12 พฤศจิกายน 2567, 13:02:42
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 9 10 [11] 12 13 ... 34  ทั้งหมด   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: บทความการเมือง  (อ่าน 346747 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Apirat T.
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,357

« ตอบ #250 เมื่อ: 28 พฤษภาคม 2551, 07:48:15 »

สถานการณ์มันตึงเครียด อย่าไปเครียดตามกันมากนัก
เด๋วความดันขึ้น
ดูรูปแก้เครียดล่ะกานนน



ตาแคม  :lol:
บันทึกการเข้า
telek78
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2538
กระทู้: 1,924

เว็บไซต์
« ตอบ #251 เมื่อ: 28 พฤษภาคม 2551, 12:35:05 »

สงสัยจัง ว่าอยากจะทำร้ายประเทศกันไปถึงไหน
บันทึกการเข้า
ppornson
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,724

« ตอบ #252 เมื่อ: 28 พฤษภาคม 2551, 20:33:38 »

ได้ภาคภาษาอังกฤษมาแย้ว...มาฝึกภาษาอังกฤษกัน..

แต่ที่อ่านดูคร่าวๆนะ..ทำไมเธอช่างกล้าเช่นนั้น..
บันทึกการเข้า
Aj.O
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,241

« ตอบ #253 เมื่อ: 29 พฤษภาคม 2551, 20:22:17 »

เรื่องโจ๊คปี 51
เหลิมเคยโม้ว่า เหตุการณ์จลาจลเมื่อเดือนตุลา ปี 2519 เกิดจากตำรวจขี้เมาคนนึงเผลอทำปืนลั่น คนเลยตกใจเข้าตะลุมบอนกัน???

นายตำรวจผู้นั้น มันมีชื่อว่า ไอ้ปื๊ด ครับ :shock:
บันทึกการเข้า

...
หลิม 81
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,840

« ตอบ #254 เมื่อ: 29 พฤษภาคม 2551, 21:54:18 »

งานนี้ ไม่มีใครเอา e เจ๊เพ็ญ แล้วครับ ตำรวจสรุปเบื้องต้นแล้ว...!!!!!

รับรองเสร็จ โสะน๊ะหน้า
บันทึกการเข้า

@ ปีนี้ปีของผม @
ppornson
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,724

« ตอบ #255 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2551, 10:55:29 »

กรูยังนึกไปถึงจักรภพเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ที่วิเคราะห์ข่าวน่ะ..

จริงๆเค้าเจ๋งมากๆนะ ตอนเหตุการ 9/11 เค้าเป็นคนแรกๆของไทย หรือ เผลอๆของโลกที่พูดถึงอัลไคด้า ซึ่งเหตุการณ์ตอนนั้นยังดูเหมือนเป็นอุบัติเหตุอยู่เลย..

ผ่านไป 10 ปี ไหงเป็นงี้..เลยอดสงสัยไม่ได้ว่า คนเราสามารถเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้โดยใช้เวลาแค่ 5-6 ปี หรือเค้ามีความคิดแบบนี้มานานแล้ว..เหตุการณ์อะไรทีทำให้เค้ามีแนวความคิดนี้
บันทึกการเข้า
Apirat T.
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,357

« ตอบ #256 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2551, 12:19:47 »

ทักษิณเข้าไปคุยกับพลเอกเปรม กลางงานของ พลเอกอนุพงษ์
ผมว่า เหตุคราวนี้ มันมีนัย

ตาแคม  :?
บันทึกการเข้า
Aj.O
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,241

« ตอบ #257 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2551, 16:18:55 »

อ้างจาก: "apirat"
ทักษิณเข้าไปคุยกับพลเอกเปรม กลางงานของ พลเอกอนุพงษ์
ผมว่า เหตุคราวนี้ มันมีนัย

ตาแคม  :?


ไม่ได้มองในแง่ว่าใครผิดใครถูก ใครเริ่มก่อนหรอกนะ...
แต่ผมว่า ทักกี้ทำไมหน้าด้านแบบนี้วะ?
เคยไปด่าป๋าเปรมผ่านสื่อเมืองนอกมากมาย ตอนนี้เพื่อหวังผลทางการเมือง กลับมาทำทีเป็นยอมอ่อนข้อ?
ถ้าไม่พอใจแนวทางของป๋าเปรมจริงๆ(อย่างที่เคยพูดไว้) ก็อย่าสะเออะมาทำผูกมิตรในภายหลังสิวะ? ไม่ว่าป๋ากับทักกี้ ใครจะผิดจะถูก(ในแง่การเมือง) แต่ในแง่พฤติกรรม ทักกี้แสดงความเหลวไหลไร้จุดยืนออกมาชัดๆ Sad
บันทึกการเข้า

...
iamfrommoon
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2535
คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 8,396

เว็บไซต์
« ตอบ #258 เมื่อ: 20 มิถุนายน 2551, 16:14:38 »

รู้ว่า ตอนนี้ตัวเองจ้อง ASTV....ฮี่ๆ
บันทึกการเข้า

@@ธรรมชาติสร้างความขัดแย้ง เพื่อให้คนเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ดียิ่งขึ้น@@@

Aj.O
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,241

« ตอบ #259 เมื่อ: 20 มิถุนายน 2551, 16:38:57 »

อ้างจาก: "iamfrommoon"
รู้ว่า ตอนนี้ตัวเองจ้อง ASTV....ฮี่ๆ


จ้องอยู่เช่นกันครับ 555  รู้สึกคราวนี้จะมาเป็นฝูงใหญ่กว่าเมื่อก่อน 19 กันยา 49 ซะอีก :shock:
แหง๋ล่ะสิ นายนพดลนั่น ดันไปออกนโยบายท้าทายมวลชน เรื่องเขาพระวิหาร  Tongue
คราวนี้แกว่งปากหาเท้าชัดๆ  :lol:
บันทึกการเข้า

...
Max
Hero Cmadong Member
***

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,435

« ตอบ #260 เมื่อ: 20 มิถุนายน 2551, 18:19:22 »

อยากฟังความเห็นเขาพระวิหารน่ะครับ

ทหารบอกอย่าง

นักวิชาการบอกอย่าง

ทนายที่เคยไปสู้ที่ศาลโลก ก็บอกว่ายังมีทางสู้อีก แต่ผมก็งง ว่า

ทำไมตั้งนานแล้วไม่สู้อีกครั้งล่ะ  :wink:
บันทึกการเข้า
Mr.EggMan
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,826

« ตอบ #261 เมื่อ: 20 มิถุนายน 2551, 20:09:15 »

ยาวหน่อยนะ แต่มีรายละเอียดดี

เหตุผลใดไทย จึงแพ้คดีปราสาทพระวิหาร

บทความโดย ประสิทธิ์ ปิวาวัฒนพานิช คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์



...คนไทยไม่ค่อยรู้ความเป็นมาเป็นไปในคดีปราสาทพระวิหารอาจเป็นเพราะว่า ประเทศไทยแพ้คดีนี้ให้กับประเทศเพื่อนบ้านคือกัมพูชา จนทำให้สังคมไทยไม่อยากกล่าวถึงคดีนี้มากนัก...

    ประเด็นเรื่องปราสาทพระวิหารกลายเป็นหัวข้อที่สาธารณชนให้ความสนใจอีกครั้ง เมื่อประเทศกัมพูชายื่นเรื่องการขอเสนอให้ปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกตาม อนุสัญญา Convention Concerning the Protection of the World Cultural and Natural Heritage โดยที่ประเทศไทยคัดค้านการยื่นฝ่ายเดียวของกัมพูชา โดยอ้างเรื่องความสมบูรณ์ทางวิชาการด้านโบราณคดีและการที่ทั้งสองประเทศยัง ตกลงกันไม่ได้เกี่ยวกับเขตแดน

  แม้คดีนี้จะผ่านความรับรู้ของคนไทยมายาวนานแล้วก็ตามแต่ปรากฏว่ามีคนไทยน้อยมากที่รู้ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายในเรื่องนี้

  เหตุผลที่คนไทยไม่ค่อยรู้ความเป็นมาเป็นไปในคดีปราสาทพระวิหารอาจเป็น เพราะว่าประเทศไทยแพ้คดีนี้ให้กับประเทศเพื่อนบ้านคือกัมพูชา จนทำให้สังคมไทยไม่อยากกล่าวถึงคดีนี้มากนัก

  และด้วยเหตุที่คนไทยรู้จักกับคดีนี้น้อย จึงอาจมีการบิดเบือนข้อมูลได้ง่าย เนื่องจากคดีนี้มีสองประเด็นใหญ่ที่ต้องพิจารณาคือ ประเด็นเรื่องการยอมรับเขตอำนาจศาลและการพิจารณาขั้นเนื้อหา จึงขอแยกอธิบาย ดังนี้

ประเด็นเรื่องเขตอำนาจศาลโลก

    ประชาชนคนไทยมักจะสงสัยอยู่เสมอว่า ทำไมประเทศไทยต้องไปขึ้นต่อสู้คดีต่อศาลโลกที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ทั้งๆ ที่ประเทศไทยมีอธิปไตย มีเอกราช การขึ้นต่อสู้คดีของประเทศไทยมิเท่ากับเป็นการเสียเอกราชหรือ

    ประเด็นนี้ เป็นประเด็นข้อกฎหมายที่สลับซับซ้อน หากใช้ความรู้สึกชาตินิยมหรือสามัญสำนึกย่อมไม่เข้าใจว่าทำไมประเทศไทยต้อง ขึ้นศาลโลก ผู้เขียนจะขออธิบายช่องทางการยอมรับเขตอำนาจศาลโลกเสียก่อนว่ามีวิธีการใด บ้าง การยอมรับเขตอำนาจศาลโลกนั้นทำได้อยู่สามประการคือ

    ประการแรก การยอมรับเขตอำนาจการพิจารณาคดีโดยการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาใดอนุสัญญาหนึ่ง ซึ่งกำหนดว่า หากมีปัญหาในการตีความสนธิสัญญา ให้ศาลโลกเป็นผู้พิจารณา

     ประการที่สอง ประเทศคู่พิพาทตกลงทำความตกลงยอมรับเขตอำนาจศาลโลกเป็นเฉพาะกรณีๆ ไป กล่าวคือ เมื่อเกิดข้อพิพาทขึ้นมาแล้ว รัฐคู่พิพาทได้ทำสนธิสัญญายอมรับเขตอำนาจศาลเฉพาะข้อพิพาทนั้น และ

     ประการที่สาม รัฐได้ทำคำประกาศฝ่ายเดียวยอมรับเขตอำนาจศาล ทั้งนี้ ภายใต้เงื่อนไขที่รัฐกำหนดไว้

      ประเด็นเรื่องการยอมรับเขตอำนาจศาลโลก (ทั้งศาลโลกเก่าและใหม่) ของประเทศไทยนั้นเป็นประเด็นที่คนไทยไม่ใคร่ได้กล่าวถึง อาจเป็นเพราะว่าเป็นประเด็นข้อกฎหมายมากเกินไปประชาชนทั่วไปจึงไม่ค่อยได้ สนใจ

      อีกทั้งทางการก็มิได้ชี้แจงประเด็นนี้ต่อสาธารณชน มากนักทั้งๆ ที่ประเด็นนี้มีความสำคัญอย่างมาก และเป็นประเด็นที่หากมีการกล่าวถึงในวงกว้างแล้วก็อาจมีผลกระทบต่อผู้ เกี่ยวข้องได้ แต่เนื่องจากประเด็นนี้สำคัญ ผู้เขียนจึงมิอาจหลีกเลี่ยงที่จะข้ามไปได้จึงขอกล่าวถึง ดังนี้

      ประเทศไทยได้ทำคำประกาศยอมรับเขตอำนาจของศาลโลก ทั้งหมด 3 ฉบับ ดังนี้

     ฉบับแรกทำเมื่อวันที่ 20 กันยายน ค.ศ.1929 และเริ่มมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ในปี ค.ศ.1930 โดยคำประกาศยอมรับเขตอำนาจศาลโลกเก่าซึ่งชื่ออย่างเป็นทางการคือ "ศาลประจำยุติธรรมระหว่างประเทศ" (Permanent Court of International Justice : PCIJ) เป็นเวลา 10 ปี

     ฉบับที่สอง รัฐบาลไทยทำคำประกาศโดยมิวัตถุประสงค์เพื่อ "ต่ออายุ" (renew) เขตอำนาจศาลโลกเก่า โดยคำประกาศฉบับที่สองนี้ทำเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ค.ศ.1940 โดยคำประกาศที่สองนี้เริ่มมีผลใช้บังคับวันที่ 9 พฤษภาคม ค.ศ.1940

     ฉบับที่สาม รัฐบาลไทยทำเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ค.ศ.1950 ซึ่งหลังจากที่คำประกาศฉบับที่สอง (ที่ต่ออายุคำประกาศฉบับแรก) หมดอายุเป็นเวลา 14 วัน

     มีข้อสังเกตที่น่าสนใจและเป็นประเด็นข้อกฎหมายที่ฝ่ายไทยนำมาอ้างก็คือ ศาลโลกเก่านั้นได้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 19 เมษายน ค.ศ.1946 และตามธรรมนูญของศาลโลกใหม่ที่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า "ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ" (International Court of Justice : ICJ) นั้นมาตรา 36 วรรค 5 ได้กำหนดว่า ให้การยอมรับเขตอำนาจ "ศาลโลกเก่า" โอนถ่ายไปยัง "ศาลโลกใหม่" หากว่า คำประกาศนั้นยังมีผลใช้บังคับอยู่หรือกล่าวง่ายๆ คือ ยังไม่ขาดอายุนั่นเอง

     ข้อต่อสู้เกี่ยวกับการคัดค้านเขตอำนาจศาลโลกใหม่ที่ทนายความฝ่ายไทยต่อ สู้ในชั้นของการคัดค้านเขตอำนาจของศาลโลกใหม่นั้นมีว่า คำประกาศยอมรับเขตอำนาจศาลโลกเก่าได้ยุติลงอันเป็นผลมาจากการสิ้นสุดของศาล โลกเก่า ดังนั้น คำประกาศต่ออายุเขตอำนาจศาลโลกเก่าเมื่อวันที่ 20 เมษายน ค.ศ.1950 จึงไม่มีผลใช้บังคับอีกต่อไป

      อีกทั้งคำประกาศดังกล่าวมิใช่คำประกาศยอมรับเขตอำนาจศาลโลกใหม่ ดังนั้น ศาลโลกใหม่จึงไม่มีเขตอำนาจ

     แต่ข้อต่อสู้นี้อ่อนมาก ศาลโลกเห็นว่า คำประกาศยอมรับเขตอำนาจศาลฉบับที่สามที่รัฐบาลไทยทำเมื่อวันที่ 20 เมษายน ค.ศ.1950 นั้น ไม่สามารถใช้เป็นเหตุผลในการต่ออายุยอมรับเขตอำนาจศาลโลกเก่าได้ เพราะว่า คำประกาศฉบับที่สามนี้ ทำหลังจากที่คำประกาศฉบับที่สองหมดอายุแล้วสองอาทิตย์

    ศาลโลกเห็นว่า สิ่งที่จะต่ออายุได้นั้น สิ่งนั้นต้องเป็นสิ่งที่ยังมีอยู่ มิใช่เป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้ว อีกทั้งรัฐบาลไทยก็รู้ดีว่าขณะที่ทำคำประกาศฉบับที่สามนั้นทำหลังจากที่ศาล โลกเก่าได้สิ้นสุดลงแล้วกว่าสี่ปี (ศาลโลกเก่าสลายตัวเมื่อปี ค.ศ.1946 แต่คำประกาศฉบับที่สามทำเมื่อปี ค.ศ.1950) ข้ออ้างของประเทศไทยจึงฟังไม่ขึ้น

    ประเด็นต่อไปมีว่า ในเมื่อคำประกาศฉบับที่สามฟังไม่ได้ว่าเป็นคำประกาศต่ออายุยอมรับเขตอำนาจ ศาลโลกเก่าแล้ว ผลในทางกฎหมายของคำประกาศฉบับที่สามคืออะไร ศาลโลกเห็นว่า คำประกาศยอมรับเขตอำนาจศาลฉบับที่สามเป็นคำประกาศใหม่ ที่แยกเป็นเอกเทศออกจากคำประกาศฉบับแรกและฉบับที่สอง

    และหากพิจารณาเนื้อหาของคำประกาศที่สามแล้ว ศาลโลกเห็นว่า เป็นการประกาศยอมรับเขตอำนาจศาลโลกใหม่ โดยอิงเงื่อนไขจากคำประกาศฉบับแรก

    ดังนั้น ศาลโลกจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า ศาลโลกมีเขตอำนาจพิจารณาข้อพิพาทที่รัฐบาลกัมพูชาฟ้องรัฐบาลไทย ข้อต่อสู้ทางกฎหมายของฝ่ายไทยฟังไม่ขึ้น

ประเด็นเรื่องเนื้อหาของข้อพิพาท

    คําร้องของกัมพูชาที่สำคัญที่ให้ศาลโลกวินิจฉัยคือประเด็นที่ว่า กัมพูชามีอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนอันเป็นที่ตั้งของปราสาทพระวิหาร การนำเสนอพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่ายนั้นมีดังนี้

   ฝ่ายไทยเสนอว่า หากพิจารณาตามสนธิสัญญาที่สยามทำกับประเทศฝรั่งเศส (ขณะนั้นประเทศฝรั่งเศสปกครองกัมพูชา) เมื่อปี ค.ศ.1904 ซึ่งตามสนธิสัญญาจะใช้ "สันปันน้ำ" (watershed) ปราสาทพระวิหารจะอยู่ฝั่งไทย แต่หากพิจารณาตามแผนที่ ปราสาทพระวิหารจะอยู่ฝั่งกัมพูชา

  ขออธิบายตรงนี้เลยว่าหลังจากที่มีการทำสนธิสัญญาทวิภาคีในปี ค.ศ.1904 ทั้งสองฝ่ายได้ตั้งคณะกรรมการผสมขึ้น และไม่นานนัก คณะกรรมการชุดนี้ก็มิได้ทำงานอีกต่อไป ต่อมา ฝ่ายไทยได้ร้องขอให้ประเทศฝรั่งเศสจัดทำแผนที่ขึ้น ข้อสังเกตเกี่ยวกับแผนที่เจ้าปัญหาฉบับนี้ มีดังนี้

    ประการแรก แผนที่นี้เป็นการร้องขอจากฝ่ายไทยให้ประเทศฝรั่งเศสทำขึ้น แผนที่นี้ทำขึ้นที่กรุงปารีส การที่ประเทศร้องขอให้ประเทศฝรั่งเศสทำขึ้นนั้นเป็นเพราะว่าในขณะนั้น ประเทศไทยยังขาดผู้เชี่ยวชาญในการทำแผนที่

    ประการที่สอง การปักปันเขตแดนแล้วลงมาตราส่วนลงในแผนที่เป็นการกระทำฝ่ายเดียวของประเทศฝรั่งเศส โดยที่ฝ่ายไทยไม่มีส่วนร่วมเลย

    ประการที่สาม การทำแผนที่นี้ไม่เกี่ยวกับคณะกรรมการผสมแต่อย่างใด ในประเด็นนี้ผู้พิพากษาฟิสต์มอริสซึ่งเป็นหนึ่งในองค์คณะกล่าวว่า คณะกรรมการผสมไม่เคยแม้แต่จะ "เห็น" แผนที่นี้ อย่าว่าแต่ "รับรอง" เลย เป็นการร้องขอฝ่ายเดียวจากรัฐบาลไทย

   ประการที่สี่ เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดและเป็นเหตุผลสำคัญที่ศาลโลกวินิจฉัยให้ประเทศไทยแพ้ก็คือ แม้ประเทศไทยจะไม่มีส่วนในการทำแผนที่ แต่ประเทศไทยก็ไม่เคยคัดค้านหรือประท้วงเกี่ยวกับความถูกต้องของแผนที่ ทั้งๆ ที่ประเทศไทยมีโอกาสอยู่หลายครั้งที่จะทักท้วงหรือประท้วงถึงความคลาด เคลื่อนหรือความผิดพลาดของแผนที่

   โอกาสที่จะประท้วงความไม่ถูกต้องของแผนที่ เช่น กรณีการเจรจาทำสนธิสัญญาทางไมตรี พาณิชย์และการเดินเรือกับประเทศฝรั่งเศสที่ทำขึ้นในปี ค.ศ.1925-1937 แต่ไทยก็มิได้ทักท้วง

   ซึ่งศาลโลกเห็นว่า การนิ่งเฉยของประเทศไทยเป็นเวลานานเท่ากับเป็นการยอมรับความถูกต้องของแผนที่แล้ว จะมาปฏิเสธในภายหลังนั้น ไม่อาจกระทำได้ เป็นการปิดปากประเทศไทยว่าจะมาปฏิเสธความผิดพลาดของแผนที่ไม่ได้

   ยิ่งไปกว่านั้น ทางการของไทยเองยังได้ทำแผนที่ใช้ขึ้นเองอีกด้วยในปี ค.ศ.1937 โดยแผนที่ที่เจ้าหน้าที่ของไทยเป็นผู้จัดทำ ได้แสดงว่าปราสาทพระวิหารตั้งอยู่ในดินแดนของกัมพูชา ประเด็นนี้ไทยอ้างว่า แผนที่ที่ไทยทำขึ้นเองฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการทหารเป็นการภายในเท่านั้น แต่ศาลโลกไม่เห็นด้วยกับข้ออ้างของไทยในประเด็นนี้

    เหตุผลประการหนึ่งที่ศาลโลกเห็นว่า ประเทศไทยยอมรับอำนาจอธิปไตยของกัมพูชาเหนือที่ตั้งปราสาทพระวิหารก็คือ การที่กรมพระยาดำรงราชานุภาพได้ไปเยือนกึ่งเป็นทางการที่ปราสาทพระวิหาร ในครั้งนั้น กองทหารฝรั่งเศสได้ตั้งกองทหารเกียรติยศรับการเสด็จอย่างเต็มที่ และยังชักธงชาติของประเทศฝรั่งเศสด้วย

    ซึ่งศาลโลกเห็นว่า เท่ากับประเทศไทยยอมรับอำนาจอธิปไตยเหนือปราสาทพระวิหารว่าเป็นของกัมพูชา (ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศส) อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้ ผู้พิพากษาศาลโลกท่านหนึ่งคือ ท่านเวลลิงตัน คู ซึ่งเป็นตุลาการเสียงข้างน้อยได้ทำความเห็นแย้งว่า ในเวลานั้นกรมพระยาดำรงราชานุภาพได้ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยแล้ว แต่ดำรงตำแหน่งนายกราชบัณฑิตยสถานแห่งประเทศไทย อีกทั้งพระองค์ยังตรัสว่า การมาเยือนปราสาทพระวิหารนี้ไม่เกี่ยวกับการเมือง

   นอกจากนี้ สาเหตุอีกประการหนึ่งที่ไทยแพ้คดีอาจเป็นผลมาจากการตั้งรูปคดีที่ผิดพลาดมา ตั้งแต่ต้น แทนที่ประเทศไทยจะปฏิเสธความผิดพลาดของแผนที่ ควรรับประเด็นเรื่องแผนที่ แล้วยกข้อต่อสู้ว่า ในกรณีที่ข้อความในสนธิสัญญาที่ให้ใช้ "สันปันน้ำ" แย้งกับ "แผนที่" ในกรณีนี้ให้ถือว่าข้อความในสนธิสัญญามีค่าบังคับเหนือกว่า

    ซึ่งอนุสัญญาแวร์ซายส์ มาตรา 29 ก็มีข้อความทำนองนี้ อีกทั้งก็มีคดีที่ศาลตัดสินให้ความน่าเชื่อถือของสนธิสัญญายิ่งกว่าแผนที่

   จริงหรือที่ "การนิ่งเฉย" หรือ "กฎหมายปิดปาก" มิใช่เป็นหลักกฎหมาย

    หลังจากที่ไทยแพ้คดี นายถนัด คอมันตร์ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศเวลานั้นกล่าวทำนองว่าศาลโลกนำหลักกฎหมายที่ไม่ชัดเจนมาตัดสินคดี ที่น่าคิดก็คือ ทำไมทนายฝ่ายไทยไม่ทราบ หรือว่า "หลักกฎหมายปิดปาก" หรือ "การนิ่งเฉย" นั้น ศาลโลกหรืออนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศเคยนำมาใช้หลายคดีแล้ว

    อีกทั้งนักกฎหมายระหว่างประเทศก็ยังได้เขียนบทความเรื่อง "หลักกฎหมายปิดปากที่ใช้ในศาลระหว่างประเทศและความสัมพันธ์ของหลักกฎหมาย ดังกล่าวกับการนิ่งเฉย" (Estoppel before Internationals and Its Relation to Acquiescence) เขียนโดยนักกฎหมายระหว่างประเทศชื่อ Bowett ลงในวารสาร British Yearbook of International Law ปี ค.ศ.1957 และบทความชื่อ "หลักกฎหมายปิดปากในกฎหมายระหว่างประเทศ" โดย Mcgibborn ในวารสาร International and Comparative Law Quarterly ปี 1958 ซึ่งตีพิมพ์ก่อนที่ศาลโลกจะตัดสินประมาณ 3-4 ปี

  ไม่อาจคาดการณ์ได้แน่ชัดว่าฝ่ายไทยได้เคยอ่านบทความนี้หรือไม่ แต่ไม่ว่าฝ่ายไทยจะได้เคยอ่านบทความนี้หรือไม่ก็ตาม ประเด็นที่น่าคิดก็คือ ทนายความของฝ่ายไทยน่าจะย่อมรู้ถึงหลักกฎหมายปิดปากเป็นอย่างดี

  เพราะหลักว่าด้วย "การถูกการตัดสิทธิ" (Preclusion) หรือ "การนิ่งเฉย" อาจเทียบได้หรือมีผลเท่ากันกับ "หลักกฎหมายปิดปาก" อันเป็นหลักกฎหมายอังกฤษ หรือแองโกลแซกซอน

  บทส่งท้าย

 สรุปเหตุผลที่แท้จริงที่ประเทศไทยเสียปราสาทพระวิหารคือ การยอมรับความคลาดเคลื่อนของแผนที่อันเป็นผลมาจากการทำแผนที่ฝ่ายเดียวของ เจ้าหน้าที่ฝรั่งเศส ซึ่งศาลโลกเห็นว่า หลังจากที่ทำสนธิสัญญาประเทศสยามอยู่ในฐานะที่จะคัดค้านความไม่ถูกต้องของ แผนที่ได้หลายครั้ง แต่ก็มิได้คัดค้าน จึงปิดปากประเทศสยามว่าต่อมาจะปฏิเสธความไม่ถูกต้องของแผนที่ไม่ได้

   หากประเทศไทยจะเสียดินแดนอีกครั้งคงไม่ใช่เพราะนำข้อมูลการต่อสู้ทาง กฎหมายคดีความเอาไปขายให้กับประเทศเพื่อนบ้านหรือเกิดจากความไม่รักชาติ ไม่สามัคคีอย่างที่คนไทยหลายคนเข้าใจกัน (ซึ่งรวมถึง พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ด้วย) แต่เกิดจากความไม่รอบคอบ ความประมาท และไม่รู้จักหน้าที่ของตนเองมากกว่า เหมือนกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับสามจังหวัดภาคใต้ของเรา
บันทึกการเข้า

jakkreepan@hotmail.com
Love is in the A...I...R......H
Apirat T.
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,357

« ตอบ #262 เมื่อ: 23 มิถุนายน 2551, 07:54:25 »

ได้เคยยินมาเหมือนกัน ในสมัยเด็กๆ
อ่านแล้วก้อรู้สึกว่า เป็นความบกพร่องของเราส่วนหนึ่ง
ที่ไม่ได้ศึกษาอะไรให้ชัดเจน
หรือ อาจจะรู้ แต่นิ่งเฉยด้วยความว่า ธุระไม่ใช่
อันนี้ก้อสุดจะรู้ได้

ตาแคม  :arrow:  :arrow:
บันทึกการเข้า
Mr.EggMan
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,826

« ตอบ #263 เมื่อ: 23 มิถุนายน 2551, 14:16:06 »

หลายคำถาม จากคนไกล

แล้วเค้าจะประท้วงแบบนี้ถึงเมื่อไหร่ครับ?

ถ้ารัฐบาลลาออก แล้วเลือกตั้งใหม่ แล้วพวกคนเดิมๆ กลับมาอีก จะประท้วงอีกไหมครับ?

ถ้า ปชป. ได้เป็นรัฐบาล แล้วอีกฝ่ายเค้าขนพวกออกมาประท้วงบ้าง จะทำยังไงต่อครับ?

ยิ่งรู้ ยิ่งไม่เข้าใจครับ

 :shock:  :shock:
บันทึกการเข้า

jakkreepan@hotmail.com
Love is in the A...I...R......H
ชาร์ป
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,119

« ตอบ #264 เมื่อ: 23 มิถุนายน 2551, 15:01:10 »

การประท้วงก็คงมีเรื่อย ๆ  เพราะ พอไม่พอใจอะไร ก็ประท้วง ๆ ๆ ๆ
ตราบใดที่ยังไม่ได้แก้ที่สาเหตุ

... ไม่ใช่การศึกษาหรอกที่เป็นสาเหตุหลัก ...

... จิตใจ ทัศนคติ ของคนต่างหาก ที่เป็นสาเหตุหลัก ...

...

คนไม่ได้เลว แต่จิตใจคนต่างห่างล่ะที่เลว ...

...
บันทึกการเข้า
ppornson
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,724

« ตอบ #265 เมื่อ: 23 มิถุนายน 2551, 17:12:05 »

ประเด็นอยู่ตรงนี้ครับ..

เราต้องรักษาระบบเอาไว้..เอาการเมืองมาไล่กันข้างถนนไม่ได้..

โอเค..ถึงแม้ตอนนี้น้าหมัก..น้าเหลิม น้ามิ่ง..จะไม่ค่อยได้เรื่อง แต่เราต้องรักษาระบบและกติกาเอาไว้ ผมย้ำอยู่บ่อยๆ ว่าพวกเราที่เป็นบัณฑิตต้องช่วยกันเผยแพร่ความรู้ให้กับคนรอบข้าง พี่ ป้า น้าอา ลูกหลาน อย่าเลือกแบบนี้เข้ามา..และต้องให้ความรู้เรื่องระบบ

บัณฑิตหน้าไม่หนาพอครับ ทนแรงเสียดสีไม่ได้ เหลือแต่ไอ้พวกหน้าด้าน ดังนั้น พวกเราต้องช่วยกันแบบนี้

ห้ามเอาการเมืองไปไว้ข้างถนนเด็ดขาด คุณทั้ง 5 คนมาพูดแทนผมได้ยังไง และเค้าพูดแทนคนส่วนใหญ่ของประเทศได้ยังไง เพราะรับรองว่าถ้าให้เลือกตั้งใหม่..น้าเค้าก็เข้ามาอีก

เราต้องรักษาระบบเอาไว้อีก 10 ปีก็ไม่สายครับ ให้คนดีๆกล้าเข้ามาเล่นการเมือง ไม่ต้องซื้อเสียง ให้ระบบการตรวจสอบได้จากคนที่ไว้ใจได้..

ตอนนี้มีแต่คนวิจารณ์ ไม่มีคนทำ นักวิชาการก็ทำงานไม่เป็น ไอ้ที่ทำเป็นแมร่งงก็โกง..

ถ้าระบบพัง เรามาไล่กันข้างถนน..รับรองได้เลย ว่าคนดีๆไม่มีทางเข้ามาในระบบได้ โดนพวกมันต้งม๊อบไล่หมด เศรษฐีในประเทศที่มีเงินเกิน 500 ล้านมีกี่คนครับ จัดม๊อบมาไล่รัฐบาลได้ก็ไม่ต้องอยู่มันแล้วครับประเทศนี้..

ไม่มีทางจบ..

ประเทศอเมริกา เค้าเกลียดบุชเยอะแยะ..มาชุมนุมประท้วง แต่เค้าประท้วงนโยบายครับ ไม่มีใครไล่ให้บุชลาออก..ประเทศเค้าถึงมีการต่อเนื่องของนโยบาย..

สนธิปั้นมากี่เรื่องแล้วครับ เรื่องทักษิณจ้างคนทุบพระพรหม..ปฏิญาฟินแลนด์..ขนเงินสดออกนอกรประเทศ 20 กระเป๋า..เป่าเรื่องขึ้นมาแบบจับโน่น ชนนี่ แล้วตอนนี้มีอะไรบ้าง นอกจากความเกลียดชัง..และไม่มีหลักฐานอะไรต่อเนื่อง ไม่ใช่ว่าไม่ชอบสนธิ เพราะผมก็ติดตามเค้ามาตลอด แต่หลังๆเปลี่ยนไปเยอะ..

คุณบอกเค้าเป็นโจร..แต่คุณก็ใช้วิธีโจรเช่นกัน..มันไม่มีความชอบธรรมจะมาพูดแทนผมครับ..

เข้าถึงทำเนียบได้ ประกาศชัยชนะ..ถามว่าชนะใครครับ..บ้านเมืองแพ้

ต้องเรื่องใหญ่จริงๆครับ ถึงจะให้นายกฯ หรือผู้อยู่ในตำแหน่งลาออก และเสียงโดยชอบธรรมต้องมากกว่านี้..

ต้องช่วยกันครับ..พวกเราต้องช่วยกัน ผมเองก็ต้องพยายามบอกพ่อแม่พี่น้อง และเพื่อนๆในบอร์ด ถึงแม้จะเป็นจุดเล็กๆของสังคม และบัณฑิต ต้องช่วยกันครับ..
บันทึกการเข้า
ชาร์ป
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,119

« ตอบ #266 เมื่อ: 24 มิถุนายน 2551, 16:07:43 »

ลุ้นคำตัดสินของศาลปกครองกันดีกว่า ...

 
อ้างถึง   

ศาลปกครองนัดไต่สวนเขาพระวิหาร26มิ.ย.

"ส.ว.คำนูณ-พันธมิตร-7ทนาย"ยื่นศาลปกครองกลางขอสั่งเพิกถอนการลงนามแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชากรณีขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหาร ศาลนัดไต่สวน26มิ.ย. สั่งเรียกข้อมูลตรวจสอบ

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : ศาลปกครองกลาง ถนนสาทรใต้ นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความเครือผู้จัดการ นายนิติธร ล้ำเหลือ กรรมการสิทธิมนุษยชน สภาทนายความ นายนคร ชมพูชาติ ทนายความตัวแทนสภาทนายความ และนักสิทธิมนุษยชน นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.ระบบสรรหา นายคณิศร ฑปภูผา ทนายความ นายกิ่งแก้ว โยมเมือง ทนายความ  นายประภาส บุรีศรี ทนายความ และนางรัศมี ไวยเนตร ทนายความ  

ร่วมกันยื่นฟ้อง นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ และคณะรัฐมนตรี เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1- 2 เรื่องกระทำการโดยมิชอบด้วยกฎหมาย กรณีนายนพดล ลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย -กัมพูชา การขอขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหาร เป็นมรดกโลก ที่จะมีการเสนอแถลงการณ์ต่อองค์การยูเนสโก ในวันที่ 5 กรกฎาคมนี้

ตามฟ้องระบุว่า ผู้ฟ้องทั้งหมด เป็นประชาชนไทย และเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยของชาติไทยโดยตรงตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 3 และใน มาตรา 71 บัญญัติให้บุคคลมีหน้าที่ป้องกันประเทศรักษาผลประโยชน์ของชาติและปฏิบัติตามกฎหมาย โดยผู้ฟ้องทั้งหมดได้รับความเดือดร้อนเสียหาย จากการที่ผู้ถูกฟ้องทั้งสอง ใช้อำนาจหน้าที่กระทำการนอกเหนืออำนาจหน้าที่โดยไม่สุจริต ไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.บริหาราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 , พ.ศ.2545 รวมทั้งไม่ยึดถือในการปฏิบัติตามพระราชกฤษฎีกา ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 ไม่บริหาราชการแผ่นดินตามคำแถลงนโยบายของ ครม.ที่แถลงต่อรัฐสภา วันที่ 18 ก.พ.51 และกระทำการขัด รธน. โดยเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.51  ครม.ผู้ถูกฟ้องที่ 2 เห็นชอบร่างคำแถลงการณ์ร่วมรัฐบาลไทย - กัมพูชาที่จัดทำขึ้นเมื่อวันที่ 22 พ.ค. ในการขอขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ต่อองค์การยูเนสโก ซึ่งมีนายนพดล ผู้ถูกฟ้องที่ 1 เป็นผู้ลงนามในแถลงการณ์นั้นเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. และจะมีการรายงานต่อองค์การยูเนสโก ในวันที่ 5 ก.ค.นี้

โดยปรากฏข้อเท็จจริงว่า กระบวนการลงนามแถลงการณ์นั้น ไม่ได้เป็นไปตามขั้นตอน รธน. มาตรา 190 ที่ระบุว่า หนังสือสัญญาใดที่มีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทย หรือ เขตอำนาจตามกฎหมายระหว่างประเทศ หรือมีผลกระทบต่อความมั่งคงเศรษฐกิจ สังคม หรือมีผลผูกพันด้านการค้า การลงทุน ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา ซึ่งรัฐสภาต้องพิจารณาให้เสร็จภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ได้รับเรื่อง และก่อนจะดำเนินการเพื่อทำหนังสือสัญญากับองค์การระหว่างประเทศ ครม. ต้องให้ข้อมูลและจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนด้วย

นอกจากนี้เมื่อพิจารณาเนื้อหาที่ปรากฏในแถลงการณ์ร่วม ฯ แล้ว ระบุว่า ไทยสนับสนุนการขึ้นทะเบียนที่เสนอ ซึ่งเขตรอบพื้นที่ปราสาทเขาพระวิหาร ปรากฏตามแผนที่แนบท้ายที่จัดทำขึ้นโดยรัฐบาลกัมพูชา ซึ่งแผนที่ดังกล่าวให้รวมถึงพื้นที่กันชนทิศตะวันออก และทิศใต้ของตัวปราสาท ทั้งนี้เมื่อพิจารณาแผนที่แนบท้ายแล้ว จะแสดงให้เห็นว่ากัมพูชา ยืนยันอย่างชัดเจนเป็นหลักฐานว่า พื้นที่กันชนทางทิศตะวันออก และทิศใต้ของตัวปราสาท เป็นอำนาจอธิปไตยของกัมพูชา ซึ่งพื้นที่นั้นอยู่เหนือคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ดังนั้นการลงนามในคำแถลงการณ์ร่วม ฯ จึงเท่ากับว่า ไทยได้สละสิทธิในข้อสงวนที่ไทยจะเอาปราสาทเขาพระวิหาร กลับคืนมาในอนาคต กรณีศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ได้พิพากษาเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2505 และยอมรับอธิปไตยของกัมพูชา เหนือซากปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร ดังนั้นจึงต้องถือว่า ข้อตกลงในคำแถลงการณ์มีผลเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทยอย่างชัดเจน

การกระทำที่ผู้ถูกฟ้องที่ 1-2 ดำเนินการทั้งหมด จึงเป็นการปกปิด บิดเบือนข้อมูล ข้อเท็จจริงในสาระสำคัญของคำแถลงการณ์ร่วม ฯ ที่จะมีผลต่อกระบวนการ ขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายด้านอาณาเขตดินแดน และอำนาจอธิปไตยของประเทศไทย ซึ่งกระทบกระเทือนต่อพระราชอำนาจขององค์พระมหากษัตริย์ และสิทธิเสรีภาพของผู้ฟ้องทั้งเก้า และประชาชนชาวไทยทุกคน จึงขอให้ศาลปกครอง มีคำพิพากษา 1.ให้เพิกถอนการกระทำของ รมว.ต่างประเทศ ที่เสนอร่างคำแถลงการณ์ร่วม ต่อ ครม. เพื่อพิจารณาและมีมติ ครม. เห็นชอบ 2.เพิกถอนมติ ครม. ลงวันที่ 17 มิ.ย.51 ที่เห็นชอบร่างคำแถลง ฯ โดยมอบหมายให้ รมว. ต่างประเทศลงนาม 3.เพิกถอนการลงนาม รมว.ต่างประเทศ ในคำแถลงการณ์ร่วม ฯ ลงวันที่ 18 มิ.ย.51 และ4. มีคำสั่งให้ รมว.ต่างประเทศ ยุติความผูกพันตามคำแถลงการณ์ร่วม ฯ ต่อ กัมพูชา และองค์การยูเนสโกด้วย

ทั้งนี้ ผู้ฟ้องทั้งเก้า ยังยื่นคำขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราว ที่จะให้ 1.ศาลสั่งระงับการกระทำของ รมว.ต่างประเทศ ทั้งในเรื่องการเสนอเรื่องต่อ ครม. และการลงนามในคำแถลงการณ์ร่วม ฯ ให้สิ้นผลเป็นการชั่วคราว 2.ศาลสั่งระงับผล ครม.ลงวันที่ 17 มิถุนายน 2551 ที่เห็นชอบร่างคำแถลง สิ้นผลเป็นการชั่วคราว และ 3.ศาลสั่ง รมว.ต่างประเทศ และ ครม. กระทำการใด ๆ เพื่อเป็นการแจ้งยุติความผูกพันตามคำแถลงการณ์ร่วม ฯ ต่อ กัมพูชา และองค์การยูเนสโกไว้เป็นการชั่วคราวด้วย

ศาลปกครองกลาง รับไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ 984/2551 เพื่อพิจารณาว่าจะประทับรับฟ้อง และจะมีคำสั่งไต่สวนฉุกเฉินเพื่อกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวหรือไม่ โดยนายสุวัตร อภัยภักดิ์ และผู้ฟ้องทั้งหมด ยังคงรอฟังคำสั่งอยู่ที่ศาลปกครองกลาง ว่าศาลจะนัดไต่สวนฉุกเฉินหรือไม่

ศาลนัดไต่สวนคดีเขาพระวิหาร 26 มิ.ย.

ภายหลังยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครอง ให้เพิกถอนการลงนามคำแถลงการณ์ร่วมรัฐบาลไทย -กัมพูชา การขอขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหาร เป็นมรดกโลกเมื่อช่วงเช้าแล้ว  

ต่อมาเวลา 15.00 น. นายชาชิวัฒน์ ศรีแก้ว ตุลาการศาลปกครองกลาง เจ้าของสำนวนมีคำสั่งนัดไต่สวนคู่ความสองฝ่าย เพื่อพิจารณาคำขอกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวคดีนี้ในวันที่ 26 มิ.ย. เวลา 10.00 น. โดยศาลมีหมายแจ้งผู้ถูกฟ้องทั้งสองทราบเพื่อเข้าชี้แจง พร้อมนำมติ ครม.คำแถลงการณ์ร่วม ฯ รวมทั้งแผนที่แนบท้ายคำแถลงการณ์ร่วม มาแสดงต่อศาลในวันไต่สวนด้วย

นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความผู้ฟ้องคดี ระบุว่า ในวันนัดไต่สวน ผู้ฟ้องทั้งหมดจะเดินทางมาศาลเพื่อพร้อมเป็นพยานให้ถ้อยคำ
บันทึกการเข้า
ป.ปลา
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,100

เว็บไซต์
« ตอบ #267 เมื่อ: 27 มิถุนายน 2551, 03:23:49 »

ไม่ได้แวะเข้ามานาน
อยากถามความเห็นของพี่ๆ ค่ะ

คิดยังไงกับ  I คุณปลื้มที่จะลงสมัครผู้ว่า กทม. คะ
บันทึกการเข้า
too
ตู้ rcu85
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: วิศวกรรมศาสตร์
กระทู้: 1,281

เว็บไซต์
« ตอบ #268 เมื่อ: 27 มิถุนายน 2551, 09:44:43 »

อ้างจาก: "ป.ปลา (Miss)"
ไม่ได้แวะเข้ามานาน
อยากถามความเห็นของพี่ๆ ค่ะ

คิดยังไงกับ  I คุณปลื้มที่จะลงสมัครผู้ว่า กทม. คะ


 :shock:
บันทึกการเข้า
Aj.O
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,241

« ตอบ #269 เมื่อ: 27 มิถุนายน 2551, 19:41:07 »

เคยสอบถามจากอดีตสมาชิกราชดำเนินคนนึง  เค้าเล่าให้ฟังว่า

lungcan says: การเอาไปขึ้นทะเบียนมรดกโลก มันอาจจะเป็นสาเหตุให้เสียดินแดนเพิ่ม
lungcan says: อาจารย์สมปองบอกว่า ใน 3 ผู้พิพากษาที่เห็นว่าไทยไม่แพ้ เขียนไว้ในคำวินิจฉัยว่า พื้นที่ทับซ้อน คือ พื้นที่รองรับปราสาท ไม่ใช่บริเวณทับซ้อนตามแผนที่


ผมไม่ฟันธงว่าจะจริงหรือเปล่า?

อ้างจาก: "ppornson"
สนธิปั้นมากี่เรื่องแล้วครับ เรื่องทักษิณจ้างคนทุบพระพรหม..ปฏิญาฟินแลนด์..ขนเงินสดออกนอกรประเทศ 20 กระเป๋า..เป่าเรื่องขึ้นมาแบบจับโน่น ชนนี่ แล้วตอนนี้มีอะไรบ้าง นอกจากความเกลียดชัง..และไม่มีหลักฐานอะไรต่อเนื่อง ไม่ใช่ว่าไม่ชอบสนธิ เพราะผมก็ติดตามเค้ามาตลอด แต่หลังๆเปลี่ยนไปเยอะ..

คุณบอกเค้าเป็นโจร..แต่คุณก็ใช้วิธีโจรเช่นกัน..มันไม่มีความชอบธรรมจะมาพูดแทนผมครับ..

เข้าถึงทำเนียบได้ ประกาศชัยชนะ..ถามว่าชนะใครครับ..บ้านเมืองแพ้

ต้องเรื่องใหญ่จริงๆครับ ถึงจะให้นายกฯ หรือผู้อยู่ในตำแหน่งลาออก และเสียงโดยชอบธรรมต้องมากกว่านี้..

ต้องช่วยกันครับ..พวกเราต้องช่วยกัน ผมเองก็ต้องพยายามบอกพ่อแม่พี่น้อง และเพื่อนๆในบอร์ด ถึงแม้จะเป็นจุดเล็กๆของสังคม และบัณฑิต ต้องช่วยกันครับ..


ไม่ชอบสนธิ...แต่(ผม)ชอบวสันต์ สิทธิเขตต์, ประพันธ์ คูณมี Cool
ผมสังเกตอยู่เช่นกัน ตอนแรกพันธมิตรไม่ได้เคลื่อนไหวทันที หลังจากที่นายสมัครได้เป็นนายกฯ
เค้ามาเคลื่อนไหวเอาตอนที่จะแก้กฏหมาย(เพื่อฟอกใครหรือเปล่า?) แล้วก็เอาจักรภพ(ผู้พิศมัยถั่วดำ) มาปราศรัยด่าทอประธานองคมนตรี แถมยังมีนัยยะเพื่อกระทบถึงสถาบันบางอย่าง :twisted:
แม้ตอนนี้ตุ๋ยเพ็ญจะลาออกไปแล้ว แต่ไฟมันดูเหมือนดับยาก เพราะการแก้กฏหมายยังคงพยายามดำเนินต่อ เป็นเรื่องปกติที่ฝ่ายตรงข้ามเค้าจะหวาดระแวงกัน(ผมก็ระแวงนิดๆด้วยคน เพราะถ้ามันจริงใจ รอให้ตัดสินคดีเก่าเสร็จแล้วค่อยแก้ก้ได้นี่หว่า ถ้าถึงตอนนั้นแล้วแป๊ะลิ้มแกจะประท้วงอีก เดี๋ยวแกก็เสียมวลชนไปเอง)

ที่สำคัญ กรูไม่พอใจที่ไอ้เหี้ยปื๊ด มันได้กลับมามีตำแหน่งราชการด้วยโว้ย
ขรก.ทั่วไปทุกวันนี้ ต้องโดนระบบตรวจสอบสารพัด ทำผิดอะไรก็โดนฟ้องร้องง่ายขึ้น แต่ไอ้ปื๊ดกลับมีอภิสิทธิ์ได้ แถมยังโอหังประกาศตัวต่อหน้าสื่อ เพื่อโชว์ความบัดซบของตัวเอง(และพ่อมัน)
บันทึกการเข้า

...
Aj.O
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,241

« ตอบ #270 เมื่อ: 27 มิถุนายน 2551, 20:22:54 »

ก็อปมาลง...พอดีเห็นว่าน่าสนใจ :idea:

http://forum.serithai.net/index.php?topic=28300.50
อ้างจาก: "CanCan"
มรดกโลกที่อยู่ในเขตทับซ้อน มีหลายแห่งที่ขึ้นทะเบียนเพื่อใช้ประโยชน์ร่วมกันของ 2 ประเทศ

ไทยเสียเปรียบที่ไปยอมรับให้เขมรขึ้นทะเบียนฝ่ายเดียวในครั้งนี้

ทั้งที่เมื่อรัฐบาลที่แล้วก็ยังคัดค้านอยู่

ประเด็นทางประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ จะพูดยังไงก็พูดยังยากอยู่ เพราะมันก็มีอยู่ช่วงหนึ่งที่อาณาจักรฟูนันมาแบ่งพวก เจนละบก / เจนละน้ำ

การหยิบประเด็นประวัคิศาสตร์ รังแต่จะทะเลาะกัน เพราะหากจะว่าไป ชาวเจนละบก ก็อยู่ในฝั่งไทยนี่เอง

ประชาชนทั่วไปไม่ใช่คนในแวดวงประวัติศาสตร์หรือนักวิชาการที่จะยอมรับความแตกต่างทางความคิดแล้วอยู่ด้วยกันได้

ประชาชนมักจะเชื่อในสิ่งที่ตนอยากเชื่อ

ดังนั้นรัฐบาลนายสมัครจึงต้องตกอยู่ในวงล้อมของข้อกล่าวหาว่า "ขายชาติ" อย่างช่วยไม่ได้

เพราะคนไทยคิดว่า รัฐบาลนายสมัครทำให้ประเทศไทยเสีญประโยชน์


ปล.ไม่สนับสนุนแนวคิดคลั่งชาติ Cool
บันทึกการเข้า

...
ชาร์ป
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,119

« ตอบ #271 เมื่อ: 28 มิถุนายน 2551, 14:21:42 »

คำสั่งศาลปกครองให้คุ้มครองชั่วคราว ในกรณีเขาพระวิหาร ...


http://www.admincourt.go.th/attach/news_attach/2008/06/s51-0984-o01.pdf


 Shocked
บันทึกการเข้า
ppornson
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,724

« ตอบ #272 เมื่อ: 30 มิถุนายน 2551, 12:15:46 »

กรณีคุณปลื้มนะ..บอกได้ว่า..เก่งแต่ปากน่ะ..ทำงานกับใครเค้าไม่ได้หรอก.
บันทึกการเข้า
Mr.EggMan
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,826

« ตอบ #273 เมื่อ: 30 มิถุนายน 2551, 17:40:08 »

เรื่องเขาพระวิหาร

ไม่อยากให้บานปลาย ไปจนกลายเป็นการเกลียดกันของคนทั้งสองชาติ แบบที่ออกข่าวมา อยากให้หยุดดูถูก ประเทศอื่นๆรอบข้าง คำด่าว่า ไอ้ลาว ไอ้เขมร มันไม่ควรเอามาใช้ การรักชาติ รักได้แต่ไม่ได้รักแล้วไปมุ่งร้ายใคร ทำลายใคร อะไรถูกผิดก็ว่ากันไปตามกระบวนการจะดีกว่า อย่าใช้กระแสรักชาติมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองเลย
ตอนนี้ไม่ค่อยชอบบรรยากาศในสังคมบ้านเราเลย มันแบ่งขั้วกันจนน่ากลัว เช่น ถ้าผมออกมาพูดแบบนี้ จะถูกฝ่ายนึงมองว่าเป็นพวกเลียไข่ ฝักใฝ่ทุนนิยม ไม่รักชาติ ไม่รักในหลวง ว่ากันไปใหญ่โต ผมแค่อยากให้สังคมบ้านเรา เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันบ้าง บนความแตกต่างทางความคิด

เรื่องคุณปลื้ม

ผมว่าให้แกไปเป็นดาราจะดีกว่า ไม่ได้ดูถูกนะ แต่ผมแค่รู้สึกว่าคนคนนี้ มีความคิดที่เป็นอุดมคติเกินไป ของบางอย่างต้องเข้าใจสถานะการณ์ที่แท้จริง จิึงจะแก้ปัญหาให้ประชาชนได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะมานั่งเปิดตำราแก้ปัญหา เพียงด้วยหลักการอย่างเดียว

เลือก น้าชูวิทย์ละกัน

 Cool
บันทึกการเข้า

jakkreepan@hotmail.com
Love is in the A...I...R......H
Apirat T.
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,357

« ตอบ #274 เมื่อ: 01 กรกฎาคม 2551, 08:38:03 »

ผมไม่ปลื้มนักพูดฝีมือปากดีครับ
ผมไม่ปลืมพวกมั่นใจสูงครับ

ตาแคม
บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 9 10 [11] 12 13 ... 34  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><