18 พฤษภาคม 2567, 03:34:43
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 2 3 4 [ทั้งหมด]   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: พระอาจารย์ ปราโมทย์ ปราโมชโช  (อ่าน 73204 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
jamsai
Full Member
**


ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 416

เว็บไซต์
« เมื่อ: 29 มกราคม 2553, 20:06:46 »

พระอาจารย์ เป็นพระที่มีลูกศิษย์ ติดตามการสอนธรรมะปฏิบัติ ที่มีชื่อเสียง
มีลูกศิษย์ที่หลายคนเรียนจาก การอ่านหนังสือธรรมะ และการฟังจากแผ่นซีีดี
หลายคนไม่เคยพบพระอาจารย์ ก็ปฏิบัติตามแล้วมีจิตใจดีขึ้น ทุกข์น้อยลง

ป้าเองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่คอย download คำสอนจากเวปไซด์ต่างๆ

เมื่อต้นสัปดาห์ปรากฏว่า หาที่โหลดไม่ได้..............เกิดอะไรขึ้น
เกิดอะไรขึ้น หรือ หือ ฮึ นี่อะไรกัน...

กรณีด่วน.. การที่บ้านอารีย์ประกาศเลิกเผยแพร่คำสอนหลวงพ่อปราโมทย์ ทั้งที่เดิมเป็น
กำลังหลักในการเผยแพร่อย่างแข็งขันและต่อเนื่อง……

 งง งง งง งง
      บันทึกการเข้า

ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
jamsai
Full Member
**


ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 416

เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 29 มกราคม 2553, 20:24:17 »

ตามไปดูเรื่องราว ในที่ต่างๆ  เวป บ้านอารีย์ ลานธรรม พันทิพย์ สวนสันติธรรม
และ เลยมาเจอ หนุ่มวัยมันส์ โจโฉ ที่น่าทึ่ง..อึ้ง และนิตยสารธรรมะใกล้ตัว
.........มีอะไรมากมายในการกล่าวหาและคำชี้แจง


สุดท้ายนึกถึงว่า แม้แต่ในวงการพระศาสนาก็จะมีเรื่องทำนอง...กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจมด้วยรึ

สุดท้ายก็เลยอยากให้ท่านๆได้อ่านความเห็นของคุณดังตฤณ ฉบับที่ 2 ดูบ้างน่ะค่ะ
แล้วใช้สติ ปัญญาพิจารณาด้วยจิตเป็นกลางๆ เอาประโยชน์ เอาอุทาหรณ์ มาสอนตัวเอง
เพื่อการประพฤติปฏิบัติในฐานะ อุบาสก อบาสิกา ที่จะรักษา ค้ำจุน พุทธศาสนาไว้ให้มนุษยชาติ
เพื่อเป็นทางออกของชีวิต ให้มีทุกข์น้อยลง หรือจนกระทั่งพ้นจากทุกข์อย่างสิ้นเชิง ได้ต่อไปตราบนานเท่านาน

 sorry อายจัง
      บันทึกการเข้า

ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
jamsai
Full Member
**


ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 416

เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 29 มกราคม 2553, 20:33:54 »

เกริ่นนำ จากฉบับที่ 1 ค่ะ
..........
บทความโดย ..ดังตฤณ..จาก..นิตยสารธรรมะใกล้ตัว
จากใจ บ.ก. ใกล้ตัว - ฉบับที่ ๘๖

สำหรับกรณีหลวงพ่อปราโมทย์ที่เพิ่งเกิดขึ้น หลายคนอยากฟังคำอธิบายจากผม
เพราะเชื่อว่าน่าจะรู้ตื้นลึกหนาบางดี
แต่ความจริงคือผมเอง ก็ต้องพยายามสืบหาต้นตอและที่มาที่ไป ต้องพยายามสร้างมุมมอง
และความเข้าใจ อันเกิดจากการรวบรวมข้อมูลมาปะติดปะต่อไม่ต่างจากคนอื่น

สิ่งที่ผมจะเขียนต่อไปนี้จึงมีค่าไม่ต่างจากความเห็นของคนทั่วไป
อาจถูกหรืออาจผิดประสาภูมิปัญญาของมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง
เจตนายืนพื้นอยู่บนความอยากรักษาศรัทธาชาวพุทธที่มีต่อพุทธศาสนา
ไม่ใช่มุ่งรักษาศรัทธาของชาวพุทธที่มีต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง

คำอธิบายทั้งหมดมีความยืดยาว ทางที่ดีที่สุดจึงอาศัยคำถามที่มีเข้ามา                  
หาผมไม่ขาดเป็นตัวตั้ง แล้วตอบจากประสบการณ์ตรงหรือด้วยข้อมูลเท่าที่ผมมี

เกริ่นไว้ก่อนว่างานนี้จะไม่มีใครได้ข้อมูลไปทั้งหมด แต่โชคดีที่ไม่จำเป็นต้องรู้ทั้งหมด
ก็เข้าใจได้ เรื่องบางเรื่องรู้ครึ่งเดียวจะเป็นผลดีกับทุกฝ่าย
ตรงข้าม การอธิบายแบบให้เข้าใจหายสงสัยอย่างสิ้นเชิง แบบต้องลงรายละเอียดตามลำดับ
อาจกระทบกระทั่งบุคคล หรืออาจจะต้องเข้าเรื่องเหลือเชื่อเหมือนการ์ตูน
ผมทำไว้ในใจว่าโลกเป็นทุกข์อยู่แล้ว ก็จะไม่ขอเขียนอะไร
ให้เพื่อนร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตาย ต้องเป็นทุกข์เพิ่มแม้แต่คนเดียว
 เหนื่อย

      บันทึกการเข้า

ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
jamsai
Full Member
**


ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 416

เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 29 มกราคม 2553, 20:36:47 »

ตามด้วย
ถาม - การถอนตัวของคณะกรรมการสวนสันติธรรม
เป็นจำนวนหลายคนพร้อมกัน เกิดขึ้นได้อย่างไร?


ตอบ - จากการรับ "ต้นเสียง" ทางโทรศัพท์ด้วยตนเอง
ทำให้มั่นใจว่าเรื่องใหญ่นี้จุดชนวนขึ้นจากความเข้าใจผิด
และมุมมองสรุปที่ต่างกัน........

มีคำอธิบายอีกมากและมีคำถามตอบแบบนี้ถึง 7 ข้อ ตามไปอ่านเอาเองนะคะ

 เหนื่อย
      บันทึกการเข้า

ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
jamsai
Full Member
**


ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 416

เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 29 มกราคม 2553, 20:43:17 »

ฉบับที่ ๑๘ กรณีหลวงพ่อปราโมทย์

........หากไม่แจกแจงตามข้อสงสัยในใจ ก็อาจต้องอ่านต่อเนื่องแบบหลงประเด็นได้

ถาม – สไตล์ที่หลวงพ่อปราโมทย์สอน จัดเป็นการสอนในแบบของพุทธหรือไม่?

ตอบ – หลายคนกล่าวว่าการทักจิต ดักจิตของหลวงพ่อปราโมทย์
เป็นการทำให้หลงงมงายในตัวท่าน และไม่ใช่วิธีการอันพึงปฏิบัติในขอบเขตของพุทธ
เพราะไม่เคยเห็นครูบาอาจารย์ท่านใดทำกัน

ข้อเท็จจริงก็คือครูบาอาจารย์พระป่า ท่านช่วยลูกศิษย์ลูกหาด้วยวิธีทำนองเดียวกันเป็นปกติ
เอาจากตัวผมเองเป็นพยานยืนยัน เคยมีครูบาอาจารย์พระป่าหลายรูปเมตตาบอกให้ลัดๆตรงๆ
บางทีก็พูดชัดๆว่าทำงั้นใช้ได้ ทำงี้ยังไม่ใช่
หรือบางทีก็อาศัยภาษากาย วันไหนเราทำตัวดีท่านก็ยิ้มแย้มพูดจาต้อนรับเอ็นดู
วันไหนเรามีพฤติกรรมไม่เหมาะสมก็เบือนหน้าใส่โดยไม่ต้องสอบสวน
ให้เราสังเกตจากปฏิกิริยาอาการของท่าน แล้วไปสำรวจตนเองเอาตามปัญญา

 
      บันทึกการเข้า

ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
สมชาย17
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,300

« ตอบ #5 เมื่อ: 29 มกราคม 2553, 20:45:47 »

ขอถอนหายใจ เฮือกใหญ่ เหนื่อย

เรายังไม่รู้เหตุที่เกิด  คงวิจารณ์ไม่ได้
แต่ถ้าทุกฝ่ายมุ่งสู่เส้นทางสายนี้จริงๆ ก็คงแก้ไขกันได้
ทุกข์ให้รู้ สมุทัยให้ละ  รู้ 2 อย่างนี้แล้ว มรรคก็จะมาเอง ใจและจิตก็สว่าง ปัญญาเกิด  ปัญหาก็หมดไป

ถ้าเหตุการณ์นี้ไม่จบและบานปลาย  แต่ละฝ่ายก็ไม่ได้เดินทางสาย สว่าง นี้ แล้วแหละ เค้าไม่ยอม


      บันทึกการเข้า
jamsai
Full Member
**


ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 416

เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 29 มกราคม 2553, 20:47:48 »

ที่สำคัญแม้ปัจจุบันก็มีหลายสำนักสอนแบบเดียวกับหลวงพ่อปราโมทย์อย่างไม่เป็นทางการ
คือไม่เปิดให้คนทั่วไปเข้าร่วม เว้นแต่จะมีคนวงในที่รู้จักเป็นผู้ชักชวนเข้ามา

สิ่งที่หลวงพ่อปราโมทย์ทำมีข้อต่างที่สำคัญ นั่นคือการสอนวงกว้างเป็นปกติ
แบบเปิดเผยต่อสาธารณะว่าท่านช่วยสอนให้แบบนี้ก็ได้
ถ้าใครปฏิบัติจริงก็สามารถรับฟังว่าดีขึ้น แย่ลง ตรงทาง ผิดทาง
และที่ท่านมักใช้คำง่ายๆไม่ค่อยลงรายละเอียด ก็เพราะเวลาสำหรับเจาะเป็นคนๆมีไม่มากนัก
การจาระไนรายละเอียดให้แต่ละคนนั้น กินเวลาไม่ต่ำกว่า ๕ นาที หรือให้ดีต้องเกิน ๑๐ นาทีขึ้นไป
ลองคำนวณจากกลุ่มคนที่ไปให้ท่านสอนในแต่ละวัน
ตีเสียว่าวันละ ๕๐ ถ้าจี้กันครบทุกคนก็ ๒๕๐-๕๐๐ นาที ไม่มีทางที่ใครจะทำให้ครบได้ไหวทุกวัน

แต่รูปแบบถามตอบให้ได้ยินโดยทั่วกัน ก็มีส่วนช่วยลดข้อจำกัดเรื่องเวลาลงไปได้
เพราะเมื่อได้ยินปัญหาและคำไขจากกรณีของคนอื่น ก็มีสิทธิ์ตรงกับปัญหาเฉพาะตน
เมื่อได้คำตอบแล้วจึงไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงตาตนอีก


เรียกว่าเป็นการอาศัยมวลชน เป็นเครื่องกระทบช่วยให้เข้าใจมาถึงปัญหาของตน
ไม่ใช่อาศัยมวลชนเป็นเครื่องกล่อมให้คล้อยตามกัน


ยังไม่หมดค่ะ
ถ้าใครอยากทราบก็ตามไปหาในเวปต่างๆดูไปก่อนนะคะ
      บันทึกการเข้า

ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
jamsai
Full Member
**


ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 416

เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: 29 มกราคม 2553, 21:18:25 »

กำลังจะกลับเหลือบเห็นน้องสมชายเข้ามาและตอบเลยต้องรีบมาใหม่
เพื่อย้ำเจตนา ว่าการโพสต์เรื่องนี้ นั้น เพื่อ ..........

...การใช้สติ ปัญญาพิจารณาด้วยจิตเป็นกลางๆ เอาประโยชน์ เอาอุทาหรณ์ มาสอนตัวเอง
เพื่อการประพฤติปฏิบัติในฐานะ อุบาสก อบาสิกา ที่จะรักษา ค้ำจุน พุทธศาสนาไว้ให้มนุษยชาติ
เพื่อเป็นทางออกของชีวิต ให้มีทุกข์น้อยลง หรือจนกระทั่งพ้นจากทุกข์อย่างสิ้นเชิง


...ต่างหาก น้องๆ ขาาาาาาาาาาาา

การวิพากษ์วิจารณ์ เกี่ยวกับผู้มีศีลนั้นหมิ่นเหม่ต่อ การสร้างบาปกรรมยิ่งนัก
เอาเป็นว่าเราตามดูความเห็น และการให้เหตุผลของผู้อื่นก่อนแล้วพิจารณาให้เกิดประโยชน์กับตัวเรา
เผื่อหากจำเป็นต้องมีการกระทำใดๆทางวจีกรรม และกายกรรม เพื่อรักษาพระพุทธศาสนา เราก็จะทำได้
อย่างถูกต้อง โดยไม่เป็นการทำผิดบาป หรือการเพิกเฉยต่อหน้าที่ของการเป็นหนึ่งในพุทธบริษัท
นั่นต่างหาก ล่ะคะน้องสมชาย

ที่พี่ห่วงคือ...จะเป็นว่าพี่จุดชนวนให้ใครๆเผลอมาสร้างบาปจากวจีกรรม เอาได้
ศึกษาข้อมูลให้ละเอียดกันก่อนดีกว่า เราจะได้ความรู้ความคิด จากคนอื่นๆอีกเยอะเลยค่ะ

หากใช้อารมณ์ประมาณว่าการวิจารณ์การเมือง แหละ่ก็ แย่เลย ป้าแจ่มเอ๋ย
ป้าบาปแน่ๆ ฐานตั้งกระทู้จุดประกาย
      บันทึกการเข้า

ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #8 เมื่อ: 29 มกราคม 2553, 21:54:20 »

ยังงงอยู่ (ไม่รู้อะไรเลยครับอาจารย์)
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
มีนา
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2515
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 1,865

« ตอบ #9 เมื่อ: 29 มกราคม 2553, 23:02:45 »

...รู้ข่าวจากเอกสารที่มีผู้นำมาให้อ่านแต่ไม่เหมาะนำมาลงให้อ่านในที่นี้

...ไปสวนสันติธรรมหลังสุดเมื่อ 5 ธ.ค.52 ไม่มีใครพูดถึงเหตุการณ์ผิดปกติแต่อย่างใด
แต่อาทิตย์ที่แล้วก็งงเหมือนกัน ได้อ่านแถลงการณ์ของสวนสันติธรรม 1 ฉบับ
คำชี้แจงอีก  3 ฉบับ ส่วนอีกชุดเป็นประกาศของผู้สนใจธรรมะอีกกลุ่มหนึ่ง

...อ่านแล้วก็ได้อุทาหรณ์สอนตัวเองจริงๆ
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #10 เมื่อ: 29 มกราคม 2553, 23:17:05 »

ตามไปถาม google ก็ไม่พบ...
ใครก็ได้ช่วยแปะลิงค์ให้ที ไม่บาปหรอกครับ
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
สมชาย17
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,300

« ตอบ #11 เมื่อ: 30 มกราคม 2553, 07:29:16 »

ป้าแจ่ม คงเข้าใจผิด เรื่องที่ผมโพสต์

อ้างถึง
ข้อความของ สมชาย17 เมื่อ 29 มกราคม 2553, 20:45:47
ขอถอนหายใจ เฮือกใหญ่ เหนื่อย

เรายังไม่รู้เหตุที่เกิด  คงวิจารณ์ไม่ได้
แต่ถ้าทุกฝ่ายมุ่งสู่เส้นทางสายนี้จริงๆ ก็คงแก้ไขกันได้
ทุกข์ให้รู้ สมุทัยให้ละ  รู้ 2 อย่างนี้แล้ว มรรคก็จะมาเอง ใจและจิตก็สว่าง ปัญญาเกิด  ปัญหาก็หมดไป

ถ้าเหตุการณ์นี้ไม่จบและบานปลาย  แต่ละฝ่ายก็ไม่ได้เดินทางสาย สว่าง นี้ แล้วแหละ เค้าไม่ยอม





ผมไม่ได้ว่า ป้าแจ่ม เป็นผู้ทำให้เหตุการณ์บานปลาย  (ป้าแจ่มต้องการ ให้นำมาเป็นอุทาหรณ์ เพื่อเป็นบทเรียนสอนตัวเอง)
ผมหมายถึง ความขัดแย้ง ความไม่เข้าใจกัน ของผู้เผยแผ่ธรรมะ ภายนอก ทีเป็นคู่กรณีกัน(ไม่ใช่ในเวบ ซีมะโด่ง) ทำให้บานปลาย
ถ้าทำให้ ป้าแจ่มเข้าใจผิด ผมต้องขอโทษด้วยครับ sorry
      บันทึกการเข้า
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #12 เมื่อ: 30 มกราคม 2553, 08:01:07 »

...เพิ่งทราบเมื่อ อ.แจ่มใส มาเปิดกระทู้เนี่ยล่ะค่ะ...
...จริงๆวันนี้เป็นวันพระใหญ่...ตู่ก็ตั้งใจจะไปที่สวนเหมือนกันแต่พอดีว่าไม่ค่อยสบายค่ะ(เป็นหวัดนิดหน่อย)...
...เลยไม่ได้นัดกับนี้(ตอนนี้ค่อยยังชั่วแล้วค่ะ)...
...ครั้งสุดท้ายตู่ไปเมื่อ 3 ม.ค.53 ก็ไม่ได้รู้สึกผิดปกติอะไรค่ะ...บรรยากาศทุกอย่างยังเหมือนเดิม...
...หลังทานข้าวแล้วก็ไปยืนรอให้ประตูเปิดเพื่อเข้าศาลา...
...ระหว่างที่รอไม่รู้จะทำอะไรก็เลยไปยืนอ่านแถลงการณ์ของสวนค่ะ...
...ใจความใหญ่ก็มีว่าขอร้องให้ผู้มาปฎิบัติธรรมอย่าได้เอาแนวทางของหลวงพ่อไปถกเถียงหรือทะเลาะกัน...
...เพราะแต่ละแห่งอาจจะแตกต่างกันในการปฎิบัติ...(ความจริงมีรายละเอียดเยอะกว่านี้มากค่ะ)
...อ่านแล้วก็พอเข้าใจนะคะเพราะเท่าที่รู้มากรรมฐานมีตั้ง 40 อย่าง...
...พอประตูเปืด...ตู่ก็เข้าไปนั่งฟังหลวงพ่อตอบการบ้านเหมือนเดิมค่ะ...
...ก็พอใจที่จะนั่งฟังเงียบๆไม่เคยส่งการบ้านเลยค่ะ...
...และก็คิดว่าปัญหาเราคงจะเหมือนกับบางท่านที่ได้ส่งการบ้านไป...
...วันนั้นก็ได้ความสุขใจกลับมามากมายค่ะถือเป็นนิมิตหมายอันดีของการเริ่มต้นทำความดีในโอกาสปีใหม่ค่ะ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
มีนา
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2515
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 1,865

« ตอบ #13 เมื่อ: 30 มกราคม 2553, 14:30:55 »

...พี่ตู่..หายจากหวัดไวๆนะ นี้เองก็เข็ดจากเป็นหวัดล่าสุด ทางบางแสนอากาศเปลี่ยนแปลงมาก
เย็น ร้อน สลับกัน

...เดือนนี้ยุ่งกับเรื่องพี่ชายฝากจัดการเรื่องบ้าน ไม่ได้ไปไหนไกล เดินอยู่แถวห้างแหลมทอง
และไปดูแข่งขันดนตรีไทยนักเรียนภาคตะวันออกที่ ม.บูรพา ต้นเดือนหน้านัดเพื่อนที่ กทม.

...พี่ตู่จะดูหนังที่ห้างแหลมทองมั้ยคะ มีตั๋วฟรี ใช้ได้ถึง 28 ก.พ.53 หากสนใจจะเก็บไว้ให้ค่ะ
      บันทึกการเข้า
เจษฎา
Cmadong พันธุ์แท้
****


the more you get ,the less you feel
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,682

« ตอบ #14 เมื่อ: 30 มกราคม 2553, 15:50:11 »

ที่นี่ครับพี่ป๋อง มีครบ

http://wimutti.net/forum/index.php?board=22.0
      บันทึกการเข้า

ไม่หล่อ แต่ไม่ค่อยว่าง
เจษฎา
Cmadong พันธุ์แท้
****


the more you get ,the less you feel
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,682

« ตอบ #15 เมื่อ: 30 มกราคม 2553, 15:59:23 »

นี่แถลงจากบ้านอารีย์
http://www.baanaree.net/baanareepost.html
      บันทึกการเข้า

ไม่หล่อ แต่ไม่ค่อยว่าง
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #16 เมื่อ: 30 มกราคม 2553, 18:09:43 »

พอเข้าใจเรื่องราวแล้ว
ขอบคุณมากครับคุณหมอ
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #17 เมื่อ: 30 มกราคม 2553, 18:53:32 »


                  

                   แมวขาว แมวดำ

         จะเชื่อใครดี ระหว่าง มูลนิธิบ้านอารีย์ กับ พระอาจารย์ปราโมช

                  

          ขอนำ คำพูดของผู้นำจีน ท่านเติ้ง เสี่ยวผิง ที่ว่า

          “แมวไม่ว่าจะสีขาวหรือสีดำ ถ้าจับหนูได้ก็ใช้ได้”

มาบอกพวกเราว่า ไม่ควรยึดติดในผู้สอน ถ้าสอนให้ละกิเลส เป็นใช้ได้  

         รักนะ รักนะ รักนะ

ขอนำคำสอน ธรรมะวันอาทิตย์ ที่ 31 มกราคม 2553 ประมาณ 6.00 น.

                  

       พระมหาวุฒิชัย วชิระเมธี (ว.วชิระเมธี)

วัดเบญจมบพิตรดุลิตวนาราม มหาวรวิหาร กรุงเทพ

…………………………………………………….............

มีคำถามจากทางบ้านเรื่อง

         "คำสอนใดเป็นของพระพุทธศาสนา"

จะต้อง พิสูจน์ ๕ อย่าง คือ

๑.ต้องศึกษาคำสอนนั้นให้ชัดเจนมุ่งพันจากกิเลส

๒.ต้องนำมาปฏิบัติ ตามดูว่าเป็นจริงหรือไม่

๓.ต้องสัมผัสผล ได้ผลตามคำสอนหรือไม่

๔.ต้องเผยแพร่ ถ้าพิสูจน์ ๓.ข้อข้างต้น แล้วเป็นจริง

๕.ต้องแก้ไข ถ้าใครเข้าใจผิดต้องช่วยแก้ไขให้ถูกต้อง

จึงขอให้ญาติโยมนำไปใช้ตรวจสอบคำสอน ตาม ๕ ข้อ

เพื่อส่งเสริม และ อนุรักษ์ อันเป็นหน้าที่พุทธมามกะ ที่พึงทำ

             ขออนุโมทนา

         หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า

หมายเหตุ ปัจจุบัน ช่อง ๗ สี งด การเปิดให้ดูย้อนหลังรายการได้

จึงต้องตื่นขึ้นมาดูฟังรายการสดเท่านั้น

          ถ้าไม่สามารถตื่นได้ทัน ผมจะนำมาสรุปให้อ่านติดตามได้

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=panomsarakham

          รักนะ รักนะ รักนะ
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
jamsai
Full Member
**


ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 416

เว็บไซต์
« ตอบ #18 เมื่อ: 31 มกราคม 2553, 07:18:45 »

สวัสดีค่ะ

1.น้องสมชาย จากที่ว่า ...ผมไม่ได้ว่า ป้าแจ่ม เป็นผู้ทำให้เหตุการณ์บานปลาย....

ป้าขอบอกว่า ใช่ค่ะ น้องสมชายไม่ได้ว่าอะไรป้าเลย เพียงแต่ป้าต่างหากที่เกรงว่าตัวเอง
จะชวนชาวบ้าน ทำให้บานปลายอย่างไม่ควรหรือเปล่านี่ ....

ป้าก็เลยรีบมาโพสต์ตอบน้องสมชายเพื่อ ย้ำว่าเจตนาเอาเรื่องมาเพราะให้พวกเราศึกษาข้อมูลและพิจารณา
และถามตัวเองว่า จะช่วยปกป้องรักษา พุทธศาสนาอย่างไร  
ชุมชนพวกเราน่าจะนับเป็น สังคมอุดม(สติ?)ปัญญา สังคมหนึ่ง ถ้ามีกรณีวิกฤติศรัทธาเกิดขึั้้นกับศาสนา
หรือบุคคลที่เป็นจุดศรัทธาของกลุ่มผู้คนแล้ว เราจะมีท่าทีอย่างไร หากเราต้องเกี่ยวข้องในฐานะพุทธบริษัท  


2.จากการที่ตามไปอ่านในห้องพันทิพย์ที่เขาถกกันมันเดือด ป้าก็ได้ ความเข้าใจและแง่คิด
ที่ตัวเองคิดไม่ถึงอีกมากมาย เช่นที่คัดลอกมาข้างล่างนี้...

"......ฉันห่วงแต่พวกมือที่สาม ที่คอยสอยคิว  แหย่ทางโน้นทีทางนี้ที พอฝุ่นตลบก็หายตัวไป...

ขอชี้ชวนให้เห็นว่า...วัดป่า เป็นที่พึ่งของคนจำนวนมากที่ต้องการมรรคผล ไม่ใช่เข้าวัดทำบุญเฉยๆ

หลวงพ่อปราโมทย์ เป็นที่พึ่งของคนในเมือง ที่อาจจะไม่มีโอกาสไปปฏิบัติเต็มรูปแบบ  หลวงพ่อได้เป็น
ที่พึ่งของคนเหล่านี้จำนวนมากเช่นกัน

ถ้าทั้งสองฝั่งนี้ ช่วยกันทำหน้าที่ของตน จรรโลงพระศาสนา..บ้านเมืองเราจะเป็นอย่างไร ศาสนาพุทธในบ้านเรา
จะกว้างขวางออกไปขนาดไหน..

ฉันก็เริ่มเรียนรู้จากหลวงพ่อปราโมทย์  เมื่อถึงจุดที่ค้นพบจริตของตัวเอง ว่าชอบแบบเข้มข้น  ฉันก็เดินเข้าวัดป่า..

ดูยังไงก็ไม่เห็นว่าจะเป็นปัญหาอะไรเลย..

แต่หากร่มโพธิ์ร่มไทรทั้งสองนี้ ถูกบั่นทอนลง ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม..

ลองนึกสิ..ว่าสถานการณ์พระพุทธศาสนาของบ้านเมืองเราจะเป็นยังไงต่อไป

ลองนึกสิ.. ว่าใครจะได้ประโยชน์ท่ามกลางวิกฤตศรัทธา

ลองนึกสิ... ว่าใครจะได้ประโยชน์ ถ้าสามารถเสี้ยมให้พระแตกกันสำเร็จ..

อยากให้คุณๆ ลองพิจารณาด้วย...


....
ขอบคุณทุกคนที่่่อ่านและให้ความเห็นนะคะ

      บันทึกการเข้า

ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #19 เมื่อ: 31 มกราคม 2553, 12:15:57 »

อ้างถึง
ข้อความของ มีนา เมื่อ 30 มกราคม 2553, 14:30:55
...พี่ตู่..หายจากหวัดไวๆนะ นี้เองก็เข็ดจากเป็นหวัดล่าสุด ทางบางแสนอากาศเปลี่ยนแปลงมาก
เย็น ร้อน สลับกัน

...เดือนนี้ยุ่งกับเรื่องพี่ชายฝากจัดการเรื่องบ้าน ไม่ได้ไปไหนไกล เดินอยู่แถวห้างแหลมทอง
และไปดูแข่งขันดนตรีไทยนักเรียนภาคตะวันออกที่ ม.บูรพา ต้นเดือนหน้านัดเพื่อนที่ กทม.

...พี่ตู่จะดูหนังที่ห้างแหลมทองมั้ยคะ มีตั๋วฟรี ใช้ได้ถึง 28 ก.พ.53 หากสนใจจะเก็บไว้ให้ค่ะ

...นี้...เก็บตั๋วไว้แล้วค่อยไปดูด้วยกันค่ะถ้าพี่มีโอกาสได้เข้าชลบุรี...
...ทีแรกว่าจะไปดูเรื่องปายอินเลิฟ...สงสัยป่านนี้คงออกไปตั้งนานแล้ว...
...เรื่องอวตารก็น่าสนใจนะ...
...เมื่อสิ้นเดือนพี่ก็ไม่ได้เข้าจังหวัดค่ะ...พี่เอาแต่นอนตั้งแต่เสาร์ที่แล้ว...
...วันนี้หายเรียบร้อยแล้วค่ะ...
...วันนี้จริงๆอยากจะไปสวนมาก...แต่หาคนขับรถไม่ได้เลย...ทุกคนต้องอยู่เวรค่ะ...
...แล้วค่อยนัดกันอีกทีนะนี้...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #20 เมื่อ: 31 มกราคม 2553, 12:30:38 »

...เป็นหวัดทีไร...เข็ดจริงๆเลย...
...มันทรมานยิ่งกว่าขึ้นเตียงผ่าตัดอีก...ทรมานตอนที่มันมีอาการคันคอมากๆ...พาลอยากอาเจียน...
...ถ้าพ้นตอนคันคอไปได้...ถือว่าค่อยยังชั่วหน่อย...
...ต่อไปก็คืออาการไอ...แม้จะทานยาตามกำหนดเวลา...ก็เหมือนกับว่ายานั้นไม่มีประสิทธิภาพ...
...เพราะไอได้เป็นวรรคเป็นเวร...บางทีพาลคิดไปว่ายาหมดอายุหรือไร...
...ทานยามาเป็นวันที่ 5 แล้ว...อาการยังไม่ทุเลาเลย...
...แต่พอวันที่ 6 ก็แสนอัศจรรย์ไจ...อยู่ๆอาการไอก็หายไปมากๆ...เหลือแต่คิกๆแค๊กๆ...
...ทานยาต่อจนวันที่ 7 ยาปฎิชีวนะที่ให้มาทานจนหมด...อาการดีขึ้นมากๆ...
...ตอนเป็นหวัดทีไร...นึกถึงตอนผ่าตัด...ใจเสียก่อนเข้าห้อง...
...แต่ตอนออกมา...รู้สึกสบาย...เหมือนขึ้นสวรรค์...แบบโล่งอกมากๆ...
...เทียบกับหวัดแล้ว...รู้สึกทรมานน้อยกว่าอีก...
...นี้...ตอนเจอกันครั้งหลังๆ...พี่เห็นเธอถือกระติกอยู่อันนึง...
...พี่ก็ได้มาอันนึงเหมือนกัน...มีคนให้พี่มา...
...อาการเราแบบเดียวกันเลยคือเป็นหวัดหลังจากใช้กระติกอันนี้...
...ไม่รู้ว่าพี่คิดไปเองหรือเปล่า...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
เจษฎา
Cmadong พันธุ์แท้
****


the more you get ,the less you feel
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,682

« ตอบ #21 เมื่อ: 31 มกราคม 2553, 12:42:21 »

เรียนพี่แจ่มที่นับถืออย่างสูง
เห็นดีด้วยกับที่พี่กล่าวทุกประการครับ ไม่อยากพาดพิงแต่ก็อดไม่ได้ในกรณีของหลวงพี่สมปอง ไฉนเลยถึงไม่มีใครติติงกลับเห็นดีเห็นงาม เป็นเพราะเข้าถึงมวลชนจำนวนมากใช่หรือไม่
ผมไม่กล้าสรุปครับ
      บันทึกการเข้า

ไม่หล่อ แต่ไม่ค่อยว่าง
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #22 เมื่อ: 31 มกราคม 2553, 14:09:11 »

...อยากจะได้แก่นหรือเปลือกจงเลือกเอา...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
เจษฎา
Cmadong พันธุ์แท้
****


the more you get ,the less you feel
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,682

« ตอบ #23 เมื่อ: 31 มกราคม 2553, 14:14:56 »

สวัสดีครับพี่ตู่
      บันทึกการเข้า

ไม่หล่อ แต่ไม่ค่อยว่าง
มีนา
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2515
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 1,865

« ตอบ #24 เมื่อ: 01 กุมภาพันธ์ 2553, 21:09:15 »

อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 31 มกราคม 2553, 12:15:57
...นี้...เก็บตั๋วไว้แล้วค่อยไปดูด้วยกันค่ะถ้าพี่มีโอกาสได้เข้าชลบุรี...
...ทีแรกว่าจะไปดูเรื่องปายอินเลิฟ...สงสัยป่านนี้คงออกไปตั้งนานแล้ว...
...เรื่องอวตารก็น่าสนใจนะ...
...เมื่อสิ้นเดือนพี่ก็ไม่ได้เข้าจังหวัดค่ะ...พี่เอาแต่นอนตั้งแต่เสาร์ที่แล้ว...
...วันนี้หายเรียบร้อยแล้วค่ะ...
...วันนี้จริงๆอยากจะไปสวนมาก...แต่หาคนขับรถไม่ได้เลย...ทุกคนต้องอยู่เวรค่ะ...
...แล้วค่อยนัดกันอีกทีนะนี้...


...ปายอินเลิฟกับอวตารออกแล้วค่ะ เห็นโฆษณาฉายอยู่มีเรื่องครูบ้านนอก/ วิ่งขโยงฟัด
บังเอิญ.../ขงจื๊อ  มาคุยเรื่องหนังในกระทู้ธรรมะไม่เป็นไรเนอะ ทางโลกกับทางธรรมไปด้วยกันได้
      บันทึกการเข้า
มีนา
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2515
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 1,865

« ตอบ #25 เมื่อ: 01 กุมภาพันธ์ 2553, 21:32:14 »

อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 31 มกราคม 2553, 12:30:38
...เป็นหวัดทีไร...เข็ดจริงๆเลย...
...มันทรมานยิ่งกว่าขึ้นเตียงผ่าตัดอีก...ทรมานตอนที่มันมีอาการคันคอมากๆ...พาลอยากอาเจียน...
...ถ้าพ้นตอนคันคอไปได้...ถือว่าค่อยยังชั่วหน่อย...
...ต่อไปก็คืออาการไอ...แม้จะทานยาตามกำหนดเวลา...ก็เหมือนกับว่ายานั้นไม่มีประสิทธิภาพ...
...เพราะไอได้เป็นวรรคเป็นเวร...บางทีพาลคิดไปว่ายาหมดอายุหรือไร...
...ทานยามาเป็นวันที่ 5 แล้ว...อาการยังไม่ทุเลาเลย...
...แต่พอวันที่ 6 ก็แสนอัศจรรย์ไจ...อยู่ๆอาการไอก็หายไปมากๆ...เหลือแต่คิกๆแค๊กๆ...
...ทานยาต่อจนวันที่ 7 ยาปฎิชีวนะที่ให้มาทานจนหมด...อาการดีขึ้นมากๆ...
...ตอนเป็นหวัดทีไร...นึกถึงตอนผ่าตัด...ใจเสียก่อนเข้าห้อง...
...แต่ตอนออกมา...รู้สึกสบาย...เหมือนขึ้นสวรรค์...แบบโล่งอกมากๆ...
...เทียบกับหวัดแล้ว...รู้สึกทรมานน้อยกว่าอีก...
...นี้...ตอนเจอกันครั้งหลังๆ...พี่เห็นเธอถือกระติกอยู่อันนึง...
...พี่ก็ได้มาอันนึงเหมือนกัน...มีคนให้พี่มา...
...อาการเราแบบเดียวกันเลยคือเป็นหวัดหลังจากใช้กระติกอันนี้...
...ไม่รู้ว่าพี่คิดไปเองหรือเปล่า...


...พี่ตู่พูดเรื่องกระติกนึกอยู่พักหนึ่งว่ากระติกอันไหนเพราะไม่เคยถือกระติกไปตอนเจอพี่ เคยถือกระบอกน้ำ
และแก้วน้ำ  ต้องมาฟันธงและคอนเฟิร์มว่าไม่ได้เป็นหวัดเพราะใช้กระติก/ กระบอก/ แก้วน้ำแน่นอน
แต่เหตุที่นี้เป็นหวัดเพราะไปนั่งกลางแดดเปรี้ยงที่ลานพระบรมรูปทรงม้าแถมนั่งคู่กับคนเป็นหวัด
ทั้งเที่ยวไป-กลับ กรุงเทพฯ-ชล  ภูมิต้านทานเหลือน้อยตามวัย หวัดเลยเล่นงาน ฟันธง....
ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ
      บันทึกการเข้า
jimsy
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 195

« ตอบ #26 เมื่อ: 03 กุมภาพันธ์ 2553, 13:22:50 »

     

              หวัดดีค่ะพี่ตู่...มีคนบอกว่าหวัดดีคือเป็นหวัดแล้วก็ดี..เล่นเอานู๋..งง..นู๋ก้อเป็นหลังปีใหม่นอนซม..สังเกตูก่อนเ้ป็นน่าจะ..น่าจะไปดื่มน้ำในแก้วที่ใส่ตู้เย็นไว้...แล้วปั่นป่วนในหัวแต่ไม่มีไข้...มีคนเขาเตือนเรื่องน้ำดื่มในขวดที่ดื่มจากขวดแล้วมีเชื้อโรคอยู่ที่ขวด..ทิ้งไว้อาจมีเชื้อสะสมได้..ไม่รู้ใช่ป่ะคะ...แต่หนูไม่เคยดื่มน้ำในขวดแต่คอยระวังใช้เทกรอกปากเอา..แต่คราวนี้พลาดก็เลยนอนซม 2-3 อาทิตย์..น่าจะไล่ ๆ กะพี่นะคะ...ตอนนี้หายสบายดีแล้วใช่ไหมคะ......จาได้เห็นทุกข์กันตอนป่วยไง้....

              พี่แจ่มคะ..หนูก็ตามเรื่องอยู่...หนูเริ่มอ่านข้อเขียนของหลวงพ่อจากเน็ทที่เขาพริ้นท์ มาให้ตั้งแต่ท่านยังไม่บวช...ฝึกเองถูกมั่งเพ่งมั่ง...เป็นปีจึงเจอคุณตุลย์(ดังตฤณ) แรกเจอคุณตุลย์ก็บอกว่า...จิตพี่ดีขึ้นเยอะฯ...หนูเองก็สังเกตุตัวเองว่าชีวิตมีความสุขขึ้นเยอะ...เราปฏิบัติเองก็รู้เองจิง ๆ และครูบาอาจารย์รุ่นเก่า  เช่น หลวงปู่ชา..หลวงปู่เทสก์..ฯลฯ ที่เราเคยอ่านหรือฟังคำสอนของท่านเราก็นำมาศึกษาปฏิบัติตามอย่างผสมกลมกลืน..หนูว่าคนที่เขาศึกษากันจิงก็ไม่ได้อ่านหรือฟังคำสอนของท่านองค์เดียวอยู่แล้ว...อันไหนถูกจริตก็นำมาประยุกต์กันได้....ขอให้ทุกปัญหาผ่านพ้นไปได้ด้วยดีิเท้ิ้ิอดดด....

            ..ธรรมะของพระพุทธองค์รู้ได้ด้วยการปฏิบัติจิง ๆนะคะพี่แจ่ม......
      บันทึกการเข้า
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #27 เมื่อ: 06 กุมภาพันธ์ 2553, 13:13:39 »

อ้างถึง
ข้อความของ เจษฎา เมื่อ 31 มกราคม 2553, 14:14:56
สวัสดีครับพี่ตู่
...สวัสดีค่ะ...น้องเจษฏา...
...ช่วยมาเล่าเรื่องหลวงพี่สมปองให้พี่ตู่และชาวหอฟังบ้างสิคะ...
...คือพี่ยังไม่รู้จักท่านค่ะ(เชยมากๆ)...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #28 เมื่อ: 06 กุมภาพันธ์ 2553, 13:17:45 »

อ้างถึง
ข้อความของ มีนา เมื่อ 01 กุมภาพันธ์ 2553, 21:32:14
อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 31 มกราคม 2553, 12:30:38
...เป็นหวัดทีไร...เข็ดจริงๆเลย...
...มันทรมานยิ่งกว่าขึ้นเตียงผ่าตัดอีก...ทรมานตอนที่มันมีอาการคันคอมากๆ...พาลอยากอาเจียน...
...ถ้าพ้นตอนคันคอไปได้...ถือว่าค่อยยังชั่วหน่อย...
...ต่อไปก็คืออาการไอ...แม้จะทานยาตามกำหนดเวลา...ก็เหมือนกับว่ายานั้นไม่มีประสิทธิภาพ...
...เพราะไอได้เป็นวรรคเป็นเวร...บางทีพาลคิดไปว่ายาหมดอายุหรือไร...
...ทานยามาเป็นวันที่ 5 แล้ว...อาการยังไม่ทุเลาเลย...
...แต่พอวันที่ 6 ก็แสนอัศจรรย์ไจ...อยู่ๆอาการไอก็หายไปมากๆ...เหลือแต่คิกๆแค๊กๆ...
...ทานยาต่อจนวันที่ 7 ยาปฎิชีวนะที่ให้มาทานจนหมด...อาการดีขึ้นมากๆ...
...ตอนเป็นหวัดทีไร...นึกถึงตอนผ่าตัด...ใจเสียก่อนเข้าห้อง...
...แต่ตอนออกมา...รู้สึกสบาย...เหมือนขึ้นสวรรค์...แบบโล่งอกมากๆ...
...เทียบกับหวัดแล้ว...รู้สึกทรมานน้อยกว่าอีก...
...นี้...ตอนเจอกันครั้งหลังๆ...พี่เห็นเธอถือกระติกอยู่อันนึง...
...พี่ก็ได้มาอันนึงเหมือนกัน...มีคนให้พี่มา...
...อาการเราแบบเดียวกันเลยคือเป็นหวัดหลังจากใช้กระติกอันนี้...
...ไม่รู้ว่าพี่คิดไปเองหรือเปล่า...


...พี่ตู่พูดเรื่องกระติกนึกอยู่พักหนึ่งว่ากระติกอันไหนเพราะไม่เคยถือกระติกไปตอนเจอพี่ เคยถือกระบอกน้ำ
และแก้วน้ำ  ต้องมาฟันธงและคอนเฟิร์มว่าไม่ได้เป็นหวัดเพราะใช้กระติก/ กระบอก/ แก้วน้ำแน่นอน
แต่เหตุที่นี้เป็นหวัดเพราะไปนั่งกลางแดดเปรี้ยงที่ลานพระบรมรูปทรงม้าแถมนั่งคู่กับคนเป็นหวัด
ทั้งเที่ยวไป-กลับ กรุงเทพฯ-ชล  ภูมิต้านทานเหลือน้อยตามวัย หวัดเลยเล่นงาน ฟันธง....
ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ

...ไม่เป็นไรค่ะดูเรื่องไหนก็ได้...แต่ไม่น่าออกเร็วเลยเนอะ...หนังยังใหม่อยู่แท้ๆ...
...เรื่องกระติกพี่คงจำผิด...พี่จำได้ว่าเห็นนี้ห้อยเหรียญนั้นไว้ที่คอ...
...ส่วนพี่...พี่ได้กระติกมาโดยบังเอิญค่ะ...
...น้องพยาบาลเอามาสวัสดีปีใหม่...
...บอกว่าใส่น้ำทานแล้วจะดี...หลักเดียวกันกับเหรียญของนี้...
...พี่ก็พยายามใช้ค่ะ...กำลังทดลองอยู่...ว่าดีจริงหรือไม่...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #29 เมื่อ: 06 กุมภาพันธ์ 2553, 14:12:34 »

อ้างถึง
ข้อความของ jimsy เมื่อ 03 กุมภาพันธ์ 2553, 13:22:50
     

              หวัดดีค่ะพี่ตู่...มีคนบอกว่าหวัดดีคือเป็นหวัดแล้วก็ดี..เล่นเอานู๋..งง..นู๋ก้อเป็นหลังปีใหม่นอนซม..สังเกตูก่อนเ้ป็นน่าจะ..น่าจะไปดื่มน้ำในแก้วที่ใส่ตู้เย็นไว้...แล้วปั่นป่วนในหัวแต่ไม่มีไข้...มีคนเขาเตือนเรื่องน้ำดื่มในขวดที่ดื่มจากขวดแล้วมีเชื้อโรคอยู่ที่ขวด..ทิ้งไว้อาจมีเชื้อสะสมได้..ไม่รู้ใช่ป่ะคะ...แต่หนูไม่เคยดื่มน้ำในขวดแต่คอยระวังใช้เทกรอกปากเอา..แต่คราวนี้พลาดก็เลยนอนซม 2-3 อาทิตย์..น่าจะไล่ ๆ กะพี่นะคะ...ตอนนี้หายสบายดีแล้วใช่ไหมคะ......จาได้เห็นทุกข์กันตอนป่วยไง้....

              พี่แจ่มคะ..หนูก็ตามเรื่องอยู่...หนูเริ่มอ่านข้อเขียนของหลวงพ่อจากเน็ทที่เขาพริ้นท์ มาให้ตั้งแต่ท่านยังไม่บวช...ฝึกเองถูกมั่งเพ่งมั่ง...เป็นปีจึงเจอคุณตุลย์(ดังตฤณ) แรกเจอคุณตุลย์ก็บอกว่า...จิตพี่ดีขึ้นเยอะฯ...หนูเองก็สังเกตุตัวเองว่าชีวิตมีความสุขขึ้นเยอะ...เราปฏิบัติเองก็รู้เองจิง ๆ และครูบาอาจารย์รุ่นเก่า  เช่น หลวงปู่ชา..หลวงปู่เทสก์..ฯลฯ ที่เราเคยอ่านหรือฟังคำสอนของท่านเราก็นำมาศึกษาปฏิบัติตามอย่างผสมกลมกลืน..หนูว่าคนที่เขาศึกษากันจิงก็ไม่ได้อ่านหรือฟังคำสอนของท่านองค์เดียวอยู่แล้ว...อันไหนถูกจริตก็นำมาประยุกต์กันได้....ขอให้ทุกปัญหาผ่านพ้นไปได้ด้วยดีิเท้ิ้ิอดดด....

            ..ธรรมะของพระพุทธองค์รู้ได้ด้วยการปฏิบัติจิง ๆนะคะพี่แจ่ม......
...ใช่จ้ะ...น้องจิ๋ม...เห็นทุกข์จริงๆเลยค่ะ...
...แต่ส่วนมากหวัดของพี่ตู่จะเกิดเวลาอากาศเปลี่ยนค่ะเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็น...เสร็จทุกที...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
เพื่อนเดียว-69
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu69
กระทู้: 152

« ตอบ #30 เมื่อ: 06 กุมภาพันธ์ 2553, 22:19:31 »

พรุ่งนี้วันพระ

มีความคิดว่า...

รู้สึกดีที่พี่ๆสนใจธรรมะกัน

เดินผิดทางบ้างถูกทางบ้าง ก็ลองเดินดู

คลำทางไป ตามแผนผัง (ที่มีสะสมกันอยู่ก่อนในใจมานานแล้ว)

แต่ต้องตั้งใจนะ ที่จะไปให้ถึงเป้าหมาย

เมื่่อรู้ว่าไม่ใช่ทาง เมื่่อต้องการพ้นทุกข์ เดี๋ยวใจมันก็กลับเอง

แต่อย่าลืมว่า ทางสายนี้ ไม่มีทางลัด.

      บันทึกการเข้า

หน้าที่ของมนุษย์ คือการศึกษาธรรม เรียนรู้ธรรม เพื่อยอมรับธรรม

ธรรม คือธรรมชาติของรูปนาม
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #31 เมื่อ: 06 กุมภาพันธ์ 2553, 23:58:02 »

ทำดีอาจได้ดีหรือไม่ได้ดีก็ได้ เพราะสิ่งแวดล้อมมีอิทธิพลมากำหนดกดดัน
แต่ทำชั่วนั้น รับรองได้เลยว่าไม่มีทางได้ดีแน่นอน
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
yc
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 557

เว็บไซต์
« ตอบ #32 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2553, 10:07:25 »

ออกตัวก่อนนะครับว่า ไม่ใช่เพราะไม่มีห้องการเมืองให้อยู่จึงต้องมาห้องนี้

ผมน่าจะรู้จักพระอาจารย์ปราโมทย์เท่ากับพี่ป๋องกระมัง
จึงต้องอาศัยอ่านตามคำแนะนำของพี่ๆน้องๆ
และก็คงรู้มากขึ้นเท่าที่พี่ป๋องรู้

บอร์ดที่มีสาระและประเทืองปัญญาจริงๆคงมี ที่pantip.com
และ cmadong.com นี่แหละครับ
แต่ที่นี่ cmadong.com ผมว่าแน่นกว่า และไม่ต้องคัดกรองมาก ไม่เสียเวลาสายตา
ไม่เสียเวลาหาข้อมูล

ไม่ขอวิจารณ์เรื่องแง่สอน วิธีสอนและธรรมะที่ถูกนำมาถ่ายทอดครับ
เพราะการรับรู้ของคนเราขึ้นกับสติปัญญา และภาวะการดำรงชีพขณะนั้นๆ

สาธุ
      บันทึกการเข้า
เพื่อนเดียว-69
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu69
กระทู้: 152

« ตอบ #33 เมื่อ: 09 กุมภาพันธ์ 2553, 18:28:54 »

อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 06 กุมภาพันธ์ 2553, 23:58:02
ทำดีอาจได้ดีหรือไม่ได้ดีก็ได้ เพราะสิ่งแวดล้อมมีอิทธิพลมากำหนดกดดัน
แต่ทำชั่วนั้น รับรองได้เลยว่าไม่มีทางได้ดีแน่นอน


เมื่อเราปลูกต้นมะม่วง ในเวลาเช้า ตกเย็น เราได้กินชมพู่

ก็ไม่ใช่ว่า ต้นมะม่วงออกลูกเป็นชมพู่ นะ

เพียงแต่ ต้นมะม่วงยังไม่ถึงเวลาออกผล

แต่ทว่าต้นมะม่วงต้นนี้ไม่มีวันตาย ถ้าไม่ออกผลก่อน  (หรือ...

      บันทึกการเข้า

หน้าที่ของมนุษย์ คือการศึกษาธรรม เรียนรู้ธรรม เพื่อยอมรับธรรม

ธรรม คือธรรมชาติของรูปนาม
jimsy
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 195

« ตอบ #34 เมื่อ: 22 กุมภาพันธ์ 2553, 14:28:05 »

อย่า เพ่งโทษครูบาอาจารย์   บทความโดย ภูเตศวร

 

ลงในนิตยสารขวัญเรือน รายปักษ์ เล่มที่  918

ปักษ์หลัง กุมภาพันธ์ 2553

 

 ลองอ่านดูนะคะ

 





 

 

 

 

      บันทึกการเข้า
jimsy
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 195

« ตอบ #35 เมื่อ: 23 กุมภาพันธ์ 2553, 12:16:13 »

Subject:  พระอาจารย์ไพศาล เขียนถึง ลพ.ปราโมทย์ ในมติชน เรื่อง เหตุเกิดในวงการกรรมฐาน

มติชน ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓
เหตุเกิดในวงการกรรมฐาน

พระ ไพศาล วิสาโล

ใน อดีตนั้นถือกันว่าสมาธิภาวนาหรือการทำกรรมฐาน
เป็น เรื่องของสงฆ์  ส่วนฆราวาสนั้นปฏิบัติธรรมด้วยการให้ทาน
และรักษาศีลก็พอ แล้ว   แม้จนทุกวันนี้เราก็ยังเห็นฆราวาสเข้า
วัดเพื่อ “ทำบุญ” เป็นส่วนใหญ่  แต่แบบแผนดังกล่าวดูเหมือน
จะจำกัดเฉพาะชาวพุทธไทย  เอกลักษณ์ดังกล่าวจะเห็นได้ชัด
เมื่อไปเยือนวัดในยุโรปหรืออเมริกาที่มี ชาวพุทธหลายเชื้อชาติ
ให้ความศรัทธานับถือ   ในขณะที่ชาวพุทธไทยนิยมมาถวาย
อาหารแก่พระสงฆ์(แล้วก็ลากลับ)  ชาวพุทธชาติอื่นโดยเฉพาะ
ชาติตะวันตกกลับสนใจฟังธรรมะและทำสมาธิกัน อย่างจริงจัง

อย่างไรก็ตามในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ฆราวาสที่สนใจทำ
กรรมฐาน มีจำนวนมากขึ้นและขยายตัวอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็น
ปรากฏการณ์ที่โดดเด่น ในแวดวงชาวพุทธไทย  ตามสำนักต่าง ๆ
มีฆราวาสมาทำสมาธิภาวนาอย่างต่อ เนื่อง  รวมทั้งจัดอบรม
กรรมฐานกันเอง  บ่อยครั้งก็มีฆราวาสเป็นอาจารย์กรรมฐาน  
ปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ควบคู่กับความสนใจใฝ่ศึกษาธรรม
ทั้งจากการอ่านและการฟังอย่างแพร่หลาย จนหนังสือธรรมะกลาย
เป็นหนังสือขายดี  ขณะที่หน่วยงานหลายแห่งทั้งภาครัฐและภาคธุรกิจ
ก็มีการบรรยายธรรมอย่าง สม่ำเสมอ  

ความเครียด ความรุ่มร้อนในจิตใจและความรู้สึกว่างเปล่า
ใน ชีวิตทั้ง ๆ ที่เต็มไปด้วยวัตถุสิ่งเสพและความสะดวกสบาย
เป็นสาเหตุ สำคัญที่ผลักดันให้ผู้คนหันมาหาความสงบจากพุทธศาสนา
แต่ผู้คนยากจะค้นพบ คำตอบจากพุทธศาสนาได้หากไม่มีผู้บอกทาง
ที่สามารถสื่อ สารกับฆราวาสได้อย่างถึงแก่น  ครั้นค้นพบแล้วจะลงมือ
ปฏิบัติหรือไม่ ก็ยังขึ้นอยู่กับผู้บอกทางว่าได้นำเสนอการปฏิบัติที่สมเหตุ
สมผล น่าเชื่อถือ  ทำได้จริงหรือไม่  แต่เท่านั้นยังไม่พอ ที่ขาดไม่ได้
สำหรับ คนสมัยใหม่ก็คือ จักต้องเป็นการปฏิบัติที่ทำได้ง่ายในชีวิตประจำวัน
ยิ่ง เป็นวิธีการที่ลัดสั้น ตรงถึงเป้าหมาย ก็ยิ่งได้รับความนิยม
ปฏิเสธไม่ ได้ว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชโช
เป็นผู้ที่มี บทบาทโดดเด่นที่สุดในการชักนำให้ฆราวาสโดยเฉพาะคนชั้นกลาง
หัน มาทำกรรมฐานกันอย่างจริงจังและอย่างแพร่หลายชนิดที่ไม่เคยปรากฏ
มาก่อน  ที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือคนเหล่านี้มีเป็นจำนวนมากที่ไม่เคยเห็นตัวท่าน
หรือ ได้รับการชี้แนะจากท่านโดยตรง หรือแม้แต่ฟังคำบรรยายจากปาก
ของท่าน หลายคนอยู่ไกลถึงต่างประเทศด้วยซ้ำ  แต่ได้ปฏิบัติตามคำ
ชี้แนะของ ท่านอย่างต่อเนื่อง   เท่าที่ทราบมีเป็นจำนวนมากที่ได้รับ
ผลดีจากการ ปฏิบัติ

ความสำเร็จดังกล่าว (หากจะใช้คำนี้) ส่วนหนึ่งเป็นผลจาก
การ ใช้สื่ออย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะซีดี ซึ่งสะดวกแก่การเผย
แพร่ในหลาย ช่องทางรวมทั้งทางอินเทอร์เน็ต  ทำให้เข้าถึง
คนชั้นกลางจำนวนมาก   แม้หนังสือของท่านจะพิมพ์เผยแพร่มิใช่น้อย
แต่เชื่อว่าผู้คนรู้จักพระ อาจารย์ปราโมทย์ผ่านซีดีมากกว่าหนังสือ
 และที่ศรัทธาปฏิบัติตามแนวทาง ของท่านก็เพราะซีดีมากกว่า
หนังสือเช่นกัน

อย่างไรก็ตามเหตุผลที่ สำคัญกว่านั้นน่าจะได้แก่  
แนวทางการปฏิบัติของ ท่าน ที่เน้นการดูจิต หรือตามรู้สภาวะ
และอาการต่าง ๆ ของจิต ด้วยใจที่เป็นกลาง  ไม่กดข่มอารมณ์ที่
ไม่พึงปรารถนา และไม่แทรกแซง หรือควบคุมบังคับจิตเพื่อให้เกิด
ความสงบ   ซึ่งรวมถึงการไม่ “กำหนด” หรือ เพ่งที่รูปหรือนามใดๆ
 กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ “รู้” โดยไม่ต้อง “ทำ”อะไรทั้งสิ้น

วิธีการดังกล่าว (ซึ่งเรียกอีกอย่างว่าจิตตานุปัสสนาตาม
หลักสติปัฏฐานสี่)  เหมาะกับคนชั้นกลางซึ่งมีนิสัยคิดฟุ้งปรุงแต่ง
มากจนยากที่จะทำใจให้สงบ ดิ่งลึก   อีกทั้งยังสามารถปฏิบัติได้ใน
ชีวิตประจำวันโดยไม่เลือกสถาน ที่และบรรยากาศ   ทำให้กรรมฐาน
กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตได้โดยไม่ต้อง หลีกเร้นไปอยู่ป่าหรือเข้า
คอร์สปฏิบัติธรรม   ด้วยเหตุนี้หลายคนที่นำวิธีการดังกล่าวไปปฏิบัติ
จึงเห็นผลได้เร็ว คือมีสติรู้ตัวมากขึ้น   จิตใจปลอดโปร่งกว่าเดิม  
เห็นกายและใจชัดขึ้น การบอกกล่าวจากปากต่อปาก โดยมีซีดีคำ
บรรยายของท่านเป็นสื่อการสอน ทำให้ผู้คนหันมาปฏิบัติตามแนว
ทางของท่านมากขึ้น ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้ที่เคยปฏิบัติแนวอื่นแต่ไม่
ก้าวหน้าเพราะใช้วิธี เพ่งหรือบังคับจิตจนเครียด  

จุดเด่นอีกประการหนึ่ง ก็คือ การสอนของท่าน ซึ่งนำเสนอ
แนวทางดังกล่าวในฐานะที่เป็นวิถีสู่ความพ้น ทุกข์   จากการดูจิต
 สู่การเห็นรูปและนามด้วยสติ  ตามมาด้วยการเห็นรูปและ
นามด้วยปัญญา  คือเห็นไตรลักษณ์จนละวางความยึดติดถือมั่น
ว่ารูปและนามเป็นตัวตน  คำสอนของท่านพูดถึงการบรรลุธรรม
การหลุดพ้น และมรรคผลนิพพานบ่อยครั้ง  มิใช่ในฐานที่เป็นสิ่ง
เหลือวิสัยของมนุษย์  หากเป็นอุดมคติที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้
และควรทำให้ได้ในชีวิตนี้  คำสอนดังกล่าวได้ทำให้ผู้คนจำนวน
มากซึ่งเคยไกลวัดหันมาสนใจพระนิพพาน   กล่าวได้ว่าไม่มีใคร
ที่สามารถจุดประกายให้ฆราวาสยุคนี้ปรารถนาและ บำเพ็ญเพียร
เพื่อพระนิพพานได้มากเท่ากับพระอาจารย์ปราโมทย์

ทั้ง แนวทางปฏิบัติและเนื้อหาคำสอนของท่านตามที่กล่าว
มาข้างต้น  สามารถหาอ่านได้ไม่ยากจากหนังสือของท่าน
แต่สิ่งที่ไม่ปรากฏในหนังสือ ก็คือวิธีการสอนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ
ตัว ซึ่งจะประจักษ์ได้ก็จากการไปฟังการบรรยายของท่านตาม
สถานที่ต่าง ๆ เท่านั้น  นั่นก็คือ การบรรยายด้วยถ้อยคำที่เข้าใจ
ง่าย เป็นกันเอง และที่ขาดไม่ได้ก็คือ การ “ทักจิต”ผู้ที่มา
“ส่งการบ้าน”  ว่า หลงไปแล้ว หรือกำลังเพ่ง หรือ “ตื่น”แล้ว  
เชื่อว่าวิธีนี้เป็นเหตุผล หนึ่งที่ทำให้ผู้คนมาฟังคำบรรยายของท่าน
อย่างเนืองแน่นทุกครั้ง เพราะต้องการสอบถามให้แน่ใจว่าตน
ปฏิบัติถูกต้องตามคำสอนของท่านหรือไม่  สำหรับผู้ฟังคนอื่น ๆ  
การทักจิตของท่านยังช่วยให้เข้าใจการปฏิบัติตาม คำสอน
ของท่านดีขึ้น   เนื้อหาและบรรยากาศส่วนนี้ถูกถ่ายทอดลงซีดี
ซึ่ง ทำให้เป็นที่นิยมในวงกว้างกว่าหนังสือ  

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการทัก จิตของท่านย่อมทำให้
ศิษยานุศิษย์ (รวมทั้งลูกศิษย์ทางซีดี)เห็นท่านอยู่ในสถานะ
พิเศษเหนือคนธรรมดา ดังนั้นจึงเกิดศรัทธาปสาทะในตัวท่านมากขึ้น
  หากนี้เป็นจุดแข็ง มันก็เป็นจุดอ่อนในเวลาเดียวกัน  เพราะเป็นเหตุให้
ท่านถูกวิพากษ์ วิจารณ์เรื่อยมาโดยเฉพาะจากผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับ
แนวทางปฏิบัติของท่าน  จนถึงจุดหนึ่งก็ขยายตัวเป็นการต่อต้านท่าน
อย่างชัดเจน ที่น่าประหลาดใจคือแกนนำหลายคนเคยเป็นลูกศิษย์หรือ
ผู้สนับสนุนคำสอนของ ท่านอย่างแข็งขันมาก่อน

เหตุผลข้อหนึ่งที่ผู้ต่อต้านใช้ในการโจมตี ท่านก็คือ การอวดอุตริ
มนุ สสธรรม คือธรรมล้ำมนุษย์หรือคุณวิเศษที่เหนือปุถุชน ซึ่งโดยทั่วไป
หมาย ถึงการอวดอ้างว่าเป็นอริยบุคคล  การกระทำดังกล่าวถือว่า
เป็นความผิด ตามพระวินัย หากอวดคุณวิเศษดังกล่าวทั้ง ๆ ที่ตนเอง
ไม่มี ผู้อวดนั้นย่อมขาดจากความเป็นพระ   กรณีพระอาจารย์
ปราโมทย์นั้น แม้ท่านจะแสดงให้เห็นว่ามีการทักจิตอยู่บ่อยครั้ง
 แต่ก็ยากที่จะชี้ชัด ว่าเป็นการอวดอุตริมนุสสธรรมตามที่ระบุใน
พระวินัย  (แม้จะตีความเช่นนั้นแต่ถ้าท่านมีคุณสมบัติดังกล่าวจริง
ก็เป็นอาบัติ เล็กน้อย) จะว่าไปแล้ววิธีการดังกล่าว ครูบาอาจารย์
หลาย ท่านทั้งอดีตและปัจจุบันก็ทำเป็นอาจิณ   ส่วนที่กล่าวว่าท่าน
อวดอ้าง เป็นอริยบุคคลนั้น   ก็เป็นเรื่องของการตีความจากคำบรรยาย
เมื่อท่านพูด ถึงสภาวะหรือสิ่งที่พบเห็นจากการปฏิบัติ  ที่ผ่านมายัง
ไม่มีการอ้างคำ พูดใด ๆ ของท่านที่เป็นหลักฐานสนับสนุนข้อ
กล่าวหาดังกล่าวอย่างชัดเจน

หาก ไม่นับสาเหตุส่วนตัวที่เกี่ยวข้องกับคนจำนวน
ไม่มากนักแล้ว  มูลเหตุที่แท้จริงของความขัดแย้งที่ขยายวงน่า
จะเป็นเพราะแนวทางการ ปฏิบัติและวิธีการสอนของท่านนั้นขัดกับ
แบบแผนที่ปฏิบัติกันมาแต่ดั้ง เดิม  อาทิ การดูจิตโดยไม่เน้น
ที่รูปแบบ   การทักจิตผู้ปฏิบัติในที่สาธารณะท่ามกลางผู้คนนับร้อย
(แทนที่จะทำในที่ รโหฐาน)  การสอนกรรมฐานโดยไม่เน้นพิธีรีตอง
(ไม่มีพิธีขอกรรมฐาน  และใครจะแต่งตัวมาฟังธรรมที่สำนักของท่าน
อย่างไร ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องแต่งขาว และไม่มีการสวดมนต์รับศีล )
ซึ่งแม้ถูกจริต คนหนุ่มสาวแต่ไม่เป็นที่นิยมของคนแก่วัด    
ยิ่งกว่านั้นการที่ท่าน วิจารณ์การปฏิบัติที่เน้นการเพ่ง กำหนด
หรือควบคุมบังคับจิต อันเป็นที่นิยมในหลายสำนัก ย่อมทำให้เกิด
ปฏิกิริยาต่อต้านท่าน   แต่ปฏิกิริยาดังกล่าวจะไม่มากหาก
ลูกศิษย์ยังคงปฏิบัติในสำนักดังกล่าว แทนที่จะแห่กันไปปฏิบัติ
ตามแนวทางของท่าน หรือกลับมาตั้งคำถามกับการปฏิบัติของ
สำนักเดิม

แม้แกนนำในการต่อ ต้านจะเป็นฆราวาส  แต่เชื่อว่ามี
พระจำนวนไม่น้อยสนับ สนุนหรือขับเคลื่อนอยู่เบื้องหลัง  เพื่อ
ความเป็นธรรม ควรกล่าวด้วยว่าหลายท่านทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ
บางท่านเป็นครูบาอาจารย์ ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ  แต่ส่วนใหญ่
รับไม่ได้ กับแนวทางการปฏิบัติและวิธีการสอนของพระอาจารย์
ปราโมทย์ ซึ่งหลายท่านมองว่าเป็นพระที่ยังมีพรรษาน้อย  
และปฏิบัติสวนทางกับ ธรรมเนียมหลายประการพระป่าโดยเฉพาะ
สายหลวงปู่มั่น   ข้อกล่าวหาอีกประการหนึ่งซึ่งร้ายแรงมาก
ในสายตาของพระป่าก็คือ การดัดแปลงคำสอนของครูบาอาจารย์
ซึ่งในที่นี้หมายถึงหลวงปู่ดูลย์ อตุโล

พระ อาจารย์ปราโมทย์เป็นผู้ที่ได้รับอิทธิพลอย่างมากจาก
คำสอนของหลวงปู่ ดูลย์  และนำคำสอนของท่านมาเผยแพร่
โดยอธิบายให้เข้าใจได้อย่างเป็นระบบ ทำให้หลวงปู่ดูลย์เป็น
ที่รู้จักอย่างแพร่หลายในหมู่คนรุ่นใหม่  อย่างไรก็ตาม
อรรถาธิบายของท่านนั้นไม่ตรงกับที่ลูกศิษย์หลวงปู่ดูลย์ หลาย
ท่านเข้าใจ   หลายท่านเชื่อมั่นว่าท่านเข้าใจหลวงปู่ดูลย์ได้ถูก
ต้องกว่า  จึงไม่พอใจพระอาจารย์ปราโมทย์ที่ “สอนผิดครู”  
จนบางท่านถึงกับกล่าว หาพระอาจารย์ปราโมทย์ว่าเป็นศิษย์
คิดล้างครู  สำหรับท่านเหล่านี้คำสอนของหลวงปู่ดูลย์เป็นสิ่งที่
ต้องรักษาไว้ในรูป แบบเดิมหรือถ่ายทอดตามตัวอักษรอย่าง
เคร่งครัด

มองในแง่หนึ่ง ความขัดแย้งกรณีพระอาจารย์ปราโมทย์
เป็นความขัดแย้งระหว่างระหว่าง “ใหม่” กับ “เก่า” (ไม่ต่างจาก
ความขัดแย้งระหว่างพระอาจารย์พรหมวังโส กับสำนักหนอง
ป่าพงกรณีบวชภิกษุณี) จะพูดว่า โดยพื้นฐานแล้วนี้คือความขัด
แย้งระหว่างแนว “ปฏิรูป”กับ แนว “อนุรักษ์นิยม” ก็ย่อมได้
ซึ่งเป็นธรรมดาในทุกวงการและเกิดขึ้นทุกยุค ทุกสมัย  
เมื่อ ๖๐ ปีก่อนท่านอาจารย์พุทธทาสก็เคยถูกโจมตีว่าเป็น
คอมมิวนิสต์ เพราะการสอน ที่แปลกใหม่ของท่าน ที่กระตุก
ความรู้สึกของผู้ฟัง (เช่น กล่าวว่าพระรัตนตรัยหากนับถือ
ไม่ถูกต้องก็เป็นภูเขาขวางกั้นทางสู่พระ นิพพาน)  แต่
ความขัดแย้งเป็นแค่ความแตกต่าง ที่ไม่ควรนำไปสู่
ความ แตกแยก หรือการเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน  ที่สำคัญก็
คือไม่ควรให้ความโกรธ เกลียดหรือกลัวเป็นตัวผลักดัน
การกระทำ

เมื่อมีความแตกต่างทาง ความคิดหรือการปฏิบัติ
ควรโต้กันด้วยเหตุผล แทนที่จะใช้วิธีโจมตี ใส่ร้าย หรือข่มขู่
คุกคาม  แม้จะทำด้วยความปรารถนาดีคือเพื่อปกป้องธรรมะ  
แต่หากใช้วิธีอธรรมแล้ว   ผลร้ายย่อมตกอยู่กับธรรมะ
อย่างไม่ต้องสงสัย
 
from:  http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y8906567/Y8906567.html


      บันทึกการเข้า
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #36 เมื่อ: 23 กุมภาพันธ์ 2553, 18:24:37 »

...เข้ามาอ่านเพื่อทำความเข้าใจและศึกษาค่ะ...
...ตอนนี้ได้อ่านหนังสือของหลวงพ่อเล่มสีชมพูใหญ่ๆหนาๆจบแล้ว...เป็นหนังสือที่รวมการเทศนาของท่าน...
...และกำลังอ่านหนังสือเล่มสีฟ้าใหญ่ๆหนาๆอยู่(ชื่อหนังสือจำไม่ได้ค่ะ...พอดีอยู่อีกบ้านหนึ่ง)...เป็นหนังสือที่หลวงพ่ออธิบายเกี่ยวกับธรรมะ...
...ส่วนมากจะอ่านตอนก่อนนอน...เพราะต้องใช้สมาธิในการอ่านและทำความเข้าใจค่ะ...
...อ่านแล้วทำให้หลับสบายดีมากๆค่ะ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #37 เมื่อ: 23 กุมภาพันธ์ 2553, 18:52:18 »

อ่าน บทความของพระอาจารย์ไพศาล ที่ jimsy นำมาโพสท์ไว้ทำให้เข้าใจอะไรได้มากขึ้นเยอะ

และได้รู้เพิ่มขึ้นอีกว่า ที่เคยนับถือศรัทธาพระอาจารย์ไพศาล มานานปีแล้วนั้น ไม่เสียใจเลย
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
เจษฎา
Cmadong พันธุ์แท้
****


the more you get ,the less you feel
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,682

« ตอบ #38 เมื่อ: 23 กุมภาพันธ์ 2553, 21:17:33 »

สาธุครับ
      บันทึกการเข้า

ไม่หล่อ แต่ไม่ค่อยว่าง
jamsai
Full Member
**


ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 416

เว็บไซต์
« ตอบ #39 เมื่อ: 25 กุมภาพันธ์ 2553, 16:01:17 »

สวัสดีค่ะ

ก่อนนี้ ไม่เคยไปเข้าพันทิปเลย  พอตามเรื่องพระอาจารย์ปราโมทย์  จึงได้เผลอไปเข้าเวปนักร้องวัยจ๊าปคนหนึ่งที่บอกว่านักปฏิบัติธรรมก็เปรี๊ยวได้ จ๊าปได้  ช่วงเกิดเรื่องใหม่ๆ ทุกเวปงดการให้ download คำสอน และซีดีของพระอาจารย์ปราโมทย์  ยกเว้นเวปของนายคนนี้ คือ  http//:www.jozho.net  ซึ่งเขาอ้างว่าถูกขอร้องให้บอยคอตหลวงพ่อไปด้วย  แต่เขา ยืนหยัด ยืนยันตามเหตุผล ความเชื่อของตน จึงไม่ยอมทำตามขอ

น่าสนใจมั้ยล่ะ พี่น้อง คนที่ยืนหยัดด้วยเหตุผล  ไม่หวั่นไหวตามผลประโยชน์  สามารถตรึงตา ตรึงใจ ป้าได้เสมอ

แอ่น แอ๊น น น น น น น น น น น


ตามมานะคะ  จะพามารู้จัก
 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

      บันทึกการเข้า

ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
jamsai
Full Member
**


ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 416

เว็บไซต์
« ตอบ #40 เมื่อ: 25 กุมภาพันธ์ 2553, 16:18:47 »

แรกๆก็ทึ่งในพฤติกรรมของเขา ก็ชื่นชม และสุดท้ายเมืออ่านความเห็นของเขาต่อกรณี
วิกฤติการณ์พระอาจารย์ปราโมทย์ ก็ขอบอกว่า คนแก่ อย่างป้าต้องขอคารวะเด็กจ๊าป คนนี้
สักหลายๆจอก
เยี่ยม  และเจ๋ง จิงๆๆ


ทำอย่างไรหนอจึงจะสอนนิสิตให้รู้คิด เช่น นี้
ทำอย่างไรหนอจึงจะสอนนิสิตใให้ใส่ใจสังคม และ ชาติบ้านเมือง ได้อย่างนี้
ทำอย่างไรหนอจึงจะสอนนิสิต ไม่ให้เป็นแต่เพียง รักษาตัวรอดเป็นยอดดี
ทำอย่างไรหนอจึงจะสอนนิสิต ไม่ให้เป็นแต่เพียง ......สร้างสามัคคีรักใคร่
ด้วยการห้ามไม่ให้แสดงความแตกต่าง

ฯลฯ
เฮ้ออออออออออ
 เหอๆๆ เหนื่อย
      บันทึกการเข้า

ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
jamsai
Full Member
**


ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 416

เว็บไซต์
« ตอบ #41 เมื่อ: 25 กุมภาพันธ์ 2553, 16:27:38 »

มาดูสิ ทำไมป้าจึงทึ่ง....เด็กจ๊าปเขียนว่า..

ความในใจเรื่องของหลวงตาและหลวงพ่อ จากการคาดเดาของเด็กน้อยทางธรรม

อ่านเล่นๆ นะครับ อีกแง่มุมหนึ่งที่อยากนำเสนอ แค่ความคิดของคนโง่ๆ คนหนึ่งครับ

ใน ฐานะที่ถือว่าเป็นศิษย์คนหนึ่งของหลวง ตา และได้กราบถวายตัวขอเป็นลูกหลวงตาแล้ว
และก็น่าจะถือได้ว่าเป็นศิษย์ คนหนึ่งของหลวงพ่อปราโมทย์เหมือนกัน เพราะภาวนาตามแนวทาง
ของท่าน นอกจากพระพุทธเจ้าแล้ว ผมมีหลวงตาเป็นที่พึ่งที่ระลึก และเป็นแบบอย่างในความเพียร
ทำดีเพื่อปฏิบัติขัดเกลาตน และทำเพื่อส่วนรวม เป็น แบบอย่างในการเจริญเมตตาต่อสรรพสัตว์
เป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อประโยชน์ของผู้คนและเหล่าสัตว์โดย ไม่มีแบ่งแยก  

ส่วนในการภาวนาปฏิบัติจริงๆ  ผมถูกจริตและรู้สึกได้ถึงจิตที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยแนวทางของ
หลวงพ่อปราโมทย์  ผมจึงกล้าพูดได้ว่า ผมเคารพและศรัทธาท่านทั้งสองไม่น้อยหน้ากว่าใครในโลกนี้เลย
แล้ว ผม ศรัทธาด้วยปัญญา ด้วยใจที่เห็นพระคุณของท่านทั้งสองตามจริง ไม่ใช่เคารพ ศรัทธา เพราะลือๆ
กันมาว่าตรงนี้ของจริง ศักดิ์สิทธิ์จริง  หรือกราบไหว้ ตามคนอื่น หรือเชื่อในปาฏิหารย์อิทธิฤทธิ์อะไร


อยากให้ทุกคนมีสติใน การพิจารณา กรณีหลวงพ่อปราโมทย์ถูกโจมตี จากหลายกลุ่ม
และ บางกลุ่มยังได้ กระทำการไม่เหมาะสม คือดึงเอาพระเถระ หรือนำเอาหลวงตามากล่าวอ้างเพื่อโจมตี
หลวงพ่อปราโมทย์ เพื่อให้น้ำหนัก ของคำกล่าวหาของตนมีเพิ่มขึ้น ซึ่งก็ทำให้มีคนหลงเชื่อไปจริงๆ
และ ก็ยังมีผู้ไม่หวังดีที่จ้องทำลายพระศาสนา จ้องทำลายหลวงตาและหลวงพ่อปราโมทย์ โดยได้กระทำ
การยุยงให้เกิดการแตกแยก ระหว่างศิษย์ทั้งสองฝ่าย (ซึ่งต่างเป็นกำลังหลักของพระศาสนา และประเทศ)
ยก ตัวอย่างเช่น มีการใส่ร้าย และว่ากล่าวพระอาจารย์ของอีกฝ่าย โดยอ้างว่าเป็นศิษย์ของอีกฝ่าย

หรือ นำคำสอนของฝ่ายนี้ไปถามอีกฝ่าย โดยไม่ต่างอะไรกับทนายที่รู้วิธีบิดเบือนข้อความและความหมาย
จนชนะคดี ทั้งที่ผิดจริง แต่ในที่นี้คือ เอาข้อความและเหตุผลที่ถูกมาบิดเบือนให้ผิด ด้วยหลักของภาษา
(ซึ่งธรรมะนั้นลึกซึ้งยิ่งกว่ากฎหมาย)และจิตวิทยา ฯลฯ โจม ตีไปมา และทำมาเป็นเวลานาน จนเกิดกระแส
ให้เกิดการขัดแย้งกัน เอาคำสอนและ ข้อวัตรต่างๆ มาบิดเบือนเพื่อโจมตี หรือเผยแพร่แบบผิดๆ  เพื่อใช้เป็น
การจุดชนวนในการก่อข้อพิพาท   เป็นการวางแผนอย่างแยบคาย (ซึ่งในอดีตเรา ก็คงทราบกันดีว่า
หลวงตาท่านก็โดนโจมตี และโดนคนใส่ร้ายอย่างไร เพียงแต่คราวนี้เปลี่ยนเป้าหมายไป)



 งง งง ปิ๊งๆ
      บันทึกการเข้า

ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
jamsai
Full Member
**


ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 416

เว็บไซต์
« ตอบ #42 เมื่อ: 25 กุมภาพันธ์ 2553, 16:42:26 »

อ่านต่อ นะคะ

ซึ่งก็ได้ผลพอสมควร  ก่อให้เกิดภาพความขัดแย้งระหว่างศิษย์ของทั้งสองฝั่งได้ภาพความขัดแย้ง ที่เกิดอาจเป็นของจริง หรือเป็นแค่การสร้างภาพของคนบางกลุ่ม ก็คาดเดาได้ยาก  เพราะ อาจมีการปลอมตัว หรืออ้างตัวเป็นศิษย์ของหลวงตา มาโจมตีหลวงพ่อ และก็อ้างตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อไปโจมตีหลวงตา  ซึ่งทั้งสองอย่าง อาจจะเป็นมือที่สามที่วางแผนไว้อย่างดีก็ได้ จนปัจจุบันมีศิษย์สายพระป่าจำนวนหนึ่ง ออกมาโจมตีหลวงพ่อ  โดยผมคิดว่าท่านคงเข้าใจผิดจากชนวนที่ผู้ไม่หวังดีจุดขึ้น ผมเชื่อว่าเพราะได้ข้อมูลผิด และเกิดจากแผนการณ์ที่แยบยล ลึกซึ้งมาก จนยากจะอธิบาย และ คงไม่ใช่สิ่งที่พูดในที่สาธารณะได้  แต่ผมเชื่อมั่นว่า งานนี้เป็นการเล่นสงครามจิตวิทยาและข่าวสารบิดเบือนกัน  และเป็นอนันตริยะ กรรมของจริง คือยุยงให้สงฆ์แตกแยกกันเอง  ซึ่งน่าสงสารคนกระทำอย่างมาก (หนาวแทน)

ขอให้ย้อนอดีตไปดูสมัย พุทธกาล  พระพุทธองค์เผยแพร่คำสอนที่ถูกจนมีผลกระทบ
ไปถึงพวกเดียรถีย์ และ ลัทธิหรือความเชื่ออื่นๆ  ทำ ให้ลาภสักการะและความนิยม
ในลัทธิอื่นน้อยลง มี ผลกระทบอย่างแรง จนพวกนั้นทนไม่ไหว ต้องออกมาใส่ร้าย กล่าวร้าย
หาเรื่องกับพระพุทธองค์ เพื่อทำลายศรัทธาและเพื่อดึงคนกลับไปนับถือและ เชื่อฟังพวกตน
เหมือนเดิม กลับไปงมงายเหมือนเดิม ฯลฯ
ครูบาอาจารย์ที่ดังๆ ก็ล้วนเจอกล่าวร้ายมาแทบทั้งนั้น ถ้าเราจะย้อนดูอดีตกลับไป ผมจึง
ไม่แปลกใจเลยที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เพราะวิธีทำลายประเทศ ทำลายพระศาสนา ถ้าไม่ตีตรงๆ
ที่จุดหลักๆ จุดแข็ง แล้วจะไปตีจุดไหน  แต่ตีไม่ได้ ก็ยุให้ตีกันเอง ซึ่งง่ายกว่า และได้ผลกว่า

มี คนบางคนอาฆาตแค้นหลวงพ่อมาก จึงได้วางแผนทำลายท่าน ซึ่งในบรรดาศิษย์
คงรู้กันดีว่าเป็นใคร และยิ่งเมื่อพวกที่จอ้งทำลายความ มั่นคงของประเทศและพระพุทธศาสนาในไทย
เห็นโอกาส ก็ผสมโรงเข้าไปโดยไม่ยาก ลองคิดดูว่า ในยุคปัจจุบันศิษย์ทั้งสองสาย เป็นกำลังหลักให้
พระศาสนาและบ้านเมืองแค่ไหน

ศิษย์หลวงพ่อจะเป็นคนเมือง คนรุ่นใหม่ซะส่วนใหญ่  ซึ่ง มีบทบาทต่อสังคมชนชั้นนักธุรกิจและเยาวชน
อย่างมาก ศิษย์หลวงตา จะเป็นคนกลุ่มใหญ่ที่น่าจะเรียกว่าต่างกับคนกลุ่มลูกศิษย์หลวงพ่อ ซึ่งมี บทบาท
ต่อการรักษาหลักการปฏิบัติในรูปแบบที่ถูกต้อง และมีกำลังมากในการสร้างชาติหรือมีผลทางการเมือง
อีกด้วย (อย่าง เช่น ถ้ารัฐบาลจะทำอะไรไม่ดี เฉพาะศิษย์หลวงตาออกมาติติง ก็ทำให้ชะงักได้แล้ว)


ผม พยายามจะอธิบาย แต่ก็นึกคำไม่ออกนะ ว่าจะอธิบายอย่างไร ให้เข้าใจว่า ศิษย์ ทั้งสองฝ่าย
ล้วนมีผลต่อพระศาสนาและประเทศชาติอย่างมาก และเป็นกำลังหลักที่เด่นมากๆ  นอก จากการดำรง
ความถูกต้องในธรรมจะกระทบ ต่อแผนการณ์ของกลุ่มจ้องทำลายประเทศไทย ก็ยังกระทบไปถึงลัทธิ
หรือ บางกลุ่มที่เผยแพร่หลักธรรมแบบผิดๆ ด้วย


 เอิ่มม เหนื่อย
      บันทึกการเข้า

ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
jamsai
Full Member
**


ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 416

เว็บไซต์
« ตอบ #43 เมื่อ: 25 กุมภาพันธ์ 2553, 16:54:15 »

อ่านต่อ นะคะ ( ๒ )

ขอให้ย้อนอดีตไปดูสมัย พุทธกาล  พระพุทธองค์เผยแพร่คำสอนที่ถูกจนมีผลกระทบ
ไปถึงพวกเดียรถีย์ และ ลัทธิหรือความเชื่ออื่นๆ  ทำให้ลาภสักการะและความนิยมในลัทธิอื่น
น้อยลง มี ผลกระทบอย่างแรง จนพวกนั้นทนไม่ไหว ต้องออกมาใส่ร้าย กล่าวร้าย หาเรื่อง
กับพระพุทธองค์ เพื่อทำลายศรัทธาและเพื่อดึงคนกลับไปนับถือและ เชื่อฟังพวกตนเหมือนเดิม
กลับไปงมงายเหมือนเดิม ฯลฯ ครูบาอาจารย์ที่ดังๆ ก็ล้วนเจอกล่าวร้ายมาแทบทั้งนั้น
ถ้าเราจะย้อนดูอดีตกลับไปผมจึงไม่แปลกใจเลยที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เพราะวิธีทำลายประเทศ
ทำลายพระศาสนา ถ้าไม่ตีตรงๆ ที่จุดหลักๆ จุดแข็ง แล้วจะไปตีจุดไหน  แต่ตีไม่ได้ ก็ยุให้ตีกันเอง
 ซึ่งง่ายกว่า และได้ผลกว่า


หาก เรา ใช้สติซักนิดว่า เราปฎิบัติธรรมไปเพื่ออะไร ใช้จิตที่มีสติ เป็นกลาง ระลึกถึงพระรัตนตรัย
ระลึกถึงพระพุทธเจ้าให้จิตใจอบอุ่นก่อน แล้วค่อยใช้ ใจที่อบอุ่นตัดสินใจว่า ควรเชื่อใคร ควรพูด
ควรอะไร ผมเชื่อว่า ใจที่สะอาด จะทำให้เราเห็นความจริงเองว่าตรงไหนน่าเชื่อ ตรงไหนอบอุ่น
ตรงไหนของดีจริง ตรงไหนของปลอม
 ปิ๊งๆ งง งง

สำหรับ ผม ผมเคารพศรัทธาทั้งหลวงตาและหลวงพ่อ และน่าจะเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกคนหนึ่ง
ที่ได้เป็นทั้งลูกหลวงตาและถือว่าเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อ(เพราะภาวนา ตามแบบท่าน) และได้ทำงาน
(เผยแพร่ธรรมะ)ถวายท่านทั้งสอง อย่างที่น้อยคนนักจะมีโอกาสทำได้แบบนี้
ผม ก็คงเหมือนคนอื่นๆ ที่ทำทุกอย่าง ไม่ได้ทำเพราะติดครูบาอาจารย์ แต่ผมเห็นว่ามันเป็นประเด็น
ของความมั่นคงของพระศาสนา ผมไม่ได้คิดว่าจะออกมาปกป้องใคร แต่ ด้วยใจที่คิดจะจรรโลง
พระศาสนาให้มั่นคง และให้ผู้คนได้พบเจอแนวทางที่ถูกต้อง เมื่อมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น จึงเห็นได้ชัดว่า
พระศาสนาน่าเป็นห่วงมาก แม้พระดีๆ  ที่มีคุณสมบัติหาได้ยากขนาดนี้  ยังโดนกล่าวร้าย และเกิดการ
ยุยงให้แตก แยกได้ขนาดนี้  และที่น่ากลัวก็คือ  มีการนำบุคคลและพระที่มีชื่อเสียงมา เข้าร่วมด้วย

 เหนื่อย เหนื่อย
      บันทึกการเข้า

ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
jamsai
Full Member
**


ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 416

เว็บไซต์
« ตอบ #44 เมื่อ: 25 กุมภาพันธ์ 2553, 17:02:06 »

ต่อ นะคะ(๓)

ซึ่ง เราจะเห็นได้ว่า ภัยของพระศาสนานั้น มาเร็วและแรงกว่าที่คิด เพราะแม้แต่สิ่งที่โดน
โจมตีจะไม่มีเหตุมีผล แต่ ก็ไม่น่าเชื่อว่า ฝ่ายที่จ้องทำลาย สามารถโน้มน้าวและดึงคน(ที่มีภาพ)ดี
คนดัง และบุคคลที่เราหลายคนคงคิดไม่ถึงว่า ทำไมถึงทำได้ขนาดนี้
แล้วเหตุผลอะไร ทำไมบางคนถึงย้อนกลับมาโจมตีคนที่ตัวเองเคยเคารพเป็นครู บาอาจารย์ได้ถึง
เพียงนี้ ซึ่งหลายคนดูเหตุผลแล้ว มันก็ไม่มีน้ำหนักเอาเลย ที่จะให้ทำได้ถึงขนาดนี้

แต่สงครามข้อมูล และหลักจิตวิทยา หลักการที่วางแผนไว้อย่างดี ก็สามารถดึงแนวร่วมเข้า
ไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ (ยังมีความเชื่อกันแบบไม่ เป็นทางการอีกว่า ส่วนหนึ่งเป็นการใช้วิชา
สะกดจิตและพลังทางจิตร่วมด้วย)


เพราะ เราประมาท คิดว่า ของดี ทองแท้ไม่กลัวไฟ ใครจะใส่ร้าย จะทำอย่างไรก็ได้.....
แต่ นี่มันยุคดิจิตอล ยุคผู้คนอ่อนแอทางความคิด ยุคที่ข่าวบิดเบือนสะพัดไปไว เข้าถึงทุกซอก
ทุกมุมในเวลารวดเร็ว ถ้าเรานิ่งเฉย ไม่ออกมาปกป้องพระศาสนา  ไม่ออกมาทำอะไรบ้าง  
มันเป็นการสมควรแล้วหรือ ............... งง งง
เพียงแต่ว่า คนที่จะออกมาปกป้องหรือแก้ข่าว หรือชี้แจงควรเป็น
ฆราวาสหรือ บุคคลที่เหมาะสมก็เท่านั้น  แล้ว ต้องกระทำด้วยความมีสติ มีเมตตาด้วย
ผมเห็นหลายคนพยายามออกมาชี้แจงปกป้อง แต่กลับกลายเป็นมาเติมเชื้อไฟ ทำให้เหตุการณ์
บานปลายไปซะอีกเพราะขาดสติและทำไปด้วยโทสะ ซึ่งก็เป็นธรรมดาของปุถุชนที่เคารพรักใคร
แล้วถูกใส่ร้ายก็ต้องโมโหเป็นธรรมดา  แต่ความหวังดีก็อาจกลายเป็นทำให้ เรื่องมันแย่ลงได้
ถ้าไม่ได้ทำด้วยปัญญาและเมตตาอย่างแท้จริง


ส่วน พระท่าน ท่านคงไม่มาวุ่นวายด้วย ซึ่งก็เป็นปกติอยู่แล้ว เพราะท่านไม่อยู่ในสถานะ
ที่จะออกมาตอบโต้ได้ ซึ่งหน้าที่ในการชี้แจงก็ ต้องอยู่ที่กลุ่มลูกศิษย์ที่รู้จริงและมีภูมิธรรมสูงด้วย
เหมือนที่ทีม วิมุตติออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีหลวงพ่อปราโมทย์โดนกล่าวหา  หรือ คุณดังตฤณ
เขียนชี้แจงในธรรมะใกล้ตัว ..........................

ซึ่งไม่รู้ว่าจะมีใครอ่าน หรือทำความเข้าใจกันบ้าง เพราะนิสัยคนไทย
ชอบฟังแต่ข่าวลือ ชอบฟังแต่เรื่องที่คนอื่นโดนใส่ร้าย แต่ไม่ชอบฟังคำแก้ตัวหรือคำชี้แจง
จากผู้ที่โดนใส่ร้าย  ..
.

 บรึ๋ยยย เหนื่อย
      บันทึกการเข้า

ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
jamsai
Full Member
**


ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 416

เว็บไซต์
« ตอบ #45 เมื่อ: 25 กุมภาพันธ์ 2553, 17:12:06 »

ตอนนี้ก็จบค่ะ

นั่น เลยทำให้ข่าวลือในบ้านเราได้ผล คนเชื่อได้โดยไม่ต้องคิด และกลายเป็นเครื่องมือหลัก
ของคนที่จ้องจะทำลาย ประเทศ หรือทำลายกลุ่มบุคคลอื่น มาช้านาน (ใน หลายประเทศก็ใช้วิธีนี้
คือทำลายศัตรูหรือบุคคลกลุ่มอื่น ด้วยข่าวลือ ซึ่งได้ผลมากกว่าที่คิด ไม่ต้องลงทุนอะไรมากด้วย)
ยกตัวอย่างเช่น เคยรู้สึกบ้างไหมว่า ตั้งแต่เกิดมา เราทุกคนจะได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับบุคคลระดับสูง
ซึ่งได้ ยินบ่อยมาก ออกมาบ่อยมาก  แล้วท่านก็มาแก้ข่าวไม่ได้ แล้วปรากฎเป็นอย่างไร ..........

คนไทยเกือบทั้งหมดเกิดอคติ แล้วเชื่อไปจริงๆ ว่าน่าจะไม่ดีอย่างทีว่าจริง ทั้งที่ข่าวที่ลือออกมา
ทุกวันทุกปี ไม่น่ามีมูล แล้วไม่น่ามีใครไปรู้ลึกแล้วเอามาบอกมาลือต่อได้ขนาดนี้เลย


ซึ่ง นี่เชื่อกันว่าเป็นแผนระยะยาวของต่างชาติทีต้องการล้มระบบที่ปกป้องประเทศ ไว้ได้มายาวนาน
(รวมถึงศาสนาด้วย) ซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมที่แข็งแกร่ง  เมื่อผู้ที่จะก้าวมาเป็นศุนย์รวมของคนทั้งประเทศ  
กลาย เป็นมี ภาพไม่น่าชื่นชมอยู่ในทัศนคติของคนส่วนใหญ่ ฝังใจอยู่กับเรื่องข่าวลือในแง่ลบหลายเรื่อง
จนเชื่อไปจริงๆ แล้วอะไรจะ เกิดขึ้น  เมื่อศาสนาดูอ่อนแอและมีแต่เรื่องเสียหาย อะไรจะเกิดขึ้น
กับหลักใจของคนทั้งประเทศ

ประเทศ เรามีความอุดมสมบูรณ์ และเป็นดินแดนที่มีแต่คนอยากได้ เป็นจุดยุทธศาสตร์ แต่ปัจจุบัน
ไม่สามารถมีอะไรแทรกซึมมาได้ เพราะระบบศาสนาและสถาบันสูงสุด นั่นคือเหตุผล ที่มีการจ้อง
ทำลายจุดแข็งของประเทศให้ได้เสียก่อน (ซึ่งในหลายประเทศก็ โดนแบบนี้มาแล้ว สำเร็จมาแล้ว
ด้วยกับสงครามยึดเมืองขึ้นในรูปแบบใหม่)


ฉะนั้น ฝากไว้ให้พิจารณากันสักนิดว่า จะทำอะไรต้องใช้สติและใช้ใจที่ชุ่มเย็นไปด้วยกุศลจิต
ตัดสินใจใคร่ครวญให้ดี ก่อน จะเชื่อข่าวลือ ก่อนจะเชื่อข้อมูลใคร หรือก่อนจะตัดสินใจทำอะไรลงไป  
ถ้า ไม่แน่ใจอะไร ผมว่า ควรจะอยู่เฉยๆ  แล้วปฏิบัติภาวนาทำตนให้หลุดพ้น และเอาเวลาไปช่วยเหลือ
สังคม ช่วยเหลือคนรอบข้างที่เขายังต้องการความช่วยเหลืออีกมากมาย ดีกว่านะครับ

อย่า เอาเวลามาคิดเรื่องไร้สาระ หรือมาจ้องจับผิดคนอื่นเลย  มันไม่ได้ประโยชน์ อะไรจริงๆ  
การจะจับผิดคนอื่น ตัวเราก็ต้องมีดีพอ จับผิดตัวเองให้หมดก่อน การจะว่าคนอื่นว่าเลว หรือไม่ดี  
ตัวเองก็ต้องมีดีมากพอซะก่อน


ทุกคนล้วนเกิดมามีความทุกข์มากพอ แล้ว ขจัดความทุกข์ให้ตัวเองซะก่อนดีกว่านะครับ

อยากเห็นคนไทยรัก กัน อยากให้พระศาสนาร่มเย็นและแพร่หลาย  พวกเราทุกคนต้องเป็นคนดี
มีศีลธรรม ก่อนนะครับ  การ เมือง ศาสนา เราคิดต่างกันได้ เชื่อต่างกันได้ แต่ สำหรับคนที่มีคุณธรรม
มีศีลธรรม เป็นคนดี เขาคิดต่างแต่ไม่แตกแยก ไม่ทะเลาะกันหรอกครับ  ทำดีมากๆ  แล้วแผ่เมตตา
ให้กับคนรอบข้างเยอะๆ  แล้วภาพความจริงจะปรากฎในใจพวกเราครับ

เจริญในธรรมทุกท่านครับ
โฉ คับ


จาก http://www.jozho.net/index.php?mo=5&qid=435319
 ปิ๊งๆ เหนื่อย emo21:)
ไปละ bye bye
      บันทึกการเข้า

ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
jimsy
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 195

« ตอบ #46 เมื่อ: 26 กุมภาพันธ์ 2553, 14:15:30 »

       
                      

นิตยสารธรรมะใกล้ตัวฉบับล่าสุดที่คุณตุลย์ ( ดังตฤณ ) นำมาเขียนค่ะลองเดา ๆ กันดูแล้วกันนะคะ







แม้วิทยาศาสตร์บอกอะไรเรา ไม่ได้ทั้งหมด
แต่ก็ช่วยให้เรามีคำอธิบายที่ชัดเจน
ไม่ต้องเดาไปต่างๆนานา
ตามความเชื่ออันเป็น อัตโนมัติของแต่ละคน
ซึ่งถ้าเถียงกันแบบอาศัยความเชื่อท่า เดียว
เราจะไม่พบข้อยุติใดๆ
ต่อเมื่อมี หลักฐานที่จับต้องได้ตรงกัน
แม้จะยังไม่พบข้อยุติ
อย่างน้อยก็พบข้อสรุปเบื้องต้นได้บ้าง

ตัวอย่างเช่นสมัยก่อนเรา ไม่มีทางพบข้อยุติ
ว่าอะไรเช่นน้ำมนต์และพระเครื่อง
มีดีต่างจากน้ำธรรมดาดินธรรมดาจริงๆ
หรือว่าเป็น เพียงการสร้างอุปาทาน
ดีแต่มีผลแค่ทางจิตใจท่าเดียวกันแน่

กระทั่ง เริ่มมีการใช้เทคนิคถ่ายภาพแบบเกอร์เลี่ยน
นำไปถ่ายสิ่ง ต่างๆที่เชื่อกันว่าเป็นวัตถุมงคล
เราจึงได้ "ข้อสรุปเบื้องต้น" ว่าวัตถุมงคลเหล่านั้น
มีความแตกต่าง จากวัตถุธรรมดาทั่วไป
แม้จะยังไม่ได้ "ข้อยุติ" ที่แน่ชัดว่าแตกต่างนั้น
แตกต่างอย่างไร แค่ไหน เอาอะไรเป็นเครื่องบอก

ปัจจุบันเราสามารถหาซื้อกล้องเกอร์เลี่ยนได้ ง่าย
ถ้าสืบค้นดูในแหล่งขายอย่าง
Amazon.com และ eBay.com
คุณจะพบ ทั้งกล้องเกอร์เลี่ยนราคาแค่หมื่นเดียว
ตลอดจนอุปกรณ์ เสริม
รวมทั้งหนังสือที่รวมเรื่องราวเกี่ยวกับการประยุกต์
เอามาอธิบายเรื่องพลังจิตและสิ่งลึกลับต่างๆ
นี่ เป็นเรื่องที่แพร่หลายมาเป็นสิบปี
แต่ยังมีคนพูดถึงกัน น้อย
เพราะภาพถ่ายที่ได้จากเทคนิคเกอร์เลี่ยนนั้น
บอกอะไรได้แค่หยาบๆว่า "ดี" หรือ "ไม่ดี"
"สว่าง สวย" หรือ "หม่นหมอง"

พวกขายพระเครื่องเดี๋ยวนี้เขาก็พิสูจน์องค์ที่ ราคาแพง
ด้วยภาพถ่ายออร่าซึ่งมาจากกล้องเกอร์ เลี่ยน อย่างเช่นที่
http://www.ounamilit.com/b44_auracolor.htm
ซึ่งดูด้วยตาเปล่าได้ว่าต่างกันจริงๆ
แต่ คนทั่วไปไม่รู้อยู่ดีว่าที่สีต่างกันนั้นหมายความว่าอย่างไร
เป็น ไปตามนิยามของสีที่อธิบายกำกับแน่หรือเปล่า
ฉะนั้น ความเคลือบแคลงจึงยังไม่หมดไปโดยง่าย

คุณสมเจตน์ ศฤงคารรัตนะ
เจ้าของเว็บ http://saringkan.com
ซึ่งเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่ร่วมกันสร้างนิตยสารธรรมะใกล้ ตัว
แกมีกล้องเกอร์เลี่ยน ผมจึงไหว้วานให้ช่วยถ่ายภาพวัตถุต่างๆ
ตามที่ผมคิดว่าน่า จะเห็นได้ชัดว่าต่างกันอย่างไร
อย่างไรเข้าทางมืด อย่างไรเข้าทางสว่าง
ต้องขอขอบคุณคุณสมเจตน์ไว้ ณ ที่นี้
เนื่องจากแต่ละภาพต้องใช้ต้นทุนสูงพอควร

มาเริ่มกันจากอะไรที่ใกล้ ตัวก่อนครับ
ลองให้น้ำ "ฟังเสียง" ดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น
วิธีก็ง่ายๆ รินน้ำใส่แก้ว จับแก้วใส่ตู้
เอาลำโพงขนาบซ้ายขวา



 

จากนั้นก็นำแก้วน้ำมาวาง หน้าฉากดำ
เพื่อถ่ายรูปตามเทคนิคเกอร์เลี่ยน



 

รูปนี้เป็นน้ำกรองที่ได้ จากก๊อกธรรมดา
ยังไม่ได้ฟังเสียง ยังไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น
ถ่ายออกมาเราจะพบว่ามีความสว่าง พอควร
เนื่องจากน้ำประปาที่สะอาดมีความชุ่มชื่น
และเต็มไปด้วยพลังหล่อเลี้ยงชีวิตอยู่แล้ว
ถ่ายภาพ น้ำที่ไหน เมื่อไร โดยใคร
ก็น่าจะได้ผลเป็นความสว่างไม่ ต่างจากที่เห็นสักเท่าไร
เว้นแต่น้ำนั้นจะมีความสกปรกใน ทางใดทางห


 

ส่วนนี่เป็นรูปออร่าของน้ำ ที่ฟังเสียงพระเทศน์
คุณสมเจตน์ได้เลือกเสียงของพระรูป หนึ่ง
ซึ่งประชาชนกำลังให้ความนับถือกันทั่วประเทศ
ค่าที่ชักชวนให้คนจำนวนมากหันมาสนใจเจริญสติ
อัน เป็นธรรมะขั้นสูงสุดของพุทธศาสนา
ก็ขอให้ดูไว้เป็น ตัวอย่างว่าความสว่างของเสียงท่าน
เมื่อประจุลงในน้ำผ่าน ลำโพงแล้ว
สว่างขึ้นจากเดิมถึงอย่างนี้



 

ส่วนน้ำอีกแก้วหนึ่งให้ฟัง เสียงปลุกระดมคนมาฆ่ากัน
รูปออร่าหลังฟังเสียงแห่งความมืด ดังกล่าว
ก็กลายเป็นอะไรแบบนี้ไปได้



 

จริงๆรูปออร่าไม่ได้บอก อะไรมากไปกว่าที่เห็นกับตาครับ
เดิมน้ำมีความสว่าง อยู่บ้าง
ขนาดที่ถ่ายแล้วแสงสว่างเฉิดฉายจนไม่เห็นตัวแก้ว
แต่น้ำที่ประจุความสว่างของพระที่เทศน์ธรรมอันบริสุทธิ์
ยัง ผลให้ความสว่างที่มีอยู่เดิมกลับยิ่งจัดจ้าเป็นทวีคูณ
ขอบ สีเหลืองอ่อนสำหรับวงการออร่า
เชื่อกันว่าแทนความหมาย ของกระแสธรรมะชั้นสูง
หากต่อไปมีเทคนิคการถ่ายทำที่ ละเอียดและกว้างขวางขึ้น
เราอาจจะประจักษ์ตาทีเดียวว่าน้ำ สว่างขึ้นกว่าเดิมเป็นล้านเท่า
และสีสันที่แท้ของน้ำหลัง ประจุเสียงเทศน์
ก็ไม่ใช่แค่สวยสบายตาธรรมดาอย่างนี้หรอก
แต่ควรจะสวยวิจิตรราวกับแสงทิพย์เลยทีเดียว

ส่วนน้ำที่ฟังเสียงมืด นั้น ลดความสว่างจากคุณสมบัติเดิม
ขนาดที่เห็นตัวแก้ว ได้เกือบชัด
รังสีทะมึนที่เห็น ก็ขอให้ใช้ใจของคุณเองตีความเอาก็แล้วกัน
ว่ามันชวนให้ขน หัวลุกหรือเปล่า

เมื่อประจักษ์กับตาว่าสีออร่าแยกแยะได้แค่ คร่าวๆ หยาบๆ
ว่าวัตถุทั้งหลายมีความแตกต่างกันอย่างไร
เป็นของสว่างหรือของมืด
เราก็นำไปลองดูวัตถุมงคล ที่ปัจจุบันนิยมกันมาก

มันน่าตกตะลึงงง เมื่อวัตถุมงคลบางชิ้นนั้น
แม้ ได้รับมาจากมือผู้ทรงศีล
ที่แท้อาจถูกส่งทอดมาจากคนอื่น ที่ไม่มีศีลธรรมก็ได้
ดังเช่นที่ทันตแพทย์หญิงนางหนึ่ง
เธอมีสร้อยประคำซึ่งได้รับจากมือบุคคลที่เธอนับถือมาก
จึง คิดจะนำมาลองถ่ายภาพเพื่อดูออร่าว่าจะเป็นอย่างไร




ผลปรากฏว่าเป็นสีเขียวคล้ำ
ซึ่ง ต่างกันมากกับสีของความสว่างแห่งธรรมะ



เพื่อให้เกิดความแน่ใจว่า อย่างไรจึงดีกว่ากัน
เธอได้สวดมนต์อิติปิโส ซึ่งเป็นบทสวดวิเศษสูงสุด
เนื่องจากเป็นพุทธพจน์
และเป็นการกล่าวสรรเสริญพระรัตนตรัย
ไม่มีการเรียก ร้องให้คุ้มครองหรือเอาของดีเข้าตัวใดๆ
จิตใจจึงสะอาด ผู้สวดด้วยความนุ่มนวลทุกคน
ย่อมรู้สึกได้ถึงกระแสเมตตา ธรรมอันเยือกเย็นไพศาล



หลังจากสวดประจุความสว่าง ลงน้ำเสร็จ
ก็นำน้ำในแก้วมาถ่ายรูปดูออร่าก่อนเป็น หลักฐาน
จะเห็นความน่าอัศจรรย์ได้อย่างชัดเจน
ถ้า คุณมีกล้องเกอร์เลี่ยน ผมขอให้ลองดูเลยครับ
เอาบทสวดทุกบท ในโลกมาสวดโดยคนๆเดียวกัน
ดูเลยว่ามีบทไหนให้ความสว่างได้ เท่าอิติปิโสบ้าง
แล้วคุณจะตาสว่าง ไม่ไปเอาบทไหนมาสวดอีกเลย
ชาวพุทธจำนวนมากมีบทสวด ศักดิ์สิทธิ์ติดตัวขึ้นใจอยู่แล้ว
แต่อนิจจา หารู้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งใหญ่นั้นไม่
มัวแต่วิ่งหา เครื่องรางของขลัง
จนไปได้ของที่ขลังไม่จริงมาก็บ่อย



บุคคลผู้เป็นพยานที่น่า เชื่อถือท่านหนึ่ง
เป็นตัวแทนนำน้ำซึ่งบัดนี้
ได้ ประจุความสว่างของอิติปิโสมาราดประคำ



จากนั้นก็ได้มีการถ่ายรูป ออร่าของประคำซ้ำอีกครั้ง
ผลที่เกิดขึ้นต่างไป เป็นคนละเรื่อง
ดูแล้วใกล้เคียงกับน้ำมนต์อันเกิดขึ้น
จากบทสวดอิติปิโสมากทีเดียว



 

จากรูปทั้งหมดที่แสดงมา
ก็ เพื่อบอกว่าเดี๋ยวนี้สิ่งที่ตาเห็นไม่ได้
เราสามารถใช้ เทคโนโลยีเห็นแทน
และนำมาแสดงกับตาเปล่าของเราได้แล้ว
เรื่องที่เคยต้องอาศัยความเชื่ออย่างเดียว
จนใกล้ เคียงกับหลุมดำของความงมงาย
จึงกลายเป็นอะไรที่สามารถจับ ต้อง
และกล่าวถึงได้เต็มปากเต็มคำมากขึ้น

สิ่งที่ คนไม่รู้ หรือรู้แล้วลืมนึกถึง
ก็คือร่างกายมนุษย์ ประกอบด้วยน้ำถึง ๗๐%
เมื่อใช้จิตไปประกอบกรรมขาวมากๆ
ถ่ายรูปออร่าจึงออกมาขาวสว่าง
แต่เมื่อใช้จิตไป ประกอบกรรมดำมากๆ
ถ่ายรูปออร่าจึงออกมาช้ำเลือดช้ำหนอง
น่ากลัวมากกว่าน่าดู
จิตคนอ่อนไหวได้ยิ่งกว่าน้ำ หลายร้อยเท่า
น้ำเป็นอย่างนี้ จิตจะไปเหลือหรือ?

แล้ว แปลกนะครับ
ยุคอินเตอร์เน็ตที่แสนล้ำสมัยอย่าง ปัจจุบัน
กลับมีหลายต่อหลายคนหวาดระแวง
หรือ ถึงขั้นตกประหวั่นขวัญผวา
ว่าตนจะโดนคุณไสยที่ใครเขาปล่อย มาเล่นงานบ้างหรือไม่

จริงๆหลักการของคุณไสยมีสองฝั่ง
ฝั่ง สว่างกับฝั่งมืด เรียกไสยขาวและไสยดำ
ไสยดำเอาไว้ทำร้าย ไสยขาวเอาไว้ช่วยคน
ตลอดจนช่วยให้พ้นจากกระแสมาร
ซึ่งในคัมภีร์พระไตรปิฎกกล่าวถึงไว้หลายแห่ง
ทว่า เรามักคิดว่าเป็นเรื่องหลอกหรือแต่งเติมในภายหลัง

เอาเป็นใครสงสัยว่าตัวเอง อาจถูกของ
หรืออาจถูกมารครอบอยู่
ผม มีวิธีพิสูจน์ให้รู้ตัวได้ง่ายๆนะครับ
ให้ถือศีล ๕ จนสะอาดอย่างน้อยหนึ่งวัน
ตกเย็นสำรวจความสว่างของศีล
คุณจะรู้สึกถึงพลังอำนาจฝ่ายดีที่เกิดขึ้นในตัวเอง

จากนั้นให้ปิดตาลง
ท่อง อิติปิโสแบบเปล่งเสียงเต็มปากเต็มคำในอาการสบาย
สวดกี่จบ ก็ได้ จนกว่าจะรู้สึกถึงความสว่าง อบอุ่น สะอาด
และเป็น อันเดียวกับความศักดิ์สิทธิ์ของพระรัตนตรัย

จากนั้นให้อธิษฐานในใจ
ถาม เข้าไปที่ความสว่างซึ่งเกิดขึ้นกลางใจตนเอง
ว่ามีของมืดใด ครอบคลุมเราอยู่หรือไม่ ขอให้รู้ได้ด้วยเถิด
แล้วลืมตาลุก ขึ้นเดินอย่างมีสติ
ไปดูกระจกเงาที่อยู่ใกล้ที่สุด
เอาแบบบานใหญ่ที่เห็นได้ครึ่งตัวจะดี
หากมีกระแส มืดๆคลุมอยู่
คุณจะรู้สึกสัมผัสได้ราวกับควันดำจากกองไฟ
อาจลอยวนอยู่รอบตัว หรือขมุกขมัวอยู่ทั่วหน้า

เห็นอย่างนั้นไม่ต้องตกใจ
เพราะ เงาดำจะหยั่งลงถึงใจไม่ ได้ ถ้าคุณไม่รับ
อย่างมากก็ กระตุ้นให้คิดในทางบาป
ถ้าไม่คิดตามกระแสบาปไป
ก็ไม่เกิดกรรมติดตัวคุณได้

จากนั้นให้เร่งหมั่นสร้าง สมความสว่างให้หนักแน่นที่สุด
ทั้งในด้านของน้ำใจ คิดเสียสละ
น้ำใจให้อภัย ตลอดจนมีใจเด็ดเดี่ยวรักษาศีล ๕
ถ้าขนาดยอมตายดีกว่ายอมเสียศีลได้ยิ่งดี
เท่านี้ แม้มีเมฆหมอกดำคลุมตัวหนาทึบ
ที่สุดมันก็ต้องพ่าย สลายตัวไปไม่เหลือ
ตามหลักของอนิจจังขาขึ้น
ถ้า ฉุดลงต่ำไม่ได้ ก็กลายเป็นผลักดันให้ยิ่งสูงส่งเป็นทวีคูณครับ

ดังตฤณ
กุมภาพันธ์ ๕๓
      บันทึกการเข้า
Khun28
Full Member
**


ดูกายเห็นจิต ดูคิดเห็นธรรม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2528
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์
กระทู้: 784

« ตอบ #47 เมื่อ: 04 มีนาคม 2553, 10:39:25 »

อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2553, 18:52:18
อ่าน บทความของพระอาจารย์ไพศาล ที่ jimsy นำมาโพสท์ไว้ทำให้เข้าใจอะไรได้มากขึ้นเยอะ

และได้รู้เพิ่มขึ้นอีกว่า ที่เคยนับถือศรัทธาพระอาจารย์ไพศาล มานานปีแล้วนั้น ไม่เสียใจเลย


ฝากลิ้งค์ ให้พี่ป๋องครับ

                http://www.visalo.org/

ถ้าพี่ป๋องว่าง สามารถไปปฎิบัติธรรมกับพระอาจารย์ไพศาลได้ที่วัดป่าสุคะโต ชัยภูมิครับ

      บันทึกการเข้า
jimsy
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 195

« ตอบ #48 เมื่อ: 14 มีนาคม 2553, 10:11:15 »

ปรามาสพระอริยะ              

โดย ดังตฤณ

 

ถาม: เคยอ่านหนังสือเจอเกี่ยวกับพวกสติปัฏฐาน เค้าบอกว่าถ้าเกิดเคยปรามาสพระอริยะ
เค้าบอกว่าจะห้าม สวรรค์ห้ามมรรคผล อันนี้จริงหรือเปล่าครับ


เอาจากที่พระ พุทธเจ้าตรัสเองเลยนะ
ครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าเคยตรัสเรื่องสวรรค์นรก เคยตรัสเรื่องเกี่ยวกับพรหมภูมิ
ตรัสเกี่ยวกับเรื่องนิพพาน พูดง่ายๆว่าตรัสเกี่ยวกับเรื่องเหนือโลก
แล้ว พระองค์ลงท้ายไว้นะครับว่า
ตรงนี้พระองค์รู้ด้วยสัพพัญญุตญาณ ไม่ใช่ด้วยการคิดเอา
ถ้าหากว่าใครนึกว่า ท่านตรัสเรื่องเหล่านี้ด้วยอาการคิดเอาด้นเดาเอานะครับ
คน นั้นก็พูดง่ายๆว่า ได้ชื่อว่าปรามาสพระพุทธเจ้า
แล้วถ้าไม่เปลี่ยนความ คิดก่อนตาย ก็มีสิทธิได้ไปอบาย ไปทุคติภูมินะ

อันนี้ท่านตรัส ไว้ในแบบเป็นพุทธพจน์ เป็นสัจพจน์นะ เป็นความจริงตามธรรมชาติ
ไม่ใช่ว่า ท่านสาปแช่งใคร หรือยกตนเองว่าเป็นผู้วิเศษ ที่ไม่มีใครไปว่าได้ ไม่มีใครไปติเตียนได้
ถ้าใครติเตียน ใครตั้งตนเป็นศัตรูกับพระองค์หรือว่าอริยเจ้าสาวกของพระองค์ จะต้องไปอบายนะ
แต่ท่านตรัสไว้เป็นหลักของธรรมชาติว่า
อริยเจ้าอริย สาวก หรือแม้แต่พระองค์ ซึ่งเป็นพระอรหันต์ ผู้อยู่สูงสุด เป็นประมุขของพระพุทธศาสนา
มีจิตที่พ้นแล้ว ปราศจากกิเลสแล้ว ไม่เบียดเบียนใครแล้ว
เพราะฉะนั้นจึง มีผลใหญ่ ถ้าหากใครไปปรามาสเข้า ใครไปติเตียนเข้านะครับ
แต่ทั้งนี้ทั้ง นั้น พระองค์กำกับไว้ด้วยว่า ถ้าหากไม่เปลี่ยนความคิด ก็จะได้ไปอบาย
แปล ว่า ถ้าหากเปลี่ยนความคิดได้ทันก่อนตาย ก็ไม่ต้องไปอบาย
ไม่ต้องห้ามแม้แต่กระทั่งสวรรค์หรือนิพพานด้วยนะครับ

ลองคิดดูว่า อย่างคนที่พระองค์ไปสอน ก็มีที่บางคนมาติเตียนมาด่าว่าท่านอย่างรุนแรงเลย
บอก เป็นคนไม่เอาไหน เป็นคนไม่เอาถ่าน เป็นคนอะไรต่อมิอะไรต่างๆ
พูดง่ายๆว่า ใช้ภาษาที่แม่ค้าปากตลาดในปัจจุบันเค้าใช้กัน ด่าว่าพระองค์เลยนะ
แต่ว่าพระองค์ก็ไม่ได้ทรงโต้ตอบด้วยอาการโกรธเกรี้ยว
ตรง ข้าม ท่านใช้เมตตาธรรมนะครับ แล้วก็คำสอนในแบบที่จะกลับใจคนๆนั้นได้
คนๆ นั้นก็เปลี่ยนจากต้นทางไปอบาย กลายเป็นได้บรรลุมรรคผลเลยนะครับ
ถ้าผมจำไม่ผิด จะเป็นในวันนั้นเลยด้วยซ้ำ
แต่ที่แน่ๆคือผมจำเหตุการณ์ ทั้งหมดไม่ได้
เอาเป็นสรุปว่าในภายหลังท่านได้เป็นพระอรหันต์ทีเดียว

เพราะฉะนั้นการ ปรามาสอริยเจ้าที่รองลงมาเป็นสาวกของพระองค์ ก็เหมือนกันนะ
อยู่ภายใต้ กฎเกณฑ์เดียวกัน
คือว่าถ้าหากเรากลับใจ เราเปลี่ยนใจ เราไปขอขมาท่าน
หรือว่าเปลี่ยนจากคำด่าคำติฉินนินทาเป็นคำสรรเสริญ พูดจากร้ายกลายเป็นดีเสีย
ไอ้ที่จะห้ามสวรรค์ห้ามนิพพานอะไรมันก็หายไป
ไอ้ ที่จะต้องไปอบาย มันก็กลับเปลี่ยนเป็นสร้างทางที่จะได้ถึงพระนิพพานให้ตัวเองได้
เพราะว่า กราบอริยเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระอรหันต์
ถ้าหากกราบด้วยใจ ถ้าหากว่ามีใจเคารพเลื่อมใสพวกท่านด้วยความบริสุทธิ์นะครับ
ตรงนั้นก็ เท่ากับกราบนิพพาน เพราะพวกท่านถึงนิพพานแล้ว
เหมือนกับเป็นสัญลักษณ์ หรือเป็นตัวแทนนิพพาน เป็นประตูนิพพาน
การที่เราได้กราบท่าน การที่เราได้พูดดีๆกับท่าน หรือว่าการได้สรรเสริญท่านให้คนอื่นฟัง
มันก็คือการที่เราเข้าพวกกับนิพพานนั่นเอง พร้อมที่จะเข้ากระแสนิพพานนั่นเองนะครับ

ฉะนั้นสบายใจได้ นะครับ ถ้าหากว่าเคยผิดพลั้ง เคยพลาดไปปรามาสไว้
ไม่ว่าจะเป็นอริยะที่ ไหน หรือไม่ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้ายังไงก็แล้วแต่
มันไม่ได้ปิดประตูมรรคผลนิพพาน หากใจจริงของเราหันกลับมานะครับ
มีความ เคารพเลื่อมใสด้วยเหตุด้วยผล ไม่ใช่เชื่อด้วยความงมงายนะ
เชื่อด้วยเหตุ ด้วยผลว่าพวกท่านมีทางไปที่ดีแล้ว มีคำสอนที่ดีแล้ว เป็นแบบอย่างที่ดีแล้ว


ถาม: ถ้าเกิดอยากจะขอขมาตรงหิ้งพระที่บ้านได้ไหมครับ

การเปล่งวาจาขอ ขมา มันมีผลดีอยู่นะครับ
คือว่าทำให้เกิดความหนักแน่นขึ้นมา เพราะว่าใจของเราปกติมันจะเบา
แค่คิดเฉยๆมันยังเหมือนเลื่อนลอย เพราะความคิดมันซัดไปซัดมาเหมือนฝุ่นทราย
แต่ ถ้าเมื่อไหร่เราหนักแน่นพอที่จะเปล่งวาจาขอขมาออกมา
นั่นแสดงถึงความ ชัดเจนนะ ว่าจิตมีทิศทางที่ตั้งมั่นแน่วแน่แล้ว
ว่าเราคิดอย่างนี้ เราถึงพูดอย่างนี้ นะครับ

ฉะนั้นจะเป็นที่ ตรงหน้าโต๊ะหมู่บูชา
หรือว่าหน้ารูปเคารพของพระที่เราเคยปรามาสอะไรก็ แล้วแต่ มันได้ทั้งนั้นแหละ
เพราะว่ามันได้ที่ใจเราแน่ๆ มันได้ที่ปากเราแน่ๆนะครับ
กรรมที่เกิดจากใจ แล้วก็กรรมที่เกิดจากปากนั่นแหละ
ตัวนั้นแหละของจริงที่จะติดตัวเราไป
ส่วน องค์ท่านจะมรณภาพไปแล้ว หรือว่าจะไม่อยู่แล้ว
หรืออยู่ห่างไกลในประเทศ ไกลๆไป ตรงนั้นมันไม่ได้มีความหมายเท่า

เพียงแต่ว่า คือถ้าพูดถึงอะไรแบบที่ครบวงจร แล้วทำให้เคลียร์จริงๆ ทำให้ดีจริงๆ
ควร จะไปขอขมาต่อหน้า
ทีนี้ถ้าในเมื่อไม่มีท่านให้ขอขมาแล้ว เราก็ใช้ใจของเรานั่นแหละ
เป็นที่พึ่ง เป็นหลัก เป็นตัวตั้งกรรมใหม่


(จาก คุย กับดังตฤณ 6 - ช่วงนิพพานมีจริง )

 


--
มีสติรู้กาย รู้ใจ ตามความเป็นจริง
ด้วยความตั้ง มั่นและเป็นกลาง
      บันทึกการเข้า
jimsy
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 195

« ตอบ #49 เมื่อ: 03 เมษายน 2553, 11:56:59 »

ประกาศสวนสันติธรรม

ที่ ๑ / ๒๕๕๓
วันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๓
เรื่องการปรับ เปลี่ยนแนวทางการดำเนินงานของสวนสันติธรรม


          ตามที่สวนสันติ ธรรมได้มีแถลงการณ์เมื่อ ๑๗ มกราคม ๒๕๕๓ เกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนแนว ทางการดำเนินงานของสวนสันติธรรม เพื่อลดความขัดแย้งต่างๆ ลง โดยหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช และสวนสันติธรรมจะลดการเผยแผ่ในวงกว้างลง เท่าที่จะทำได้ เช่น (๑) การยุติการผลิต CD แผ่น ใหม่ (๒) การยกเลิกการเผยแผ่ธรรมของหลวงพ่อปราโมทย์ทางเวปวิมุตติ และ (๓) การเจรจาเพื่อขอยกเลิกการนิมนต์แสดงธรรมนอกสถานที่ซึ่งได้รับไว้ แล้ว นั้น

          ขณะนี้สถานการณ์ ต่างๆ มีความกระจ่างชัด พ่อแม่ครูอาจารย์ในสายกรรมฐานชั้นผู้ใหญ่หลายรูป พระมหาเถระในสายการปกครอง พระอุปัชฌาย์อาจารย์ของหลวงพ่อปราโมทย์ สื่อมวลชนทั้งที่หลวงพ่อปราโมทย์เคยรู้จักและไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัว ตลอดจนองค์กรและปัจเจกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศจำนวนมาก ได้เข้าใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว รวมทั้งได้มีความเห็นสนับสนุนให้หลวงพ่อปราโมทย์และสวนสันติธรรมเผยแผ่พระ สัทธรรมต่อไปตามปกติ ซึ่งการให้ความเห็นได้กระทำในหลายรูปแบบ เช่นการแสดงออกโดยตรงด้วยวาจา การเยี่ยมให้กำลังใจที่สวนสันติธรรม การส่งจดหมายหรือไฟล์เสียงสนับสนุน และที่น่าประทับใจมากอีกอย่างหนึ่ง ก็คือ การเขียนจดหมายเล่าประสบการณ์การปฏิบัติตามแนวทางที่หลวงพ่อปราโมทย์สอน อันส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นอย่างมากในชีวิต โดยสรุปแล้วทุกฝ่ายเห็นควรให้หลวงพ่อปราโมทย์ทำงานต่อไปตามปกติ

          เพื่อให้เป็นไปตาม ความเห็นของพระมหาเถระหลายฝ่าย และเพื่อประโยชน์ความสุข แก่มหาชนจำนวนมาก แม้แต่กับผู้ที่ไม่เคยสนใจพระพุทธศาสนามาก่อน สวนสันติธรรมจึงได้ปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินงานใหม่ โดยอนุญาตให้ผลิต CD แผ่นใหม่ และให้มีการเผยแผ่ธรรมของหลวงพ่อปราโมทย์ทางเวปวิมุตติได้ดังเดิม สำหรับงานนิมนต์ยังต้องชะลอไว้ก่อนอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากช่วงนี้หลวงพ่อปราโมทย์มีภารกิจมาก และสุขภาพยังไม่ดีนัก



--
มีสติรู้กาย รู้ใจ ตามความเป็นจริง
ด้วยความตั้งมั่นและเป็นกลาง
      บันทึกการเข้า
ongry
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #50 เมื่อ: 04 กรกฎาคม 2553, 19:54:09 »

สวัสดีค่ะ ชื่อ อ๋องนะคะเพิ่งเป็นสมาชิกใหม่วันนี้ เนื่องมาจาก กำลังพูดถึงพระอาจารย์ปราโมชย์ เพื่อนเลยบอกว่าไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเรื่องราวของท่าน บังเอิญมาจากเวปนี้พอดี แล้วได้อ่านลิ้งค์ทั้งสองจากคุณเจษฐา เรียบร้อยแล้วค่ะ

บ้านอารีย์ หรือ สวนสันติธรรม ต่างก็เผยแพร่พุทธศาสนา และก็เพียงแค่รูปแบบการสอนของพระอาจารย์ปราโมชย์ หรือ พระอาจารย์แต่ละท่าน มีวิธีการที่แตกต่างกันออกไปมากกว่า ส่วนเนื่อหาจะจริงหรอไม่นั้น อ๋องขอไม่มีความเห็นค่ะ แต่มีสิ่งนึงที่ทำให้สะดุด และบอกตามตรงเลยว่าไม่พอใจกับบ้านอารีย์๋ ก็คือ ประโยคนี้ึค่ะ

บ้านอารีย์ขอยืนยันด้วยความสุจริตใจว่า การกระทำใดๆ ตลอดจนข้อเท็จจริง และเหตุผลที่บ้านอารีย์ได้นำมาเปิดเผยในประกาศฉบับนี้ เป็นการกระทำที่ไม่มีเจตนาก้าวล่วง ไปตำหนิหลวงพ่อปราโมทย์เป็นการส่วนตัว  

แต่เท่าที่เห็นทั้งหมด มันคือการตำหนิในบางส่วน นั่นก็เรียกว่าตำหนิแล้วใช่รึเปล่าคะ อ๋องแค่สงสัย และ หงุดหงิดประโยคนี้ รวมไปถึง ประโยคสุดท้าย

ทั้งนี้ บ้านอารีย์ยังใคร่เชิญชวนพุทธศาสนิกชนที่มีความสนใจ หรือสงสัยในความถูกต้องของข้อความข้างต้น ได้ทำใจเป็นกลาง และใช้โยนิโสมนสิการ เฝ้าตามสังเกตข้อเท็จจริงดังกล่าวได้ด้วยตัวท่านเอง  

อ๋องเป็นกลางอ่านของทั้งสองทีี่ ไม่เข้าใจ จริงๆ ว่าแต่ทำไมต้องเชิญชวน หรือ เรียกให้เราใช้สติสมองสำเหนียกสังเกตข้อเท็จจริง อะไรอีกคะ

ถ้าอ๋องทำให้พี่ๆ ที่รักบ้านอารีย์ ไม่พอใจอ๋องต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ  sorry
      บันทึกการเข้า
lee_me
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #51 เมื่อ: 17 กันยายน 2553, 11:38:22 »

 เหนื่อย
      บันทึกการเข้า
lee_me
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #52 เมื่อ: 17 กันยายน 2553, 13:14:08 »

ดิฉันเองได้ติดตามค้นหาตั้งแต่ท่านพระอาจาย์ยังไม่ได้บวช ตอนที่ยังใช้ชื่ออุบาสกนิรนาม เขียนบทความเพราะอ่านแล้วไช่เลย ตรงกับสิ่งที่เราค้นหามานานมาก ส่วนตัวดิฉันเริ่มนั่งกัมฐานตั้งแต่เรียนชั้น ป.3  จนถึงก่อนที่จะรู้จักงานเขียนของอุบาสกนิรนามเกือบ 30 ปี เป็นแนวสมถกรรมล้วนๆ เพราะยกจิตขึ้นสู้วิปัสสนาไม่เป็น ได้แต่นั่งสมาธิไปเที่ยวดูนรกดูสวรรค์ ดูป่าหิมพานณ์ตามเรื่องตามราว และไม่ทราบว่าอุบาสกนิรนามคือใคร มีอยู่ช่วงหนึ่งหายไปนามมากเป็นปี ไม่มีตอบกระทู้ใน Internet วันหนึ่งดิฉันได้เปิดฟังสถานนีวิทยุสังฆทานธรรมของหลวงพ่อสนอง ได้ฟังเสียงพระเทศน์องค์หนึ่ง ฟังแล้วสดุงใจมาก ลักษณะที่ท่านออกอากาศนั้นเหมือนกับบทความของอุบาสกนิรนามที่ดิฉันกำลังค้นหาอยู่ขณะนั้นมาก... ก็เลยโทรไปที่สถานนีสังฆทานธรรม ถามเขาว่าที่กำลังออกอากาศอยู่ในขณะนี้เป็นเสียงของพระอาจารย์องค์ไหน เขาก็บอกว่าเป็นเสียงเทศน์ของพระอาจารย์ปราโมทย์ ดิฉันก็พึงรู้ว่าพระอาจารย์ปราโมทย์กับอุบาสกนิรนามก็คือเป็นคนๆ เดียวกัน ตอนนั้นดิฉันดีใจมาก ในที่สุดก็ได้เจอของจริงเสียที่ (ไม่ใช่เจอตัวตนเป็นๆน่ะ หมายถึงเจอข้อธรรมที่เราสนใจและค้นหา)   ตอนนั้นท่านอยู่ที่จ. กาญจนบุรี ยังไม่ได้สร้างสวนสันติธรรม ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาดิฉันก็ปฏิบัติตามแนวของพระอาจารย์ปราโมทย์มาตลอด CD ที่มีใน Internet ดิฉัน download มาฟั่งทุกอันดูจิตตามแนวของท่าน...จากที่ไปเที่ยวดูนรกดูสวรรค์ ตอนนี้ก็มาดูจิตตัวเองแทน ดิฉันปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน ดูการเกิดและการดับของจิตที่ละขณะ.ที่ละดวง จิตที่สว่าง จิตที่ประภัสสร จิตที่เบิกบาน มีความสูขยิ่งกว่าไปนั่งฟังพวกเทวดาเล่นพิณกันเสียอีก สุขใดเล่าจะสุขเท่ากับที่ได้เข้าถึงธรรม ขนาดเราเป็นลูกศินย์ท่าน เรายังสามารถทำได้ขนาดนี้ แล้วท่านเป็นอาจารย์ที่ชี้ช่องทางให้เราเดินในทางที่ถูกที่ควร ท่านจะขนาดไหนดิฉันหลงทางมา 30 ปี ได้ฟังธรรมของท่านสามารถทำให้ดิฉันได้รู้จักความสุขที่แท้จริง ความสุขสงบที่เกิดจากภายในจิตของตน เห็นว่าโลกนี้ไม่เที่ยง ทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และก็ดับไป สุขก็ชั่วคราว ทุกข์ชั่วคราว ดิฉันดูจิตตัวเองเห็นตัวโกรธเป็นก้อนๆ ตามดูตามรู้ สุดท้ายตัวโกรธนั้นก็ดับไปต่อหน้าต่อต่า สลายหายไปเหมือนควันไฟ สิ่งที่เข้ามาแทนทีคือ ความสุข  จิตที่เบิกบาก จิตที่สว่าง จิตที่ปล่อยว่าง จิตที่ละได้ นี่คือสิ่งที่ดิฉันได้จากการทำตามคำสอนของท่านพระอาจารย์ปราโมทย์ (ทาง CD) ดิฉันได้ค้นหาและติดตามตั้งแต่ก่อนท่านบวชและหลังบวช กว่าจะเจอบุคคลประเภทนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย และหากันง่ายๆ..คนที่ยังไม่เคยฟังธรรมของท่าน ไม่เคยปฏิบัติตามแนวของท่าน อย่าพึ่งวิพากษ์วิจารณ์ เพราะเราไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงๆ ว่าเป็นอย่างไร จะเป็นกรรมกับตัวเองเปล่าๆ
      บันทึกการเข้า
Pete15
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,460

« ตอบ #53 เมื่อ: 23 กันยายน 2553, 09:53:31 »

สวัสดีครับ......พี่-น้อง ทุกท่าน ขอบคุณ ป้าแจ่ม ที่เปิดกระทู้นี้ขึ้นมา การสนทนาธรรม เป็นเรื่องไม่ง่าย แต่ดีครับ
                    ที่มีช่องทางหลากหลายที่จะได้แลกเปลี่ยน ข้อมูลความคิดเห็น ประสบการณ์ ซึ้งกันและกัน พอดี
                    ป้าแ่จ่มขึ้นกระทู้ ท่านพระอาจารย์ปราโมทย์ ซึ่งเป็น HOT HiT ตอนนี้ แล้วต่อไปละ กลัวกระทู้นี้จะ
                    เงียบหายไป ความจริงกลุ่มบุคคลที่เอ่ยถึงพระอาจารย์ปราโมทย์ได้ต้องมี(ความเข้าใจในธรรมพอควร)
                    วิถีแห่งความคิด แบบไม่ธรรมดา น่าจะได้มีโอกาสพบปะกันต่อ พยายามอย่าทิ้งหายกันไปนะ อย่า
                    สมถะอย่างเดียว (อย่านิ่ง) ออกมาคุยกัน ขอโทษครับ ข้อถามนิด คุณ lee-me นะใคร? อยากรู้จัก
                    ผมมือใหม่ใน web ยังรู้จัก ผู้คนไม่มาก เผื่อได้มีโอกาส สนทนา (ธรรม) กันบ้าง     xปิ๊ด15x

  
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #54 เมื่อ: 23 กันยายน 2553, 21:02:19 »

อุบาสกปีเตอร์นี่มือใหม่จริงๆเลย
คุณอ๋ิอง และคุณ Lee_me ไม่ใช่ชาวหอหรอกครับ
เธอใช้ google search คำว่า พระปราโมทย์ เข้ามาพบกระทู้นี้โดยบังเอิญ
ก็เลยเมนท์ซะหน่อย เธอไม่กลับมาอีกหรอก อย่าไปรอเก้อเลย
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
สมชาย17
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,300

« ตอบ #55 เมื่อ: 24 กันยายน 2553, 08:51:37 »

 
อ้างถึง   
อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 23 กันยายน 2553, 21:02:19
อุบาสกปีเตอร์นี่มือใหม่จริงๆเลย
คุณอ๋ิอง และคุณ Lee_me ไม่ใช่ชาวหอหรอกครับ
เธอใช้ google search คำว่า พระปราโมทย์ เข้ามาพบกระทู้นี้โดยบังเอิญ
ก็เลยเมนท์ซะหน่อย เธอไม่กลับมาอีกหรอก อย่าไปรอเก้อเลย



อ่านตรงนี้ ก็ขอชมว่าท่านพี่ป๋อง ท่านเหนือกว่า วม.(เว็บ มาสเตอร์) หลายขุมจริงๆ

เป็นข่าวอีกแล้ว โลกเรานี้ช่างวุ่นวายหนอ เหนื่อย

เรื่องพระอาจารย์ ผมว่า อ่านบทความหน้า2 ของน้องjimsy และของป้าแจ่ม ก็จะได้ความชัดเจน ปิ๊งๆ
และข้อคิดที่ดี

ส่วนผมเอง คงต้องใช้คำว่า  มารไม่มีบารมีไม่เกิด  และถ้าเรามาดู โลกธรรม8 ให้ลึกๆ เรื่องที่เกิด
ก็เป็นเรื่อง โลกธรรมนั่นเอง  ธรรมชาติของมนุษย์เป็นเช่นนี้แล

(ทวนคำที่เป็นสัจจธรรมของ พี่ป๋อง อีกที  ทำดีจะได้ดีหรือไม่ได้ดี ยังไม่รู้ แต่ถ้าทำชั่วไม่มีทางได้ดีแน่ๆ) win

สวัสดีครับ
bye bye bye bye
      บันทึกการเข้า
jamsai
Full Member
**


ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 416

เว็บไซต์
« ตอบ #56 เมื่อ: 24 กันยายน 2553, 16:55:30 »

สวัสดีค่ะ

แล้วก็มีข่าวใหญ่โตออกมา อีกครั้ง ทางสื่อทุกชนิด ตอนที่กล่าวหาดูน่าเชื่อพิธีกรข่าว ทั้งทีวี วิทยุ เอามาละเลง  เพื่อทำมาหากินอย่างเมามัน แต่พอผลการสอบเบื้องต้นออกมาแล้วข่าวก็เล็กๆ บางแห่งไม่พูดถึงด้วยซ้ำ
สัตว์โลกหนอ...

ป้าตามไปอ่านในพันทิป ก็รู้สึกชื่นชมลูกศิษย์พระอาจารย์ที่ตั้งสติรับมือและแสดงออกได้ดี สมกับเป็นผู้ที่ฝึกมีธรรมะดีแล้ว  เลยไม่มีใครดาลเดือดมากมาย แต่ป้าเองยังยังไม่ถึงธรรมอย่างเขา จะเรียกตัวเองเป็นศิษย์ก็ยังไม่คู่ควร  ใจเลยยังแว๊ดๆๆๆ อยู่

อึ้งกับ ดร.เทิดศักดิ์  คณะ ถาปัด จุฬาฯ ...ที่กำลังดัง
คงจะอิจฉาแกกระมัง เพราะแก(ถูก) แต่งตั้งเป็นตัวแทนชาวพุทธ ไปร้องเรียน
กล่าวหาพระอาจารย์ปราโมทย์  เพื่อจะพิทักษ์พระศาสนา ...อภิโธ่..เอ๋ย
โธ่ ...ที่จริงก็จะช่วยได้มากเลย ถ้าจะร้องเรียนสำนักใหญ่มหึมา ที่ขายบุญขายสวรรค์ โน่นอีกสักแห่ง
เป็นครั้งแรกที่ได้ยินชื่อเขา ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนค่ะ.. มีชาวหอพวกเรารู้จักบ้างใหมคะ

ถาม อ.เผ่า แกก็บอกว่าอยู่คณะ แต่ไม่รู้จักเรื่องราวของท่าน...

 เหนื่อย เหนื่อย
      บันทึกการเข้า

ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
jamsai
Full Member
**


ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 416

เว็บไซต์
« ตอบ #57 เมื่อ: 24 กันยายน 2553, 17:24:53 »

ที่ชื่นชมลูกศิษย์พระอาจารย์ปราโมทย์ เพราะมีการชวนกันมาเล่าว่าตัวเองได้รับสิ่งดีอะไรในการปฏิบัติตาม
คำสอนของพระพุทธเจ้าผ่านคำอธิบายและการสอนของพระอาจารย์ ปราโมทย์ เขาเรียกกันว่า
โครงการหัวใจบริสุทธ์ ....ขณะนี้มีคนเสนอตัวเป็นพยานผลของคำสอนมากกว่า 300 คนแล้ว
 ลองอ่านนะคะ

ตามที่มีบุคคลบางกลุ่มกล่าวอ้างว่า ธรรมะของหลวงพ่อปราโมทย์ ทำให้ผู้ศึกษาธรรมกับท่านอ่อนแอ
ไม่สามารถพึ่งตนเองได้ต้องเข้าหาหลวงพ่อโดยตลอด ทางทีมงานเวปธรรมดา จึงขอนำเสียงจาก
หัวใจบริสุทธิ์จำนวนหนึ่งที่มีถิ่นฐานอยู่ต่างประเทศและไม่สามารถมาเรียนกับหลวงพ่อได้โดยตรงบางส่วน
มาให้ทุกท่านได้พิจารณาดู ซึ่งท่านเหล่านี้ต้องอาศัยเพียง CD ธรรมะและหนังสือเพื่อประกอบการภาวนา
ของตนเองเท่านั้น

...........................
- หลวงพ่อที่ได้ชี้แนะพวกเราทั้งหลายให้เข้าใจถึงแก่นของศาสนาพุทธ เข้าใจถึงคำสอนของ
องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลวงพ่อได้ชี้แนวทางให้ได้เรียนรู้และเข้าใจแล้วว่าหน้าที่ของ
มนุษย์คืออะไร มนุษย์เกิดมาเพื่อทำอะไร ลูกขอเป็นต้นไม้อีกหนึ่งต้นของหลวงพ่อ
และขอเดินตามเส้นทางไปจนพบจุดหมายปลายทาง ขอเป็นไม้ท่อนที่ไม่ควรไปติดอยู่กับ
อะไรระหว่างทางด้วยคนหนึ่งเจ้าค่ะ : หัวใจบริสุทธิ์จากเวียงจันทร์
.
- จากที่เคยดิ้นรนแสวงหาสุข และหนีทุกข์อย่างเท่าที่จะทำได้กลายเป็นเข้าใจว่าทั้งความสุข
ความทุกข์ เดี๋ยวมันก็จะผ่านไปเช่นเดียวกันกับที่ผ่านมา หากไม่มีหลวงพ่อปราโมทย์ที่ได้เมตตาสอนให้
หัดรู้สึกตัวเป็นด้วยการดูกายดูใจ ดิฉันก็ยังคงต้องจมปลักอยู่ในความทุกข์ และดิ้นรนอย่าง
ไร้จุดหมายต่อไปอีกนานหนักหนา ท่านจึงเป็นผู้ที่มีพระคุณอย่างใหญ่หลวงทีเดียว : หัวใจบริสุทธิ์จากญี่ปุ่น
.
- ดิฉันยังไม่เคยได้ไปกราบนมัสการหลวงพ่อปราโมทย์ฯแม้แต่ครั้งเดียว ไม่เคยได้ไป
ฟังธรรมของท่านหรือพบเจอตัวจริงของท่านที่ไหน หากแต่มีเพียงซีดีเสียง และคลิป
เทศนาของท่านที่ดิฉันดาวน์โหลดจากอินเตอร์เน็ตเท่านั้นที่เป็นครู เป็นเสมือนคู่มือชีวิต
ภาคปฏิบัติที่แท้จริงยังต่างแดน ที่ได้ผลสัมฤทธิ์ดียิ่ง เรียกได้ว่า ปวารณาตัวเป็นศิษย์
โดยที่ยังไม่เคยได้พบตัวจริงของอาจารย์เลย : หัวใจบริสุทธิ์จากออสเตรเลีย
.
- กระผมเคยมีโอกาสได้เห็นสภาวะของขันธ์ที่ว่านี้ก็ตอนที่มีทุกข์เวทนาทางร่างกายถ้า
เป็นสมัยก่อนเวลามีทุกข์เวทนาทางกาย ก็จะมีอาการทุรุนทุราย พยายามหาทางทำให้
ทุกข์เวทนาดังกล่าวหายไป แต่เมื่อกระผมได้ยินคำสอนของหลวงพ่อฯเรื่องการแยก
ธาตุแยกขันธ์แล้ว และได้นำมาลองกับตัวกระผมเอง ปรากฏผลว่าทุกข์เวทนาที่เกิดขึ้นนั้น
มันไม่ได้หนักหนาเหมือนสมัยก่อน มีความรู้สึกว่าทุกข์เวทนานี้ทนอยู่ได้ไม่นาน
ถ้าสังเกตไปซักพักก็จะรู้สึกว่าระดับของทุกข์เวทนานี้ลดลงได้เอง ซึ่งแน่นอนว่าการจะ
แยกขันธ์ออกไปเป็นส่วนๆนั้น จำเป็นต้องมีสมาธิเป็นพื้นฐานอยู่ด้วย : หัวใจบริสุทธิ์จากลอนดอน
.
- The whole last year 2009 ,it was the worst year in my life that I have
ever faced.I am 38th years old woman who is living aboard alone.
Without L’Por Pramot’s Guide of Life , I would not be as I am on these
days again. : หัวใจบริสุทธิ์จากแดนไกล
.
- ขอยกท่านเป็น”พ่อ” ทางธรรม  เพราะคำสอนและวิธีการที่ท่านที่นำเอาธรรมะของ
พระพุทธเจ้ามาสอนตามสไตล์ และประสบการณ์ภาวนาของท่านเอง เปลี่ยนเรา
ทำให้เราเห็นทางที่จะปฎิบัติ มั่นใจว่าเราเองคนอย่างหนา เต็มไปด้วยกิเลส ตัณหา
ก็มีสิทธิ์ที่จะพ้นบ่วงมารได้  เมื่อลองปฏิบัติก็ได้ผลจริง ก็ทุกข์น้อยลง สั้นลง ยึดติด
ผูกมัดอะไรก็จางคลายลง มันรู้จริงๆ มันทุกข์น้อยลงจริงๆ ตรงนี้มันรู้ได้ตัวเอง
เมื่อมีความสุขมากขึ้นก็อยากให้คนอื่นมีโอกาสเหมือนเรา : หัวใจบริสุทธิ์จากขั้วโลกใต้
.
- ไม่เคยคิดว่าหลวงพ่อองค์ไหนไม่ดี ดีหมดแหละ แต่หลวงพ่อปราโมทย์นี่นะฟังครั้งแรกครั้งเดียวนี่
รู้เลยนะว่าศาสนาพุทธคืออะไร สอนอะไร ให้ปฎิบัติยังไงถึงรู้รู้รู้ได้ เป็นนักเรียนโรงเรียนทั้งคริสต์
ทั้งพุทธนะ เรียนจนหัวนี่ก็หงอกนะ แค่ให้เราเข้าใจว่าทำไมเรานับถือศาสนาพุทธ ศาสนาพุทธช่วย
ในการดำเนินชีวิตของเราอย่างไร จะช่วยชาวโลกได้จริง ก็ต้องเริ่มที่ผู้เผยแพร่ ผู้สามารถถ่ายทอด
ให้ผู้ฟังศรัทธาและเข้าถึง จึงจะไปถึงการปฎิบัติได้  เรากราบไห้วพระพุทธรูปมาก็มากพระภิกษุสงฆ์มา
ก็มากนะ ไม่เคยได้ยินพระองค์ใดพูดให้ได้รู้สึกตัวเท่าหลวงพ่อปราโมทย์เลย การกราบไหว้
บูชาพระพุทธองค์ พระพุทธรูปนมัสสิการพระคุณเจ้าทั้งหลายมีความรู้สึกจริงใจ จริงจังจากใจ
ก็เพราะเราได้ค้นพบว่าพระพุทธองค์สอนอะไร จากหลวงพ่อปราโมทย์ ปราโมชโช นี่เอง :
หัวใจบริสุทธิ์ผู้อยู่เมืองนอกมาแล้ว 20 ปีจนปัจจุบัน
 รักนะ
      บันทึกการเข้า

ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
jamsai
Full Member
**


ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 416

เว็บไซต์
« ตอบ #58 เมื่อ: 24 กันยายน 2553, 17:30:42 »

ความคิดเห็นจากพระรูปหนึ่งกรณีข่าวสวนสันติธรรม

หลายวันมานี้ เราคงจะเห็นข่าวพระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชฺโช ลงหนังสือพิมพ์
 และเป็นข่าวทางหน้าจอโทรทัศน์หลายช่อง มีการโหมข่าว ชงเรื่อง วิพากษ์วิจารณ์ ใส่สีกันอย่างเต็มที่
จากทั้งทางผู้ร้องเรียน และจากทางสำนักข่าวต่างๆ ( นั่นเป็นสิ่งที่นักข่าวที่มุ่งแต่จะขายข่าวมักจะทำเป็น
ประจำอยู่แล้ว โดยเฉพาะข่าวเกี่ยวกับพระ และอาจเป็นเพราะที่ผ่านมาข่าวเกี่ยวกับพระในด้านลบมักเป็นเรื่องจริงโดยส่วนใหญ่ และสั่นคลอนศรัทธาไปมากแล้ว ) ผู้คนส่วนใหญ่ที่ไม่รู้จักท่าน หรือรู้จักแค่เพียงผิวเผิน
เมื่อได้ฟังหรือดูข่าวนี้ ก็คงร่วมพิพากษากันตามเนื้อข่าวที่ได้รับฟัง หรือได้อ่านจากสื่อที่นักข่าว
และผู้ร้องเรียนเหล่านั้นนำเสนอ ส่วนใหญ่แล้วนักข่าว และผู้เสพข่าวเหล่านั้นล้วนมีชุดคำตอบภายในใจ
อยู่แล้ว เมื่อเป็นข่าวที่เขียนถึงพระสงฆ์ในแง่ลบ โดยยังไม่ทันรู้ถึงเรื่องราวข้อเท็จจริงของอีกด้านหนึ่ง
 ( และนั่นก็เป็นธรรมดาในสังคมโลก )


แต่เหตุการณ์นี้จะเป็นกรณีที่ทุกคนควรศึกษา เพราะทางด้านพระอาจารย์ปราโมทย์ และกลุ่มลูกศิษย์ลูกหา
ต่างดำเนินชีวิตกันอย่างสงบ ทำกิจวัตรตามปกติ ไม่ออกมาเต้นผางๆ เพื่อตอบโต้ แก้ข่าวอย่างเผ็ดร้อน
เดือดพล่านแบบกรณีข่าวอื่นๆ ที่เราเคยเห็น การออกมาชี้แจงโต้ข่าวกันกลับไปกลับมา โดยเฉพาะในวงการเมือง
และวงการดารา ซึ่งเป็นสิ่งที่เข้าทางผู้นำเสนอข่าว เพราะมันขายได้ และคนส่วนใหญ่มักชอบติดตาม
แต่ในกรณีนี้จะมีก็แต่คำชี้แจงต่อสื่อมวลชนอย่างสุภาพเพียงสองสามหน้ากระดาษ เท่านั้น แต่ด้วยคำชี้แจ
งแบบไม่โจมตีใครเช่นนี้ ผู้ที่เคยศึกษางานของท่าน และต้องการทราบข้อมูล หรือรอฟังอยู่ ส่วนใหญ่ก็เกิด
ความสบายใจขึ้นทันทีว่า “ไม่มีอะไร” แต่นักข่าว และผู้คนบางกลุ่มอาจจะไม่พอใจในถ้อยแถลง ที่ไม่มีการ
ตอบโต้กันอย่างเผ็ดร้อน ตามความคุ้นเคยจากการอ่านข่าวเรื่องอื่นๆ มา แหละนี่คือสันติวิธีในการแก้ปัญหา
ที่คนในสังคมไม่ค่อยรู้จัก ไม่คุ้นเคย และไม่ค่อยได้เห็น แต่กรณีเช่นนี้จะเกิดให้เห็นก็เฉพาะกลุ่มผู้ศึกษาธรรม
และกลุ่มนักภาวนาที่แท้จริงเท่านั้น เพราะ จิตใจของเขาจะไม่ขวนขวายที่จะเบียดเบียนใคร
เพราะมีศีลคอยปกป้องการกระทำทางกาย และวาจาอยู่ จะกล่าวไปใยกับการยื่นฟ้องร้องกล่าวโทษผู้ทรงธรรม
ในร่มกาสาวพัสตร์นี้ แม้คดีความในเรื่องนี้ยังไม่ได้จบลง แต่เชื่อเหลือเกินว่า ในสภาวะจิตใจของลูกศิษย์ลูกหา
ของท่าน “เรื่องนี้จบลงแล้ว” ( จบลงในทุกขณะที่คิดถึงมัน )

เหตุผลหนึ่งที่กระแสข่าวนี้อ่อนแรงไปอย่างรวดเร็วสำหรับในกลุ่มลูกศิษย์ ลูกหาที่เรียนธรรมะ และตั้งใจภาวนา
ตามแนวทางที่ท่านสอน เพราะนี่มิใช่ครั้งแรกที่ท่านอาจารย์ปราโมทย์ถูกโจมตี เพียงแต่กลุ่มผู้โจมตีได้เปลี่ยน
ช่องทาง หรือเปลี่ยนแผนในการโจมตีให้ได้ประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น และก็ถือว่าทำได้สำเร็จในวงกว้าง
(และก็ย่อมได้สร้างกรรมเป็นวงกว้างอีกด้วย ) ข้อมูลต่างๆ ส่วนหนึ่งเคยลงโจมตีไว้ทางอินเทอร์เน็ตแล้ว
แต่กลับเป็นเพียงแค่ไฟไหม้ฟาง ไม่ให้ผลเด่นชัด และเป็นวงกว้าง เหตุหนึ่งคงมาจากผู้รับสื่อส่วนใหญ่
ได้รับข้อมูลทั้งสองด้าน รวมถึงข้อมูลการโจมตีไม่มีน้ำหนัก และเหตุผลเพียงพอที่จะทำให้มีผู้คนส่วนใหญ่เทใจ
เชื่อถือได้อีกทั้งลูกศิษย์ ของท่านอาจารย์ปราโมทย์จำนวนมากก็ใช้การสื่อสารอินเทอร์เน็ต


ยังมีต่อ
      บันทึกการเข้า

ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
jamsai
Full Member
**


ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 416

เว็บไซต์
« ตอบ #59 เมื่อ: 24 กันยายน 2553, 17:33:49 »

............................
แม้ในช่วงต้นของการโจมตีอาจดูดีได้ผล และมีผู้คนหวั่นไหวเป็นอันมาก แต่เมื่อมีผู้รู้หลายท่าน
ได้ออกมาเขียนบทความแสดงความเห็นอย่างเป็นเหตุเป็น ผล และเป็นเหตุเร้ากุศล เช่น
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล คุณดังตฤณ และท่านอื่นๆ เหตุการณ์นี้ก็สงบไปจากจิตใจของผู้ที่
ยังลังเลสงสัยอยู่ในที่สุด และครั้งนั้นทางด้านลูกศิษย์ลูกหาของท่านก็ใช้การแก้ไขปัญหา
อย่างสันติวิธี เช่นกัน ในช่วงนั้นตัวของท่านอาจารย์ปราโมทย์เองก็ยกเลิกกิจนิมนต์ภายนอกทั้งหมด
 เพื่อลดกระแสการเผชิญหน้า และการมุ่งร้ายของอีกฝ่าย เว็บไซต์วิมุตติซึ่งเป็นช่องทางหนึ่ง
ในการเผยแผ่ธรรม ที่เป็นผลงานของพระอาจารย์ปราโมทย์ ก็ปิดเงียบ เพื่อสร้างกระแสความสงบ
ถึงแม้จะมีการเปิดเว็บไซต์บางแห่งเพื่อโจมตีท่านโดยตรงอีกอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่สามารถทำให้
เกิดผลในวงกว้างได้

แต่ในกรณีการโจมตีระลอกใหม่ครั้งนี้ไม่เป็นเช่นนั้น ดูเหมือนกลุ่มคนดังกล่าวจะมีการเตรียมการ
และหาข้อมูลหลักฐานต่างๆ เพื่อนำมาประกอบการโจมตีครั้งนี้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการมุ่งประเด็น
ไปทางเรื่องเงินๆ ทองๆ จำนวนมหาศาลที่ดูน่าตื่นตาตื่นใจ และตีข้างกระทบใน ในเรื่องของแม่ชี
อดีตภรรยาทางโลกผู้มีปฏิปทาในทางธรรมที่ดี โดยไม่อธิบายรายละเอียดที่ชัดเจนในวิถีการเป็นอยู่
ในสวนสันติธรรม และไม่ได้กล่าวถึงการมีคณะสงฆ์ที่มีความตั้งใจในการภาวนาที่ดีอยู่ที่นั่น ซึ่งแสดงถึง
สถานปฏิบัติธรรมที่มิใช่มีเพียงท่านอยู่ตามลำพังกับแม่ชี ซึ่งข้อมูลแบบครึ่งๆ กลางๆ เช่นนี้ เป็นความต้องการ
ที่จะสื่อถึงอาบัติหนักของพระภิกษุ และสิ่งที่ชาวบ้านติเตียน เพื่อให้เกิดแรงโน้มเอียงอย่างรวดเร็ว
 ที่จะเกิดความเชื่อถือในข้อมูลที่ผู้โจมตีนำเสนอออกมา ทั้งประเด็นหลัก ประเด็นย่อย อีกทั้งยังห้อยท้าย
ด้วยความน่าเห็นใจจากการถูกทำร้ายจิตใจก่อนจนทนไม่ไหว และเมื่อผู้นำการโจมตีเป็นผู้หญิงและคณะบุคคล
ผู้มีชื่อเสียง จึงสามารถเพิ่มกระแสความน่าสนใจได้อย่างรวดเร็ว และเชื่อเหลือเกินว่ากลุ่มผู้โจมตีก็ย่อมมั่นใจ
ในความถูกต้องของตัวเอง และเชื่อว่าตนมีดี แหละงานนี้น่าจะสำเร็จผลตามที่ต้องการ
[/color]
.................................
      บันทึกการเข้า

ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
jamsai
Full Member
**


ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 416

เว็บไซต์
« ตอบ #60 เมื่อ: 24 กันยายน 2553, 17:40:16 »

.................................
ผู้เขียนเชื่อว่าการเปลี่ยนช่องทางการใช้สื่อใหม่นั้นต้องมีการวางแผนกัน เป็นอย่างดี และรู้ถึง
แนวโน้มอันเป็นผลที่จะได้รับ เพราะถ้าช่องทางในอินเทอร์เน็ตได้ผลไม่เข้าเป้าแล้ว นี่จะเป็น
ช่องทางที่จะสั่นสะเทือนได้แรงกว่า เหตุผลง่ายๆ ก็คือ หนังสือพิมพ์ วิทยุ และทีวี คนไทยเข้าถึง
ได้กันได้แถบทุกหย่อมหญ้า เพราะในสื่อช่องทางนี้ผู้คนย่อมไม่รู้จักท่านมากกว่าที่จะรู้จักท่าน
มาก่อน และระดับการรับสื่อของกลุ่มคนมีหลากหลาย และส่วนใหญ่คือ “คนนอกวงการ”
( ผู้ที่เป็นชาวพุทธที่ไม่ได้ศึกษาธรรมะ และเจริญภาวนา ) ดังนั้นมันจึงได้ผลเป็นวงกว้างกว่า อีกทั้ง
เมื่อใดที่ข่าวพระภิกษุถูกเลือกลงหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ นั่นหมายความว่า เป็นที่สนใจจากทุกฝ่าย
แน่นอน เพราะนั่นล้วนเป็นข่าวด้านลบทั้งสิ้น เหตุผลง่ายๆ ก็คือ มันขายได้ และเชื่อเถอะว่าไม่ว่า
ความจริงจะ เป็นเช่นใด ทัศนะคติของนักข่าว และคนส่วนใหญ่มักฟันธง ปลงใจไปแล้วว่า “นี่คือเรื่องจริง”
( อย่างที่บอก เหตุหนึ่งก็มาจากข่าวลบที่เป็นจริงของพระนอกธรรมวินัยที่มีโอกาสขึ้นหน้า หนึ่งทั้งหลาย
ที่ถอนศรัทธาผู้คนไปมากแล้ว ดังนั้นคงโทษใครไม่ได้ นอกจากจะช่วยกันดูแล ปกป้องรักษาอย่างเข้าใจ )
ผู้คนเหล่านั้นย่อมพิพากษากันตามใจชอบ โดยไม่แม้กระทั่งจะฟังข่าวอีกด้านก่อน และไม่มีการค้นหา
ข้อมูลว่า พระรูปนั้นเป็นใคร มีประวัติความเป็นมาเช่นไร ปฏิปทาท่านเป็นอย่างไร ในส่วนนี้ต้องขวนขวาย
เอาเอง เพราะนักข่าวย่อมไม่นำมาเสนอเป็นแน่ ( เพราะส่วนใหญ่แล้วไม่รู้จักท่าน และไม่ใช่คนเข้าวัด
หรือเป็นนักภาวนากันสักเท่าไร )

สุดท้ายแม้ผลออกมาจะไม่ได้ตรงตามที่นักข่าวฟันธงเชื่อไว้ ก็เป็นไปได้ยากที่สื่อเหล่านั้นจะตามแก้ข่าว
ให้อย่างเป็นธรรม ให้สอดคล้องกับยามที่ตีข่าวให้ดังจะว่าไปแล้วการโจมตีจนเป็นข่าวดังคราวนี้
ย่อมเกิดผลกระทบในวงกว้าง และแรงเสื่อมศรัทธานั้นย่อมมีอย่างมากมายแน่ ทั้งจากกลุ่มผู้ศรัทธาทั่วไป
ในพระพุทธศาสนา กลุ่มผู้ประกอบบุญ กลุ่มที่เริ่มภาวนา และยังลังเลสงสัยอยู่ ตลอดจนถึงผู้ที่กำลัง
จะได้ศึกษางานของท่าน หรือพึ่งได้ศึกษา เพราะเกรงตนจะเดินผิดทาง หรือเป็นเป้าในการถูกตำหนิ
จากบุคคลรอบข้างที่ปลงใจเชื่อข่าวนี้ไปแล้ว จึงจำเป็นต้องสงวนท่าทีไว้ แหละนี่ไม่ใช่เรื่องผิดสำหรับเขา
เหล่านั้น เพราะถ้าเราตกอยู่ในสภาวะเดียวกับเขา เราก็อาจจะรู้สึกไม่ต่างจากเขาเมื่อได้รับข่าวนี้
แต่สำหรับในวงการนักภาวนาลูกศิษย์ลูกหาของท่าน ที่ภาวนาพอเห็นดอกเห็นผลบ้างแล้ว ก็คงไม่ต้อง
กล่าวถึงว่า จะลังเลสงสัยหรือไม่ บางทีอาจตั้งใจภาวนากันมากขึ้นอีกด้วย


เพราะเล็งเห็นถึงความเหนื่อยยากของครูบาอาจารย์ ที่เมตตาสั่งสอนด้วยใจจริง และเห็นโทษภัยของ
กระแสโลก ถ้ากลุ่มคนเหล่านี้จะส่งกระแสใดๆ ออกมา ก็คงเพียงเพื่อ ให้เกิดการรวมใจกันเป็นกำลังใจ
แด่ครูบาอาจารย์ที่ตนเคารพศรัทธาเท่านั้น แต่สำหรับครูบาอาจารย์ท่านนี้ การปฏิบัติบูชาคุณพระพุทธเจ้า
 คือ กำลังใจที่ดีที่สุดสำหรับท่าน

สุดท้ายนี้ ถ้าใครคิดว่าผู้เขียนเชียร์พระอาจารย์ปราโมทย์ ผู้เขียนก็จะยิ้มให้อย่างเข้าใจ แต่ถ้าใครคิดว่า
ผู้เขียนกำลังนำเสนอกรณีตัวอย่างแห่งสันติวิธีในการแก้ไขปัญหา ผู้เขียนก็ต้องขออนุโมทนาสาธุด้วย
แต่ทั้งหมดก็เป็นแค่เพียงมุมมอง และการวิเคราะห์เป็นการส่วนตัว อาจมีข้อผิดพลาดตามภูมิปัญญาอัน
จำกัด อย่างไรก็ดี ถ้าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ในการสร้างกระแสแห่งกุศลจิตของผู้ใดแล้ว ก็ถือว่า
บทความนี้ยังพอมีประโยชน์บ้าง แต่ถ้าผู้อ่านท่านใดเกิดความขุ่นข้องหมองใจ และไม่มีความเห็นร่วมกับ
ความเห็นนี้ ผู้เขียนก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย


“ศีลที่ดีป้องกันไม่ให้เราไปเบียดเบียนผู้อื่น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะป้องกันไม่ให้ผู้อื่นมาเบียดเบียนเราได้เสมอไป”

พระผู้ศึกษาปฏิบัติธรรมรูปหนึ่ง
๑๙ ก.ย. ๕๓
      บันทึกการเข้า

ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
jamsai
Full Member
**


ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 416

เว็บไซต์
« ตอบ #61 เมื่อ: 24 กันยายน 2553, 17:45:37 »

อ้างอิง : http://www.tnnthailand.com/news/details.php?id=18365
ทนายความและลูกศิษย์เตรียมเปิดสวนสันติธรรมตรวจสอบกุฎิเสาร์นี้ -สำนักพุทธชี้ตั้งเป็นสาขาวัดบูรพารามถูกต้อง

22 ก.ย. 53 : นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ รอง ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เปิดเผยว่า
จากการร้องเรียนให้ตรวจสอบพระปราโมทย์ ปราโมชโช เจ้าสำนักสวนสันติธรรม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ว่ามีการ
ก่อตั้งโดยให้สวนสันติธรรมเป็นสาขาวัดบูรพาราม พระอารามหลวง จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นวัดที่พระปราโมทย์
อุปสมบทไม่ถูกต้องนั้น สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ตรวจสอบไปยังวัดต้นสังกัด ได้ รับแจ้งว่า
ทางวัดบูรพารามให้ความยินยอมที่จะให้พระปราโมทย์เปิดสวนสันติธรรม เป็นสาขา ในฐานะที่เป็นอาจารย์
และลูกศิษย์ที่หลวงปู่ดูลย์เคยเป็นเจ้าอาวาส


ซึ่งไม่ถือว่าก่อให้เกิดความเสียหาย แต่เป็นการยกย่องอาจารย์ ส่วนการบริหารจัดการภายในสวนสันติธรรมนั้น
ทางวัดบูรพารามไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังขอเวลาในการตรวจสอบคำสอนของพระปราโมทย์
ความสัมพันธ์กับแม่ชีอรนุช สันตยากร รวมทั้งที่ดิน และบัญชีบริจาค อย่างละเอียด โดยในวันเสาร์นี้ลูกศิษย์
และทนายความพระปราโมทย์จะเปิดกุฏิให้สื่อมวลชนเข้า ตรวจสอบนั้น ตัวแทนจากสำนักพระพุทธศาสนา
จะร่วมลงพื้นที่ด้วย เพื่อพิสูจน์ว่า มีความเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ และหากมีการร้องเรียน
กลับจากฝ่ายพระปราโมทย์ให้ตรวจสอบผู้ร้อง ก็คงต้องดำเนินการเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย

ทั้งนี้มีรายงานว่าในกลุ่มของผู้ร้องเรียนพระปราโมทย์ พร้อมที่จะให้ตรวจสอบกลับเช่นกัน โดยยืนยันว่ามีหลักฐาน
ชัดเจนในการตรวจสอบพระปราโมทย์ ทั้งเรื่องการอวดอ้างว่าเป็นพระอรหันต์ รวมทั้งความสัมพันธ์ของพระปราโมทย์
และแม่ชีอรนุชที่มีกุฎิอยู่ในโซนพิเศษ


ขณะที่กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ซึ่งตรวจสอบพระปราโมทย์ตามคำร้องของนางฐิตินาถ ณ พัทลุง
และกลุ่มลูกศิษย์บางคนนั้น แม้จะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบพระปราโมทย์ แต่ก็ ยังไม่มีการตั้งเรื่องให้เป็นคดีพิเศษ
เพราะไม่ได้อยู่ในอำนาจของดีเอสไอ
 บรึ๋ยยย บรึ๋ยยย
      บันทึกการเข้า

ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
jamsai
Full Member
**


ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 416

เว็บไซต์
« ตอบ #62 เมื่อ: 24 กันยายน 2553, 17:51:53 »

นายเกรียงกมล เลาหไพโรจน์ เพื่อนร่วมรุ่นคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ รุ่นที่ 24 เข้าศึกษาในปี 2514
รุ่นเดียวกับพระปราโมทย์ ปราโมชโช เจ้าสำนักสวนสันติธรรม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เล่าถึงพระปราโมทย์
ในสมัยที่เป็นนิสิต ว่า......
....... เป็น คนที่น่ารัก สะอาด สะอ้าน แต่งตัวเรียบร้อย กางเกงสีกรมท่า ร้องเท้าหนัง
เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว ผูกเน็คไท ตั้งแต่ปี 1-4 เห็นหนึ่งใน 10 คนจาก 100 คนที่แต่งตัวดีเรียบร้อย
ป็นคนสุภาพเรียบร้อย จิตใจดี ร่าเริงแจ่มใส และประหยัด มีรุ่นน้องที่เดินไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยและ
ยังแต่งตัวเหมือนกันอีกคือ อาจารย์บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า เป็นนิสิตรุ่นที่ 25
“ทั้งพระปราโมทย์กับอาจารย์ บวรศักดิ์ เคยทำงานในชมรมวรรณศิลป์ จุฬาฯ ด้วยกัน เจ้าบทเจ้ากลอนทั้งคู่
พูดเก่ง เป็นคนไม่ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข ความประพฤติดีอยู่ในระเบียบวินัยที่ดี ผมเชื่อว่าเพื่อนฝูงทุกคน
จะรู้สึกเหมือนผม พระปราโมทย์เป็นคนสดชื่น สนุกสนาน คุยเก่งแต่ไม่หยาบคาย”


เมื่อถามถึงการร่วมกิจกรรมทางการเมือง ......
นายเกรียงกมล กล่าวว่า สมัยนั้นมีบ้างแต่ไม่มาก เป็นเรื่องธรรมดาที่นิสิตออกมาคัดค้านการรัฐประหาร
ในสมัยนั้นเข้าร่วมแต่ไม่ ได้มาทำกิจกรรม ซึ่งในปี 2517 อาจารย์บวรศักดิ์ ได้เป็นประธานสภานิสิตจุฬาฯ
ด้วย หลังจากเรียนจบพระปราโมทย์ไปทำงานที่สภาความมั่นคงแห่งชาติกว่า 10 ปี ก่อนจะย้ายมาอยู่
องค์การโทรศัพท์

เมื่อถามว่าได้ติดต่อกันหรือไม่
“นานๆจะเจอกันสักที บังเอิญว่าบ้านอยู่ใกล้กันผมอยู่กลางซอย พระปราโมทย์อยู่ท้ายซอย ในหมู่บ้าน
ไพฑูรย์นิเวศน์ เขตจตุจักร ชอบพอกันดี เรามีความนิยมในความสะอาดสะอ้าน ยืนยันพระปราโมทย์
เป็นคนดี ก่อนที่พระปราโมทย์จะออกบวชเห็นเดินออกจากท้ายซอยมากับภรรยาสองคนแต่งตัว ธรรมดา
ร้องเท้าแตะเสื้อเชิ้ตเรียบง่ายเชื่อว่าเป็นเสื้อผ้าราคาถูก คิดว่าช่วงนั้นคงกำลังศึกษาธรรมะกัน
ทั้งคู่ไม่มีลูกด้วยกัน คิดว่าพอถึงจุดหนึ่งคงอยากมีความสุขทางธรรมจึงชวนกันไปบวชไปตั้งสำนัก ปฏิบัติธรรม”
นายเกรียงกมล ย้ำอีกครั้งว่า พระปราโมทย์เป็นคนดีมาก เชื่อว่าท่านสะอาดเป็นคนไม่ล่อกแล่ก
จริงๆ พูดน้อยนิ่งๆแต่จิตใจแข็งแรงมีความเชื่อมั่น


เมื่อถามถึงข่าวที่เกิดขึ้นในสวนสันติธรรม
นายเกรียงกมล ได้แสดงมุมมองความเห็นเกี่ยวกับกรณีการโอนที่ดินให้ภรรยาว่า ไม่ได้รู้สึกคล้อยตาม
ไปกับข่าวที่เกิดขึ้นต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ผมเชื่อว่าคนที่ผมรู้จักมานานคงไม่เสียเวลากับเงิน
10-30 ล้าน ผมให้ค่ามากกว่าเงิน เรื่องเงินเรื่องผู้หญิงไม่มีใครรู้ข้อเท็จจริง แต่คนที่เรารู้จักเขามาก่อน
ไม่เชื่อว่าจะเป็นเช่นนั้น ภรรยาไม่แต่งตัวแต่งหน้าเจอแบบนี้ตั้งแต่ก่อนบวชคนนี้น่าจะเป็นรุ่นน้องคณะ
รัฐ ศาสตร์หลายปี
“คนที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายแล้ว ชวนกันไป หาทางธรรมเพราะคนคนนี้ไม่อยากมีอยากได้อะไรมาตั้งแต่
อายุ 18 ปีแล้วที่ได้เห็ สมัยที่ทำงานสภาความมั่นคงก็ไม่เห็นจะมีวีแววว่าอยากจะรวย การตั้งสำนักสงฆ์
ขึ้นมาอุทิศตนสามีบวชพระ ภรรยาบวชชี และอยู่กินกันมากับภรรยาก็คงไม่รู้จะใส่ชื่อใครเพราะ
เป็นพระจะถือครองที่ดิน ไม่ได้ จะไปใส่ชื่อคนอื่นก็ไม่รู้ว่าจะนำไปขายเมื่อไหร่ แล้วคนอีกเป็นร้อย
เป็นพันที่ต้องอาศัยที่ตรงนั้นจะทำอย่างไรแล้วเงินที่ บริจาคมาจะไว้ใจใครได้นอกจากคนที่เชื่อถือกัน
มากที่สุด เพราะไม่ใช่ลักษณะนิติบุคคล  คนที่อยู่ในสังคมสกปรกมากเราจึงคิดกันว่าไม่มีใครสะอาดจริง “

 หลั่นล้า หลั่นล้า
      บันทึกการเข้า

ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
jamsai
Full Member
**


ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 416

เว็บไซต์
« ตอบ #63 เมื่อ: 24 กันยายน 2553, 17:56:25 »


DSI เผยผลสอบเจ้าสำนักสวนสันติธรรม ไม่พบกระทำความผิด เรื่องเงินบริจาค ที่ดิน และพระธรรมวินัย
TNN News : อธิบดี DSI แจ้ง หลวงพ่อปราโมทย์ไม่มีความผิด

23 ก.ย. 53 : นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผยว่า
จากการรายงานเบื้องต้นในการตรวจสอบข้อร้องเรียนของนางฐิตินาถ ณ พัทลุง และกลุ่มอดีต
ลูกศิษย์พระปราโมทย์ ปราโมชโช เจ้าสำนักสวนสันติธรรม อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
ให้ตรวจสอบ พระปราโมทย์ ทั้งกรณีเรื่องของเงินบริจาค ที่ดิน ที่อ้างว่ามีการถ่ายโอนทรัพย์สิน
ให้เป็นชื่อของแม่ชีอรนุช สันตยากร อดีตภรรยานั้น ยังไม่พบว่า พระปราโมทย์ได้มีการกระทำ
ความผิดจริงตามที่มีการร้องเรียน โดยพระปราโมทย์ได้ดำเนินการอย่างถูกต้อง ทั้งเรื่องของ
เงินบริจาคที่มีคณะกรรมการดำเนินการร่วม กรณีที่ดินที่ขอจัดตั้งเป็นวัด ตรวจสอบเรื่องความ
ใกล้ชิดกับแม่ชีอรนุช ที่ถูกร้องเรียนว่า กุฏิอยู่ใกล้กัน รวมไปถึงการสอนที่ถูกร้องว่าอวดอุตริ
มนุษธรรม ไม่พบว่าพระปราโมทย์มีการกระทำใดๆที่ผิดต่อพระธรรมวินัย


ทั้งนี้เมื่อดีเอสไอได้ตรวจสอบกรณีดังกล่าวแล้ว ไม่พบความผิดปกติตามที่ร้องเรียนก็ไม่จำเป็น
ต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่ยังคงต้องดูข้อมูล ข้อเท็จจริงต่อไปอีกระยะหนึ่ง และเรื่อง
ดังกล่าวขึ้นอยู่กับสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติเป็นผู้พิจารณาต่อไป

ขณะที่นายธนเดช พ่วงพูล ทนายความสวนสันติธรรม เปิดเผยว่า ในวันเสาร์ที่ 25 ก.ย.นี้
พระปราโมทย์ จะเปิดสวนสันติธรรม เพื่อให้สื่อมวลชน ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง
ในทุกกรณีโดยเฉพาะเรื่องของการสอน และกุฏิของพระปราโมทย์กับแม่ชีอรนุช เพื่อพิสูจน์
ความจริงว่าไม่เป็นไปตามข้อกล่าวหา นอกจากนี้ในส่วนของลูกศิษย์พระปราโมทย์ยังได้หารือ
ที่จะดำเนินการฟ้องกลับ ผู้ร้องที่ทำให้สวนสันติธรรมต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง
 แต่พระปราโมทย์ยังคงห้ามปรามไว้ เพราะไม่ต้องการสร้างกรรมต่อกัน


สะใจจัง สะใจจัง
ไปแระ.... ยืมสำนวนน้องหนิง
      บันทึกการเข้า

ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
jamsai
Full Member
**


ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 416

เว็บไซต์
« ตอบ #64 เมื่อ: 24 กันยายน 2553, 18:08:11 »

มาอีกแระ.....
เอามาจากพันทิป.. เผื่อใครรู้จัก และเราก็ไม่อาจรู้ได้ ว่าท่านเหล่านี้ถูกแอบอ้างชื่อหรือไม่...
ถ้าใครรู้จักจะได้ช่วยกันบอกเจ้าตัว.......
 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า   สำหรับรายชื่อของกลุ่มชาวพุทธรักษ์ศาสนา ที่ยื่นเรื่องต่อดีเอสไอให้ตรวจสอบ
พระปราโมทย์ นอกจากดร.เทิดศักดิ์ เตชะกิจขจร ผู้ประสานงานแล้วยังมีบุคคลอื่นอีก 21 คน ได้แก่
อาร์ม นาครทรรพ ผู้ประสานงาน  , สมยศ อนันต์นาคินทร์ ,สมภพ ไกรกาบแก้ว  ,กฤตกร ไกรกาบแก้ว
  ,อภิชาติ ศิริรัตนพิทยากุล  ,วิมล ลิ้มวิลัได้ย,วงศ์ดุษฎี รัศมินทราทิพย์  ,วรพร ลิ้มพรภักดี  ,
เสาวลักษณ์ สุขเจริญโชค , โกศล โสฬสรุ่งเรือง  , วราภรณ์ กาญจนวนิชกุล  ,ภพกฤต ธีระกฤตานนท์ ,
 ผณินทร อินยาสม  ,ฉัตรดนัย อำภา , สมยศ ศิริล้น  , พุทธชาติ ศิริล้น ,มะลิ ศิริล้น ,
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นิลุบล เปสี ,อ้อยพร จึงวิวัฒนาภรณ์,  สุดารัตน์ อินยาสม  และ ไตรเทพ เลิศวิริยะวิทย์
.........................................
งง งง งง งง
      บันทึกการเข้า

ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
Pete15
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,460

« ตอบ #65 เมื่อ: 24 กันยายน 2553, 18:46:22 »

สวัสดีครับ ป้าแจ่ม ลุงป๋อง น้องสมชาย น้องจิ๋ม...พี่-น้อง......แหมมม..ขอบคุณครับลุงป๋องที่แจ้งให้ทราบ  ไม่งั้นต้อง
                                  ร้องเพลงรอ (ไม่ทราบว่าแขกของเราจะเข้ามาเยี่ยมเยียนอีกเมื่อไร?) รอจนกว่าจะพบกันใหม่.......
                                   เวลาป้าแจ่มมีอารมณ์   ป้าแจ่มก็บอกกับตัวเองว่า มีอารมณ์แล้วนะ
                                  ก็แล้วกัน  ผู้ที่หน้าสงสารก็(ไอ้) พวกที่ออกมาเย้วววๆๆ....นั้นแหละ 1. หลง....คิดว่าตัวเอง
                                  เป็นผู้ รู้และเข้าใจในศาสนาดี พอที่จะเป็นตำรวจได้...ตรวจและคิดว่า อะไรถูก-ผิด โดยใช้
                                  สมองน้อยๆของตัวเองมา ฟันธง น่าสงสาร.ฮิฮิ.........2. มีความ... อยาก.....อยากแสดงความ
                                  สามารถว่าข้ารู้ ว่าอะไรใช่-ไม่ใช่ ......อยาก.. เอาชนะเพราะเหตุที่เกิดในอดีต....อยาก...ล้าง
                                  แค้น(เอาคืน-ขอคืน) จากอดีตชาติ หรือ ปัจจุบันชาติ (ที่สร้่างกรรมขึ้นมาใหม่) และกับพระ
                                  ซะด้วย โอ้ GOD !!!.กว่าจะได้เกิดเป็นมนุษย์ก็แสนยากอยู่แล้ว.....  เป็น  ความโมหะและโทสะ
                                  เต็มๆ จะไปว่าเขาว่ามี โลภะ ด้วยก็ไม่ได้ เพราะเขาว่า เขาอยู่ในกลุ่มศาสนา (ใจบุญ) แต่แค่ 2
                                  ประการนี้ ถ้าติดไปถึงวันตาย ก็ไม่ได้เกิดเป็นคนแล้วละ  เวลาป้าแจ่มจะ(ด่า)ว่า ล่อให้เต็มที่เลย
                                  ไม่ต้องเกรงพวกพักตร์มาร แต่ต้องไม่ประกอบด้วยอารมณ์ ปล่อยวาง เหลือแค่  เหตุและผล
                                  เท่านั้นก็พอ เป็นการ ภาวนาไปในตัว อย่าให้จิตเราไปติด +หรือ -
                                  ขอโทษด้วยนะครับป้าแจ่ม กลอนพาไป เป็นแค่ความเห็น บ่นๆสู่กันฟัง                Xปิ๊ด15X  
                      
      บันทึกการเข้า
jimsy
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 195

« ตอบ #66 เมื่อ: 24 กันยายน 2553, 21:21:16 »

น้องป้อม เป็นพี่สาวคุณตุลย์(ดังตฤณ) ส่งเมลล์มาให้เลย นำมาให้พี่ ๆ น้องได้อ่านกันค่ะ ส่งมาก่อนที่ จะมีข่าว DSI



      รวบรวมหลากหลายความคิดเห็น และข้อมูล เกี่ยวกับหลวงพ่อปราโมทย์  ปาโมชฺโช นะคะ
ขอให้ทุกท่านเจริญในศีล เจริญในธรรม  มีสติรู้กาย รู้ใจ ตามความเป็นจริงในปัจจุบัน  ด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลางค่ะ

ป้อม
*****************************************************************
รวบรวม RT Dungtrin _/\_ _/\_ _/\_  โดยคุณเต้ย (ผู้รวบรวม)
http://twitter.com/dungtrin

- ท่านได้รับกำลังใจจากคนที่ส่งกำลังใจไปให้ ในรูปของความสว่างมวลรวมแน่ๆครับ
- ถึงเวลานี้มีอยู่แค่สองผลลัพธ์ เขาดับท่านสำเร็จ หรือไม่ก็ดันท่านให้ดังระเบิด ความเพียรของมนุษย์เป็นไปเพื่ออะไรก็ดูเอาเถิด
- นักข่าวแผลงฤทธิ์ได้ที่สุดตอนยังไม่รู้อะไรเลยกับตอนที่เรื่องถูกขุดคุ้ยหมดเปลือกแล้ว และอาจเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือก็ได้
- เมื่อใจงาม คุณจะรู้สึกถึงความงามแม้ในสิ่งเลวร้าย แต่หากใจร้าย คุณจะเห็นแค่แง่ร้ายแม้ในสิ่งดีงาม
- เรื่องข้างนอก ก่อนเราเกิดก็วุ่น จนเราตายก็วุ่น เรื่องข้างใน ก่อนเราเกิดต้องวุ่นเหมือนกัน แต่ก่อนตายมีสิทธิ์ทำให้ว่างถึงที่สุด
- พระพุทธเจ้าท่านเคยสอนไว้ครับ ต่อให้ใครด่าว่าท่าน ก็ให้ดูดีๆว่าเขาพูดผิดหรือพูดถูก ถ้าผิดจะได้แก้ให้ถูกด้วยความใจเย็นได้
- พระสารีบุตรก็เคยพูดครับว่าอายุและทรัพย์สิน ท่านประกันให้ได้ว่าไม่เสียไปในเวลาเท่าไหร่ แต่ศรัทธานี่ประกันกันไม่ได้แม้แต่วันเดียว
- นักข่าวก็เริ่มเข้าใจเรื่องนี้ครับ ถ้าเขาทำไม่สำเร็จ ประเด็นการขุดคุ้ยจะย้อนมาหาตัวเขาเองนะ เราตามดูข้อเท็จจริงแล้วกัน
- ต้องเห็นใจคนที่รับข่าวร้ายเกี่ยวกับพระมาเยอะ อย่างไรฟังแล้วก็ต้องเชื่อว่าจริงไว้ก่อน คงต้องรอให้ศาลตัดสินจะได้รู้
- ทุกคนพยายามเปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นเรื่องดี ที่สุดแล้วก็หวังแต่ว่าครั้งนี้ศาสนาจะได้ดี ไม่ใช่คนใดคนหนึ่งได้ดีตามลำพังครับ
- เรื่องนี้น่าจะทำให้ทุกคนเป็นสุขต่างหากครับ เพราะเมื่อเรื่องขึ้นศาลก็จะระวังในการพูดและยกหลักฐานเป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้น
- ขอให้มองว่าเรื่องขึ้นศาลถือว่าดีครับ ถ้าตัดสินกันที่ศาลจะได้มีคนกลาง มีการพิสูจน์หลักฐาน ไม่ต้องพูดปาวๆกันแบบเลื่อนลอยนะ
- ต้องคิดว่าถึงจุดที่ดีที่สุดแล้ว เพราะมีการเปิดเผยตัวออกหน้าออกตา และมีข้อหาชัดเจน จะได้รู้ว่าใครเป็นใคร อะไรเป็นอะไร
- ทุกคนพยายามเปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นเรื่องดี ที่สุดแล้วก็หวังแต่ว่าครั้งนี้ศาสนาจะได้ดี ไม่ใช่คนใดคนหนึ่งได้ดีตามลำพังครับ
- เรื่องดีจริงก็ดีอยู่เสมอ เรื่องร้ายปลอมจะร้ายได้เดี๋ยวเดียวครับ






*********************************************************************************************************
รวบรวมจากโครงการของ dhammada.net  ค่ะ

http://issuu.com/dhammada_net/docs/our_heart

http://issuu.com/dhammada_net/docs/our_heart2


*********************************************************************************************************

ส่วนลิงก์นี้  เพื่อนส่งมาให้ค่ะ  

    จากกระทู้ที่ผมเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับคนจำนวนมากที่ยังสงสัยน่ะครับ
    http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y9697952/Y9697952.html



*************************************************************************************************************
ข้อเท็จจริงกรณีของหลวงพ่อปราโมทย์  และสวนสันติธรรม

การแถลงข่าวในครั้งนี้กระทำโดยตัวแทนของผู้มาปฏิบัติธรรมในสวนสันติธรรม มิใช่เกิดจากเจตนารมย์โดยตรงของหลวงพ่อปราโมทย์  ด้วยเหตุว่าปัจจุบันมีกลุ่มของผู้ไม่หวังดีที่ได้กระทำการโดยมีเจตนาจะทำลายชื่อเสียงอันดีงามของหลวงพ่อปราโมทย์ และของสวนสันติธรรม  ทางสวนสันติธรรมจึงได้มอบ หมายให้ตัวแทนดำเนินการจัดให้มีการแถลงข้อเท็จจริงในวันนี้ให้กับสวนสันติ
  
ธรรมวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งสวนสันติธรรม นั้น ได้จัดตั้งขึ้นมาตามความประสงค์ของผู้มีจิตศรัทธาต่อหลวงพ่อปราโมทย์ เพื่อใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม และศึกษาธรรมของผู้ที่มีจิตศรัทธา และความประสงค์จะเข้ามาศึกษาธรรมตามแนวทางของหลวงพ่อปราโมทย์ โดยในช่วงแรกได้จัดตั้งขึ้นเป็นศูนย์ศึกษาปฏิบัติธรรมซึ่งไม่ใช่นิติบุคคล ในการดำเนินการจัดสร้างนั้นเริ่มต้นด้วยการจัดซื้อที่ดิน ในช่วงของการซื้อที่ดินคุณฐิตินาถ ณ พัทลุง ซึ่งเป็นผู้บริจาคเงินบางส่วน ได้ร้องขอเป็นผู้ซื้อที่ดิน แต่ทางหลวงพ่อขอให้ใช้ชื่อของแม่ชีอรนุชเนื่องจากว่าไว้วางใจมากกว่า จึงทำให้มีชื่อของแม่ชีอรนุช เป็นเจ้าของที่ดินมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2548 มิใช่การโอนถ่ายให้แก่แม่ชีอรนุชในภายหลังแต่อย่างใด
  
  
ในการดำเนินการต่างๆ เกี่ยวกับการก่อสร้าง และตลอดจนการดำเนินงานของสวนสันติธรรมได้กระทำอย่างโปร่งใส มีบุคคลต่างๆ ที่มีชื่อเสียง ได้เข้ามารับรู้และทราบเรื่องเป็นจำนวนมาก ซึ่งสวนสันติธรรมก็ไม่เคยมีทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก หรือไม่เคยมีเรื่องการยักย้ายทรัพย์สินตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
  
และในการบริหารเงินที่ได้รับบริจาคมาของสวนสันติธรรม ท่านแม่ชีอรนุชไม่ใช่ผู้ดูแลบัญชีเงินรับบริจาคแต่เพียงผู้เดียว ยกเว้นในช่วงแรกที่คุณฐิตินาถวางมือก่อนสร้างสวนสันติธรรมเสร็จ โดยบัญชีเงินรับบริจาคของสวนสันติธรรม มีพัฒนาการเป็น 3 ระยะคือ
  
1. ระยะก่อสร้างสวนสันติธรรม เบื้องต้นมีการเปิดบัญชีเพื่อสร้างสวนสันติธรรมในนามของท่านแม่ชีอรนุชร่วมกับคุณฐิตินาถ ณ พัทลุง ซึ่งการลงนามเบิกเงินจะต้องลงนามร่วมกัน โดยคุณฐิตินาถจะเป็นผู้ขอเบิกจ่ายเนื่องจากเป็นผู้ดูแลการก่อสร้าง และคุณธนา รุจิพัฒนกุล เป็นผู้ถือสมุดบัญชีเงินฝากและตรวจสอบรายรับรายจ่าย และในช่วงที่สวนสันติธรรมเปิดการแสดงธรรมแล้ว มีการเปิดบัญชีอีกบัญชีหนึ่งในนามของท่านแม่ชีอรนุชและคุณฐิตินาถร่วมกัน เพื่อดูแลเงินที่สาธุชนถวายสงฆ์เพื่อบำรุงสวนสันติธรรม
  
2. ระยะหลังการก่อสร้าง ในช่วงท้ายของการก่อสร้างคุณฐิตินาถวางมือเนื่องจากมีภาระส่วนตัว ท่านแม่ชีอรนุชจึงต้องรับภาระดูแลบัญชีตามลำพัง ในช่วงธันวาคม 2549เป็นต้นมา โดยปิดบัญชีสร้างสวนสันติธรรมเพื่อนำเงินไปชำระหนี้ และปิดบัญชีบำรุงสวนสันติธรรมเดิมโดยถ่ายโอนเงินไปเปิดบัญชีใหม่ในนามของท่านแม่ชีอรนุชตามลำพัง เนื่องจากคุณฐิตินาถไม่ได้อยู่ในสวนสันติธรรมแล้ว แต่การใช้จ่ายทุกอย่างมีหลักฐานการเบิกจ่ายทั้งสิ้น และต่อมาเมื่อมีเงินในบัญชีมากขึ้น สวนสันติธรรมจึงได้เปิดบัญชีธนาคารใหม่เมื่อ 22 สิงหาคม 2551 ในนามของท่านแม่ชีอรนุช คุณอภิชาติ อัศวเรืองชัย และคุณชยาทร เตชะไพบูลย์ และทุกสิ้นเดือน ท่านแม่ชีอรนุชจะทำบัญชีส่งให้คุณอภิชาติเป็นหลักฐานด้วย อย่างไรก็ตามตั้งแต่คุณอภิชาติลาออกจากการเป็นประธานกรรมการสวนสันติธรรมเมื่อ 15 มกราคม 2553 ก็ไม่มีการเบิกเงินจากบัญชีนี้แต่อย่างใด
  
1.1.3 ระยะปัจจุบัน เมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2553 มีการเปิดบัญชีใหม่ ในนามของคุณสุรพล สายพานิช คุณธนา รุจิพัฒนกุล และคุณกนิษฐวิริยา ต.สุวรรณ ทั้งนี้ท่านแม่ชีอรนุชทำหน้าที่เพียงการควบคุมการเบิกจ่ายเงินสดย่อย และสรุปยอดบัญชีรายเดือนส่งให้คุณสุรพล ซึ่งได้จ้างนักบัญชีตรวจสอบบัญชีอีกชั้นหนึ่งด้วย
  
  
เงินบริจาคของสวนสันติธรรมจะมาจาก 2 ทาง คือ ส่วนที่มีผู้บริจาคเข้าบัญชีโดยตรง และจากญาติโยมที่เข้ามาฟังธรรมและได้บริจาคแด่สงฆ์ที่อยู่ในสวนสันติธรรมเพื่อบำรุงสวนสันติธรรม ซึ่งเงินในส่วนที่สองนี้จะมีอาสาสมัครคอยดูแล และตรวจนับ มีการลงรายการรับไว้ครบถ้วน  และทางสวนสันติธรรมจะมีการใช้เงินอย่างมีระบบเอกสารการเบิกจ่ายครบถ้วนตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น  

อนึ่งการที่หลวงพ่อปราโมทย์ได้มอบหมายให้ท่านแม่ชี อรนุช รับมอบอำนาจดำเนินการควบคุมการเบิกจ่ายเงินของสวนสันติธรรมแทนหลวงพ่อปราโมทย์ และดูแลบัญชีเป็นบางคราว นั้น เนื่องจากท่านหลวงพ่อปราโมทย์ ท่านเป็นพระในสายของธรรมยุตินิกาย ซึ่งจะไม่มีสามารถจับต้องหรือเก็บเงินทอง หรือซื้อทรัพย์สินใดๆ เองได้ ทั้งสิ้น และในสวนสันติธรรมไม่มีอุบาสกอยู่ประจำ จึงจำเป็นที่จะต้องให้ท่านแม่ชี อรนุชดูแลแทน และที่ผ่านมาท่านแม่ชีก็ได้ร้องขอต่อหลวงพ่อปราโมทย์บ่อยครั้ง ที่จะให้หาคนมาทำงานแทน เพื่อท่านแม่ชีจะได้บำเพ็ญภาวนาได้เต็มที่ต่อไป

และนอกจากนี้เกี่ยวกับที่ดินของสวนสันติธรรมตามที่เป็นข่าว ภายหลังจากที่จัดสร้างสวนสันติธรรมแล้วเสร็จ ในช่วงแรกมีผู้เห็นว่าการตั้งเป็นวัดนั้นค่อนข้างจะยุ่งยาก  และในตอนนั้นยังไม่เหมาะสมจึงยังไม่ดำเนินการ และต่อมาในเดือนมกราคม 2553 เมื่อเห็นว่าทุกอย่างลงตัวและพร้อมแล้ว  หลวงพ่อปราโมทย์ก็ได้ให้ท่านแม่ชีอรนุช  ยื่นเรื่องขอยกที่ดินแปลงที่เป็นที่ตั้งของสวนสันติธรรมให้มีการจัดตั้งเป็นวัดแล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2553 โดยทำสัญญากับท่านนายอำเภอศรีราชา และขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการอนุญาตต่อสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และหน่วยงานที่
เกี่ยวข้องให้สวนสันติธรรมมีฐานะเป็นวัดต่อไป
  
......
  
ประเด็นข้อร้องเรียนของนายเทิดศักดิ์ เตชะกิจขจร ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ
  
ข้อร้องเรียน ขอให้ตรวจสอบทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคให้สวนสันติธรรม เพราะพบว่า
  
1.พระปราโมทย์มอบอำนาจให้แม่ชีอรนุชเป็นผู้ดูแลบัญชีเงินรับบริจาคแต่เพียงผู้เดียว ไม่มีการตั้งคณะกรรมการดูแล
2.ที่ดินเปลี่ยนชื่อเป็นของแม่ชีอรนุช

ข้อเท็จจริง
1. ระบบการเงินและบัญชีของสวนสันติธรรม

1.1 บัญชีสวนสันติธรรม แม่ชีอรนุชไม่ใช่ผู้ดูแลบัญชีเงินรับบริจาคแต่เพียงผู้เดียว โดยบัญชีเงินรับบริจาคของสวนสันติธรรม มีพัฒนาการเป็น 3 ระยะคือ
  
1.1.1 ระยะก่อสร้างสวนสันติธรรม เบื้องต้นมีการเปิดบัญชีเพื่อสร้างสวนสันติธรรมในนามของแม่ชีอรนุชร่วมกับคุณฐิตินาถ ณ พัทลุง ซึ่งการลงนามเบิกเงินจะต้องลงนามร่วมกัน โดยคุณฐิตินาถจะเป็นผู้ขอเบิกจ่ายเนื่องจากเป็นผู้ดูแลการก่อสร้าง และคุณธนา รุจิพัฒนกุลเป็นผู้ถือถือสมุดบัญชีเงินฝากและตรวจสอบรายรับรายจ่าย และในช่วงที่สวนสันติธรรมเปิดการแสดงธรรมแล้ว มีการเปิดบัญชีอีกบัญชีหนึ่งในนามของแม่ชีอรนุชและคุณฐิตินาถร่วมกัน เพื่อดูแลเงินที่สาธุชนถวายสงฆ์เพื่อบำรุงสวนสันติธรรม
  
1.1.2 ระยะหลังการก่อสร้าง ในช่วงท้ายของการก่อสร้างคุณฐิตินาถวางมือเนื่องจากมีภาระส่วนตัว แม่ชีอรนุชจึงรับภาระดูแลบัญชีตามลำพังในช่วงธันวาคม 2549เป็นต้นมา โดยปิดบัญชีสร้างสวนสันติธรรมเพื่อนำเงินไปชำระหนี้ และปิดบัญชีบำรุงสวนสันติธรรมเดิมโดยถ่ายโอนเงินไปเปิดบัญชีใหม่ในนามของแม่ชีอรนุชตามลำพังเนื่องจากคุณฐิตินาถไม่ได้อยู่ในสวนสันติธรรมแล้ว แต่การใช้จ่ายทุกอย่างมีหลักฐานการเบิกจ่ายทั้งสิ้น และต่อมาเมื่อมีเงินในบัญชีมากขึ้น สวนสันติธรรมจึงได้เปิดบัญชีธนาคารใหม่เมื่อ 22 สิงหาคม 2551 ในนามของแม่ชีอรนุช คุณอภิชาติ อัศวเรืองชัย
และคุณชยาทร เตชะไพบูลย์ และทุกสิ้นเดือน แม่ชีอรนุชจะทำบัญชีส่งให้คุณอภิชาติเป็นหลักฐานด้วย อย่างไรก็ตามตั้งแต่คุณอภิชาติลาออกจากการเป็นประธานกรรมการสวนสันติธรรมเมื่อ 15 มกราคม 2553 ก็ไม่มีการเบิกเงินจากบัญชีนี้แต่อย่างใด
  
1.1.3 ระยะปัจจุบัน เมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2553 มีการเปิดบัญชีใหม่ ในนามของคุณสุรพล สายพานิช คุณธนา รุจิพัฒนกุล และคุณกนิษฐวิริยา ต.สุวรรณ ทั้งนี้แม่ชีอรนุชไม่ได้ดูแลเรื่องบัญชีของสวนสันติธรรมอีกต่อไป

1.2 ระบบการเงินของสวนสันติธรรม ที่มาของรายได้ของสวนสันติธรรมมี 2 ส่วนคือ (1) ส่วนที่มีผู้บริจาคเข้าบัญชีของสวนสันติธรรม และ (2) ส่วนที่ญาติโยมที่มาฟังธรรมถวายปัจจัยแด่สงฆ์เพื่อบำรุงสวนสันติธรรม
  
  
เงินส่วนแรกคนในสวนสันติธรรมไม่ได้แตะต้อง แต่เงินบริจาคใส่ตู้ถวายสงฆ์เพื่อบำรุงสวนสันติธรรมนั้น จะมีขั้นตอนการทำงานดังนี้คือ
(1) มีการตรวจนับหน้าตู้ทุกวันที่เปิดสวนสันติธรรม โดยทีมงานอาสาสมัครซึ่งก็คือผู้ที่มาฟังธรรมนั่นเอง เมื่อตรวจนับแล้วจะลงยอดรายรับในแต่ละวันแล้วส่งยอดพร้อมตัวเงินให้แม่ชีอรนุช (2) แม่ชีอรนุชจะรวมยอดรายรับแต่ละวันไว้ (3) เมื่อมีผู้เบิกค่าใช้จ่ายภายในสวนสันติธรรม จะต้องนำหลักฐานการเบิกจ่ายไปแสดงต่อแม่ชีอรนุชเพื่อขอรับเงิน (4) เมื่อมีเงินสดคงเหลือจำนวนหนึ่ง แม่ชีอรนุชจะนำเข้าฝากในบัญชีของสวนสันติธรรมเป็นระยะๆ (เงินในบัญชีแทบไม่เคยเบิกจ่ายเลย) (5) เมื่อถึงสิ้นเดือนแม่ชีอรนุชจะต้องส่งรายการรายรับรายจ่ายทั้งเดือนให้คุณสุรพล สายพานิช เพื่อลงบัญชี
และมีผู้ตรวจสอบบัญชีอย่างเป็นระบบ

สำหรับเหตุผลที่ต้องให้ฆราวาสดูแลการเบิกจ่ายเงินนั้น ก็เนื่องจากสวนสันติธรรมเป็นที่พักสงฆ์ของพระธรรมยุติ ซึ่งพระจะดูแลเงินเองไม่ได้เพราะผิดพระวินัย และในสวนสันติธรรมมีผู้ที่ไม่ใช่พระซึ่งอยู่ประจำเพียง 2 คน คือแม่ชีอรนุชกับคุณชยาทร เตชะไพบูลย์เท่านั้น ซึ่งทั้งสองคนจำเป็นต้องแบ่งงานกันทำ อย่างไรก็ตามเมื่อสวนสันติธรรมได้ขอตั้งเป็นวัดแล้ว จะต้องหาไวยาวัจกรใหม่ซึ่งจะเป็นผู้ชาย ขณะนี้ได้ทาบทามผู้ที่สงฆ์ไว้วางใจได้ไว้แล้ว
  
  
2.การซื้อที่ดินของสวนสันติธรรม
  
2.1 เดิมหลวงพ่อปราโมทย์จำพรรษาอยู่ที่สวนโพธิญาณอรัญวาสี อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ต่อมาในปี 2548 คุณฐิตินาถ ณ พัทลุง ได้พยายามขอสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรมใหม่ถวาย โดยตกลงกันว่าคุณฐิตินาถและครอบครัวจะรับภาระค่าใช้จ่ายเอง เนื่องจากหลวงพ่อปราโมทย์ไม่ชอบการเรี่ยไร

2.2 ต่อมาคุณฐิตินาถได้แจ้งให้หลวงพ่อปราโมทย์ทราบว่า จำเป็นต้องขอเรี่ยไรเงินค่าซื้อที่ดินประมาณ 6 ล้านบาท ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆ คุณฐิตินาถและครอบครัวจะรับผิดชอบเอง หลวงพ่อปราโมทย์จึงยินยอม (แต่ต่อมาก็มีการเรี่ยไรค่าก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง) และในขั้นตอนการซื้อที่ดินนั้น เกิดปัญหาว่าจะใช้ชื่อผู้ใดเป็นผู้ซื้อที่ดิน เพราะหลวงพ่อปราโมทย์เป็นพระ จะไปซื้อที่ดินด้วยตนเองไม่ได้ ชั้นแรกคุณฐิตินาถขอให้ใช้ชื่อตนเอง แต่หลวงพ่อปราโมทย์ขอให้ใช้ชื่อแม่ชีอรนุชแทนเพราะไว้วางใจมากกว่า ดังนั้นที่ดินของสวนสันติธรรมจึงเป็นชื่อของแม่ชีอรนุชมาตั้งแต่ต้นคือเมื่อ 18 ตุลาคม 2548 ไม่ใช่การโอนให้แม่ชีอรนุชในภายหลังแต่อย่างใด

2.3 นับตั้งแต่กรรมการสวนสันติธรรมส่วนหนึ่งลาออกเมื่อกลางเดือนมกราคม 2553 หลวงพ่อปราโมทย์พร้อมด้วยสงฆ์และกรรมการสวนสันติธรรม เห็นพร้อมกันว่าน่าจะขอตั้งสวนสันติธรรมให้เป็นวัด เพื่อให้มีสถานะที่ชัดเจนในทางกฏหมาย (ที่ผ่านมาได้รับคำแนะนำจากหลายท่านว่า การตั้งเป็นวัดอาจทำให้ขาดความคล่องตัวในการทำงานเผยแผ่พระศาสนา) จึงดำเนินเรื่องขอตั้งวัดมาตามลำดับ โดยแม่ชีอรนุชได้ลงนามในสัญญากับนายอำเภอศรีราชาเมื่อ 23 มีนาคม 2553 ยกที่ดินให้สร้างวัด ดังนั้นที่ดินของสวนสันติธรรมในขณะนี้ จึงเป็นที่ดินที่ติดสัญญา และจัดว่าเป็นที่ธรณีสงฆ์  ม่สามารถดำเนินการอื่นใดได้อีกแล้ว
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1284607309&grpid=00&catid=
  





มีสติรู้กาย รู้ใจ ตามความเป็นจริง
ด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง
      บันทึกการเข้า
Begita
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2542
กระทู้: 32

« ตอบ #67 เมื่อ: 25 กันยายน 2553, 00:48:45 »

ไม่ได้เข้ามาที่นี่นานแล้วเหมือนกัน

ไม่ยักรู้ว่าเรื่องของหลวงพ่อเป็นประเด็นที่นี่ด้วย  

เห็นว่ามีอาจารย์คณะสถาปัตย์ จุฬาฯ ร่วมด้วย ผมลองดูรายชื่่อจากด้านบนแล้วก็ตกใจนิดนึง

"ภพกฤต ธีระกฤตานนท์ " นี่เพื่อนร่วมรุ่นผมเลย  แถมยังเป็น side mate ตอนอยู่หอพักชายด้วย  

คุยกันครั้งสุดท้ายซักครึ่งปีก่อน เห็นเค้าก็ออกหาหนทางสู่มรรคผล มาหลายปี

ท่านอื่นๆ ก็เหมือนจะคุ้นชื่่อ ว่าเป็นผู้มีหนทางแห่งธรรม อยู่ในจิตในใจกันพอสมควร  

ส่วนผมมองเห็นเหตุการณ์เหล่านี้บ้าง อ่านข่าวสารบ้าง แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร กับเรื่องเหล่านี้

กรรมเป็นเครื่องจำแนกสัตว์โลก ผลของกรรมย่อมทำงานอย่างยุติธรรม

ธรรมที่ท่านทั้งหลายได้ปฏิบัติดีแล้ว ย่อมส่งผลให้ท่านอยู่อย่างร่มเย็น

ขอให้พี่ๆ ทุกๆ ท่านเจริญในธรรมครับ
      บันทึกการเข้า

เมื่อแยกจิตและกายออกจากกัน จะเห็นว่าเราไม่มี และ ไม่มีเรา
jamsai
Full Member
**


ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 416

เว็บไซต์
« ตอบ #68 เมื่อ: 28 กันยายน 2553, 15:47:48 »

สวัสดีค่ะ ทุกท่าน

ท่านพี่ป๋อง คุณปึ๊ด และน้องๆ 

เพิ่งได้ดูรายการ เจาะใจ แและเห็นตัวเป็นๆ ของ อ.เทิดศักดิ์ นับว่าจุฬาจริงๆแล้วก็เป็นที่ซ่อนเสือแดนมังกรก็ว่าได้  เพราะเป็นที่ที่ มีตัวบักเอ้ก ของผู้ใฝ่ธรรมหลากหลายสำนัก มารวมกันอยู่แบบซุ่มเงียบ ตามคณะใหญ่ๆ ไม่ว่าแพทย์หรือวิศวะ หรือ ถาปัด อย่างถาปัดเท่าท่ี่ีรู้ ก็ อ.ชัยวัฒน์ ซึ่งเป็นศิษย์เอกของ  อาจารย์แนบ มหานีรานนท์ ผู้เชียวชาญ แตกฉาน เรื่องพระอภิธรรมปิฎก อ.ชัยวัฒน์ นัยว่าลาออกจากถาปัดแล้วตอนนี้ปฏิบัติธรรมและสอนพระอภิธรรมเป็นวิทยาทานแก่สาธุชนเดือนละครั้ง  ป้าแจ่มก็ขออนุโมทนายิ่ง  ยังมีพระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตติผโล พระผู้ปฏิบัติดีอีกท่าน ก็เดิมสอนถาปัด ขอลาบวชตามประเพณี 1 พรรษา ที่วัดหลวงปู่ชา แล้วปรากฏว่าไม่อยากสึก และขอลาออก ตอนนี้เป็นเจ้าอาวาสวัดนาป่าพง แถวๆใกล้รังสิต นี่เอง
ตอนนี้เพิ่งจะได้ยิน ว่ามี อ.เทิดศักดิ์อีกคน .ไม่ทราบสำนักของท่าน.ก็ไม่เคยเห็นท่านแสดงออกด้านศาสนามาก่อน กิจกรรมธรรมสถานก็ไม่เคยเห็นท่านมาข้องแวะ  ได้ยินอีกทีก็ดังเปรี้ยงปร้างไปเลย  ..ที่ซ่อนเสือแดนมังกร..จริงๆ

(ต่อไปเป็นภาคนินทาสามี ).....เรื่องพวกนี้ ไม่ได้รู้จาก อ.เผ่า นะคะ แถมหลังๆ แกยังต่อต้านนิดๆอีก ..ไล่ป้าเข้าวัดก็ออกบ่อย..อย่าอึงไป.
ดีใจที่ทราบว่าคุณปึ้ดก็สนใจธรรมะ รู้แต่ว่า ดร.แอ สนใจและปฏิบัติธรรมอยู่  ป้าแจ่มได้แต่นึกเสียดายที่ อ.เผ่าแกไม่ยินดีตามกับเรื่องนี้นัก ขนาดลูกเอ๋ยกับเพื่อนๆ(กลุ่มหมอศิริราช) ไปสวนสันติธรรม ไปทำบุญ ฟังธรรมและส่งการบ้าน และยังไปปฏิบัติธรรมกับแม่ชีที่วัดป่าละอู ท่านเผ่ายังทำลมบ่จอย นิดๆแน่ะ.

งานนี้เหมือนฆราวาสจะแบกเอาหลวงพ่อที่ดีๆ มาชนกันให้แหลกลานไปทั้งพุทธบริษัทแน่ะ
ทำเพื่ออะไรกันหนอ ทำแล้วใครได้ใครเสีย.....ช่างไม่นึกถึงเวรกรรมกันเลย

ป้าเองก็เถอะ มารับอารมณ์กับเขาไปด้วย ถ้าคุณแม่ชีลูกสาว รู้เข้า เธอคงว่า
..คุณแม่เผลอไปร่วมอนุโมทนาบาปกับเขาแล้ว รู้สึกใหม....รู้ตัวใหม
 อายจัง
      บันทึกการเข้า

ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
jamsai
Full Member
**


ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 416

เว็บไซต์
« ตอบ #69 เมื่อ: 28 กันยายน 2553, 16:57:08 »


โอ๊ะ พลาด..ถนัด
ไม่ใช่พระอาจารย์คึกฤทธิ์ค่ะ ที่เป็นอาจารย์ถาปัดแล้วบวช
เป็นอีกชื่อหนึ่ง ค่ะแต่ตอนนี้ ป้าแจ่มคิดไม่ออก
ขอแก้ไข
ขอแก้ข่าว นะคะ
ขออภัย นะคะ
      บันทึกการเข้า

ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #70 เมื่อ: 28 กันยายน 2553, 20:08:09 »

อาจารย์แจ่มใส หงุดหงิดไปกับสถานการณ์ได้ใจจริงๆครับ
เรื่องนี้ถ้าไปถามอุบาสิกาฐิตินารถ ท่านก็คงตอบว่า
"ที่ทำไปทั้งหมดเพื่อ ชี้นำความถูกต้อง
ในอันที่จะสืบอายุบวรพระพุทธศาสนา
ให้ยืนยาวต่อไปยังลูกหลาน"
ก็ท่านเชื่อของท่านอย่างนั้นจริงๆ
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #71 เมื่อ: 29 กันยายน 2553, 14:50:41 »


               ของจริง กับ ของปลอม ดูไม่ยาก เรื่องของพระปราโมทย์ กับ ฐิตินาถ ณ พัทลุง  
                                     โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 กันยายน 2553
    http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9530000136614

                       
    
       กรณีพระปราโมทย์ ปราโมชโช เจ้าสำนักสวนสันติธรรม

                       

       ถูกนางสาวฐิตินาถ ณ พัทลุง ผู้เขียนหนังสือเข็มทิศชีวิตเล่ม 1 และ เล่ม 2 อันโด่งดัง และคณะที่มีนายเทิดศักดิ์ เตชะกิจขจร อาจารย์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายวีรณัฐ โรจนประภา เจ้าของนิตยสารบางกอก และประธานมูลนิธิ บ้านอารีย์ กล่าวหาว่า มีพฤติกรรมยักยอกเงินบริจาค และที่ดิน อวดอุตริมนุสธรรม และความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับแม่ชีอรนุช อดีตภรรยา เป็นข่าวต่อเนื่องมานานสามสัปดาห์แล้ว
      
       ฝ่ายผู้กล่าวหา คงจะชำนาญเรื่องการประชาสัมพันธ์สร้างข่าวไม่น้อย จึงเลือกใช้วิธี อ่อยเหยื่อ ค่อยๆ เปิดประเด็นข้อกล่าวหาทีละประเด็น เพื่อหลอกล่อให้ติดตาม โดยมีเครื่องเคียงเรียกร้องความสนใจประเภท "ทีเด็ด" เทปลับ "คลิบเสียง" และ จดหมายน้อยถึงลูกรัก 2 ฉบับ
      
       ดูๆไปก็คล้ายกับวิธีการของแกนนำเสื้อแดงคนหนึ่ง ที่ชอบใช้วิธีตีปี๊บ สร้างกระแส ด้วยการอ้างเทปลับ คลิบวิดิโอ ที่เหมือนกันอย่างกับแกะก็คือ เมื่อเปิดหลักฐานที่อ้างว่าเป็นข้อมูลเด็ดเหล่านี้แล้ว กลับปรากฏว่า ไม่ได้มีสาระ หรือนัยสำคัญที่จะสร้างน้ำหนักให้ข้อกล่าวหาเหล่านั้นได้
      
       ตลอดระยะเวลาเกือบเดือน ที่ฝ่ายนางสาวฐิตินาถ กับพวก เป็นฝ่ายเปิดเกมรุกอยู่ข้างเดียว โดยพระปราโมทย์ ถือคติ "พระไม่ตีกับโยม" ไม่ตอบโต้ แต่ชี้แจงเท่าที่จำเป็น ปรากฏว่า ฝ่ายพระปราโมทย์ ชี้แจงได้ทุกข้อกล่าวหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง เงินบริจาค ที่ทำไมต้องโอนให้นางอรนุช อดีตภรรยา ซึ่งมาบวชชีอยู่ในสำนักสวนสันติธรรม เป็นผู้ดูแล ทำไมต้องโอนที่ดินให้ภรรยา รายละเอียดเกี่ยวกับ บัญชีรายรับรายจ่าย สถานะของสวนสันติธรรม ฯลฯ
      
       รวมทั้ง ความสัมพันธ์กับอดีตภรรยา ที่ฝ่ายที่กล่าวหาให้ข้อมูลว่า มีกุฎิอยู่ใกล้กัน หน้าต่างตรงกัน มองเห็นกันได้โดยไม่มีสิ่งใดๆขวางกั้น ซึ่งจากการเข้าไปตรวจสอบของสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา ชี้ชัดว่าข้อกล่าวหาเรื่องนี้เป็นเท็จ เพราะกุฎิของพระปราโมทย์กับอุบาสิกาอรนุช อยู่ห่างกันประมาณ 120 เมตร มีถนนคอนกรีต มีต้นไม้กั้น ไม่สามารถมองเห็นกันได้ ทั้งยังมีกุฎิของพระอุปัฏฐาก อยู่ใกล้กุฎิพระปราโมทย์ เพื่อคอยดูแล ซึ่งการวางผังที่ตั้งกุฏินี้ น.ส.ฐิตินาถ เป็นผู้กำหนดแบบไว้ตั้งแต่ก่อสร้าง และยังขอให้มีการสลับกุฏิกับพระอุปัฏฐาก เพื่อความปลอดภัยของพระปราโมทย์ นอกจากนี้กุฏิของพระปราโมทย์ และอุบาสิกาอรนุช ยังอยู่ในระยะไม่ไกลจากบ้าน อนาลโย ของ น.ส.ฐิตินาถ ก่อนที่จะมีการสร้างรั้วคอนกรีตกั้นในภายหลัง
      
       ไม่เพียงแต่คำชี้แจงของลูกศิษย์พระปราโมทย์เท่านั้น แต่บรรดาข้อกล่าวหาต่างๆของ น.ส. ฐิตินาถ และนายวีรณัฐ ที่ยื่นเป็นหนังสือให้ สำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ ทำการสอบสวน นั้น ล้วนได้รับการรับรองยืนยันจากสองหน่วยงานว่า ไม่พบความผิดปกติ โดยนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ รอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า ได้รับรายงานจากสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ชลบุรีว่าผลการตรวจสอบเรื่องของที่ดิน และเงินของสำนักสวนสันติธรรมไม่มีปัญหา เนื่องจากทางสำนักสวนสันติธรรม ได้มีการชี้แจงรายละเอียดอย่างชัดเจนว่านำเงินไปทำอะไรบ้าง ส่วนเรื่องของที่ดินที่ขอตั้งวัดก็ได้ดำเนินการอย่างถูกต้อง
      
       สอดคล้องกับการให้สัมภาษณ์ของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่บอกว่า การตรวจสอบข้อร้องเรียนทั้งกรณีเรื่องเงินบริจาคและที่ดิน ที่ผู้ร้องอ้างว่ามีการถ่ายโอนทรัพย์สินให้เป็นชื่อของอุบาสิกาอรนุช อดีตภรรยา นั้น ยังไม่พบว่าพระปราโมทย์กระทำความผิดจริง โดยพระปราโมทย์ดำเนินการอย่างถูกต้องทั้งเรื่องของเงินบริจาค เรื่องที่ดินที่ขอจัดตั้งเป็นวัด เรื่องความใกล้ชิดกับอุบาสิกาอรนุชที่ถูกร้องเรียนว่ากุฏิอยู่ใกล้กัน รวมไปถึงการสอนที่ถูกร้องว่าอวดอุตริมนุษธรรม ก็ไม่พบว่าพระปราโมทย์มีการกระทำใด ๆ ที่ผิดต่อพระธรรมวินัย และระหว่างการให้สัมภาษณ์ยังมีการเปิดเผยบัญชีเงินฝากของทางสวนสันติธรรม ทั้งหมด 7 บัญชี ให้ผู้สื่อข่าวดู
      
       ส่วนข้อหาอวดอุตริมนุสธรรมนั้น หลักฐานที่ น.ส. ฐิตินาถ อ้าง มีเพียงคลิปเสียงพระปราโมทย์ ข้อความว่า
      
       ".....โยนิโสมนสิกาสำคัญที่สุด ถ้าไม่มีครูบาอาจารย์คอยบอก โยนิโสมนสิกาสำคัญที่สุด ต้องสังเกต อย่าเชื่อง่าย เราจะรู้ว่าไม่ใช่ จิตไม่ได้ค้นคว้าของมันอยู่ พูดอีกก็หลุดอีก พอหลายๆทีเข้า ก็โอ้ชาตินี้ทำไม่ได้แล้ว ไม่รู้จะไปทางไหน มันจบมุมเหมือนหลังชนกำแพง ถ้ารู้ที่วิเศษเป็นตัวทุกข์ล้วนๆ เลย บางคนเห็นว่าไม่ใช่ตัวเรา เห็นแล้วมันวาง
      
       แต่ว่าต้องมีโยนิโสมนสิกากำกับการดูนะ ถ้าดูไปเฉยๆ บางทีใจไปค้างไว้ข้างใน หลวงพ่อเคยเจอ ตอนนั้นผ่านชั้นที่ 2 แล้ว เข้าไปดูอย่างโสรัจ พอดีไปเจอ ... เจอหน้าแล้วท่านยิ้มหวานเลย ผู้รู้ๆ ออกมาอยู่นอกๆ นี้ ตอนนั้นงงเลย ทำไมต้องมาอยู่ข้างนอก ท่านก็ให้บอกต่อ กิเลสอยู่ข้างนอกเนี่ย ตอนที่บรรลุลงไปข้างในก็เผลอไปหมดแล้ว มีภายในมีภายนอก...."
      
       เอาความรู้ในเรื่องธรรมะชั้นไหนไปสรุปว่า คำพูดทำนองนี้คือ การอวดอุตริมนุสธรรม
      
       ทั้ง น.ส. ฐิตินาถ นายวีรณัฐ เคยเป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดพระปราโมทย์ มานานเกือบสิบปี เหตุใดจึงไม่สามารถหาหลักฐานที่หนาแน่นกว่านี้ มาพิสูจน์ข้อกล่าวหาที่มีต่อพระปราโมทย์ ในทุกๆเรื่องได้
      
       เมื่อฝ่ายที่ถูกกล่าวหา สามารถอธิบายข้อกล่าวหาได้ทุกเรื่อง ก็แสดงว่า ข้อกล่าวหาเหล่านี้ เป็นเรื่องเท็จ ที่ถูกกุขึ้นมา เพื่อใส่ร้ายพระปราโมทย์ ถึงเวลาที่ น.ส. ฐิตินาถกับพวก จะต้องตอบคำถามแล้วว่า เหตุใดจึงกุเรื่องเหล่านี้ขึ้นมา
      
       พระที่ได้ชื่อว่า เป็นพระดี มีลูกศิษย์ ลูกหาศรัทธาเลื่อมใสมากมาย หากจะต้องมีเรื่องมัวหมอง ก็หนีไม่พ้นสองเรื่องคือ สีกา กับเงินๆทองๆ
      
       เช่นเดียว กัน บรรดาอุบาสิกา แม่ยกทางธรรมก็มีจุดตายอยู่สองเรื่องคือ เรื่องเงินๆทองๆ กับ อยากเป็นเจ้าของพระ
      
       ในอดีต พระรูปงาม ห้อมล้อมด้วยสีกามากหน้า เกิดความหึงหวง ชิงพระหักสวาท จนนำไปสู่การเปิดโปงพฤติกรรมของพระ จนต้องสึกก็มีมาแล้ว
      
       สำหรับสีกาฐิตินาถ เรื่องเงินๆทองๆ นั้น เธอแสดงความต้องการชัดเจนอยู่แล้วว่า ขอทวงเงิน 4 ล้าน 3 แสนบาท ที่เคยบริจาคให้พระปราโมทย์คืน เพราะพระปราโมทย์ โอน เงิน ที่ดินที่ซื้อมาด้วยเงินบริจาคไปให้อดีตภรรยาดูแล ซึ่งเธอเห็นว่า เป็นการยักยกอกเงินที่มีผู้บริจาค ไปเป็นสมบัติส่วนตัว
      
       เหตุที่สีกาเกิดเสียดายเงิน ออกปากทวงทั้งที่บริจาคไปแล้ว พระอนุโมทนา ให้พร รับบุญ กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลกันไปแล้ว ลูกศิษย์พระปราโมทย์ ให้ข่าวผ่านทนายความมาว่า เพราะเธอผิดหวัง ที่อุตส่าห์ลงทุนไปมากแล้ว แต่กลับไม่ได้เป็น somebody ในสำนักสวนสันติธรรม เพราะพระปราโมทย์ไม่ไว้ใจในพฤติกรรมบางอย่าง
      
       เป็นอาจารย์ ลูกศิษย์กันมาสิบปี ศิษย์ยังเห็นความไม่ดีของอาจารย์ ในหลายเรื่อง ทำไมอาจารย์จะไม่ล่วงรู้เลยหรือว่าศิษย์คิดอะไรอยู่
      
       เรื่องนี้ เป็นอุทธาหรณ์ว่า เข็มทิศ ช่วยได้แค่ชี้ทาง แต่จะเดินไปถึงจุดหมายปลายทางหรือไม่ ใจเป็นเครื่องกำหนด


             win win win
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Pete15
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,460

« ตอบ #72 เมื่อ: 01 ตุลาคม 2553, 22:37:00 »

สวัสดีครับป้าแจ่ม....+พี่ๆ น้องๆทุกท่าน    ความจริงเหตุที่เกิดขึ้น เป็นบุญของพวกเราน๊ะ ที่ได้มาเห็น ที่ได้มารับรู้
                             เหตุที่เกิด   สมัยพุทธกาล พระอริยสงฆ์หรือ พระสงฆ์น้อย - ใหญ่ที่ต้องฟันฝ่า อุปสรรค มารต่างๆ
                             นาๆประการ แต่ต้องทำหน้าที เผยแพร่ศาสนา จะต้องอดทน ต่อสู่ เผชิญหน้ากับ ผู้นับถือ
                             และเชื่อลัทธิอื่นๆ บ้างอาจถูกทำลายถึงชีวิตก็มี  แต่ก็สืบทอดกันมาได้ถึง 2500 กว่าปี
                             การเดินทางจากอินเดียสู่ สุวรรณภูมิก็ไม่ใช่ใกล้ อุปสรรคมากมายเราไม่มีโอกาสได้สัมผัส
                            ยุกต์ปัจจุบัน มีพระสงฆ์ที่เรากล่าวขานกันว่าท่านเป็น อริยสงฆ์อยู่หลายองค์/ ซึ่งส่วนใหญ่เรา
                            ก็ไม่มีโอกาสได้รับรู้เรื่องราวหรือได้สัมผัส กับ ท่านจริงๆ เป็นเพียง เล่าสืบทอดกันมา พระสงฆ์
                            ที่ได้ปฏิบัติธรรมขั้นสูง  ก็มักจะเก็บตัวเงียบ  พวกเราๆก็สัมผัสยาก ท่านพูดน้อยมุ่งแต่ ภาวนา
                            พวกเราก็ได้แต่ฟังประวัติของพระพุทธเจ้าไป/ รู้ว่าใส่บาตรได้บุญ จบ/ นับว่าท่านพระอาจารย์
                            ปราโมทย์เป็นองค์เดียว ที่ใช้ วิธีสอน  แบบดูสภาวะและสอนแบบเทย่า้ม   ให้พวกเราได้เรียนรู้
                            เหตุที่เกิดกับท่านก็เป็นวิบากของท่าน  ที่ท่านจะต้องผ่านให้ได้ ในชาตินี้ ไม่หลงทาง  ฯลฯ
                            ถ้าท่านมีเมตตาไม่ปลีกวิเวก  หายไปจาก สาธารณะชน หรือเก็บตัวเงียบ ท่านก็จะเป็นครู-อาจารย์  
                            ที่ให้โอกาสเราได้เรียนรู้จากท่าน อีกมากมาย  (คำว่า อริยสงฆ์ เราพูดจากความรู้สึก ของเราๆ
                            ท่า่นๆคนธรรมดา ที่มีจิตสัทธาในพระสงฆ์องค์นั้นๆ/ พระพุทธองค์เท่านั้น ที่สามารถฟันธง
                            ได้ว่า ใครอยู่ระดับไหน?) ยุกต์นี้มีสำนักปฏิบัติธรรมมากมาย ซึ่งอย่างที่ผม
                            กล่าวไว้ตอนต้นเป็น โอกาสดีที่เรา พุทธศาสนิกชนได้มีโอกาส Shopping ธรรมะกันได้หลาย
                            รูปแบบ ตามความถนัดและความเข้าใจ แต่ไม่จำเป็นที่ต้องยึดมั้นถือมั้นในตัวบุคคล เพราะเรามีตำรา
                            อยู่เล่มเดียว และเจ้าของตำราก็มีพระองค์เดียว ในที่สุดก็ต้องเหมือนกัน ในช่วงสุดท้าย และ จบ
                            เหมือนกัน พระสงฆ์ องค์เจ้า ท่า่นมีเมตตาที่ช่วยชี้ทางเดินให้เรา ในขณะที่ท่านเองก็กำลัง
                            บำเพ็ญเพียรไปในทิศทางเดียวกับเราเช่นกัน             Xปิ๊ด15X
                            
      บันทึกการเข้า
โจโฉ คร้าบบบ
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 24

เว็บไซต์
« ตอบ #73 เมื่อ: 19 ตุลาคม 2553, 17:41:53 »

สวัสดีครับ  พอดีแวะผ่านมาเจอโดยบังเอิญ
เลยขอสมัครสมาชิกไว้เผื่อแจ้งข่าวงานบุญอะไรบ้างนะครับ

แวะมาเก็บข้อมูล และขออนุญาตนำไปแปะในเวบบอร์ดของผมนะครับ
แล้วก็ขอบพระคุณสำหรับคำชม

กระทู้นี้ได้ข้อมุลอะไรเด็ดๆ เยอะครับ
จริงๆ ผมมีข้อมูลส่วนตัวแบบ วงใน อีกเยอะ ที่ไม่อยากเปิดเผยครับ
แต่ก็ทำให้เข้าใจอะไรดี และคิดว่าถึงไม่เปิดเผย
สังคมก็คงเข้าใจดีแล้วว่าใครเป็นอะไรยังไง

ผมรู้แต่ว่า ผมศึกษา ปฏิบัติมาเยอะมาก ตั้งแต่ยังเป็นคริสต์จนมาเข้าพุทธ
แล้วทุกวันนี้มีความสุขและเห็นแนวทางปฏิบัติ
และเห็นจิตเป็นอนัตตาได้จริงๆ ว่ามันไม่ใช่เรา บังคับไม่ได้จริงๆ
ก็เพราะคำสอนของหลวงพ่อปราโมทย์ครับ  

ขนาดอ่านมาเยอะ ฟังมาเยอะ ทำมาเยอะ ก็ยังไม่เคยเข้าใจได้ขนาดนี้

แวะมาทักทายเท่านี้ก่อนนะครับ

ผมเอาไปโพสต์ในเวบผม ต้องขออภัยที่เรียกตามคนอื่นว่าคุณป้าแจ่มใส
คงไม่ว่ากันนะครับ


แถมท้ายนิดนึงอะคับ
เมื่อสองปีก่อน เคยไปบรรยายที่ คณะรัฐศาสตร์ ตอนนั้นยังสรุปการบรรยายไม่ค่อยเวริ์ค
แต่ตอนนี้ทำเป็นจริงจังแล้ว   หากสนใจจะให้ไปช่วยสร้างสรรสังคม กับน้องๆ นักศึกษา
เพื่อจะได้เข้าใจศาสนาในรูปแบบวิทยาศาสตร์ และได้ฝึกการทำสมาธิแบบง่าย
กับการรู้จักใช้พลังกุศลจิตเพื่อแผ่เมตตาอย่างแท้จริง ก็เรียกใช้ได้นะครับ

ดูรูปได้ที่กระทู้นี้อะคับ
http://www.jozho.net/index.php?mo=5&qid=564591

คืออาจดูไม่งาม เหมือนกลองดังเอง  
แต่เนื่องจากว่า ผมไปบรรยาย แล้วได้ผลเกินคาดกว่าที่คิด
ก็เลยอยากจะใช้ความรู้ที่ตัวเองมีให้เป็นประโยชน์สูงสุดอะคับ

อนุโมทนาและกราบสวัสดีทุกๆ ท่าน ครับผม

โจโฉ คร้าบบบ







เอาสองรูปมาเปรียบเทียบ เพื่อให้เห็นว่า ภายนอกมันคือเปลือก
หากว่ามองไปข้างใน เราจะเห็นคุณค่าที่ซ่อนอยู่
แล้วผมก็อยากเห็นเยาวชนไทย ทันโลก ทันสมัย ควบคู่เติบโตไปพร้อมกับคุณธรรมในใจ
ซึ่งปัจจุบัน ตัวอย่างสองขั้วในร่างเดียวแบบนี้ คงหาได้ไม่ง่ายนักอะคับ

ไม่กลัวที่ใครจะคิดว่าผมชอบโปรโมทตัวเอง
แต่สิ่งที่ผมทำทุกอย่าง ผมเจตนาเพื่อประโยชน์ของสังคมเป็นสำคัญ

เจริญในธรรมทุกท่านนะครับ
แล้วจะแวะมาเก็บข้อมูลเรื่อยๆ ครับ

   จุ๊บ ๆ


ปล. วันก่อนไปบรรยายธรรมะที่วัดแห่งหนึ่งอะคับ  พอเขาเห็นหน้าผมอะ เขากลับบ้านกันเกือบหมดเลย  555
เหลืออยู่ไม่ถึง 6 คน  แต่พอบรรยายเสร็จ ก็รู้สึกเป็นสุข เพราะผู้ฟังปลื้มปีติ ได้ประโยชน์ และผลเป็นดั่งที่ตั้งใจ
คนเรานี่ก็มองกันแต่ภายนอกจริงๆอะนะครับ..  
      บันทึกการเข้า

www.jozho.net
แจก CD ธรรมะฟรี ดาวน์โหลดธรรมะฟรีมากมาย
เสียงเทศนาหลากหลายครูบาอาจารย์
เสียงอ่านหนังสือธรรมะสำหรับคนรุ่นใหม่ ฟังสบาย เข้าใจง่าย
Pete15
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,460

« ตอบ #74 เมื่อ: 19 ตุลาคม 2553, 20:02:33 »

สวัสดีครับ ป้าแจ่ม เพื่อน พี่ น้อง และ แขกผู้มาเยือน น้องโจโฉ  ดีนะ น้องโจโฉเป็นแขกที่ยอดเยี่ยมใช้ได้
                           ที่แสดงตน ดีครับที่สนใจธรรมะ และได้ใช้ชีวิตอยู่ในสายธรรม ผมเป็นคนหนึ่งละที่ ถ้ามี
                           โอกาสฟัง คำบรรยายของท่านก็จะไม่รอช้า แต่ไม่ทราบว่าเมื่อไร?โอกาสนั้นจึงจะมา ขอ
                           อนุโมทนา ด้วย    Xปิ๊ด15X  
                                                                              bye bye    
      บันทึกการเข้า
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #75 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2553, 07:41:54 »

...ได้ยินชื่อน้องโจโฉมาตั้งนานแล้วค่ะ...
...เพิ่งจะได้เห็นหน้าวันนี้...รู้สึกคุ้นๆหน้าน้องมากๆค่ะ...
...และรู้สึกว่าน้องวัยรุ่นมั่กๆ...
...ไม่แน่ค่ะบางทีอาจคงเคยเห็นกันแล้วที่วัดหลวงพ่อ...
...เสาร์-อาทิตย์ไปดูได้...ส่วนมากวัยรุ่นๆทั้งนั้น...
...พวกลุงๆป้าๆชิดซ้ายค่ะ...
...แสดงว่าวัยรุ่นสมัยนี้ทันสมัยจริงๆ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
Begita
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2542
กระทู้: 32

« ตอบ #76 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2553, 23:06:52 »

ศรัทธาของใครก็ของคนนั้น

อนุโมทนากับผู้ที่ปฏิบัติดีแล้ว และจะปฏิบัติให้ถึงพร้อมยิ่งๆ ขึ้นไปครับ

ผู้ใดจักปฏิบัติตามธรรมของพระพุทธเจ้า

ผู้นั้นก็จะได้เห็นพระพุทธเจ้านะซิครับ

ขอให้ทุกๆ ท่านเจิรญในธรรม

พระรัตนตรัยรักษานะครับ
      บันทึกการเข้า

เมื่อแยกจิตและกายออกจากกัน จะเห็นว่าเราไม่มี และ ไม่มีเรา
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #77 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2553, 00:13:25 »

เห็นมีคนโพสท์กระทู้นี้ทีไรใจเต้นตุ๋มๆ ต่อมๆ ทุกที
...
กลัวญาติธรรมแบ่งข้างทะเลาะกันในนี้ แบบพวกคอการเมืองเรื่องของเหลือง และแดง
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
โจโฉ คร้าบบบ
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 24

เว็บไซต์
« ตอบ #78 เมื่อ: 23 ตุลาคม 2553, 01:16:17 »

โฉว่านะครับ

หากเข้าถึงธรรมจริงๆ เข้าใจธรรมะจริง ๆ
จะไม่มีคำว่าขัดแย้ง

เพราะหากจะเข้าใจธรรมะจริงๆ
ต้องเข้าใจถึงความเป็นจริงของสิ่งทั้งปวง
ว่าทุกอย่างมีสองขั้วเสมอ

และทางที่จะไปถึงที่สุดนั้น ไม่ได้มีทางเดียว บางทางบางคนต้องอ้่อม บางคนต้องตรง
อ.พร รัตนสุวรรณ สอนไว้ดีมาก ตรงที่ว่า

ไม่มีสัตว์ใดพ้นกระแสพระนิพพาน (ถ้าจำไม่ผิดท่านอ้างพุทธพจน์)
นั่นคือ ทางที่เราเห็น แม้เขาจะผิด เช่นศาสนาอื่นๆ
หรือต่อให้เป็นโจรชั่วช้าคนหนึ่ง

มันก็เป็นทางของเขาที่จะไปสู่พระนิพพาน เพราะถ้าไม่ผิดก่อนก็จะไม่รู้ทางที่ถูก
แต่เมื่อจิตพัฒนามาถึงระดับหนึ่ง ก็จะเร่ิมรู้เองว่า ที่ตนเชื่อใช่หรือไม่ใช่
เหมือนที่ศิษย์หลายคนเข้ามาสนใจศาสนาเพราะหลวงพ่อปราโมทย์
แต่แล้วก็ต่อยอดไปเข้าใจคำสอนของพระอื่นๆ  จนไปศรัทธาที่อื่น แล้วกลับมาโจมตีอาจารย์เก่าของตนเองไงครับ
ซึ่งหากเขามีคุณธรรมจริง เขาจะไม่ทำแบบนี้แน่นอน  พระสารีบุตรยังเคารพครูคนแรกต้องนอนหันหัวไปหาตลอด

ทางของบางคนอาจจะต้องอ้อมนาม ต้องเกิดตายหลายชาติ ต้องตกนรกหลายชาติ
แต่มันก็เป็นทางของเขา เมื่อจิตเข้าใจสภาวะนี้ ก็จะปล่อยวาง เป็นอุเบกขา
แล้วจะมองแนวทางของผู้อื่นด้วยรอยยิ้ม แม้ไม่เห็นด้วย แม้รู้ว่าไม่ใช่
แต่ก็ไม่ทำลาย ไม่โกรธ ไม่ขัดแย้ง ไม่โจมตี ครับ

หากแต่ใครสักคน คาดคั้้นว่าทางของฉันต้องถูกอย่างเดียว แล้วเที่ยวทำลายศรัทธาคนอื่น
เที่ยวโจมตีคนอื่น โดยที่ตัวเองก็ยังไม่ไปถึงไหน
แล้วกรณีโจมตีพระ ซึ่งไม่ใช่เรื่องของฆราวาส น่าจะปล่อยให้เป็นหน้าที่สงฆ์
หากจะอ้างทำเพื่อพระศาสนา แต่ลัทธิเพี้ยนใหญ่โต และหลายอย่างในศาสนามีข้อเสียเยอะ
ทำไมไม่ไปช่วยกันกำจัด หรือช่วยกันแก้ไข  

การสอนศาสนาในโรงเรียน ยังทำกันผิดๆ สอนให้ยากจนน่าเบื่อ
และสอนข้ามขั้น ใครสนใจจะไปปรับแก้ไขบ้าง

วรรณคดีที่มีเรื่องราว ชู้สาว พระเอกโหดร้ายและมักมากในกาม
ยังเอามาสอนนักเรียนอยู่ได้ สร้างค่านิยมให้ชายไทยโตมาด้วยความรู้สึกว่า
พระเอกต้องมีหลายภรรยา เจ้าชู้ และฆ่าคนชั่วไม่ผิด ฯลฯ
ใครบ้างคิดจะไปแก้ไข หากรักศาสนาจริง  

บทสวด สวดกันแบบงมงาย ขาดความเข้าใจ
ไหว้พระ ไหว้แต่เทวดารักษาพระพุทธรูป มีสักกี่คนไหว้ถึงพระพุทธเจ้า

หากเป็นนักภาวนาจริงๆ  เขาจะสนใจตัวเองมากกว่า ว่าไปรอดแล้วหรือยัง
กรณีหลวงพ่อ ปรากฎผลมากมายว่า ส่งผลดีต่อคนจำนวนมาก
จนแม้แต่คนที่โจมตีเอง ก็ยังพูดในรายการเจาะใจว่า ยอมรับว่าในเบื้องต้นมีประโยชน์และได้ผลกับคนบางกลุ่ม
และตนเองก็ศรัทธาและเห็นประโยชน์มาหลายปี  
แถมยังเห็นผลจนต้องทักผมเองว่าไปทำอะไรมาจิตสว่าง และพยากรณ์ให้ผมอีกต่างหาก
ว่าอีกหน่อยจะได้ทำงานใหญ่ให้พระศาสนา ให้รักษาตัวให้ดี  ฯลฯ


นั่นแสดงให้เห็นว่ามันก็มีประโยชน์ และน่าจะมีประโยชน์กว่าลัทธิเพี้ยนบางแห่งด้วยซ้ำไป
หลายที่สอนว่านิพพานเป็นแดน
ทำไมกลุ่มรักศาสนาไม่ไปทำอะไรบ้าง เพราะมันคือการบิดเบือนหลักของศาสนาอย่างร้ายแรง

การเข้าถึงธรรม มันวัดกันได้เห็นๆ ถึงพฤติกรรมของคนบางกลุ่ม
กับสิ่งที่พยายามทำเพื่อโจมตีศรัทธาของคนอื่น แล้วทำเป็นกระบวนการ มีลำดับขั้นตอนชัดเจน
ในสมัยพุทธกาล มีพระองค์ไหน ออกมาขับไล่ท่านเทวทัตบ้าง  ทุกท่านนิ่ง
และหากพระจะผิด เขาจะทำกับเงียบๆ  ตามพระวินัยก็บอกว่าให้โจทย์กันภายใน ไม่ให้ไปเที่ยวบอกชาวบ้าน

เพราะภาพรวมของศาสนาจะเสียหาย ศรัทธาคนจะถดถอยได้

แต่สิ่งที่คนบางกลุ่มทำ ช่างตรงข้ามกับพระศาสนาที่ท่านทรงใช้พระเมตตาต่อสู้กับทุกปัญหา
หากจะแปลบทพาหุงฯ แล้วท่องจำให้ขึ้นใจบ้างก็คงจะดี

ไม่ใช่คิดว่าพระองค์นี้ผิด ก็ออกมากล่าวหา
เหมือนบ้านนี้เข้าใจว่ามีมดขึ้นบ้าน ก็จุดไฟเผาเลย ไม่สนใจว่าผลจะเป็นยังไง
รู้และเข้าใจแต่ว่า  มดนี้ อันตราย ต้องไล่ไปจากบ้านนี้ให้ได้

ทั้งที่มันเป็นบ้านคนอื่น แล้วเจ้าของบ้านเขาอาจจะชอบมด แล้วเห็นว่ามดนี้ดี
ช่วยไล่เพลี้ยในต้นไม้ให้เขาได้

แต่คนพวกนี้ก็ปีนรั้วเข้ามา เอาไฟเผามดแดงในบ้านเขา แล้วก็บอกทำเพื่อคุณนะ หวังดี

จริงๆ ถ้าดูโหงวเฮ้งเป็น จับพลังงานทางจิตเป็น
คนบางกลุ่มดูไม่ยากเลยครับ

ตาเหลือก กลับกลอก น้ำเสียง ลีลา การพูด มันส่อให้เห็นเลยว่า ใครผิด ใครถูก ใครบริสุทธิ์กว่ากัน

(ลองไปเอาเทปสัมภาษณ์ แถลงข่าวมาดูกันอีกทีได้ครับ  เห็นชัดมากมาย.. )


      บันทึกการเข้า

www.jozho.net
แจก CD ธรรมะฟรี ดาวน์โหลดธรรมะฟรีมากมาย
เสียงเทศนาหลากหลายครูบาอาจารย์
เสียงอ่านหนังสือธรรมะสำหรับคนรุ่นใหม่ ฟังสบาย เข้าใจง่าย
Pete15
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,460

« ตอบ #79 เมื่อ: 23 ตุลาคม 2553, 09:57:07 »

Thank น้อง โจโฉ กำลังคิดอยู่เหมื่อนกันว่าจะ ตอบพี่ป๋อง ได้คำตอบจาก น้องโจโฉแล้วดีจัง ดีครับ ผมได้ดูเจาะใจเหมือนกัน แต่นิดเดียว
               ตอนท้ายๆ แต่ก็ร้อง ออ มันเป็น อย่างนี้ นี่เองดีนะ การสือสาร ทำให้เราได้เรียนรู้จากเหตุที่เกิดขึ้นรอบๆตัวเรา ถ้าย้อน
               เวลาสัก 20 - 30 ปี เราก็จะไม่ได้ทราบเหตุ เป็นเรื่อง พึง ระวัง ! สำหรับ นักปฎิับัติ ระวัง "ฝึกจิตผิดทาง" มันก็จะมี คำถาม
             ว่า่อะไร ถูก อะไรผิด ใครฟันธงได้ บอกได้เลยว่า ไม่ควรจะมีใครบอกได้ นอกจากตัวท่านเอง เปิดใจให้กว้าง รับฟังเหตุ และ
                ผล  เป็นสำคัญ ตัดสินโดย สติปัญญาเป็นพื้นฐาน ผิดบ้าง ถูกบ้าง จิตจะค่อยๆพัฒนาขึ้นๆ และคำตอบจะเกิดขึ้นทุกขณะ
                ช่วงของเวลา แต่ในที่สุดก็จะไปสู่ ความจริงที่ถูก (ธรรมชาติ) บางคนอาจจะเดินอ้อม  บางคนอาจจะเดินตรง แล้วแต่
                อินทรีย์ของใครจะแก่กล้า มาก - น้อย ตามอดีตทีได้สะสมมาของแต่ละท่าน

                                                                                                                                 Xปิ๊ด15X                                gek
      บันทึกการเข้า
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #80 เมื่อ: 23 ตุลาคม 2553, 10:41:10 »

...บางทีก็คิดเหมือนพี่ป๋องเหมือนกันค่ะ...
...เพราะเคยได้ยินวลีที่ว่า...ถ้าไม่อยากขัดใจกัน...ก็อย่าคุยเรื่องการเมืองหรือศาสนา...
...ขอยกเว้นไว้ที่กระทู้นี้ก็แล้วกันค่ะ...
...ถ้าคุยกันด้วยเหตุผล...ก็คงไม่ทะเลาะกัน...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #81 เมื่อ: 23 ตุลาคม 2553, 11:18:34 »

คั่นโฆษณา นิดครับ ... ฮา แต่แฝงสัจธรรม ^_^

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=uPA-0brMoDQ" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=uPA-0brMoDQ</a>
      บันทึกการเข้า
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #82 เมื่อ: 23 ตุลาคม 2553, 11:41:33 »

...น้อง ดร.มนตรี คะ...
...พอดีลำโพงคอมที่บ้านเสียค่ะ...พี่ตู่เลยอดฮา...
...ไว้มีลำโพงใหม่เมื่อไร...จะเข้ามาฮานะคะ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #83 เมื่อ: 23 ตุลาคม 2553, 12:37:45 »

อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 23 ตุลาคม 2553, 11:41:33
...น้อง ดร.มนตรี คะ...
...พอดีลำโพงคอมที่บ้านเสียค่ะ...พี่ตู่เลยอดฮา...
...ไว้มีลำโพงใหม่เมื่อไร...จะเข้ามาฮานะคะ...


ครับพี่ตู่ ... รอมีลำโพงแล้วค่อยฮา ก็ยังไม่สายครับ ดีเสียอีกครับ ได้หัวเราะ ทีหลัง ดังกว่า ^_^


      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #84 เมื่อ: 23 ตุลาคม 2553, 14:34:22 »

อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 23 ตุลาคม 2553, 11:41:33
...น้อง ดร.มนตรี คะ...
...พอดีลำโพงคอมที่บ้านเสียค่ะ...พี่ตู่เลยอดฮา...
...ไว้มีลำโพงใหม่เมื่อไร...จะเข้ามาฮานะคะ...

เสียชื่อคุณนายแพทย์ใหญ่ผอ.รพ.บางละมุงหมดเลย
คุณนายแอ๊ะพี่หมอหาญเขามีไอแพดครบชุดสุดหรูไปแล้วครับ
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #85 เมื่อ: 23 ตุลาคม 2553, 14:42:34 »

ขอบคุณน้องโจโฉมากครับ ที่ให้เกียรติเข้ามาสนทนาธรรมกับพวกเราชาวหอฯ จุฬาฯ

เห็นวิธีการเขียนบทความ การลำดับประเด็น แล้วต้องชื่นชมน้องโจโฉมาก
จะหาว่าพี่ป๋องซาดิสท์ก็ยอมละเอ้า
อยากเห็นใครที่ฝีไม้ลายมือคู่ควรกับน้องโจโฉ แต่ความเห็นไม่ตรงกัน เข้ามาโพสท์โต้ตอบจังเลย
รุนแรงแค่ไหน พวกเรารับได้ แต่ต้องสุภาพ และมีเหตุผล
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #86 เมื่อ: 23 ตุลาคม 2553, 14:45:43 »

อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 23 ตุลาคม 2553, 14:34:22
อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 23 ตุลาคม 2553, 11:41:33
...น้อง ดร.มนตรี คะ...
...พอดีลำโพงคอมที่บ้านเสียค่ะ...พี่ตู่เลยอดฮา...
...ไว้มีลำโพงใหม่เมื่อไร...จะเข้ามาฮานะคะ...

เสียชื่อคุณนายแพทย์ใหญ่ผอ.รพ.บางละมุงหมดเลย
คุณนายแอ๊ะพี่หมอหาญเขามีไอแพดครบชุดสุดหรูไปแล้วครับ

...พี่ป๋อง...ไอแพดเป็นไงง่ะ...ขอดูตัวอย่างหน่อยสิคะ...ฮิฮิ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #87 เมื่อ: 23 ตุลาคม 2553, 14:47:25 »

...วันหลังเชิญน้องโจโฉมาพูดเรื่องธรรมะให้พวกเราฟังบ้าง...ดีมั้ยคะ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #88 เมื่อ: 23 ตุลาคม 2553, 18:36:09 »

อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 23 ตุลาคม 2553, 14:47:25
...วันหลังเชิญน้องโจโฉมาพูดเรื่องธรรมะให้พวกเราฟังบ้าง...ดีมั้ยคะ...

ดีครับพี่ตู่ ... เยาวชน รุ่นใหม่ น่าสนับสนุน  ^_^
      บันทึกการเข้า
สมชาย17
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,300

« ตอบ #89 เมื่อ: 24 ตุลาคม 2553, 11:22:34 »

เข้ามาอ่าน ได้ความรู้ความเข้าใจ มากขึ้น ปิ๊งๆ
คงไม่มีใคร มาทุบตีกันในกระทู้นี้หรอกครับ พี่ป๋อง อย่าห่วงไปเลย รักนะ

      บันทึกการเข้า
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #90 เมื่อ: 24 ตุลาคม 2553, 23:26:23 »

อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 23 ตุลาคม 2553, 14:45:43
อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 23 ตุลาคม 2553, 14:34:22
อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 23 ตุลาคม 2553, 11:41:33
...น้อง ดร.มนตรี คะ...
...พอดีลำโพงคอมที่บ้านเสียค่ะ...พี่ตู่เลยอดฮา...
...ไว้มีลำโพงใหม่เมื่อไร...จะเข้ามาฮานะคะ...

เสียชื่อคุณนายแพทย์ใหญ่ผอ.รพ.บางละมุงหมดเลย
คุณนายแอ๊ะพี่หมอหาญเขามีไอแพดครบชุดสุดหรูไปแล้วครับ

...พี่ป๋อง...ไอแพดเป็นไงง่ะ...ขอดูตัวอย่างหน่อยสิคะ...ฮิฮิ...


เทคโนโลยีกับธรรมมะ ^_^
 

--------------------------------------------------------------------



ที่มา:ไทยรัฐออนไลน์

"วัดฝั่งหมิ่นวิทยา" สงฆ์กลุ่มแรกที่สัมผัสไวแมกซ์

สาเหตุที่ทำให้พระภิกษุและสามเณรในวัดฝั่งหมิ่นวิทยาเป็นคณะสงฆ์ไทยกลุ่มแรก ที่ได้ใช้งานระบบเครือข่ายไร้สายความเร็วสูง"ไวแมกซ์"อย่างจริงจัง คือการที่โรงเรียนวัดฝั่งหมิ่นวิทยา ซึ่งเป็นโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญในจังหวัดเชียงราย ถูกเลือกให้เป็นสถานที่ติดตั้งไวแมกซ์ในโครงการต้นแบบศูนย์ศึกษาทางไกลเพื่อ การศึกษาและพัฒนาชนบทฯ ผลคือพระอาจารย์และสามเณรในโรงเรียนพระปริยัติธรรมฯแห่งนี้จะได้ใช้ประโยชน์ จากไวแมกซ์ก่อนใครในประเทศไทย
      
       คำบอกเล่าของพระมหาวิสณุรักษ์ พระอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนวัดฝั่งหมิ่นวิทยาต่อไปนี้ จะทำให้คุณต้องเปลี่ยนความคิดที่ว่า การศึกษาในโรงเรียนปริยัติธรรมคงจะครอบคลุมเฉพาะเรื่องธรรมะอย่างเดียว โดยพระอาจารย์ยืนยันความตั้งใจว่า สามเณรที่จบจากโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญนี้ "ต้องเขียนเว็บเป็น"
      
       "โรงเรียนนี้มีสามเณรมาศึกษากว่า 200 รูป พระอาจารย์ 8 รูป และครูฆราวาส 7 คน พระภิกษุก็ต้องเรียน ต้องพัฒนาความรู้และอารมณ์ เราได้ครูจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงมาสอนภาษาจีนด้วย มีทุนเรียนดี มีการทัศนศึกษา มีการทำกิจกรรมร่วมกับโรงเรียนฆราวาสในชุมชน จบมาได้วุฒิไปศึกษาต่อมหาวิทยาลัยได้ กระทรวงศึกษาให้การรับรองเหมือนโรงเรียนทั่วไป
      
       หลายคนมองว่าโรงเรียนในวัดน่าจะมีแค่นักธรรมบาลี แต่โรงเรียนนี้เป็นแผนกสามัญศึกษา อยู่ในความคุ้มครองของกระทรวงศึกษาธิการ มีการประเมินคุณภาพ แต่สิ่งที่แตกต่างคือเราไม่มีวิชาพละ ไม่มีลูกเสือเนตรนารีแต่เน้นเรื่องภาษาบาลีแทน จากเตะฟุตบอลก็เปลี่ยนมาเป็นบิณฑบาต จากพละก็เป็นโยคะและเดินจงกรม
      
       จุดมุ่งหมายของการใช้ไวแมกซ์ที่โรงเรียนวัดฝั่งหมิ่นวิทยา เกิดเพราะความต้องการพัฒนาครูและชุมชน ครูทั้งที่เป็นพระภิกษุและฆราวาสกว่า 15 คนของโรงเรียน ขณะนี้ทำสื่อการสอนอย่าง eBook เป็นแล้ว ทางม.แม่ฟ้าหลวงเข้ามาอบรมเรื่องการทำเว็บไซต์ให้ด้วย ร่วมกับการทำ 3D Animation และการจัดรายการวิทยุ ซึ่งตอนนี้ สามเณรของโรงเรียนก็เริ่มจัดรายการวิทยุเพื่อกระจายข่าวสารความรู้แก่ชาว บ้านแล้ว
      
       หลังได้รับไวแมกซ์มาใช้ ยอมรับว่าชุมชนยังขาดความรู้เรื่องโปรแกรมเบื้องต้น แต่ส่วนใหญ่ตื่นเต้น ซึ่งเป็นเรื่องดีที่กลุ่มชาวบ้านอายุ 40-50 ปีมีความตื่นตัว
      
       ไวแมกซ์ทำให้เด็กๆได้ค้นหาข้อมูล ก่อนนี้เน็ตช้าและจำกัดให้ใช้แค่ครู นร.จะใช้งานก็ต้องไปซื้อชั่วโมง 20 บาท มีอินเทอร์เน็ตหูตาก็เปิดกว้าง แค่พิมพ์ก็ค้นหาข้อมูลเจอแล้ว แต่ถ้าเป็น"เว็บต้องห้าม" เราก็ป้องกัน ซึ่งโดยรวมแล้ว เด็กได้เรียนรู้มากขึ้น
      
       อาตมามีความคิดว่า เด็กที่จบจากโรงเรียนนี้ไปจะต้องเขียนเว็บเป็น เด็กหรือสามเณรไม่ได้เป็นพระภิกษุตลอดไป ถ้าจะไม่เป็นพระภิกษุก็ต้องเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ ถ้าจะเป็นพระภิกษุก็ต้องเป็นพระภิกษุที่ดี
      
       โรงเรียนจะดูแลไม่ให้สามเณรเข้าเว็บไซต์อนาจาร จะมีพระอาจารย์เดินตรวจตราใกล้ชิด พบเมื่อไรจะทำโทษ ยอมรับว่าเด็กมีความอยากรู้อยากเห็นสารพัด แต่เชื่อว่าถ้าใช้เทคโนโลยีให้ถูกทางก็จะเป็นประโยชน์
      
       ร้านอินเทอร์เน็ตบางร้าน มีการเปิดประตูหลังให้สามเณรแอบเข้าไปเล่นเกมทางหลังร้านด้วย อาตมาเคยเอาตำรวจไปขู่มาแล้ว
      
       ณ ตอนนี้ ชุมชนที่ใช้ประโยชน์ได้จากเครือข่ายไวแมกซ์คือชุมชนฝั่งหมิ่น สามารถเดินมาขอใช้อินเทอร์เน็ตได้ในวันอาทิตย์ ชุมชนในพื้นที่ไกลๆอาจมีคอมพิวเตอร์อยู่แล้วที่บ้าน
      
       เริ่มต้นใช้งานช่วงแรกมีปัญหาบ้าง แต่บริษัทก็เข้ามาแก้ไข แจ้งไปก็มาแก้ หลายวันมานี้เน็ตไม่หลุดเลย ถือว่าแก้ไขไปก็ดีขึ้นเรื่อยๆ และต้องถือว่าพวกเราเรียนรู้ได้ไว มีการศึกษาเรียนรู้เองเพิ่มเติมและแลกเปลี่ยนกันระหว่างศูนย์ศึกษาใน โรงเรียนอื่น
      
       ห้องคอมพิวเตอร์ที่ได้จากโครงการนี้เป็นห้องที่สองของโรงเรียน ก่อนหน้านี้ กทช. และทีทีแอนด์ทีได้มาทอดกฐิณสร้างไว้ให้ 21 เครื่องเมื่อปีที่แล้ว แต่ตอนนี้บางเครื่องมีปัญหา
      
       อาตมามองว่าการใช้เทคโนโลยีในการเผยแผ่พระศาสนาเป็นสิ่งจำเป็น สมัยก่อน การเผยแผ่ศาสนาเป็นไปอย่างลำบาก กว่าจะได้ฟังธรรมต้องเดินทางไกล แต่ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นพระมหาสมปองหรือท่าน ว. วชิรเมธี ก็ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นช่องทางหมดแล้ว อย่างอาตมาคิดอะไรไม่ออก ก็ไปคลิกๆแล้วนำมาเทศน์ต่อได้
      
       คุณโยมลองไปเสิร์ชดู จะเห็นว่าไม่ว่าธรรมะบทไหนก็มี เพราะฉะนั้นการเผยแผ่ธรรมะผ่านอินเทอร์เน็ตล้วนมีข้อดี สาธุชนอยากฟังอะไรก็ได้ฟัง ไม่ต้องเสียค่ารถหรือซื้อหนังสือ เป็นประโยชน์มหาศาล คนไทยอยู่ประเทศไหนก็สามารถฟังธรรมได้ ทำบุญได้ ไม่ใช่ว่าจะทำบุญแล้วต้องมาที่เมืองไทยอย่างเดียว
      
       เทศบาลเป็นผู้ให้การสนับสนุนด้านงบประมาณโรงเรียน เริ่มก่อสร้างด้วยเงิน 1 ล้านบาท แต่ยังมีปัญหาในการของบประมาณและแรงสนับสนุนจาก อบต. เพราะโรงเรียนตั้งอยู่ก้ำกึ่งในเขตเทศบาลและตำบลริมกก เมื่อของบประมาณไปทาง อบต.ริมกกกลับผิดระเบียบและทำไม่ได้
      
       งบประมาณส่วนใหญ่ใช้ไปกับเงินเดือนครูและค่าอาหาร เฉพาะบิณฑบาตรอย่างเดียวไม่พอ ค่าใช้จ่ายต่อเดือนราว 250,000 บาท ต้องใช้รถรับส่งสามเณรจากต่างวัดเข้ามาเรียนในโรงเรียน นร.สามารถเรียนได้ฟรี เข้า ม.1 เสียเฉพาะค่าประกันหนังสือ 200 บาท และค่าทำบัตรนักเรียนอีก 50 บาท ถ้ายืมหนังสือแล้วส่งคืนครบก็ได้จะได้คืนตอน ม.3 เท่ากับเรียน 3 ปีจ่าย 250 บาท สมุดแจกฟรี บวชฟรี และเรียนฟรี
      
       ตอนนี้โรงเรียนวัดฝั่งหมิ่นวิทยากำลังพัฒนาเว็บไซต์ใหม่ ที่ผ่านมามีการสอนตัดต่อวิดีโอ และมีการส่งหนังสั้นด้านศาสนาเข้าประกวดกับทางกันตนาด้วย ทั้งหมดนี้อาตมาเชื่อว่าเป็นเรื่องดีหากสามารถดึงเด็กมาเข้าวัด มาบวชเพื่อศึกษาได้ อย่างน้อยก็เป็นทางเลือกที่ทำให้เด็กเข้ามาใกล้ชิดวัดมากขึ้นกว่าเดิม"
      
       ชื่อเต็มของโครงการไวแมกซ์เพื่อการศึกษาในจังหวัดเชียงรายคือ โครงการต้นแบบศูนย์ศึกษาทางไกลเพื่อการศึกษาและพัฒนาชนบทเฉลิมพระเกียรติพระ บาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 เป็นโครงการที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงได้รับงบประมาณและการสนับสนุนจาก กทช. มูลค่า 70 ล้านบาท ให้ศึกษาข้อดีข้อเสียของการจัดตั้งศูนย์ศึกษาทางไกลในโรงเรียนบนเครือข่าย อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 3 ระบบ ได้แก่ระบบไวแมกซ์ความเร็วเฉลี่ย 4 เมกะบิตต่อวินาที (ติดตั้งใน 8 โรงเรียน) ระบบ ADSL ความเร็ว 2 เมกะบิตต่อวินาที (12 โรงเรียน) และอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมไอพีสตาร์ ความเร็ว 1 เมกะบิต (1 โรงเรียน)
      
       ระบบไวแมกซ์ใน 8 โรงเรียนเมืองเชียงราย (รวมโรงเรียนวัดฝั่งหมิ่นฯแล้ว) ถูกการันตีว่าเป็นการติดตั้งเพื่อใช้งานจริงด้านการศึกษาครั้งแรกในประเทศ ไทย ดำเนินการติดตั้งโดยกิจการค้าร่วม 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท ทีทีแอนด์ที เซอร์วิสเซส จำกัด บริษัท จัสมิน เทเลคอมซิสเต็มส์ จำกัด และ บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ ใช้อุปกรณ์ของ ซิสโก้ ซิสเต็มส์ เครือข่ายมีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเป็นศูนย์กลาง และมีกทช.เป็นผู้จัดสรรคลื่นความถี่ให้ตลอดระยะโครงการที่ยังเหลืออีก 2 ปี
      
       การประเมินโครงการจะครอบคลุมถึงความสามารถครู นักเรียน และชุมชน โดยจะวัดผลจากคะแนนสอบของครูและนักเรียนว่ามีความสามารถเพิ่มขึ้นหรือไม่ อย่างไร หลังการใช้งานเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในการเรียนการสอน รวมถึงจะมีการวัดดัชนีการรับรู้ข่าวสารของชุมชนว่ามีส่วนร่วมอย่างทั่วถึง หรือไม่อย่างไร โดยหลังพ้นช่วงโครงการมีแผนจะผลักดันให้กระทรวงศึกษาและองค์การบริหารส่วน ท้องถิ่นนำไปเป็นต้นแบบในพื้นที่ชนบทของไทยต่อไป
      
       ประวัติ
      
       พระมหาวิสณุรักษ์  วิโรทรํสี
       ตำแหน่ง    ครูใหญ่
       การศึกษา  ปริญญาตรี
       ภูมิลำเนา   จังหวัดสุรินทร์
      บันทึกการเข้า
gigcomputer
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #91 เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2553, 05:08:52 »

เรื่องหลวงพ่อปราโมทย์นั้นผมถือคติตามคำตรัสของพระพุทธองค์ ที่ว่า "จงอย่าเพ่งโทษผู้อื่น  แต่จงเพ่งโทษตัวเอง"
และสุดยอดพุทธวจนะ ซึ่งทำตามได้ยากจริงๆคือ
"เรารักราหุลลูกของเราเท่าใด เราก็รักเทวทัตเท่านั้น"
 แสดงถึงความมีเมตตาบารมีอันสูงสุดครับ เช่นนี้แล้วจึงพึงจดจำคำสอนนี้เรื่อยมาเพื่อเตือนสติตนเองอยู่เสมอครับ

ที่โพสนี่จะมาขอทำความเข้าใจเพิ่มเติมกับคุณโจโฉนะครับ มีจุดที่สงสัยและอยากทำความกระจ่างแห่งปัญญาดังนี้ครับ

บทสวด สวดกันแบบงมงาย ขาดความเข้าใจ
เท่าที่ผมศึกษามาบ้าง(นิดหน่อย) พระท่านว่าการสวดมนต์แม้ไม่รู้ความหมาย แต่ก็เป็นการระลึกถึงพระพุทธเจ้าจัดเป็นพุทธานุสติ
ระลึกถึงพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เพราะบทสวดส่วนใหญ่ก็มาจากในพระไตรปิฎก จัดเป็นธรรมานุสติ
ระลึกถึงพระสงฆ์ผู้สอนบทสวด และคาถาต่างๆให้ก็จัดเป็นสังฆานุสติ
จัดเป็น 3 ใน อนุสติ 10 อันเป็นแนวทางการสอนของกรรมฐาน 40 ซึ่งเป็นทางปฏิบัติเพื่อการหลุดพ้นเชียวนะครับ
และถึงแม้จะไม่ระลึกอะไรเลย จิตในขณะสวดมนต์นั้นก็เกิดสมาธิขึ้นแม้จะช่วงสั้นๆก็ตาม ก็จัดเป็นบุญใหญ่อยู่  คือ ภาวนามัย   บุญสำเร็จด้วย การเจริญภาวนา
กล่าโดยสรุปก็คือแม้จะเป็นการสวดกันแบบงมงายขาดความเข้าใจแต่ประโยชน์อันพึงได้นั้นย่อมมีอยู่ ไม่มากก็น้อยครับ

ไหว้พระ ไหว้แต่เทวดารักษาพระพุทธรูป มีสักกี่คนไหว้ถึงพระพุทธเจ้า
และในข้อนี้ถึงแม้จะเป็นการไหว้เทวดาผู้ที่รักษาพระพุทธรูปก็ยังจัดเป็นเทวตานุสติ 1 อนุสติ 10 นะครับ
ประโยชน์ย่อมมีแน่นอน ว่าแต่ที่คุณว่าไหว้ถึงพระพุทธเจ้านั้นต้องไหว้อย่างไรเล่าครับ...

นั่นแสดงให้เห็นว่ามันก็มีประโยชน์ และน่าจะมีประโยชน์กว่าลัทธิเพี้ยนบางแห่งด้วยซ้ำไป
หลายที่สอนว่านิพพานเป็นแดน
ทำไมกลุ่มรักศาสนาไม่ไปทำอะไรบ้าง เพราะมันคือการบิดเบือนหลักของศาสนาอย่างร้ายแรง

งงกันคำว่า "นิพพานเป็นแดน...เป็นการบิดเบือนหลักของศาสนาอย่างร้ายแรง" น่ะครับ อืม....ในเมื่อมีแดนนรก แดนมนุษย์ แดนสวรรค์ แดนพรหม แล้วทำไมจึงจะมีแดนนิพพานไม่ได้เล่าครับและครูบาอาจารย์หลายๆท่านก็สอนเช่นนี้มิใช่หรือครับ
ที่สำคัญคือหากนิพพานไม่ใช่แดนแล้วมันคือสิ่งใดเล่าครับ อย่าบอกนะครับว่านิพพาน"สูญ"น่ะ (ขอความกระจ่างด้วยครับเพราะเท่าที่ได้ศึกษาคำสอนของครูบาอาจารย์หลายๆท่านว่าเป็นแดนน่ะครับ)

อ้อ...และขอเสริมอีกนิดตรงที่คุณโจโฉว่า
พระสารีบุตรยังเคารพครูคนแรกต้องนอนหันหัวไปหาตลอด
นั้น อย่าลืมว่าครูของพระสารีบุตคนแรกคือท่านอาจารย์สัญชัยปริพาชกนะครับ
แต่ผู้ที่พระธรรมเสนาบดีสารีบุตรหันหัวนอนไปท่างทิศที่ท่านอยู่นั้นคือพระอัสสชิครับ ดังบทความตอนหนึ่งในพระไตรปิฎกที่ว่า
"ท่านเป็นผู้มีความกตัญญูกตเวที พึงเห็นตัวอย่างได้จาก เมื่อท่านได้ฟังธรรมเทศนาที่พระอัสชิแสดง ได้ธรรมจักษุแล้วมาอุปสมบทในพระพุทธศาสนา ตั้งแต่นั้นมาท่านก็นับถือพระอัสสชิว่า เป็นอาจารย์ทำการเคารพอยู่เสมอ แม้ได้ยินข่าวว่าพระอัสชิอยู่ในทิศใด เมื่อท่านจะนอน ท่านจะนมัสการไปทางทิศนั้นก่อน แล้วนอนหันศีรษะไปทางทิศนั้น"
คุณโจโฉน่าจะทราบอยู่แล้วแต่คงรีบร้อนพิมพ์จึงตกหล่นไปบ้างและอาจทำให้ผู้อ่านท่านอื่นๆสงสัยได้จึงขอขยายความให้ชัดเจนยิ่งขึ้นนะครับ
      บันทึกการเข้า
gigcomputer
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #92 เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2553, 05:22:05 »

สำหรับผู้ที่อยากรู้ว่า"ไอแพท"เป็นเช่นไรนั้นให้นึกถึง"กระดานชนวน" เอาก็ได้ครับ เหมือนกันเปี้ยบ





      บันทึกการเข้า
Pete15
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,460

« ตอบ #93 เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2553, 12:58:54 »

ขอบคุณ ครับ คุณ gigcomputer  ที่เข้ามาเยี่ยมเยียน กระทู้ ของ cmadong.com
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 2 3 4 [ทั้งหมด]   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><