังกล่าวไปเป็นความพยายามสร้างความเข้าใจผิดอย่างต่อ เนื่องผ่านการขับเคลื่อนของเครือข่ายระหว่างประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ผ่านทั้งบริษัทล็อบบี้ยิสต์และทนายความและนายนพดลด้วย


"สุเทพ"ร่วมตีปี๊บ"น่าชื่นชมยินดี"

  
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คิดว่าฝ่ายต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศน่าจะชื่นชมยินดี หลังเห็นลู่ทางในการทำให้เหตุการณ์ต่างๆ คลี่คลายไปในทางที่ดี ประชาชนมีความรักและปรองดองกัน สมมุติถ้าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดในประเทศอื่น หากคนไทยได้ยินข่าวคงจะรู้สึกพอใจและยินดีไปด้วย ไม่มีใครที่สติดีจะคิดร้ายต่อประเทศอื่น โดยส่วนตัวคิดว่ากลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับโรดแมปมีไม่มาก แต่มีคนกลุ่มหนึ่งไม่ต้องการให้การปรองดองสำเร็จ เพราะถ้าคนรักใคร่ปรองดองและสามัคคีกัน กลุ่มของตนจะเสียประโยชน์ คนพวกนี้หาประโยชน์จากความแตกแยกและความบาดหมางของคนในชาติ คนกลุ่มนี้เป็นคนเล็กน้อยเพียงหยิบมือเดียว ดังนั้น คนไทยในฐานะเจ้าของประเทศก็ต้องออกมาแสดงพลัง


"อัมสเตอร์ดัม" แค่ทำงานคุ้มค่าจ้าง


นายสุเทพกล่าวถึงจดหมายเปิดผนึกของนายอัมสเตอร์ดัมว่า ยังไม่เห็นจดหมาย เรื่องที่นายอัมสเตอร์ดัมมาเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเผยข้อมูล ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ขอยืนยันว่ารัฐบาลจะทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา โปร่งใส และมีหน้าที่รายงานต่อคนไทยในฐานะเจ้าของประเทศว่าข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร นายกฯจึงตั้งคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงฯ ที่มีนายคณิต ณ นคร เป็นประธาน ขึ้นมาสอบสวน

 

"รัฐบาลไม่มีหน้าที่ต้องไปรายงานนายอัมสเตอร์ดัม ผมไม่มีหน้าที่ต้องชี้แจงนายอัมสเตอร์ดัม เพราะเขาเป็นลูกจ้างของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ใช่ผู้มีหน้าที่มาสั่งการอะไรกับผมหรือรัฐบาลไทย ไม่ว่าจะขอในนามใครก็แล้วแต่ "นายสุเทพกล่าว


ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่านายอัมสเตอร์ดัมคาดหวังจะเอาคำตอบจากรัฐบาลจริง หรือต้องการประจานรัฐบาลไทยเท่านั้น นายสุเทพกล่าวสวนทันควันว่า "เขาทำงานแลกกับเงิน เขาทำงานรับใช้ ดร.ทักษิณ เขาก็ทำไปตามนั้น ส่วนผมมีหน้าที่รับผิดชอบต่อประชาชนคนไทย ต่อประเทศไทย ส่วนที่มีการขู่จะฟ้องศาลโลกนั้น ไม่มีอะไรต้องกังวล พวกนี้ก็สร้างภาพไปเรื่อย ตีปี๊บไปเรื่อย ทำให้คุ้มค่าเงินที่เขาว่าจ้าง"
 
 
แฉที่แท้ใช้ล็อบบี้ยิสต์ "บีจีอาร์"

 
นายเกียรติ สิทธีอมร ประธานผู้แทนการค้าไทย กล่าวว่า การที่นายนพดลอ้างว่าไปพบ ส.ว.สหรัฐ 3-4 คน เท่าที่ทราบมาคือไม่ได้พบ และการเดินทางไปสหรัฐก็เป็นความพยายามใช้ล็อบบี้ยิสต์ในการนำเสนอข่าว ทราบว่าบริษัทล็อบบี้ยิสต์ที่ใช้ไม่ได้มีชื่อตามที่สื่อมวลชนไทยนำเสนอ แต่มีชื่อย่อว่าบีจีอาร์ ซึ่งเป็นบริษัทเดียวกับที่อดีตคนในรัฐบาลก่อนๆ เคยใช้



นายสัก กอแสงเรือง นายกสภาทนายความ ออกแถลงการณ์ เรื่อง จดหมายเปิดผนึกของนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัมว่า สภาทนายความเห็นว่าการกระทำของนายโรเบิร์ต เกินกว่าหน้าที่ของทนายความที่ถือปฏิบัติกันโดยทั่วไป ทั้งในระดับสากลและโดยเฉพาะในประเทศไทย

 
"มาร์ค" ชูประชาคมโลกเข้าใจไทย


 
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีสภาคองเกรสของสหรัฐมีมติสนับสนุนแผนปรองดองของรัฐบาลไทยว่า เป็นการยืนยันสิ่งที่เคยย้ำและเชื่อมั่นว่ารัฐบาลและองค์กรต่างๆ ของต่างประเทศมีความเข้าใจที่ดีต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และมองเห็นว่าแนวทางที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่จะเป็นแนวทางที่มีโอกาสใน การแก้ไขปัญหาได้ แต่อาจจะมีองค์กรบางส่วนที่ต้องทำความเข้าใจเพิ่มเติม แต่ส่วนใหญ่ของภาครัฐของประเทศต่างๆ จะมีความเข้าใจที่ดี


 "การเคลื่อนไหวของทนายทั้งคนไทยและชาวต่างประเทศที่เคลื่อนไหวให้ กับคุณทักษิณ ก็คงเคลื่อนไหวต่อไป ไปห้ามการเคลื่อนไหวไม่ได้ แต่ผมคิดว่าสิ่งที่สภาสหรัฐมีมติออกมาก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ชี้ให้เห็นว่า ความจริงแล้วความเข้าใจพื้นฐานของประชาคมโลกก็เป็นไปในทางบวก" นายอภิสิทธิ์กล่าว


 
"อัมสเตอดัม"บิดเบือนข้อมูล


 
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการให้ข้อมูลนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ที่มีขอเข้ามาทั้งจากคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการ ปรองดองแห่งชาติ ที่มีนายคณิต ณ นคร เป็นประธาน และจากศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) นายอภิสิทธิ์ย้อนถามว่า "เขาขอใคร"  เมื่อผู้สื่อข่าว ระบุว่าขอข้อมูลจาก ศอฉ. นายอภิสิทธิ์จึงกล่าวว่า ให้ทาง ศอฉ.พิจารณา แต่ต้องย้ำอีกครั้งว่าบุคคลนี้ก็เป็นลูกจ้างและมีวัตถุประสงค์ชัดเจน อีกทั้งก็เคยเข้ามายังประเทศไทยโดยเลือกที่จะรับทราบและไม่รับทราบข้อมูล บางอย่าง หรือเลือกเผยแพร่เฉพาะข้อมูลบางอย่าง


  "นายอัมสเตอร์ดัมมีวัตถุประสงค์ชัดเจน เคยเข้ามาประเทศและเลือกที่จะไม่รับทราบข้อมูลบางอย่างหรือเผยแพร่ข้อมูล บางอย่าง เช่น มาประเทศไทยและเห็นว่าการชุมนุมมีความชัดเจนว่ามีอาวุธ ก็ยังออกไปพูดยังต่างประเทศว่าตลอดเวลาการชุมนุมไม่มีคนที่ติดอาวุธเลย เป็นต้น ดังนั้น น้ำหนักจึงค่อนข้างน้อย และทำให้เห็นว่าข้อมูลหากเราส่งไปก็อาจจะถูกบิดเบือน แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับทาง ศอฉ." นายอภิสิทธิ์กล่าว

  
หยันรับจ้างเขามาก็ต้องทำตามนั้น

 
เมื่อถามว่า แต่นายอัมสเตอร์ดัมอ้างสนธิสัญญาระหว่างประเทศเพื่อขอข้อมูล นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คงไม่ผูกพันกับนายอัมสเตอร์ดัม เป็นเรื่องระหว่างรัฐกับรัฐ ซึ่งต้องยอมรับว่าเขาต้องพยายามเข้ามาแทรกแซง ต้องดิ้นรนเพราะรับเงินมาทำงานด้านนี้แล้ว วันนี้ไม่ทราบว่านายอัมสเตอร์ดัมเขาอ้างกฎหมายระหว่างประเทศในฐานะอะไร มีองค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบหลายองค์กร เป็นผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในลักษณะนี้เข้ามา ซึ่งทั่วไปก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แม้แต่คนที่สนใจมาดูการทำงานของนายคณิตมีหลายองค์กรที่ติดต่อมาก็เป็นความ ร่วมมือกันด้วยดี ไม่มีปัญหา แต่กรณีของนายอัมสเตอร์ดัมแล้วเห็นได้ชัดว่าไม่ได้มีเจตนาในเรื่องที่จะมา ช่วยเหลืออะไร นอกจากการทำงานให้กับนายจ้างเท่านั้น ซึ่งประวัติเขาก็เป็นเช่นนั้นมาโดยตลอด เช่นเดียวกับความเคลื่อนไหวของนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะเดินทางไปยังสหภาพยุโรปเช่นกัน ก็เป็นเรื่องของคนที่เขามีหน้าที่ได้รับจ้างมาให้ทำอะไรเขาก็ต้องทำตามนั้น


  ผู้สื่อข่าวถามว่า จะสามารถดำเนินการกับบุคคลเหล่านี้ได้หรือไม่ เพราะการดำเนินการส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ถ้าหากมีการไปทำอะไรที่เกินเลยเข้าขั้นผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการ ขึ้นอยู่กับว่าเป็นการกระทำผิดขั้นไหน เป็นการบิดเบือนข้อมูล การพูดความจริงครึ่งเดียว ทุกคนก็ต้องช่วยกันดูและควรจะให้ความเชื่อถือให้พื้นที่กับคนเหล่านี้มากแค่ ไหน อย่างกรณีของนายอัมสเตอร์ดัมเขาก็มีวิธีการที่ใช้มาหลายกรณีแล้ว ที่เคยทำคดีต่างๆ มาเขาจะมีเครือข่าย มีทรัพยากรมากพอสมควร ทำให้ค่าจ้างก็สูงพอสมควร เมื่อถามว่า สมควรที่จะให้เข้าประเทศไทยอีกต่อไปหรือไม่   นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อยู่ที่ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่


กษิตซัดมีแต่ฝรั่งเลวแกล้งไม่เข้าใจ


นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อร่วมฉลองครบรอบ 35 ปี ไทย-จีนของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ให้สัมภาษณ์หลังหารือกับนายหยาง เจี๋ยฉือ รัฐมนตรีต่างประเทศจีนว่า จีนเห็นว่าแผนปรองดองของไทยเป็นฐานสำคัญที่จะทำให้เดินหน้าไปได้ จึงเน้นให้ทราบว่าไทยทำสองอย่างพร้อมกันคือการเดินหน้าในกระบวนการปรองดอง ควบคู่ไปกับกระบวนการยุติธรรม จีนยังสอบถามถึงความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย และได้ชี้แจงไปว่ายังคงมีอยู่บ้าง แต่ไม่ได้เป็นอย่างในอดีต เพียงแต่พยายามเอาเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ให้ดูครึกโครม จับใจคน ฝรั่งไม่กี่คนก็ชอบ เพราะมันขายข่าวได้


ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีนายนพดล ปัทมะ เดินทางไปสหรัฐเพื่อชี้แจงมุมมองของกลุ่มเสื้อแดงเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการ เมืองของไทย     นายกษิตกล่าวว่า คงไม่ทำอะไรแล้วเพราะได้ทำไปหมดแล้ว ทั้งเขียนจดหมายถึงฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ และอธิบายต่อนายเคิร์ท แคมเบลล์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศ และเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ที่ได้พบหลายครั้ง


ัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลประชาธิปไตย แต่มีกลุ่มการเมืองที่อยากล้มรัฐบาลนี้ สังคมนี้ และสถาบันนี้ด้วยวิถีทางที่ไม่เป็นประชาธิปไตย หากฝรั่งมังค่าใดที่ไม่เข้าใจแล้วไปให้ท้าย ไอ้ฝรั่งคนนั้นมันก็เป็นคนเลว เป็นคนที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตยแต่ไม่ได้เป็นประชาธิปไตย โกหกพกลม หรือเหยียบเรือสองแคมเพื่อเก็บไว้ใช้ในอนาคต แต่รัฐบาลนี้ไม่ยอมให้ใครเข้ามาครอบงำ�นายกษิตกล่าว

 
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #192 เมื่อ: 03 กรกฎาคม 2553, 22:05:52 »

  You don't find this in CNN report.


 


Mission complete! UDD, Red shirts protesters steal clothes from department

stores. Protesters cause a riot and set a fire to department stores after leaders
decided to surrender in Rachaprasong.
Bangkok / May 19th 2010

 



A man broke into a bank and looking for things for steal. UDD, Red shirts
protester's site in Ding Deng.
Bangkok / May 18th 2010   




A boy broke into a bank and looking for things for steal. UDD, Red shirts
protester's site in Ding Deng.
Bangkok / May 18th 2010   




UDD, Red shirts protesters throw ping pong bombs during crackdown by
government troops in Rachaprasong.
Bangkok / May 19th 2010   



UDD, Red shirts protesters prepare ping pong bombs during crackdown by
government troops in Rachaprasong.
Bangkok / May 19th 2010   




UDD, Red shirts protesters cause a riot and set a fire to department stores
after leaders decided to surrender in Rachaprasong.
Bangkok / May 19th 2010   




UDD, Red shirts protester throw a bomb. Protester cause a riot and set a fire
to department stores after leaders decided to surrender in Rachaprasong.
Bangkok / May 19th 2010   



UDD, Red shirts protesters cause a riot and set a fire to department stores
after leaders decided to surrender in Rachaprasong.
Bangkok / May 19th 2010   



UDD, Red shirts protesters try to steal clothes from department store.
Protesters cause a riot and set a fire to department stores after leaders
decided to surrender in Rachaprasong.
Bangkok / May 19th 2010   



UDD, Red shirts protesters stole a cash box from department store.
Protesters cause a riot and set a fire to department stores after leaders
decided to surrender in Rachaprasong.
Bangkok / May 19th 2010

 

 
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #193 เมื่อ: 05 กรกฎาคม 2553, 09:27:14 »

วันที่ 05 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 เวลา 05:09:09 น.   มติชนออนไลน์

เปิดปมเงื่อน 2รัฐมนตรีบิ๊กเนม ถอนเงินสดๆ จากแบงก์40ล้าน ไฉน! แจ้งป.ป.ช. มีทรัพย์สินแค่จิ๊บจ๊อย

     

     กรณีศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) มีคำสั่งห้ามทำธุรกรรมทางการเงินนักการเมือง 2 คนจากทั้งหมด 152 ราย  คือนาย สันติ พร้อมพัฒน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ นายไชยา สะสมทรัพย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการการกระทรวงพาณิชย์ เนื่องจากพบว่ามีความเคลื่อนไหวทางการเงินผิดปกติ

      นายสันติ พร้อมพัฒน์ และ นายไชยา สะสมทรัพย์ ต่างปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกับการเป็นท่อน้ำเลี้ยงสนับสนุนกลุ่มคนเสื้อแดง

     นายสันติ กล่าวภายหลังเข้าชี้แจงธุรกรรมการเงินต้องสงสัยต่อพนักงานสอบสวนดีเอสไอ เมื่อวันที่ 1  กรกฎาคม สรุปว่าได้ถอนเงินสดออกมาเก็บไว้กับตัว เพราะรัฐบาลจะทำอะไรก็ได้ จึงต้องมีเงินสดสำรองไว้ที่บ้าน จึงเบิกถอนเงินออกจากธนาคารครั้งละ 1-2 ล้านบาท ประมาณ 3-4 ครั้ง มั่นใจว่าสามารถชี้แจงครบถ้วน แต่พนักงานสอบสวนยังติดใจสงสัยในบัญชีเงินเดือน ส.ส. ซึ่งตนจะรวบรวมหลักฐานส่งเข้าชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร 

     ขณะ ที่นายไชยากล่าวว่า มาขอรับประเด็นคำถามเพื่อชี้แจงประเด็นที่พนักงานสอบสวนต้องการทราบในวันที่ 22 กรกฎาคมนี้ อาทิ เรื่องการเบิกถอนเงิน 20  ล้านบาทไม่ใช่เบิกถอนภายในวัน เดียวแต่เริ่มตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน ที่เบิกมาจัดงานวันเกิดและบริจาคสร้างโรงพยาบาล ซื้อคอมพิวเตอร์ให้โรงเรียน ซึ่งมีใบอนุโมทนาบัตรแต่ต้องใช้เวลาในการจัดเตรียมเอกสารและสอบถามไปยัง ธนาคารถึงรายละเอียดค่าใช้จ่าย เพราะไม่มีใครจำได้ว่าเมื่อ 9 เดือนที่ผ่านมาใช้จ่ายเงินไปอย่างไร

 

      จนถึงขณะนี้ยังไม่มีหลักฐาน ทางที่เชื่อมโยงได้ว่าการทำธุรกรรมทางการเงินของบุคคลทั้งสองเกี่ยวข้องกับ ท่อน้ำเลี้ยงขกลุ่มคนเสื้อแดง

 

      กระนั้นถ้าดูบัญชีแสดงรายการ ทรัพย์สินและหนี้สินที่ทั้งสองคนยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการ ทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)  จะพบข้อมูลที่น่าสนใจ

     

     นายสันติ ตอนพ้นตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ครบ 1 ปี วันที่ 25 กันยายน 2552 แจ้ง ป.ป.ช.มีทรัพย์สิน 7,331,278 บาท ในจำนวนเป็นเงินฝาก 2 บัญชี  1,451,278 บาท  หนี้สิน 9,277 บาท  ส่วนนางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ คู่สมรส มีทรัพย์สิน 14,077,391 บาท ในจำนวนนี้เป็นเงินฝาก 3  บัญชี 4,943,066 บาท หนี้สิน 220,979 บาท

     ก่อนหน้านี้ ตอนรับตำแหน่ง ส.ส.วันที่ 22 มกราคม 2551 นายสันติแจ้งต่อ ป.ป.ช.มีทรัพย์สิน 7,583,115 บาท    หนี้สิน 121,504,765  บาท  มีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน 113,921,650  บาท  ในจำนวนนี้แจ้งว่ามีเงินฝากธนาคารเพียง 603,115 บาท ไม่มีคู่สมรส (แจ้งว่าหย่า นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ อดีตภรรยา)

       ตอน รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยุครัฐบาล วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2551 แจ้งว่ามีทรัพย์สิน 7 ล้านบาทเศษ หนี้สิน 121.6 ล้านบาท มีเงินฝาก 2 บัญชีเพียง 114,079  บาท  (แจ้งว่าหย่า-นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์อดีตภรรยา)

       แสดงว่าขณะยื่นบัญชีฯต่อ ป.ป.ช.แต่ละครั้ง นายสันติมีเงินฝากเพียง  1 แสนบาทเศษ , 6 แสนบาทเศษ และ 1.4 ล้านบาทเศษตามลำดับ

       

      ขณะที่นายไชยาตอนพ้นตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ครบ 1 ปี วันที่ 25 กันยายน 2552  ระบุมีเงินฝาก 5 บัญชีรวม 3,226,644 บาท จากทรัพย์สิน 5,711,901 บาท นางจุไรภรรยามีเงินฝาก 9 บัญชีรวม  4,553,410 บาท จากทรัพย์สินรวม 75,209,410 บาท  นาง จุไรมีหนี้สิน 1,511,530 บาท

      ก่อนหน้านี้ตอนพ้นตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวง สาธารณสุขครบ 1 ปี วันที่ 7 มีนาคม 2552 ระบุ มีเงินฝาก 6 บัญชี  1,086,730 บาท  ไม่ มีหนี้สิน นางจุไรมีเงินฝาก 9 บัญชี 4,878,895 บาท จากทรัพย์สิน 76,034,895 บาท หนี้สิน 2,043,396 บาท

      แสดงว่าขณะยื่นบัญชีฯต่อ คณะกรรมการ ป.ป.ช.แต่ละครั้งนายไชยามีเงินฝาก  1 ล้านบาท และ 3.2 ล้าน บาทตามลำดับ

     

      และถ้าย้อนไปดูคำสั่ง "แช่แข็ง" ทางการเงินต่อบุคคลทั้งสองคนจะพบว่า

      กรณีนายสันติ มีข้อมูลระบุว่าดีเอสไอได้ตรวจสอบพบว่าในช่วงเดือนกันยายน 2552 –พฤษภาคม 2553 มีการโอนเงินเข้าใน บัญชีธนาคารของนายสันติประมาณ 21.5 ล้านบาท และถอนเงินออกจากบัญชีภายใน  9  วัน

       กรณีนายไชยา ในช่วงเวลาเดียวกัน มีการทำธุรกรรมกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนประมาณ  40 ล้านบาท (ฝากประมาณ 18  ล้านบาท ถอนประมาณ  19 ล้านบาท) ซึ่งมีการฝากถอนเงินเกือบทุกวัน

     

        ในการยื่นบัญชีฯต่อ ป.ป.ช.เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2552 (ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับ ที่ ดีเอสไอตรวจสอบการทำธุรกรรมทางการเงิน) นายสันติแจ้งว่ามีรายได้ "เงินเดือน" ส.ส.จากเดือนมกราคม-ตุลาคม 2552 จำนวน 1,076,954 บาท  ส่วน นางวันเพ็ญมีรายได้ ในช่วงเดียวกัน 1,251,960 บาท

        ไม่มีรายได้อื่น

        ขณะที่นายไชยาในการยื่นบัญชีฯ เดือนมีนาคม 2552 แจ้งว่ามีรายได้เงินเดือนจากเอกชน 2,400,000 บาท

       

        เงื่อนปมที่น่าสนใจก็คือ นายสันติแจ้ง ป.ป.ช.ว่ามีรายได้จากเงินเดือน ส.ส. ประมาณเดือนละ 1 แสนบาท  ไม่มีธุรกิจอื่น กลับมีเงินโอนเข้าในบัญชีเงินฝาก 21.5  ล้านบาท

        ขณะที่นายไชยา แจ้ง ป.ป.ช.ว่ามีเงินลงทุนเพียงไม่กี่แสนบาท  มีรายได้ เงินเดือนจากเอกชน 2.4 ล้านบาท  แต่ บัญชีเงินฝากธนาคารมีกระแสเงินหมุนเวียนมากถึง 40 ล้าน บาท

 

        นอกจากถูกดีเอสไอตรวจสอบความเชื่อมโยงกับท่อน้ำ เลี้ยงแดงหรือไม่แล้ว

        อีกด้านหนึ่งอาจถูกตั้ง คำถามด้วยว่า ยื่นบัญชีฯต่อ ป.ป.ช.  ครบถ้วนหรือไม่?
[/color]

               ..............
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #194 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2553, 19:27:07 »

วันที่ 05 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 เวลา 17:20:30 น.   มติชนออนไลน์

วิเคราะห์ปัญหาเรื่องสัญชาติ กรณีการขอตัว "พ.ต.ท.ทักษิณ"เป็นผู้ร้ายข้ามแดน

โดย ... วิชัย ศรีรัตน์ ศูนย์กฎหมายสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา สาขาวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช




ดู เหมือนว่าปัญหา "สัญชาติ" ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลายเป็นประเด็นปัญหากฎหมายที่ "ชี้เป็นชี้ตาย" ในเรื่องว่าจะนำ พ.ต.ท.ทักษิณมาดำเนินคดีอาญาหรือไม่

บทความนี้ผู้เขียนต้องการแสดง ให้เห็นว่าเรากำลังหลงประเด็น สามเรื่องใหญ่ๆ

หนึ่ง การเข้าใจว่าการที่ พ.ต.ท.ไม่มีสัญชาติไทยแล้วทำให้ศาลไทยไม่มีอำนาจพิจารณาคดี

สอง การเข้าใจว่า "ประเด็นสัญชาติ" เป็นประเด็นหลักในการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งจริงๆ มิใช่ทั้งหมด

สาม เข้าใจว่าถ้าไม่มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดนแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณจะไม่ถูกไต่สวนความผิด

และไม่ต้องรับผิดใดๆ "ถ้า" เขาทำผิด

ความเสียหายเกิดในไทย : ทักษิณจะมีสัญชาติไทยหรือไม่-ไม่ใช่ปัญหา

ประเทศไทยมีอธิปไตยทางศาล มาร้อยกว่าปี การที่บุคคลหนึ่ง (ไม่ว่าจะสัญชาติใดๆ) กระทำความผิดในดินแดนไทย หรือทำความผิดต่อประเทศไทย ศาลไทยย่อมมีอำนาจในการพิพากษาลงโทษต่อบุคคลนั้น

ถ้าเราไปพิจารณา เงื่อนไขสัญชาติก่อน กล่าวคือ ให้ศาลของรัฐผู้ที่บุคคลนั้นมีสัญชาติพิจารณาความผิด (ที่ทำลงในประเทศไทย) เท่ากับว่าเราถอยหลังไปใช้หลักสิทธิสภาพนอกอาณาเขตซึ่งไม่มีประเทศไหนใช้ หลักนี้แล้ว

กรณีเช่น คดี ป เป็ด ยืนยันได้เป็นอย่างดี ป เป็ด ซึ่งเป็นคนสัญชาติไทยแต่ทำความผิดในอเมริกา ถือว่ารัฐอเมริกันเสียหาย ศาลอเมริกาย่อมมีอำนาจพิจารณาลงโทษ ป เป็ด โดยไม่ต้องคำนึงว่า ป เป็ด มีกี่สัญชาติ

ดังนั้น ในกรณีนี้ การที่เรากลับไปพิจารณาว่าบุคคลนั้นมีสัญชาติไทย หรือเสียสัญชาติไทย หรือมีกี่สัญชาติ จึง "ผิดประเด็น และไม่มีประโยชน์ใดๆ"

แต่ประเด็น ที่ควรพิจารณาอยู่ที่ว่า (1) ประเทศไทย (รัฐ หรือบุคคล) ได้รับความเสียหายหรือไม่ หรือ (2) ความผิดนั้นกระทำลงในแผ่นดินไทยหรือไม่ หรือ (3) เป็นความผิดสากลหรือไม่

ดังนั้น ถ้าเข้าอย่างหนึ่งอย่างใดในสามข้อข้างต้น ศาลไทยมีอำนาจพิจารณาคดี "ส่วนทักษิณจะมีกี่สัญชาติ ไม่ใช่ปัญหา"

ประเด็นจึงมีเพียงว่า จะนำตัวมาขึ้นศาลได้อย่างไร เพราะเขาอยู่ในอธิปไตยของอีกประเทศ เราจะบุกไปจับตัวมาขึ้นศาลไทยไม่ได้ เมื่อไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน จะให้มอนเตเนโกรส่งตัวให้เฉยๆ ก็ไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นศักดิ์ศรีของรัฐที่จะไม่ทำคำบงการของรัฐอื่น

ดังนั้น ทางปฏิบัติจึงมีหลักถ้อยที่ถ้อยอาศัย "เราจะส่งให้ท่าน ถ้าท่านจะส่งให้เรา" (ซึ่งปัจจุบันหลักนี้ได้แปลงมาเป็นข้อสัญญาหมดแล้ว)

สัญชาติ มอนเตเนโกรหรือไม่ : ปัญหาของการส่งผู้ร้ายข้ามแดน

คดีนี้ อัยการคงไม่ต้องเสียเวลากับการหาข้อมูลเพื่อพิสูจน์สัญชาติไทยของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่น่าจะใช้เวลาในการหาข้อมูลว่าทักษิณ "มีสัญชาติมอนเตเนโกรหรือไม่" เนื่องจากรัฐธรรมนูญมอนเตเนโกร มาตรา 12 บัญญัติว่า

"พลเมืองมอนเตเนโกร (Montenegrin citizen) จะไม่ถูกขับไล่ออกนอกประเทศหรือถูกส่งตัวฐานะผู้ร้ายข้ามแดนไปยังประเทศใด เว้นแต่จะเป็นไปตามพันธกรณีระหว่างประเทศ"

ประเด็นนี้ต่างจากการ พิจารณาเรื่อง "การมีหรือเสียสัญชาติไทย" ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเป็นประเด็นกฎหมายเรื่อง "การส่งผู้ร้ายข้ามแดน" (ไม่ใช่ประเด็นอำนาจศาลไทยในการพิจารณาคดีอาญา)

นั่นก็คือ รัฐบาลไทยต้องต่อสู้ให้ได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ "ไม่ได้เป็นพลเมืองมอนเตเนโกร" ดังนั้น สิ่งที่อัยการไทยต้องทำคือ พิสูจน์สัญชาติมอนเตเนโกรของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะถ้ารัฐบาลไทยพิสูจน์ได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้มีสัญชาติมอนเตเนโกร เขาก็จะไม่ได้รับการคุ้มครองจากรัฐธรรมนูญ

นั่นคือ มอนเตเนโกรสามารถที่จะส่งตัวให้รัฐอื่นได้ เนื่องจากเขาไม่เป็นพลเมือง (ส่วนข้ออ้างไม่ส่งเนื่องจากสาเหตุด้านสิทธิมนุษยชนก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง)


สัญชาติ มอนเตเนโกร : บนความคลุมเครือ

สัญชาติมอนเตเนโกรของทักษิณ มีความคลุมเครืออยู่พอสมควร ทั้งในแง่ข้อเท็จจริงและแง่กฎหมาย

ใน เรื่องข้อเท็จ ปัจจุบันยังไม่มีข้อสรุปใด ว่าทักษิณได้สัญชาติมอนเตเนโกรหรือยัง เพราะมีเพียงคำอ้างของรัฐมนตรีว่าการการต่างประเทศมอนเตเนโกรออกมาชี้แจง ผ่านสื่อว่าทักษิณเป็นพลเมืองของมอนเตเนโกร ซึ่งเป็นแต่เพียงข้อมูลจาก "แหล่งข่าว"

ซึ่งเราจะได้ข้อสรุปข้อเท็จจริงก็ต่อเมื่อรัฐบาลมอนเตเน โกรได้ทำจดหมายแจ้งอย่างเป็นทางการต่อรัฐบาลไทยหรือองค์การตำรวจสากลว่าจะ ไม่ส่งตัวให้ เนื่องจากทักษิณเป็น "พลเมือง" และการส่งพลเมืองขัดรัฐธรรมนูญมอนเตเนโกร (จนถึงวันที่เขียนบทความนี้ ผู้เขียนไม่ทราบว่ากระทรวงการต่างประเทศได้รับการปฏิเสธหรือยัง)

ใน เรื่องข้อกฎหมาย จากการพิจารณากฎหมายสัญชาติมอนเตเนโกร พบว่ายังมีความคลางแคลงใจในประเด็นนี้ กล่าวคือ ตาม "รัฐบัญญัติแห่งมอนเตเนโกรว่าด้วยสัญชาติ" ค.ศ.1999 (montenegro Citizenship Law, Decree No. 01-1982/2) มาตรา 2 ได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการได้สัญชาติมอนเตเนโกรไว้ 4 กรณี คือ

(1) โดยสายเลือด (พ่อหรือแม่เป็นคนมอนเต)

หรือ (2) โดยการเกิดในดินแดนของมอนเตเนโกร

หรือ (3) โดยการจดทะเบียน (โดยการขอสัญชาติ)

หรือ (4) โดยสนธิสัญญาพันธไมตรี

จะเห็นได้ ว่าข้ออื่นๆ คงไม่เข้าเงื่อนไขกรณีสัญชาติมอนเตเนโกรของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ข้อที่น่าพิจารณาคือ ข้อ (3) อย่างไรก็ตาม ตามมาตรา 9 รัฐบัญญัติฉบับนี้เองได้ตั้งเงื่อนไขด้านระยะเวลาในกรณีการได้สัญชาติโดยการ จดทะเบียน ซึ่งมีสาระสำคัญว่า

"การได้สัญชาติโดยการจดทะเบียนนั้น บุคคลนั้นจะต้องมีอายุกว่า 18 ปี และพำนักอยู่ในดินแดนมอนเตเนโกรไม่น้อยกว่า 10 ปี ก่อนการขอจดทะเบียน (have rosiding in the Republic of Montenegro not earlier than 10 years prior to applying for citizenship)"

ประเด็นที่สงสัยคือว่า "ทักษิณได้พำนักในมอนเตเนโกรมาครบ 10 ปีแล้วหรือไม่ และมีหลักฐานการขอจดทะเบียนเมื่อใด"

นอกจากนั้น ปัญหาอาจมีว่าทางปฏิบัติมีการให้สัญชาติเฉพาะกรณีแก่บุคคลที่ทำคุณประโยชน์ อย่างยิ่งต่อประเทศ หรือให้เป็นพลเมืองกิตติมศักดิ์ ยังมีความคลุมเครือทางกฎหมายว่า พลเมืองเหล่านี้ถือว่ามีสัญชาติและได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญเช่น เดียวกับการได้มาตามมาตรา 2 หรือไม่

ซึ่งเรื่องนี้คงต้องเป็นการบ้าน ของอัยการฝ่ายไทยในการหาข้อมูลพิสูจน์

สัญญาผู้ร้ายข้ามแดน?

: ทางออกถ้า พ.ต.ท.ทักษิณมีสัญชาติมอนเตเนโกร

แม้ว่ารัฐธรรมนูญมอนเต เนโกรมีข้อยกเว้นให้ส่งพลเมืองฐานะผู้ร้ายข้ามแดนได้ภายใต้พันธกรณีระหว่าง ประเทศ ดังนั้น ถ้าประเทศไทยทำสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับมอนเตเนโกร ก็สามารถขอให้มอนเตเนโกรส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนได้

ซึ่ง ผู้เขียนมีความเห็นว่าไม่น่าเข้าข่ายการใช้กฎหมายอาญาย้อนหลัง ซึ่งเป็นหลักกฎหมายระหว่างประเทศ เพราะความผิดนั้นได้กระทำลง ขณะที่กฎหมายได้บัญญัติไว้แจ้งชัดว่าเป็นความผิด

แต่การทำสัญญาส่ง ผู้ร้ายข้ามแดนหาใช่ทางออกกรณีนี้ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณสามารถคัดค้านการส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ตามหลักกฎหมายสิทธิมนุษย ชน

(นั่นคือ ข้ออ้างว่าคดีมีเหตุจูงใจทางการเมือง เสี่ยงต่อการถูกทรมาน และสภาพเรือนจำที่เลวร้าย และเสี่ยงต่อโทษประหารชีวิต)

ความเป็นไปได้ : พิจารณาในศาลมอนเตเนโกร

ผู้เขียนเห็นว่าข้อสรุปนี้ "มีความเป็นไปได้มากที่สุด" ด้วยเหตุผลทางกฎหมายไม่ว่าจะเป็นเรื่องสัญชาติ หรือเรื่องสิทธิมนุษยชน

คำถามก็คือว่า คดีนี้ศาลมอนเตเนโกรมีอำนาจพิจารณาคดีก่อการร้ายที่เกิดขึ้นในประเทศไทยหรือ ไม่

คำตอบก็คือ ขึ้นอยู่กับกฎหมายมอนเตเนโกรเรื่องอำนาจศาลเหนือคดีอาญา (Montenegro Criminal Code) และความผิดนั้นต้องเป็นความผิดตามกฎหมายอาญาของมอนเตเนโกรด้วย หรือที่เรียกว่ามีฐานความผิดเหมือนกัน

ซึ่งเท่าที่ผู้เขียนได้ตรวจ สอบ Montenegro Criminal Code มีความสอดคล้องกับประมวลกฎหมายอาญาของไทยหลายประการ ไม่ว่าหลักเรื่องอำนาจศาล เหนือดินแดน เหนือตัวบุคคล หรือเหนือความผิดสากล (มาตรา 134-136) หลักในเรื่องเจตนา และองค์ประกอบความผิด ที่สำคัญคือ "การยุยง ใช้ให้ผู้อื่นกระทำผิด" (มาตรา 24-25) เป็นความผิดเช่นเดียวกันกับกฎหมายไทย

แต่ที่แตกต่างกันชัดเจนคือ

หนึ่ง อัตราโทษ โทษร้ายแรงสูงสุดในคดีอาญา คือ จำคุกไม่เกิน 30 ปี (ของไทย ความผิดฐานก่อการร้าย ประหารชีวิต)

สอง ความผิดฐานก่อการร้ายไม่มีในประมวลกฎหมายของมอนเตเนโกร แต่ความผิดที่เป็นองค์ประกอบพื้นฐานที่กฎหมายไทยเรียกว่า "การก่อการร้าย" บัญญัติอยู่ในมาตราต่างๆ เช่น ฐาน การก่อภยันตรายต่อสาธารณะ โดยการวางเพลิง ฯลฯ หรือความผิดฐานฆ่า หรือทำร้ายร่างกาย

(ข้อแตกต่างทางกฎหมายคือ ไม่ต้องมีเจตนาพิเศษเพื่อข่มขู่รัฐบาล ผลคือ คดีง่ายขึ้น แต่ไทยต้องเปลี่ยนข้อหาเป็นความผิดพื้นฐาน)

ประเด็นสุดท้าย

เมื่อ ดูเหตุผลที่ยกมาแล้วจะเห็นได้ว่ามิใช่เรื่องง่ายในการที่จะนำ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นบุคคลที่รัฐบาลเชื่อว่าต้องรับผิดชอบในคดีอาญามาพิสูจน์ความ บริสุทธิ์ และลงโทษในกรณีที่เขากระทำผิด

และถ้านำเหตุผลทั้งหมดมา ผนวกกับการที่ พ.ต.ท.ทักษิณจ้าง GJ Alexander Knoops ซึ่งใครๆ บอกว่าจ้างมาเพื่อฟ้องรัฐบาลไทยฐานละเมิดสิทธิมนุษยชนก็ตาม แต่ถ้าเราได้รู้ว่า Knoops ผู้นี้คือผู้เชี่ยวชาญฝ่าย "จำเลย" ในคดีอาญาระหว่างประเทศ (หนังสือสร้างชื่อของ Knoops คือ Defenses in Contemporary International Criminal Law พิมพ์โดย Martinus Nishoff สำนักพิมพ์ตำรากฎหมายระหว่างประเทศที่ดีที่สุด) ทำให้ผู้เขียนเชื่อว่า ทักษิณเตรียมตัวเป็น "จำเลย" ในศาลมอนเตเนโกรเป็นอย่างดี

นี่คงเป็น คำตอบว่า ทำไมทักษิณเลือกมีสัญชาติมอนเตเนโกร พ.ต.ท.ทักษิณมองเกมได้อย่างทะลุปรุโปร่งและทำการบ้านดี

งาน นี้ "ลากยาว"
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #195 เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2553, 10:16:05 »

เบื้องหลังครม.เลิกพรก.ฉุกเฉิน5จังหวัด
ประเด็น:เสื้อแดงจัดชุมนุมใหญ่ , เสื้อแดงจัดชุมนุมใหญ่ , 06 กรกฎาคม 2553 เวลา 22:22 น.
การก่อตัวของคนเสื้อ แดงเมื่อเดือนเม.ย.ปี 52 และยุติลงได้ ก็ทิ้งช่วงเป็นปีถึงมารวมตัวเคลื่อนไหว แต่สำหรับสถานการณ์ขณะนี้ เมื่อเหตุการณ์ยุติลงแล้ว ก็จะมารวมตัวกันใหม่และจะเร็วกว่าเดิม

โดย ทีมข่าวการเมืองposttoday online

แม้ผลการประชุมศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน( ศอฉ.) จะมีมติให้คงประกาศ พรก.สถานการณ์ฉุกเฉินต่อไปอีก 3 เดือนใน 24 จังหวัด แต่เมื่อมีการนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วานนี้ ปรากฎว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แหกมติศอฉ. เล็กน้อย ด้วยการขอให้ยกเลิก พรก.ฉุกเฉินใน 5 จังหวัด

เบื้องหลังการหารือในที่ประชุม ครม. เป็นไปความตึงเครียดและนานกว่าหนึ่งชั่วโมง โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงในฐานะผอ.ศอฉ. เปิดฉาก หยิบเอกสารริมแดงของศอฉ. รายงานซึ่งศอฉ.ได้อธิบายสถานการณ์ทั่วไป บทวิเคราะห์  เหตุผลและความจำเป็นในการคงพรก.ฉุกเฉิน 

อย่างไรก็ตามเอกสารศอฉ. มีการแนบข้อเสนอหน่วยงานความมั่นคงหน่วยงานหนึ่ง เห็นควรยกเลิกพรก.ฉุกเฉิน ใน 4 จังหวัด แต่เมื่อศอฉ.ประชุมแล้วมีมติให้คงพรก.ฉุกเฉินต่อไปทั้ง 24 จังหวัด

นาย สุเทพ กล่าวต่อที่ประชุมว่า  มีหลักฐานค่อนข้าง ชัดเจนมีกลุ่มคนที่ต้องการโค่นล้มรัฐบาลต่อไป มวลชนกลุ่มนี้รู้สึกว่าพ่ายแพ้หลังจากเจ้าหน้าที่รัฐเข้ากระชับพื้นที่การ ชุมนุม พร้อมออกมาก่อการได้ทุกเมื่อ กรณีดังกล่าวสร้างความกังวลต่อฝ่ายรัฐบาลมาก

“ปฏิกิริยาของกลุ่มคนดังกล่าว รู้สึกถึงความพ่ายแพ้  เกลียดชัง ไม่ยอมแพ้รัฐบาล พร้อมก่อการ ขณะเดียวกันมีสถานการณ์เกิดขึ้นในพื้นที่ต่างๆโดยตลอด นี่คือเหตุผลต้องคงพรก.ฉุกเฉิน 24 จังหวัด ต่อไปอีก 3 เดือน ” นายสุเทพ กล่าว



นายสุเทพ รายงานต่อไปว่า  มวลชนเหล่านี้พร้อมลุกฮือ โดยสื่อเป็นปัจจัยสำคัญ "อีก 1-2 สัปดาห์ คนเสื้อแดงเตรียมเปิดทีวีดาวเทียม เอเชียอัพเดต  เราก็จะเห็นคนหน้าเดิมปรากฎบนจอ โทรทัศน์อีก"

ทั้งนี้ รายงานศอฉ.ระบุว่า ศอฉ.เข้าใจแรงกดดันรัฐบาลเป็นอย่างดี แต่ขณะเดียวกัน คนส่วนใหญ่ของประเทศเห็นด้วยให้คงประกาศพรก.ฉุกเฉิน

นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า  หากจำกันได้ การก่อตัวของคนเสื้อ แดงเมื่อเดือนเม.ย.ปี 52 และยุติลงได้ ก็ทิ้งช่วงเป็นปีถึงมารวมตัวเคลื่อนไหว แต่สำหรับสถานการณ์ขณะนี้ เมื่อเหตุการณ์ยุติลงแล้ว ก็จะมารวมตัวกันใหม่และจะเร็วกว่าเดิมไม่ใช่ปีชนปีเหมือนคราวก่อนแน่นอน

จากนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเองฟังทุกความเห็น แม้แต่ทีมแพทย์ก็รับฟังว่าควรหรือไม่ควรยกเลิกพรก.ฉุกเฉิน จึงอยากฟังความเห็นครม.ด้วย

นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย กล่าวว่า หากยกเลิกพรก.ฉุกเฉิน ก็อาจเป็นความสงบเพียงชั่วคราว เห็นด้วยให้คงพรก.ฉุกเฉิน  เพราะผู้ชุมนุมรู้สึกว่า สูญเสีย ตอนนี้กระทรวงมหาดไทยกำลังให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเช็คข้อมูลแต่ละพื้นที่มี ใครร่วมชุมนุมบ้าง จากนั้นทางราชการจะส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ทำความเข้าใจ แก้ไขเยียวยา  ขณะที่นายกรณ์ จติกวณิช รมว.คลัง ตั้งข้อสังเกตว่าถ้ายืดเวลาออกไปอีก 3 เดือน รัฐบาลนจะถูกมองว่าซื้อเวลาหรือไม่

ถึงตอนนี้  นายสุเทพ กล่าวแทรกว่า  เหตุผลการคง พรก.ฉุกเฉินมีข้อดีหลายประการ  คือสามารถบูรณาการ เจ้าหน้าที่ทำงานร่วมกัน และ พรก.ฉุกเฉิน ได้สร้างขวัญกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ ในยามปฏิบัติงานไม่ถูกฟ้องร้อง    อย่างไรก็ตามนับแต่วันพรุ่งนี้( 7 ก.ค.) เป็นต้นไป จะเริ่มมีเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.เป็นวิทยากรออกไปปฏิบัติการมวลชนเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องในพื้นที่

ขณะที่นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ กล่าวว่าตนเองก็เห็นด้วยให้ขยายประกาศพรก.ฉุกเฉิน แต่สิ่งที่อยากให้รัฐบาลเร่งดำเนินการคือทำความเข้าใจประชาชน เอาคนที่ต่างสีมาอยู่ร่วมกันเหมือนเช่น  เลยโมเดล ที่ตนเองจะลงพื้นที่สัปดาห์หน้า

ด้านนายอิสระ สมชัย รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวเห็นด้วยในการคงพรก. ฉุกเฉิน พร้อมเสนอว่า ระหว่างนี้รัฐบาลควรชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับที่มาที่ไปถึงการตัดท่อน้ำ เลี้ยงกลุ่มคนต่างๆให้ชัดเจน

"การทำความเข้าในพื้นที่สำคัญมาก  กรณีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ช่วยได้เยอะ เพราะคนเหล่านี้สามารถทำความเข้าใจประชาชนในพื้นที่ได้มาก ความรุนแรงจะลดลง อย่างตอนนี้ที่จ.อุบลบราชธานี  ผม ทราบว่า กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ท่านยินดีจะให้ขึ้นแผ่นป้ายยืนคู่กับท่านนายกฯ แล้วก็ไม่ถูกทำลาย"นายอิสระ กล่าว

เมื่อครม.อภิปรายไปได้สักระยะ  นายกฯ กล่าวขึ้นมาว่า ตนเองเห็นด้วยกับการประกาศ พรก.ฉุกเฉิน ในเมืองหลักโดยเฉพาะจังหวัดที่มีสถานการณ์รุนแรงเคยเกิดเหตุเผาศาลากลาง แต่ตนเองอยากให้ข้อคิดครม.ว่า  หน้าที่หลักของครม.คือฟื้นฟูเยียวยาให้กับพี่น้เองประชาชน   การฟื้นฟูดังกล่าวต้องร่วมมือกับบุคลากรท้องถิ่นมากขึ้น

“ผมไม่อยากให้ตัวเราเสพติดกับ พรก.ฉุกเฉิน ตัวอย่างเช่น พื้นที่ 3 จังหวัด ภาคใต้  ประกาศมา 4-5 ปี  ไม่รู้แล้วว่าจะหาทางออกอย่างไร  เหมือน คิดอะไรไม่ออกก็ประกาศพรก. ขณะเดียวกัน การประกาศพรก.ก็ทำให้กลุ่มต่อต้านใช้เป็นเงื่อนไขนำมากล่าวอ้างเคลื่อนไหว ได้  ผมขอเป็นเสียงส่วนน้อยในที่ประชุมแห่งนี้บ้าง  แต่อยากชี้แจงให้ครม.รับทราบ จากข้อมูลของผม มีหลายจังหวัดสถานการณ์ค่อนข้างคืนสู่ความสงบ  ผม เสนอว่า ควรยกเลิกไปก่อนในบางจังหวัด แต่ถ้ามีเหตุร้าย ก็สามารถประกาศใหม่ได้อีก และจะเป็นความชอบธรรมในการประกาศด้วย” นายกฯกล่าว

ในที่สุด ครม.เห็นชอบตามนายกฯ ให้ยกเลิก พรก. ฉุกเฉินโดยเปรียบเหมือนโครงการนำร่อง ใน  5  จังหวัด ประกอบด้วย จ.ศรีสะเกษ กาฬสินธุ์ น่าน นครสวรรค์ และนครปฐม 

อย่างไรก็ตาม มีข้อเสนอแนะจากนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ระบุว่า ก่อนหน้านี้การประกาศพรก.ฉุกเฉินแต่ละจังหวัดจะไม่ตรงกัน เช่นประกาศเมื่อวันที่ 7 ก.ค. ,13 ส.ค., 16 ส.ค. และ 19 ส.ค. และถ้าจะประกาศยกเลิกจะมีผลกระทบถึงคำสั่ง ประกาศย่อยต่างๆด้วย  ทั้งนี้คุณพรทิพย์ จาละ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฏีกา ชี้แจงว่า ในส่วนของ  5 จังหวัดก็สามารถประกาศยกเลิกได้เลย  ส่วน ประกาศพรก.ฉุกเฉิน ในวันที่ 7 ก.ค. ,13 ส.ค. และ 16 ส.ค. ให้ขยายต่อไปถึงวันที่ 19 ส.ค.และประกาศขยายเวลาออกไปอีก 3 เดือน นับจากวันที่ 19 ส.ค.                 

      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #196 เมื่อ: 09 กรกฎาคม 2553, 10:28:38 »

วันที่ 08 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 เวลา 14:37:08 น.   มติชนออนไลน์

เปิดชื่อ สมัชชา-กก.ปฏิรูปชุด "ประเวศ-อานันท์" 46คน มีทั้งสีเหลือง-แดง "นิธิ -เสกสรรค์-ชัยอนันต์"ร่วม

เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม  ศ.นพ.ประเวศ วะสี   ประธานกรรมการสมัชชาปฏิรูป ได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูปจำนวน 27 คน ประกอบด้วย  1. นายกสมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย  2. ประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย  3. ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย  4. ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
5. ประธานสมาคมธนาคารไทย

 

6. เลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ    7. นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์  ปลัดกระทรวงยุติธรรม  หนึ่งในกรรมการชุดดร.คณิต ณ นคร  8. นายชัยวัฒน์ ถิระพันธ์  นักวิชาการอิสระ  9. ผศ.ชิดชนก ราฮิมมูลา อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 

 

10. นายณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ  11. นายต่อพงษ์ เสลานนท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ  ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์มูลนิธิของคนตาบอดไทย  12. นางเตือนใจ ดีเทศน์  อดีตวุฒิสมาชิก   13. รศ.นิพนธ์ พัวพงศกร  ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย  14. นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์  ศิลปินแห่งชาติ  15. นางปรีดา คงแป้น  ผู้ประสานงาน เวทีขับเคลื่อนสภาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย   

 

16. นายปรีดา เตียสุวรรณ  ชมรมนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตย ผู้บริจาคเงินให้พรรคการเมืองใหม่  17. นางเปรมฤดี ชามภูนท  นายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก 18. นายพลเดช ปิ่นประทีป กรรมการบริหาร องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.)และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สมัย รัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ 19. นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม  อดีตรองนายกฯ รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์

 

 20. นายมานิจ สุขสมจิตร  อดีตประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ  21. นายรัชฏะ ศรีบุญรัตน์  ประธานสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย  22. นางเรวดี ประเสริฐเจริญสุข  สภาพัฒนาการเมือง  และกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน มูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน   23.  นพ. วิชัย โชควิวัฒน รองประธานคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)  24. นายสน รูปสูง  ปราชญ์ชาวบ้าน รองประธานสภาพัฒนาการเมือง 25. นายสมพร ใช้บางยาง อดีตอธิบดีกรมการปกครองท้องถิ่น 26. นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค  27. นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธกส.)

 

 

วันเดียวกัน  นายอานันท์ ปันยารชุน  ประธานกรรมการปฏิรูปประเทศไทย ได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูป จำนวน 19 คน ประกอบด้วย  1. นายกฤษณพงษ์ กีรติกร  อดีตเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา  2. คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา  อดีตเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน 3. นายชัยอนันต์ สมุทรวณิช อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ คอลัมน์นิสต์หนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการ   4. นายณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ  อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ 5. นายนิธิ เอียวศรีวงศ์   นักวิชาการอิสระ คอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์"มติชน"

 

6. นายบัณฑร อ่อนดำ ที่ปรึกษาสถาบันพัฒนาองค์กรประชาชน (พอช.)  7. นางปราณี ทินกร   อดีตคณบดี คณะเศรษฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์   8. นายพงศ์โพยม วาศภูติ  อดีตนายกสมาคมนิสิตเก่ารัฐศาสตร์ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย  9. นายเพิ่มศักดิ์ มกราภิรมย์   สมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ   10. พระไพศาล วิสาโล  พระนักกิจกรรม วัดป่าสุคะโต อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ 

 

11. นางรัชนี ธงไชย (แม่แอ๊ว) ครูใหญ่โรงเรียนหมู่บ้านเด็ก ภริยานายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย  12. นพ. วิชัย โชควิวัฒน  ประธานมูลนิธิ 14 ตุลาคม กรรมการสมัชชาปฏิรูป ชุด นพ.ประเวศ วะสี   13. นายวิริยะ นามศิริพงศ์พันธ์  อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประธานฝ่ายกฎหมายและสิทธิเสรีภาพมนุษยชน สภาคนพิการแห่งประเทศไทย 14. นายศรีศักร วัลลิโภดม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร 15. นายสมชัย ฤชุพันธุ์  กรรมการกฤษฎีกา อดีตผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

 

16. นางสมปอง เวียงจันทร์ แกนนำผู้ชุมนุมชาวปากมูลและตัวแทนคณะกรรมการชาวบ้านเพื่อฟื้นฟูชีวิตและ ชุมชนลุ่มน้ำมูล17. นางสาวสมสุข บุญญะบัญชา อดีตผู้อำนวยการ พอช.  18. นายเสกสรรค์ ประเสริฐกุล  อดีตผู้นำนักศึกษาสมัย 14 ตุลาคม 2516 และอดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ 19. ม.ร.ว.อคิน รพีพัฒน์ อดีตผู้อำนวยการโครงการสร้างสรรค์และพัฒนาชุมชน สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
[/color]
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #197 เมื่อ: 13 กรกฎาคม 2553, 10:24:32 »

วันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 เวลา 21:51:39 น.   มติชนออนไลน์

"อธิบดีคุก"เคลียร์ปมร้อน ละเมิดสิทธิฯผู้ต้องขัง"นปช." โต้กก.สิทธิมนุษยชน ยันทำตามขั้นตอนกม.

.

หมายเหตุ - พ.อ.เฟื่องวิชช์ อนิรุธเทวา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายชาติชาย สุทธิกลม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ร่วมกันแถลงข่าวเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ที่กระทรวงยุติธรรม กรณีกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวถึงผลการลงพื้นที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ที่มีการควบคุมตัวผู้ต้องขังกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่ง ชาติ (นปช.) ผู้กระทำผิดตาม พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ยังมีการปฏิบัติลักษณะละเมิดสิทธิมนุษยชน

1.ประเด็นข่าว
หนังสือพิมพ์หลายฉบับ ได้เสนอข่าวกรณี นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวถึงผลการลงพื้นที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ที่มีการควบคุมตัวผู้กระทำผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พบว่า ยังมีการปฏิบัติในลักษณะละเมิดสิทธิมนุษยชน ดังนี้
1.1 ผู้ถูกควบคุมตัว 28 ราย ไม่มีทนายความคอยให้คำแนะนำในการสู้คดี
1.2 บางรายไม่รู้ว่าถูกควบคุมตัวด้วยข้อหาอะไร
1.3 ไม่สามารถติดต่อกับครอบครัวที่อยู่ในต่างจังหวัดอะไร
1.4 ไม่ได้รับการรักษาพยาบาล


2. ข้อเท็จจริง
2.1 ข้อมูลผู้ต้องขัง
ปัจจุบันมีผู้ต้องขับ กลุ่ม นปช.ที่ถูกควบคุมตัวในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร จำนวนรวม 59 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 12 ก.ค.53)
2.2 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้เดินทางไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และได้พบกับผู้ต้องขังกลุ่ม นปช.บางส่วน และได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนปรากฏเป็นประเด็นข่าวตามข้อ 1


3. การชี้แจงประเด็นข่าว
ประเด็น 1.1 ผู้ถูกควบคุมตัว 28 ราย ไม่มีทนายความคอยให้คำแนะนำในการสู้คดี
กรมราชทัณฑ์ไม่มีอำนาจหน้าที่ใน การจัดการหรือแต่งตั้งทนายความให้แก่ผู้ต้องหา หรือผู้ถูกควบคุมตัวที่มีความผิดตามพระราชกฤษฎีกาบริหารราชการในสถานการณ์ ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 หรือคดีอาญาใดๆ ได้ แต่หากผู้ต้องหาดังกล่าวได้ถูกฟ้องเป็นจำเลยในชั้นพิจารณาของศาลในคดีที่มี อัตราโทษจำคุก ศาลต้องถามจำเลยว่ามีทนายความหรือไม่ หากไม่มีศาลต้องถามความต้องการ และถ้าจำเลยต้องการทนายความ ศาลจะต้องตั้งทนายความให้เสมอ (ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 173 วรรค 2)


นอกจากการตั้งทนายความให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ดังกล่าวแล้ว กระทรวงยุติธรรมได้มีระเบียบกระทรวงยุติธรรม ว่าด้วยกองทุนยุติธรรม พ.ศ.2549 ที่มีวัตถุประสงค์ เพื่อสนับสนุนเงิน หรือค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือประชาชนในด้านกฎหมาย การฟ้องร้อง การดำเนินคดี หรือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน หรือไม่ได้รับความเป็นธรรม เป็นต้น ผู้ต้องหาหรือทายาทสามารถขอสนับสนุนเงินหรือค่าใช้จ่ายในการวางเงินประกัน การปล่อยตัวชั่วคราว หรือในการจ้างทนายความว่าความในคดีอาญา รวมถึงการสนับสนุนเงินหรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุนยุติธรรมได้อีกทางหนึ่ง


สำหรับกรณีนี้ จากการตรวจสอบทราบว่า เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2553 มีทนายความ ชื่อ นายจีระศักดิ์ บุณณะ เลขหมายใบอนุญาตให้เป็นทนายความ 1672/2529 ได้มาติดต่อที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครพร้อมหนังสือลงวันที่ 24 พฤษภาคม 2553 ขอคัดรายชื่อผู้ต้องขับในคดีดังกล่าวทั้งหมดที่ถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษ กรุงเทพมหานครและเรือนจำกลางคลองเปรม โดยอ้างว่าเพื่อประโยชน์ในการติดตามสอบข้อเท็จจริง และลงนามในใบแต่งทนายความ ซึ่งเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครได้ดำเนินการให้ตามความประสงค์แล้วส่วนจะไป เป็นทนายความให้กับทุกคนหรือไม่นั้น กรมราชทัณฑ์ไม่มีอำนาจหน้าที่ในการเข้าไปตรวจสอบ

ประเด็น 1.2 บางรายไม่รู้ว่าถูกควบคุมตัวด้วยข้อหาอะไร


การถูกจับกุมตัวผู้ต้องหาในการกระทำความผิดทางอาญา เจ้าพนักงานผู้จับกุม จะต้องแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกจับกุมทราบในโอกาสแรก พร้อมทั้งจะต้องแจ้งสิทธิของผู้ต้องหาหรือผู้ถูกจับกุมให้ทราบด้วย ซึ่งเป็นเป็นไปตามมาตรา 7/1 และมาตรา 83 ประกอบกับมาตรา 2 (16) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา กล่าวคือ เมื่อพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ถูกจับกุมหรือผู้ต้องหาแล้ว จะเป็นสิทธิของผู้ถูกจับกุมจะรับหรือปฏิเสธ และสามารถแต่งตั้งทนายความ หรือผู้ที่ตนเองไว้วางใจ เข้าร่วมรับฟังการสอบสวนได้ เมื่อการสอบสวนเสร็จสิ้น พนักงานสอบสวนก็จะให้ผู้ถูกจับกุม ลงลายมือชื่อรับทราบตามข้อกล่าวหาตามที่พนักงานสอบสวนได้ตั้งข้อกล่าวหาไว้ ซึ่งในการนี้ ผู้ถูกจับกุมสามารถคัดค้านการจับกุมหากเห็นว่าตนถูกจับกุมหรือควบคุมตัวโดย มิชอบด้วยกฎหมาย

กรณีนี้ แม้ว่าตอนที่ผู้ต้องขังจะถูกจับกุมตาม พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินฯ และไม่ได้ดำเนินการขั้นตอนปกติของ ป.วิฯ อาญา เนื่องจาก พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินฯ มิได้กำหนดไว้ก็ตาม แต่เมื่อมีการส่งตัวไปให้พนักงานสอบสวนนำตัวไปฟ้องและฝากขังต่อศาลพนักงาน สอบสวนก็จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่ง ป.วิฯ อาญา ซึ่งจะต้องมีการแจ้งข้อหาให้ผู้ถูกจับกุมทราบ ดังนั้น จากข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่อ้างถึง จึงเป็นไปไม่ได้ที่ผู้ถูกจับกุมหรือผู้ต้องขังดังกล่าว จะอ้างว่าไม่ทราบข้อกล่าวหาว่าตนกระทำความผิดอะไร


ประเด็น 1.3 ไม่สามารถติดต่อกับครอบครัวที่อยู่ในต่างจังหวัดได้


กรมราชทัณฑ์ไม่เคยปิดกั้นไม่ให้ผู้ถูกควบคุมหรือผู้ต้องขังติดต่อกับ ญาติแต่อย่างใด ซึ่งในเรื่องดังกล่าวกรมราชทัณฑ์ได้มี ข้อบังคับกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการเยี่ยม การติดต่อของบุคคลภายนอกต่อผู้ต้องขังและการเข้าดูกิจการหรือติดต่อการงาน กับเรือนจำ พ.ศ.2547 ได้กำหนดไว้ให้ ผู้ถูกควบคุมสามารถติดต่อกับญาติได้อยู่แล้ว ทั้งนี้ เป็นไปตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พุทธศักราช 2479 มาตรา 7 มาตรา 33 และมาตรา 45 ประกอบกับมาตรา 7/1 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ก็ได้กำหนดให้ผู้ถูกจับหรือผู้ต้องหาซึ่งถูกควบคุมสามารถให้เจ้าพนักงานแจ้ง ให้ญาติหรือผู้ซึ่งผู้ถูกหรือผู้ต้องหาไว้วางใจทราบถึงการถูกจับกุมและสถาน ที่ถูกควบคุมในโอกาสแรก และมีสิทธิได้รับการเยี่ยมหรือติดต่อกับญาติได้ตามสมควร


สำหรับกรณีนี้ ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีผู้ต้องขังกลุ่ม นปช.ได้มีการติดต่อทางจดหมายหรือทางครอบครัว ซึ่งเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครก็ได้ดำเนินการให้ตามระเบียบดังปรากฏตามบัญชี ข้อมูลจดหมายที่ผู้ต้องขังติดต่อญาติจำนวน 7 รายที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครได้จัดทำไว้


ประเด็น 1.4 ไม่ได้รับการรักษาพยาบาล


การรักษาพยาบาลเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้ต้องขังที่มีสิทธิที่จะได้ รับ โดยทางเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครจะมีสถานพยาบาลในเรือนจำ และมีแพทย์จากภายนอกเข้ามาทำการตรวจรักษาในช่วงเช้าทุกวัน ซึ่งในแต่ละวันจะมีผู้ต้องขังขอรับการบำบัดรักษาโรคต่างๆ ประมาณวันละ 40 คน ผู้ต้องขังในเรือนจำที่ป่วยสามารถแจ้งความประสงค์ไปสถานพยาบาลได้โดยตรง โดยการนำบัตรประจำตัวใส่ลงในกล่องที่ทางแดนจัดไว้ให้ ทั้งนี้ เป็นไปตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พุทธศักราช 2479 มาตรา 29 และมาตรา 30 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 7/1 (4) ก็ได้กำหนดให้สิทธิผู้ถูกจับกุมหรือผู้ต้องหามีสิทธิได้รับการรักษาพยาบาล โดยเร็วเมื่อเกิดการเจ็บป่วย


สำหรับในกรณีของผู้ต้องขังกลุ่ม นปช.นั้น จากข้อมูลของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ได้มีผู้ต้องขังจำนวน 24 คน ที่มาติดต่อขอรับการรักษาพยาบาล ดังปรากฏเอกสารหลักฐานตามสำเนาบัตรประจำตัวผู้ป่วยของผู้ต้องขัง (Opd card) ที่แนบมาพร้อมนี้


------------------------------------------------------

24 ผู้ต้องขัง"นปช."ขอรักษาพยาบาล


1. เอกชัย มูลเกษ เลขหมาย 1009/53 แดน 2
2. ณัทกร ชยธรดำรงสุข แดน 4
3. บัณฑิต สิทธิทุม เลขหมาย 1653/53 แดน 4
4. ศุภณัฐ หุลเวช เลขหมาย 1654/53 แดน 6
5. ธเนตร อนันตวงษ์ เลขหมาย 1871/53 แดน 2
6. สมพล แวงประเสริฐ เลขหมาย 1887/53 แดน 4
7. โกวิทย์ แย้มประเสริฐ เลขหมาย 1945/53 แดน 5
8. ประพฤทธิ์ พิพิธารมย์ เลขหมาย 2038/53 แดน2
9. เพชร แสงมณี เลขหมาย 2039/53 แดน 4
10.ธาดา เปี่ยมฤทัย เลขหมาย 2044/53 แดน 4
11.นคร สังสุวรรณ์ เลขหมาย 2045/53 แดน 5
12.แก่น คำโคตร เลขหมาย 2046/53 แดน 5
13.วีระยุทธ สุภาพ เลขหมาย 2048/53 แดน 5
14.วิชัย แสงแพง เลขหมาย 2050/53 แดน 6
15.ธนพงษ์ บุตรดี เลขหมาย 2187/53 แดน 8
16.นพรัตน์ ศรีเข้ม เลขหมาย 2212/53 แดน 4
17.เพอร์เซลล์ คอนเนอร์ เลขหมาย 2204/53 แดน 8
18.ซาเวจ เจฟฟีย์ ฮัก เลขหมาย 2203/53 แดน 8
19.ซยุต ไหลเจริญ เลขหมาย 2243/53 แดน 8
20.สายชล แพบัว เลขหมาย 2447/53 แดน 4
21.วีระ มุสิกพงศ์ เลขหมาย 2524/53 แดน 4
22.เฉลิมพงษ์ กลิ่นจำปา เลขหมาย 2575/53 แดน 4
23.เดชพล พุทธจง เลขหมาย 2747/53 แดน 5
24.จักรกริช จอมทอง เลขหมาย 1183/53 แดน


      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #198 เมื่อ: 14 กรกฎาคม 2553, 10:59:49 »

“วีระ” มอบตัวคดีถอน “หมุดจีพีเอส” ทหารฉาว - ยันสู้คดีถึงที่สุด พ้อป้องแผ่นดินไทยกลับถูกจับ
 
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 13 กรกฎาคม 2553 19:31 น.
 
 
บุรีรัมย์- “วีระ สมความคิด” เข้ามอบตัวตามหมายเรียกที่ สภ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ หลังกรมแผนที่ทหารแจ้งความดำเนินคดีทำให้เสียทรัพย์ กรณีถอนหมุดหลักโครงข่ายจีพีเอสทหารฉาว ลึกเข้ามาเขตไทย 12.5 กม.พร้อมยืนยันต่อสู้คดีถึงที่สุด ตัดพ้อทำเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทยกลับถูกจับ แต่พวกโกงกินบ้านเมืองไม่จับมาดำเนินคดี ท่ามกลางเครือข่ายทวงคืนแผ่นดินแม่ให้กำลังใจแน่นโรงพัก
       
       วันนี้ (13 ก.ค.) นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชัน ได้เดินทางเข้ามอบกับ พ.ต.อ.เอกชัย ปรัชญาวุฒิรัตน์ ผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.บ้านกรวด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ตามหมายเรียกของพนักงานสอบสวน หลังกรมแผนที่ทหาร ได้เข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีกับ นายวีระ ในข้อหา “ทำให้เสียทรัพย์ หรือทำให้เสื่อมค่า และไร้ประโยชน์”
       
       ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 30 เม.ย.53 ที่ผ่านมา นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชัน ได้นำสมาชิกประมาณ 100 คน ขึ้นไปรื้อถอนหมุดหลักโครงข่ายจีพีเอส ที่ทางคณะกรรมการปักปันเขตแดน กรมแผนที่ทหาร ได้ทำการปักขึ้น ออกมาจากสันเขื่อนห้วยเมฆา อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ซึ่งอยู่ลึกจากชายแดนไทย-กัมพูชา เข้ามาในเขตแดนไทยกว่า 12.5 กิโลเมตร (กม.) แล้วนำหมุดไปเก็บไว้ที่เมฆาอโศก
       
       นายวีระ เข้าใจว่า หลักหมุดดังกล่าวเป็นหลักปักปันเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา แต่หลักหมุดดังกล่าวเป็นหลักโครงข่ายจีพีเอส ของกรมแผนที่ทหาร ได้ทำการปักขึ้น ต่อมาวันที่ 2 มิ.ย.53 พล.ท.อมรเทพ โรจนสโรช เจ้ากรมแผนที่ทหาร ได้มอบหมายให้ พ.อ.ปรัชญา นครเก่า ผู้อำนวยการกองเขตแดนระหว่างประเทศ กรมแผนที่ทหาร เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ เพื่อดำเนินคดีทางกฎหมายกับ นายวีระ และกลุ่มมวลชนทั้งหมด ในข้อหา ทำให้เสียทรัพย์ หรือทำให้เสื่อมค่าและไร้ประโยชน์
       

       เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา นายวีระ ฐาน “ทำให้เสียทรัพย์หรือทำให้เสื่อมค่า และไร้ประโยชน์ของหมุดหลักที่ถูกเคลื่อนย้าย” ท่ามกลางกลุ่มเครือข่ายทวงคืนแผ่นดินแม่ และเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่นจากหลายจังหวัด กว่า 100 คน เดินทางมาให้กำลังใจเต็มโรงพัก
       

       นายวีระ สมความคิด กล่าวว่า ตนพร้อมจะต่อสู้คดีจนถึงที่สุด เพราะไม่มีจุดประสงค์ที่จะทำลายทรัพย์สินของทางราชการตามที่ถูกกล่าวหา แต่ตนกระทำไปก็เพื่อต้องการจะปกป้องผืนแผ่นดินไทย ไม่ให้เสียดินแดนให้กับกัมพูชา แต่กลับถูกจับดำเนินคดี ส่วนคนที่โกงกินบ้านเมือง ไม่เห็นไปจับมาดำเนินคดีสักรายเดียว
       
       อย่างไรก็ตาม หากศาลพิพากษาว่า ตนกระทำผิดจริง ก็พร้อมที่จะยอมรับโทษตามคำสั่งศาล แต่หากศาลตัดสินว่าตนไม่ผิด ตนจะแจ้งความดำเนินคดีกับทุกคนที่แจ้งความกล่าวหาตนจนถึงที่สุดเช่นกัน เพราะถือว่าทำให้ตนเองเสียหาย

       
       ทางด้าน พ.ต.อ.เอกชัย ปรัชญาวุฒิรัตน์ ผกก.สภ.บ้านกรวด กล่าวว่า คดีดังกล่าว ไม่ต้องใช้ลักทรัพย์ประกันตัว เพราะ นายวีระ ได้เข้ามามอบตัวตามหมายเรียกของพนักงานสอบสวน โดยพนักงานสอบสวนจะได้ทำการสอบปากคำ พิมพ์ลายนิ้วมือ และปล่อยตัวไปชั่วคราว สำหรับคดีดังกล่าวมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท และ นายวีระ มีความประสงค์ ที่จะมามอบตัวให้ดำเนินคดี
       
       ทางฝ่ายทหาร ยืนยันว่า หมุดหลักดังกล่าวเป็นหมุดหลักโครงข่าย จีพีเอส ที่ทางคณะกรรมการปักปันเขตแดน กรมแผนที่ทหาร ได้ทำการปักขึ้น ซึ่งก็จะมีทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชา โดยฝ่ายไทย มีอยู่ 2 แห่ง คือ ที่ จ.สระแก้ว และ ที่สันเขื่อนเมฆา อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์
       
       ส่วนฝ่ายกัมพูชา จะอยู่ที่บ้านนำปึน และบันเตียเมียนเจย ซึ่งหมุดหลักจีพีเอส ทั้ง 4 จุด คือ ในฝ่ายไทย 2 จุด และฝ่ายกัมพูชา 2 จุด เป็นหมุดหลัก จีพีเอส ที่ใช้สำหรับการขยายงานโครงข่ายงานแผนที่ของทั้ง 2 ประเทศ เพื่อใช้เป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาเชื่อมโยงไปยังแนวเขตแดนไทย-กัมพูชา ที่กำลังมีปัญหาพิพาทกันอยู่ เพื่อใช้เป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาตกลงเกี่ยวกับการปักปันเขตแดนที่ชัดเจนต่อไปในอนาคต
       
       หมุดหลักทั้งหมดจะเข้าไปอยู่ในพื้นที่ที่มีความชัดเจนเรื่องเขตแดนของทั้ง 2 ประเทศ ไม่ได้ปักเข้ามาในพื้นที่พิพาทแต่อย่างใด และไม่ได้มีการยึดถือหมุด จีพีเอส เป็นหมุดหลักในการปักปันแนวเขตแดน แต่เป็นเพียงหมุดที่ใช้ในการประกอบการพิจารณาปักปันเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ต่อไปเท่านั้น

 
 

      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #199 เมื่อ: 14 กรกฎาคม 2553, 11:21:17 »

เสื้อแดง-พท.ขยับ ปลุกรากหญ้าพาแม้วกลับ
14 กรกฎาคม 2553 เวลา 07:53 น.posttoday online
บอลโลกจบ การเมืองไทยกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงที่ยังคุกรุ่นด้วยความขัดแย้ง


ทักษิณ ชินวัตร” โหมโรงหลังเสร็จศึกบอลโลก ทวีตข้อความตอนหนึ่ง “Road Map ชื่อเพราะๆ ประดิษฐ์คำเสียสวยงาม ตั้งกรรมการสวยหรูไม่ช่วยอะไรถ้าขาดหัวใจที่มีเมตตาธรรมไม่มองโลกแบบคนพุทธ ก็คงจบยากคนและชาติก็ช้ำต่อไป

การรักษาอำนาจเผด็จการแบบนี้หลอกตัวเองได้หลอกพวกตัวเองได้ แต่หลอกคนอื่นและชาวโลกไม่ได้หรอก ปิดทั้งสื่อ ใช้ทั้งทหาร ศาล องค์กรที่สมมติว่าอิสระ” เช่นเดียวกับ แกนนำเสื้อแดง และเพื่อไทย ใช้โอกาสนี้ ค่อยๆ ฟื้นกระแสเพราะหากอยู่ในสภาพตั้งรับต่อไปก็อาจเป็นภัยกับตัวเอง

“จตุพร พรหมพันธุ์” ประกาศว่า จากนี้เสื้อแดงจะมีกิจกรรม จัดคอนเสิร์ตระดมทุนประเดิม วันที่ 1 ส.ค. ที่ตลาดใกล้วัดอ้อมน้อย จ.สมุทรสาคร รูปแบบจะให้ ศิลปินเสื้อแดง ทั้งที่เคยขึ้นเวทีผ่านฟ้า ราชประสงค์ ขับกล่อมร้องเพลงคนละเพลงเพื่อให้แฟนเสื้อแดง

เสร็จจาก จ.สมุทรสาคร จะมีคิวเดินสายไปจังหวัดอื่นอีก ยกเว้น 19 จังหวัดที่มีการประกาศ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน
เป็นมาตรการเชิงรุกครั้งแรก ไม่นับการตั้งเวทีหาเสียงเลือกตั้งซ่อม เขต 6 ชานเมืองกรุง หลังจากแกนนำเสื้อแดงบอกว่า พวกเขาโดนรัฐบาลไล่ล่า ถูกดำเนินคดีสารพัด ปิดสื่อพีเพิลแชนแนล ถูกแช่แข็งธุรกรรมการเงิน ทุกลมหายใจทำอะไรก็ผิดไปหมด

ครั้งนี้ แทนที่จะเป็นการปราศรัยเหมือนเคย แต่เสื้อแดงต้องเลียบๆ เคียงๆ เป็น จัดคอนเสิร์ต แทน แม้จะเป็นงานดนตรี ร้องรำทำเพลง แต่เชื่อว่าจะมีเนื้อหาโจมตีรัฐบาลผสมโรงไปด้วย พร้อมด้วยการปลุกของจตุพรและแกนนำ นปช.ที่มาถูกจับกุม

รัฐบาลซึ่งพยายามควบคุมสถานการณ์ให้เกิดความสงบกับประเทศ ไม่ให้มีการยั่วยุ ปลุกระดมด้วยข้อมูลเท็จ ตอกลิ่มความแตกแยก ก็คงทำอะไรไม่ได้มาก นี่จึงไม่ต่างจากการเดินสายชุมนุม ปลุกคนเสื้อแดงที่ยังตกอยู่ในห้วงอารมณ์ของความเสียใจ พ่ายแพ้ สิ้นหวังที่พี่น้องเสื้อแดงซึ่งเดินทางไปสู้ถึงเมืองหลวง แต่กลับต้องได้ลูกปืนเสียชีวิตถึง 70 กว่าราย คอนเสิร์ตเสื้อแดงที่จะเดินสายจากนี้ เชื่อว่าจะมี “พลังแดง” ตอบรับคึกคัก เพราะจะเป็นครั้งแรกที่มีการจัดชุมนุมกึ่งคอนเสิร์ตหลังเกิดเหตุการณ์พฤษภาวิปโยคมาได้เกือบ 2 เดือน

อีกด้านเครื่องจักรสีแดงอีกตัว คือ พรรคเพื่อไทย จะยืดเส้นยืดสายไปพร้อมๆ กัน หลังจากผ่านการสัมมนา สส.พรรค ที่พัทยา เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา โดยมีมติว่าจะเดินหน้า “นโยบายจัดนิทรรศการชุมนุม ปราศรัยตรวจสอบ”แต่กลยุทธ์ที่จะดึงมวลชน เรียกคะแนนให้มีพลังมากที่สุด คือ การเดินสายปราศรัย เบื้องต้นพรรคระบุว่า จะไปภาคอีสานเป็นภาคแรก เริ่มจาก จ.สุรินทร์ อำนาจเจริญ หนองคาย ส่วนจะไปจังหวัดไหนต่อไป อยู่ที่ความพร้อมของ สส.และมวลชนและการคุมเข้มของฝ่ายรัฐ การลงพื้นที่จะยาวนานต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปิดสมัยประชุมสภา ยาวไปเปิดสภา ถึงสิ้นปี โดยจะใช้ช่วงเสาร์อาทิตย์ ยกพลไปปราศรัย สัมมนา จัดนิทรรศการเบื้องลึกเบื้องหลัง

“เหตุการณ์ชุมนุมพฤษภาคม 2553” โจมตีรัฐบาลและทหารว่า ฆ่าประชาชน และทุจริต ใช้อำนาจมิชอบเอื้อกับพวกพ้อง การพุ่งที่ภาคอีสาน ภาคเหนือ หรือภาคกลาง นำโดย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ล้วนเป็นพื้นที่ของพรรคเพื่อไทยทั้งนั้น หากดูบรรยากาศหลังเหตุการณ์ “พฤษภามหาทมิฬ” คนเสื้อแดงอาจดูเก็บตัวเงียบ แต่ลึกๆ แล้ว คนที่มาชุมนุมที่สมรภูมิ “ผ่านฟ้า–ราชประสงค์” รวมแล้วร่วมหลายแสน ถือเป็นหัวคะแนนอย่างดีให้กับพรรคเพื่อไทย

แกนนำแดงธรรมชาติเหล่านี้ต่างเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช.ลงพื้นที่มาพบปะกับพี่น้องประชาชน เพื่อปลุกขวัญกำลังใจ เนื่องจากทีวีเสื้อแดง “พีเพิลแชนแนล” ที่เป็นเพื่อนหลายวัน ถูกปิดตายจาก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

เมื่อสถานการณ์การเมืองเริ่มผ่อนคลาย รัฐบาลยอมยกเลิกประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในบางจังหวัด จึงเป็นจังหวะที่พรรคเพื่อไทย เสื้อแดงจะได้ปูพรมแดงเรียกคะแนนกลับรองรับ “การเปลี่ยนแปลง” ทางการเมืองที่อาจขึ้นจากคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ หรือการเลือกตั้งในอันใกล้

การหาเสียง ปราศรัย ลงพื้นที่ จัดคอนเสิร์ต ถือเป็นกลยุทธ์ที่สื่อสารตรงกับมวลชนเสื้อแดงรากหญ้าได้ดีที่สุด นี่จึงเป็นสิ่งที่ทักษิณเน้นย้ำให้ขุนพลเร่ง “ขึ้นรูป” เสื้อแดงอีกครั้ง ไม่เพียงเท่านั้น นายใหญ่ยังสั่งฟื้นทีวีเสื้อแดงภาค 3 ทุ่มทุนเปลี่ยนชื่อใหม่ จากพีเพิลแชนแนล เป็น “เอเชียอัพเดท” กลับมาออกอากาศได้เหมือนเดิม ทุกกลไก แขนขาของทักษิณขยับ “เสื้อแดงเพื่อไทย” แยกกันเดิน รวมกันตีรวมพลังเป็นแม่น้ำสายเดียวกัน สิ่งที่กำลังทำ จึงเหมือนช่วงฟื้นเสื้อแดงภาค 2 หลังเหตุการณ์ “สงกรานต์เลือด” ที่เสื้อแดง พรรคเพื่อไทย ตายเกือบสนิท จนที่สุดค่อยๆ ตื่นขึ้นทีละนิดจนแข็งแกร่ง เบ่งกล้ามคับประเทศ


ที่ต้องจับตาคือ เดือน ก.ค.นี้ จะเป็นเดือนแห่งการโหมโรงของทักษิณ เพราะมีวันสำคัญหลายวัน เริ่มจาก 14 ก.ค. เป็นวันก่อกำเกิดของพรรคต้นตำรับ “ไทยรักไทย” 25 ก.ค. เป็นวันเลือกตั้งซ่อม แกนนำพรรคประกาศว่า จะระดมพลช่วย “ก่อแก้ว พิกุลทอง” ผู้ต้องหาคดีก่อการร้ายเอาชนะพรรคประชาธิปัตย์เป็นของขวัญวันเกิดครบรอบ 61 ปีให้ทักษิณ ในวันที่ 26 ก.ค. ให้ได้

แต่ก่อนถึงวันเลือกตั้ง จะมีปราศรัยใหญ่ช่วย ก่อแก้ว ในวันที่ 23 ก.ค. โดยขุนพลเฉลิม และ จตุพร ที่สวนสยาม ตั้งเป้าว่าจะมีคนเข้าร่วมฟัง 1 แสนคน ถัดมา หลังทราบผลเลือกตั้งเป็นวันเกิดทักษิณศูนย์รวมใจคนเสื้อแดง งานนี้จะเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ที่ จ.ลำพูน โดยมีพิธีกรรมทางศาสนาวัดพระธาตุหริภุญไชย จากนั้น “บิ๊กเหลิม” กับ จตุพร ปราศรัยใหญ่ที่ตลาดจตุจักร จ.ลำพูน

ไม่พลาดที่ทักษิณเตรียมวิดีโอลิงก์ปลุกให้คนสู้ ยึดอำนาจรัฐกลับคืนรอเลือกตั้งใหญ่ไม่ปีนี้ก็ปีหน้า ย้ำจะกลับประเทศไทยแน่ เหมือนที่ลั่นวาจากับลูกพรรคเพื่อไทย “ผมจะกลับมาปีนี้”

 

      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
  หน้า: 1 ... 6 7 [8] 9 10 ... 21  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><