19 เมษายน 2567, 21:24:22
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 271 272 [273] 274 275 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3232149 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6800 เมื่อ: 28 สิงหาคม 2555, 20:08:28 »


                              กุฏิ หลังนี้อยู่ข้างๆ กับศาลาไก่  ไม่ใช่กุฏิ ปัจจุบันที่หลวงพ่อคำเขียน  อาศัย อยู่

                              แต่เป็นสถานที่รับแขก 

                              กุฏิท่านอยู่หลังศาลาเอนกประสงค์ ติดกับลานหินโค้ง ปฏิบัติธรรม ใหญ่

                               คนที่กำลังกราบนั้น หน้าที่จะเป็นคุณน้องจุ๋ม  (ศศิวิมล  โสภณพันธ์) เคยทำงานเป็นกรรมการหอพักกับพี่สิงห์ ครั้งสุดท้ายที่พี่สิงห์ ได้พบ คือ ตอนจบใหม่ๆ ยังไม่ได้แต่งงาน พบกันที่สวนจิตรลัดดา  ที่โรงเรียน  พี่สิงห์ ไปกับคุณณัฐเกิง ที่เป็นลูกชายของ พลเอกนวล  จันทร์ตรี  อดีตสมุหราชองค์รัก  สมัยนั้น  นานมากแล้ว  ฝากความคิดถึง ถึงคุณน้องจุ๋มให้ด้วย จ่ะ คุณน้อง Nok 15

                               สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6801 เมื่อ: 28 สิงหาคม 2555, 20:14:24 »



รูปนี้ ชอบมาก  

หลวงพ่อคำเขียน   สุวณฺโณ  ยังดูสุขภาพแข็งแรงมาก และยังไม่ชราภาพ




รูปนี้ เป็นหน้าหนาว ท่านดูชรา  แต่ท่านก็ยังเดินรอบวัด มาศาลาฉัน และอาศัยอยู่ที่ลานปฏิบัติธรรม
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6802 เมื่อ: 28 สิงหาคม 2555, 20:26:48 »


                                                ปฏิบัติธรรม วัดป่าสุคะโต

                “จะมาสุคะโตไม่ต้องเตรียมอะไร ตั้งต้นจากศรัทธา เชื่อว่าทำดี ดี
 
                 ทำชั่ว ชั่ว ที่นี่เป็นที่ทำความดี ที่ละความชั่ว เราจะเป็นเพื่อนที่ดี

                 เป็นมิตรที่ดี ไม่พาหลงทิศหลงทาง ไม่ต้องเตรียมอะไรแต่ต้องมี

                 ศรัทธา ไม่ต้องขออนุญาตจากใคร มาได้เลย ขอให้ที่นี่เป็นบ้านของเรา

                 มาถึงแล้วก็ไปสำนักงานลงทะเบียนอย่างองอาจว่าจะมาอยู่ที่นี่

                 กี่วัน กี่เดือน กี่ปี หรือไม่มีกำหนด ถ้ามีคำถามว่า “มาได้ยังไง”

                ให้บอกว่า “รู้จักหลวงพ่อคำเขียน” เท่านี้ก็พอแล้ว มาเถอะมีข้าวให้กิน มีที่ให้อยู่ ไม่ทอดทิ้ง”

                                                                           หลวงพ่อคำเขียน สุวณฺโณ

                                      
                        โดย : พระอาจารย์ทรงศิลป์ สุจิณฺโณ
                        ติดต่อ : คุณสุนทรี ศรีพล
                        โทรศัพท์ ๐๘๕-๔๑๑-๕๘๖๐ , ๐๘๗-๐๒๒-๙๑๐๒ เวลา ๙.๐๐ น. – ๑๖.๐๐ น.
                        อีเมล์ : awakening@pasukato.org
      บันทึกการเข้า
pusadee sitthiphong
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 4,689

« ตอบ #6803 เมื่อ: 28 สิงหาคม 2555, 20:49:12 »

แวะมารายงานความก้าวหน้าค่ะ
ตอนนี้กำลังตั้งใจอ่าน แก่นพุทธศาสน์ อยู่
ได้อ่านก็ยังดีนะคะใช่ไหม
พอดีลงมากรุงเทพฯ เลยจะไปดูเขาโยนโบว์ลิ่งกับทรายที่สยามพารากอนค่ะ
น่าเสียดายวันเสาร์ที่ 1 พี่สิงห์ไม่อยู่ เลยไม่ได้เจอกันนะคะ
      บันทึกการเข้า

pom shi 2516
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6804 เมื่อ: 28 สิงหาคม 2555, 20:50:00 »





      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6805 เมื่อ: 28 สิงหาคม 2555, 20:58:51 »

อ้างถึง
ข้อความของ pusadee sitthiphong เมื่อ 28 สิงหาคม 2555, 20:49:12
แวะมารายงานความก้าวหน้าค่ะ
ตอนนี้กำลังตั้งใจอ่าน แก่นพุทธศาสน์ อยู่
ได้อ่านก็ยังดีนะคะใช่ไหม
พอดีลงมากรุงเทพฯ เลยจะไปดูเขาโยนโบว์ลิ่งกับทรายที่สยามพารากอนค่ะ
น่าเสียดายวันเสาร์ที่ 1 พี่สิงห์ไม่อยู่ เลยไม่ได้เจอกันนะคะ

สวัสดีค่ะ คุณน้องป้อม ที่รัก

                             วันเสาร์ถ้าไม่ใช่งานสำคัญจริงๆ แล้วพี่สิงห์  ต้องไปประชุมประจำสัปดาห์ ที่นครศรีธรรมราช  เพราะเขายังให้เงินเดือนอยู่  ต้องทำงานให้เขา  ถ้าเขาไม่จ่ายเงินเดือน  พี่สิงห์  ก็อดเท่านั้นกัน  เพราะไม่มีรายได้อื่น รายจ่ายก็มีมาก รายได้มาจากการทำงานเท่านั้น  หวังว่าทุกท่านย่อมเข้าใจดี

                             เธอลองแบบพี่สิงห์ ซิปฏิบัติธรรม ให้จริง แล้วมาอ่านหนังสือพระอาจารย์ปราโมช   ภายหลังเธอจะเข้าใจดียิ่งขึ้น  เพราะเขียนตามพระไตรปิฎก และจากการปฏิบัติของท่าน  อย่าลืมต้องเลือกวิธีเริ่มต้นให้ถูกทาง จริงๆ จะได้ไม่หลง  เสียเวลาเปล่าๆ เป็นเรื่องสำคัญมาก ครับ

                             เธอลองไปปฏิบัติธรรม กับคุณน้องอ้อมทิพย์ ดู  แล้วพี่สิงห์จะหาเวลาขึ้นไปสมทบ ครับ

                             หวังว่าเธอคงสบายดีทั้งตา-ยาย

                             สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6806 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2555, 06:24:07 »

รู้ซื่อ ๆ

สวัสดียามเช้าครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                            เช้านี้สวดมนต์ทำวัตรเช้า  หุงข้าวใส่บาตร นั่งเจริญสติเรียบร้อยแล้ว รอเวลาเพื่ออาบน้ำและเดินไปซื้อกับข้าวที่ตลาดหลังการบินไทยเพื่อใส่บาตรพระเช้าที่หน้าบ้าน รับประทานอาหารและออกเดินทางไปสิงห์บุรีไปเยื่ยมแม่ที่โรงพยาบาลสิงห์บุรี ครับ

                            มีเวลาเลยขอนำ "การรู้ซื่อๆ" ที่หลวงพ่อคำเขียน  ท่านบัญญัติขึ้นมาเอาไว้สำหรับสอนญาติโยมผู้ปฏิบัติธรรม  แต่อยู่ในความหมายที่ผมเข้าใจเอามาฝากทุกท่าน ครับ

                            ไม่ให้หลง  คือไม่ให้หลงอยู่ในความคิดตนเอง  หรือไม่ให้หลงกระทำตามความอยาก  ความปราถนา ความเคยชินของตนเอง  ด้วยการมีความรู้สึกตัว  เพราะเมื่อมีความรู้สึกตัว  ความหลงมันก็ดับไปของมันเอง เพราะความรู้สึกตัวก็ดี  ความหลงก็ดี  ความคิดก็ดี มันไม่มีตัวตน  มันเกิดขึ้น  คงอยู่สักพัก แล้วก็ดับไป เป็นธรรมชาติของมันเอง  เมื่อเราไม่หลงอยู่ในความคิด  ปัญญาญาณย่อมเกิดขึ้นเอง  คือสิ่งดีๆ ที่เป็นกุศล  ที่วิญญูชนม์พึงกระทำจะเกิดขึ้น มีความยับยั้งชั่งใจ รู้ว่าสิ่งไหนควร สิ่งไหนไม่ควร และที่สำคัญคือ มันไม่คิด (ส่งจิตออกนอก ตามที่หลวงปู่ดุลย์  อตุโล ท่านสอน) เมื่อไม่คิดก็ไม่มีความวิตกกังวลในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง หรือไม่คร่ำครวญรำพันในสิ่งที่ผ่านมาแล้ว  มันก็ไม่ทุกข์ ครับ

                             เมื่อก่อนพอใครพูดว่า "หลง" ก็จะคิดไปว่า คือการลืมตัว เพราะความแก่  ชราเป็นส่วนใหญ่ เพราะเราจะเห็นคนชรา ย่อมหลงทาง  ลืมสิ่งของ  ลืมแม้กระทั่งกินข้าว  ทั้งๆที่เพิ่งกินข้าว เป็นส่วนใหญ่  คนทั่วไปจึงคิดแบบนั้น นั่นละความหลงของคนโดยทั่วไป

                            จริงๆ แล้ว ความหลงคือ หลงอยู่ในความคิดตัวเอง  ขณะเดียวกัน ความคิดอันนั้นก็เผลอคิด  ไม่อยู่กับกาย-ใจตนเอง  จึงเรียกว่าไม่มีสติ-สตางค์ ที่ผู้ใหญ่ชอบพูดว่า สำหรับคนที่ทำอะไรไม่เป็น ขวางหูขวางตา  ก็คือคนหลงอยู่แต่ในความคิด  ไม่มีความรู้สึกตัวเลยว่า ณ เวลานั้น เขาผู้นั้นกายกำลังอยู่ในอิริยาบถไหน  หรือกำลังกระทำอะไร  เพราะมัวแต่ให้ใจไปคิดเรื่องอื่นๆ อยู่ ที่ไม่ใช่เรื่องที่กระทำ ณ ขณะนั้น  นี่ละความหลงอยู่ในความคิด  ที่จะนำความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ มาให้  ซึ่งก็คือความทุกข์นั่นเอง

                            เมื่อเราหลงอยู่ในความคิด เราจะทำอะไรด้วยใจที่เลื่อนลอย เม่อลอย พลั้งเผลอ ไม่รู้ตัว  ขาดสติ-สัมปชัญญะ จะทำสิ่งนั้นไม่สำเร็จ และอาจเกิดอุบัติเหตุ  แต่ผู้หลงนั้นคิดว่า ดี  ตนชอบ และมีความสุข  นั่นละเป็นธรรมชาติของจิตที่มันชอบละ

                            ขออนุญาติไปอาบน้ำ  ซื้อกับข้าวก่อนครับ

                            สวัสดี

                          
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6807 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2555, 07:40:39 »



อาหารเช้าสำหรับวันนี้ ครับ

สวัสดีครับ ทุกๆ ท่านที่รัก

                           พี่สิงห์ ใส่บาตรพระที่หน้าบ้าน เอาเสื้อผ้าซัก และรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว

                           อาหารเช้าวันนี้ก็คือ กับข้าวที่เหลือมาจากเมื่อวาน อุ่นให้มันร้อนเสียใหม่ ก็กินได้ มีปลาทูทอด น้ำพริกนรกแมงดา ผัดผัก น้ำร้อน และข้าวกล้องนก  ผัดผักก็ใช้วิธีเขี่ย อันไหนที่มีน้ำมัน หมูก็เขี่ยออกทิ้ง

                          เรากินเพื่อให้รูปของเราคงสภาพอยู่  ไม่เจ็บป่วย  ไม่ได้กินเพราะความอยาก

                          ขณะกินข้าว จิตมันก็คิด เราก็พิจารณาไปด้วย กินไปด้วย คือ อยู่กับ "รู้" และ "หลง" ว่า ผม ดร.สุริยา  ดร.กุศล และทุกท่านที่เห็นดีด้วย ที่ไม่มีใครดูแล  หรือจะต้องเลี้ยงดูใคร  น่าจะลดทิฏฐิมานะตัวเอง มาอยู่รวมกัน  ให้คนที่ดูแลแม่ผมนั้น (เขาจะว่างถ้าแม่จากไป) มาคอยทำความสะอาดบ้าน  ซักผ้า  ทำอาหาร มาคอยดูแลเรา ให้พวกเรามีข้าวกิน  สุขสบาย โดยหารเฉลี่ย คนหนึ่งไม่เกินสอง-สามพันบาท ต่อเดือน จะมีแต่ความสุข( ดร.สุริยา  อาจจะแย้ง มีแต่ทุกข์ละไม่ว่า) ไม่ใช่ต่างคนต่างอยู่ แบบนี้

                         อย่างเช้านี้ ดร.สุริยา  ตื่นนอน(คงสายมาก) อย่างเก่ง ก็กาแฟหนึ่งถ้วย  ดร.กุศล  ถ้าอยู่บ้านคงไปใส่บาตรพระที่วัดพระศรีมหาธาตุฯ หรืออยู่บนรถเมย์ ไปทำงาน ไม่ได้กินข้าวเช้า กินแต่กาแฟก่อนออกจากบ้าน  แทบจะมีผมคนเดียวที่มีข้าวเช้ารับประทานทุกวัน และตรงเวลาด้วย เพราะเห็นความสำคัญของอาหารมื้อเช้าที่เป็นมื้อแรกของวัน ที่มีความจำเป็นต่อรูป จึงหุงหาเอาเอง หรือออกไปซื้อหามารับประทานเอง

                          ดร.สุริยา  นั้นมันเคยชิน  จนเป็นสันดารแล้วที่ไม่กินอาหารเช้า( ดร.สุริยา  อาจจะคิดมันเรื่องของกู มึงปฏิบัติธรรม ปล่อยใจมาคิดเรื่องของกูได้อย่างไร) นอนตื่นสาย  กินแต่กาแฟ (เพราะไม่มีคนหุงข้าวให้กิน และออกไปหากินเองก็ไม่ไป ขี้เกียจ)  รูป ถ้ามันมีชีวิตและพูดของมันเองได้  มันคงบอก ดร. สุริยา  นานแล้วว่า "สงสารผมบ้างเถอะนาย  นายใช้ผมมานานมากแล้ว  แต่ไม่เคยดูแลผมเลย"

                          เขียนมาเพื่อให้ทุกท่านได้มีสติ ได้คิดทบทวน ครับ

                          เมื่อวานผมฟังรายการ "คุยเฟื่องเรื่องสุขภาพ" ทางสถานีวิทยุ FM 100.5 ของคุณอำมร  บรรจง  ขอนำมาบอกกล่าวให้ทุกท่านทราบ ดังนี้

                           - ตอนนี้อยู่ในช่วงฤดูฝน  อากาศเปลี่ยนแปลง  ต้องระวังสุขภาพ  เพราะจะเป็นหวัดได้ง่าย มีข้อแนะนำคือ ดื่มน้ำวันละ ๑.๕ ลิตร เฉลี่ยทั้งวัน หรือจิบบ่อยๆ เพื่อรักษาอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่  พักผ่อนให้เพียงพอด้วยการนอนอย่างน้อยวันละ ๖-๘ ชั่วโมงแบบหลับลึก  รับประทานอาหารที่มีรสจัดประกอบ ด้วย  ขิง  ข่า  ใบกระเพา  ใบโหรภา ตะไคร้ มะกรูด  มะนาว   พริก  กระชาย  กระเทียม และวิตามินซี  จะได้ไม่เป็นหวัด  และที่สำคัญ อย่าลืมออกกำลังกาย และทำจิตให้ขาวรอบ ครับ(ผมเพิ่มเติม)

                           - ตอนนี้มีไวรัสตัวใหม่ ที่มีอาการคล้ายๆ โรคเอดส์(ภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือโรคพุ่มพวง) ทางกระทรวงสาธารณะสุขบอกว่าไม่ต้องตกใจ ไวรัสตัวนี้ไม่กระจายติดต่อจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งได้  เป็นเฉพาะคน ที่มีร่างกายอ่อนแอมากๆ เท่านั้น และเป็นโรคเดิมที่เคยพบมาแล้ว

                           - ได้ทบทวนความรู้เรื่องนิ่วในกระเพาะอาหารและถุงน้ำดี

                           - ได้ทบทวนท่า-วิธีการออกกำลังกาย  จากที่เราปฏิบัติอยู่แล้ว ดีกว่าที่คุณหมอแนะนำเสียอีก (วันหลังคงต้องไปหาคุณอดิสร  ที่สำนักงาน ไปถ่ายรูป และทำ VCD ท่าออกกำลังกายแบบโยคะ และมวยจีน  ทำเป็น CD แจกเป็นของขวัญปีใหม่ เสียแล้ว)

                           - และสาระน่ารู้อื่นๆ แต่จำไม่ได้ ครับ

                             ต้องไปเอาผ้า ตากแดด และไปสิงห์บุรี  พบกันตอนค่ำ ครับ

                             สวัสดีครับ  
      บันทึกการเข้า
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #6808 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2555, 07:55:55 »


...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...

...ตามอ่านค่ะ...

...อนุโมทนากับการปฎิบัติธรรมของพี่สิงห์ด้วยค่ะ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6809 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2555, 08:20:57 »

อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 29 สิงหาคม 2555, 07:55:55

...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...

...ตามอ่านค่ะ...

...อนุโมทนากับการปฎิบัติธรรมของพี่สิงห์ด้วยค่ะ...


สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ ที่รัก

                         ขอบคุณมาก

                         เธออย่าลืม หุงข้าวให้พี่ประสิทธิ์  รับประทานเป็นอาหารเช้านะ  อย่าลืม

                         อยู่บ้านก็ปฏิบัติธรรม ได้  จะทำอะไรให้มีความรู้สึกตัว เข้าไว้ เพียงแค่นั้นจริงๆ  จิตก็ไม่คิดแล้ว

                         สวัสดี
      บันทึกการเข้า
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #6810 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2555, 15:28:25 »


...ไม่เคยหุงข้าวเช้าค่ะ...

...เพราะตู่และหมอไม่ทานข้าวเช้า...รวมพระต้นตอนยังไม่ได้บวชด้วยค่ะ...

...หมอประสิทธิ์จะได้ทานข้าวเช้าก็เมื่อตอนไปทัวร์ค่ะ...

...ถ้าอย่างนั้นก็คงต้องรอให้แกได้บวชค่ะ...

...เหมือนกับตู่และพระต้นที่ได้มีโอกาสทานข้าวเช้าก็ตอนไปอยู่วัดค่ะ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6811 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2555, 20:25:19 »

สำหรับชาวลุ่มน้ำ ที่มีโอกาสน้ำท่วม

ฟังความจริงวันนี้...............

"ปราโมทย์" โต้หนัก! พูดความจริงแต่ไม่มีใครฟัง จวกรัฐบาลพวกเสนาบดี
วันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2555 เวลา 15:55:15 น.


วันที่ 29 สิงหาคม ในการสัมมนา หัวข้อ "แฉน้ำท่วมปี 54 ผิดพลาดหรือตั้งใจ" ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จัดโดยสถาบันนโยบายการศึกษา คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) สมาคมพัฒนาประชากร และสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน นายปราโมทย์ ไม้กลัด อดีตอธิบดีกรมชลประทาน และหนึ่งในคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) กล่าวว่า ในการประชุมกนย. ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่  11 เมษายน 2555 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่อยู่ และมีนายปลอดประสพ สุรัสวดี ทำหน้าที่เป็นประธานแทน ตนได้ถามในที่ประชุมว่า ณ เวลานี้ รัฐบาลทำอะไรบ้าง ขณะเดียวกันก็มีประชาชนถามมามากมาย แต่รัฐบาลไม่เคยให้คำตอบที่ชัดเจน เมื่อมีสื่อมวลชนหรือใครมาถามผมว่ากยน. ทำอะไรกันบ้าง ตนในฐานะกรรมการคนหนึ่ง ก็ต้องตอบ เพราะตนรู้ว่าขณะนี้กยน. ทำอะไร และมีปัญหาอะไรอยู่ จะบอกว่าตนไม่รู้ก็ไม่ได้ เพราะมีการศึกษาข้อมูลมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนการที่คนในรัฐบาลมาบอกว่า ในที่ประชุมไม่พูด แต่มาพูดนอกห้อง เพราะต้องการเล่นการเมืองนั้น จะพูดแบบนี้ไม่ได้ เพราะตนไม่ใช่นักการเมือง มากกว่านั้น ในที่ประชุมตนก็พูดมาตลอด พูดความจริง แต่ไม่มีใครฟัง

"เขาเป็นเสนาบดี ผมเป็นแค่ภาคประชาชน แต่ภาคประชาชนจะไม่มีสิทธิจะพูดอะไรเลยหรือ สิ่งที่พูดก็เป็นข้อมูลที่ผมรู้ และเป็นความจริงทั้งสิ้น เท่าที่มีการศึกษาข้อมูลมา" นายปราโมทย์ กล่าว

นอกจากนี้ นายปราโมทย์ ยังกล่าวอีกว่า เหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อปีพ.ศ.2554 ถือเป็นบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน มีมรสุมพัดผ่านภาคเหนือ เกิดพายุหลายลูกและทำให้ฝนตกหนัก อีกทั้ง ไม่มีแหล่งกักเก็บน้ำ ซึ่งปีที่ผ่านมารัฐบาลไม่รู้ หรืออย่างที่บอกคือ บางอย่างรัฐบาลไม่เข้าใจ แต่มองว่าเป็นวิกฤตการณ์ธรรมชาติ ซึ่งไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นความผิดพลาดหรือตั้งใจ

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลต้องศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วน การสื่อสารกับประชาชน การให้ข้อมูลมีความจำเป็น เพราะการรับมือน้ำท่วมเสมือนเป็นการทำสงครามกับน้ำ แต่ที่ผ่านมาไม่มีแม่ทัพ หรือคนที่เป็นหัวหน้าในการแก้ปัญหา น้ำที่ไหลไปยังที่ต่างๆ เกิดปัญหา เกิดความวุ่นวาย ส่วนเรื่องการเสนอกรอบแนวคิด (Conceptual Plan) เพื่อออกแบบก่อสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทย หรือ ทีโออาร์ นั้น รัฐบาลอย่าสนใจเรื่องเงินอย่างเดียว ควรใจเย็นหรือมีการหารือให้ชัดเจน มีสติ แต่เท่าที่อ่าน ทีโออาร์ มองว่า แผนดังกล่าวไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาได้

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1346230493&grpid=00&catid=&subcatid=

Comments: ผมนึกว่าเป็นแต่พวกไพร่เลว จึงไม่รู้จักการฟังความของคนอื่น เสนาบดีก็เป็นแบบนี้ด้วยหรือ ??!!!
 
งง งง
 
      บันทึกการเข้า
Khun28
Full Member
**


ดูกายเห็นจิต ดูคิดเห็นธรรม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2528
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์
กระทู้: 784

« ตอบ #6812 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2555, 20:32:44 »

สวัสดีครับพี่สิงห์
         วันไหนที่พี่สิงห์มาที่ทำงานพี่เล็ก(อดิศร)  ช่วยโทรหาผมด้วยนะครับ
จะชวนทานข้าวเที่ยงครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6813 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2555, 20:38:50 »

สวัสดีครับ คุณเหยง

                             รายการสัมนา รายการนี้ ผมทราบข่าวทางคุณอำมร  บรรจง  จึงส่ง SMS ไปสอบถามว่าผมสามารถจะแสดงความคิดเห็นได้หรือไม่  ปรากฏว่าผมไม่ได้คำตอบ  จึงไม่ได้ไปร่วมรายการ

                             ผมอยากแฉความจริงเรื่องน้ำท้วม  แต่ไม่มีสนามให้ลงเล่น  เลยอยู่เฉยๆ ดีกว่า

                             ตอนนี้ได้ข่าวแว่วๆ มาจากวงการก่อสร้าง และบริษัท วิศวกรที่ปรึกษา ทางรัฐบาลออกทีโออาร์ แบบไม่มีข้อมูลอะไรเลย ให้ผู้รับเหมาออกแบบ และก่อสร้างให้เสร็จ  จะด้วยวิธีการอย่างไรก็ได้  จึงทำให้วงการผู้ออกแบบมีการตกลงกันภายในเรียบร้อยแล้ว และกำลังจะตกลงกับผู้ก่อสร้างว่าใครจะได้  ต้องเส้นใหญ่ครับงานนี้ เพราะงบประมาณมากกว่าสามแสนล้านบาท และจะแก้ปัญหาไม่ได้  หรือได้นิดหน่อย เพราะจะทำอุโมงค์ระบายน้ำด้านทิศตะวันออก แทนที่จะทำทิศตะวันตก  ผมก็ไม่รู้ว่าแกล้งโง่  หรือไม่รู้ความจริง และชอบออกแบบให้ยากๆ ง่ายๆ ไม่เอากัน

                             ผมมันก็ประชาชนธรรมดา เท่านั้น  ได้แต่มองตาปริบๆ กรรมของผู้เสียภาษีและคนไทยจริงๆ งานนี้

                             สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6814 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2555, 20:42:40 »

อ้างถึง
ข้อความของ Khun28 เมื่อ 29 สิงหาคม 2555, 20:32:44
สวัสดีครับพี่สิงห์
         วันไหนที่พี่สิงห์มาที่ทำงานพี่เล็ก(อดิศร)  ช่วยโทรหาผมด้วยนะครับ
จะชวนทานข้าวเที่ยงครับ


สวัสดีครับ ท่านขุน

                       ขอบคุณมาก แล้วจะโทรศัพท์ ไปบอกครับ

                       ท่านขุนจะไป ปฏิบัติธรรมหลักสูตรเข้มของวัดป่าสุคะโตไหม? เดือนพฤศจิกายน  พี่สิงห์  กำลังพิจารณาว่าจะไปครับ

                       แต่ก่อนจะถึงเดือนพฤศจิกายน จะแวบไปวัดป่าสุคะโต เพื่อพักจิตสักสาม-สี่วัน

                       สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6815 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2555, 20:45:48 »

อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 29 สิงหาคม 2555, 15:28:25

...ไม่เคยหุงข้าวเช้าค่ะ...

...เพราะตู่และหมอไม่ทานข้าวเช้า...รวมพระต้นตอนยังไม่ได้บวชด้วยค่ะ...

...หมอประสิทธิ์จะได้ทานข้าวเช้าก็เมื่อตอนไปทัวร์ค่ะ...

...ถ้าอย่างนั้นก็คงต้องรอให้แกได้บวชค่ะ...

...เหมือนกับตู่และพระต้นที่ได้มีโอกาสทานข้าวเช้าก็ตอนไปอยู่วัดค่ะ...


สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ ที่รัก

                              เธอลองทำให้พี่ประสิทธิแปลกใจ  ด้วยการหุงข้าวเช้าซิ  รับรองพี่ประสิทธิ  จะขอบใจเธอเป็นอย่างมาก เพราะพี่ประสิทธิ์ เป็นหมอรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว(ความสำคัญของอาหารมื้อเช้า)  เพียงแต่ไม่มีข้าวเช้าที่บ้านกินเท่านั้น

                              สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Khun28
Full Member
**


ดูกายเห็นจิต ดูคิดเห็นธรรม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2528
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์
กระทู้: 784

« ตอบ #6816 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2555, 20:52:31 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 29 สิงหาคม 2555, 20:42:40
อ้างถึง
ข้อความของ Khun28 เมื่อ 29 สิงหาคม 2555, 20:32:44
สวัสดีครับพี่สิงห์
         วันไหนที่พี่สิงห์มาที่ทำงานพี่เล็ก(อดิศร)  ช่วยโทรหาผมด้วยนะครับ
จะชวนทานข้าวเที่ยงครับ


สวัสดีครับ ท่านขุน

                       ขอบคุณมาก แล้วจะโทรศัพท์ ไปบอกครับ

                       ท่านขุนจะไป ปฏิบัติธรรมหลักสูตรเข้มของวัดป่าสุคะโตไหม? เดือนพฤศจิกายน  พี่สิงห์  กำลังพิจารณาว่าจะไปครับ

                       แต่ก่อนจะถึงเดือนพฤศจิกายน จะแวบไปวัดป่าสุคะโต เพื่อพักจิตสักสาม-สี่วัน

                       สวัสดีครับ

คงไม่มีโอกาสครับ เพราะหลักสูตรเข้มข้นต้องไประยะยาว
      บันทึกการเข้า
Khun28
Full Member
**


ดูกายเห็นจิต ดูคิดเห็นธรรม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2528
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์
กระทู้: 784

« ตอบ #6817 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2555, 20:53:50 »

ฝากให้พี่สิงห์ เผื่อสนใจครับ



      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6818 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2555, 21:03:21 »



อาหารมื้อกลางวัน วันนี้

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                               วันนี้พี่สิงห์ ไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาล สิงห์บุรี  ได้แวะที่วัดอัมพวันเพื่อไปซื้ออาหารเอาไปรับประทานกลางวัน  แม่ค้าไม่กล้าว่าผมอีกแล้วเพราะกลัวจะไม่ซื้อของ เพราะวันธรรมดาเดี๋ยวนี้คนไปวัดน้อยลง  จนแม่ค้าเหลือน้อย  ของก็มีน้อยตามครับ

                               แม่ค้าที่ขายปลาตะเพียนต้มเค็มเจ้าประจำบอกว่า วันธรรมดาไม่ต้มแล้วเพราะขายไม่หมด คนมาวัดน้อย จะทำเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์

                                ที่แรกผมนึกว่าอดกินแล้ว  จึงไปซื้อแตงกวาและน้ำพริกนรกแมงดามา ๑๐๐ บาท ได้สามถุงจะเอาไปรับประทานที่นครศรีธรรมราช  ไปบ่นให้แม่ค้าน้ำพริกฟังเรื่องปลาตะเพียนต้มเค็ม ว่าอดกินปลาตะเพียนต้มเค็ม  แม่ค้าน้ำพริกคู่ปรับผม  บอกว่า คุณลุงจ้าวที่อร่อยยังขายอยู่อีกด้านหนึ่ง จ้าวที่เคยซื้อนั้นสู้ไม่ได้  ผมเลยเดินกลับไปซื้อ และก็เป็นความจริง อร่อยกว่าจ้าวเดิม แถมแม่ค้าใจดีแถมให้ด้วย  ผมเลยซื้อมา ๒ ถุง สองร้อยบาท พรุ่งนี้จะเอาไปใส่บาตรพระที่หน้าบ้านตอนเช้าครับ

                                 ดังนั้น อาหารกลางวัน วันนี้ของผมคือ ปลาตะเพียนต้มเค็ม  รับประทานกับแตงกวาสด และข้าวกล้องนก ที่เอาใส่ถุงไปจากบ้าน นั่งกินไปก็ชวนแม่กินข้าวไปด้วย ครับ

                                  สำหรับแม่นั้น อาการดีขึ้น แต่ผิวหนังมันเปื่อยหมดสภาพ มีแต่แผล เขียว ช้ำ เต็มไปหมด  ที่ขาก็ต้องพันแผลเพิ่ม  นี่ละรูป ที่มันชราภาพมากๆ พอเลือดไปเลี้ยงน้อยมันก็เปื่อย  สงสัยแม่จะยังกลับบ้านไม่ได้เพราะมีแผลที่ต้องรักษาเพิ่ม ครับ

                                  พรุ่งนี้เช้าผมต้องไปสอนหนังสือให้วิศวกร  ของกรมทางหลวง ที่จะมาดูงานที่โรงงานภัทรไพริ่ง ที่อำเภอไทรน้อย  ปทุมธานี  ส่วนตอนบ่ายเดินทางไปทำงานที่นครศรีธรรมราช  และใส่เสื้อขาวสำหรับปฏิบัติธรรม สอนหนังสือ ครับ เพราะวันเสาร์เป็นวันพระ จะแต่งชุดนี้ ถือศีล ๘ เพื่อเตือนตัวเอง

                                   ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ ค่ำนี้
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6819 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2555, 21:09:35 »

สวัสดีครับ ท่านขุน

                             วันที่ ๙ ผมเพิ่งกลับจากเวียตนามเหนือ พี่พงษ์ศักดิ์ชวนไปตีกอล์ฟที่ฮานอยตั้งแต่วันที่ ๖-๙ กันยายน  คงกลับมาไม่ทัน

แต่ผมสนใจที่จะไปวันหลังได้ไหมครับ เพราะผมต้องไปสูงเนินอยู่แล้ว ทุกสองอาทิตย์ แทนที่จะไปนอนรีสอร์ทที่สูงเนิน  ผมเลยไปนอนที่สวนสติมา สักสามคืนดีกว่าจะได้ปฏิบัติธรรม  ผมต้องการเพียงหาสถานที่  มีที่นอน และมีข้าวกินเท่านั้น  ดูจากภาพแล้ว น่าไปนอนปฏิบัติธรรม มากครับ

                              สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6820 เมื่อ: 30 สิงหาคม 2555, 06:30:30 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 29 สิงหาคม 2555, 06:24:07
รู้ซื่อ ๆ

สวัสดียามเช้าครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                            เช้านี้สวดมนต์ทำวัตรเช้า  หุงข้าวใส่บาตร นั่งเจริญสติเรียบร้อยแล้ว รอเวลาเพื่ออาบน้ำและเดินไปซื้อกับข้าวที่ตลาดหลังการบินไทยเพื่อใส่บาตรพระเช้าที่หน้าบ้าน รับประทานอาหารและออกเดินทางไปสิงห์บุรีไปเยื่ยมแม่ที่โรงพยาบาลสิงห์บุรี ครับ

                            มีเวลาเลยขอนำ "การรู้ซื่อๆ" ที่หลวงพ่อคำเขียน  ท่านบัญญัติขึ้นมาเอาไว้สำหรับสอนญาติโยมผู้ปฏิบัติธรรม  แต่อยู่ในความหมายที่ผมเข้าใจเอามาฝากทุกท่าน ครับ

                            ไม่ให้หลง  คือไม่ให้หลงอยู่ในความคิดตนเอง  หรือไม่ให้หลงกระทำตามความอยาก  ความปราถนา ความเคยชินของตนเอง  ด้วยการมีความรู้สึกตัว  เพราะเมื่อมีความรู้สึกตัว  ความหลงมันก็ดับไปของมันเอง เพราะความรู้สึกตัวก็ดี  ความหลงก็ดี  ความคิดก็ดี มันไม่มีตัวตน  มันเกิดขึ้น  คงอยู่สักพัก แล้วก็ดับไป เป็นธรรมชาติของมันเอง  เมื่อเราไม่หลงอยู่ในความคิด  ปัญญาญาณย่อมเกิดขึ้นเอง  คือสิ่งดีๆ ที่เป็นกุศล  ที่วิญญูชนม์พึงกระทำจะเกิดขึ้น มีความยับยั้งชั่งใจ รู้ว่าสิ่งไหนควร สิ่งไหนไม่ควร และที่สำคัญคือ มันไม่คิด (ส่งจิตออกนอก ตามที่หลวงปู่ดุลย์  อตุโล ท่านสอน) เมื่อไม่คิดก็ไม่มีความวิตกกังวลในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง หรือไม่คร่ำครวญรำพันในสิ่งที่ผ่านมาแล้ว  มันก็ไม่ทุกข์ ครับ

                             เมื่อก่อนพอใครพูดว่า "หลง" ก็จะคิดไปว่า คือการลืมตัว เพราะความแก่  ชราเป็นส่วนใหญ่ เพราะเราจะเห็นคนชรา ย่อมหลงทาง  ลืมสิ่งของ  ลืมแม้กระทั่งกินข้าว  ทั้งๆที่เพิ่งกินข้าว เป็นส่วนใหญ่  คนทั่วไปจึงคิดแบบนั้น นั่นละความหลงของคนโดยทั่วไป

                            จริงๆ แล้ว ความหลงคือ หลงอยู่ในความคิดตัวเอง  ขณะเดียวกัน ความคิดอันนั้นก็เผลอคิด  ไม่อยู่กับกาย-ใจตนเอง  จึงเรียกว่าไม่มีสติ-สตางค์ ที่ผู้ใหญ่ชอบพูดว่า สำหรับคนที่ทำอะไรไม่เป็น ขวางหูขวางตา  ก็คือคนหลงอยู่แต่ในความคิด  ไม่มีความรู้สึกตัวเลยว่า ณ เวลานั้น เขาผู้นั้นกายกำลังอยู่ในอิริยาบถไหน  หรือกำลังกระทำอะไร  เพราะมัวแต่ให้ใจไปคิดเรื่องอื่นๆ อยู่ ที่ไม่ใช่เรื่องที่กระทำ ณ ขณะนั้น  นี่ละความหลงอยู่ในความคิด  ที่จะนำความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ มาให้  ซึ่งก็คือความทุกข์นั่นเอง

                            เมื่อเราหลงอยู่ในความคิด เราจะทำอะไรด้วยใจที่เลื่อนลอย เม่อลอย พลั้งเผลอ ไม่รู้ตัว  ขาดสติ-สัมปชัญญะ จะทำสิ่งนั้นไม่สำเร็จ และอาจเกิดอุบัติเหตุ  แต่ผู้หลงนั้นคิดว่า ดี  ตนชอบ และมีความสุข  นั่นละเป็นธรรมชาติของจิตที่มันชอบละ

                            ขออนุญาติไปอาบน้ำ  ซื้อกับข้าวก่อนครับ

                            สวัสดี

                           


สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือนที่รักทุกท่าน

                              เช้านี้พอมีเวลา เพราะหุงข้าวเสร็จแล้ว  รับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้วเป็นกับข้าวที่เหลือจากเมื่อวานคือ แตงกวาผัดไข่ น้ำพริกนรกและข้าวนก  ตอนนี้กำลังอุ่นปลาตะเพียนต้มเค็ม เพื่อจัดใส่ถุงใส่บาตรพระเช้านี้ และเอาให้พี่โส ข้างบ้านไปรับประทาน ด้วยครับ ต้องรอถึงเจ็ดโมงเช้าพระท่านจึงจะมารับบิณฑบาตร

                             "รู้ซื่อ ๆ "

                              ท่านรู้แล้วนะครับ ความหลง ก็คือ ตัวเราหลงคิด อยู่ในความคิด โดยเผลอใจ  ไม่รู้เนื้อ  ไม่รู้ตัว   ไม่มีสติหรือความรู้สึกตัวว่า ณ ขณะนั้นเรากำลังทำ หรือคิดอะไรอยู่แบบตั้งใจคิด

                             ถ้ากายเคลื่อนไหว  ใจรู้สึกตัว หรือ ปล่อยใจคิด แต่กายก็รู้สึกตัว นั้น ถือว่าไม่หลง

                             การรู้ซื่อ ๆ คือ การรู้สึกตัวธรรมดา ๆ นี่ละไม่มีอะไรเลย  รู้ว่ากายของเรากำลังอยู่ในอิริยาบถหลัก คือ ยืน เดิน นั่ง นอน หรือ กายอยู่ในอิริยาบถย่อย คือ หายใจ คู้แขน  เหยียกดแขน  ก้ม  เงย  งอศอก  หยิบสิ่งของ  ทำกิจวัตรส่วนตัว หรือทำงาน ก็มีความรู้สึกตัวว่ากำลังกระทำสิ่งนั้นอยู่ หรือเมื่ทบทางอายตนะก็รู้สึกรับรู้ได้ คือกายก็รู้ และใจก็รู้ว่ากำลังทำอะไร  นั่นละการรู้ซื่อๆ  และเราจะพบว่าขณะที่เรารู้ซื่อๆ นั้น จิตมันไม่คิด  ไม่เพ่ง  ไม่จ้อง  ไม่เผลอ  ไม่เกิดภวังค์  ไม่ลืมตัว

                             นอกจากนี้เราจะเห็นว่า เราจะรู้ซื่อๆ แช่อยู่ในอารมณ์นั้น นานๆ ก็ไม่ได้ พอมีอะไรมากระทบทางตา  หู  จมูก  ลิ้น  กาย  ใจ ก็หลงไปรับรู้  และเราก็ยังสามารถกลับมาอยู่กับการรู้ซื่อๆ ที่กาย และใจ ของเราอีก สลับสับเปลี่ยนอยู่อย่างนี้  นั่นละเป็นสิ่งอันประเสริฐ  เพราะความรู้ซื่อๆ ก็ดี  ความคิดก็ดี  ความรู้สึกก็ดี มันเป็นไปตามกฏไตรลักษณ์ คือ ไม่เที่ยง ทนอยู่ไม่ได้  เป็นทุกข์ และเป็นอนัตตา มันจะตั้งอยู่  และดับไปเป็นธรรมดา คือการปฏิบัติธรรมตามหลักสติปัฏฐาน ๔ ละ คือการพิจารณากายในกาย เวทนาในเวทนา   จิตในจิต  และธรรมในธรรม เพียงแต่ท่านสังเกตดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับกาย  อารมณ์เกิดขึ้นกับใจ  ไปด้วยขณะที่ท่านรู้ซื่อๆ ท่านจะค้นพบด้วยตัวท่านเอง  สักวันหนึ่ง  เหมือนที่ผมประสบมาแล้ว  ท่านจะรู้ด้วยตัวของท่านเอง

                         อย่าลืมการแช่อยู่ในอารมณ์เดียว เป็นการเพ่ง เราจะไปรู้ในอารมณ์สมมติบัญญัติ  นั้นไม่ใช่ทาง

                        ปลาต้มเค็ม ผมเดือดได้ที่พอดี  ต้องขออนุญาติ  ไปตักใส่ถุงก่อนครับ

                        เช้านี้ผมขอลาไปก่อนเพราะต้องเดินทางไปบรรยายให้วิศวกรของกรมทางหลวงแผ่นดิน ฟังในการทำคานสะพาน และเดินทางต่อไปนครศรีธรรมราช ครับ

                         สวัสดียามเช้าครับ
      บันทึกการเข้า
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #6821 เมื่อ: 30 สิงหาคม 2555, 08:40:15 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 29 สิงหาคม 2555, 20:45:48
อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 29 สิงหาคม 2555, 15:28:25

...ไม่เคยหุงข้าวเช้าค่ะ...

...เพราะตู่และหมอไม่ทานข้าวเช้า...รวมพระต้นตอนยังไม่ได้บวชด้วยค่ะ...

...หมอประสิทธิ์จะได้ทานข้าวเช้าก็เมื่อตอนไปทัวร์ค่ะ...

...ถ้าอย่างนั้นก็คงต้องรอให้แกได้บวชค่ะ...

...เหมือนกับตู่และพระต้นที่ได้มีโอกาสทานข้าวเช้าก็ตอนไปอยู่วัดค่ะ...


สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ ที่รัก

                              เธอลองทำให้พี่ประสิทธิแปลกใจ  ด้วยการหุงข้าวเช้าซิ  รับรองพี่ประสิทธิ  จะขอบใจเธอเป็นอย่างมาก เพราะพี่ประสิทธิ์ เป็นหมอรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว(ความสำคัญของอาหารมื้อเช้า)  เพียงแต่ไม่มีข้าวเช้าที่บ้านกินเท่านั้น

                              สวัสดี


...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...

...เคยทำแล้วค่ะ...ตามสำนึกที่ดีของแม่บ้านทั่วๆไป...

...แต่ไม่มีใครแตะเลยค่ะ...

...แล้วพี่สิงห์อย่าไปแนะนำแกเด็ดขาดนะคะ...บอกไว้ล่วงหน้าค่ะ...

...ถึงแม้ว่าคำแนะนำนั้นจะดีแค่ไหนก็ตาม...เรารู้ในความหวังดีค่ะ...

...ทำให้นึกถึงเรื่องนึงขึ้นมาได้...บางคนก็หวังดีจริงๆ...แต่บางคนต้องการเบรค...ตู่หมายถึงที่ผ่านมานะคะ...

...ไม่ได้หมายถึงพี่สิงห์...พี่สิงห์อ่านแล้วอย่ารู้สึกไม่สบายใจนะคะ...

...มีหมอคนนึงแนะนำหมอเรื่องสูบบุหรี่...แทบจะไม่เผาผีกันเลย...

...และมีหมอคนนึงแนะนำตู่เรื่องกินโค๊ก...ตู่ก็รู้นะว่ากินโค๊กไม่ดี...รู้ค่ะ...เลิกอยู่...

...แต่ในบางสถานะการณ์เรารู้สึกว่าเค้าต้องการเบรคเรามากกว่าค่ะ...

...เพราะในขณะที่เค้าแนะนำ...เค้าพูดต่อหน้าคนเยอะๆ...ในขณะที่เรากำลังถือขวดโค๊กกินอยู่...

...และตัวเค้าถือขวดน้ำดื่มอยู่...และจีบปากจีบคอพูด...เน้นเสียงพูดเหมือนกำลังสอนเล็คเช่อร์เราอยู่นะคะ...

...พี่รู้มั้ยว่ากินโค๊กเนี่ย...มันทำให้เป็นโรคกระดูกพรุน...

...พอตู่ได้ยินประโยคนี้แล้ว...ควันออกหูเลยค่ะ...มันดูถูกอย่างแรงคิดว่าเราไม่รู้อะไรเลย...

...ตู่เลยว่าเลยค่ะ...ชอบพูดจาเบรคชาวบ้านอย่างนี้...รู้มั้ยว่ามันไม่มีเสน่ห์...

...มันเป็นการเพาะศัตรู...เนี่ย...คบกับใครก็ได้อย่างนั้นแหล่ะ...

...ปรากฎว่าหมอคนนี้ไม่เถียงตู่สักคำค่ะ...แล้วเธอก็เอนกายนอนหลับตาไปเฉยๆ...

...อ้อ...ในขณะที่กำลังคุยกันนี้เราอยู่ที่สนามบินแห่งนึงกำลังรอขึ้นเครื่องค่ะ...

...ความจริงตู่อยากว่าหนักกว่านี้อีกค่ะ...แต่ยั้งๆไว้...

...รู้สึกว่าเค้าล้ำเส้นเรามากเกินไปแล้ว...เพราะว่าเราไปให้ความเป็นกันเองกับเค้ามากไปค่ะ...

...ถ้าหวังดีจริงๆ...ทำไมเค้าไม่ไปแนะนำหมอเรื่องสูบบุหรี่คะ...

...หรือแนะนำหมอบางคนที่กินเหล้าอยู่...ให้เลิกกินเหล้า...

...ถ้าเค้ากล้านะคะ...ตู่จะขอบคุณในความหวังดีของเค้ามากๆเลยค่ะ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6822 เมื่อ: 31 สิงหาคม 2555, 10:33:56 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ และชาวซีมะโด่ง -แขกที่แวะเวียนมา ที่รักทุกท่าน

                            จริงๆ แล้วเรื่อง เลิกสูบบุหรี่  เรื่องน้ำอัดลม ต่างๆ......นาๆ........ที่ไม่ดีกับสุขภาพนั้น  พี่สิงห์ เชื่อมั่นว่าทุกคนทราบดี  เพียงแต่มันเอาชนะใจตนเองไม่ได้ ทั้งนั้น  เราก็ไม่สามารถไปบังคับคนอื่นให้ทำแบบเราได้เหมือนกัน  แล้วยิ่งจะไปเบรคกันนี่ต่อหน้าคนส่วนมาก นั้น มันก็ไม่สมควรจริงๆ

                            แต่ก็มีข้อยกเว้นอยู่สองคน สำหรับพี่สิงห์ คือ ดร.สุริยา และ ดร.กุศล   ต้องว่าแรงๆ ให้เกิดทิฏฐิมานะที่จะเอาชนะเราให้ได้  เพราะเรารู้นิสัยกันดี  และเราก็รัก มีความปราถนาดี มีความห่วงใย ต่อคนทั้งสอง เหมือนกับว่าบุคคลทั้งสองนั้น เป็นตัวของเราเอง  จึงไม่ยั้งมือ (จะเห็นว่า ดร.สุริยา  นั้น เล่น ดร.กุศล แรงๆ เช่นกัน  ในขณะเดียวกัน ดร. กุศล ก็ศอกกลับแรง ๆ เหมือนกัน  แต่มันก็ไม่มีอะไรทั้งสิ้น เพราะเข้าใจกันดี  ยิ่งในเวบแล้ว  อย่าไปยึดมั่นถือมั่น มันเลย)

                            ถ้าเป็นบุคคลอื่น ขอบิณฑบาตร  หรือไม่ก็ออกมาตำหนิตัวเอง  สอนตัวเองดัง ๆ เป็นที่เข้าใจกันได้ เท่านั้น ครับ

                            ยิ่งพี่ประสิทธิ แล้วคงไม่แตะเลย เพราะเป็นหมอ  เป็นถึงอดีตผู้อำนวยการ  รู้ทุกอย่างดีกว่าเราเสียอีก

                            ปกติส่วนใหญ่เกินครึ่ง จะเห็นว่าบรรดาคุณหมอ ที่รู้เรื่องดี เรื่องสุขภาพ แต่ไม่ดูแลตัวเอง  เลยมีให้เห็นแยะมากครับ  ยิ่งบางท่านสอนเรื่องสุขภาพด้วย  แต่กลับไม่ดูแลตัวเองให้เป็นแบบอย่างก่อน  นึกดูก็แล้วกัน ใครจะเชื่อถือเวลาไปสอน ไปบรรยาย

                            พยาบาลที่พี่สิงห์เห็น ที่โรงพยาบาลสิงห์บุรีนั้น  พอมีอายุหน่อย มีแต่สมบูรณ์ทั้งนั้นเลย  แล้วไปบอกให้ประชาชนดูแลสุขภาพ ใครเขาจะเชื่อถือ  เราเองจะไปบอกก็ทำไม่ได้  ถ้าเขาไม่เปิดโอกาสให้ เพราะพูดมาก มีแต่หาทุกข์ใส่ตัว  อยู่เฉยๆ ดีกว่า

                             พี่สิงห์ จะสอน  จะแนะนำ ก็ต่อเมื่อ เขาต้องการ  อย่างเมื่อวานตอนเย็น มีสองสาวมาขอเรียนโยคะ และถามคำถามเรื่องการดูแลสุขภาพ  เป็นแบบนี้ก็จะอธิบายให้ฟัง แนะนำได้ ส่วนจะทำหรือไม่แล้วแต่เขา  เราบอกในสิ่งที่เขายังกังขา  ไม่รู้ เท่านั้น  แต่ก็ได้รับแต่สิ่งที่ดีๆ กลับมา  พี่สิงห์ จะเน้นเสมอว่า อยู่ที่ใจเราอย่างเดียว เมื่อรู้ความจริง แล้วก็ควรจะกระทำ เพื่อไม่ให้ตัวเองทุกข์เมื่ออายุมากๆ คือชรา นั่นเอง เพราะมันจะเป็นภาระกับเรา และเป็นภาระแก่ลูกหลาน  ที่ต้องมาเสียเวลาดูแลเรา  แทนที่จะไปทำมาหากิน ดูแลครอบครัวตนเอง

                              เธอชวนพี่ประสิทธิไปทำบุญ บ่อยๆ นี่ ทำให้พี่สิงห์  หมดห่วง หรือ กังวล กับพี่ประสิทธิ  แล้ว  ขอบคุณเธอมาก ๆ

                              เมื่อสักครู่ คุณหมอสรรเสริญ  ได้โทรศัพท์มาชวน  ให้ไปสอนโยคะ  กับพนักงานของเขา ในระหว่างการไปท่องเที่ยวเวียตนามกลาง ระหว่างวันที่ ๒๙ กันยายน - ๔ ตุลาคม ศกนี้  ก็ได้ตอบรับไปแล้ว  เลยถือโอกาสนี้ ชวน ดร.กุศล  ไปด้วยครับ  อันที่จริง รายการนี้ ผมเป็นคนแนะนำเอง  โดยใช้บริการของ บิวตี้ช่วยจัดการเองทั้งหมดคู่กับไกด์คนไทยที่บิวตี้เคยใช้บริการ ราคา ๘๕๐๐ บาทต่อคน รวมทุกอย่างหมด แต่อาหารพิเศษดีกว่าทัวร์จัด(เป็นความต้องการของ คุณหมอสรรเสริญ) และพักที่ฮอยอัน โดยมีรถมารับที่กรุงเทพฯ  ใครอยากจะไปด้วย เรียนเชิญ  จะบอกคุณหมอสรรเสริญ ให้ครับ

                              วันที่ ๖ - ๙ กันยายน นี้ ผมต้องเดินทางไปฮานอย เวียตนามเหนือ พี่พงษ์ศักดิ์ บังคับให้ไปเป็นเพื่อน  ไปตีกอล์ฟสามสนามและชมอ่าวฮาลองเบย์ ไปกันยี่สิบกว่าคนมีคุณผลิณเมศวร์ เป็นคนจัดการ ไปการบินไทยที่ราคาไม่แพง  โดยมีข้ออ้างว่า ดร.ณรงค์ และ คุณวีระ  ผู้จัดการ CPOST ก็ไปด้วย จะได้มีเพื่อนรู้ใจตีกอล์ฟ  ผมเลยปฏิเสธ  คุณดิเรก  ที่เป็นคนจ่ายเงิน  ไม่ได้ ครับ

                              วันนี้อากาศที่นครศรีธรรมราช แดดแรง  ท้องฟ้าไม่มีเมฆ

                               การว่ายน้ำตอนเช้า ภายหลังจากฝึกรำไทเก็ก และ โยคะ เป็นอะไร  ที่น่ากระทำอย่างยิ่ง ครับ

                               สวัสดี ครับ 
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6823 เมื่อ: 31 สิงหาคม 2555, 11:49:27 »

การสอนหนังสือ  ให้ความรู้กับคน ที่เขาก็มีความต้องการ เป็นอะไรๆ ที่ทำให้ชีวิตเรายังมีประโยชน์ อยู่บ้าง


                            เมื่อวานผมไปบรรยาย เรื่องการออกแบบ การควบคุมการผลิต และการผลิต คานสะพาน ให้กับวิศวกรกรมทางหลวงแผ่นดิน ที่เป็น Project ควบคุมงาน มาขอดูงานที่โรงงานภัทรไพริ่ง จำกัด มาครับ

                             ผมไปแบบ ไม่รู้อะไรทั้งสิ้น  ขอให้ช่วยไปบรรยายก็ไปทันที

                            เป็นวิศวกร คนรุ่นใหม่  แต่ทำงานมานานแล้ว ทำให้เราทราบว่า ตัวเราเองแก่จริงๆ เพราะเราดูวิศวกร เหล่านี้แล้ว ยังเด็ก ทั้งที่ทำงานมาถึงสิบปีขึ้นไปแล้ว มีตำแหน่งใหญ่ คือเป็นวิศวกรประจำโครงการ กลุ่มย่อยๆ ที่กำลังหาความรู้ใส่ตัว

                            เนื่องจาก ผมก็ไม่รู้จัก  วิศวกรเหล่านั้นก็ไม่รู้จักผม  ผมก็ไม่รู้จะบรรยายเรื่องอะไร  แต่ก็บรรยายในสิ่งเกินความคาดหวังของเขา เป็นความรู้ที่เขาหาไม่ได้จากที่ไหน  ผมตอบปัญหาเขาได้ตรงจุด  ทุกประเด็น  ไม่มีปิดบัง จึงเป็นสิ่งที่วิศวกร ที่มารับฟังประทับใจมาก และขอโอกาสให้วิศวกร ท่านอื่นๆ ได้มีโอกาส มานั่งฟังอาจารย์มานพ  บรรยายให้ฟังอีก เพราะความรู้เหล่านี้ไม่สามารถไปหาที่ไหนได้ จริง  (นี่เป็นเสียงที่ ขอร้อง จากคนรุ่นใหม่)

                             ผมก็ตอบไปว่า ด้วยความยินดียิ่ง  เพราะผมเองก็ไม่รู้จะเก็บความรู้เหล่านี้เอาไว้ทำไม  ไม่มีประโยชน์กับผมอีกแล้ว  ใครอยากได้ความรู้อะไรที่ผมมีอยู่  ยินดีให้ด้วยความเต็มใจ ครับ

                              ผมเองไม่ได้รับสิ่งตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น  ไม่มีเงินให้ และก็ไม่ขอรับด้วย  ขอเพียงให้เขาระลึกถึงเรา  ในเวลาที่เขาเอาความรู้ของเราไปใช้งาน เป็นพอแล้ว สำหรับผมชิวิตนี้

                              ก็คงต้องไปบรรยาย ให้วิศวกร ของกรมทางหลวง  ที่ต้องการมาหาความรู้ และมาขอดูงานที่ภัทรไพริ่ง  ไปอีกหลายกลุ่ม ครับ

                              มีข้อเสีย ตรงที่เวลาบรรยาย แล้วมันลืมตนเอง  บอกหมดใส่หมดพุง มันเป็นไปของมันเองตามธรรมชาติ ในสิ่งที่ออกมาจากใจ  เหมือนสายน้ำไหล  ไหลไม่หยุด  ผู้ฟังเองก็ตั้งใจรับฟัง  ไม่มีใครหลับ ลืมเวลาไปเลย แต่ผลคือ ผมต้องเจ็บคอ เพราะใช้เสียงเป็นเวลานาน ต่อเนื่อง เท่านั้นเอง

                               ได้บรรยาย ให้ความรู้แก่คนรุ่นใหม่ ในสิ่งที่เรารู้ ชีวิตก็มีความสุข  คุ้มค่าที่เกิดมาเป็นมนุษย์ แล้วครับ

                                สวัสดี
      บันทึกการเข้า
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #6824 เมื่อ: 01 กันยายน 2555, 09:35:44 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 31 สิงหาคม 2555, 10:33:56
สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ และชาวซีมะโด่ง -แขกที่แวะเวียนมา ที่รักทุกท่าน

                            จริงๆ แล้วเรื่อง เลิกสูบบุหรี่  เรื่องน้ำอัดลม ต่างๆ......นาๆ........ที่ไม่ดีกับสุขภาพนั้น  พี่สิงห์ เชื่อมั่นว่าทุกคนทราบดี  เพียงแต่มันเอาชนะใจตนเองไม่ได้ ทั้งนั้น  เราก็ไม่สามารถไปบังคับคนอื่นให้ทำแบบเราได้เหมือนกัน  แล้วยิ่งจะไปเบรคกันนี่ต่อหน้าคนส่วนมาก นั้น มันก็ไม่สมควรจริงๆ

                            แต่ก็มีข้อยกเว้นอยู่สองคน สำหรับพี่สิงห์ คือ ดร.สุริยา และ ดร.กุศล   ต้องว่าแรงๆ ให้เกิดทิฏฐิมานะที่จะเอาชนะเราให้ได้  เพราะเรารู้นิสัยกันดี  และเราก็รัก มีความปราถนาดี มีความห่วงใย ต่อคนทั้งสอง เหมือนกับว่าบุคคลทั้งสองนั้น เป็นตัวของเราเอง  จึงไม่ยั้งมือ (จะเห็นว่า ดร.สุริยา  นั้น เล่น ดร.กุศล แรงๆ เช่นกัน  ในขณะเดียวกัน ดร. กุศล ก็ศอกกลับแรง ๆ เหมือนกัน  แต่มันก็ไม่มีอะไรทั้งสิ้น เพราะเข้าใจกันดี  ยิ่งในเวบแล้ว  อย่าไปยึดมั่นถือมั่น มันเลย)

                            ถ้าเป็นบุคคลอื่น ขอบิณฑบาตร  หรือไม่ก็ออกมาตำหนิตัวเอง  สอนตัวเองดัง ๆ เป็นที่เข้าใจกันได้ เท่านั้น ครับ

                            ยิ่งพี่ประสิทธิ แล้วคงไม่แตะเลย เพราะเป็นหมอ  เป็นถึงอดีตผู้อำนวยการ  รู้ทุกอย่างดีกว่าเราเสียอีก

                            ปกติส่วนใหญ่เกินครึ่ง จะเห็นว่าบรรดาคุณหมอ ที่รู้เรื่องดี เรื่องสุขภาพ แต่ไม่ดูแลตัวเอง  เลยมีให้เห็นแยะมากครับ  ยิ่งบางท่านสอนเรื่องสุขภาพด้วย  แต่กลับไม่ดูแลตัวเองให้เป็นแบบอย่างก่อน  นึกดูก็แล้วกัน ใครจะเชื่อถือเวลาไปสอน ไปบรรยาย

                            พยาบาลที่พี่สิงห์เห็น ที่โรงพยาบาลสิงห์บุรีนั้น  พอมีอายุหน่อย มีแต่สมบูรณ์ทั้งนั้นเลย  แล้วไปบอกให้ประชาชนดูแลสุขภาพ ใครเขาจะเชื่อถือ  เราเองจะไปบอกก็ทำไม่ได้  ถ้าเขาไม่เปิดโอกาสให้ เพราะพูดมาก มีแต่หาทุกข์ใส่ตัว  อยู่เฉยๆ ดีกว่า

                             พี่สิงห์ จะสอน  จะแนะนำ ก็ต่อเมื่อ เขาต้องการ  อย่างเมื่อวานตอนเย็น มีสองสาวมาขอเรียนโยคะ และถามคำถามเรื่องการดูแลสุขภาพ  เป็นแบบนี้ก็จะอธิบายให้ฟัง แนะนำได้ ส่วนจะทำหรือไม่แล้วแต่เขา  เราบอกในสิ่งที่เขายังกังขา  ไม่รู้ เท่านั้น  แต่ก็ได้รับแต่สิ่งที่ดีๆ กลับมา  พี่สิงห์ จะเน้นเสมอว่า อยู่ที่ใจเราอย่างเดียว เมื่อรู้ความจริง แล้วก็ควรจะกระทำ เพื่อไม่ให้ตัวเองทุกข์เมื่ออายุมากๆ คือชรา นั่นเอง เพราะมันจะเป็นภาระกับเรา และเป็นภาระแก่ลูกหลาน  ที่ต้องมาเสียเวลาดูแลเรา  แทนที่จะไปทำมาหากิน ดูแลครอบครัวตนเอง

                              เธอชวนพี่ประสิทธิไปทำบุญ บ่อยๆ นี่ ทำให้พี่สิงห์  หมดห่วง หรือ กังวล กับพี่ประสิทธิ  แล้ว  ขอบคุณเธอมาก ๆ

                              เมื่อสักครู่ คุณหมอสรรเสริญ  ได้โทรศัพท์มาชวน  ให้ไปสอนโยคะ  กับพนักงานของเขา ในระหว่างการไปท่องเที่ยวเวียตนามกลาง ระหว่างวันที่ ๒๙ กันยายน - ๔ ตุลาคม ศกนี้  ก็ได้ตอบรับไปแล้ว  เลยถือโอกาสนี้ ชวน ดร.กุศล  ไปด้วยครับ  อันที่จริง รายการนี้ ผมเป็นคนแนะนำเอง  โดยใช้บริการของ บิวตี้ช่วยจัดการเองทั้งหมดคู่กับไกด์คนไทยที่บิวตี้เคยใช้บริการ ราคา ๘๕๐๐ บาทต่อคน รวมทุกอย่างหมด แต่อาหารพิเศษดีกว่าทัวร์จัด(เป็นความต้องการของ คุณหมอสรรเสริญ) และพักที่ฮอยอัน โดยมีรถมารับที่กรุงเทพฯ  ใครอยากจะไปด้วย เรียนเชิญ  จะบอกคุณหมอสรรเสริญ ให้ครับ

                              วันที่ ๖ - ๙ กันยายน นี้ ผมต้องเดินทางไปฮานอย เวียตนามเหนือ พี่พงษ์ศักดิ์ บังคับให้ไปเป็นเพื่อน  ไปตีกอล์ฟสามสนามและชมอ่าวฮาลองเบย์ ไปกันยี่สิบกว่าคนมีคุณผลิณเมศวร์ เป็นคนจัดการ ไปการบินไทยที่ราคาไม่แพง  โดยมีข้ออ้างว่า ดร.ณรงค์ และ คุณวีระ  ผู้จัดการ CPOST ก็ไปด้วย จะได้มีเพื่อนรู้ใจตีกอล์ฟ  ผมเลยปฏิเสธ  คุณดิเรก  ที่เป็นคนจ่ายเงิน  ไม่ได้ ครับ

                              วันนี้อากาศที่นครศรีธรรมราช แดดแรง  ท้องฟ้าไม่มีเมฆ

                               การว่ายน้ำตอนเช้า ภายหลังจากฝึกรำไทเก็ก และ โยคะ เป็นอะไร  ที่น่ากระทำอย่างยิ่ง ครับ

                               สวัสดี ครับ 


...สวัสดีค่ะ...พีสิงห์และสมาชิกทุกท่าน...

...ขอบพระคุณค่ะที่พี่สิงห์เข้าใจและไม่โกรธ...

...ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับแต่ละคนค่ะ...อัตตาตัวตนและเวรกรรมของแต่ละคน...

...ปกติตู่ก็ทำไม่ได้ง่ายกับการจะไปเบรคใครกลับค่ะ...แต่คนนี้ทนไม่ไหวจริงๆ...

...คือตลอดการไปทัวร์...ตู่ถูกเค้าเบรคตลอด...พอวันกลับ...เลยถึงจังหวะเอาคืนค่ะ...

...ขนาดคุณแม่ของเค้านะคะ...ยังเคยมานั่งร้องไห้ปรับทุกข์กับตู่...

...ว่าแม่น้อยใจลูกพูดจาไม่ดี...บางทีตะคอกใส่...คุยกันไม่ได้นานต้องทะเลาะกันเรื่อยไป...

...เพราะว่าลูกเป็นคนพูดจาขวานผ่าซาก...ตัวแม่ไม่ค่อยเท่าไหร่...

...แต่กลัวคนอื่นจะไม่เข้าใจ...ตู่ก็เลยปลอบไปว่า...ถ้าเค้าเป็นอย่างนี้ก็ให้เฉยๆ...

...เดี๋ยวเค้าเห็นเราไม่ไปยุ่งด้วยก็จะดีเอง...

...แต่กลายเป็นว่าเราก็ทนลูกเค้าไม่ได้เหมือนกัน...

...เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ตัวคุณแม่ก็คงไม่รู้เรื่องหรอกค่ะ...

...เพราะภายหลังเราก็ยังได้ไปทานข้าวร่วมกันอยู่เพราะคุณแม่เค้าเชิญไปทานเลี้ยงวันเกิด...

...แต่ต่างคนก็ต่างตะขิดตะขวงใจค่ะ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
  หน้า: 1 ... 271 272 [273] 274 275 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><