29 พฤษภาคม 2567, 13:42:12
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 321 322 [323] 324 325 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3286882 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #8050 เมื่อ: 11 มกราคม 2556, 20:14:56 »

สวัสดี ตอนค่ำค่ะ พี่สิงห์
หวังว่า คืนนี้ พี่สิงห์ มีสติกำกับอย่างดี จนนอนหลับได้สนิท ไม่มีมารมาอย่างคืนที่แล้วนะคะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8051 เมื่อ: 12 มกราคม 2556, 07:57:06 »

อ้างถึง
ข้อความของ เอมอร 2515 เมื่อ 11 มกราคม 2556, 20:14:56
สวัสดี ตอนค่ำค่ะ พี่สิงห์
หวังว่า คืนนี้ พี่สิงห์ มีสติกำกับอย่างดี จนนอนหลับได้สนิท ไม่มีมารมาอย่างคืนที่แล้วนะคะ


สวัสดีตอนเช้า ค่ะ คุณน้องเอมอร ที่รัก

                          ก็ยังมีมารอยู่ดี  แต่ว่ามีสติรู้เท่าทันดี  มารมารบกวนก็เรื่องของเขา พี่สิงห์ก็อยู่กับความจริง  ทำจิตให้มั่นคง  ไม่ต้องพะวงกับความมืด  ความมืดนี่ละตัวร้ายกาจ ที่จะทำให้จิตมันหลอน จินตนาการไปต่าง ๆ นา ๆ ได้  ถ้าจิตไม่มั่นคง ก็เกิดความกลัว อาจเสียสติได้  แต่พอเปิดไฟสว่าง ไม่มีอะไรทั้งสิ้น  เป็นเรื่องที่จิตคิดไปเองทั้งนั้น จงระวังความมืดให้ดี

                         มันมืดก็จริง แต่ต้องทำใจให้สว่างด้วยการมีสติ อยู่กับความจริง จิตมันก็ไม่มืดตาม

                         มารมาในความฝัน เราก็รู้ตัวตื่น พอตื่นก็ภาวนา ให้หลับกลับไปใหม่ สลับอยู่อย่างนี้ครับ

                         เมื่อคืนอากาศหนาวจนรู้สึกตัวสั่น  แต่ไม่ทำอะไร เพราะอยากดูใจว่ามันจะทนได้ไหม  พอไม่ปรุงแต่งกับมัน มันก็หายไปเอง นี่ละ การเกิดขึ้น  ตั้งอยู่ ดับไป แห่งสังขาร ละ

                         สวัสดีค่ะ

                  
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8052 เมื่อ: 12 มกราคม 2556, 08:18:49 »

ความยึดมั่นในรูป-นาม  ศรัตรูตัวร้ายในการก่อทุกข์ เราพบเจ้าแล้ว

สวัสดียามเช้าครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                           วันนี้มีเวลาน้อยเพราะต้องประชุมตอนเช้า ใช้ net ฟรีของโรงแรม ต้องรีบเพราะมีคนมารับไปโรงงาน ยังมีเรื่องต้องทำอีกหลายอย่างเช้านี้  ยังไม่ได้อาบน้ำ ทำธุระส่วนตัว เพิ่งรับประทานอาหารเสร็จ

                           วันนี้อากาศไม่ดีเท่าไรที่นครศรีธรรมราช  มีเมฆ แต่ก็พอดีสำหรับการออกกำลังกายยามเช้าครับ

                           และจิตมันก็ทำให้เกิดปัญญา ขณะเดินจงกรมออกกำลังกาย

                           เมื่อก่อนเวลาเราประสบกับสิ่งที่ไม่รักไม่ชอบ  เราก็เกิดความไม่สะบายใจ  ไม่พอใจ  หงุดหงิดใจ  วุ่นวายใจ พาลโกรธ หรือเกิดความโลภ ถ้าประสบกับสิ่งที่ชอบ ที่มีค่า ที่อยาก  เราก็นึกว่าเรายังอยู่ในสังคม  ยังเกี่ยวข้องกับผู้คน  ยังต้องทำงาน  มันย่อมหนีไม่พ้น  จิตย่อมหวั่นไหว เป็นธรรมดา เพราะมันเป็นทุกข์หนึ่งในเจ็ดที่พระพุทธองค์ทรงสอน  พระอรหันต์ท่านก็ประสบ

                            ก็ได้แต่ปลอบจิตตนเองอย่างนี้ทุกที ก็สามารถระงับมันได้อยู่ที่ใจ  ยังไม่มีการปรากฏทางกาย  วาจา  ออกมา แต่จิตก็เกิดอกุศลขึ้นแล้ว  มันก็ไม่ถูกต้อง คือขาดการสำรวมทางใจไป

                            ส่วนจิตพระอรหันต์นั้น ท่านก็ประสบเช่นเดียวกับเรา แต่ทำไมจิตท่านอยู่เหนือในสิ่งที่ประสบได้  คิดมานาน  หามานาน ไม่ได้คำตอบสักที

                            วันนี้ขณะดูจิต ที่เรากำลังเดินจงกรมออกกำลังกายนั้น  จิตมันก็เห็นความจริงขึ้นมา บอกให้เราทราบได้ว่า

                            เวลาที่เราประสบกับสิ่งที่ไม่รักไม่ชอบแล้วเกิดจิตเป็นอกุศลเกิดขึ้น เกิดความพลุ่งพล่านเดือดดาลใจ  อาจจะโกรธ อาจจะโลภ ได้นั้น เพราะ "เรายังยึดมั่น ถือมั่นในตัวตน ยังยึดมั่นในขันธ์ ๕ อยู่นั่นเอง" เพราะความยึดมั่นใน รูป  เวทนา  สัญญา  สังขาร  และวิญญาณ อยู่นั้น มันก็เกิดความไม่ชอบ หงุดหงิด พลุ่งพล่านใจ เดืดอดาลใจ  เกิดอกุศลเกิดขึ้นได้ ย่อมแน่นอนเสมอ

                            แต่ถ้าเราไม่ยึดมั่นในรูป  เวทนา  สัญญา  สังขาร  และวิญญาณ เสียได้แบบจิตพระอรหันต์ ความคิดในทางอกุศล  พลุ่งพล่านเดือดดาลใจ โกรธ  โลภ  หลง  ก็คงไม่เกิดขึ้น  นี่ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จิตได้เรียนรู้ด้วยตัวของมันเอง  มันเป็นความจริง ครับ

                            ดังนั้น คืนนี้ หรือบ่ายนี้ ถ้ามีเวลาพอ จะขอนำพระสูตรที่ว่าด้วย "อนัตลักขณสูตร" ที่พระพุทธองค์ทรงสอนเรื่องความเป็นอนัตตาของรูป-นาม ที่สอนให้ปัจจวัคคีย์ฟัง ครั้งที่สองในการแสดงธรรม จนปัญจวัคคีย์เป็นพระอรหันต์ มาบอกให้ทุกท่านทราบ

                           ความอยาก  ความยึดมั่นถือมั่นในรูป-นาม นี่ละเป็นตัวร้ายที่แท้จริง  ที่เราจะต้องตระหนัก  ต้องปรับความคิดเสียใหม่

                           สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8053 เมื่อ: 12 มกราคม 2556, 14:13:09 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มีเกียรติ ที่รักทุกท่าน

                              วันนี้เป็นวันพระ ขอนำ "อนัตตลักขณสูตร" อันเป็นพระสูตรที่สำคัญมากที่ทรงแสดงให้ปัจจวัคคีย์ฟัง จนสำเร็จเป็นพระอรหันต์  จริงๆ ถ้าเข้าใจแล้ว พระสูตรนี้จำได้ง่าย หรือจิตมันเห็นตามนั้นเลย ไม่ต้องจำ มันก็จำได้ คือทรงแสดงความเป็นไตรลักษณ์ของ รูป-นาม ครับ

                              แต่เพื่อความถูกต้อง ขอนำต้นฉบับมาให้อ่านก็แล้วกัน

                              สวัสดี


อนัตตลักขณสูตร

   
                  ทรงแสดงอนัตตลักขณสูตร เรื่องอนัตตาในขันธ์ ๕ ต่อเหล่าพระปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ จนสำเร็จพระอรหันต์

                  ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะพระปัญจวัคคีย์ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย
 
                  รูปเป็นอนัตตา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้ารูปนี้จักได้เป็นอัตตา(ใช่ตัวตน, มีตัวตน หรือเป็นของตัวตน อย่างแท้จริง)แล้ว รูปนี้ไม่พึงเป็นเพื่ออาพาธ(ความเสื่อม ความเจ็บไข้ ความแปรปรวน) และบุคคลพึงได้(หมายถึง เมื่อเป็นเราหรือของเราจริงๆ ย่อมต้องบังคับบัญชาได้ตามปรารถนา)ในรูปว่า รูปของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด รูปของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.
 
                   ดูกรภิกษุ ทั้งหลาย ก็เพราะรูปเป็นอนัตตา(ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่ของตัวตน ตัวตนหรือกายที่เห็นหรือผัสสะได้ด้วยอายตนะใดๆนั้น เป็นเพียงกลุ่มหรือก้อนหรือฆนะของเหล่าเหตุที่มาเป็นปัจจัยประชุมปรุงแต่งกัน คือ ธาตุ ๔) ฉะนั้นรูปจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ(แปรปรวนด้วยอนิจจัง จึงเจ็บป่วย) และบุคคลย่อมไม่ได้(หมายถึง ย่อมบังคับบัญชาไม่ได้ตามปรารถนาเพราะว่ารูปขึ้นอยู่กับเหตุคือธาตุทั้ง ๔ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเรา) ในรูปว่า รูปของเรา จง(สวย จงงาม)เป็นอย่างนี้เถิด รูปของเรา อย่าได้(น่าเกลียด)เป็นอย่างนั้นเลย.
 
                   (กล่าวคือ รูปนั้นเป็นเพียงมวลหรือก้อนหรือฆนะของเหตุที่มาเป็นปัจจัยกัน คือธาตุ ๔ จึงย่อมขึ้นหรือเนื่องสัมพันธ์อยู่กับเหตุที่มาเป็นปัจจัยกันคือธาตุ ๔ แท้จริงหรือปรมัตถ์แล้วจึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวตนที่หมายถึงเราหรือของเรา ถ้ารูปนั้นเป็นของเราหรือของตัวของตนจริงๆแล้วไซร้ จะต้องขึ้นอยู่กับเราจึงย่อมควบคุมบังคับได้ตามปรารถนา ต้องควบคุมบังคับให้สวยให้งามได้และไม่แปรปรวนหรือดับไปตามสภาวธรรมได้ด้วยตัวตนของตนเองอย่างแท้จริงและแน่นอน รูปหรือกายจึงไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา, เพียงแต่การบังคับให้กายกระทำอะไรๆอันเป็นเพียงการกระทำคือกายสังขาร หรือบางครั้งไปควบคุมเหตุบางประการได้ชั่วขณะหนึ่งๆ จึงก่อมายาจิตคิดไปเอาเองว่าเป็นเราหรือของเราที่สามารถควบคุมบังคับบัญชาได้ตามปรารถนา, ในขันธ์อื่นๆก็เป็นไปในลักษณาการเดียวกัน ล้วนเกิดแต่เหตุปัจจัย จึงล้วนขึ้นอยูกับเหตุนั้นๆ จึงขึ้นหรืออิงหรือเนื่องสัมพันธ์อยู่กับเหตุ ที่มาเป็นปัจจัยกัน จึงย่อมไม่ได้ขึ้นอยู่กับเราหรือตัวเราเช่นกัน, ดูรายละเอียดเพิ่มเติมการเป็นเหตุปัจจัยกันจึงเกิดขึ้นได้ในพระไตรลักษณ์และขันธ์ ๕)

                     เวทนาเป็นอนัตตา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าเวทนานี้จักได้เป็นอัตตาแล้ว เวทนานี้ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึง(ควบคุมบังคับบัญชา)ได้ในเวทนาว่า เวทนาของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด(ดังเช่น จงเป็นแต่สุขเวทนาเถิด) เวทนาของ เราจงอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย(ดังเช่น ขอได้อย่าเกิดทุกขเวทนาใดๆเลย).

                     ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะเวทนาเป็นอนัตตา ฉะนั้นเวทนาจึง เป็นไปเพื่ออาพาธ(แปรปรวน) และบุคคลย่อมไม่(สามารถควบคุม)ได้ในเวทนาว่า เวทนาของเรา จงเป็นอย่างนั้นเถิด เวทนาของเรา อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.
 
                     สัญญาเป็นอนัตตา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าสัญญานี้จักได้เป็นอัตตาแล้ว สัญญานี้ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในสัญญาว่า สัญญาของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด สัญญาของเรา อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.

                     ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะสัญญาเป็นอนัตตา ฉะนั้น สัญญาจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลย่อมไม่ได้ในสัญญาว่าสัญญาของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด สัญญาของเรา อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.
 
                     สังขารทั้งหลายเป็นอนัตตา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าสังขารเหล่านี้จักได้เป็นอัตตาแล้วสังขารเหล่านี้ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในสังขารทั้งหลายว่า สังขารทั้งหลายของ เราจงเป็นอย่างนี้เถิด สังขารทั้งหลายของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.

                     ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะ สังขารทั้งหลายเป็นอนัตตา ฉะนั้น สังขารทั้งหลายจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลย่อมไม่ได้ในสังขารทั้งหลายว่าสังขารทั้งหลายของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด สังขารทั้งหลายของเรา อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.

                     วิญญาณเป็นอนัตตา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าวิญญาณนี้จักได้เป็นอัตตาแล้ว วิญญาณนี้ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในวิญญาณว่าวิญญาณของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด วิญญาณของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย
 
                     ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะวิญญาณเป็นอนัตตา ฉะนั้นวิญญาณจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลย่อมไม่ได้ในวิญญาณว่าวิญญาณของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด วิญญาณของเรา อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.
 
                    ตรัสถามความเห็นของพระปัญจวัคคีย์

                    พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอสำคัญความนั้นเป็นไฉน รูปเที่ยงหรือไม่เที่ยง?
                    พระปัญจวัคคีย์ทูลว่า ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า.
                     ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?
                     ป. เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าข้า.
(โยนิโสมนสิการจากปฎิจจสมุปบาท และพระไตรลักษณ์ จะพบความจริงได้ด้วยตนเองในที่สุดว่า ทั้งสุขและทุกข์เพราะความไม่เที่ยง ย่อมเป็นทุกข์ในที่สุดทั้งสิ้น)
                     ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือจะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตน(อัตตา)ของเรา?
                     ป. ข้อนั้น ไม่ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า.

                      ภ. เวทนาเที่ยงหรือไม่เที่ยง?
                      ป. ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า.
                      ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?
                      ป. เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าข้า.
                      ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือจะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตน(อัตตา)ของเรา?
                      ป. ข้อนั้นไม่ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า.
 
                      ภ. สัญญาเที่ยงหรือไม่เที่ยง?
                      ป. ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า.
                      ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?
                      ป. เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าข้า.
                      ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือจะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตน(อัตตา)ของเรา?
                      ป. ข้อนั้นไม่ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า.
 
                      ภ. สังขารทั้งหลายเที่ยงหรือไม่เที่ยง?
                      ป. ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า.
                      ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?
                      ป. เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าข้า.
                      ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือจะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตน(อัตตา)ของเรา?
                      ป. ข้อนั้นไม่ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า.

                      ภ. วิญญาณเที่ยงหรือไม่เที่ยง?
                      ป. ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า.
                      ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?
                      ป. เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าข้า.
                      ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือจะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตน(อัตตา)ของเรา?
                      ป. ข้อนั้นไม่ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า.


ตรัสให้พิจารณาโดย ยถาภูตญาณทัสสนะ
(ยถาภูตญาณทัสสนะ - ความรู้ความเห็น ตามความเป็นจริงอย่างถูกต้อง)


                       พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแล รูปอย่างใด อย่างหนึ่ง ที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน ภายในหรือภายนอก(ภายในหมายถึงรูปกายของตน, ภายนอกหมายถึงของบุคคลอื่น) หยาบหรือละเอียด ไม่ดีหรือประณีต ไกลหรือใกล้ ทั้งหมดก็เป็นแต่สักว่ารูป

                       เธอทั้งหลาย พึงเห็นรูปนั้นด้วยปัญญาอันชอบ (สัมมาญาณ) ตามเป็นจริงอย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตนของเรา.

                       เวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน ภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด ไม่ดีหรือประณีต ไกลหรือใกล้ ทั้งหมดก็เป็นแต่สักว่าเวทนา
 
                       เธอทั้งหลาย พึงเห็นเวทนานั้นด้วยปัญญาอันชอบ ตามเป็นจริงอย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตนของเรา

                       (ไม่ใช่ของเราอย่างจริงแท้แน่นอน, เพียงเกิดแต่เหตุปัจจัย ขึ้นระยะหนึ่ง แล้วต้องแปรปรวนดับไปเป็นที่สุดอย่างจริงแท้แน่นอน).

                       สัญญาอย่างใดอย่างหนึ่งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน ภายในหรือภายนอก หยาบ หรือละเอียด ไม่ดีหรือประณีต ไกลหรือใกล้ ทั้งหมดก็เป็นแต่สักว่าเวทนา
 
                        เธอทั้งหลาย พึงเห็นสัญญานั้นด้วยปัญญาอันชอบ ตามเป็นจริงอย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตนของเรา.

                        สังขารทั้งหลายอย่างใดอย่างหนึ่งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน ภายในหรือภายนอกหยาบหรือละเอียด ไม่ดีหรือประณีต ไกลหรือใกล้ ทั้งหมดก็เป็นแต่สักว่าสังขาร
 
                        เธอทั้งหลาย พึงเห็นสังขารนั้นด้วยปัญญาอันชอบ ตามเป็นจริงอย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตนของเรา.

                        วิญญาณอย่างใดอย่างหนึ่งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน ภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด ไม่ดีหรือประณีต ไกลหรือใกล้ ทั้งหมดก็เป็นแต่สักว่าวิญญาณ

                        เธอทั้งหลาย พึงเห็นวิญญาณนั้นด้วยปัญญาอันชอบ ตามเป็นจริงอย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตนของเรา.

                          ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้ฟังแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในรูป ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในเวทนา ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในสัญญา ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในสังขารทั้งหลาย ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในวิญญาณ เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมสิ้นกำหนัด เพราะสิ้นกำหนัด จิตก็พ้น, เมื่อจิตพ้นแล้ว ก็รู้ว่าพ้นแล้ว  อริยสาวกนั้นทราบชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์ได้อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นอีกเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.

                       พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระสูตรนี้แล้ว พระปัญจวัคคีย์มีใจยินดี เพลิดเพลิน ภาษิตของผู้มีพระภาค.

                       ก็แลเมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสไวยากรณภาษิตนี้อยู่ จิตของพระปัญจวัคคีย์พ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลาย เพราะไม่ถือมั่น.


อนัตตลักขณสูตร จบ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8054 เมื่อ: 13 มกราคม 2556, 08:11:35 »

สวัสดีครับ อาจารย์รุ่งศักดิ์  ดร.สุริยา และท่านผู้รู้ทั้งหลาย เกี่ยวกับ Computer

                                  เพราะ "อวิชชา" คือความไม่รู้เลยทางด้าน computer ทำให้เกิดความสงสัย

                                  เมื่อก่อนต้นปี ได้นำเครื่อง computer ไปลงโปรแกรม window ใหม่ เป็นของแท้ และ antivirus ของแท้ ลงเสร็จก็เอามาใช้งาน มีพื้นที่ในฮาดดิสเหลือให้ทำงานได้ ประมาณ 4 GB เมื่อเอามาใช้งานปรากฏว่ามีการ update เกิดขึ้นมากมาย ในการเปิดเครื่องใช้ internet ทุกครั้งติดต่อกันมาทุกวัน จนผิดสังเกต

                                   สิ่งที่ตามมาก็คือ การทำงานของเครื่องช้าลงมาก  บางที save ได้บางที save ไม่ได้ ได้โทรศัพท์ไปเรียนให้ ดร.สุริยา ทราบ คุณปู (ลูกน้อง ดร.สุริยา  คนลงโปรแกรม) และอาจารย์รุ่งศักดิ์ทราบ  ลงความเห็นกันว่า เครื่องผมติด Virus ตอนนี้เครื่องผมมี พื้นที่ให้หน่วยความจำว่างเพียง 6 GB เท่านั้น จาก 92 GB

                                   ผม sacn ระบบใหม่ ก็ไม่มี Virus  เครื่องได้รับการยืนยันพร้อมใช้งาน

                                   เมื่อคืนได้เปิดดู ที่ Drive C ปรากฏว่า มี fikes Window อยู่ ๒ files Window แรกกินพื้นที่ 27 GB เป็น window ที่ลงใหม่ และมี Flies window .old อีก files หนึ่ง กินพื้นที่ 35GB

                                   เจ้า files window.old นี้เองที่เอาพื้นที่ในฮาดดิสของผมไป

                                   ผมคิดว่าเครื่องไม่ได้ติด Virus เพราะผมเสียเงินค่า bitdefender 2013 มันก็น่าปลอดภัย

                                   ผมเชื่อว่า window .old นี่เองที่เกิดขึ้นจากการที่มัน update ของมันเองเพื่อว่าให้ผมเปิด files เก่า ได้

                                   จะแก้ไขประการใดดีครับ  ผมลบมันออกได้ไหม? วันจันทร์ที่ ๑๔ ผมต้องเอาเครื่องไปสอนที่สิงห์บุรี  เอาไปซ่อม แก้ไข ไม่มีเวลาครับ

                                   โปรดช่วยผมด้วย  จักขอบคุณมาก

                                   สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8055 เมื่อ: 13 มกราคม 2556, 09:10:31 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผุ้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                             วันนี้ตอนเช้าอยู่บ้าน ได้หุงข้าวใส่บาตรพระทั้งที่หน้าบ้าน และที่ซอย ๑๘

                              เนื่องจากได้รับปากกับคุณหลานนุช  ว่าบ่ายจะไปตีกอล์ฟด้วย ที่สนามเมืองแก้ว บางนา  ผมไม่ได้ตีกอล์ฟกับพี่ตุ๊ และหญิงนุช น่าจะหลายปีแล้ว เนื่องจาก ผมเป็น member ที่ President ครอบครัวพี่วสันต์เป็น member ที่ สนามเมืองแก้ว ค่าสนามแพงมากทั้งสองสนามในวันอาทิตย์ คือสองพันบาทขึ้น ก็เลยไม่ได้ตีกันนานมาก ต่างคนต่างเล่นกัน

                              อย่าลืมนะครับ การยึดมั่นถือมั่น ว่าเรามีตัวตน นี่ละครับ เป็นศรัตรูที่นำทุกข์มาให้ไม่สิ้นสุด

                              ขอให้ทุกท่านมีความยึดมั่นในตัวตนน้อย ๆ ลงไป เราจะอยู่ได้อย่างสันติ  สงบ ครับ

                              สวัสดี
      บันทึกการเข้า
roong15
Full Member
**


Peaceful and Useful Life
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 514

« ตอบ #8056 เมื่อ: 13 มกราคม 2556, 19:38:39 »


อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 13 มกราคม 2556, 08:11:35
สวัสดีครับ อาจารย์รุ่งศักดิ์  ดร.สุริยา และท่านผู้รู้ทั้งหลาย เกี่ยวกับ Computer

                                  เพราะ "อวิชชา" คือความไม่รู้เลยทางด้าน computer ทำให้เกิดความสงสัย

                                  เมื่อก่อนต้นปี ได้นำเครื่อง computer ไปลงโปรแกรม window ใหม่ เป็นของแท้ และ antivirus ของแท้ ลงเสร็จก็เอามาใช้งาน มีพื้นที่ในฮาดดิสเหลือให้ทำงานได้ ประมาณ 4 GB เมื่อเอามาใช้งานปรากฏว่ามีการ update เกิดขึ้นมากมาย ในการเปิดเครื่องใช้ internet ทุกครั้งติดต่อกันมาทุกวัน จนผิดสังเกต

                                   สิ่งที่ตามมาก็คือ การทำงานของเครื่องช้าลงมาก  บางที save ได้บางที save ไม่ได้ ได้โทรศัพท์ไปเรียนให้ ดร.สุริยา ทราบ คุณปู (ลูกน้อง ดร.สุริยา  คนลงโปรแกรม) และอาจารย์รุ่งศักดิ์ทราบ  ลงความเห็นกันว่า เครื่องผมติด Virus ตอนนี้เครื่องผมมี พื้นที่ให้หน่วยความจำว่างเพียง 6 GB เท่านั้น จาก 92 GB

                                   ผม sacn ระบบใหม่ ก็ไม่มี Virus  เครื่องได้รับการยืนยันพร้อมใช้งาน

                                   เมื่อคืนได้เปิดดู ที่ Drive C ปรากฏว่า มี fikes Window อยู่ ๒ files Window แรกกินพื้นที่ 27 GB เป็น window ที่ลงใหม่ และมี Flies window .old อีก files หนึ่ง กินพื้นที่ 35GB

                                   เจ้า files window.old นี้เองที่เอาพื้นที่ในฮาดดิสของผมไป

                                   ผมคิดว่าเครื่องไม่ได้ติด Virus เพราะผมเสียเงินค่า bitdefender 2013 มันก็น่าปลอดภัย

                                   ผมเชื่อว่า window .old นี่เองที่เกิดขึ้นจากการที่มัน update ของมันเองเพื่อว่าให้ผมเปิด files เก่า ได้

                                   จะแก้ไขประการใดดีครับ  ผมลบมันออกได้ไหม? วันจันทร์ที่ ๑๔ ผมต้องเอาเครื่องไปสอนที่สิงห์บุรี  เอาไปซ่อม แก้ไข ไม่มีเวลาครับ

                                   โปรดช่วยผมด้วย  จักขอบคุณมาก

                                   สวัสดี

                           




เรียนพี่สิงห์ที่เคารพ

โดยปรกติ การลง windows ใหม่ จะมี สองสามวิธี

1.การทำ system recovery โดยใช้แผ่น หรือ ใช้ partition จาก hard disk จะพบว่า ถึงแม้ เราซื้อ notebook ที่มี windows ลิขสิทธิ์ถูกต้อง ทำไมจึงไม่มี แผ่น windows มาให้ เพราะว่า เขาทำ recovery partition ไว้ใน hard disk พูดง่ายก็คือ เอา windows ต้นฉบับ และโปรแกรมที่จำเป็น เก็บไว้ใน hard disk ซึ่งจะซ่อนไว้  เวลาเราจะ recovery ก็ไม่ต้องใช้แผ่น และเรียกจาก Hard Diskได้เลย

2.การลงโดยการ upgrade วิธีนี้ ข้อมูลบางส่วนของเราจะยังอยู่ แต่แน่ละ ขยะ ก้ยังคงอยู่ ถ้าเราลงวิธีนี้ windows จะถามเราว่า จะเก็บ windows เก่า ไว้เพื่อ backup หรือไม่  หลายๆคนจะเลือกเก็บไว้ก่อน ถ้าใช้ไปสักพักไม่มีปัญหาจึงลบออก

3.การลงแบบ format ใหม่ ข้อมูลทั้งหมดจะถูกลบ และตั้งค่าใหม่ทั้งหมด ข้อดีคือ เครื่องจะสะอาด (ไม่มีขยะ) ข้อเสียคือ ใช้เวลานาน รวมทั้งการลง driver ต่างๆใหม่ เช่นตั้งค่า wifi ,e-mail ,etc.


ผมสอบถามปูแล้ว ปูใช้วิธีที่ 2 ซึ่งเป็นวิธีปรกติที่ช่างคอมพิวเตอร์มักเลือกใช้ เพราะข้อมูลลูกค้าจะยังอยู่ ยกเว้นลูกค้าจะบอกว่าให้ล้างเครื่องหรือ format ใหม่ ช่างเขาจึงจะทำ  และไฟล์ windows.old ก็คือไฟล์ backup ของ windows ก่อนการ upgrade หรือลงทับ

ข้อเสนอแนะ
1.format เครื่อง ลง windowsใหม่  แต่พี่ต้อง สำเนาไฟล์ที่ใช้งาน และจดpass word ที่จำเป็น เช่น wifi,etc.

2.ให้ปูทำให้ เพราะเวลามีปัญหา พี่สามารถ สอบถาม การแก้ไข ได้ รวมทั้งผมเองก็สามารถถามได้ว่า ปูทำอะไรให้กับเครื่องของพี่บ้าง  แต่ถ้าพี่ไปให้ช่าง Toshiba ทำเวลามีปัญหาสอบถามอะไร ถ้าไม่เจอคนที่ทำให้พี่ คนอื่นก็จะตอบลำบาก ก็อาจต้องยกเครื่องไปหาเขา

3.ระหว่างนี้พี่สามารถใช้งานได้ตามปรกติ  พื้นที่ว่าง 6GB เหลือเฟือครับถ้าไม่ใช้ copy dvd หรือทำไฟล์ photoshop ใหญ่ๆ ผมมีnotebook เก่าอยู่เครื่องหนึ่ง มีพื้นที่ว่างใน drive c: พอๆกับพี่ และไม่ได้ update antivirus มาเกือบสองปี เวลาหยิบขึ้นมาใช้ ก็ทำงานได้ดีทุกโปรแกรมครับ

4.ถ้ามีเวลามากหน่อย ก็ไปทิ้งให้เขาสัก สองวัน บอกเขาว่า ต้องการโปรแกรมอะไรบ้าง ผมย้ำไปแล้วว่า โปรแกรมที่ลงให้พี่สิงห์ จะต้องเป็นโปรแกรมถูกลิขสิทธิ์ หรือ freeware เท่านั้น  แต่ถ้ารีบใช้ พี่อาจไปนั่งรอเอาได้ครับ

5.การ update ความจริงเป็นของดีนะครับ windows และ microsoft office ของพี่เป็นของถูกลิขสิทธิ์อยู่แล้ว แต่ว่าซื้อไว้นานแล้ว มันอาจโบราณ หรือ ขาดการป้องกันบางอย่าง ในตอนลงใหม่ผมขอแนะนำให้ update จนทันสมัย จากนั้นสามารถตั้งค่าให้ update อัตโนมัติ หรือ ถามเรา หรือ ไม่ update ได้ครับ

หวังว่าคงเป็นประโยชน์ครับ

รุ่งศักดิ์ (เฉยๆ)




 sing หลั่นล้า sing

      บันทึกการเข้า

Peaceful and Useful Life
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8057 เมื่อ: 13 มกราคม 2556, 20:25:41 »

สวัสดีครับ อาจารย์รุ่งศักดิ์

                                  หนึ่งอาทิตย์แรก ผมมีที่ว่าง  46 GB แต่ทำไมอีกหนึ่งอาทิตย์ ผมมีที่เหลือ เพียง 6 GB อยากทราบว่ามันเกิดอะไรขึ้น

                                  ผมพยายาม ลบ window.old ก็ลบไม่ออก เครื่องมันไม่ยอม

                                  ตอนนี้เลยไม่ขอเปิด net กลัวมัน update จะรอจนกว่าผมจะสอนวัน จันทร์เสร็จ(ลืมไป ผมก็ปิดมันได้นี่นา  โง่จริงเรา)

                                  Hard ดิสต์ มันขึ้นไฟเตือนสีแดง ว่าการใช้งานลำบาก มันก็เป็นจริง และคอบ โหลด files เพิ่ม


                                  ดังนั้น ช่วงนี้ งดข้อเขียนทั้งหมดครับ เพราะ samsung เขียนยาวๆ ไม่เหมาะสม แต่จะพยายามเขียน เพื่อไม่ให้ทุกท่านผิดหวังที่เข้ามาในกระทู้นี้ ครับ

                                  สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8058 เมื่อ: 14 มกราคม 2556, 06:08:59 »

สวัสดียามเช้าครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มีเกียรติ ที่รักทุกท่าน

                                            การมีวิริยะ ในการที่จะทำกุศลที่ยังไม่เกิดขึ้นให้เกิดขึ้นตลอดเวลานั้น เป็นเรื่องยากมาก

                                            กุศลในที่นี้ไม่ใช่การใส่บาตรพระ  การทำบุญสร้างศาลา โบสถ์ เท่านั้น

                                            กุศล คือการปฏิบัติดี  ปฏิบัติชอบ หรือ คือการรักษากาย  วาจา  ใจ  สำรวมอิทรีย์ทั้งหก อ้นได้แก่  ตา  หู  จมูก  ลิ้น  กาย  และใจ  ไม่ให้ยินดีในสิ่งที่สัมผัส นั้น

                                             การรักษากาย  วาจา  นั้น ไม่ยาก

                                              แต่การรักษาใจ  นี่ซิยากนัก  เพราะใจนั้นเราไม่มีอำนาจเหนือมันเลย  ถึงแม้จะมีสติแก่กล้ามาก แต่่ใจก็ยังคิด  เพียงแต่รู้เท่าทันมัน  ไม่กระทำตามที่มันอยากให้กระทำ แต่มันก้คิดไปในทางอกุศลได้ เช่นความอยาก ก็ต้องใช้วิริยะให้มาก  คือต้องอยู่ในโลกของการระลึกได้ที่กาย  และใจ ให้มากไว้  ต้องแยกใจออกจากโลกของความคิด จึงจะกระทำได้

                                              การจะแยกใจออกจากโลกของความคิดไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะ ความคิดกับใจ เราชินมันมาตั้งแต่เกิดแล้ว ตื่นขึ้นมาก็คิด และกระทำตามทันที่ จนกระทั่งหลับ และหลับก็คิด

                                              เราต้องแยกความคิด  การระลึกได้ที่กายหรือความรู้สึกตัว  และอารมณ์ให้ออก

                                              ถ้าแยกออก  มันก็เป็นเรื่องง่ายละคราวนี้

                                              คิดท่านก็รู้  เวลากายเคลือนไหว หรือกายหยุดเคลื่อนท่านก็รู้  หายใจท่านก็รู้ นั่ง ยืน  เดิน นอน ท่านก็รู้ พอมีอารมณ์ต่างๆ เกิดขึ้นท่่านก็รู้

                                              การรู้ จะทำให้ท่านสำรวมอินทรีย์ให้เป็นปกติได้

                                              เช้านี้อย่าลืม  รูป-นาม เป็นตัวทุกข์ ควมเป็นตัวตนของท่านไม่มี  ท่านมีแต่รูป-นาม  ที่ประกอบไปด้วยธาตุทั้งสี่ และจิตที่เคลือนที่ตลอดเวลาในรูปเมื่อท่านรู้สึกตัว ท่านถึงจะรู้ได้ว่าจิตท่านอยู่่ที่ไหน  ท่านไม่มีอำนาจเหนือมันทั้งรูป-นาม

                                              อารมณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับท่าน และความคิด เกิดจากเหตุ-ปัจจัย ทั้งสิ้น

                                              ให้นึกถึงกรรมฐานของเณรที่สอนพระใบลานเข้าไว้ นั่นละเป็นสิ่งที่ควรกระทำยิ่ง

                                              ได้เวลาที่ขะต้องไปซื้อกับข้าว มาใส่บาตรพระแล้วครับ

                                               สวัสดี

                                               
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8059 เมื่อ: 14 มกราคม 2556, 07:31:38 »

สวัสดียามเช้าครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                        ใส่บาตรพระเรียบร้อยแล้ว

                        กินข้าวเช้าเรียบร้อยแล้ว (อาหารเหลือจากเมื่อวาน)

                        วันนี้เดินทางไปสิงห์บุรี ไปสอน ชิกง ให้กับผู้สูงอายุ ของชุมชนเข้มแข็งเศรษฐกิจพอเพียง ที่ศาลากลางหลังเก่า เวลา 13:00-16:00 น. ครับ

                        สวัสดี
      บันทึกการเข้า
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #8060 เมื่อ: 14 มกราคม 2556, 13:13:31 »


...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...

...เข้ามาติดตามอ่านกระทู้ของพี่สิงห์เสมอค่ะ...

...รู้สึกว่าพี่สิงห์จะเดินทางมากและบ่อยจัง...

...น่าจะลดการเดินทางลงบ้างนะคะ...

...แบบว่าเดินทางเท่าที่จำเป็น...อย่างเช่นไปประกอบอาชีพ...

...แต่บางอย่างที่จะต้องสงเคราะห์คนอื่นก็หยุดบ้างก็ได้...

...เพราะอายุมากๆเดินทางมากๆก็ไม่ค่อยดีค่ะ...

...ยกเว้นนานๆไปเที่ยวที...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8061 เมื่อ: 14 มกราคม 2556, 16:26:14 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                                  วันนี้เหนื่อยครับ ในการสอนชิกง-โยคะ ให้กับอดีตข้าราชการสิงห์บุรี ของชุมชนเข้มแแข็ง จบลงไปแล้ว

                                   ผู้เข้าอบรม  จะขอให้ผมมาสอนอีกครั้ง  เพราะอยากกระทำให้ได้ และจะได้้บันทึกภาพเอาไว้กระทำภายหลัง

                                   ผมก็เรียนให้ทราบ ด้วยความยินดี

                                   มีอาจารย์ท่านหนึ่งจบ คณะครุศาสตร์  จุฬาฯ  ผ่าตัดหลังมา  ทีีแรกไม่กล้าทำ  แต่สุดท้ายทำ ได้้บอกว่าไม่รู้เป็นอุปาทานหรือเเปล่า พอรำชิกง แล้ว ที่กลัวหลังเจ็บมันรู้สึกดีขึ้น  ผมก็บอกว่า  ร่างกายมันได้เคลื่อนไหว  รวมทั้งการหายใจ  มันเป็นผลดีแน่นอน

                                    ก็สุขใจ ที่ผู้เข้ารับการอบรม  ชอบและเห็นความสำคัญของ ชิกง-โยคะ ครับ 

                                    สำหรับรูปต้้องขอจากเจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์จังหวัดเอามาให้ ต้องรอหน่อยหนึ่งครับ

                                    สวััสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8062 เมื่อ: 14 มกราคม 2556, 16:33:11 »

อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 14 มกราคม 2556, 13:13:31

...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...

...เข้ามาติดตามอ่านกระทู้ของพี่สิงห์เสมอค่ะ...

...รู้สึกว่าพี่สิงห์จะเดินทางมากและบ่อยจัง...

...น่าจะลดการเดินทางลงบ้างนะคะ...

...แบบว่าเดินทางเท่าที่จำเป็น...อย่างเช่นไปประกอบอาชีพ...

...แต่บางอย่างที่จะต้องสงเคราะห์คนอื่นก็หยุดบ้างก็ได้...

...เพราะอายุมากๆเดินทางมากๆก็ไม่ค่อยดีค่ะ...

...ยกเว้นนานๆไปเที่ยวที...


สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ ที่รัก

                                     ขอบคุณมากที่เป็นห่วง  

                                      เวลาเหลือน้อยแล้วทีี่จะทำอะไร ๆ  ได้้  ต้องรีบกระทำ  ถ้าอายุมากกว่านี้คงทำไม่ได้

                                      วันนี้เขาก็มีีเงินให้เป็นค่่าวิทยากร  แต่พี่สิงห์ขอมอบคืนให้เขาเอาไว้ทำอย่างอื่นดีกว่า

                                       เย็นนี้ต้องไปสอน ชิกง ที่ตลาดอินทร์บุรี ต่อครับ

                                       ค้างคืนที่สิงห์บุรี  พรุ่งนี้ไปสระบุรี และไปโคราช ต่อ  กลับ กทม. วันพุธ ครับ

                                       สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8063 เมื่อ: 14 มกราคม 2556, 20:23:17 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                                 วันนี้เหนื่อยจริง ๆ  แตก็สุขใจที่ได้กระทำ

                                 ชิกง  หรือมวยจีนนี่มันมีเสน่ห์จริง ๆ ด้วยตัวของมันเอง

                                 วันนี้เย็นผมไปสอนมวยจีน หรือชิกง ที่ตลาดอำเภออินทร์บุรี  มีคนมาฝึกประมาณ 30 กว่าท่าน  ไม่ได้บอกล่วงหน้า มีทั้งผู้สูุงวัย และที่อายุยังสาว  ทุกท่านอยากจำท่าได้  ให้ผมสอนสามรอบ เล่นเอาคนสอนเหนื่อย  แต่ผู้ฝึกชอบ เพราะรู้ได้เลยภายหลังการฝึก  หายใจคล่องขึ้น  รู้สึกสดชื่น  อยากจะให้ผมมาสอนบ่อย ๆ

                                   และเพื่อนบอกว่าได้ทำงบประมาณ จะให้คุณครูที่เกษียรอายุแล้วของอำเภออินทร์บุรี  ได้มารวมตัวกันประมาณ 100 กว่าท่าน จะให้ผมไปสอนชิกง  ให้ ผมก็ตอบรับด้วยความยินดียิ่ง ที่จะได้สอนให้คนมาดูแลสุขภาพ 

                                   โรคภัยไข้เจ็บปัจจุบันมีมากมาย  ถ้าทุกคนดูแลร่างกายแบบนี้  ชีวิตก็มีความหมายขึ้น  สามารถอยู่อย่างไร้โรคได้

                                    ยินดีที่ได้ทำประโยชน์ ตอบแทนสังคมบ้านเกิดครับ

                                    คืนนี้คงนอนหลับสบายเพราะสอนรำชิกง มามาก

                                    ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8064 เมื่อ: 15 มกราคม 2556, 07:28:52 »

สวัสดียามเช้าครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มีเกียรติ ที่รักทุกท่าน

                            ผมค้างคืนที่สิงห์บุรี

                            เช้านี้ได้ไปใส่บาตรพระที่ฝั่งตรงกันข้ามกับโรงพยาบาลสิงห์บุรี  ได้ใส่บาตรหลวงพ่อวัดแจ้ง และหลวงพ่ออีกสององค์ที่แวะมาให้ใส่บาตร

                            หลังจากนั้นไปซื้อปลาท่องโก๋  ร้านนี้ต้องอร่อยแน่ๆ เป็นร้านคนจีนแท้  ทำขนมเปี๊ะขายด้าย อยู่ในซอย  สังเกตดูคนที่มาซื้อต้องรอคิวเป็นแถว แสดงว่าต้องอร่อยจริง และก็เป็นเช่นนั้น เขามีชื่อร้าน แต่จำไม่ได้ ขายดีมากเข้าใจว่าคนส่วนใหญ่มาซื้อปลาท่องโก๋ที่นี่ต้องขับรถมาซื้อด้วย  ขนมเปี๊ยก็อร่อย  แต่ไม่มีใครมาชิม  เขาจะทำวันต่อวันในปริมาณที่ขายได้แต่ละวัน  ก็คงเป็นขาประจำ เพราะร้านหายาก   วันหลังถ้าไม่แวะที่ไหน จะซื้อไปฝากให้ทดลองชิมกันครับ

                             วันนี้ขณะขับรถไปใส่บาตร พระท่านเทศนาในวิทยุ  ได้ฝัง รู้ว่าดี  ขอนำมาฝากทุกท่านครับ

                                                                      กรรมฐานการพิจารณาซากศพ

                             ในสมัยพุทธกาล  พระพุทธองค์ท่านสอนให้พระภิกษุเดินเข้าไปป่าช้า  ป่าช้าอินเดียสมัยโบราณ เวลามีคนตายชาวบ้านจะเอาผ้าขาวห่อศพ ใส่เกวียนไปทิ้งตามป่าช้าที่อยู่ไกลจากหมู่บ้าน  ที่ป่าช้าจะมีซากศพต่างๆกันให้พิจารณา เน่าเปื่อยส่งกลิ่น  บางทีก็มีนกแร้งมาดึงซากศพ ทำให้พิจารณาได้ว่า มนุษย์นั้นที่ประกอบด้วยธาตุทั้งสี่ มีหนังหุ้มอยู่นั้น พอตายไม่มีอันใดน่ายินดี มีแต่น้ำเหลือง ส่งกลิ่นเหม็น ไม่ควรยึดมั่นอะไรเลย เอาไปใช้ประโยชน์ก็ไม่ได้ มีแต่เป็นอาหารนกแร้ง อุจจาดตา

                           เมื่อภิกษุเข้าไปป่าช้าไปพิจารณาซากศพ  เพื่อให้จิตมันเห็นความจริงในร่างกาย ไม่น่ายินดีเลย และพิจารณาอย่างนี้ว่า

                           อนิจฺจา  วต  สงฺขารา                         สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ

                           อุปฺปาท วยธมฺมิโน                             มีอันเกิดขึ้นแล้ว   เสื่อมไปเป็นธรรมดา

                           อุปฺป  ชิตฺวา   นิรุชฺ  ฌนฺติ                    เกิดขึ้นแล้ว   ย่อมดับไป

                           เตสํ  วูปสโม   สุโข                            ความเข้าไประงับ  ละความยึดมั่น  แห่งสังขารทั้งหลายเหล่านั้น  เป็นสุข

                            เมื่อพระท่านพิจารณาแล้ว  ถึงจะเอาผ้าห่อศพ มาทำจีวรได้  แต่มีข้อแม้ว่า  ผ้าที่จะเอามานั้น ต้องเอามาจากศพที่เน่าเปื่อยแล้วเท่านั้น

                             เพราะเคยมีซากศพของหญิงสาวที่ยังไม่เน่าเปื่อย  พระท่านไปดึงเอาผ้าออกเห็นเรือนร่างเข้าอดใจไม่ไหว เกิดชำเลาซากศพ  เพราะจิตมนุษย์นั้นยากหยั่งถึง สามารสั่งให้กายกระทำอย่างไรก็ได้  น่ากลัวจริง ๆ  เราถึงต้องตั้งสติ  คอยฝึกหัดจิตเข้าไว้  ไม่ปล่อยให้อยู่ในโลกของความคิด

                              เมื่อพระท่านพิจารณาซากศพ ท่านก็จะเห็นความจริงของรูป-นาม  ไม่น่ายินดี  ไม่น่านับถือเลย  จิตมันจะปล่อยวางได้ เพราะทุกวันนี้จิตมันไม่เห็นความจริง  จิตมันหลงยินดี  ชอบ  เพลินไปกับ รูป-นาม ทางทวารทั้งหก คือ ตา หู  จมูก  ลิ้น  กาย  ใจ  จนชินมาแต่กำเนิด เกาะติดแน่นที่จิต จนไม่สามารถแกะออกได้  คนจึงใฝ่หาความสุข ไม่มีสิ้นสุด  มีแต่ความอยากไม่สิ้นสุด  ไม่รู้จักพอ  ยิ่งหาสุข  ก็ยิ่งมีแต่ทุกข์

                              ส่วนคนที่อยู่กับทุกข์  รู้ทุกข์  ก็จะหาสุขที่แท้จริงได้  คือการระงับสังขารอันได้แก่ความคิดปรุงแต่งนี่ละ  ลงเสัยได้  เมื่อไม่คิด  ก็ไม่ทุกข์

                              เช้านี้ก็ขอนำเสนอให้ท่านเอาไปพิจารณากันเอาเอง ครับ

                              สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8065 เมื่อ: 15 มกราคม 2556, 20:39:45 »

สวัสดีครับ อาจารย์รุ่งศักดิ์

                                  ตกลงพี่สิงห์ เลือก portege Z930-2006 i7-3667U window 7 128GB Slid State Drive HDD น้ำหนัก 1.12 kg. โดยทาง PSTC จะซื้อให้ เนื่องจากสามารถหักค่าใช้จ่ายได้  และเรียกใช้พี่สิงห์มาก  พี่สิงห์  มีแต่รายจ่ายมากตอนนี้  คงซื้อไม่ไหวครับ

                                   โดยบอกว่า หรือซื้ออะไรก็ได้ รับได้ทั้งนั้นขอให้ทำงานได้ก็แล้วกัน

                                    สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8066 เมื่อ: 15 มกราคม 2556, 20:51:30 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุท่าน

                                  วันนี้พี่สิงห์ นอนที่ขวัญเรือนรีสอร์ท  ในตัวเมืองโคราช  สามารถไปเดินที่สวนสาธารณะออกกำลังกายยามเช้าได้

                                   อากาศที่โคราชเย็นมาก ถึงจะหนาว  พอทนได้ถึงแม้ว่าไม่ได้เอาเสื้อกันหนาวมา

                                   วันนี้ตอนค่ำได้มีโอกาสไปเดินที่ The Mall โคราช เป็นครั้งแรก  ไปเดินดู Computer เห็น Samsung ultra slim  window 8 น่าใช้มาก ราคาก็ไม่แพง แต่เกรงว่าจะใช้อยาก เพราะไม่คุ้นเคย  อาจารย์รุ่งศักดิ์  ดร.สุริยา  ว่าไง ช่วยบอกให้ทราบด้วย มันไม่มีเม้าท์ เป็นระบบสัมผัส

                                    ได้เวลาสวดมนต์ทำวัตรเย็นก่อนนอนแล้วครับ

                                     ราตรีสวัสดิ์
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8067 เมื่อ: 16 มกราคม 2556, 05:42:28 »

สวัสดีครับพี่สิงห์


ผมกำลังเตรียมตัวจะไปทำธุระที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เลยแวะมาทักทายก่อน
คาดว่าพี่คงจะเริ่มออกกำลังกายในช่วงเช้า
      บันทึกการเข้า
nok15
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 529

« ตอบ #8068 เมื่อ: 16 มกราคม 2556, 06:30:47 »


  กราบสวัสดีค่ะพี่สิงห์

     วันนี้เป็นวันครู

     จึงขอคารวะแด่"พี่สิงห์"ครูผู้ให้ความรู้คนแรกในเว็บCmadongค่ะ

                

   และขออาศัยห้องของพี่สิงห์ขอแสดงความขอบคุณแด่เจ้าของห้อง

   เจ้าของกระทู้ทุกคน   ที่นกได้อ่านและได้ความรู้และความสุข โดยเฉพาะ

   พี่Preecha10  พี่Suriya13. พี่Cinderlilly. เพื่อนPete. เพื่อนตะวัน เพื่อนรุ่ง

   อร. นี้. น้องหยี. น้องเหยง  น้องอ้อย17  น้องหนิง น้องแหลม.น้องหนุน.

   น้องตี๋. น้องlamai น้องDtoy น้องMod ฯลฯ

                     ขอบคุณทุกคนนะคะ

                             Nok15

                            

              
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8069 เมื่อ: 16 มกราคม 2556, 07:52:18 »

สวัสดีครับ คุณเหยง

                             ขอบคุณมากครับ ที่เข้ามาทักทาย

                             ขอให้ขับรถด้วยความปลอดภัย  เป็นเฒ่าแก่แล้ว   หาคนขับรถให้นั่งดีกว่า

                              สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8070 เมื่อ: 16 มกราคม 2556, 08:01:37 »

สวัสดีค่ะ  คุณน้อง Nok 15  ที่รัก

                                       ขอบคุณมากสำหรับคำอวยพร

                                        ขอบคุณมาก ที่ย้ำเตือนว่า วันนี้เป็นวันครู  เพราะไม่ได้ตามข่าวสารใด ๆ  จึงลืม

                                        วันครู ถือเป็นวันที่สำคัญยิ่งที่เราควรจะระลึกถึงบุญของคุณครูของเรา  แต่กว่าเราจะนึกถึงท่านได้ก็ต่อเมื่อเราทำงานแล้วทั้งนั้น หรือเมื่อแก่เฒ่าลง

                                        ส่วนคุณครูนั้น  ท่านก็มีมุทิตาจิต เมื่อเห็นศิษย์ ประสบความสำเร็จในงาน มีชื่อเสียง แ่ต่เราไม่ได้ไปกราบท่านเลย

                                        ท่านที่ยังมีคุณพ่อ-คุณแม่ อยู่อย่าลืมดูแลครูคนแรก คือ บิดา-มารดา  ซึ่งพระพุทธองค์ทรงย้ำเตือนเสมอ นั่นละพระพรหมที่แท้จริง ที่เราจะต้องทดแทนบุณคุณท่าน  ดูแลท่าน  เมื่อท่านชรา ครับ

                                        สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8071 เมื่อ: 16 มกราคม 2556, 08:08:05 »

สวัสดียามเช้าครับ ชาวซีมะโด่ง แขกผู้มีเกียรต ที่รักทุกท่าน

                              ผมอยู่โคราช  เมื่อเช้ามืดได้ไปเดินออกกำลังกายที่สวนหลวง ร.๙  โคราช  ดีมากครับ  เดินเร็ว ๆ หนึ่งรอบใช้เวลาครึ่งชั่วโมง  มีคนมาออกกำลังกายมาก เป็นเรื่องที่ดี มาเดิน  วิ่ง  ขี่จักรยาน  รำกระบอง  เต้รแอโรบิก  เล่นเครื่องออกกำลังกาย  หรือมาแกว่งแขน  เป็นเรื่องที่ดี  ที่ควรส่งเสริม

                               รูสึกว่าจะมีผมคนเดียวที่ รำมวยจีน และโยคะ ในเช้านี้  ใช้เวลาไปหนึ่งชั่วโมงพอดี

                               ต้องขออภัยครับ เขียนไม่ทัน มีคนมารับจากโรงแรมไปทำงานครับ

                               สวัสดี
      บันทึกการเข้า
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #8072 เมื่อ: 16 มกราคม 2556, 10:54:24 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 15 มกราคม 2556, 20:51:30
สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุท่าน

                                  วันนี้พี่สิงห์ นอนที่ขวัญเรือนรีสอร์ท  ในตัวเมืองโคราช  สามารถไปเดินที่สวนสาธารณะออกกำลังกายยามเช้าได้

                                   อากาศที่โคราชเย็นมาก ถึงจะหนาว  พอทนได้ถึงแม้ว่าไม่ได้เอาเสื้อกันหนาวมา

                                   วันนี้ตอนค่ำได้มีโอกาสไปเดินที่ The Mall โคราช เป็นครั้งแรก  ไปเดินดู Computer เห็น Samsung ultra slim  window 8 น่าใช้มาก ราคาก็ไม่แพง แต่เกรงว่าจะใช้อยาก เพราะไม่คุ้นเคย  อาจารย์รุ่งศักดิ์  ดร.สุริยา  ว่าไง ช่วยบอกให้ทราบด้วย มันไม่มีเม้าท์ เป็นระบบสัมผัส

                                    ได้เวลาสวดมนต์ทำวัตรเย็นก่อนนอนแล้วครับ

                                     ราตรีสวัสดิ์

...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...

...แล้วแกแล็คซี่รุ่นใหม่ที่พี่ใช้อยู่...ไม่ดีเหรอคะ...

...กำลังคิดจะซื้ออยู่พอดีค่ะ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
pusadee sitthiphong
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 4,689

« ตอบ #8073 เมื่อ: 16 มกราคม 2556, 16:47:57 »

สวัสดีค่ะพี่สิงห์ วันที่ 23 ยังคอนเฟิร์มอยู่หรือเปล่าคะ ป้อมจะได้ยืนยันกับน้องๆค่ะ
      บันทึกการเข้า

pom shi 2516
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8074 เมื่อ: 16 มกราคม 2556, 20:32:12 »

อ้างถึง
ข้อความของ pusadee sitthiphong เมื่อ 16 มกราคม 2556, 16:47:57
สวัสดีค่ะพี่สิงห์ วันที่ 23 ยังคอนเฟิร์มอยู่หรือเปล่าคะ ป้อมจะได้ยืนยันกับน้องๆค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณน้องป้อมที่รัก

                             ขอเป็นวันที่ ๒๒ มกราคมได้ไหม? ทาง SIW เขาเปลี่ยนแผน สัมมนาวันที่ ๒๔ วันที่ ๒๓ เที่ยงไปตีกอล์ฟกับนายญี่ปุ่นเทเรกาวาซัง ที่สนาม Alpine เกรงว่าจะกลับมาไม่ทัน  ส่วนวันที่ ๒๒ ไปโรงงาน PPS Concrte ที่จอมทองตั้งแต่เช้า เย็นน่าจะว่าง ครับ  ต้องขออภัยมณีด้วย

                             สวัสดีค่ะ
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 321 322 [323] 324 325 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><