29 มีนาคม 2567, 00:05:48
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 270 271 [272] 273 274 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3207349 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สมชาย17
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,300

« ตอบ #6775 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2555, 08:56:56 »

สวัสดีครับ พี่สิงห์
      บันทึกการเข้า
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #6776 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2555, 09:03:24 »

อ้างถึง
ข้อความของ nok15 เมื่อ 21 สิงหาคม 2555, 20:07:55
   สวัสดีค่ะพี่too
           นกได้อ่านในสิ่งที่พี่เขียน  รู้สึกชื่นชมในปฏิปทาที่พี่ปฏิบัติอย่างมาก
    และขออนุโมทนาในทานมัยที่ี่พี่ทำ(การทำม่าน)
           สาธุ...สาธุ..ขออนุญาตแบ่งบุญจากพี่too ๒๕เปอร์เซ็นต์(ไม่ค่อยงกเท่าไหร่)
    การที่พี่tooสามารถอยู่ที่วัดที่มีสัปปายะน้อยเช่นนั้นอย่างมีความสุขได้เพราะ.....

                
              
     อ้อ...วัดที่พี่tooไปปฏิบัติธรรมอยู่ที่ไหนคะ  ขออนุโมทนากับพี่อีกครั้งนะคะ
              
                 (เอ๊ะ!..จะได้บุญอีก๒๕เปอร์เซ็นต์มั้ยเนี่ยพี่สิงห์   อ๊ะ..ล้อเล่น)
                              
                                  Nok15
อ้างถึง
ข้อความของ ดร.มนตรี เมื่อ 21 สิงหาคม 2555, 23:42:26
สาธุ ... ครับ พี่ตู่ ...  รักนะ

ความสุข มันอยู่ใกล้เรามากเลยนะครับ  อยู่ใกล้ ...แค่ตรงความคิด... นี่เอง
 หลั่นล้า

...สาธุค่ะ...น้องนก..และ..น้องดร.มนตรี...

...ชื่อ..วัดถ้ำประทุนค่ะ...อยู่ที่ ต.เขาไม้แก้ว..อ.บางละมุง..ชลบุรี...

...ห่างจากตัวเมืองพัทยาไปทางระยอง...ประมาณ 10 กิโลค่ะ...

...เป็นวัดป่า...ฉันมื้อเดียว...

...ถ้าสนใจจะมาถือศีลก็มาได้เลยค่ะ...ที่นี่กุฎิยังเหลืออยู่เยอะ...

...แต่จะไม่มีการสอนนะคะ...ปล่อยอิสระให้เราปฎิบัติเอง...เหมาะสำหรับผู้ที่เคยปฎิบัติมาก่อน...

...แต่ถ้าอยากให้สอนก็ขอคำแนะนำจากพระอาจารย์และคุณแม่ชีทุกท่านได้ค่ะ...

...ตอนเช้าก็ต่างคนต่างทำวัตรเช้าในกุฎิของตัวเอง...

...แต่ช่วงเข้าพรรษา...ทุกๆค่ำเวลาประมาณ 1 ทุ่ม...มีคุณแม่ชีนำพวกชีพราหมณ์สวดมนต์ทำวัตรเย็นและนั่งสมาธิต่ออีก 1 ชั่วโมง...

...วันพระ...พระอาจารย์นำพระ..ชี..ชีพราหมณ์..อุบาสกอุบาสิกา...สวดมนต์ทำวัตรเย็นและนั่งสมาธิต่ออีก 1 ชั่วโมงครึ่งค่ะ...

...ชีพราหมณ์ก็ช่วยงานวัดบ้าง...ตอนตีห้าครึ่งช่วยทำกับข้าวในโรงครัว...

...เวลาหกโมงสี่สิบห้า...ขึ้นศาลาฉัน...

...แปดโมงครึ่งช่วยกันล้างชาม...

...บ่ายสามโมงกวาดใบไม้...

...เวลาที่เหลือนอกจากนั้นก็อิสระทำธุระส่วนตัวเช่นซักผ้า...กวาดถูกุฎิที่พักค่ะ...

...วันไหนมีเทศกาลพิเศษ...เช่น...วันเข้าพรรษา...ช่วยกันทำดอกไม้สำหรับเวียนเทียน...

...และแกะห่อสังฆทานและจัดของแยกเก็บไว้ในโรงครัวค่ะ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
ประทาน14
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2514
คณะ: เภสัชศาสตร์
กระทู้: 999

« ตอบ #6777 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2555, 22:54:35 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 23 สิงหาคม 2555, 07:47:25
อ้างถึง
ข้อความของ ประทาน14 เมื่อ 22 สิงหาคม 2555, 20:44:36
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 18 สิงหาคม 2555, 10:03:34
อ้างถึง
ข้อความของ ประทาน14 เมื่อ 17 สิงหาคม 2555, 21:01:25
อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 17 สิงหาคม 2555, 20:32:38
เห็นจะไม่ไหวอะครับคุณประทาน
 เค้าไม่ยอม แบร่่!!! ขึ้นเลย
แหม...หอเราเลยขาดกิจกรรมดีๆไปอีกหนึ่งกิจกรรม
พี่ๆน้องๆที่อยากจะรำแห่นางแมวก็ไปลอบบี้พี่ป๋องเอาเองนะครับ

สวัสดีครับ คุณประทาน  และชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                             ถ้า ดร.สุริยา  ยอมเป็นนางแมว  ผมจะหากลองยาวไปช่วยแห่ ครับ ชาวนาจะได้มีฝน ช่วยให้ข้าวไม่แห้งตายคาท้องนา  จริงๆ มันเป็นเรื่องที่ดี  ที่ ดร.สุริยา  ควรกระทำ

                             และผมก้เชื่อว่า นาข้าวแถวๆ ทับทัน นั้นแห้งตายหมดแล้ว ชาวนาทับทันกำลังรอ ดร.สุริยา  ด้วยความหวัง

                             ปัจจุบันการทำนาของชาวนานั้น (ที่อุทัยก็มีมาก) จะใช้วิธีเจาะบ่อบาดาลในท้องนา  สูบน้ำขึ้นมาทำนา แทนน้ำฝน หรือน้ำจากคลองชลประทาน 

                             แต่ในความเห็นของผมนั้น  ไม่ควรกระทำเลย เอาน้ำบาดาลไว้บริโภค นั้นดี  แต่เอามาทำนานั้นไม่สมควรเพราะการทำนา ทำสวนต้องใช้น้ำแยะมาก เมื่อสูบน้ำขึ้นมามาก จะทำให้ระดับน้ำใต้ดินลดลงไปอีก  ความชุ่มชื้นที่ผิวดินจะหายไป  ยิ่งแล้งหนักเข้าไปอีก  ไม่มีใครชี้แจง  ชาวนาจึงขุดบาบาลสูบน้ำขึ้นมาทำนา ทำสวนกันมาก ไม่ถูกต้องเลย

                             สวัสดี

สวัสดีครับพี่สิงห์

สงสัยว่าชาวนาทับทันจะหมดหวังได้รับน้ำฝนธรรมชาติจากพี่ป๋องซะแล้วล่ะครับ

สวัสดีครับ คุณประทาน และชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                 ชาวนาทับทัน เขาหมดวังไปแล้ว  ยอมรับสภาพว่านาข้าวจะต้องแห้งตาย คาต้น เพราะขาดน้ำ  เนื่องจากฝนไม่ตก  ดร.สุริยา  ไม่ไปเป็นนาแมวแห่รอบหมู่บ้านเพื่อขอฝน  ผลกรรมที่จะตามมาสำหรับ ดร.สุริยา คือ ค่าเช่านา  ที่ผู้เช่าไม่มีเงินมาให้ เพราะทำนาไม่ได้ผล  ถ้า ดร.สุริยา  ยืนกรานว่าต้องได้ค่าเช่าทำนา  กรรมก็จะตกกับ ดร.สุริยา  อีก เพราะต้องไปทวงหนี้  ก่อทุกข์ ทั้งผู้เช่า  และ ดร.สุริยา  ก็หวังว่า ดร.สุริยา  คงจะต้องจำยอม  ไม่ไปทวงถามค่าเช่าทำนา ครับ

                  คุณประทาน  สำหรับแม่นั้น อาการต่างๆ ดีขึ้นมากแบบผิดปกติ  ผิวพรรณดีมาก  ตอนนี้สามารถให้อาหารเหลวของโรงพยาบาลได้แล้ว ไม่ต้องใช้นมพิเศษ จากทางโรงพยาบาล  แต่พยาบาลก็จะดูดอาหารจากกระเพาะมาดูทุกครั้งว่า มีอาหารเหลือที่ไม่สามารถย่อยได้หรือไม่  ถ้ามีดูดทิ้ง  ถ้าไม่มีให้ใหม่  อาการเป็นปกติ  จนคุรหมอวิทิต  กำลลับไปรักษาที่บ้าน  เพราะอยู่โรงพยาบาลงวดนี้เกินสองเดือนแล้ว  ผิดกฏของทางโรงพยาบาลที่อยู่ได้ติดต่อกันไม่เกิน ๑๔ วันในแต่ละครั้งการเจ็บป่วย  ยกเว้นคุณหมอเห็นว่าสำคัญ เท่านั้น

                  สำหรับแผลกดทับ  มันก้อยู่ของมันอย่างนั้น  ไม่ติดเชื้อ  คุณหมอวิทิต ก็ยอมรับว่า  ไม่รู้จะทำอย่างไรกับมันให้หายได้  ได้แต่ล้างแผล ทำความสะอาดไม่ให้ติดเชื้อ เห็นเนื้อแดงๆ เพิ่มขึ้น แม่ไม่ได้ทุกข์ร้อนกับมัน  ท่านอยู่ของท่านได้

                  ถ้าแม่กลับบ้านเราก็รู้ว่าแม่จะหมดแรงเร็ว  รับอาหารไม่สด  ไม่ตรงเวลา  และสุดท้ายแย่ลงเพราะขาดสารอาหารบางชนิด ก็ต้องนำกลับมาอยู่โรงพยาบาลต่อ เพราะท่านยังมีสติทุกอย่างครบ  ใจแข็ง  ยังอยากมีชีวิตอยู่  เพราะไม่ได้ทุกข์อะไร  เราก็ต้องดูแลท่านให้ดีที่สุด

                 ก็ดีเหมือนกัน กลับไปอยู่บ้านสักอาทิตย์  แล้วกลับมาใหม่  เพราะแผลกดทับมาสาหัสมาก

                  สำหรับผมนั้น  ต้องกลับไปอยู่กับแม่ให้มากเมื่อว่าง เพราะคนดูแล  น้องสาว จะได้อบอุ่น 

                  ก็เรียนให้ทราบตามจริงครับ  เราทำอะไรไม่ได้มาก กฏ ก็คือ กฏ  เราคิดได้ แต่ทำไม่ได้ สู้ไม่คิดเสียดีกว่า เพราะไม่มีใครทุกข์กับมัน  ทั้งแม่  และ ผม  ต่างก็กระทำตามหน้าที่ให้ดีที่สุดเท่านั้นครับ

     

                  สวัสดี




สวัสดีครับพี่สิงห์
ขอดีใจกับอาการของคุณแม่ที่ดีขึ้นเรื่อยๆนะครับ เป็นกำลังใจให้ครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6778 เมื่อ: 24 สิงหาคม 2555, 06:16:31 »


สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                              เมื่อวานวันพฤหัสบดีที่ ๒๓  สิงหาคม พี่สิงห์ แวะไปเนี่ยมแม่ที่โรงพยาบาล

                              บ่ายสองโมงเย็น เดินทางไปวัดโบสถ์ อำเภออินทร์บุรี  สิงห์บุรี วัดที่ผม เคยบวช เพื่อไปร่วมงานฌาปนกิจศพ อดีตปลัดอาวุโส จังหวัดสิงห์บุรี เป็นคุณพ่อ  ของอาจารย์วิภาวัณย์ ซึ่งเป็นเพื่อนของผม และครอบครัวนี้มีความสนิทสนมกับคุณพ่อ-คุณแม่ ของผม มาตั้งแต่คนรุ่นก่อน  และผมถือว่า เป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้รับเชิญให้ไปทอดผ้าบังสุกุลหน้าหีบศพ เป็นรายเกือบสุดท้าย  ก็เลยทำให้ได้พิจารณาตัวเองว่า เรานั้นแก่จริงๆ แล้ว เพราะผู้ที่มาทอดผ้าบังสุกุลก่อนหน้าเราสี่สิบท่านนั้น ล้วนอาวุโสทางอายุ น้อยกว่าเราทั้งสิ้น  ยกเว้นคุณครูที่เป็นญาติ เคยสอนผมมาเท่านั้น

                               ไม่น่าเชื่อว่าท่านปลัดวัฒน์  ทับทิมทอง  จบเพียง ม.๖ แล้วเข้ารับราชการเป็นเสมียน กรมการปกครอง ที่อำเภออินทร์บุรี  จนได้เรียนโรงเรียนนายอำเภอ เป็นนายอำเภอ ที่เชียงราย  อุทัยธานี  ชัยนาท และปลัดอาวุโส  สิงห์บุรี เคยได้รับเกียรติ   ให้เป็นคุณพ่อดีเด่น  ระดับชาติ  มีลูก ๘ คน รับราชการทั้งสิ้น  เป็นคนดี  ซื่อสัตย์คนหนึ่งของข้าราชการกระทรวงมหาดไทย

                               ผมจึ่งถือว่า เป็นเกียรติยิ่ง ที่ได้ทำหน้าที่แทน พ่อ-แม่ และวางผ้าบังสุกุล หน้าหีบศพท่าน

                               ตอนไปถึงวัด ญาติๆ กำลังพาศพลงจากศาลา เวียนรอบเมรุ พอผมได้ฟังเพลง ธรณีกรรณแสง  พม่าเขว ทำให้จิตใจเกิดปรุงแต่ง เพราะเพลงเหล่านี้ผมจำได้ เพราะเคยเล่นอังกะลุงของโรงเรียน ที่นี่ เลยเผลอตัวปรุงแต่งตาม เมื่อปรุงแต่งก็เกิดอารมณ์ปรมัตถ์ เศร้าโศก ขึ้นมาทำให้ผมได้มีโอกาสศึกษา อารมณ์ปรมัตถ์ อันนี้ เฝ้าดูไป(ผมปล่อยให้มันคิด เฝ้าดูมัน  ไม่เผลอตัว) พอสมควรก็พิจารณาว่า ความเศร้า โศก มันเกิดรู้สึกหวั่นไหวที่หัวใจ  มันเป็นอย่างนี้  พอสมควรแล้ว ก็ต้องออกจากอารมณ์นี้  ด้วยการสร้างความรู้สึกตัวที่การขยับมือ  จิตก็หยุดการปรุงแต่ง รู้สึกตัว แต่ยังมีอารมณ์ปรมัตถ์อยู่บ้าง  สักพักก็ดับไป  การปรุงแต่งเกิดจากเหตุ-ปัจจัยเสมอ  จะหยุดมันได้ด้วยการรู้สึกตัวเท่านั้น

                               คนไปร่วมงานแน่นวัด  จำนวนมากครับ  ผมได้รับประโยชน์ และได้ทำหน้าที่แทนพ่อ-แม่ ในการไปร่วมฌาปนกิจ ครั้งนี้

                               ต้องขอตัวไปซื้อกับข้าวเพื่อใส่บาตรพระเช้านี้แล้วครับ

                               เช้านี้ผมต้องเดินทางไปทำงานที่นครศรีธรรมราช ครับ

                               สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6779 เมื่อ: 25 สิงหาคม 2555, 13:57:45 »

วันนี้ เป็นวันพระขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๙


                              วันนี้ เป็นวันพระ ผมอยู่นครศรีธรรมราช เลยไม่ได้มีโอกาส ใส่บาตรพระ หรือไปทำบุญที่วัด ก็ขอปฏิบัติธรรม รับศีล ๘ แทนการทำบุญใส่บาตรพระ ครับ

                                มีอยู่เรื่องหนึ่งที่อยากเรียนให้ทราบคือ ที่นครศรีธรรมราช นั้นจากการที่ฝนไม่ตกมาสองเดือนแล้ว  ในเขตเทศบาลนั้น น้ำประปา ไม่ไหล เพราะไม่มีน้ำดิบเพียงพอในการทำน้ำประปา  ทางเทศบาลต้องใช้วิธีไปขนน้ำจากจังหวัดใกล้เคียงมาแจกจ่ายประชาชนในเขตเทศบาลแทน  ช่วงนี้ก็มีรถน้ำจากต่างจังหวัดขนน้ำมาให้ชาวนครศรีธรรมราช ใช้กันวุ่นวายไปหมด

                               เรื่องน้ำ  วุ่นวายจริงหนอ !

                               แล้งก็ขาดน้ำ  ฝนตกหนักน้ำก็มากเกินไป  น้ำท้วมเพราะน้ำไม่รู้จะไปทางไหน

                               น้ำเป็นปัญหาใหญ่จริงๆ ครบทุกภาคส่วนของประเทศ เป็นแหล่งหารายได้ให้กับชั่ว ไม่รู้จบสิ้น

                               เมื่อเช้ามืด มาออกกำลังกาย  ท้องฟ้ามีเมฆคลึ้มตั่งแต่เช้า  แต่สุดท้าย  ฝนก็ไม่ตก

                               เหลืออีกประมาณเดือนเศษ ก็จะเข้าเทศกาลสารทเดือนสิบ ของชาวนครศรีธรรมราช แล้วครับ  ก็หวังว่า ดร.กุศล  คงจะหาโอกาสมาทำบุญ ให้พ่อ-แม่-ปู่-ย่า-ตา-ยายและบรรพบุรุษ ที่นครศรีธรรมราช  ตามประเพณี ที่ชาวนครศรีธรรมราชเขากระทำสืบทอดต่อๆ กันมา ครับ

                               วันนี้เครื่องบิน Nok Air Late อีกแล้วไม่เป็นไปตามกำหนด  คงมีข้ออ้าง รอผู้โดยสารที่จะเดินทางมาจากเกาะสมุย ล่าช้าไป ๔๐ นาที  เกือบจะเป็นเรื่องปกติของเที่ยวบินเย็นวันเสาร์เสียแล้ว  ผมเลยต้องปรับตัวเองตามไปด้วย มิฉนั้น จะมีแต่ทุกข์

                                 ผมเองได้พิจารณาแล้วว่า ณ ปัจจุับนเหตุแห่งการเกิดทุกข์ สำหรับผมนั้น เกิดจากปัจจัยบุคคลภายนอกเป็นส่วนใหญ่  ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน เพราะยังต้องติดต่อกับสังคมอยู่  ยังต้องกระทำตามความต้องการของเขา  มีแต่ทุกข์ใจบ้าง  ก็ต้องปรับตัวเองไป เข้าเมืองตาหลิ่ว  ต้องหลิ่วตาตาม

                                  สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6780 เมื่อ: 25 สิงหาคม 2555, 14:00:56 »

อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 23 สิงหาคม 2555, 09:03:24
อ้างถึง
ข้อความของ nok15 เมื่อ 21 สิงหาคม 2555, 20:07:55
    สวัสดีค่ะพี่too
           นกได้อ่านในสิ่งที่พี่เขียน  รู้สึกชื่นชมในปฏิปทาที่พี่ปฏิบัติอย่างมาก
    และขออนุโมทนาในทานมัยที่ี่พี่ทำ(การทำม่าน)
           สาธุ...สาธุ..ขออนุญาตแบ่งบุญจากพี่too ๒๕เปอร์เซ็นต์(ไม่ค่อยงกเท่าไหร่)
    การที่พี่tooสามารถอยู่ที่วัดที่มีสัปปายะน้อยเช่นนั้นอย่างมีความสุขได้เพราะ.....

               
               
     อ้อ...วัดที่พี่tooไปปฏิบัติธรรมอยู่ที่ไหนคะ  ขออนุโมทนากับพี่อีกครั้งนะคะ
             
                 (เอ๊ะ!..จะได้บุญอีก๒๕เปอร์เซ็นต์มั้ยเนี่ยพี่สิงห์   อ๊ะ..ล้อเล่น)
                             
                                  Nok15
อ้างถึง
ข้อความของ ดร.มนตรี เมื่อ 21 สิงหาคม 2555, 23:42:26
สาธุ ... ครับ พี่ตู่ ...  รักนะ

ความสุข มันอยู่ใกล้เรามากเลยนะครับ  อยู่ใกล้ ...แค่ตรงความคิด... นี่เอง
  หลั่นล้า

...สาธุค่ะ...น้องนก..และ..น้องดร.มนตรี...

...ชื่อ..วัดถ้ำประทุนค่ะ...อยู่ที่ ต.เขาไม้แก้ว..อ.บางละมุง..ชลบุรี...

...ห่างจากตัวเมืองพัทยาไปทางระยอง...ประมาณ 10 กิโลค่ะ...

...เป็นวัดป่า...ฉันมื้อเดียว...

...ถ้าสนใจจะมาถือศีลก็มาได้เลยค่ะ...ที่นี่กุฎิยังเหลืออยู่เยอะ...

...แต่จะไม่มีการสอนนะคะ...ปล่อยอิสระให้เราปฎิบัติเอง...เหมาะสำหรับผู้ที่เคยปฎิบัติมาก่อน...

...แต่ถ้าอยากให้สอนก็ขอคำแนะนำจากพระอาจารย์และคุณแม่ชีทุกท่านได้ค่ะ...

...ตอนเช้าก็ต่างคนต่างทำวัตรเช้าในกุฎิของตัวเอง...

...แต่ช่วงเข้าพรรษา...ทุกๆค่ำเวลาประมาณ 1 ทุ่ม...มีคุณแม่ชีนำพวกชีพราหมณ์สวดมนต์ทำวัตรเย็นและนั่งสมาธิต่ออีก 1 ชั่วโมง...

...วันพระ...พระอาจารย์นำพระ..ชี..ชีพราหมณ์..อุบาสกอุบาสิกา...สวดมนต์ทำวัตรเย็นและนั่งสมาธิต่ออีก 1 ชั่วโมงครึ่งค่ะ...

...ชีพราหมณ์ก็ช่วยงานวัดบ้าง...ตอนตีห้าครึ่งช่วยทำกับข้าวในโรงครัว...

...เวลาหกโมงสี่สิบห้า...ขึ้นศาลาฉัน...

...แปดโมงครึ่งช่วยกันล้างชาม...

...บ่ายสามโมงกวาดใบไม้...

...เวลาที่เหลือนอกจากนั้นก็อิสระทำธุระส่วนตัวเช่นซักผ้า...กวาดถูกุฎิที่พักค่ะ...

...วันไหนมีเทศกาลพิเศษ...เช่น...วันเข้าพรรษา...ช่วยกันทำดอกไม้สำหรับเวียนเทียน...

...และแกะห่อสังฆทานและจัดของแยกเก็บไว้ในโรงครัวค่ะ...

สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ ที่รัก

                         ขอแผนที่ได้ไหม ?  ไม่รู้จะไปไหน  จะได้ไปหาสถานที่สงบ ปฏิบัติธรรม บ้าง  ฟังดูแล้ว น่าสนใจ ครับ

                         สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6781 เมื่อ: 25 สิงหาคม 2555, 14:02:34 »

อ้างถึง
ข้อความของ สมชาย17 เมื่อ 23 สิงหาคม 2555, 08:56:56
สวัสดีครับ พี่สิงห์


สวัสดีครับ คุณสมชาย

                           หายหน้า หายตาไปเลย

                           สงสัยบรรลุธรรมแล้ว จึงปลีกวิเวก

                           สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6782 เมื่อ: 25 สิงหาคม 2555, 14:07:18 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือนที่รักทุกท่าน

                               เดิมที่ ตั้งใจจะเขียนเรื่องการปฏิบัติธรรม

                               แต่มาคิดดูอีกที  ก็กลัวท่านทั้งหลายจะมาหาว่าผมอุตริมนุษย์ธรรม

                               ก็เลยขออุเบกขา ดีกว่า เพราะมันเป็น "ปัจจัตตัง"  คือผู้รู้ ก็รู้ได้เฉพาะตน เท่านั้น

                               เอาไว้โอกาสดีๆ ค่อยมาบอกกล่าวกันครับ

                               สวัสดี
                             
      บันทึกการเข้า
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #6783 เมื่อ: 25 สิงหาคม 2555, 18:37:01 »


...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์และสมาชิกทุกท่าน...

...พี่สิงห์เอาจริงเหรอคะ...เขียนแผนที่ไม่เป็นค่ะ...

...ถ้าจะสะดวกให้พี่สิงห์มานัดเจอกันที่พัทยาค่ะ...แล้วตู่จะให้หมอประสิทธิ์พาไป...

...พรุ่งนี้จะไปทำบุญตอนเช้าค่ะ...และปกติจะอยู่จนทุกๆคนเสร็จธุระ...ก็จะแวะคุยกับพระต้นที่กุฎิ...

...กว่าจะกลับก็ถึงเวลาหาอาหารเที่ยงทานพอดี...

...พี่สิงห์จะมาดูลาดเลาก่อนก็ได้ค่ะ...เพราะอาจจะไม่ถูกกับจริตของตัวเองก็ได้...

...คนส่วนใหญ่จะชอบแบบที่วัดญาณฯค่ะ...เพราะทุกๆอย่างเป็นระบบ...

...แต่ตู่จะบอกคร่าวๆเรื่องทางไปที่วัดก่อนนะคะ...

...ถ้าไปจากพัทยา...ออกทางกระทิงลาย...ตรงไประยอง...

...พอถึงทางแยกเขาไม้แก้ว-ระยอง...ให้เลี้ยวซ้ายตรงไปเขาไม้แก้ว...

...ขับไปอีกหน่อยนึง...ตรงไปเรื่อยๆค่ะ...กะประมาณ 3 กิโล...

...ตอนนี้ก็จะเห็นยอดเจดีย์โผล่พ้นเขามาไกลๆแล้วค่ะ...

...พออ้อมเขาก็จะเห็นป้ายชื่อวัด...เตรียมเบรคและเลี้ยวซ้ายตามป้ายเข้าไปเลยค่ะ...

...อีกประมาณครึ่งกิโลถึงวัดค่ะ...

...ถ้าพี่สิงห์จะลองมาเที่ยวก่อนก็ได้ค่ะ...เพราะมีหลายคนมาแล้วผิดหวัง...

...และขอกลับไปก่อน...เพราะทนความเหงาไม่ไหวค่ะ...

...คือมันจะเป็นอีกอารมณ์นึงกับที่วัดญาณฯ...

...ที่นั่นมีสถานที่สวยงาม...และไม่เหงาเพราะมีคนมาเที่ยวชมตลอด...

...ผู้ที่มาถือศีลถ้าอยู่ในกุฎิแล้วเบื่อ...ก็หาโอกาสไปเดินเล่นได้...ไปนั่งเลี้ยงปลาได้...ไปเที่ยวตามเจดีย์และศาลาต่างๆได้...

...แต่ถ้าพี่สิงห์มาอยู่ที่วัดถ้ำประทุน...จะหาเพื่อนยากค่ะ...เพราะไม่ค่อยมีอุบาสกและผ้าขาว...

...ลองพิจารณาดูนะคะ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #6784 เมื่อ: 26 สิงหาคม 2555, 02:56:23 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 25 สิงหาคม 2555, 14:00:56
สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ ที่รัก

                         ขอแผนที่ได้ไหม ?  ไม่รู้จะไปไหน  จะได้ไปหาสถานที่สงบ ปฏิบัติธรรม บ้าง  ฟังดูแล้ว น่าสนใจ ครับ

                         สวัสดี


พี่ตู่คะหนูแปะแผนที่ให้ค่ะ!
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #6785 เมื่อ: 26 สิงหาคม 2555, 02:58:13 »

อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 25 สิงหาคม 2555, 18:37:01

...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์และสมาชิกทุกท่าน...

...พี่สิงห์เอาจริงเหรอคะ...เขียนแผนที่ไม่เป็นค่ะ...

...


no problemคะท่านพี่
ขอหนูเสกแป๊บ.
schwoop-dee-woop
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #6786 เมื่อ: 26 สิงหาคม 2555, 03:01:39 »




อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 25 สิงหาคม 2555, 18:37:01

...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์และสมาชิกทุกท่าน..

...แต่ตู่จะบอกคร่าวๆเรื่องทางไปที่วัดก่อนนะคะ...

...ถ้าไปจากพัทยา...ออกทางกระทิงลาย...ตรงไประยอง...

...พอถึงทางแยกเขาไม้แก้ว-ระยอง...ให้เลี้ยวซ้ายตรงไปเขาไม้แก้ว...

...ขับไปอีกหน่อยนึง...ตรงไปเรื่อยๆค่ะ...กะประมาณ 3 กิโล...

...ตอนนี้ก็จะเห็นยอดเจดีย์โผล่พ้นเขามาไกลๆแล้วค่ะ...

...พออ้อมเขาก็จะเห็นป้ายชื่อวัด...เตรียมเบรคและเลี้ยวซ้ายตามป้ายเข้าไปเลยค่ะ...

...อีกประมาณครึ่งกิโลถึงวัดค่ะ...

...ถ้าพี่สิงห์จะลองมาเที่ยวก่อนก็ได้ค่ะ...เพราะมีหลายคนมาแล้วผิดหวัง...

...และขอกลับไปก่อน...เพราะทนความเหงาไม่ไหวค่ะ...

...คือมันจะเป็นอีกอารมณ์นึงกับที่วัดญาณฯ...

...ที่นั่นมีสถานที่สวยงาม...และไม่เหงาเพราะมีคนมาเที่ยวชมตลอด...

...ผู้ที่มาถือศีลถ้าอยู่ในกุฎิแล้วเบื่อ...ก็หาโอกาสไปเดินเล่นได้...
ไปนั่งเลี้ยงปลาได้...ไปเที่ยวตามเจดีย์และศาลาต่างๆได้...

...แต่ถ้าพี่สิงห์มาอยู่ที่วัดถ้ำประทุน...จะหาเพื่อนยากค่ะ...
เพราะไม่ค่อยมีอุบาสกและผ้าขาว...

...ลองพิจารณาดูนะคะ...


ได้แล้วคะ
แผนที่นี้เขียนซะง่าย
ขับหาจริงๆยากค่ะ.
อะไรจาตรงแหน็วยังงั้นนะ
ไม่คดไม่เคี้ยวเลยคะพี่สิงห์


      บันทึกการเข้า


สมชาย17
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,300

« ตอบ #6787 เมื่อ: 26 สิงหาคม 2555, 08:19:28 »

 
อ้างถึง   
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 25 สิงหาคม 2555, 14:02:34
อ้างถึง
ข้อความของ สมชาย17 เมื่อ 23 สิงหาคม 2555, 08:56:56
สวัสดีครับ พี่สิงห์


สวัสดีครับ คุณสมชาย

                           หายหน้า หายตาไปเลย

                           สงสัยบรรลุธรรมแล้ว จึงปลีกวิเวก

                           สวัสดี

สวัสดีครับ พี่สิงห์
ผมเอง ชาตินี้ คงไม่มีโอกาส บรรลุธรรม และไม่ได้ตั้งเป้าหมายนี้ไว้ด้วย
แค่มี สัมมาฐิติ สัมมาอาชีวะ ยังไม่ง่ายเลย 
โดยเฉพาะ สัมมาฐิติ ข้อเดียวก็ไม่ผ่านแล้วจะมี มิจฉาฐิติแทรกมาเป็น ช่วงๆ

และปฎิบัติแค่ สมถะสมาธิ ยังรวบรวมสมาธิไม่ค่อยได้เลย เดี๋ยวจิตก็แว้บโน่น แว๋บนี่
ดึงจิตกลับได้เร็วบ้าง ช้าบ้าง แล้วแต่ว่าจะรู้สึกตัวเมื่อไหร่

อ่านบทความของพี่สิงห์ บ่อยๆ  เป็นประโยชน์มาก ผมเข้ามาอ่านเป็นประจำครับ
ทำให้ได้ข้อคิดในเชิงปฎิบัติที่ดี และช่วยเตือนสติตัวเองได้

ขอให้พี่สิงห์รุดหน้าไปเรื่อยๆ  จะได้แนะนำให้พวกเราไปให้ถูกทาง  ขอบคุณครับ
      บันทึกการเข้า
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #6788 เมื่อ: 26 สิงหาคม 2555, 13:12:04 »

อ้างถึง
ข้อความของ khesorn mueller เมื่อ 26 สิงหาคม 2555, 03:01:39



อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 25 สิงหาคม 2555, 18:37:01

...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์และสมาชิกทุกท่าน..

...แต่ตู่จะบอกคร่าวๆเรื่องทางไปที่วัดก่อนนะคะ...

...ถ้าไปจากพัทยา...ออกทางกระทิงลาย...ตรงไประยอง...

...พอถึงทางแยกเขาไม้แก้ว-ระยอง...ให้เลี้ยวซ้ายตรงไปเขาไม้แก้ว...

...ขับไปอีกหน่อยนึง...ตรงไปเรื่อยๆค่ะ...กะประมาณ 3 กิโล...

...ตอนนี้ก็จะเห็นยอดเจดีย์โผล่พ้นเขามาไกลๆแล้วค่ะ...

...พออ้อมเขาก็จะเห็นป้ายชื่อวัด...เตรียมเบรคและเลี้ยวซ้ายตามป้ายเข้าไปเลยค่ะ...

...อีกประมาณครึ่งกิโลถึงวัดค่ะ...

...ถ้าพี่สิงห์จะลองมาเที่ยวก่อนก็ได้ค่ะ...เพราะมีหลายคนมาแล้วผิดหวัง...

...และขอกลับไปก่อน...เพราะทนความเหงาไม่ไหวค่ะ...

...คือมันจะเป็นอีกอารมณ์นึงกับที่วัดญาณฯ...

...ที่นั่นมีสถานที่สวยงาม...และไม่เหงาเพราะมีคนมาเที่ยวชมตลอด...

...ผู้ที่มาถือศีลถ้าอยู่ในกุฎิแล้วเบื่อ...ก็หาโอกาสไปเดินเล่นได้...
ไปนั่งเลี้ยงปลาได้...ไปเที่ยวตามเจดีย์และศาลาต่างๆได้...

...แต่ถ้าพี่สิงห์มาอยู่ที่วัดถ้ำประทุน...จะหาเพื่อนยากค่ะ...
เพราะไม่ค่อยมีอุบาสกและผ้าขาว...

...ลองพิจารณาดูนะคะ...


ได้แล้วคะ
แผนที่นี้เขียนซะง่าย
ขับหาจริงๆยากค่ะ.
อะไรจาตรงแหน็วยังงั้นนะ
ไม่คดไม่เคี้ยวเลยคะพี่สิงห์




...มีด้วยเหรอคะ...คิดว่าวัดนี้คงไม่ค่อยมีใครรู้จักค่ะ...นอกจากคนในพื้นที่...

...ขนาดคนที่อยู่พัทยาใต้อย่างแววตา...ยังไม่รู้จักเลย...

...แต่ผู้ว่าประชาและนายอำเภออีกหลายอำเภอกลับรู้จัก...

...และบอกบุญให้ผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนมาทำบุญที่วัดนี้...

...ดูจากแผนที่...อย่าได้นำเอาอำเภอบ้านบึงและพนัสมาเกี่ยวข้องเป็นอันขาดนะคะ...

...เพราะดูในแผนที่เหมือนอยู่ใกล้...ตู่ไม่เคยไปทางมอเตอร์เวย์ค่ะ...

...นอกจากสาย 331 แต่จะหาทางแยกลำบากหน่อยถ้าไม่คุ้นเคย...

...นอกนั้นก็มาทางกระทิงลายอย่างเดียวเลยค่ะ...สะดวกที่สุด...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6789 เมื่อ: 26 สิงหาคม 2555, 20:39:08 »

สวัสดีครับ คุณสมชาย  และชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                           ถึงแม้เราจะเผลอ ปล่อยใจไปเรื่องอื่นๆ ก็ตาม แต่เมื่อไรเรานึกได้ว่าเราหลงไป  แล้วกลับมารู้อยู่กับปัจจุบัน นั่นละ "ตัวรู้" ที่ต้องการ ที่เราจะฝึกจิตเราให้รู้สึกตัวอยู่ที่กาย-ใจ ละ  เพียงแต่ให้รู้บ่อยๆ มากขึ้นๆ มันจะมาอยู่กับเราเอง เกิน 80% ในหนึ่งวัน  ไม่ต้องไปใฝ่หา มันก็มาของมันเอง เป็นเอง  คือเรามีความรู้สึกตัวมากขึ้นๆ นั่นเอง   นี่ละการปฏิบัติธรรมที่แท้จริงละ  ยังทำอะไรๆ ได้ตามปกติ  ไม่จำเป็นต้องไปอยู่ตามป่า เขา หรือวัด

                           การไปแช่อยู่อารมณ์เดียวนานๆ นั้นมันไม่ใช่ มันเป็นการเพ่ง  เผลอ  ไม่รู้ มันไม่ใช่สัมมาสมาธิ ครับ

                           ปัจจุบัน  ควรฝึกให้หลง แล้วรู้  หลงแล้วรู้ ๆ ๆๆๆๆๆ  อยู่อย่างนี้ละ เดี๋ยวจิตมันจะพัฒนาการของมันเอง ให้อยู่กับรู้ได้  การรู้กาย-ใจนั่นคือสัมมาสมาธิ ที่ต้องการละ  ไม่ใช่อยู่กับการคิด  การคิดจะเป็นสมมติบัญัติ  การรู้จะเป็นปรมัตถ์บัญญัติ จากการที่เรารู้อารมณ์ของเจตสิก  รู้แต่ไม่เป็นเอง

                           อย่าลืมการรู้สึกตัว หรือความคิด  มันเป็นไปตามกฏไตรลักษณ์ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา  คือ มันเกิดขึ้น  ตั้งอยู่  ดับไปด้วยตัวของมันเอง อยู่แล้ว  มันไม่สามารถคงค้างอยู่ได้นานเพราะเราบังคับมันไม่ได้  เราจึงต้องฝึก ให้หลงอยู่ในความคิด แล้วรู้สึกตัวขึ้นมา นี่ละ เป็นการเริ่มต้นที่ถูกต้อง  อย่าไปแช่อยู่ในอารมณ์ หรือแช่อยู่ในความคิด มันจะเป็นการเพ่ง  เผลอ  คิด มันไม่ใช่ทางครับ  ต้องรู้สึกตัวที่กาย-ใจ ณ ปัจจุบัน เท่านั้น ครับ

                           วิธีการในการปฏิบัติธรรมตามแหล่งต่างๆ ที่หลวงพ่อท่านสอนนั้น ผมเปรียบเสมือนเวลาเราหัดให้เด็กหัดเดิน ในสมัยโบราณจะทำกระแตเวียนให้เด็กหัดเดิน หรือผู้ใหญ่จูงมือเด็กให้เด็กเดินตาม หรือปัจจุบันก็ให้เด็กยืนบนรถสี่ล้อแล้วหัดเดิน ฉันใดฉันนั้น

                           สิ่งที่บรรดาหลวงพ่อท่านสอนนั้น มันก็คือ จุดเริ่มต้นของการปฏิบัติธรรม เหมือนเด็กหัดเดินก้าวแรก ย่อมมีวิธีการที่แตกต่างกันแล้วแต่หลวงพ่อจะคิดเอามาปฏิบัติ เพราะพระพุทธองค์ไม่ได้ทรงสอนเอาไว้ มีแต่การเดินจงกรมที่หลงสืบทอดกันมาเท่านั้น 

                           จุดใหญ่ในสมัยพุทธกาล  การบรรลุธรรมเกิดแต่การได้ฟังธรรมจากพระพุทธองค์ เห็นความจริงในรูป-นาม ว่าตัวทุกข์คือรูป-นาม ที่ไม่มีตัวตน เมื่อเห็นความจริงจิตมันก็หมดการยึดมั่นถือมั่นในรูป-นาม  คือพ้นทุกข์  แต่รูป-นาม ก็ยังรับรู้ทุกข์อยู่ตามธรรมชาติของมันดังเดิม

                           อย่าลืมถึงแม้วิธีการปฏิบัติธรรมตอนเริ่มต้นจะต่างกัน แต่หลังจากนั้นเหมือนกัน อยู่ที่การรู้สึกตัวที่กาย-ใจ ณ ปัจจุบัน เป็นสำคัญ ไม่มีอะไรอื่นทั้งสิ้น  จิตมันจะพัฒนาของมันเอง  ถ้าใครปฏิบัติต่างจากนี้ ก็ไม่ตรงกับหลักการสติปัฏฐาน ๔ และมรรค ๘  ไม่ใช่ทางครับ

                            หลวงพ่อท่านก็บอก  การปฏิบัติธรรมนั้น  มันก็ง่ายๆ อย่างนี้ละโยม  ไม่มีอะไรอื่นทั้งสิ้น เพราะมันเป็นอนัตตา และผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน จริงๆ  ขอเพียงไม่หลงอยู่ในความคิดตนเอง คือความยึดมั่น ถือมั่นในรูป-นาม ว่าเป็นตัวตนของเรา  แต่ให้รู้สึกตัวอยู่กับกาย-ใจ เรานี่ละ เพราะพอเรารู้สึกตัว มันจะไม่หลงอยู่ในความคิด  จิตมันจะพัฒนาของมันไปเอง บังคับก็ไม่ได้

                             เขียนมากไปแล้ว เดี๋ยว ดร.สุริยา  หาว่าอุตริมนุษย์ธรรม

                             สวัสดีครับ




                 
         
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6790 เมื่อ: 26 สิงหาคม 2555, 20:44:04 »


                            ขอบคุณ ทั้งคุณน้องตู่ และคุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง เป็นอย่างมาก

                             แผนที่ดูออก และรู้แล้วครับ

                             วัดที่สงบ  ไร้ผู้คน  ซิดี  จิตจะได้ปลอดจากมารภายนอก  เหลือแต่พญามารภายใน เป็นการรบศึกด้านเดียว  ยิ่งรับประทานอาหารมื้อเดียวด้วย  ยิ่งดีใจ  จะได้ดูใจเรา  เพราะเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม เป็นวัดที่น่าสนใจมากครับ

                             จะหาโอกาสไปครับ

                             สวัสดี
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #6791 เมื่อ: 26 สิงหาคม 2555, 23:27:58 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 26 สิงหาคม 2555, 20:39:08


                             เขียนมากไปแล้ว เดี๋ยว ดร.สุริยา  หาว่าอุตริมนุษย์ธรรม

                             สวัสดีครับ


 

ไม่ว่าครับ ยังพอทนได้อยู่
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #6792 เมื่อ: 27 สิงหาคม 2555, 08:38:53 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 26 สิงหาคม 2555, 20:44:04

                            ขอบคุณ ทั้งคุณน้องตู่ และคุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง เป็นอย่างมาก

                             แผนที่ดูออก และรู้แล้วครับ

                             วัดที่สงบ  ไร้ผู้คน  ซิดี  จิตจะได้ปลอดจากมารภายนอก  เหลือแต่พญามารภายใน เป็นการรบศึกด้านเดียว  ยิ่งรับประทานอาหารมื้อเดียวด้วย  ยิ่งดีใจ  จะได้ดูใจเรา  เพราะเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม เป็นวัดที่น่าสนใจมากครับ

                             จะหาโอกาสไปครับ

                             สวัสดี


...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...

...พระฉันมื้อเดียว...แต่แม่ชี...ชีพราหมณ์...อุบาสก...อุบาสิกา...ทาน 2 มื้อค่ะ...

...ถ้าพี่สิงห์มาปฎิบัติที่นี่แล้วชอบใจก็จะเป็นประโยชน์กับตัวเองมาก...

...และอาจจะดีกับคนอื่นด้วยค่ะ...

...ตู่เคยไปคุยกับแม่ชีท่านอื่นไว้แล้วเรื่องที่พี่สิงห์มีความรู้เรื่องโยคะ...และความรู้ด้านอื่นๆ...

...อาจนำมาใช้ประโยชน์กับวัดและผู้ที่อยู่วัดได้ค่ะ...แต่ก็ต้องปรึกษาพระอาจารย์ก่อน...

...พี่สิงห์อาจมาแนะนำเรื่องอุปกรณ์บางอย่างที่กุฎิ...ที่ตู่ว่าน่าจะมี...อย่างเช่นอ่างล้างหน้า...

...เท่าที่ได้ไปเห็นตามกุฎิพระบางกุฎิท่านไม่มีใช้...ล้างหน้าจากฝักบัว...บางทีคงไม่สะดวก...

...นอกจากจะอาบน้ำเลย...และส่วนมากตอนเช้าๆมืดอากาศที่วัดจะเย็นมากเพราะอยู่บนเขา...

...ส่วนมากก็คงจะล้างหน้าอย่างเดียว...พอสายๆถึงค่อยอาบน้ำ...

...ตู่เคยเสนอขอติดอ่างล้างหน้าให้กุฎิพระแล้ว...แต่โดนแม่ชีเบรคทำนองว่า...

...พระต้องสมถะ...แต่กุฎิแม่ชีมีอ่างล้างหน้าตั้ง 2 อ่าง...อ่างข้างบนและข้างล่างเป็นอ่างล้างชามเก่าๆที่ใช้แล้วแต่ก็เป็นอ่างล้างหน้าได้...

...คือตู่เข้าใจนะว่าพระต้องสมถะ...แต่อ่างล้างหน้าไม่ใช่ของฟุ่มเฟือยนี่นา...

...เห็นว่าพระน่าจะมีความสะดวกตามสมควรค่ะ...

...อย่างกุฎิเก่าของพระต้น...เวลาล้างหน้าต้องนั่งยองๆแล้วเปิดก๊อกซึ่งต่อสายยางที่ไว้สำหรับซักผ้าหรือรดต้นไม้มาล้างหน้า...

...ซึ่งกว่าจะล้างหน้าเสร็จ...กางเกงขายาวสีขาวก็จะเปียกและเลอะชายกางเกงหมดเลยค่ะ...

...ตู่เลยบอกแม่ชีไปว่า...เวลาท่านตื่นท่านไม่ล้างหน้าค่ะ...แต่งตัวเสร็จแล้วเดินออกจากกุฎิเลย...

...และไปล้างหน้าที่ห้องน้ำของญาติโยมตรงศาลาฉันแทนเพราะสะดวกกว่า...

...ก็ไม่ทราบว่าแม่ชีไปเล่าให้พระอาจารย์ฟังหรือเปล่าค่ะ...

...พอพระต้นบวชไม่เท่าไร...พระอาจารย์ก็ย้ายให้ไปอยู่อีกกุฎินึงค่ะ...บอกแต่เพียงว่ากุฎิเก่ามีงูเยอะ...

...ซึ่งกุฎิใหม่สะดวกตรงที่ห้องน้ำอยู่ข้างห้องนอนแต่ก็ยังไม่มีอ่างล้างหน้าเหมือนเดิมค่ะ...

...กุฎิเก่าห้องน้ำอยู่ข้างล่างค่ะ...เวลาจะเข้าห้องน้ำถ้าเป็นตอนดึกๆก็คงไม่สะดวกเท่าไร...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
หนุน'21
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
*****


ซีมะโด่ง'จุฬาฯ ที่มาของผม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: "ครุศาสตร์"
กระทู้: 26,927

« ตอบ #6793 เมื่อ: 27 สิงหาคม 2555, 09:01:39 »

สวัสดีครับพี่สิงห์และพี่น้องทุกท่าน
เข้ามาตามอ่านเรื่องดีๆ จากพี่สิงห์ครับ
ขอบคุณครับ


 รักนะ รักนะ
      บันทึกการเข้า

“สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในใต้หล้า ทั้งมิใช่ชื่อเสียง และไม่ใช่ทรัพย์ศฤงคาร หากแต่เป็นน้ำใจระหว่างคน ท่านหากได้มา พึงทะนุถนอมไว้
อย่าได้สร้างความผิดหวังต่อตนเองและผู้อื่น.” “วีรบุรุษสำราญ” “โกวเล้ง”
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #6794 เมื่อ: 27 สิงหาคม 2555, 19:18:35 »



ท่านอาจารย์พุทธทาส
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6795 เมื่อ: 27 สิงหาคม 2555, 19:58:49 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ ที่รัก

                           ตอนที่พี่สิงห์ ไปปฏิบัติธรรมวัดป่าสุคะโต นั้น นอนรวมกันที่ศาลาไก่(ที่เรียกศาลาไก่ เพราะเมื่อก่อนศาลานี้ใช้ทำบุญ ทำวัจรเช้า-เย็น และสอนการปฏิบัติธรรม แต่เนื่องจากมันเก่าแล้ว จึงปล่อยล้าง ไก่เลยอาศัยอยู่เต็มเป็นฝูง กลางคืนไก่มันก็วิ่งเล่น ขันตลอดคืน) ไม่มีฝาผนังมีแต่พื้นกระดาน นอนรวมกัน มีมุ้ง ผ้าห่ม หมอน เสื่อ ให้ อุณหภูมิกลางคืน ๖-๘ องศา กลางวันเช้า ๑๐-๑๒ องศา  ใช้ห้องน้ำรวมต้องเดินลงมาใช้ด้านล่าง ต้องประหยัดน้ำ เพราะเป็นน้ำฝน  น้ำสำหรับดื่มต้องเอาขวดไปรองใส่ขวดมาเอง  พระท่านสอนว่าเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม เป็นการถอนความต้องการของตนเอง ต้องอยู่ตามสภาพให้ได้

                            กุฏิของหลวงพ่อคำเขียน ไม่มีอะไรเลยทั้งสิ้น มีเพียงเสื่อ ผ้ารองเสื่อ หมอน  ผ้าห่ม เท่านั้น  ห้องน้ำก็ใช้รวม ชั้นเดียว อยู่ใกล้ๆ ที่ปฏิบัติธรรม เพราะท่านชรามากแล้ว  จะได้ไม่ต้องเดินไกล  เวลาฉันท่านก็เดินไปศาลาฉันรวมทั้งพระ แม่ชี อุบาสก อุบาสิกา  ท่านบอกเสมอว่า ไม่เอาอะไรๆ ทั้งนั้น

                            อย่าไปทำอะไรเพิ่มเติมให้ท่านเลย  ท่านต้องการถอนความต้องการของตัวเอง  จึงต้องยอมสูญเสียความสุขทางโลก  ตามที่ ดร.สุริยา  แนะนำ ครับ

                             การปฏิบัติธรรมนั้น  ต้องรับผิดชอบตัวเอง  ห้ามพูดทั้งสิ้น ให้ฟังแต่เสียงระฆัง เท่านั้น ไม่เรื่องมากทั้งสิ้น ตื่นตีสามครึ่ง นอน สองทุ่มตรง  ตัดขาดจากโลกภายนอก

                            สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6796 เมื่อ: 27 สิงหาคม 2555, 20:47:42 »



                          ท่านอาจารย์พุทธทาส  ท่านชอบเป็นคนโน๊ต ในสิ่งที่ท่านรู้ มันเป็นสิ่งที่ดีมาก  หลวงพ่อคำเขียน ท่านก็ทำแบบนั้น  แต่ทำไมผมไม่ทำแบบนั้นก็ไม่รู้  โง่ชะมัด  ทั้งๆที่รู้ขึ้นมาเรื่อยๆ ตั้งแต่เริ่มแรก ถ้าโน๊ตเอาไว้สั้นๆ แบบท่านพุทธทาส และหลวงพ่อคำเขียน ป่านี้คงจะได้เล่มโตๆ แล้ว จะมีเขียนก็เป็นบางส่วนในกระทู้นี้เท่านั้น  ไม่ได้เขียนในสิ่งที่รู้ทั้งหมดจากการปฏิบัติธรรมพิจารณากาย-ใจ ตนเอง

                           เดี๋ยวนี้มันก็ยังรู้อยู่เลื่อยๆ แต่บางทีมันก็อดคิดไม่ได้ว่า เขียนไปก็เท่านั้น  ไม่เขียนก็เท่านั้น  สู้เรารู้อยู่คนเดียวดีกว่า  เพราะคนอื่นเขาไม่รู้ด้วย  แถมไม่รู้แล้วจะพลอยมาว่าเราว่า อุตริมนุษยธรรม ก็เลยเขียนเท่าที่อยากจะเขียนเท่านั้น (แต่ก็คิดได้ว่า บัวนั้นมีถึง ๔ สถานะ บางทีเราก็น่าจะเขียนเอาไว้ให้ทราบเหมือนกัน เพราะยังมีผู้ที่สมควรจะรู้อยู่มาก)


ความสุข คือ ความไม่ต้องการความสุข


                           วิสัชณา :

                           ความสุขเป็นอารมณ์ปรมัติที่เกิดขึ้นจากเจตสิก(เวทนา สัญญา  สังขาร)  ที่จิตมนุษย์ทั่วไปเกิดความยินดี  พอใจ น่าปราถนา และอยากได้รับอีกเสมอ ๆ  ดังนั้น ความอยากของมนุษย์จึงอยากไม่จบสิ้น

                           ความสุขมี ๒ แบบ คือแบบทางโลก กับ แบบทางธรรม

                           ความสุขทางโลก คือความสุขที่เกิดจาก ตาเห็นรูป  หูได้ยินเสียง จมูกได้ดมกลิ่น  ลิ้นได้ลิ้มรส  กายได้สัมผัส  และใจได้นึกคิด เมื่อสัมผัสทางอายตนะทั้ง ๖ แล้ว เกิดความพอใจ  ยินดี  ปลอดดปร่ง  สบาย  จึงติดใจ อยากได้อีกเสมอๆ ไม่จบสิ้น

                           ส่วนความสุขทางธรรม นั้น คือการหยุดการปรุงแต่งทางความคิด(ไม่ใช่ตาย) จากการที่ได้สัมผัสทางอายตนะทั้ง ๖ เมื่อไม่ปรุงแต่งทางความคิด  มันก็ไม่ได้ทุกข์  แต่ก็ยังมีความทุกข์ แต่ไม่ทุกข์   ทุกข์ก็ไม่มี  สุขก็ไม่มี  แต่สุขมันก็มีขอมันตามธรรมชาติ

                            พระพุทธองค์ท่าน ทรงสอนเอาไว้ ทุกสิ่งมีสองด้านตรงกันข้ามเสมอ คือ มีดีก็ต้องมีไม่ดี รวยก็มีจน  ได้ลาภก็เสื่อมลาภ....... มีสุขก็ต้องมีทุกข์

                            ถ้าเราต้องการความสุข  คือไม่ต้องการความสุข  มันก็เป็นเรื่องจริง คือ ไม่อยาก(ตัณหา)เสียเท่านั้น  ความสุขมันก็มีของมันเป็นปรมัตถ์บัญญัติอย่างนั้น มันเป็นธรรมชาติ  เพราะเราไปอยาก  ไปยึดมั่นในสิ่งที่เคยได้รับแล้วมันสบายใจ  พอใจ  สุขใจ  จึงอยากได้อีก  ถ้าเราไม่อยากมันก็จะได้ความสุขที่แท้จริงทางธรรมแทน คือหมดความยาก  ถอนความยึดมั่นถือมั่นออกไปจากจิต  ความสุข ความทุกข์มันเกิดกับรูป-นาม  รูป-นาม มันก็ไม่ใช่ตัวตนของเราเพราะเราบังคับรูป-นาม ที่เราหลงว่าเป็นตัวตนของเรานั้น ไม่ได้  เมือ่เราหยุดการปรุงแต่ง ความสุข-ความทุกข์มันก็ไม่มี  แต่มันก็มีของมันตามธรรมชาติ  แต่เราไม่ได้ไปอยู่ใต้มันเท่านั้น

                            อย่าลืม "ธรรม" ทั้งหลายเป็น "อนัตตา" (ธรรมในที่นี้รวมทั้งที่เกิดจากเหตุ-ปัจจัย และที่ไม่มีเหตุปัจจัย)

                            อย่าลืมความสุข  ความทุกข์  โลภ  โกรธ  หลง ... เกิดจากความอยากแห่งจิต  ถ้าจะไม่ให้อยากก็ต้อง ทอดถอนความยึดมั่นถือมั่นในรูป-นาม ทิ้งเสียให้หมด ให้จิตมันคลายของมันเอง  ด้วนการมีสติ-สัมปชัญญะ อยู่ที่การพิจารณากาย-จิต ของตนเองจนเห็นว่าแท้จริงรูป-นามของเรานั้นเป็นตัวทุกข์ เราไม่ควรที่จะไปยึดมั่นถือมั่นเลย ทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามกฏไตรลักษณ์ คือรูป-นามนั้นมันไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตนเลย เกิดขึ้น  ตั้งอยู่  ดับไป  มันเป็นของมันอย่างนั้น  จนจิตมันคลายไปเอง คือถอดถอนจากความยึดมั่นถือมั่น นั่นเอง

                            เอวังโดยสังเขป เท่าที่จะนึกได้จากการรู้ที่ผ่านมา ด้วยประการฉะนี้

                            ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
      บันทึกการเข้า
nok15
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 529

« ตอบ #6797 เมื่อ: 27 สิงหาคม 2555, 22:13:20 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 27 สิงหาคม 2555, 19:58:49
สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ ที่รัก

                           ตอนที่พี่สิงห์ ไปปฏิบัติธรรมวัดป่าสุคะโต นั้น นอนรวมกันที่ศาลาไก่(ที่เรียกศาลาไก่ เพราะเมื่อก่อนศาลานี้ใช้ทำบุญ ทำวัจรเช้า-เย็น และสอนการปฏิบัติธรรม แต่เนื่องจากมันเก่าแล้ว จึงปล่อยล้าง ไก่เลยอาศัยอยู่เต็มเป็นฝูง กลางคืนไก่มันก็วิ่งเล่น ขันตลอดคืน) ไม่มีฝาผนังมีแต่พื้นกระดาน นอนรวมกัน มีมุ้ง ผ้าห่ม หมอน เสื่อ ให้ อุณหภูมิกลางคืน ๖-๘ องศา กลางวันเช้า ๑๐-๑๒ องศา  ใช้ห้องน้ำรวมต้องเดินลงมาใช้ด้านล่าง ต้องประหยัดน้ำ เพราะเป็นน้ำฝน  น้ำสำหรับดื่มต้องเอาขวดไปรองใส่ขวดมาเอง  พระท่านสอนว่าเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม เป็นการถอนความต้องการของตนเอง ต้องอยู่ตามสภาพให้ได้

                            กุฏิของหลวงพ่อคำเขียน ไม่มีอะไรเลยทั้งสิ้น มีเพียงเสื่อ ผ้ารองเสื่อ หมอน  ผ้าห่ม เท่านั้น  ห้องน้ำก็ใช้รวม ชั้นเดียว อยู่ใกล้ๆ ที่ปฏิบัติธรรม เพราะท่านชรามากแล้ว  จะได้ไม่ต้องเดินไกล  เวลาฉันท่านก็เดินไปศาลาฉันรวมทั้งพระ แม่ชี อุบาสก อุบาสิกา  ท่านบอกเสมอว่า ไม่เอาอะไรๆ ทั้งนั้น

                            อย่าไปทำอะไรเพิ่มเติมให้ท่านเลย  ท่านต้องการถอนความต้องการของตัวเอง  จึงต้องยอมสูญเสียความสุขทางโลก  ตามที่ ดร.สุริยา  แนะนำ ครับ

                             การปฏิบัติธรรมนั้น  ต้องรับผิดชอบตัวเอง  ห้ามพูดทั้งสิ้น ให้ฟังแต่เสียงระฆัง เท่านั้น ไม่เรื่องมากทั้งสิ้น ตื่นตีสามครึ่ง นอน สองทุ่มตรง  ตัดขาดจากโลกภายนอก

                            สวัสดี

สวัสดีค่ะพีสิงห์
                   
                   นกเคยไปปฏิบัติธรรมที่วัดป่าสุคะโตกับจุ๋ม(ศศิวิมลRCU15)
            และน้อง(ปาริชาติRCU15)  ชอบมาก..
            .......ได้มีโอกาสไปกราบหลวงพ่อคำเขียน  ท่านเมตตาสอนเรื่อง"ธรรมะ 5 นาทีก่อนตาย"
            .......ได้ฝึกเจริญสติกับพระอาจารย์ทรงศีลซึ่งยอดเยี่ยมมาก   
            ........หลวงพ่อคำเขียนก็เมตตามาสอนธรรมะให้ทุกเช้า 
           เมื่อกลับมานกได้นำวิธีการฝึกสติไปสอนนักเรียนด้วย
                    รู้สึกดีใจที่ได้อ่านสิ่งที่พี่สิงห์เขียนเกี่ยวกับเรื่องวัดป่าสุคะโต   
            ........ถ้ามีบุญอยากจะไปอีกเพราะคราวที่แล้วไปได้เพียงสามวันเท่านั้น   
            ถ้าพี่สิงห์มีภาพที่วัดป่าสุคะโตมาPostให้ชมบ้างสิคะ 
            ........เล่าเรื่องที่วัดป่าสุคะโตให้ได้อ่านกันอีกนะคะ

                                 ขอบคุณค่ะ
                                         Nok15

                    นกมีภาพหลวงพ่อตอนให้ธรรมะมาให้พี่ดู ซึ่งประทับใจพวกเรามาก
           เพราะก่อนไปปฏิบัติธรรมนกได้อธิษฐานจิตว่าอยากมีโอกาสกราบท่าน
           และได้กราบจริงๆ
           ..........เป็นปลื้มมากๆค่ะ

             
             


             

             
      บันทึกการเข้า
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #6798 เมื่อ: 28 สิงหาคม 2555, 08:47:09 »


...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์และน้องนก...

...ได้มีโอกาสกราบพระเกจิอาจารย์และได้ปฎิบัติธรรมกับท่านถือว่าเป็นโอกาสอันเยี่ยมยอดและมีบุญสุดๆแล้วค่ะ...

...ขออนุโมทนา...

...ไปแบบพี่สิงห์ได้อยู่รวมกันอย่างนี้ก็คงไม่เหงาหรอกค่ะ...

...ที่วัดถ้ำประทุนก็มีศาลาที่จุคนได้เป็นร้อยค่ะ...

...แต่ส่วนมากจะได้ใช้ก็ตอนมีงานใหญ่ๆเช่นงานครบรอบวันมรณภาพของหลวงปู่...

...ลูกศิษย์จากสกลนครจะมากันเยอะค่ะ...มากันเต็มวัดเลย...พร้อมทั้งโรงทานก็มีมาก...

...ส่วนกุฎิอื่นๆจะเป็นกุฎิเล็กๆนอนได้คนเดียวเป็นส่วนมาก...

...ถึงเป็นผ้าขาว...พระอาจารย์ก็จะให้อยู่คนเดียวค่ะ...

...และกุฎิพระถึงแม้จะอยู่ใกล้ๆกัน...แต่จะมองไม่เห็นกันค่ะเพราะมีป่าบังไว้หมด...

...เช่นเดียวกับกุฎิแม่ชี...และชีพราหมณ์...จะซ่อนอยู่ในป่า...

...มีแต่กุฎิที่อยู่ใกล้โรงครัวเท่านั้นที่ไม่มีต้นไม้บังและอยู่ใกล้ๆกันค่ะ...

...ที่วัดป่าสุคะโต..ไม่ค่อยมีกุฎิเหรอคะ...ถึงต้องไปนอนรวมกันค่ะ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6799 เมื่อ: 28 สิงหาคม 2555, 12:08:28 »





หลวงพ่อคำเขียน  สุวณฺโณ







พระอาจารย์ทรงศิลป์ (จบมหาวิทยาลัยแม่โจ้ พระอาจารย์ผู้สอนการปฏิบัติธรรม)



พระอาจารย์ผู้ช่วย สอนฝึกปฏิบัติธรรม



คุณสุนทรีย์  พยาบาลผู้รับจองการเข้าปฏิบัติธรรม ที่วัดป่าสุคะโต









ลานสวนหินโค้งปฏิบัติธรรม



ศาลาเอนกประสงค์ สถานที่ทำวัตรเช้า-เย็น สอนการปฏิบัติธรรม






สวัสดีค่ะ คุณน้อง Nok 15 คุณน้องตู่ และชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                           คุณน้อง Nok 15 พี่สิงห์ เคยเขียนอย่างละเอียดมาครั้งหนึ่งแล้วในกระทู้นี้ครับ แต่ขอจัดให้คุณน้อง Nok 15 ตามคำขอ ครับ

                           พี่สิงห์ ไปวัดป่าสุคะโต ตั้งใจไปกราบหลวงพ่อคำเขียน  สุวณฺโณ ช่วงต้นเดือนมกราคม หลังปีใหม่ ๒๕๕๔ ที่พี่สิงหือายุครบ ๖๐ ปี ติดต่อไปทางคุณสุนทรีย์ หลักสูตรปฏิบัติธรรม ๗ วัดของวัดที่จัดให้คุณหมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล แต่เนื่องจากเป็นช่วงหลังปีใหม่ไม่ถึงอาทิตย์  จึงมีคนไม่มากนัก ประมาณ ไม่เกิน ๕๐ ท่าน เป็นช่วงอากาศหนาวมากอุณหภูมิ ๖-๑๒ องศา C พระอาจารย์ทรงศิลป์  เข้มงวดมาก เพราะกระทรวงสาธารณสุข  อนุญาติ มีการตรวจเช็ค คือ นั่งบนศาลาตรงไหน ต้องนั่งประจำตลอด ๗ วัด ไม่มีคาดสายตาเลย ยกเว้นเวลาไปนอน และทำกิจส่วนตน  เพราะทางวัดต้องออกใขรับรองการปฏิบัติธรรม ให้เจ้าหน้าที่ด้วย

                            เช้ามืดวันศุกร์ ประมาณตีสี่ พี่สิงห์ ได้กราบรูปของหลวงพ่อเทียน ที่ศาลาทำวัตรเช้า  ได้อธิษฐานว่า ขอให้ได้มีโอกาสคกราบเท้าหลวงพ่อคำเขียน สักครั้งหนึ่ง (จริงๆ จะไปกราบท่านเมื่อใดก็ได้ เพราะท่านก็มาสอนภายหลังจากทำวัตรเช้าอยู่แล้ว  แต่ก็ได้แต่คิดว่า  มันไม่เหมาะสม เรามาปฏิบัติธรรม  ถ้าปฏิบัติธรรมไม่ก้าวหน้า ไปกราบท่านก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร  แม่จะจับสังฆาฏิพระพุทธองค์ แต่ถ้ายังใฝ่อกุศล ก็ไม่เกิดอะไรทั้งสิ้น ก็ยังไม่ใช่) แต่บังเอิญจะกลับแล้ว หนึ่ง และอธิษฐานว่า ขอให้ดวงตาเห็นธรรม  ได้เข้าใจในการปฏิบัติธรรม หนึ่ง

                            ภายหลังจากทำวัตรเช้าเสร็จ หลวงพ่อคำเขียน ท่านก็สอนการปฏิบัติธรรม และจุดหมายสูงสุดในการปฏิบัติธรรม  พี่สิงห์ ก็ยังยกมือเคลื่อนไหว มีสติสมบูรณ์ ฟังด้วยการมีสติรู้ตัว ทบทวนทุกคำสอน อาจจะพูดได้ว่าได้ดวงตาเห็นธรรม  ได้เข้าใจในสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงสอน  เข้าใจในหลักการปฏิบัติธรรมและจุดสุดท้ายของการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อคำเขียน สอนได้จับใจ จริงๆ  จิตพี่สิงห์เบาหวิว  แทงตลอดในสิ่งที่หลวงพ่อคำเขียนสอน  แทงตลอดในพุทธศาสนา อย่างแท้จริง  จิตสว่าง  สงบ  เบา  ยากที่จะบรรยาย ความรู้สึกตอนนั้น

                             ภายหลังสอนเสร็จ  หลวงพ่อคำเขียนก็เดินตรงมาหาพี่สิงห์ ที่นั่งยกมืออยู่ มายืนตรงหน้าพี่สิงห์ ทัก ถามว่าโยมมาจากที่ไหน  พี่สิงห์ จึงได้มีโอกาสกราบแทบท้าวท่าน  เป็นอันว่าพี่สิงห์  ได้สมประสงค์ดังที่อธิษฐาน ครบทั้งสองข้อ คือได้กราบแทบท้าวท่าน และได้แทงตลอดในธรรม

                             และช่วงเช้าวันนั้นพระอาจารย์ทรงศิลป์  ได้สรุป หัวใจ และจุดมุ่งหมายในการปฏิบัติธรรม พระอาจารย์ทรงศิลป์  ได้สอบถามผู้ปฏิบัติธรรม ทั้งหมด ไม่มีใครตอบได้เลย พอมาถึงพี่สิงห์  พี่สิงห์  ได้รับการทดสอบจากท่าน และได้อธิบายการปฏิบัติธรรม จุดมุ่งหมายสุดท้าย  ได้ตรงตามที่หลวงพ่อคำเขียน-พระอาจารย์ทรงศิลป์  อธิบายก่อนหน้านั้นเหมือนกับที่ท่านสรุปให้ฟัง จำได้หมด แบบแทงตลอดในธรรม และได้กราบแทบท้าวพระอาจารย์ทรงศิลป์ ท่านบอกกับพี่สิงห์ว่า ขออนุโมทนา ที่โยมได้เข้าใจธรรมอย่างแท้จริง

                             เช้าวันเสาร์ก่อนกลับบ้าน ก่อนที่พระจะมาฉันอาหารเช้า ที่ศาลาหน้า พี่สิงห์ได้กราบพระและอธิฐานว่า จะกลับวันนี้แล้ว ขอให้ได้กราบลาหลวงพ่อคำเขียนอีกสักครั้ง  ก็ได้กราบสมดังใจ และเรียนให้ท่านทราบในข้อกังขา และสิ่งที่รับรู้ได้จากการปฏิบัติธรรม  หลวงพ่อคำเขียน กล่าวกับพี่สิงห์ว่า ขออนุโมทนากับโยมด้วย  น้อยคนนักที่มาถึงจุดนี้ได้  ขอให้ปฏิบัติต่อไป  การปฏิบัติธรรม มันง่ายๆ อย่างนี้ละ  ไม่มีอะไร มันก็เป็นปกติธรรมดาๆ อย่างนี้ละโยม

                              พี่สิงห์ กลับไปเก็บเสื่อ  ผ้าห่ม  อาบน้ำ แต่งตัว  นึกได้ว่าไม่ได้ถ่ายรูปกับหลวงพ่อเลย  คงจะหมดโอกาสแล้ว  แต่ก็เอากล้องใส่กระเป๋าเสื้อ เอาผ้าห่อม หมอน เสื่อ ไปส่งที่สำนักงาน ปรากฏว่า หลวงพ่อกำลังลดน้ำต้นไม้รอพี่สิงห์ อยู่ที่สำนักงาน และมีพยาบาลอยู่ด้วย  พี่สิงห์เลยได้มีโอกาสถ่ายภาพกับหลวงพ่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก ครับ

                              พี่สิงห์ กำลังหาช่วงเวลา ที่จะกลับไปอยู่วัดป่าสุคะโต สักอาทิตย์หนึ่ง  รอให้แม่อาการปกติ กลับไปอยู่บ้านแล้ว จะไปทันที ตามที่ได้ตั้งใจไว้ เพื่อพักใจ เพราะที่นั่นบรรยากาศดีมาก และเคยไปมาแล้ว  ได้ติดต่อคุณสุนทรีย์ เอาไว้แล้วครับ

                              สวัสดี

เพิ่มเติม :

                    พี่สิงห์ ไม่เคยไปปฏิบัติธรรม ที่ไหนมาก่อน ได้แต่ปฏิบัติอยู่ที่บ้าน  อ่านหนังสือหลวงพ่อเทียน แล้วปฏิบัติ  ตามคำแนะนำของอาจารย์ถาวร   โชติชื่น  เมื่อการปฏิบัติมีผลก้าวหน้า  จึงจำเป็นต้องไปกราบหาพระอาจารย์ให้มันถุกต้องตามประเพณี  ที่สิษย์พึงมีอาจารย์

                     เนื่องจากยังยึดมั่นถือมั่น และไม่รู้อะไรเลย  จึงมีกระติกน้ำร้อน  กาแฟ  นม  น้ำไปด้วย  แต่เมื่อพระอาจารย์ทรงศิลป์  สอนแล้ว  จึงทิ้งหมด  ขออยู่อย่างง่ายๆ ไม่ดื่มน้ำร้อน  ดื่มน้ำฝนของวัด  งดกาแฟ  ไม่พูดกับใครถ้าไม่จำเป็น  ปฏิบัติตัวตามตาราง ทุกอย่าง

                     ภาพเหล่านี้ ถ่ายก่อนกลับ คือ เช้าวันเสาร์หลังจากได้ถ่ายรูปกับ หลวงพ่อคำเขียน เสร็จแล้ว เพราะในระหว่างปฏิบัติธรรม งดทุกอย่าง

      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 270 271 [272] 273 274 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><