28 มีนาคม 2567, 15:08:04
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 662 663 [664] 665 666 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3207027 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16575 เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2560, 08:34:05 »



จิตมนุษย์ มักกลัวไฟ

แต่ไฟนรก มันแรงมากมายนักกว่าไฟเผาศพ ที่จิตมันกลัว

ดังนั้น เราต้องเพียรทำแต่กุศลให้มาก ๆ อยู่ในศีล สมาธิ ปัญญา

คนตายไปไม่เหลืออะไรเลย ถูกไฟเผาหมดไม่เหลือ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16576 เมื่อ: 28 กรกฎาคม 2560, 12:10:48 »



ชีวิตในช่วงปฐมวัย

บ้านตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงที่เรียกว่าปากบาง (เป็นลำคลองระบายน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าทุ่งลำแม่ลา มีประตูเปิดปิดควบคุม เวลาหน้าน้ำ จะมีปลาน้ำเงิน สวาย ปลาแดงตัวใหญ่ มาเป็นฝูง ชาวบ้านเพียงวางเบ็ดระแวง ก็สามารถจับปลาเหล่านี้มาขายได้แล้ว แต่อนิจจา มันไม่เป็นแบบนั้นแล้ว เพราะ พวก อบต. มาถมดินวางเป็นท่อระบายน้ำ เพื่อให้มีที่ดินเพิ่ม จากคลองที่เรือใหญ่เอี้ยมจุ้นเข้า-ออกมารับข้าวเปลือกวิ่งได้ เหลือเพียงท่อระบายน้ำ เท่านั้น เศร้าใจในความคิดของคน ที่เห็นประโยชน์ส่วนตน ไม่คิดถึงนาข้าวเป็นหมื่นไร่เลย)

หน้าบ้านปลูกมะขามเทศน์ เรียง สามต้นชนิดคนโอบไม่รอบ มันเก่าแก่มาก ต้นแรก หวาน ต้นสองมัน ต้นสามฝาดเอาไว้สำหรับแกงส้มมะขามเทศน์กับปลาย่าง ที่บ้านทำอาชีพโรงสีเล็กประจำหมู่บ้าน รับจ้างสีข้าว และรับจ้างหีบอ้อย มีเตาเคี่ยวน้ำอ้อยที่เป็นน้ำอ้อยงบ และน้ำอ้อบปี๊บ ที่จะมีเรือมารับไปขายต่อ

ที่แม่น้ำเจ้าพระยา เรือเอี่ยมจุ้นของพ่อ ยังจอดอยู่ แต่ได้เลิกอาชีพ ร่อนกรวด เอาไปขายที่ กรุงเทพฯ แล้ว(สาเหตุที่เลิก คือ อาชีพเรือรับบรรทุกของ ทำให้ลูกไม่ได้เรียนหนังสือ ไม่มีบ้านอยู่ และอาชีพนี้จะหมดไปเมื่อมีรถบรรทุกมาแทน หลายคนปรับตัวไม่ทัน หาอาชีพใหม่ไม่ทัน ลำบากกันมาก ถึงยุคของลูก ๆ มีให้เห็นจำนวนมาก อาชีพเรือบรรทุกของ เรือเอี่มจุ้น ที่ไม่มีบ้านอยู่ ไม่มีที่นา ไม่มีอาชีพ เมื่อเรือไม่มีงานรับจ้าง)

ชีวิตวัยนั้น สนุกมาก เพราะไม่ต้องรับผิดชอบอะไร ? ยังเล็กมาก ยังไม่สามารถเข้าโรงเรียนได้ เพราะโรงเียนรับตามเกณฑ์ คือ ๙ ขวบ มาอยู่ชั้นประถมปีที่ ๑

ตอนอายุ ๗-๘ ขวบ แม่จึงให้ไปเรียนหนังสือกับ ครูนา-ครูเนียม ที่ปลูกบ้านอยู่ข้างวัดทางทิศเหนือติดกับแม่น้ำ เป็นบ้านแบบตามรูป คือ ใช้ไม้ไผ่ทำทั้งพื้น ฝาผนัง และหลังคามุงจาก ใต้ถุนบ้านเอาปีกไม้มาทำ เป็นโต๊ะ ให้เด็ก ๆ ได้เรียนหนังสือ ก.กา หัดอ่านออกเสียง เขียน ก-ฮ ให้ได้ ฝช้กระดานฉนวน ไม่มีหนังสือเรียน ดีกว่าอยู่บ้าน เรียนอยู่ 2 ปี จึงเข้าโรงเรียน วัดพระนอน ชั้นประถมปีที่ ๑ เมื่ออายุครบตามเกณฑ์ 9 ปี ส่วนใหญ่เช้าเรียน บ่ายเล่นฝุ่นใต้ถุนบ้าน

ยุคนั้น ไม่มีวิทยุ ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีถนน ไม่มีรถยนต์ มีหนังขายยาเวลาหน้าน้ำ ที่เรือวิ่งได้ โรงพยาบาลอินทร์บุรี เพิ่งสร้าง คนยังออกลูกกับหมอตำแย  ย่ารอดเป็นหมอตำแยประจำหมู่บ้าน ไม่เคยทำคลอดใครตายเลย ขนมปังไม่รู้จัก มีแต่ขนมไทย ที่แต่ละบ้านทำกินกันเอง

ดังนั้น เวลาหน้างานวัดเช่น ทอดกฐิน งานปิดทองประจำปี  สงกรานต์ จึงสนุกมาก ทุกคนตั้งใจรอคอยเพราะจะได้ดูหนัง ดูลิเก  หรือโขนสดคณะสำอางค์ รวมทั้งการละเล่นต่าง ๆ ที่ปัจจุบันงานวัดไม่สนุกเลย กร่อยมาก ๆ

นี่ละ อนิจจัง  ทุกขัง  อนัตตา

สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #16577 เมื่อ: 05 สิงหาคม 2560, 18:28:39 »

สวัสดีครับพี่สิงห์

พี่คงเส้นคงว่าในการเข้าเว็ป

แต่ผมหายหน้าไปกว่า 1 เดือน ทั้งฝนที่สร้างปัญหาให้ บวกกับวันหยุดยาวที่มีทุกเดือน ทำให้ขี้เกียจมากขึ้นครับ เดี่ยวจะไปโพสต์เรื่องเหรียญในห้องปี 2516 ครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #16578 เมื่อ: 05 สิงหาคม 2560, 18:35:33 »

ต้องกลับไปอ่านหน้าที่แล้วของพี่สิงห์รวมคึ่งหน้า เพื่อให้ทันเหตุการณ์
การทำบุญเป็นการลดทิฐฐิ และลดความตระหนี่ รวมทั้งลดการสะสมทรัพย์ส่วนเกิน
แบ่งส่วนนี้ให้วัด เป็นการทำบุญ หรือผู้ทุกข์ยาก เป็นการทำทาน
ซึ่งผมและครอบครัวได้ทำเป็นประจำทุกเดือน และทุกเมื่อที่มีโอกาส
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16579 เมื่อ: 06 สิงหาคม 2560, 20:14:41 »

สวัสดีครับ คุณเหยง
ขอบคุณมาก
บางทีมันก็ไม่มีอะไรเขียน ครับ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16580 เมื่อ: 08 สิงหาคม 2560, 07:58:38 »

ก่อนจะ "พูด"   
  อย่าลืม "ฟัง" เสียก่อน

ก่อนจะ "เขียน"     
 อย่าลืม "คิด" เสียก่อน

ก่อนจะ "ติเตียน"       
อย่าลืม "หยุดคิด" เสียก่อน

ก่อนจะ "สวดมนต์"       
อย่าลืม "ให้อภัย" เสียก่อน

ก่อนจะ "เลิกทำ"         
จะต้อง "พยายาม" เสียก่อน

ก่อนจะ "ตาย"       
 อย่าลืม "ให้" เสียก่อน

ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์ สถ.๓๔๔ ว.
________________________________
สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ
#การให้ธรรมะเป็นทานย่อมชนะการให้ทั้งปวง
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16581 เมื่อ: 08 สิงหาคม 2560, 11:00:24 »


พิจารณาเปลวไฟให้ดี ดี

ทุกคน อย่าหลงอยู่ในความคิด !

ปกติคนทุกคน หลง ไหล กระทำไปตามความคิด ด้วยกิเลส ตัณหา และกรรมเก่า มากบ้าง น้อยบ้าง ก็แล้วแต่เหตุ-ปัจจัยในการเกิดทางผัสสะ ทางอายตนะทั้ง ๖

ผู้ภาวนา ก็ยังหลงอยู่ในความคิด ยังต้องอยู่กับความคิด แต่ถ้ามีสติ รู้สึกตัว เห็นความคิดได้รวดเร็ว เห็นธรรม(อารมณ์ที่เกิดขึ้นกับจิต) มีศีล ก่อปัญญา ก็สามารถอุเบกขาลงได้ ไม่หลง ไม่ไหล กระทำตามความคิด

ดังนั้น ต้องฝึกภาวนาให้เห็นความคิด เห็นกิเลส เห็นความอยาก เห็นอารมณ์ที่ปรุงจิต แต่อย่าไปเป็นผู้เป็น ให้เป็นผู้ดู  ถึงแม้เรายังต้องพึ่งความคิด ในการดำรงค์ชีวิต จนกว่าจะตาย แต่เราก็เพียรอยู่ในความคิดที่สร้างกุศล ยังมีอาชีพ ยังดำเนินชีวิตตาม มรรคมีองค์ ๘ ได้ เราก็สงบ สุข ตามอัตภาพได้เช่นกัน ไม่เปรียบเทียบกับใคร ระวังตนเองให้จิตเป็นกุศล ไม่ทำให้ใครเดือนร้อน ตัวเองก็ไม่เดิอดร้อน ยังเป็นการสร้างบารมี ๑๐ ทัศน์อีกด้วย

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16582 เมื่อ: 13 สิงหาคม 2560, 18:55:21 »

“  มันอยู่ที่ใด  “
  °°°°°°°°°°°°°

...  มาลองอ่านดูนะคะ ดีมากคะ
แต่ยาวไปหน่อย  ...

...  มีมารน้อย 3 ตน ...
แอบมาขโมยความสุขของมนุษย์ไป
แล้วก็ปรึกษากันว่าจะเอาไปซ่อนที่ไหนดี

มารน้อยตน ตนที่ 1 พูดว่า
"ควรเอาไปซ่อนที่ภูเขาที่สูงที่สุดในโลก"

มารน้อยตนที่ 2 กล่าวว่า
"เพื่อนเอ๋ย มนุษย์นั้น ไม่กลัวความสูง
แต่ ก ลั ว ห า ย ใ จไ ม่ อ อ ก
เพราะสังเกตได้ว่าดำน้ำได้นิดเดียว
ก็ทะลึ่งพรวดขึ้นมาแล้ว
เพราะกลัวหายใจไม่ออก
แต่บนภูเขาอากาศดี
มนุษย์ชอบไปเที่ยวภูเขา
เอาไปซ่อนไว้ใต้บาดาลดีกว่า"

มารน้อยตนที่ 3 แย้งว่า
"อย่าเลยเพื่อนเอ๋ย มนุษย์มันเก่ง
สร้างเครื่องมือหาของในทะเลได้
หาของในอากาศได้ เดี๋ยวมันก็หาเจอ
แ ต่ สั ง เ ก ต ไ ด้ ว่ า
ตา    ~ มนุษย์มองไปข้างนอก
หู      ~ มนุษย์ก็ชอบฟังเสียงข้างนอก
จมูก ~ ชอบดมกลิ่นที่หอมบ้าง
ลิ้น    ~ ชอบสรรหาของที่สวยงามและอร่อย
กาย  ~ ชอบออกไปเที่ยวเล่นสถานที่ต่างๆ

เราควร เอาความสุขของมนุษย์
แอบเอาไปซ่อนไว้ ใ น ใ จ มั น ดี ก ว่ า
มนุษย์หาไม่เจอแน่ๆ เพราะว่ามนุษย์
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16583 เมื่อ: 14 สิงหาคม 2560, 08:55:52 »



พระพุทธองค์ ทรงเปรียบเทียบว่า บุตรพึงแบกบิดา-มารดา เอาไว้บนบ่าทั้งสองข้าง ไม่ว่าท่านจะฉี่รด ขี้รดบนบ่าก็ต้องแบกท่านไป เอาไว้อยู่บนบ่าเสมอ

ทรงหมายความว่า บุตรพึงดูแลพ่อ-แม่ ให้ท่านมีความสุขในยามที่ท่านป่วยไข้ แก่ชรา ช่วยตนเอวไม่ได้ บุตรต้อวดูแลท่าน ตลอดชีวิต

บุตรที่ดูแล พ่อ-แม่ จะได้อานิสสงมาก เพราะพ่อ-แม่ คือพระอรหันต์ในบ้าน

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16584 เมื่อ: 14 สิงหาคม 2560, 08:57:23 »



แม่ไม่เคยทิ้งลูกไปไหนเลย จักคอยดูแลบุตรเสมอ จนกระทั่งบุตรมีครอบครัว นั่นคือหน้าที่ของผู้เป็นแม่  รักบุตรเสมอ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16585 เมื่อ: 14 สิงหาคม 2560, 13:06:35 »



คนธรรมดาทั่วไป ก็มีสติ มีความรู้สึกตัว ในการดำรงชีวิต อาจจะทำกุศล อกุศล ก็มีสติ

โจรเวลาลักขะโมย ทำร้ายคน ฆ่าคน ก็มีสติ  รู้สึกตัว

ทั้งคนธรรมดา และโจร ที่กล่าวมาข้างต้นก็มีสติ มีความรู้สึกตัว เช่นกัน แต่เป็นสติที่ เป็นทิฐิ หลงอยู่ในความคิด ไม่ใช่สัมมาทิฐิ-สัมมาสติ ในมรรคมีองค์ ๘ เป็นเรื่องของการหลง อยู่ในความคิด ทั้งสิ้น

ดังนั้น ความคิด มีแต่ตัวตน ตัวกู ของกู จึงมีแต่กิเลส ตัณหา ความอยาก ในกามคุณ ๖ จึงมีแต่ทุกข์

คนจึงทุกข์ เพราะความคิด  ความคิดมีแต่ตัวกู ของกู อุปาทานขันธ์ ทั้งสิ้น
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16586 เมื่อ: 14 สิงหาคม 2560, 13:17:57 »



สติ เป็นธาตุรู้  ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เราเขา เป็นเพียงธรรมชาติ

ดังนั้น นักภาวนา ควรจะเอาจิตไปผูกกับสติ ให้มีความรู้สึกตัวที่ กรรมฐานทั้ง ๔ คือ กาย เวทนา จิต ธรรม ที่ไม่มีทุกข์เลย เพราะกายก็เป็นธาตุ เวทยา จิต ธรรม ก็เป็นธาตุ ธรรมชาติ ที่พึงมี ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เราเขา จึงไม่มีใครทุกข์

แต่ถ้าเอาจิตไปคิด ไปรับอารมภ์ ก็มีแต่ตัวกู ของกู อุปาทานขันธ์ไปสิ้น ก็มีแต่ทุกข์ เท่านั่นเอง

นักภาวนา จึงต้องเป็นผู้ดู ไม่เป็นผู้เป็น  แยกรูป แยกนาม ให้ออก นี่สติ เป็นธาตุรู้  นี่ความคิด มีแต่ตัวกูของกู นี่อารมภ์ที่มาปรุงจิต(เจตสิก)มีแต่ ตัวกูของกู นี่ความสงบแห่งจิตที่ปราศจากกิเลส(นิพพาน)

จะเห็นสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ตามเหตุ-ปัจจัย ตลอดเวลา เมื่อท่านผัสสะทางทวารทั้งหก หรืออายตนะ  ขอเพียงมีสติ รู้เท่าทันจิต จะเกิดปัญญา ไม่หลงไปกับความคิด ไม่หลง ไม่ไหลไปกับอารมภ็ที่ปรุงจิต ได้ เร็วพอ ๆ กัน และเราบังคับบัญชา มันไม่ได้เลย นี่ละที่เห็นไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

ถึงแม้เราจะยังไม่ได้บรรลุธรรม แต่เราสามารถเห็นธรรม(อารมภ์ที่มาปรุงจิต) เห็นความคิด มีสติรู้เท่าทันมัน เมื่อมีสติ มีธรรมะ ปัญญาก็เกิด จะไม่หลง ไม่ไหลไปกับอารมภ์ ความคิด ที่เกิดขึ้นกับจิตได้  นั่นละสัมมาทิฐิ สัมมาสมาธิ การดำรงค์ชีวิตอยู่ด้วย มรรค มีองค์ ๘ ประการ แล้วละ

เรายังต้องดำรงชีวิต อยู่ด้วยความคิด แต่ความคิดต้องเป็นสัมมาทิฐิ สัมมาสติ ตามมรรคมีองค์ ๘ ความสุข ความสงบแห่งจิตก็เกิด เพราะไม่ได้อยู่เพื่อความอยาก ความมีตัวตน มันจะหายไป อยู่เพราะต้องมีชีวิตอยู่ มันยังไม่ตายจากโลกนี้ไป

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16587 เมื่อ: 14 สิงหาคม 2560, 20:22:12 »



สวัสดี ทุกท่านครับ

วันนี้ได้แวะไปเยี่ยมมัคคนายกเหนี๋ยม ที่บ้าน ป่วยเป็นโรคไต ต้องล้างไตทุกวัน

เห็นยาที่จะต้องกิน แล้ว ครั้งละ ๑๕ เม็ด ทั้งที่เป็นโรคไตวาย  ก็ได้แต่ปลงอนิจจัง  ไม่กินก็ทรมารกาย กินก็เพิ่มการทำงานของไต เข้าไปอีก

และเป็นโรคขาดโปรตีน ต้องกินไข่วันละ ๘ ฟอง

อยู่กันสองคน ตา-ยาย อายุ จะ ๘๐ ปี แล้วทั้งคู่ ไม่มีรายได้อันใด จึงขอทำบุญ บริจาคซื้อไข่ 2000 บาท

และได้บอกว่า อย่าทอดทิ้งกัน ดูแลกัน ปล่อยวางทุกสิ่งลงให้หมด เราทำอะไรมากไม่ได้แล้ว ระวังใจตนเอง ยอมรับความจริง ฝห้ยึดเอาพระพุทธ  พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งทางใจ เมื่อใดฟุ้งซ่าน ก็ไห้สวดมนต์ให้มาก และภาวนา แบบผม

มัคคนายกเหนี๋ยม เป็นคนที่พ่อได้สอนเอาไว้มาก เพื่อให้รับหน้าที่มัคคนายก วัดพระนอน

เมื่อปีที่แล้วที่ผมไปทอดกฐินวัดพระนอน มัคคนายกเหนี๋ยม ฟอกไตอยู่โรงพยาบาล ก็ขอหนีออกมาทำหน้าที่มัคคนายก ครั้งสุดท้าย อยากทำหน้าที่นั้น ให้ผมในการทอดกฐิน นำกล่าวคำถวายผ้ากฐิน  หลังจากนั้นก็ ไม่ค่อยได้ทำหน้าที่มัคคนายก อีกเลย เพราะเดินไม่ไหว  ไม่มีแรง

ทุกวันนี้ ชาวบ้าน รับประทานยากันแบบที่เห็น ยาแก้ความดัน เบาหวาน หรอดเลือด และทำให้ไตวาย เพราะความไม่รู้ในเรื่องดารกินอาหาร  ออกกำลังกาย นอนหัวค่ำ และภาวนา ผลคือเป็นโรคเรื้อรังกันทั้งนั้น ต้องกินยาตลอดชีวิต และจบลงด้วยไตวาย

เห็นยานี้แล้ว จงเตือนตนเอง อย่าบกพร่องในการกินอาหารให้เป็นยา ออกกำลังกาย นอนหัวค่ำ และภาวนา

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16588 เมื่อ: 15 สิงหาคม 2560, 19:04:04 »



ดูแลใจอย่าให้ทำร้ายตัวเอง

อารมณ์ก็เช่นเดียวกัน ตัวหลงก็เช่นเดียวกัน มันพยายามทุกทางที่จะครองใจของเรา แต่ว่ามันแพ้ทางสติ มันกลัวถูกรู้ ถูกเห็น นี่เป็นจุดอ่อนที่สำคัญ ดังนั้นเราจึงควรเพียรเจริญสติ หมั่นรู้สึกตัวบ่อย ๆ หมั่นสังเกตความคิด หมั่นมองตนบ่อย ๆ เราจะรู้ทันอารมณ์ได้เร็วขึ้น และไม่เปิดโอกาสให้มันครองใจเรา หรือบงการชีวิตของเราไปตามอำนาจของมัน

เสียงธรรมรับอรุณจากหลวงพ่อไพศาล วิสาโล
ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลดได้เลย
https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16589 เมื่อ: 17 สิงหาคม 2560, 13:19:26 »



สวัสดี ทุกท่านครับ

ชีวิตทุดวันนี้ อยู่ลำบาก!

ที่อยู่ลำบากเพราะ มีแต่คนคิด จะให้โน่น ทำนี่ ให้กินนั่นกินนี่ ...มากมาย เขาคิดว่าเราคิดเหมือนเขา! ทั้งที่เราไม่ได้คิด  ชีวิตจึงมีแต่คนคิดบงการให้  ทั่งๆ ที่เราก็ระวังตนเอง  ระวังจิตตนเอง ไม่ให้หลง ไม่ให้ไหลไปกับความคิดตนเอง

แต่ความคิดคนอื่น ที่ต้องมาเอาเราไปเกี่ยวข้องนี่ซิ  เราสงบ ก็หาว่าหยิ่ง จองหอง  ไม่ยอมรับความช่วยเหลือ ดูแล  พาลโกรธเราเอา ทั้งที่เพียรบอก อย่ามาห่วงเลย  ดูแลตนเองได้ทุกเรื่อง ไม่ได้หลงอยู่ในความคิด หลงอยู่ในความอยากทั่งหลาย ที่เกิดขึ้น  บางคนคิดทำโน่น ทำนี่ เพื่อสังคม แต่สุดท้ายก็มาลงที่เราให้ช่วย  เขาลืมไปว่าเราก็คิดได้  แต่ไม่คิด คิดไปทำไม คิดทีไรก็มีแต่ ตัวกู  ของกู สู้ดูจิตมันคิดง่ายกว่า เห็นมันคิดด้วยสติ แต่ไม่ทำตามมัน เดี๋ยวมันก็เลิกคิด เพราะจิตมันกลัวสติ คือธาตุรู้ ที่ไม่มีตัวกู ของกู

ชีวิตในสังคม จึงอยู่ยากสำหรับผมเสียแล้ว ทั้ง ๆ ที่ระวังตนเอง ดูใจตนเองไม่ให้เผลอเข้าไปในความคิด แต่ความคิดของคนอื่น ล้วนนำทุกข์มาให้โดยแท้ บอกไปก็เท่านั้น ได้แต่นิ่ง ดีกว่า

ทำให้ดูดีกว่า  นี่ละที่ครูทั้งหลายพูดเอาไว้เสมอ "มีธรรมเสมอกัน"  จึงจะอยู่ร่วมกัน คุยกันได้ เพราะเข้าใจตรงกัน
คนอื่นเขาไม่เข้าใจเรา ไม่รู้จักความคิด  เพราะหลงในความคิดมาตลอดชีวิต
ถือว่าเป็นกรรม ก็แล้วกัน รักษาใจตนเองด้วยสัมมาสติ เข้าไว้ ดำรงอยู่ในมรรคมีองค์ ๘

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16590 เมื่อ: 17 สิงหาคม 2560, 13:23:42 »

ความรู้สึกตัว
สอนกันไม่ได้
มีแต่ทำเอาเอง

คำพูด ไม่ใช่ความรู้สึกตัว
ต้องประกอบเอาเอง
มีสติไป กับกาย
เอากายผลิตความรู้สึกตัว

ความรู้สึกตัว เป็นหนทาง
ไปสู่สัมมาทิฎฐิได้ตรง
ใช้กาย ใช้จิตใจ ผลิตความรู้สึกตัว
ให้มากเท่าที่จะมากได้

เก็บเอาความรู้สึกตัวจากกาย
เช่นเดินจงกรมหน่ึงชั่วโมง
จะเก็บเอาความรู้สึกตัวประมาณ
4,0000 ครั้ง  4,000 รู้
เรามาขยันสร้างตัวรู้นี้
ให้มาก ๆ และ ต่อเนื่อง

อย่านิ่งสงบ ไม่รู้อะไร
ความสงบแบบไม่รู้อะไร
คือความเกียจคร้านของจิตใจ

เราต้อง ขยัน รู้
จนได้เป็น มหา รู้

ขอให้ถือว่าเป็นอาชีพของเรา
เราทำอย่างอื่นสำเร็จมากแล้ว
มีอะไรต่ออะไรมากมาย
เรายังทำได้

หลวงพ่อคำเขียน สุวฺณโณ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16591 เมื่อ: 19 สิงหาคม 2560, 07:37:08 »



จิตผม!

- เช้ามืด จิตมันต้องการให้ผมตื่น เพื่อภาวนา ความคิดมันก็คิดออกมาว่าเรายังต้องทำงาน ต้องนอนต่อ ผมจึงทำตามจิตไม่ทำตามความคิด คือตื่น 04:00 น.
- เมื่อตื่นแล้ว จิตมันก็ขี้เกียจไม่อยากสวดมนต์ทำวัตรเช้า  ผมก็สวดมนต์ทำวัตรเช้า
- เมื่อสวดมนต์ทำวัตรเช้าเสร็จ จิตมันก็คิดให้เปิด internet line ผมก็ไม่ทำตามที่มันคิด ด้วยการภาวนา
- ภาวนาเสร็จฟ้าสางแล้ว จิตมันอยาก เปิด Line ผมก็ไม่ทำตามมัน ออกไปเดินออกกำลังกาย ฝึกชิกง-โยคะ

นี่ละตัวอย่าง จิตของผม ที่มันเต็มไปด้วย ความอยากได้ อยากเอา อยากเป็น ไม่อยากเป็น ไม่อยากทำ
จิตมันชอบคิด.... เราต้องไม่ทำตามที่มันคิด แต่ยังต้องอยู่กับความคิดในการดำรงค์ชีวิต ก็ทำในสิ่งที่สมควรกระทำที่ผู้รู้ทั้งหลายบอกว่าดี คือมีศีล ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ก่อประโยชน์ หรือมรรคมีองค์ ๘ นั่นเอง

การเขียน โพสต์ ก็หลงไปตามความคิดที่อยากจะบอก  แต่มันเป็นประโยชน์ ก็ทำตามที่มันคิด ก็แล้วกัน

สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16592 เมื่อ: 21 สิงหาคม 2560, 16:18:52 »



รู้กาย รู้จิต ด้วยใจที่เป็นกลาง ไม่หลงไปกับความคิดที่ชอบ หรือชัง เพราะมันเป็นตัวกู ของกู

วันนี้วันอาทิตย์  ไปทำบุญอยู่วัด วัดพระนอน ครับ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16593 เมื่อ: 22 สิงหาคม 2560, 05:24:53 »


ขนมตาล คุณเกษร

ธรรมชาติ สร้างให้มนุษย์มีประตูรับรู้เรื่องราว คืออายตนะภายนอก ประกอบด้วยตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ เมื่อมีประตู้รับรู้อารมภ์ เกิดการรู้แจ้งทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เกิดขึ้น ก็เกิดความรู้สึก ชอบ ไม่ชอบ เฉย ๆ ขึ้นมา

เพราะชอบ ไม่ชอบ นั่นคือ การเข้าไปยึดถือในอารมภ์นั้น เป็นตัวตนไปโดยไม่รู้ตัวตั้งแต่แรกเกิด จึงมีการสะสม ตัวตน หรือตัวกู ของกู จนลืมกาย ลืมใจไปเสียสิ้น และหลงไปกับพฤติกรรมของจิต

การภาวนา นั้น เป็นการกลับไปสู่จุด ที่จิตเกิด คือไม่มีตัวกู ของกู มีเพียงรูปกับนาม ในภาษาของพระพุทธองค์

เมื่อท่านภาวนาไป ท่านจะทราบได้เอง แยกรูป แยกนาม เห็นความคิด เห็นอารมภ์ที่เกิดขึ้น เป็นผู้ดู ไม่เป็นผู้เป็นได้ ทุกสิ่งล้วนเกิดขึ้นเป็นธรรมดา และดับลงไปเป็นธรรมดา ขอเพียงมีสติ  รู้สึกตัว  มีธรรม เห็นธรรม ปัญญา มันจะทำให้ไม่หลงไปกับความคิด และอารมภ์ ที่ผัสสะทางอายตนะ ได้ ความสงบ ระงับจากกิเลส ก็เกิดขึ้นได้

อย่สลืม ! ความคิด อารมภ์ปรุงแต่ง มีแต่ความเป็นตัวตน ตัวกู ของกู  นำมาซึ่งการเกิด ในภพใหม่ตลอดเวลา ในวัฏฏสงสาร
ชาตินี้เกิดมา จงทำให้แจ้งซึ่งความจริงอันประเสริฐนี้เถิด จะได้ไม่ต้องเกิดอีก อย่าปล่อยเวลาให้เนิ่นนานไปเลย เพราะเราต้องตาย ตายแล้วก็ไม่รู้ไปไหน?

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Khun28
Full Member
**


ดูกายเห็นจิต ดูคิดเห็นธรรม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2528
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์
กระทู้: 784

« ตอบ #16594 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2560, 11:05:19 »

สวัสดีครับ พี่สิงห์
ไม่ได้เจอกันนาน สบายดีนะครับ
      บันทึกการเข้า
Khun28
Full Member
**


ดูกายเห็นจิต ดูคิดเห็นธรรม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2528
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์
กระทู้: 784

« ตอบ #16595 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2560, 11:06:45 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 19 สิงหาคม 2560, 07:37:08


จิตผม!

- เช้ามืด จิตมันต้องการให้ผมตื่น เพื่อภาวนา ความคิดมันก็คิดออกมาว่าเรายังต้องทำงาน ต้องนอนต่อ ผมจึงทำตามจิตไม่ทำตามความคิด คือตื่น 04:00 น.
- เมื่อตื่นแล้ว จิตมันก็ขี้เกียจไม่อยากสวดมนต์ทำวัตรเช้า  ผมก็สวดมนต์ทำวัตรเช้า
- เมื่อสวดมนต์ทำวัตรเช้าเสร็จ จิตมันก็คิดให้เปิด internet line ผมก็ไม่ทำตามที่มันคิด ด้วยการภาวนา
- ภาวนาเสร็จฟ้าสางแล้ว จิตมันอยาก เปิด Line ผมก็ไม่ทำตามมัน ออกไปเดินออกกำลังกาย ฝึกชิกง-โยคะ

นี่ละตัวอย่าง จิตของผม ที่มันเต็มไปด้วย ความอยากได้ อยากเอา อยากเป็น ไม่อยากเป็น ไม่อยากทำ
จิตมันชอบคิด.... เราต้องไม่ทำตามที่มันคิด แต่ยังต้องอยู่กับความคิดในการดำรงค์ชีวิต ก็ทำในสิ่งที่สมควรกระทำที่ผู้รู้ทั้งหลายบอกว่าดี คือมีศีล ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ก่อประโยชน์ หรือมรรคมีองค์ ๘ นั่นเอง

การเขียน โพสต์ ก็หลงไปตามความคิดที่อยากจะบอก  แต่มันเป็นประโยชน์ ก็ทำตามที่มันคิด ก็แล้วกัน

สวัสดีครับ

พี่สิงห์ ยังออกกำลังกาย ตันเถียน อยู่หรือเปล่าครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16596 เมื่อ: 24 สิงหาคม 2560, 13:05:22 »

สวัสดีครับ ท่านขุน

ยังฝึกชิกง-โยคะ ประจำอยู่ครับ ไม่ละเลย
- นอนหัวค่ำ
- ฝึกชิกง โยคะ
- อาหาร
- ภาวนา

ท่านขุนสบายดี นะครับ พี่สิงห์ เป็นปกตืดี ครับ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16597 เมื่อ: 25 สิงหาคม 2560, 07:22:39 »



อาหารเช้า เป็นปกติแบบนี้ ทุกครั้ง ทุกวัน ที่มานอนโรงแรมทวินโลตัส นครศรีธรรมราช
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16598 เมื่อ: 25 สิงหาคม 2560, 07:33:25 »



อาหารเป็นปัจจัยหลักในการดำรงชีวิต ที่จะให้ห่างไกลโรคเรื้อรัง ความดัน เบาหวาน หลอดเลือด และหัวใจ

พี่สิงห์ กินทุกอย่างที่เป็นประโยชน์ และจำเป็นสำหรับร่างกาย ซึ่งกายมันจะบอกเองว่าต้องกินอย่างไร ? ถ้าไม่หลงในความคิด จะเห็นความต้องการของกายได้ ถึงกายจะรับรู้ไม่ได้ทางอารมภ์ แต่กายสามารถแสดงออกมาให้ทราบได้

พี่สิงห์  ไม่มีคนทำอาหารให้กิน  แต่ถ้าเลือกได้  ก็จะเลือกทันที ที่มีประโยชน์ เช่นตามโรงแรม ร้านอาหาร  และไม่ได้จ่ายเงินเองด้วย แต่ก็กินของธรรมดา ราคาไม่แพง ไม่สนใจความอร่อยเลย

แต่ถ้าในชีวิตปกติ ก็กินตามสภาพที่จะหากินเองได้ สะอาด ร่างกายต้องการ และไม่แพง  ไม่มีการเก็บอาหารในตู้เย็นเกินหนึ่งวัน เพราะถ้าเกินเชื่อว่าจะมีเชื้อราในอาหารปนเปื้อนได้ จึงไม่กิน ทิ้งหมด

กินอาหารให้เป็นยา
- กิน ๒ มื้อ เช้า และเพล
- กินในปริมาณที่ไม่มากเกินไป คือไม่ให้อิ่ม
- กินแล้วพยายามเดิน
- กินของสด ร้อน ใช้ช้อนกลาง กรณีที่กินกับคนอื่นด้วย
- กินให้หลากหลาย ครบ ๕ หมู่ และสะอาด

รระวังตนเอง จนพนักงานเขาต้องปรับตัวเข้ามาหาเรา ในการกินอาหาร และจะไม่เลือกร้านอาหารเอง แต่พนักงานจะเข้าใจเองว่าควรไปกินข้านร้านไหน?

สวัสดี

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16599 เมื่อ: 25 สิงหาคม 2560, 08:39:54 »



วันนี้ โชคดี!
พนักงานไปซื้อส้มโอทับทิมสยาม ปากพนัง มาให้รับประทาน
เป็นส้มโอที่แพงมาก ลูกละ 400-500 บาท
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 662 663 [664] 665 666 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><