29 พฤษภาคม 2567, 12:34:19
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 6 7 [8] 9 10 ... 36  ทั้งหมด   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: ++ Blog Tag ++  (อ่าน 309271 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
nuihahey
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #175 เมื่อ: 23 เมษายน 2550, 08:30:00 »

อ่านของพี่ๆ แต่ละคนแล้ว ไม่กล้าเขียนเลยแฮะ สุดยอดมาก อีกทั้งพอดีช่วงนี้ติดสอบด้วย ไว้หลังสอบจะมาเขียนแล้วกันนะ มะดี
บันทึกการเข้า
MahDee
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,081

« ตอบ #176 เมื่อ: 23 เมษายน 2550, 08:32:03 »

อ้างจาก: "nuihahey"
อ่านของพี่ๆ แต่ละคนแล้ว ไม่กล้าเขียนเลยแฮะ สุดยอดมาก อีกทั้งพอดีช่วงนี้ติดสอบด้วย ไว้หลังสอบจะมาเขียนแล้วกันนะ มะดี


รออ่านอยู่เด้อ สอบเสร็จรีบ ๆ มาเขียนนะ เราจะได้รู้จักกันมากขึ้น รู้สึกตอน ป.โท อยู่ห้องตรงข้ามกันเลย แต่ไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ทำความรู้จักกัน  :lol:  :lol:
บันทึกการเข้า

RCU 2541>> ปะกาโด่ง 81
----------------------------
http://www.facebook.com/MrMahD
iamfrommoon
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2535
คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 8,396

เว็บไซต์
« ตอบ #177 เมื่อ: 23 เมษายน 2550, 09:25:51 »

อ้างจาก: "pexchula"
เพิ่งได้รู้จักเว็บซีมะโด่งเมื่อไม่นานนี้เองคับ ต้องขอขอบคุณพี่ปุ๊กกี้ (บัญชี 35 พี่จังหวัด แต่รู้จักกันเพราะค่ายหอมากกว่า ก่อนหน้านั้นไม่เคยรู้จักกันมาก่อนคับ) ที่ชักชวนให้รู้จักเว็บบอร์ดซีมะโด่งนี้ ถึงแม้เบื้องหลังของการแนะนำ อาจจะไม่เหมาะที่จะเปิดเผย ณ ที่นี้ ก็ขอเก็บเอาไว้เป็นความลับระหว่างผมกะพี่ปุ๊กกี้ละกันนะคับ

3. จะเรียกว่า ไม่กล้าก็ใช่คับ ชอบอยู่ข้างหลังมากกว่าที่จะออกหน้า รักที่จะเป็นผู้ให้การสนับสนุน มากกว่าที่จะเป็นผู้นำคับ เลยทำกิจกรรมอยู่บ้างตามคำเชิญชวนของเพิ่อนๆ พี่ๆ ก็คงจะไม่มากเหมือนเพื่อนๆ น้องๆ คนอื่น ตอนปี 1 ก็เล่นบอลเฟรชชี่อยู่คณะหอ พลาดท่า เสียทีให้กับคณะรัดสาด ก็เลยได้แค่ที่สามกลับมา ไปค่ายหอที่เชียงราย เมื่อตอนปี 1 ขึ้นปี 2 อยู่แค่อาทิตย์เดียวมั่ง ถ้าจำไม่ผิด แล้วก็หนีลงมาเที่ยวเชียงใหม่หนึ่งคืน ก่อนกลับมาที่กทม พี่ปุ๊กกี้คงตอบได้ว่า มันส์แค่ใหน แล้วก็เป็นประสบการ์ที่น่าประทับใจแค่ใหน (รบกวนขยายต่อด้วยนะคับ)


ครบ 5 ข้อแล้ว ท้ายที่สุดนี้ ก็หวังว่า ได้เล่าเรื่องราวของตัวเองเพื่อเป็นการแนะนำตัวในเว็บบอร์ดนี้ให้กับทุกคนที่ได้อ่านนะคับ ก็ขอฝากเนือ้ฝากตัวด้วยคับ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนคับ คงไม่ค่อยได้มาอ่านกระทู้มากเท่าไหรนัก เพราะฉะนั้น อย่าแช่งให้เกิดอะไรขึ้นเลยนะคับ เอาเป็นว่า จะเข้ามาตอบ(หากมีคนถาม) ตามเวลาที่มีแล้วกันคับ

น้องเป๊ก เพื่อนเป๊ก แล้วก็พี่เป๊ก


Pex ฮับ...พี่ได้อ่านเรื่องของเราแล้วทำให้รู้จักเป๊กมากขึ้น...หลังจากที่ห่างหายจากการติดต่อกันหลายปี เอาเป็นว่า ตั้งแต่พี่จบละกัน อิอิ...ดีใจครับที่เป๊กกลับมาอีกครั้ง ว่าแต่ว่า...กระจายไปรุ่น 77 ด้วยนะครับ จะได้ตั้ง Forum 77 น้องบุค, เอ็ม เคยมาคุยในบอร์ด พอมันล่มรุ่น 77 ก็ gone with the wind ไปเลย :cry:  :cry:

ปล.ตรงส่วนขยายแอบหนีลงจากเชียงราย ต้องไปอ่านใน Forum ห้องค่ายค่ะ...ปุ๊กกี้ไปรื้อฟื้นที่นั่น ตามไปอ่านได้ที่นี่เลย.."ค่ายเก่าเอามาเล่าใหม่เมื่อ 10 ปีผ่านไป" http://www.cmadong.com/community/board/viewtopic.php?t=93

ปล.2 ฮับ.."ความลับ"ๆๆๆ  :wink:


 :lol:  Cool  Cool  :lol:
บันทึกการเข้า

@@ธรรมชาติสร้างความขัดแย้ง เพื่อให้คนเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ดียิ่งขึ้น@@@

iamfrommoon
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2535
คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 8,396

เว็บไซต์
« ตอบ #178 เมื่อ: 23 เมษายน 2550, 09:46:10 »

อ้างจาก: "suriya2513"
ข้อ 2. ความภูมิใจในวัยเยาว์

อาศัยว่าลมกลางทุ่งนั้นคงแรงพอควร ประกอบด้วยฝีเท้าของผมวิ่งต้านลม ลากจูงว่าวอย่างทรหดอดทนว่าวก็ลอยขึ้นไปได้สูงประมาณระดับหลังคาบ้านเท่านั้นเอง พอหมดแรงวิ่งมันก็ตกลงมา...
และคาดว่าคงจะพังไปในที่สุด ในวันเดียวนั้นเลย

ผมจำเหตุการณ์ครั้งนั้นไม่ได้หรอกครับ (ก็เด็กสี่ขวบกว่าๆ จะไปจำอะไรได้) แต่ที่นำมาเล่าได้เป็นตุเป็นตะเพราะแม่เก็บมาเล่า ให้คนทุกคนที่แม่รู้จักฟัง ด้วยความภูมิใจในลูกชายของตัวเอง เข้าหูผมอยู่ทุกบ่อยๆ

เหตุการณ์ครั้งนั้นได้ทำนายอนาคตของเด็กชาย สุริยา ทัศนียานนท์ ไว้อย่างชัดเจนยิ่งกว่าลูกแก้วยิปซีอีกว่า
"เด็กคนนี้โตขึ้นจะเป็นคนเก่ง แต่จะเก่งเฉพาะเรื่องไร้สาระ...เท่านั้น"


ขอบคุณนะคะที่พูดถึงเรื่อง "ว่าว" ทำให้นึกถึงว่า ตอนตัวเองเด็กๆ ชอบเล่นว่าวกับเด็กผู้ชายแถวบ้าน สมัยนั้นแม่ไม่ชอบมากๆๆ เพราะบอกว่า เป็นของเด็กผู้ชาย เคยเก็บเงินซื้อตัวละตั้ง 20 บาทแน่ะ เป็นผีเสื้อตัวใหญ่สวยมากกกกกกกกกกก แอบซื้อมา กะจะไปวิ่งที่ทุ่งศรีเมือง แต่แล้วแม่เจอ...วันนั้นแม่เอามาหักเลย...ครั้งนั้นฝังใจสุดๆ...แต่แม่ก็เสียใจมากนะคะ หลังจากที่เห็นลูกร้องไห้แบบสุดๆ เหมือนกัน...แล้วแถวบ้านจะมีคนหนึ่งทำ "ว่าวจุฬา" และ "ว่าวดุ๊ยดุ่ย" มืออาชีพ เขามีอาชีพปั่นสามล้อ แต่ด้านว่าวนี่หาตัวจับยากส์ ชอบว่าวจุฬา และผูกพันกับจุฬามาตั้งแต่เด็กค่ะ...ไม่นึกว่า หลายปีผ่านไป "จะได้เข้าจุฬา" ฮ่าๆๆ เกี่ยวมั้ยเนี่ย

มาขอบคุณทุกๆ Blog TAG ที่มาตอบ...พี่แอ๊ะ พี่หนิง และอีกหลายๆ คนที่ IN ไปด้วยกันค่ะ... Cheesy

ชาร์ปครับ...
ดีใจด้วยนะที่สามารถผ่านพ้นปัญหาไปด้วย เป็นกำลังใจให้เสมอ  Shocked

บันทึกการเข้า

@@ธรรมชาติสร้างความขัดแย้ง เพื่อให้คนเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ดียิ่งขึ้น@@@

หลิม 81
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,840

« ตอบ #179 เมื่อ: 23 เมษายน 2550, 09:48:25 »

อ้างจาก: "dnopista"
อยากให้ช่วย ...มาtag...มาtag...ฉันที
                   ...มาtag...มาtag...ฉันที
                    ฉันเหงารอนานแล้ว......
         ช่วย ...มาtag...มาtag...ฉันที
                   ...มาtag...มาtag...ฉันซักที
                   ....ฉันทอด"ปลาวาฬ"ให้แล้ว...
                                       

                                 บางส่วนจากเพลง"tag...ฉันที"
                                        ศิลปิน  แง็ก  มะละกา


กรูขอใช้สิทธิ์นั้นเดียวนี้ ยกเลิกไอ้แต่งออกไป คาดว่ามันคงไม่มา..เอาเป็นมรึงนะแหละไอ้คุณปอนด์..รายมาซะดี ๆ 5 ข้อ
บันทึกการเข้า

@ ปีนี้ปีของผม @
หลิม 81
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,840

« ตอบ #180 เมื่อ: 23 เมษายน 2550, 09:50:35 »

อ้างจาก: "MahDee"
อ้างจาก: "nuihahey"
อ่านของพี่ๆ แต่ละคนแล้ว ไม่กล้าเขียนเลยแฮะ สุดยอดมาก อีกทั้งพอดีช่วงนี้ติดสอบด้วย ไว้หลังสอบจะมาเขียนแล้วกันนะ มะดี


รออ่านอยู่เด้อ สอบเสร็จรีบ ๆ มาเขียนนะ เราจะได้รู้จักกันมากขึ้น รู้สึกตอน ป.โท อยู่ห้องตรงข้ามกันเลย แต่ไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ทำความรู้จักกัน  :lol:  :lol:


อย่าไปเชื่อมันมะดี..ไอ้หนุ่ยมันอ้าง.. :x เค้าไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องที่เป็นเกียรติกับวงศ์ตระกูลก็ได้..เืรื่องที่มรึงทำอับอายไ้ว้ก็ได้...กรูอยากรู้  Cool
บันทึกการเข้า

@ ปีนี้ปีของผม @
iamfrommoon
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2535
คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 8,396

เว็บไซต์
« ตอบ #181 เมื่อ: 23 เมษายน 2550, 09:52:42 »

อ้างจาก: "rs_oman"
เย็นนี้ก้อจะบินกลับเมืองไทยแล้ว ต่ออีกตอนละกัน

part 3 (ถ้าเป็นหนังตำนานสมเด็จพระนเรศวร ก้อจบภาคนี้แหละ)

3. มัธยมปลายก่อนเข้ามหา 'ลัย

จบ มศ. 3 แล้วก้อหมดทุนพอดีเพราะให้แค่ 6 ปี เลยคิดว่าจะสอบครูตำบลดีกว่า (หนึ่งตำบลให้หนึ่งทุนเรียนครู จบมาไม่ต้องสอบบรรจุ แต่ต้องกลับไปสอนที่บ้าน) โชคไม่ดีมาเยือนเมื่อรัฐบาลยกเลิกทุนครูตำบลในปีนั้นพอดี เลยเก็บข้าวของออกจากวัดกลับบ้าน จนโรงเรียนเปิดเทอมไปแล้ว 2 อาทิตย์ ครูแนะแนวมาตามที่บ้านให้ไปเรียนต่อมัธยมปลาย เพราะเสียดายฝีมือ (เข้าข้างตัวเองอีกแล้ว) และสัญญาว่าจะหาทุนให้อีก เลยได้กลับไปเรียนด้วยทุนของกระทรวงศึกษาธิการอีกรอบ และก้อยังอยู่ที่วัดเหมือนเดิม   พอเรียนมัธยมปลายก้อเริ่มทำอะไรให้มันเหมือนวัยรุ่น (สมัยนั้น) หน่อย ได้ตระเวนชกมวยไทยแถวๆๆ ละแวกนั้นและจังหวัดใกล้เคียง (จริงๆๆแล้วเริ่มตั้งแต่ มศ. 2 แล้ว แต่ไม่จริงจัง) พอมีชื่อเสียงบ้างและก้อได้ค่าเหนื่อยพอสมควร อีกอย่างชนะมา สาวๆๆ กรี๊ดดด ตรึม เลยได้ใจ แต่ไม่เคยใช้ประโยชน์จากการถูกกรี๊ดเลย เพราะเป็นคนขี้อายมาก ไม่กล้าแม้กระทั่งคุยกับผู้หญิง (ยังนึกเสียดายย้อนหลังอยู่เนี่ย) มาเลิกตอน มศ. 5 เทอมปลายเพราะเตรียมสอบเข้ามหา'ลัย  ตอนอยู่ มศ. 5 เคยเป็นประธานนักเรียนและโดนทำโทษ (อย่างหนัก) หน้าเสาธง และจะโดน ผอ. เชิญออก (จริงๆๆ คือไล่ออกนั่นแหละ) ด้วยข้อหานำนักเรียนประท้วงเรื่องการสร้างและตรวจรับอาคารเรียนอย่างไม่โปร่งใส  ก้อได้ครูแนะแนวคนเดิมที่ไปตามที่บ้านนั่นแหละมาช่วยไว้ โดยรับประกันว่าผมนิสัยดี ไม่เกเร เรียนดี (มาก, อันนี้คืดเอาเอง) ถ้าเชิญออก อาจจะไม่มีใครเอ็นท์ติด (จริงๆๆ แล้วคงมีแหละ) นั่นแหละถึงได้อยู่รอดจนจบมัธยมปลาย แล้วก้อเอ็นท์ได้โควต้าของ ม. ขอนแก่น, โครงการช้างเผือกของธรรมศาสตร์ (รัฐศาสตร์) และก้อของจุฬา (วิทยาศาสตร์) ในตอนนั้นจริงๆๆ แล้ว อยากเป็นนายอำเภอมากกว่า เลยคิดว่าจะเรียน รัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ แต่พ่อนะสิ ไม่รับรู้อะไรเลยนอกจากให้ผมเลือกจุฬา เท่านั้น อย่างอื่นไม่รับฟัง พ่อบอกแต่ว่าจุฬา ดี นั่นแหละถึงได้หิ้วกระเป๋า (ใบเดียว) นั่งรถ (ไฟ) ด่วนสายอุบล-กรุงเทพ เข้าเมืองกรุง เพื่อมาแสวงหาความฝัน (ของพ่อ) และก้อเป็นการเข้ากรุงเทพครั้งแรก เมื่อเกือบๆๆ 25 ปีที่แล้ว

ตอนต่อไป ชีวิตในรั้วจามจุรีและซีมะโด่ง


พี่ Rs_oman อ้าวไม่ใช่ Lord of the Ring เหรอคะ อิอิ..
จะว่าไปน้องก็เป็นอีกคนที่เป็นญาติพี่นะเนี่ย...ตา ยาย และแม่ เป็นคนอ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ อำเภอที่ติดเขาพระวิหาร...สงกรานต์ก็ไปทำบุญหาตากับยายทุกปีค่ะ...จะบอกว่า ที่ศรีสะเกษน่ะ มีสวนทุเรียน เงาะ ลิ้นจี่ ด้วยนะคะ...เพราะบ้านญาติน้องได้เป็นเกษตรกรดีเด่นเมื่อหลายปีมาแล้ว...เดือนก.ค.ทีไรแม่จัดทริปกินทุเรียนที่สวนทุกทีเลยค่ะ...เขาว่า อร่อยกว่าแถวจันฯ กับระยองอีกน้า...เคยไปกินหรือยังคะ
:wink:

 :lol:  Cool  :lol:
บันทึกการเข้า

@@ธรรมชาติสร้างความขัดแย้ง เพื่อให้คนเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ดียิ่งขึ้น@@@

Charin07
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 123

« ตอบ #182 เมื่อ: 23 เมษายน 2550, 14:18:45 »

:)  :) I am following closely Nong Janphen's and N' Party's interesting life stories. Looking back to the good old days, you two should be proud of your success today, while the much much brighter futures are still waiting for you yet. As for N' Janphen, the gifted artist, there are some aspects of your past life were similar to that of mine; just wait for a while, I will relate my story for RCUs to feel pitty for me.  Sad  Sad
บันทึกการเข้า
party
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,875

« ตอบ #183 เมื่อ: 23 เมษายน 2550, 14:23:27 »

อ้างจาก: "Charin07"
:)  :) I am following closely Nong Janphen's and N' Party's interesting life stories. Looking back to the good old days, you two should be proud of your success today, while the much much brighter futures are still waiting for you yet. As for N' Janphen, the gifted artist, there are some aspects of your past life were similar to that of mine; just wait for a while, I will relate my story for RCUs to feel pitty for me.  Sad  Sad


I'm looking forward to reading P'Charin's life stories naka.  Cheesy  Cheesy
บันทึกการเข้า

http://happinessparty.multiply.com/
<embed src=\\\"http://images.multiply.com/multiply/horizontal-headshot-badge.swf\\\" type=\\\"application/x-shockwave-flash\\\" wmode=\\\"transparent\\\" FLASHVARS=\\\"user_id=happinessparty&enc=U2FsdGVkX1.XgxV7rEZX6q1u2Jyr2y9bKY8Amx,Hc,GTybsHCwE8.8sOCJWnoHQj
Hong82
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #184 เมื่อ: 23 เมษายน 2550, 14:42:36 »

อ้างจาก: "webmaster"
เห็น request กันมาหลายคนแล้วว่าควรแก่การรวมเล่ม...(ขายในงานคืนสู่เหย้าหุหุ)
 :wink: ดังนั้น ขออาสาสมัคร ghost writer หน่อยคะ ตอนนี้ วอมอ ค่อนข้างยุ่งขิงค่ะ
Cheesy


ยกมือให้อีก 1 เสียง ที่อยากให้มีการรวมเล่มค่ะ....ทุกเรื่อง...ทุกชีวิต ล้วนแต่ให้ข้อคิดที่ดีทั้งนั้นเลยค่ะ Cheesy  Cheesy
บันทึกการเข้า
Charin07
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 123

« ตอบ #185 เมื่อ: 23 เมษายน 2550, 15:52:49 »

:idea: Thank you for your encouraging words, N'Party. At first, I thought I'd better wait until I finish reading other people's first, but I have changed my mind now. However, please give me some more time to thing how to start. By the way, I just finished reading N'Krongon's, N'Aeh Prapasri and N'Phai's stories; all of them are well written and should be reprinted in a book for all Cmadongs to read. Cheesy  Cheesy
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #186 เมื่อ: 23 เมษายน 2550, 15:53:08 »

อ้างจาก: "nuihahey"
อ่านของพี่ๆ แต่ละคนแล้ว ไม่กล้าเขียนเลยแฮะ สุดยอดมาก อีกทั้งพอดีช่วงนี้ติดสอบด้วย ไว้หลังสอบจะมาเขียนแล้วกันนะ มะดี

do you know how lucky to have many chances to read the story of the others before you get start...turn to the first pages you will see...how the story develope....do it now or you will postpone on and on...I will wait for your story...
p.nn
บันทึกการเข้า


ชาร์ป
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,119

« ตอบ #187 เมื่อ: 23 เมษายน 2550, 15:59:46 »

รอสักพัก เก็บรวบรวมเข้า สารซีมะโด่ง น่าจะดีครับ

ค่อย ๆ สะสม ไปเรื่อย ๆ ครับ  จะได้มีคนติดตามสารซีมะโด่ง และเก็บไว้เป็นที่ระลึกครับ

รอเวลา หลาย ๆ เล่ม เข้า ก็รวมเล่มแจก หรือ จำหน่ายหาทุน ในงานคืนสู่เหย้า ..

เวลา ผ่านไป หลายคนคงมีเรื่องราวที่ผ่านที่เจอ ... และอยากเล่าสู่กันฟัง

ก็จะมีเรื่องราวสะสมไปเรือย ๆ ไม่มีทางหมด จนกว่าคน โพสต์ จะหมดแรงก่อนน่ะครับ ...

เสนอเป็น idea ... ครับ Shocked
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #188 เมื่อ: 23 เมษายน 2550, 16:02:30 »

Dear P.Charin ka,
I am so curious waiting for reading your story.please get start part one..you have 5 and more to write ka.
if not ..nungning will supplement her story...
nongning27
บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #189 เมื่อ: 23 เมษายน 2550, 16:04:02 »

อ้างจาก: "ชาร์ป"
รอสักพัก เก็บรวบรวมเข้า สารซีมะโด่ง น่าจะดีครับ

ค่อย ๆ สะสม ไปเรื่อย ๆ ครับ  จะได้มีคนติดตามสารซีมะโด่ง และเก็บไว้เป็นที่ระลึกครับ

รอเวลา หลาย ๆ เล่ม เข้า ก็รวมเล่มแจก หรือ จำหน่ายหาทุน ในงานคืนสู่เหย้า ..

เวลา ผ่านไป หลายคนคงมีเรื่องราวที่ผ่านที่เจอ ... และอยากเล่าสู่กันฟัง

ก็จะมีเรื่องราวสะสมไปเรือย ๆ ไม่มีทางหมด จนกว่าคน โพสต์ จะหมดแรงก่อนน่ะครับ ...

เสนอเป็น idea ... ครับ Shocked


one for P.Nungning should be reserved...naka.for the RCU folk from farrrrrr...
p.nn.
บันทึกการเข้า


ป.ปลา
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,100

เว็บไซต์
« ตอบ #190 เมื่อ: 23 เมษายน 2550, 16:13:48 »

ได้เวลา เล่าเรื่องของตัวเองมั่งแล้ว หลังจากนั่งอ่านของพี่ๆ เพื่อนๆ อยู่นาน


ตอนที่ 1
ก่อนอื่นต้องบอกว่าได้อ่าน เรื่องราวของคุณพี่แอ๊ะแล้วชอบมากๆ เลยค่ะ
พี่เล่าเรื่องของบรรพบุรุษของพี่ ทำให้ป.ปลา นึกอยากเล่าบ้าง
(เพราะเรื่องของตัวเองก็ไม่ค่อยมีอะไรมากมายนัก ... ก็ยังเด็กอยู่นี่นา  :oops: )

 Cheesy เริ่มเลยละกันนะคะ
ป.ปลา เป็นคนสุรินทร์มาแต่กำเนิดค่ะ
ต้นบรรพบุรุษก็เป็นคนสุรินทร์ทั้งจากทางคุณพ่อและคุณแม่
แต่จริงๆ แล้วต้นบรรพบุรุษของคุณแม่ที่พอจะค้นลึก เสาะหาเจอนั้นจริงๆ แล้วมาจากเมืองจีนค่ะ
แกเป็นคน แซ่ตั้ง
ไม่รู้ทำไมท่านถึงได้มาอยู่ที่สุรินทร์ก็ไม่ทราบ เห็นว่าท่านทำมาค้าขายในเมืองสุรินทร์อย่างขยันขันแข็ง
จนท่านเจ้าเมืองสุรินทร์(พระยาสุรินทร์ภัคดี) ยกหลานสาวให้
ท่านมีลูกชายสืบหน่อเนื้ออยู่เพียงคนเดียว ซึ่งก็คือพ่อของก๋งของป.ปลาเอง
ป.ปลา เรียกท่านว่าตาหลวง เพราะท่านมียศเป็นหลวง

ตาหลวงเป็นคนขยันค่ะ ท่านมองการณ์ไกล ขนาดที่มาตั้งรกรากบ้านเมืองให้ลูกหลานอีกที่หนึ่ง
(อยู่นอกตัวเมืองสุรินทร์) เพราะท่านเห็นว่าต่อไปเมืองสุรินทร์อาจจะคับแคบและอยู่บนที่ลุ่ม น้ำท่วมบ่อย
ท่านจึงเลือกสร้างหมู่บ้านบนที่ดอน ซึ่งต่างจากชาวบ้านอื่นๆ เพราะท่านเห็นว่าแถบนั้นถึงจะมีน้ำไม่มาก
แต่ก็ไม่เคยขาด ไม่เคยแห้งแล้งจนเกินทำกิน ท่านจึงคิดว่าอยู่ที่ดอนสบายกว่า
เพราะไม่ต้องกังวลกับเรื่องน้ำท่วมน้ำหลาก ซึ่งก็จริงอย่างท่านคิด ผ่านมาเป็นร้อยกว่าปีหมู่บ้านนี้ก็ไม่เคยถูกน้ำท่วมเลยสักครั้ง
ชาวบ้านอื่นๆ เค้าเรียกกลุ่มของตาหลวงที่มาตั้งรกรากอยู่ว่า "ก๊กตาหลวง" เรียกไปเรียกมาตามภาษาเขมร เลยเพี้ยนเป็น "เกาะตลุง" ซึ่งก็เป็นชื่อของหมู่บ้านที่ป.ปลา อาศัยอยู่จนถึงทุกวันนี้

ตาหลวงมีลูก 9 คนค่ะ หนึ่งในนั้นก็คือก๋งของป.ปลา ชื่อก๋งผึ้งค่ะ
สมัยนั้นลูกหลานคนมียศฐาบรรดาศักดิ์มักจะไปร่ำเรียนกันที่จังหวัดเสียมราฐ (เดิมเป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศไทย) ก๋งไปเรียนไม่นานก็กลับมาเพราะคิดถึงบ้าน แถมไม่ยอมไปทำมาค้าขายอยู่ในเมือง ก๋งเลือกที่จะทำนา ปลูกข้าวอยู่กับลูกหลานที่นี่ ญาติๆ บางคน หนีความยากจน ไปอยู่ในเมืองกันหมด แต่ละคนก็ร่ำรวยกันทั้งนั้น (ไหงบ้านเราจนหว่า) ที่ดินส่วนใหญ่ในเมืองสุรินทร์เมื่อก่อนนี้เป็นของญาติป.ปลา กันหมดค่ะ แต่พอเมืองเริ่มเจริญก็บริจาคให้เป็นส่วนของสถานที่ราชการ และสถานที่สาธารณะกันบ้าง ที่เหลือก็ให้เช่า หรือขายบ้างก็มี
มีแต่ก๋งผึ้งนี่แหล่ะค่ะ ที่ไม่ยอมไปไหน ยอมทำนา หากินอยู่ที่หมู่บ้านนี้

ความคิดนี้จึงส่งทอดมายังคุณตา คุณตาเป็นลูกคนกลางของก๋งผึ้งค่ะ
แกได้ร่ำเรียนพอมีวิชาความรู้ติดตัว แต่ก็ไม่ยอมออกไปทำงานที่อื่นเลย
ถางป่า ทำไร่ทำนา อยู่ตลอด แม้แกจะได้เป็นผู้ใหญ่บ้านแล้วแกก็ยังไม่หยุดทำนา
สมัยนั้นยังไม่มีการทำโฉนด ใครขยันถางป่า ทำนาได้มากเท่าไหร่ ก็ได้ครอบครองที่ดินนั้นไปเท่านั้น

คุณตาเป็นคนขยันค่ะ แกก็ทำได้เท่าที่แรงแกมี
แกไม่ได้ร่ำรวยเงินทองอะไร แต่ด้วยความคิดที่มองการณ์ไกล พื้นที่นาของแกส่วนใหญ่
จึงเป็นที่ติดกับทางสายหลัก (เดี๋ยวนี้เป็นทางหลวงแผ่นดิน) ซึ่งส่งผลมายังลูกหลานของแกจนถึงทุกวันนี้ คนอื่นๆ ลูกเยอะ ก็ช่วยกันถางป่าได้มากกว่าแต่ส่วนใหญ่อยู่ลึกเข้าไปไกลโข

คุณตาชื่อ "เซ่งล้ง" แต่ในสำมะโนครัว เพื่อความสะดวกสำหรับเจ้าหน้าที่
ชื่อจึงถูกเปลี่ยนเป็นสิงห์ลง ป.ปลา ชอบชื่อคุณตามากๆ เท่ห์ดีค่ะ  Cheesy
ต่อมาคุณตามาแต่งงานกับคุณยาย ซึ่งเป็นหลานสาวของเจ้าเมืองศีขรภูมิ (ตอนนี้เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดสุรินทร์) ถึงจะเป็นถึงหลานสาวเจ้าเมืองแต่คุณยายก็ไม่มีอะไรติดตัวเลย

กลายเป็นว่าจน (เงินทอง) ทั้งคู่  :cry:
ทั้งสองคนจึงต้องช่วยกันทำมาหากิน
แต่พื้นที่แถบนั้น ไม่ได้มีน้ำมีปลา อุดมสมบูรณ์ เหมือนภาคอื่นๆ ของประเทศไทย
ส่วนใหญ่อาชีพก็คือการทำนา

ทำนาสมัยก่อนไม่เหมือนสมัยนี้ ต้องอาศัยแรงคนแรงควายเท่านั้น ควายจึงเป็นสัตว์ที่มีค่ามากๆ
คุณยายเคยเล่าว่าเมื่อก่อนมีโจรมาปล้นควายชาวบ้านเยอะมาก
(ใครนึกไม่ออกให้นึกถึงเรื่องนายฮ้อนทมิฬ หรือ คน ไฟ บิน เข้าไว้)
ครั้งหนึ่งที่บ้านเคยถูกขโมยควายไปทั้งคอก คุณตากับคุณยายต้องเดินเท้าตามโจร
ไปจนถึงบริเวณทุ่งกุลา จึงตามควายคืนมาได้  :shock:

คุณตาคุณยาย มีลูกด้วยกัน 6 คน คุณแม่ป.ปลา เป็นลูกคนที่ 3
เพราะความยากจน พอคุณแม่เรียนจบประถม 4 คุณยายก็ขอให้คุณแม่หยุดเรียน 1 ปี
เพื่อมาช่วยที่บ้านทำนา

แต่พอผ่านไป 1 ปี แล้วคุณแม่ก็ไม่ได้เรียน ยิ่งนานวันเข้า คุณแม่ก็ตระหนักว่า
คุณตาคุณยาย คงไม่ยอมส่งแม่กลับไปเรียนแน่นอน
 
ทั้งที่ลูกๆ คนอื่นๆ ของคุณตาได้ร่ำเรียนจนได้เป็นครูกันทุกคน
มีเพียงคุณแม่ของป.ปลา คนเดียวค่ะ ที่ไม่ได้เรียนต่อ
ได้แต่ทำนา เลี้ยงคนในบ้าน ไปวันๆ เท่านั้น

คุณแม่เห็นว่าเป็นอย่างนี้อีกหน่อยไม่ดีแน่ จึงคิดอยากเรียนสายอาชีพ
แต่คุณแม่ไม่มีเงิน คุณแม่ทำนาให้คุณยายทุกปี แต่ยายไม่เคยให้ข้าวคุณแม่ไว้ขายหรือเก็บไว้เลย
แม่เลยอาศัยเก็บเมล็ดข้าว หรือรวงข้าวที่ตกหล่นตามทางเกวียนมาสะสม จนได้ 1 กระเชอ (1 ถัง) แล้วก็เอาไปขาย ทำนาเสร็จก็รับจ้างสอยเสื้อผ้า ถักโครเชร์ มัดหมี่ หรือแม้แต่ต้มเหล้าเถื่อน
จนมีเงินไปสมัครเรียนตัดเย็บเสื้อผ้า

พอคุณแม่เรียนจบ ก็อยากจะมีจักรเป็นของตัวเอง แกเลยขอข้าวคุณยาย 1 เกวียนเพื่อนจะไปขาย
แล้วนำมาซื้อจักร แต่คุณยายไม่ยอม
คุณตาเลยแอบเอาข้าว 1 เกวียนที่ได้จากการเก็บค่าเช่านามาขายให้แม่ และซื้อจักรให้
เดี๋ยวนี้จักรตัวนั้นก็ยังอยู่ และแม่ก็ใช้เย็บผ้ามาตลอดไม่เคยเปลี่ยน
บันทึกการเข้า
party
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,875

« ตอบ #191 เมื่อ: 23 เมษายน 2550, 16:15:03 »

อ้างจาก: "ป.ปลา (Miss)"
ได้เวลา เล่าเรื่องของตัวเองมั่งแล้ว หลังจากนั่งอ่านของพี่ๆ เพื่อนๆ อยู่นาน


ตอนที่ 1
ก่อนอื่นต้องบอกว่าได้อ่าน เรื่องราวของคุณพี่แอ๊ะแล้วชอบมากๆ เลยค่ะ
พี่เล่าเรื่องของบรรพบุรุษของพี่ ทำให้ป.ปลา นึกอยากเล่าบ้าง
(เพราะเรื่องของตัวเองก็ไม่ค่อยมีอะไรมากมายนัก ... ก็ยังเด็กอยู่นี่นา  :oops: )

 Cheesy เริ่มเลยละกันนะคะ
ป.ปลา เป็นคนสุรินทร์มาแต่กำเนิดค่ะ
ต้นบรรพบุรุษก็เป็นคนสุรินทร์ทั้งจากทางคุณพ่อและคุณแม่
แต่จริงๆ แล้วต้นบรรพบุรุษของคุณแม่ที่พอจะค้นลึก เสาะหาเจอนั้นจริงๆ แล้วมาจากเมืองจีนค่ะ
แกเป็นคน แซ่ตั้ง
ไม่รู้ทำไมท่านถึงได้มาอยู่ที่สุรินทร์ก็ไม่ทราบ เห็นว่าท่านทำมาค้าขายในเมืองสุรินทร์อย่างขยันขันแข็ง
จนท่านเจ้าเมืองสุรินทร์(พระยาสุรินทร์ภัคดี) ยกหลานสาวให้
ท่านมีลูกชายสืบหน่อเนื้ออยู่เพียงคนเดียว ซึ่งก็คือพ่อของก๋งของป.ปลาเอง
ป.ปลา เรียกท่านว่าตาหลวง เพราะท่านมียศเป็นหลวง

ตาหลวงเป็นคนขยันค่ะ ท่านมองการณ์ไกล ขนาดที่มาตั้งรกรากบ้านเมืองให้ลูกหลานอีกที่หนึ่ง
(อยู่นอกตัวเมืองสุรินทร์) เพราะท่านเห็นว่าต่อไปเมืองสุรินทร์อาจจะคับแคบและอยู่บนที่ลุ่ม น้ำท่วมบ่อย
ท่านจึงเลือกสร้างหมู่บ้านบนที่ดอน ซึ่งต่างจากชาวบ้านอื่นๆ เพราะท่านเห็นว่าแถบนั้นถึงจะมีน้ำไม่มาก
แต่ก็ไม่เคยขาด ไม่เคยแห้งแล้งจนเกินทำกิน ท่านจึงคิดว่าอยู่ที่ดอนสบายกว่า
เพราะไม่ต้องกังวลกับเรื่องน้ำท่วมน้ำหลาก ซึ่งก็จริงอย่างท่านคิด ผ่านมาเป็นร้อยกว่าปีหมู่บ้านนี้ก็ไม่เคยถูกน้ำท่วมเลยสักครั้ง
ชาวบ้านอื่นๆ เค้าเรียกกลุ่มของตาหลวงที่มาตั้งรกรากอยู่ว่า "ก๊กตาหลวง" เรียกไปเรียกมาตามภาษาเขมร เลยเพี้ยนเป็น "เกาะตลุง" ซึ่งก็เป็นชื่อของหมู่บ้านที่ป.ปลา อาศัยอยู่จนถึงทุกวันนี้

ตาหลวงมีลูก 9 คนค่ะ หนึ่งในนั้นก็คือก๋งของป.ปลา ชื่อก๋งผึ้งค่ะ
สมัยนั้นลูกหลานคนมียศฐาบรรดาศักดิ์มักจะไปร่ำเรียนกันที่จังหวัดเสียมราฐ (เดิมเป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศไทย) ก๋งไปเรียนไม่นานก็กลับมาเพราะคิดถึงบ้าน แถมไม่ยอมไปทำมาค้าขายอยู่ในเมือง ก๋งเลือกที่จะทำนา ปลูกข้าวอยู่กับลูกหลานที่นี่ ญาติๆ บางคน หนีความยากจน ไปอยู่ในเมืองกันหมด แต่ละคนก็ร่ำรวยกันทั้งนั้น (ไหงบ้านเราจนหว่า) ที่ดินส่วนใหญ่ในเมืองสุรินทร์เมื่อก่อนนี้เป็นของญาติป.ปลา กันหมดค่ะ แต่พอเมืองเริ่มเจริญก็บริจาคให้เป็นส่วนของสถานที่ราชการ และสถานที่สาธารณะกันบ้าง ที่เหลือก็ให้เช่า หรือขายบ้างก็มี
มีแต่ก๋งผึ้งนี่แหล่ะค่ะ ที่ไม่ยอมไปไหน ยอมทำนา หากินอยู่ที่หมู่บ้านนี้

ความคิดนี้จึงส่งทอดมายังคุณตา คุณตาเป็นลูกคนกลางของก๋งผึ้งค่ะ
แกได้ร่ำเรียนพอมีวิชาความรู้ติดตัว แต่ก็ไม่ยอมออกไปทำงานที่อื่นเลย
ถางป่า ทำไร่ทำนา อยู่ตลอด แม้แกจะได้เป็นผู้ใหญ่บ้านแล้วแกก็ยังไม่หยุดทำนา
สมัยนั้นยังไม่มีการทำโฉนด ใครขยันถางป่า ทำนาได้มากเท่าไหร่ ก็ได้ครอบครองที่ดินนั้นไปเท่านั้น

คุณตาเป็นคนขยันค่ะ แกก็ทำได้เท่าที่แรงแกมี
แกไม่ได้ร่ำรวยเงินทองอะไร แต่ด้วยความคิดที่มองการณ์ไกล พื้นที่นาของแกส่วนใหญ่
จึงเป็นที่ติดกับทางสายหลัก (เดี๋ยวนี้เป็นทางหลวงแผ่นดิน) ซึ่งส่งผลมายังลูกหลานของแกจนถึงทุกวันนี้ คนอื่นๆ ลูกเยอะ ก็ช่วยกันถางป่าได้มากกว่าแต่ส่วนใหญ่อยู่ลึกเข้าไปไกลโข

คุณตาชื่อ "เซ่งล้ง" แต่ในสำมะโนครัว เพื่อความสะดวกสำหรับเจ้าหน้าที่
ชื่อจึงถูกเปลี่ยนเป็นสิงห์ลง ป.ปลา ชอบชื่อคุณตามากๆ เท่ห์ดีค่ะ  Cheesy
ต่อมาคุณตามาแต่งงานกับคุณยาย ซึ่งเป็นหลานสาวของเจ้าเมืองศีขรภูมิ (ตอนนี้เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดสุรินทร์) ถึงจะเป็นถึงหลานสาวเจ้าเมืองแต่คุณยายก็ไม่มีอะไรติดตัวเลย

กลายเป็นว่าจน (เงินทอง) ทั้งคู่  :cry:
ทั้งสองคนจึงต้องช่วยกันทำมาหากิน
แต่พื้นที่แถบนั้น ไม่ได้มีน้ำมีปลา อุดมสมบูรณ์ เหมือนภาคอื่นๆ ของประเทศไทย
ส่วนใหญ่อาชีพก็คือการทำนา

ทำนาสมัยก่อนไม่เหมือนสมัยนี้ ต้องอาศัยแรงคนแรงควายเท่านั้น ควายจึงเป็นสัตว์ที่มีค่ามากๆ
คุณยายเคยเล่าว่าเมื่อก่อนมีโจรมาปล้นควายชาวบ้านเยอะมาก
(ใครนึกไม่ออกให้นึกถึงเรื่องนายฮ้อนทมิฬ หรือ คน ไฟ บิน เข้าไว้)
ครั้งหนึ่งที่บ้านเคยถูกขโมยควายไปทั้งคอก คุณตากับคุณยายต้องเดินเท้าตามโจร
ไปจนถึงบริเวณทุ่งกุลา จึงตามควายคืนมาได้  :shock:

คุณตาคุณยาย มีลูกด้วยกัน 6 คน คุณแม่ป.ปลา เป็นลูกคนที่ 3
เพราะความยากจน พอคุณแม่เรียนจบประถม 4 คุณยายก็ขอให้คุณแม่หยุดเรียน 1 ปี
เพื่อมาช่วยที่บ้านทำนา

แต่พอผ่านไป 1 ปี แล้วคุณแม่ก็ไม่ได้เรียน ยิ่งนานวันเข้า คุณแม่ก็ตระหนักว่า
คุณตาคุณยาย คงไม่ยอมส่งแม่กลับไปเรียนแน่นอน
 
ทั้งที่ลูกๆ คนอื่นๆ ของคุณตาได้ร่ำเรียนจนได้เป็นครูกันทุกคน
มีเพียงคุณแม่ของป.ปลา คนเดียวค่ะ ที่ไม่ได้เรียนต่อ
ได้แต่ทำนา เลี้ยงคนในบ้าน ไปวันๆ เท่านั้น

คุณแม่เห็นว่าเป็นอย่างนี้อีกหน่อยไม่ดีแน่ จึงคิดอยากเรียนสายอาชีพ
แต่คุณแม่ไม่มีเงิน คุณแม่ทำนาให้คุณยายทุกปี แต่ยายไม่เคยให้ข้าวคุณแม่ไว้ขายหรือเก็บไว้เลย
แม่เลยอาศัยเก็บเมล็ดข้าว หรือรวงข้าวที่ตกหล่นตามทางเกวียนมาสะสม จนได้ 1 กระเชอ (1 ถัง) แล้วก็เอาไปขาย ทำนาเสร็จก็รับจ้างสอยเสื้อผ้า ถักโครเชร์ มัดหมี่ หรือแม้แต่ต้มเหล้าเถื่อน
จนมีเงินไปสมัครเรียนตัดเย็บเสื้อผ้า

พอคุณแม่เรียนจบ ก็อยากจะมีจักรเป็นของตัวเอง แกเลยขอข้าวคุณยาย 1 เกวียนเพื่อนจะไปขาย
แล้วนำมาซื้อจักร แต่คุณยายไม่ยอม
คุณตาเลยแอบเอาข้าว 1 เกวียนที่ได้จากการเก็บค่าเช่านามาขายให้แม่ และซื้อจักรให้
เดี๋ยวนี้จักรตัวนั้นก็ยังอยู่ และแม่ก็ใช้เย็บผ้ามาตลอดไม่เคยเปลี่ยน


เฮ้ย...ป.ปลา นี้คือ ข้อ 1 หรือจบเรื่องแล้วเนี้ยะ

 :shock:  :shock:  :shock:
บันทึกการเข้า

http://happinessparty.multiply.com/
<embed src=\\\"http://images.multiply.com/multiply/horizontal-headshot-badge.swf\\\" type=\\\"application/x-shockwave-flash\\\" wmode=\\\"transparent\\\" FLASHVARS=\\\"user_id=happinessparty&enc=U2FsdGVkX1.XgxV7rEZX6q1u2Jyr2y9bKY8Amx,Hc,GTybsHCwE8.8sOCJWnoHQj
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #192 เมื่อ: 23 เมษายน 2550, 16:21:38 »

herr! that is only one part,Nong party..she was still not...born!
waiting for the second...naja Noo Pra.
p.nn
บันทึกการเข้า


iamfrommoon
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2535
คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 8,396

เว็บไซต์
« ตอบ #193 เมื่อ: 23 เมษายน 2550, 16:23:34 »

น้องป.ปลา...ภาพประกอบด้วยค่ะ...ภาพค่ะภาพ  :wink:

พี่หนิงขา...555 ใช่ๆ น้องปลายังไม่ได้เกิดเลยค่ะ รออ่านตอนเกิดอยู่เหมือนกันค่ะ


 :lol:  Cool  :lol:
บันทึกการเข้า

@@ธรรมชาติสร้างความขัดแย้ง เพื่อให้คนเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ดียิ่งขึ้น@@@

suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #194 เมื่อ: 23 เมษายน 2550, 16:31:13 »

เหมือนตอนไปร้องคาราโอเกะนั่นแหละ

ตอนไม่มีใครเริ่มก็เกี่ยงกันร้อง

พอเริ่มไปได้สองสามคน คราวนี้แหละ ฟังไม่ทันเลย
บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #195 เมื่อ: 23 เมษายน 2550, 16:35:21 »

Noo Pookie,
can we(repeat:can we)both supplement our story...back to the time we still not born??or short version is also right?I have three version to supplement in details.. but it would be hard for the reader!!!
p.nn

ps.please turn to room 13 and read my mail for you about new member who is not belongs to RCU(not even know what it is!!)and get my address from here and keep contact to me...I correspone her mail but i told her to get out of register asd it is a close society reserved only for RCU people.
บันทึกการเข้า


Hong82
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #196 เมื่อ: 23 เมษายน 2550, 16:39:29 »

สุดยอดเลยค่ะน้อง ป.ปลา....เยอะๆ อย่างนี้พี่ชอบ ....หนังสือหนังหาไม่ต้องอ่านมันละ....มาอ่าน blog Tag กันดีกว่า Cheesy  อ่าน Blog Tag แล้ว เหมือนได้อ่านหนังสือ ส.ป.ช.เลยค่ะ Cheesy
บันทึกการเข้า
ป.ปลา
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,100

เว็บไซต์
« ตอบ #197 เมื่อ: 23 เมษายน 2550, 16:40:35 »

ตอนที่ 2

คุณแม่เปลี่ยนอาชีพจากชาวนา มาเป็นช่างตัดเย็บเสื้อผ้า
จากที่ต้องเหน็ดเหนื่อยตากแดด ก้มหน้าก้มตาทำนา คุณแม่ก็ไม่ต้องเหนื่อยอย่างนั้นอีกต่อไป

(คุณแม่เป็นภูมิแพ้ค่ะ แพ้แดด แพ้ฝุ่น แพ้สารพัด ตอนนั้นไม่เข้าใจเลยว่าคุณแม่ทนได้ยังไง)

แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังจนอยู่ ยังดีที่ก่อนคุณตาเสีย คุณตาได้ฝากฝังคำประกาศิตไว้ว่าคุณแม่ต้องได้ที่ดินของคุณตามากที่สุด เพราะคุณแม่เป็นคนเดียวที่ไม่ได้เรียน

อ๊ะ  ลืมไปเลย ตอนนี้จะเขียนเรื่องของคุณพ่อคุณแม่นี่นา

เอ้า เข้าเรื่องดีกว่า

เพราะว่าคุณตามีเชื้อสายชาวจีน และคุณยายก็มีเชื้อสายเจ้าขุนมูลนาย
ลูกๆ จึงมีผิวพรรณหน้าตาที่ต่างไปจากคนพื้นเมืองสุรินทร์ทั่วไปที่มักจะมีผิวคล้ำ
ตาคม
โดยเฉพาะลูกสาวของคุณตาที่มีถึง 5 คน (มีลูกชายคนเดียว) ทั้งสวยทั้งขาว หน้าตาพริ้มเพราะจิ้มลิ้มมากๆ (อันนี้ไม่ได้โกหกค่ะ กลับไปดูรูปทีไร แอบอิจฉา น้าๆ ป้าๆ ทุกทีเลย)

แถมคุณตายังเป็นผู้ใหญ่บ้าน
สมัยนั้น เจ้านาย หรือใครๆ จะไปจะมา ก็ต้องแวะที่หมู่บ้านนี้
และบ้านของผู้ใหญ่บ้านเสมอๆ
จึงเป็นที่ร่ำลือว่า ลูกสาวผู้ใหญ่บ้าน บ้านนี้ สวยๆ กันทุกคน

คุณแม่มีคนมาจีบอยู่เสมอค่ะ แต่แกก็ไม่ยอมตกลงปลงใจกับใครสักที
เพราะแกฟังแต่คุณตาคนเดียว คุณตาบอกไม่ แกก็ไม่

ส่วนคุณพ่อ ได้มาเจอกับคุณแม่ ก็เพราะว่าพี่ชายของคุณพ่อและพี่ชายของคุณแม่เป็นเพื่อนสนิทกัน
เมื่อได้ยินคำร่ำลือจากคุณลุงทั้งสอง คุณพ่อจึงของมาชมโฉมคุณแม่กับตาตัวเอง

เจอครั้งแรกคุณพ่อก็ปิ๊ง ปั๊ง นะจังงัง ทันทีเลยค่ะ
แต่ด้วยดีกรีลูกสาวผู้ใหญ่บ้าน คุณพ่อเลยเข้าถูกทาง มาทีไร มาคุยกับคุณตาตลอด
คุณตาชอบใจ ก็เปิดประตูให้ผ่าน

แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้นค่ะ
คุณปู่ น่ะสิคะ กลับไม่อยากให้คุณพ่อแต่งงานกับคุณแม่
ด้วยเห็นว่าเชื้อสาย ต้นตระกูล เป็นเจ้าคนนายคน คุณปู่กลัวว่าแม่จะข่มพ่อเกินไป
เลยยึกๆ ยักๆ ไม่ยอมให้แต่ง
จนแกเสียนั่นแหล่ะค่ะ คุณพ่อจึงมาของคุณแม่และได้แต่งงานกัน

พูดถึงทางฝ่ายคุณพ่อ ท่านเป็นครูจนๆ คนหนึ่ง
ที่เมื่อมาแต่งงานกับแม่ก็ไม่มีอะไรติดตัวเลย (แกมีเพียงอาชีพการงานเพียงอย่างเดียวเท่านั้น)
ทางบ้านของคุณพ่อ จะไม่ให้ทรัพย์สมบัติ กับคนที่ได้ร่ำเรียน
เพราะปู่กับย่าบอกว่า การส่งให้เรียนหนังสือ นั่นคือสมบัติล้ำค่าที่สุดเท่าที่ท่านจะให้กับลูกๆ ได้

เลยกลายเป็นจนกันทั้งคู่อีกแล้วครับท่าน  :cry:

ชีวิตของท่านทั้งสอง เริ่มจากติดลบ คือเป็นหนี้ ตั้งแต่เริ่มแต่งงานกันเลยค่ะ
คุณพ่อกู้เงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครู มาแต่งแม่ แต่งเสร็จก็เตรียมจ่ายหนี้กันเลย

แม่เคยเล่าให้ฟังว่า แรกๆ ต้องให้เงินพ่อไปโรงเรียนวันละ 10 บาท
สมัยนั้นค่ารถไปกลับ บ้าน-โรงเรียนที่พ่อสอนมัน 16 บาท ไม่รู้พ่อใช้พอได้ยังไง
แม่ต้องทำห่อข้าวให้พ่อกินที่โรงเรียนเพราะไม่มีเงินซื้อข้าวโรงเรียนกิน
แต่บางวันพ่อก็โดนแกล้ง ถูกขโมยกับข้าวก็มี

แต่ชีวิตจาก ติดลบ ท่านทั้งสองก็พยายามให้มันเป็นศูนย์
จากศูนย์ ทำยังไงให้เหลือ และก็เป็นอย่างนี้เรื่อยมา

จนเดี๋ยวนี้พวกเรามีบ้าน มีรถ มีทีวี ทีตู้เย็น เครื่องซักผ้า
บางทีมานั่งคิดแทบไม่น่าเชื่อเลยว่า คุณพ่อกับคุณแม่จะทำได้

ยังจำได้เลยว่าตอนเด็กๆ ที่บ้านเราจะปลูกกระเทียมไว้กินเอง
นั่นแน่! เคยแต่ได้ยินว่าปลูกผักชี ผักกาด คะน้า กระเพราะ ใช่หรือเปล่า
บ้านเราประหยัดกันสุดๆ ถึงขั้นกระเทียมที่คนแถวนั้นเค้าไม่ปลูก มาปลูกไว้กิน
บันทึกการเข้า
MahDee
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,081

« ตอบ #198 เมื่อ: 23 เมษายน 2550, 16:41:10 »

มารออ่านครับ  :cry:  :cry:  :cry:
บันทึกการเข้า

RCU 2541>> ปะกาโด่ง 81
----------------------------
http://www.facebook.com/MrMahD
party
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,875

« ตอบ #199 เมื่อ: 23 เมษายน 2550, 16:42:11 »

ป.ปลา เอางี้ดีกว่า พอแกเขียนครบ 5 ข้อ แล้ว ทำเป็น Pocket book ขายเลย

เล่าเรื่องได้สุดยอดมากกกก

รออ่านอยู่จ้า  :lol:  :lol:
บันทึกการเข้า

http://happinessparty.multiply.com/
<embed src=\\\"http://images.multiply.com/multiply/horizontal-headshot-badge.swf\\\" type=\\\"application/x-shockwave-flash\\\" wmode=\\\"transparent\\\" FLASHVARS=\\\"user_id=happinessparty&enc=U2FsdGVkX1.XgxV7rEZX6q1u2Jyr2y9bKY8Amx,Hc,GTybsHCwE8.8sOCJWnoHQj
  หน้า: 1 ... 6 7 [8] 9 10 ... 36  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><