29 มีนาคม 2567, 06:10:32
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 29  ทั้งหมด   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องดี--มาแบ่งปัน  (อ่าน 565429 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
iamfrommoon
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2535
คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 8,396

เว็บไซต์
« ตอบ #75 เมื่อ: 18 เมษายน 2550, 08:06:29 »

Thank you  นะตามแคม พี่ก็สงสัยเหมือนกัน ทำไมคนถึงเอามาห้อยท้ายรถ...ที่แท้ก็กลัวผีนี่เอง 555 เอ แล้วถ้าเอาตุ๊กตาลิงไปไว้ล่ะคับมันหมายถึงอะไรฮับ อิอิ :wink:


 :lol:  Cool  :lol:
บันทึกการเข้า

@@ธรรมชาติสร้างความขัดแย้ง เพื่อให้คนเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ดียิ่งขึ้น@@@

ป๋าบอล
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 196

« ตอบ #76 เมื่อ: 18 เมษายน 2550, 13:03:35 »

อืมๆๆ...กำลังสงสัยเรื่องนี้พอดีเลย
สรุปว่า
ถ้าใครกลัวตุ๊กตาหมี ให้เอาศพมาห้อยไว้ท้ายรถใช่มั้ยครับ
เข้าใจแล้วๆ
บันทึกการเข้า
Apirat T.
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,357

« ตอบ #77 เมื่อ: 18 เมษายน 2550, 15:00:31 »

แล้วถ้าคนไม่อยากเห็นหมีทำงายอ่ะ ป๋าบอล (คำถามจากจารย์โอ หุหุ)
ต้องเอาอะไรไปแขวนไว้ที่รถ

------------------------------------------------------------
ข้อมูลจากการวิจัยโดยดูเร็กซ์
สำรวจประชากร 26,000 คู่ ทั่วโลก

โดยเฉลี่ยคนมีเพศสัมพันธ์ 104 ครั้ง/ปี
กรีกเฉลี่ยมากสุด 164 ครั้ง/ปี (แทบจะวันเว้นวันเลยนะเนี่ย)
ญี่ปุ่นเฉลี่ยต่ำสุด 48 ครั้ง/ปี (ถึงว่าผลิตอุปกรณ์กันซะเยอะเชียว หุหุ)

เวลาการมีเพศสัมพันธืเฉลี่ย 18.3 นาที/ครั้ง
ไนจีเรียเฉลี่ยสูงสุด 24 นาที/ครั้ง
อินเดียวต่ำสุด 13.2 นาที/ครั้ง

ที่มา นสพ. ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 18 เม.ย. 50 หุหุ

ตาแคม  Cool
บันทึกการเข้า
ppornson
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,724

« ตอบ #78 เมื่อ: 19 เมษายน 2550, 10:07:42 »

ท่าทางจะตก mean กระฉูด..เพราะสถิติเป็นศูนย์...ฮือๆๆ
บันทึกการเข้า
BeKamon
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 235

« ตอบ #79 เมื่อ: 19 เมษายน 2550, 10:36:12 »

พี่ปุ๊ก -- ชอบเรื่อง "ดี / ไม่ดี...อยากที่จะบอก" อืมมมม บางที ก็ค้นหาคำตอบว่า สิ่งนี้ดีหรือไม่ดี แต่มันไม่เจอคำตอบอะ พออ่านเรื่องนี้ มันก็เป็นการมองกันคนละแง่มุมนะคะ

บางครั้งสิ่งที่เราคิดว่า มันไม่ดี มันอาจจะดีก็ได้ อืมมม ไม่มีกฎเกณฑ์อะไรมาวัด มาแบ่งกัน หรือว่า เพื่อนๆ พี่ๆ มีเกณฑ์อะไรมาวัดการกระทำ หรือสิ่งต่างๆ ว่า ดีหรือไม่ดีบ้างคะ ช่วยโพสต์ให้ความกระจ่างหน่อย จะขอบคุณมากเลยค่ะ
บันทึกการเข้า

Something might change, but something never changes. (The Matrix Revolution)
หลิม 81
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,840

« ตอบ #80 เมื่อ: 19 เมษายน 2550, 10:39:18 »

ชึวิตจริงของใคร บางคน....

เมา....แต่ได้ใจภรรยา

บุญนำ ตื่นขึ้นมาตอนสาย ๆ ของวันเสาร์ เขารู้สึกปวดหัวและเมาค้าง เนื่องจากเมื่อคืนดื่มหนักไปหน่อย

แต่เขาก็ต้องแปลกใจเมื่อเขาพบว่ามียาแก้ปวดหัว ไทลินอล 2 เม็ด
กับน้ำหนึ่งแก้ววางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียง
เสื้อผ้าที่เขาใส่เมื่อคืนนี้
ได้ถูกซักสะอาดและรีดอย่างเรียบร้อย
ทุกสิ่งทุกอย่างในห้องนอนถูกจัดไว้เป็นระเบียบ
ขณะที่เขาเอายาขึ้นมากิน
เขามองเห็นโน้ตวางอยู่บนโต๊ะมีข้อความว่า

>" ที่รัก อาหารเช้าของคุณอยู่ในเตา > > > กาแฟอยู่ในกระ ติกน้ำร้อน

> ฉันไปซื้อของที่ตลาดประเดี๋ยวกลับมา

> รักคุณมากที่สุด " บุญนำขยี้ตาแล้วลองหยิกแขนตัวเอง> >

เมื่อรู้ว่านี่ไม่ใช่เขาฝันไปแน่นอนจึงเกิดความสงสัย " มันเกิดอะไรขึ้น ? ">

โดยปกติ เขาจะมีปากเสียงกับภรรยาของเขาทุกครั้งที่เขาเมากลับบ้าน> >

แต่เมื่อคืนนี้เขาเมายิ่งกว่าคืนใด ๆ> >

แต่ทำไมทุกอย่างมันกลับเป็นตาลปัตรอย่างนี้> > >> > >เขาเดินเข้าไปในครัว

อาหารเช้ากาแฟถูกเตรียมไว้อย่างดีสำหรับเขา> > >เมื่อยกมานั่งกินที่โต๊ะอาหาร>

เขาพบว่าลูกชายนั่งกินอาหารเช้าอยู่ก่อนแล้ว> > >บุญนำ :

เมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ ้น ?> > >ลูกชาย : เมื่อคืนนี้พ่อกลับบ้านตอนตีสาม

พ่อเมามากเดินโซเซชนตู้แตก> > >เก้าอี้หัก แล้วพ่อยังอาเจียนเลอะบ้านไปหมด> >

บุญนำ : จริงเหรอ ? แม่ไม่โกรธหรือ ?> > >ลูกชาย : แม่ลงมาดูแล้วโกรธมาก

แม่ลากพ่อไปยังห้องนอน> > >แล้วแม่ก็ถอดกางเกงที่เลอะอาเจียรของพ่อออก> >

บุญนำ : แล้วไงต่อ ?

> > >ลูกชาย : พ่อไม่ยอมให้แม่ถอด พ่อได้แต่พูดว่า " คุณ คุณ อย่าดีกว่า> > >ผมมีเมียแล้ว

 
 Cheesy  Cheesy  Cheesy


อนาคตของใคร!!!
บันทึกการเข้า

@ ปีนี้ปีของผม @
Mr.EggMan
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,826

« ตอบ #81 เมื่อ: 19 เมษายน 2550, 13:03:16 »

ผู้ชายเลวๆที่แสนดี

 Cheesy
บันทึกการเข้า

jakkreepan@hotmail.com
Love is in the A...I...R......H
Ton(Poodle)
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #82 เมื่อ: 19 เมษายน 2550, 13:42:42 »

ชายคนหนึ่งเพิ่งจะมาพูดได้ตอนอายุ 4 ขวบ
      ชายคนนั้น...เพิ่งจะมาอ่านหนังสือออกตอนอายุ 8 ขวบ
      ชายคนนั้น...เคยถูกไล่ออกจากโรงเรียน
      ชายคนนั้น...เคยถูกปฎิเสธจากโรงเรียนอาชีวะแห่ง ซูริค
      ชายคนนั้น...เคยถูกอาจารย์ระบุว่า "สมองช้า ไม่ชอบสังคมและล่องลอยอยู่ในความฝันอันโง่เขลาของ ตัวเองตลอดเวลา"
      ชายคนนั้น...ชื่อ "อัลเบิร์ต ไอสไตน์" บิดาแห่งปรมาณู

      ชายคนหนึ่งเคยถูกปฎิเสธจงเรียนเตรียมทหารเวสต์พอยต์
      ชายคนนั้น...ลองสมัครใหม่ดูอีกที             ชายคนนั้น...ถูกปฎิเสธอีกครั้ง
      ชายคนนั้น...พยายามเป็นครั้งที่สาม           ชายคนนั้น...ได้รับอนุญาตให้เข้าเรียน
      ชายคนนั้น...ได้เป็นทหารสมใจ               ชายคนนั้น...เข้าไปอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่สองได้สำเร็จ

               ชายคนนั้น...ชื่อ "นายพล ดักลาส แมคอาเธอร์" ผู้พิชิตแปซิฟิคแห่งสงครามโลกครั้งที่สอง

      ชายกล ุ่มหนึ่งเป็นนักดนตรี
      ชายกลุ่มนั้น...เคยถูกปฎิเสธจากผู้บริหารคนหนึ่งจากบริษัทเดคคาเรคคอร์ติ้ง
           ชายกลุ่มนั้น...ถูกปฎิเสธด้วยเหตุผลที่ว่า"เราไม่ชอบเสียงเพลงของพวกเขา และกลุ่มนักดนตรีที่เล่นกีตาร์กำลังจะหมดสมัยแล้ว”
      ชายกลุ่มนั้น...มีนามว่า "เดอะ บีเทิลส์" สี่เต่าทองแห่งตำนาน

      ชายคนหนึ่ง...เป็นนักกีฬา
      ชายคนนั้น...เล่นบาสเกตบอลให้กับทีมโรงเรียนมัธยม
      ชายคนนั้น...เคยถูกคัดออกจากทีมโรงเรียน
      ชายคนนั้น...ชื่อ "ไมเคิล จอร์แดน"
      หนึ่งในนักกีฬาบาสเกตบอลที่ทำเงินมากที่สุดในโลก

      ชายคนหนึ่ง...เป็นนักแต่งเพลงชาวเยอรมัน
      ชายคนนั้น...สูญเสามสามารถในการฟังลงเรื่อยๆ
      ชายคนนั้น...หูหนวกสนิทเมื่อมีอายุได้ 46 ปี
      ชายคนนั้น...ได้ใช้ช่วงเวลาบั้นปลายชีวิตประพันธ์เพลงที่ยอดเยี่ยมที่สุด
      ชายคนนั้น...ชื่อ "ลุดวิก ฟาน บีโธเฟน" (Ludwig van Beethoven) นักประพันธ์เพลงชื่อก้องโลก

      ชายคนหนึ่งสอบตกประถม 6
      ชายคนนั้น...เคยมีชีวิ ตที่พ่ายแพ้และล้มเหลวมาตลอด
      ชายคนนั้น...ล้วนทำประโยชน์ครั้งใหญ่ๆเมื่อเขากลายเป็นผู้สูงอายุแล้ว
      ชายคนนั้น...ได้เป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษเมื่ออายุ 62 ปี
      ชายคน ั้น...ชื่อ "วินสตัน เชอร์ชิล" อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ

      ชายคนหนึ่งเรียนปริญญาตรี
      ชายคนนั้น...เคยถูกจัดให้เป็นแค่นักศึกษาระดับกลางเท่านั้น
      ชายคนนั้น...เคยสอบได้อันดับที่ 15 จากนักศึกษา 22 คนในวิชาเคมี
      ชายคนนั้น...ชื่อ "หลุยส์ ปาสเตอร์"

      ชายคนหนึ่งเป็นนักร้อง
      ชายคนนั้น...เคยถูกผู้จัดการของ แก รนด์โอเลโอเพรย์ไล่ออก
      ชายคนนั้น...เคยโดนดูถูกว่า "แกมันไปไม่ถึงไหนเลย แกควรกลับไปขับรถบรรทุกมากกว่า"
      ชายคนนั้น...ชื่อ "เอลวิส เพรสลีย์"

     หญิงคนหนึ่งเป็นนางแบบผู้เปี่ยมไปด้วยความหวัง
     หญิงคนนั้น...ทำงานให้กับบริษัท Blue Book Modeling Agency
     หญิงคนนั้น...เคยโดน ผอ.บริษัท บลูบุ๊ค โมเดลลิ่งเอเจนซี่ดูถูกว่า "เธอควรไปเรียนด้านเลขาฯหรือไม่ก็แต่งงานเสียดีกว่า"
     หญิงคนนั้น...ชื่อ นอร์มา จีน เบเกอร์ หรือที่รู้จักกันในนาม "มาริลีน มอนโร" นั่นเอง

      ชายคนหนึ่ง หลงใหลวิชาการเงินอย่างมาก
      ชายคนนั้น...ยื่นใบสมัครกับมหาวิทยาลัยธุรกิจฮา วาร์ดอันเลื่องชื่อ
      ชายคนนั้น...ถูกปฎิเสธในเวลาต่อมา
      ชายคนนั้น...ไม่ยอมแพ้ เดินหน้าเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยธุรกิจโคลัมเบีย
            ชายคนนั้น...สำเร็จการศึกษา
      ชายคนนั้น...ปัจจุบันมีสินทรัพย์รวมกว่า 44,000 ล้านเหรียญสหรัฐจากเงินลงทุนเพียง 100เหรียญสหรัฐ
      ชายคนนั้น...ชื่อ "วอเรน บัฟเฟตต์"  นักลงทุนอัจฉริยะอภิมหาเศรษฐีอันดับสองของโลก

      ชายคนหนึ่ง หลงใหลในคอมพิวเตอร์อย่างมาก
      ชายคนนั้น...ชอบหมกตัวกับคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ
      ชายคนนั้น...ถูกเพื่อนมองว่า "สกปรก - บ้าคอมพิวเตอร์"
      ชายคนนั้น...เคยเสนอซอฟแวร์ระบบให้กับ แอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์
      ชายคนนั้น...ถูกปฎิเสธอย่างไม่ใยดี
      ชายคนนั้น...ปัจนคือผู้ให้การช่วยเหลือด้านเงินทุนกับ แอปเปิ้ลคอมพิวเตอร์
      ชายคนนั้น...เคยถูก ไอบีเอ็ม มองว่า "แค่เด็ก"
      ชายคนนั้น...ปัจจุบันเป็นผู้นำบริษัทซอฟแวร์ที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลก
      ชายคนนั้น...ชื่อ วิลเลี่ยม เฮนรี่ เกตส์ ที่สาม หรือที่รู้จักกันในนาม " บิลล์ เกตส์" ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟต์    
            มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก  ผู้ถือครองสินทรัพย์กว่า 46,000 ล้านเหรียญ

เชื่อว่า...ทุกคนเคยแพ้           เชื่อว่า...ทุกคนเคยล้มเหลว          แต่...คนแพ้ไม่ใช่คนที่ล้มเหลว
คนล้มเหลวคือ........คนที่ล้มเลิกต่างหาก

____________
ชีวิตต้องสู้ :wink:
บันทึกการเข้า
iamfrommoon
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2535
คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 8,396

เว็บไซต์
« ตอบ #83 เมื่อ: 19 เมษายน 2550, 16:26:01 »



มหาเศรษฐีเกือบจะชราผู้หนึ่ง
สุดแสนจะภูมิใจที่ลูกชาย
วัยห้าขวบของเขากำลังจะได้
เข้าเรียนในโรงเรียนชื่อดัง
ซึ่งระดับเศรษฐีอย่างพวกเขาเท่านั้น

โดยส่วนตัวของเขาเอง
ก็อยากจะสอนให้ลูกชายรู้จักกับชีวิตจริงในโลก
ควบคู่ไปกับการสอนทฤษฏีในโรงเรียน
ในวันหยุดเขาจะตระเวนพาลูกชายคนเดียวไป
ท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ
แล้ววันหนึ่งเขาก็คิดถึงหัวข้อการสอนเรื่อง
”ความยากจน”
เพราะเขามีความเชื่อว่า
ลูกชายของเขาคงไม่มีวันรู้จักแน่นอน
เขาจึงพอลูกชายไปเยี่ยมครอบครัวชาวนาครอบครัวหนึ่ง
และพักอยู่กับชาวนาเป็นเวลา 1 วัน 1 คืน

เมื่อกลับถึงคฤหาสน์ของเขาในวันต่อมา
มหาเศรษฐีก็จะทดสอบว่า
ลูกชายได้อะไรบ้างจากการไปพักแรมกับชาวนาผู้ยากจน
ลูกชายตอบคำถามผู้เป็นบิดา ว่า
เขาขอขอบคุณเป็นอย่างมากที่ได้พาเขาไปพบกับชาวนา
และพักแรมที่นั่น
ซึ่งทำ ให้เขาได้พบว่า....
ชาวนามีที่ทำงานเป็นท้องนาที่กว้างใหญ่
ในขณะที่พ่อมีเพียงห้องสี่เหลี่ยมที่ว่ากว้าง
แต่ก็ยังน้อยกว่าห้องทำงานของชาวนา

อาหารที่ชาวนารับประทานสามารถหาได้ตลอดเวลา
รอบๆบริเวณบ้านโดย ไม่ต้องซื้อหา
ในขณะที่บ้านของเรามีตู้เย็นเท่านั้น ที่เป็นที่เก็บอาหาร
เวลารับประทานอาหารก็มีเพื่อน
คุยอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูก
ในขณะที่ตัวเองก็ต้องนั่งทานอาหาร
กับโต๊ะอาหารที่ยาวเกือบสิบเมตร
และ มีเก้าอี้ว่างเปล่าทั้งสองด้าน

ลูกชาวนา ที่ซ้อนท้ายจักรยานของพ่อเขา
ต้องกอดเอวพ่อให้แน่น
เพื่อจะได้ไม่ตกจากจักรยาน

แต่เขาเอง ต้องนั่งในรถที่ใหญ่โต
อยู่ข้างหลังเพียงลำพังโดยมีคนขับรถพาไปทุกที่

ชาวนามีแสงดาวแสงจันทร์เป็นโคมไฟ
ส่องสว่างตลอดเวลาในเวลากลางคืนโดยไม่ขาดแคลน
แต่เขา ก็มีเพียงแสงจากโคมไฟที่ต้องซื้อด้วยเงิน
......... ชาวนามีรั้วบ้านเป็นแม่น้ำภูเขาที่กว้างสุดลูกหูลูกตา
แต่เขาเองกลับมีเพียงแค่กำแพงบล๊อคในพื้นที่ไม่กี่ไร่
ลูกชาวนาได้มีเพื่อนเล่นเป็นจิ้งหรีดหิ่งห้อยนับร้อยนับพัน
แต่เขาเองกลับไม่มีใครเลย

เขาขอบคุณพ่ออีกครั้งที่ทำให้เขารู้คำตอบว่า.....
จริงๆ แล้ว.......เรายากจนกว่าชาวนามาก
บันทึกการเข้า

@@ธรรมชาติสร้างความขัดแย้ง เพื่อให้คนเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ดียิ่งขึ้น@@@

Apirat T.
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,357

« ตอบ #84 เมื่อ: 20 เมษายน 2550, 11:40:22 »

ทำไงถึงจะคิดแบบนี้ได้
เหมือนง่ายๆ นะ แต่ทำได้ยาก

ตาแคม :?
บันทึกการเข้า
iamfrommoon
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2535
คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 8,396

เว็บไซต์
« ตอบ #85 เมื่อ: 20 เมษายน 2550, 16:56:34 »

>>> กาแฟใส่เกลือ

>>>เขาเจอเธอในงานเลี้ยงแห่งนึง
>>>เธอดูโดดเด่นมากและมีคนมากมายรุมล้อมเธอ
>>>ในขณะที่เขาดูเป็นผู้ชายธรรมดาคนนึง
>>>ไม่มีใครใส่ใจเขาเลย
>>>
>>>และหลังงานเลี้ยงเลิก
>>>เขาได้มีโอกาสชวนเธอไปทานกาแฟต่อ
>>>เธอประหลาดใจมาก
>>>แต่ท่าทีที่สุภาพของเขา ทำให้เธอตอบตกลง
>>>
>>>พวกเขานั่งในร้านกาแฟดีๆแห่งนึง
>>>เขาดูประหม่าจนพูดอะไรไม่ออก
>>>เธอรู้สึกอึดอัดมาก จนคิดในใจว่า
>>>ได้โปรดให้ฉันกลับบ้านเหอะ
>>>
>>>แต่ทันใดนั้น.....เขาถามบ๋อยว่า ขอเกลือป่นได้ไหม
>>>อยากเอามาใส่ในกาแฟ
>>>ทุกคนในร้านหันมาจ้องเขาด้วยความประหลาดใจ
>>>เขาอายจนต้องก้มหน้า
>>>แต่ก็ยังเติมเกลือลงในกาแฟ และก็ดื่มมันเสียด้วย
>>>
>>>ทำให้เธอต้องถามเขาอย่างอดไม่ได้ว่า ทำไมชอบกาแฟรสชาติแบบนี้
>>>เขาตอบว่า เมื่อเขายังเด็กบ้านเกิดเขาอยู่ริมทะเล
>>>เขาเป็นลูกน้ำเค็มเล่นกับทะเลทุกวัน เคยชินกับรสเค็มของเกลือ
>>>เหมือนกับรสชาติของกาแฟเค็ม
>>>เพราะฉะนั้นเมื่อทุกครั้งที่เขาได้ลิ้มรสกาแฟเค็มๆเขาก็จะคิดถึงวัยเด็ก
>>>คิดถึงบ้านเกิด เขาคิดถึงพ่อแม่ทียังอยู่ที่นั่น
>>>
>>>เขาเล่าไปก็น้ำตาไหลอาบแก้ม
>>>เธอรู้สึกสงสารเขาจับใจ
>>>นั่นเป็นความในใจลึกๆของเขา
>>>ผู้ชายคนไหนที่กล้าบอกว่าเขาคิดถึงบ้าน
>>>แสดงว่าเขาต้องรักครอบครัวอย่างมาก
>>>และมีความรับผิดชอบต่อครอบครัว
>>>ดังนั้นเธอก็เริ่มประทับใจในตัวเขา เริ่มชวนเขาคุย
>>>เล่าถึงบ้านเกิดของเธอบ้าง ชีวิตในวัยเด็ก ครอบครัวของเธอ
>>>เธอกับเขาคุยกันถูกคอมากขึ้นเรื่อยๆ
>>>และจากการเริ่มต้นที่ดี ทำให้เขากับเธอคืบหน้าความสัมพันธ์ต่อไป
>>>
>>>
>>>จนในที่สุด เธอก็ค้นพบว่า เขาคือผู้ชายแบบที่เธอต้องการอย่างแท้จริง
>>>เขาใจกว้าง อ่อนโยน อบอุ่น และดูแลเป็นอย่างดี เขาเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ
>>>แต่เธอเกือบจะมองข้ามเขาไป!
>>>ต้องขอบคุณกาแฟแก้วนั้น
>>>
>>>และชีวิตรักที่สวยงามเช่นนี้ ก็เหมือนดังเรื่องทั่วไป
>>>เมื่อเธอตกลงใจแต่งงานกับเขา และก็มีความสุขมาโดยตลอด....
>>>โดยทุกๆครั้งที่เธอชงกาแฟให้กับเขา
>>>เธอต้องใส่เกลือลงไปในกาแฟให้ทุกครั้งไป
>>>เธอรู้ว่านี่เป็นกาแฟที่เขาชอบมากที่สุด
>>>
>>>
>>>หลังจากนั้นอีกสี่สิบปีเขาก็จากเธอไป
>>>ทิ้งจดหมายไว้ให้เธอฉบับนึงข้างในมีใจความว่า
>>>
>>>ที่รัก อภัยให้ผมด้วย
>>>ที่ต้องโกหกคุณชั่วชีวิต
>>>มีเรื่องเดียวเท่านั้นที่ผมโกหกคุณ เรื่องกาแฟเค็มนั่น
>>>จำวันแรกที่เรามีนัดกันได้ไหม
>>>ผมประหม่ามากในตอนนั้น
>>>จริงๆแล้วผมต้องการน้ำตาล แต่ผมพูดผิดเป็นขอเกลือ
>>>ซึ่งมันยากที่จะกลับคำในตอนนั้น ผมจึงต้องปล่อยมันไป
>>>ซึ่งผมไม่คิดว่า นั่นจะทำให้เราได้เริ่มต้นการพูดคุยกัน
>>>ผมพยายามที่จะสารภาพกับคุณหลายต่อหลายครั้ง
>>>แต่ผมก็ไม่กล้าที่จะสารภาพออกไป
>>>ทำให้ผมสัญญากับตัวเองว่า จะไม่โกหกอะไรคุณอีกแม้แต่ครั้งเดียว
>>>ตอนนี้ผมจากไปแล้ว ผมไม่ต้องหวาดกลัวอะไรอีก
>>>ดังนั้นจึงเล่าความจริงในจดหมายฉบับนี้
>>>
>>>แท้จริงแล้วผมไม่ได้ชอบทานกาแฟรสเค็มเลยแม้แต่น้อย
>>>มันรสชาติค่อนข้างแย่ทีเดียว
>>>แต่ว่าผมทานมันตลอดทั้งชีวิตตั้งแต่ได้รู้จักคุณ
>>>ผมไม่เคยนึกเสียใจในสิ่งที่ทำเพื่อคุณเลย
>>>การได้พบคุณเป็นความสุขอันยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดชีวิตของผม
>>>ถ้าผมได้มีโอกาสมีชีวิตอีกครั้ง ผมก็ยังอยากจะได้พบคุณ
>>>และมีคุณเป็นภรรยาผมอีกครั้งเช่นกัน
>>>แม้ว่าผมจะต้องดื่มกาแฟรสเค็มอีกตลอดชีวิตก็ตาม!
>>>
>>>น้ำตาของเธอหยดใส่กระดาษจดหมายจนเปียกชุ่ม
>>>และหลังจากนั้น หากมีใครถามเธอ
>>>กาแฟรสเติมเกลือรสชาติเป็นเช่นไร
>>>
>>>
>>>เธอก็จะตอบเสมอว่า "มันหวาน"


 :oops:  :oops:  :oops:
บันทึกการเข้า

@@ธรรมชาติสร้างความขัดแย้ง เพื่อให้คนเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ดียิ่งขึ้น@@@

Mr.EggMan
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,826

« ตอบ #86 เมื่อ: 21 เมษายน 2550, 15:52:10 »

เพื่อเป็นประโยชน์ครับ อยากให้รู้กันมากๆ...
กฎหมายใหม่ของกระทรวงยุติธรรม คุ้มครองประชาชน
- ผู้หญิงโดนข่มขื่น แจ้งความ และใบรับรองแพทย์แจ้งว่าโดนข่มขืน  รับเงิน 30,000
บาท
- ถูกทำร้ายร่างกาย แจ้งรับเงิน 30,000-70,000 บาท
- เป็นพลเมืองดี แต่ถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ แจ้งรับเงิน 100,000 บาท
อายุการแจ้งความไม่เกิน 1 ปี ดำเนินการอย่างข้า 4 เดือน
โทรสอบถามได้ที่กระทรวงยุติธรรม หรือโทร 1133
หาดูหนังสือพิมพ์ข่าวสด วันที่ 11-12 มกราคม 2550 ได้ ถ้าไม่เชื่อ…
ส่งต่อด้วย ขอบคุณคนไทยทุกคน
บันทึกการเข้า

jakkreepan@hotmail.com
Love is in the A...I...R......H
ppornson
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,724

« ตอบ #87 เมื่อ: 21 เมษายน 2550, 16:18:13 »

โดนผู้หญิงรังแกหัวใจ..กรูจะได้เท่าไหร่คับ..
บันทึกการเข้า
iamfrommoon
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2535
คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 8,396

เว็บไซต์
« ตอบ #88 เมื่อ: 22 เมษายน 2550, 02:54:35 »

อ้างจาก: "ppornson"
โดนผู้หญิงรังแกหัวใจ..กรูจะได้เท่าไหร่คับ..


รังแกจนได้ัหัวใจเราไปรึเปล่า ถ้าอันนี้คงไม่มีโรงพักไหนรับแจ้งครับ เพราะสมยอมน่ะ ฮ่าๆๆๆ :lol:
บันทึกการเข้า

@@ธรรมชาติสร้างความขัดแย้ง เพื่อให้คนเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ดียิ่งขึ้น@@@

หลิม 81
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,840

« ตอบ #89 เมื่อ: 23 เมษายน 2550, 11:12:19 »

อ้างจาก: "ppornson"
โดนผู้หญิงรังแกหัวใจ..กรูจะได้เท่าไหร่คับ..


ของผมหนักไปทาง...ข่มขืนจิตใจ แต่ไม่สามารถออกใบรับรองแพทย์ได้ เพราะโดนหมอ (     ) ข่มขืน... :oops:  :oops:


น่าสงสารจัง
บันทึกการเข้า

@ ปีนี้ปีของผม @
party
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,875

« ตอบ #90 เมื่อ: 23 เมษายน 2550, 11:18:57 »

เพื่อนกลุ่มหนูผู้ชายตอนที่ยังเรียนเศรษฐฯ เค้าบอกว่า เวลาเข้าห้องน้ำทีไร โดนข่มขืนทางสายตา ทู้กกกกที 5555555
บันทึกการเข้า

http://happinessparty.multiply.com/
<embed src=\\\"http://images.multiply.com/multiply/horizontal-headshot-badge.swf\\\" type=\\\"application/x-shockwave-flash\\\" wmode=\\\"transparent\\\" FLASHVARS=\\\"user_id=happinessparty&enc=U2FsdGVkX1.XgxV7rEZX6q1u2Jyr2y9bKY8Amx,Hc,GTybsHCwE8.8sOCJWnoHQj
iamfrommoon
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2535
คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 8,396

เว็บไซต์
« ตอบ #91 เมื่อ: 21 พฤษภาคม 2550, 16:11:14 »

เด็กหนุ่มคนหนึ่ง...เป็นชาวสงขลา...

เรียนเก่งมาก...

ได้ทุนไปเรียนอเมริกา...ตั้งแต่เด็ก...จนจบด็อกเตอร์...

จึงกลับมาเยี่ยมบ้าน...
 


บ้านของเด็กหนุ่ม...

อยู่อีกฟากหนึ่ง...ของทะเลสาบสงขลา...

ต้องนั่งเรือแจว...ข้ามไป...ใช้เวลาแจวประมาณหนึ่งชั่วโมง...




 


เรือที่ติดเครื่องยนต์...ไม่มีเหรอ...ลุง... ?

ไม่มีหรอกหลาน...ที่นี่มันบ้านนอก...

มันห่างไกลความเจริญ...มีแต่เรือแจว...

โอ...ล้าสมัยมากเลยนะลุง...โบราณมาก...

ที่อเมริกา....เขาใช้เครื่องบินกันแล้วลุง...ลุงยังมานั่งแจวเรืออยู่อีก...




 


ไปส่งผมฝั่งโน้น...เอาเท่าไร...ลุง... ?

80 บาท...

OK ...ไปเลยลุง...




 


ในขณะที่ลุงแจวเรือ...

หนุ่มนักเรียนนอก...ก็เล่าเรื่องความทันสมัย...

ความก้าวหน้า...ความศิวิไลช์...ของอเมริกาให้ลุงฟัง...




 


เมืองไทย...เมื่อเทียบกับอเมริกาแล้ว...ล้าสมัยมาก...

ไม่รู้คนไทย...อยู่กันได้ยังไง... ?

ทำไมไม่พัฒนา...ทำไมไม่ทำตามเขา...เลียนแบบเขาให้ทัน... ?

ลุง...ลุงใช้คอมพิวเตอร์...ใช้อินเตอร์เน็ต...เป็นไหม... ?




ลุงไม่รู้หรอก...ใช้ไม่เป็น...

โอโฮ้...ลุงไม่รู้เรื่องนี้น่ะ....ชีวิตลุงหายไปแล้ว...25 %... .




 


แล้วลุงรู้ไหมว่า...เศรษฐกิจของโลก...ตอนนี้เป็นยังไง... ?

ลุงไม่รู้หรอก...

ลุงไม่รู้เรื่องนี้นะ...ชีวิตของลุงหายไป...50 %




 


ลุง...ลุงรู้เรื่องนโยบายการค้าโลกไหม...ลุง... ?

ลุง...ลุงรู้เรื่องดาวเทียมไหม...ลุง... ?

ลุงไม่รู้หรอก...หลานเอ๊ย...

ชีวิตของลุง...ลุงรู้อยู่อย่างเดียว...

ว่าจะทำยังไง...ถึงจะแจวเรือให้ถึงฝั่งโน้น...

ถ้าลุงไม่รู้เรื่องนี้...ชีวิตของลุง...หายไปแล้ว...75 %




 


พอดีช่วงนั้น...

เกิดลมพายุพัดมาอย่างแรง...คลื่นลูกใหญ่มาก...ท้องฟ้ามืดครึ้ม...

นี่พ่อหนุ่ม...เรียนหนังสือมาเยอะ...จบดอกเตอร์จากต่างประเทศ...

ลุงอยากถามอะไรสักหน่อยได้ไหม... ?

ได้...จะถามอะไรหรือลุง... ?




 


เอ็งว่ายน้ำเป็นไหม... ?

ไม่เป็นจ๊ะ...ลุง....




 


ชีวิตของเอ็ง...กำลังจะหายไป 100 % ...แล้วพ่อหนุ่ม...



 :lol:  Cool  :lol:
บันทึกการเข้า

@@ธรรมชาติสร้างความขัดแย้ง เพื่อให้คนเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ดียิ่งขึ้น@@@

ชาร์ป
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,119

« ตอบ #92 เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2550, 15:54:01 »

จาก webboard thaivi.com


http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=25482

เรื่องที่น่ารู้และควรรู้ของผู้ชาย (และผู้หญิง)    

 
อ้างถึง   
ความจริงแล้วเรื่องที่น่ารู้ และควรรู้ของผู้ชายนั้น มีมากมาย แล้วแต่ความสนใจ ของแต่ละคน อย่าลืมนะครับว่า
ผู้ชายนั้นเกิดมา เพื่อที่จะรักอิสระ อยากแสวงหาอะไร ที่แปลกใหม่ออกไป

จากเดิม อยากลองโน่นลองนี่ ฯลฯ พูดง่ายๆ ก็คือผู้ชายนั้นเป็นพวกหัวก้าวหน้า ขณะที่ผู้หญิงนั้น เป็นพวก
อนุรักษ์นิยม... โดยเฉพาะเรื่องราว เกี่ยวกับความรัก และกามารมณ์ ความคิดและการกระทำของผู้ชาย กับ
ผู้หญิงยิ่งแตกต่างกัน

ว่าด้วยความรัก
ผู้ชายรักง่ายหน่ายเร็ว ผู้หญิงรักยาก แต่เมื่อรักแล้วจะรักตลอดไป

ก่อนจะแต่งงานผู้ชายจะพูดแต่คำว่ารักโดยมิรู้จักเบื่อ และผู้หญิงก็อยาก
ที่จะฟัง ครั้นใช้ชีวิตคู่กันไปนานๆ เข้า ผู้ชายพูดคำว่ารักน้อยลง ในขณะ
ที่ผู้หญิงอยากที่จะรับฟังคำว่ารักจากเขาคนนั้นให้มากขึ้น ยิ่งนานไปๆ
ผู้หญิงจะเริ่มพูดว่าฉันรักเธอ หรือน้องรักพี่ แต่ผู้ชายก็เริ่มเบื่อที่จะฟัง
แล้วในตอนนั้น

ผู้ชายเกิดมาเพื่อที่จะมีหลายรัก แต่ผู้หญิงส่วนใหญ่เกิดมาเพื่อที่จะมี
รักเดียวด้วยเหตุผลตามธรรมชาติที่ว่า ผู้ชายนั้นเกิดยาก ตายง่าย ส่วน
ผู้หญิงนั้นอดทน แก่ง่ายแต่ตายยาก จึงทำให้สัตว์โลกทั้งหลายนั้นตัวผู้
จะเป็นจ่าฝูงและมีตัวเมียในสังกัดหลายตัวตามกฎแห่งธรรมชาติดังกล่าว
มนุษย์เราก็เช่นกัน ผู้ชายจึงเกิดมาเจ้าชู้ และมีหลายรักโดยธรรมชาติ แต่
เมื่ออยู่รวมเป็นสังคมแล้ว วัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามจึงจำกัดให้ผู้ชาย
ต้อพยายามมีรักเดียวใจเดียว... แต่ไม่ทราบว่าแป๊บเดียวหรือเปล่า
ความเจ้าชู้ของผู้ชายจึงแก้ไม่หาย แต่สามารถที่จะกล่อมเกลาหรือสั่งสอนได้ตั้งแต่วัยเด็กวัยเรียนให้มี
รักเดียวใจเดียว ผลที่ตามมาคือ ผู้ชายส่วนใหญ่จะถูกเก็บกดและถ้าได้คู่ครองที่ไม่เข้าใจในตัวเขาแล้ว
ความสุขในชีวิตคู่ก็จะลดลงไป

ผู้หญิงต้องการความรัก ผู้ชายต้องการสัมผัสรัก WOMAN NEED LOVE, MAN
NEED MAKING LOVE เข้าใจไหมครับ เพราะผู้หญิงจะมีเพศสัมพันธ์นั้นส่วนใหญ่เธอ
ต้องรักเขาอยู่ก่อนจึงจะยอมเป็นของเขา แต่ผู้ชายนั้นเซ็กซ์ก็คือความรักในเจตคติของเขา เขา
จะมีเซ็กซ์ที่สุขสมก่อน ความรักของเขาต่อเธอจึงจะเพิ่มพูนขึ้นมา ผู้หญิงที่ยิ่งใหญ่หลายราย
ในประวัติศาสตร์จึงสามารถใช้ความงามและบทบาทการแสดงความรักสยบนักรบชายมา
มากต่อมาก ให้มาสยบอยู่ภายใต้ชายกระโปรงของพวกเธอ

ผู้ชายมักจะใฝ่ฝันที่จะเจอรักแรกพบ หรือ LOVE AT FIRST SIGHT แต่ผู้หญิงมัก
ต้องการที่จะพบกับใครสักคนหนึ่งซึ่งจะรักเธอเป็นคนสุดท้าย และรักเธอตลอดไป สิ่งที่เธอ
ต้องการจึงเป็น ETERNAL LOVE

ผู้ชายมักจะใจร้อน อยากจะให้ผู้หญิงรับรักของเขาโดยเร็ว ยิ่งถ้าได้มีอะไรเป็นเครื่องประกัน
ว่าเธอจะรับรักเขาแล้วเขาจะยิ่งพอใจมากขึ้น ผู้ชายหลายรายจึงร้อนรนที่จะได้ครอบครอง
ผู้เป็นที่รักทั้งกายและใจ  

ว่าด้วยกามารมณ์ : สีสันแห่งความรัก
กามารมณ์ หรือ SEX นั้น กล่าวได้ว่าเป็นสิ่งที่อยู่ในสมองของผู้ชายตราบเท่าที่เขายังมีการ
สร้างฮอร์โมนเพศชายตามปกติ เนื่องจากฮอร์โมนเพศชายนั้นเป็นฮอร์โมนของความต้องการ
ทางเพศ ต่างจากฮอร์โมนเพศหญิง ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความรัก

แน่นอนว่า ความรักย่อมคู่กับกามารมณ์ อันเป็นความต้องการของธรรมชาติเพื่อการดำรงเผ่าพันธุ์
ของมนุษยชาติ กามารมณ์จึงอยู่คู่กับโลกนี้มานานตั้งแต่เริ่มเกิดมีมนุษย์ขึ้นมา

ผู้ชายหลายรายไม่ได้เข้าใจหรอกว่า ความรักคืออะไร และจำเป็นจะต้องมีความรักด้วยหรือ จึงจะมี
ความสัมพันธ์ทางเพศที่ลึกซึ้งต่อกันได้
กามารมณ์ในอดีตจึงเกิดเพื่อการเจริญเผ่าพันธุ์ของมนุษยชาติอย่างเดียว
เป็นสัญชาตญาณพื้นฐาน หรือ BASIC INSTINCT ที่ผู้ชายจะต้อง
มีการนำอวัยวะแห่งความเป็นชายของเขาผ่านเข้าไปในช่องทางการ
เจริญพันธุ์ของเธอ และกระทำการจนหลั่งเอาน้ำอสุจิออกมาเพื่อที่จะให้
ตัวอสุจิอันเป็นสายพันธุ์ของเขาเข้าไปผสมกับไข่ ซึ่งเป็นสายพันธุ์ของเธอ
เกิดการปฏิสนธิจนได้ทายาทไว้สืบสกุล

ด้วยเหตุนี้การมีเพศสัมพันธ์ในอดีตจึงเป็นไปโดยมีจุดประสงค์ หรือ GOAL ORIENTED ที่จะ
ผ่องถ่ายสายพันธุ์เท่านั้น โดยที่ไม่ได้รู้ซึ้งถึงสัมผัสแห่งรักจากการเคลื่อนไหวทางกายที่ประสาน
สอดคล้องกันทั้งสองฝ่าย

ผู้ชายจะรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ไปถึงจุดสุดยอด เมื่อเกิดความสุขแล้วจึงเกิดการติดอกติดใจ
ที่จะปฏิบัติการอันสุนทรในการจะนำเขาไปสู่จุดสุดยอดด้วยเหตุนี้ผู้ชายหลายรายจึงหมกมุ่น
กับการกระทำที่จะนำเขาไปสู่จุดสุดยอดดังกล่าวไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือตนเอง หรือการมี
กิจกรรมทางเพศกับคู่ของเขา

เมื่อคิดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับเซ็กซ์ ผู้ชายจะคิดถึงว่าจะมีอะไรกับเธอที่ไหนในแบบไหนดี ท่วง
ท่าลีลาแห่งความรักที่แปลกใหม่และเร้าใจ จะอยู่ภายในความคิดคำนึงของเขาเสียเป็นส่วน
ใหญ่ เขาสามารถที่จะมีความสัมพันธ์ทางเพศกับผู้หญิง สาว สวย ในอุดมคติของเขาโดยที่
ไม่จำเป็นว่าจะต้องเริ่มต้นด้วยความรักก่อน ตรงกันข้ามกับผู้หญิงส่วนใหญ่ที่ถ้าเธอจะมีอะไร
กับใครสักคน เธอจะคิดก่อนว่าสมควรไหม มีเหตุผลที่ดีงามอะไรบ้างที่เธอจะต้องมอบกาย
มอบใจให้แก่เขา เขาจะรักเธอมากขึ้นไหมหลังจากที่มีสัมพันธสวาทกันแล้ว นั่นแหละครับ
เซ็กซ์ที่ต่างกันระหว่างชายและหญิงในจุดเริ่มต้น

ผู้ชายมักจะไม่พยายามเข้าใจว่า "เมื่อถึงวัย ร่างกายย่อมเปลี่ยนแปลง" เขาพยายามที่จะมี
กิจกรรมทางเพศให้ได้ในปริมาณที่เท่าเดิม และเมื่อเขาไม่สามารถที่จะทำได้เท่าสถิติเดิม เขา
ก็มักจะถามตัวเองว่า ทำไมนะจึงไม่เหมือนเดิม และส่วนใหญ่ก็มักจะโทษภรรยาของเขาว่า
ไม่เร้าใจเหมือนเดิมบ้างละ ไม่ตามใจเขาเหมือนเดิมบ้างละ ไม่กระชับเหมือนเดิมบ้างละ โดย
ลืมไปว่าที่ไม่เร้าใจเหมือนเดิมน่ะ เป็นเพราะเมื่อเขาอายุมากขึ้น ปริมาณฮอร์โมนเพศชายใน
ร่างกายของเขาก็ลดลง

ผู้ชายส่วนใหญ่ไม่รู้ว่า การจะมีอะไรกันกับเธอให้เป็นที่ติดอกติดใจนั้นขึ้นอยู่กับเวลาในการ
ไปถึงดวงดาวผู้หญิงใช้เวลาอย่างน้อย 13 นาที กว่าจะไปถึงจุดสุดยอด ในขณะที่ผู้ชายที่มี
สุขภาพดีและแข็งแรงจะใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 3 นาทีครึ่งก็ไปถึงดวงดาวแล้ว ที่เหลือ
10 นาที นั่นแหละปัญหา

ปัญหาใหญ่ของชายชาตรีจึงเป็นการหลั่งเร็วเกินไปกว่าที่ต้องการ  บางคนแค่สามารถทำให้
เธอเกิดความรู้สึกแค่แวบๆ เท่านั้น ก็เรียบร้อยแล้ว

เปรียบผู้หญิงก็เหมือนเตาอบไฟฟ้า นั่นแหละครับ กว่าจะร้อนก็ต้องใช้เวลาพอควร ส่วนผู้ชาย
เปรียบได้กับเตาแก๊ส เปิดก็ร้อนเลยทันที ถ้าจะเปรียบกับรถยนต์ก็เป็นประเภทเครื่องยนต์เบนซิน
6 สูบ 24 วาว์ล กับรถเครื่องดีเซลนั่นแหละครับ

FOREPLAY หรือการเล้าโลมเท่านั้นที่จะทำให้เธอมีความสุขพร้อมคุณผู้ชายได้ โดยไม่
จำเป็นต้องพึ่งพาเทคนิคอื่นๆ ในการชะลอการหลั่งเลย

เหล่านี้แหละครับเป็นเรื่องน่ารู้ที่ผู้ชายทุกคนควรจะรับรู้ และเธอผู้เป็นที่รักก็ควรจะรู้ด้วย เพราะสิ่งที่ผู้ชายต้องการจากเธอคือ " ความเข้าใจ"


 :lol:

 
อ้างถึง   


เพศสัมพันธ์ VS ความเครียด
 
 ||\\_
/ /_
                       

มนุษย์เราเมื่อหายเครียด ก็จะมีความสุข เมื่อมีกามารมณ์ที่สุขสม ก็มีความสุข ถ้าเช่นนั้น ผู้หญิง
เพศสัมพันธ์ และความเครียด มันมาเกี่ยวข้องกันตรงไหน

เพศสัมพันธ์ VS ความเครียด
ความเครียด มีผลต่อระบบต่างๆ ของร่างกายหลายอย่างและมากมาย จนไม่อาจเล่าได้หมด
ความเครียดเป็นปัจจัยสำคัญที่เร่งให้เกิดอนุมูลอิสระ อันเป็นตัวการที่ไปทำลายและเร่งความเสื่อม
ของเนื้อเยื่ออวัยวะต่างๆ ในร่างกาย มีผลทำให้คนเราในปัจจุบันเป็นโรคภูมิแพ้ได้ง่ายขึ้น เป็น
โรคหัวใจขาดเลือดไปเลี้ยงเพราะเส้นเลือดเสื่อมสภาพ และไขมันเกาะผนังเส้นเลือดทำให้อุดตัน
ได้ง่าย เป็นโรคมะเร็งเพิ่มขึ้น เพราะเซลล์เนื้อเยื่อถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ ทำให้เปลี่ยนแปลงไป
เป็นเซลล์ชนิดใหม่ที่แบ่งตัวผิดประเภทเป็นเนื้อร้าย

ความเครียดทำให้นอนไม่หลับ เมื่อนอนไม่หลับร่างกายที่ไม่มีเวลาพอเพียงที่จะซ่อมแซมส่วนต่างๆ
ที่สึกหรอไปจากการใช้งานในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ยังทำให้การสร้างฮอร์โมนเพศลดลง

ฮอร์โมนเพศที่ลดลงยังมีผลไปทำให้อารมณ์และความต้องการทางเพศลดลง ผู้หญิงที่มีความ
เครียด จะมีผลกระทบต่อการสร้างฮอร์โมนเพศ และการตกไข่ ทำให้รอบเดือนเพี้ยนหรือเปลี่ยน
แปลงมาไม่เป็นปกติ ทำให้หงุดหงิดและกังวลเพิ่มไปอีก เพราะกลัวจะเป็นนั่น กลัวจะเป็นที่ทำให้
หลายรายอยู่ในสภาพที่เรียกว่าวิตกจริต เบื่อหน่ายการงานเบื่อหน่ายที่จะมีความสัมพันธ์ทางเพศ
กับคู่ครอง หลายรายเกิดปัญหาถ้าคู่ครองไม่เข้าใจ เมื่อเกิดปัญหาความเบื่อหน่ายที่จะมีเพศสัมพันธ์
ไปนานๆ เข้าจะทำให้เมื่อคิดจะมีอะไรกันใหม่นั้น กล้าๆ กลัวๆ เลยไม่มีความสุข หรือมีความสุข
ไปแกนๆ ไม่มีความรู้สึกสุดยอด ไม่สมปรารถนา เลยพลอยทำให้เบื่อหน่ายที่จะมีสัมผัสรักกับคู่
ครองอีก กลายเป็นวัฏจักรแห่งความล้มเหลวไป

ความเครียด VS เพศสัมพันธ์
เพศสัมพันธ์ การแสดงความรักด้วยภาษากาย ทางออกที่เรียบง่ายในการมีความสุขทางโลก
ของหนุ่มสาว ความเพริศแพร้วและสีสันแห่งความรัก

คนที่มีคู่ครองเป็นตัวเป็นตนนั้น เพศสัมพันธ์เป็นการสื่อรักด้วยภาษากายที่เรียบง่าย รวดเร็ว และได้
ผลในการทำให้เกิดความสุขสมในการครองชีวิตคู่ของปุถุชนคนธรรมดา เป็นกิจกรรมที่คนสองคน
ร่วมมือกันกระทำ ส่งภาษาแห่งความรักความปรารถนา ช่วยเหลือและนำพาซึ่งกันและกันไปยังจุด
หมายปลายทางที่ปรารถนาร่วมกัน

และเมื่อไปถึงดวงดาวที่ปรารถนาสูงสุดแล้ว ความอิ่มเอมในอารมณ์ก็จะตามมา ความเครียดส่วน
หนึ่งก็ลดลง และถ้ากระบวนการนี้เป็นไปอย่างต่อเนื่องแล้ว ชีวิตคู่ก็เริ่มมีส่วนหนึ่งที่ไปด้วยกันได้
มีเยื่อใยต่อกัน มีสายใยที่โยงไม่เห็นเชื่อมกันไว้ ผลกระทบจากความเครียดจึงลดลงไปเป็นธรรมดา

มาดูผลดีของการมีกามารมณ์ที่สุขสมกันดีไหมครับ




กามารมณ์ที่สุขสมช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนเพศทั้งชายและหญิง ทำให้มีหน้าตาผ่องใส
ผู้หญิงมีน้ำมีนวล


ลดความเครียด นอนหลับสบาย สุขภาพจิตดี


ประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันร่างกายดีขึ้น เจ็บป่วยน้อยลง


อาการต่างๆ ของรอบเดือนที่ไม่พึงประสงค์น้อยลง อย่างผิดหูผิดตา


กามารมณ์ที่สุขสมช่วยให้มีการหลั่งสารแห่งความสุขที่เรียกว่า เอ็นโดฟิน ซึ่งมีคุณสมบัติ
ิช่วยลดอาการปวดต่างๆ เช่น ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดเมื่อยตามตัว ปวดประจำเดือน
ปวดข้อ ฯลฯ


การไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น ผิวพรรณเต่งตึง


ช่วยเผาผลาญพลังงานในร่างกาย ทำให้รูปร่างเอวบางร่างน้อยสมส่วน


กามารมณ์ที่สุขสมช่วยเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างร่างกายและจิตใจ ทำให้สุขภาพดี และ
ครอบครัวเป็นสุข


ทำให้ชีวิตยืนยาว แก่ช้า


ผลดีต่างๆ ดังกล่าวนั้น คุณหมอเท็ด แมคเวนนา ประธานสถาบันเพศศาสตร์แห่งมหานคร
ซานฟรานซิสโก เป็นผู้กล่าว และยังเน้นต่อไปด้วยว่า
'เพศสัมพันธ์ หรือเซ็กซ์ อาจจะเป็นการแพทย์ในแนวป้องกันที่ดีที่สุดก็ว่าได้'

เคล็ดไม่ลับในการมีความสัมพันธ์ทางเพศที่สุขสม

มีเมื่อพร้อม กามารมณ์หรือเพศสัมพันธ์นั้น แม้ว่าจะเป็นทางออกที่เรียบง่ายในการบอกคำ
ว่า 'รัก'ด้วยภาษากายที่ตอบสนองซึ่งกันและกัน แต่การจะบอกรักด้วยภาษากายนี้ ต้องการ
ตอบสนองด้วยการกระทำ ไม่ใช่เพียงการบอก 'รัก' ออกจากปาก

ดังนั้น ถ้ายังไม่พร้อมอย่าเพิ่งไปมี เพราะจะทำให้การตอบสนองไม่เป็นไปตามธรรมชาติ และยังจะ
เครียดด้วย ระหว่างที่กิจกรรมแห่งความรักกำลังดำเนินอยู่ ถ้ายังไม่มีอารมณ์ กระซิบบอกเขาคนนั้น
ให้รอหน่อย แต่ต้องให้ความหวังเขาด้วยนะครับ และเมื่อมีอารมณ์พร้อมแล้ว ตอบสนองเขาด้วย
อารมณ์ปรารถนานำไปสู่ความสุขสมไปถึงดวงดาวด้วยกันทั้งสองฝ่ายก็จะรู้สึกผ่อนกายและ
คลายเครียด


เอื้ออาทรซึ่งกันและกัน ตอบสนองต่อความรักของเขาด้วยกระบวนท่วงท่าและลีลา
ที่เขาชอบ และเขาคนนั้นก็มักจะตอบสนองที่ดีตามมาผลการสำรวจในปัจจุบันพบว่า
ผู้ชายส่วนใหญ่นั้นเวลาจะมีอะไรกันกับคนรักแล้วเขาคำนึงถึงความสุขของสาวคนรัก
เป็นส่วนหนึ่งในการมีชีวิตคู่แล้ว การห่วงหาอาทรซึ่งกันและกันในขณะที่กิจกรรมแห่ง
ความรักดำเนินอยู่ จะทำให้รู้สึกเกิดความผูกพัน

อย่าลืมเซ็กซ์เซอร์ไซส์ การออกกายบริหารกล้ามเนื้อของอุ้งเชิงกราน
ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อโดยรอบช่องคลอดนั้นจะช่วยทำให้กล้ามเนื้อของช่องทางแห่งความสุขแข็งแรง
ยืดหยุ่นได้ดี ผนังที่คลุมอยู่หนานุ่มชุ่มชื้น ต่อมต่างๆ ได้รับเลือดไปเลี้ยงดีขึ้น ทำให้ผลิตน้ำหล่อลื่น
ออกมาได้พอเพียงต่อการใช้ในขณะมีกิจกรรมแห่งความรักใคร่

การตอบสนองของกล้ามเนื้อในขณะที่กิจกรรมแห่งความรักใคร่ดำเนินอยู่เป็นไปตามธรรมชาติ
และได้สัมผัสรักอย่างเต็มที่ กระชับและเปี่ยมไปด้วยแรงดีดสะท้อน ทำให้มีความสุขทั้งสองฝ่าย
นอกจากนี้ยังทำให้การไหลเวียนของเลือดดี มีเลือดมาคั่งเมื่อเวลามีอารมณ์ทำให้ความสุขสม
เพิ่มขึ้น อย่าลืมนะครับว่า 'ขมิบวันละร้อย ไม่ต้องกลัวเมียน้อยมาราวี' และก็ไม่ต้องกลัวว่าจะ
หย่อน หลวม เมื่ออายุมากขึ้นด้วย


คำนึงถึงคุณภาพเสมอ ผู้ชายส่วนใหญ่มักจะนึกถึงปริมาณในการมีเซ็กซ์ แต่ถ้าต้องการ
คลายเครียดแล้วคุณภาพสำคัญกว่า ท่วงท่าและลีลาแห่งความรักที่คนสองคนร่วมแรง
ร่วมใจกันกระทำเพื่อไปให้ถึงจุดหมายปลายทางแห่งความสุขสม จะนำความพึงพอใจ
มาให้มากกว่าความถี่ของการร่วมรักเสียอีก

อย่าให้จำเจ คนเราเบื่อง่าย ทำอะไรเป็นประจำซ้ำๆ ซากๆ ย่อมจะเบื่อจริงไหมครับ
ลองนึกดูว่าในแต่ละครั้งที่จะมีกิจกรรมทางเพศกัน 'เริ่มต้นแบบนี้...ลงท้ายก็จบลงแบบนั้น'
คุณจะเบื่อไหม จะมีเพศสัมพันธ์ที่สุขสม เพื่อลดความเครียดแล้ว คุณจะต้องไม่ยึดติด
ปลี่ยนเวลา สถานที่ บรรยากาศบางซิครับจะทำให้กระฉับกระเฉงกระตือรือร้นและมี
ความสุขเพิ่มขึ้น

มีบุตรเมื่อพร้อม อย่ารีบมีบุตรเมื่อแต่งงานใหม่ๆ ให้เวลาเรียนรู้ความต้องการของ
กันและกันก่อน หาความสุขพื้นฐานจากเพศสัมพันธ์ ซึ่งเป็นรากฐานของชีวิตคู่ก่อนระยะ
หนึ่งจนอิ่มเอมเปรมใจแล้วค่อยมีลูกน้อยมาเป็นโซ่ทองคล้องชีวิตคู่ต่อไป หลังจากมีบุตร
แล้วก็ควรที่จะมีกิจกรรมทางเพศต่ออย่างสม่ำเสมอกับคนที่คุณรัก โอยแบ่งเวลาให้เขาบ้าง
อย่าให้ลูกไปหมด

อาหารเพิ่มพลังรักใคร่ จะคลายเครียดและมีเพศสัมพันธ์ที่สุขสมนั้น การรับประทาน
อาหารที่ครบถ้วนทุกหมวดหมู่จะทำให้มีสุขภาพดี และการรับประทานอาหารที่มี
แร่ธาตุครบถ้วน หลักเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสัตว์สูง จะทำใหการไหลเวียนของเลือด
ดีขึ้น ทำได้เท่านี้ คุณก็หายเครียดแล้ว และอย่าลืมนะครับว่า การนอนหลับพักผ่อนที่
พอเพียง จะทำให้ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ทำให้ชีวิตรักสดใสด้วยนะครับ
บันทึกการเข้า
นายป้อ
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,124

« ตอบ #93 เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2550, 16:18:35 »

:lol: แหม...เพื่อนชาร์ป..นายนี่นะ...

...ต้องรีบมีแฟนเป็นตัวเป็นตนได้แล้วล่ะ.....
บันทึกการเข้า
ชาร์ป
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,119

« ตอบ #94 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2550, 11:08:11 »

เรื่องของคนไทยที่น่ายกย่อง ครับ

มีคนมา post ไว้ในกระทู้นี้

http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=25083&start=90

 Shocked

 
อ้างถึง   

อีกท่านก็ซู้ดดด..หยอดดดดดด....

Quote:

 

ความยิ่งใหญ่ผู้หญิงไทยคนหนึ่งที่ทะเลทรายซาฮาร่า

เภสัชกรยิปซีไทย ผู้ผลิตยาต้านไวรัสเอดส์(ปัจจุบัน ขณะนี้ ไทยกำลังมีปัญหากับอเมริกา เพราะข้อขัดแย้ง เรื่องราคายา ที่ไทยไม่ยอมอเมริกา เรื่อง สิทธิบัตรยา)

ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ เภสัชกรยิปซีไทย ผู้ผลิตยาต้านไวรัสเอดส์ที่เร่ร่อนไปทั่วเเอฟริกาจนเป็นที่รู้จักจนอเมริกานำชีวิตเธอสร้างเป็นละครบรอดเวย์ แต่คนไทยไม่รู้จักเธอ

ชื่อ - ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ เป็นคนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี มีพี่น้อง 2 คน พ่อเป็นหมอ คุณแม่ เป็นพยาบาล
เรียน - นักเรียนประจำที่ รร.ราชินี ปริญญา คณะเภสัชศาสตร์ ม.เชียงใหม่ ปริญญาโท สาขาเภสัชวิเคราะห์ ม.Strahclyde ปริญญาเอก สาขาเภสัชเคมี ม.Bath ที่อังกฤษ
(ฐานะทางบ้าน ก็สบายๆ ญาติพี่น้อง ทำธุรกินโรงแรมที่เกาะสมุย)

ชอบเล่นดนตรี เคยฝันอยากเป็น Conductor

เคยอยากเปลี่ยนสายเรียน ไปเป็น ไบโอเคมี (ชีวเคมี )แต่เห็นว่า คณะที่เรียนอยู่ ในเมืองไทย มีคนเรียน แค่ 5 คน จึงก้มหน้าก้มตาเรียนต่อไป

ปี 2535 เริ่มมีผู้ป่วยเอดส์ในประเทศไทย เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หลังจาก พบในเอดส์ในไทยครั้งแรก ปี 2526 ทำไห้ตัดสินใจศึกษาวิจัยยาต้านไวรัสเอดส์ คิดค้นอยู่ 3 ปี แรกๆทำงานคนเดียวหมด

ประเทศไทยจึงเป็นประเทศแรกของโลก ที่ผลิตยาชื่อสามัญว่า ยาเอดส์ ในปี 2538 ได้

โดนคดีขึ้นศาลกับบริษัทยา(ชื่อของอจ. ถูกบรรจุอยู่ในแบล็กลิสต์ของบริษัทยาเกือบทุกบริษัท) จากเรื่องของผลประโยชน์ เพราะถ้า ผลิตยาได้สำเร็จ ยอดขายของผู้ผลิตรายอื่นๆ ก็ต้องตกแน่นอน เพราะว่า ราคาต่างกันค่อนข้างมาก  ถือว่าตัวเองได้ทำหน้าที่ที่ได้ร่ำเรียนมาอย่างดีที่สุดแล้ว ไม่ได้คิดว่าจะตบหน้าใคร หรือมาทำให้ยอดขายของบริษัทไหนลดลง (ก็คนกำลังจะตายอยู่แล้ว ไม่มีเงินซื้อยาแพงๆกิน ก็ต้องช่วยกันไป)

คือ ยา ZIDOVUDINE (AZT)- ยาที่ลดการติดเชื้อจากแม่สู่ลูก จาก แคปซูลละ 40 บาท เหลือ 7-8 บาท

อีกตัวคือ จากเดิม ขาย แคปซูลละ 284 บาท เหลือ 8 บาท

ยาที่มีชื่อเสียงมาก คือ GPO-VIR สามารถทำให้ยา 3 เม็ดรวมอยู่ในเม็ดเดียว จากต้องทาน วันละ 6 เม็ด เหลือเพียง 2 เม็ดเท่านั้น

รัฐบาลไทย สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเอดส์ จาก 1000คน เพิ่มเป็น 10000 คนค่ายา จาก คนละ 20,000 เหลือ 1,200 บาท

ปี 2545 ลาออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา เพื่อจะไปช่วยเหลือทางแอฟริกาใต้อย่างเต็มตัว (เห็นว่า เมืองไทย เริ่มช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว ) ไม่มีใคร(รวมทั้งรัฐมนตรี)ยอมเซ็นใบอนุมัติการลาออกให้

มีการยื่นข้อเสนอ ให้เปลี่ยนตำแหน่งสูงขึ้น และการเอายาของเราไปขายที่แอฟริกาแทน แต่ไม่เอาด้วยเหตุผล

ต้องการให้พวกเขาทำเองให้พึ่งตนเอง เชื่อว่า ถ้าเขาอยากกินปลา เราก็ควรสอนเขาตกปลาเอง ไมใช่ว่าเอาปลาไปให้เขากิน เพราะไม่อย่างนั้น เขาจะไม่มีวันพึ่งตัวเองได้ เมืองไทยไปจำหน่ายได้ มันจะมีประโยชน์อะไร เพราะมันไม่มีความยั่งยืน(ไม่สนเงินเข้ากระเป๋า ว่างั้น)

เดินทางไปคองโก ไปบุกเบิกใหม่หมด วาดแปลนโรงงาน ที่จะผลิตยา ใช้เวลา 3 ปี โรงงานดังกล่าว ผลิต ยาต้านไวรัสเอดส์ ชื่อ AFRIVIR เหมือนเมืองไทยทุกอย่าง ได้สำเร็จ

ปี 2546 ผลิตยาที่ทวีปแอฟริกา ที่ดังมาก และขายดีที่สุดในประเทศแทนซาเนีย คือ ยามาลาเรีย (THAI-TANZUNATE) ยาราคาถูก จาก 360 บาท ผลิตได้ ในราคา 36 บาทเท่านั้น

ประเทศด้วยพัฒนาในแอฟริกายากจนมาก สมมติว่าโรงพยาบาลหนึ่งมีเตียง 150 เตียงแต่มีคนไข้ที่มาแอดมิด 450 คน นั่นหมายถึง ใน 1 เตียง มีคนไข้ 3 คน นอนบนเตียงเดียวกัน 2 คน นอนกลับหัวกลับหางกัน และนอนใต้เตียงอีก 1 คน

เวลาอยู่ที่แอฟริกา ก็ร่อนเร่ไปเรื่อยๆ ไม่ค่อยมีหลักแหล่ง บางทีก็มีคนช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายการเดินทาง บางทีออกเอง เพราะประเทศเขายากจน ไม่มีตังค์ให้หรอก

อุปสรรคชีวิตโลดโผน

เจอเครื่องบินดีเลย์ ไป 24 ชม.
บางที เครื่องบินก็พาไปลงผิดประเทศ
เสื้อผ้า ต้องมีติดกระเป๋าสะพายตลอดอย่างน้อย 3 ชุด เพราะชุดในกระเป๋าเดินทางที่โหลดไว้ใต้ท้องเครื่องอาจมาช้า ไม่ก็หายไปเลย
ที่คองโก นอนอยู่ดีๆ ก็มีแสงสว่างวาบๆขึ้นมา ก็คิดในใจว่า ทำไมถึงสว่างเร็วจัง ปรากฏว่าไม่ใช่แต่เป็น ระเบิดที่เขายิงมา โดยมีเป้าหมายที่บ้านพักของดิฉัน แต่เขากะพลาดไปหน่อย เลยไปตกข้างๆบ้านแทน คิดว่า คงเป็นฝีมือของพวกที่เขาคิดว่าดิฉันเป็นศัตรูนั่นแหล่ะค่ะ

ตอนไปช่วยเหลือที่ ไนจีเรีย ต้องเดินทางตอนตี 1 จากสนามบิน เข้าสุ่ที่พัก คนเดียว ไม่มีคนมารับ นั่งแท๊กซี่ไป ถูกคนเอาปืนมาจี้ 5 ครั้ง ในคืนเดียว รอดมาได้หมดทุกครั้ง และไม่มีใครเอาทรัพย์สินไปเลยสักคนเดียว ด้วยเหตุผล " ฉันมาช่วยคนในประเทศเธอน่ะ อยากได้อะไรก็เอาไปเลย" เลยไม่มีคนจี้ต่อ แต่เสียเวลาไป 4 ชั่วโมง กับการเดินทาง 20 กม. เพราะมัวแต่โดนจี้ ไป 5 ครั้ง

สื่อของฝรั่งเศสและเยอรมนี ชื่นชมการทำงานมาก นำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ จนได้รับรางวัลจาก เทศกาลหนังเมืองคานส์ 3 รางวัล

เรื่องหนังสารคดี
A Right to Live – Aidsmedication for Millions

A film by ARTE / WDR, 2006
45 min. documentary
Directed by: Birgit Schulz

http://www.imdb.com/name/nm1663523/


อเมริกา นำไปสร้างเป็นละครบรอดเวย์เรื่อง COCKTAIL แสดงในเดือนพฤษภาคมนี้
ถูกจัดทำขึ้นเพื่อเชิดชูเกียรติและเผยแพร่ประวัติการทำงานของอาจารย์  
ในแง่ของละคร Cocktail ทำได้ดีทีเดียวค่ะ สามารถถ่ายทอดทั้งประวัติชีวิตและการทำงานของอาจารย์ได้ดีและจับใจมาก
เรื่องนี้ได้ผู้กำกับและร่วมเขียนบท รวมทั้งผู้แสดงเป็นอาจารย์ระดับมืออาชีพ ผู้กำกับและเขียนบททำการบ้านได้ดีมากค่ะ
มีการปูเรื่องถึงความเมตตาของอาจารย์ซึ่งถ่ายทอดมาจากการใช้ชีวิตในวัยเด็กกับคุณยายซึ่งเป็นช่วงสั้น ๆ แต่ลึกซึ้ง  
มีช่วงที่เล่าถึงความยากลำบากของอาจารย์ในการทำงาน อุปสรรคทั้งในแง่การเมือง ธุรกิจ และองค์กร NGO ต่าง ๆ
แต่อาจารย์ก็ฝ่าฟันอุปสรรคและสามารถคิดค้นพัฒนายารักษาโรคเอดส์ได้ในราคาที่ถูกมาก
หลังจากพัฒนาได้สำเร็จในประเทศไทยแล้ว อาจารย์จึงตัดสินใจไปช่วยพัฒนายารักษาโรคเอดส์ในหลายๆประเทศในแอฟริกาซึ่งเป็นพื้นที่ที่โรคเอดส์ปัญหาร้ายแรง
หลังละครจบและทุกครั้งหลังการบรรยายของอาจาย์ผู้ชมจะยืนขี้นปรบมือทั้งโรงละคร เป็นภาพที่น่าปลื้มใจแทนอาจารย์และภูมิใจในฐานะคนไทยค่ะ
ลิงค์รายละเอียดละคร Cocktail
http://www.swinepalace.org/explore.cfm/20062007season/cocktail/

ลิงค์เบื้องหลังการซ้อมละครและบทสัมภาษณ์ผู้กำกับและผู้เขียนบท
http://www.lpb.org/programs/swi/streaming.cfm
click ที่ SWI 3032 - Swine Palace's Cocktail 13-Apr-07

ไปสัมภาษณ์ทางสถานีวิทยุของอเมริกาแค่ครึ่งชั่วโมง มีทั้งอังกฤษและอเมริกา เสนอปริญญากิตติมศักดิ์ให้ไม่รู้กี่ใบ



รางวัลนักวิทยาศาสตร์โลก (Global Scientist Award 2004) จากประเทศนอร์เวย์ และได้รับปริญญาเอกกิตติมศักดิ์ สาขาวิทยาศาสตร์ จาก Mauny Holly Oke College, USA
โดยเป็นผู้หญิงไทยคนแรกที่ได้รับรางวัล ดังกล่าว

ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ เคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาองค์การเภสัชกรรม ซึ่งได้ทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับยารักษาโรคเอดส์มาโดยตลอด และประสบความสำเร็จเป็นประเทศแรกของโลกในการผลิตยาชื่อสามัญ AZT ป้องกันการติดเชื้อเอดส์จากแม่สู่ลูก ในปี 2535 หลังจากนั้น ในปี 2545 ได้คิดค้นยาชื่อ GPO (Government Pharmacy Organization) หรือยาต้านเอดส์สตรี ค็อกเทล ที่มีส่วนประกอบของยา 3 ชนิดในเม็ดเดียว ส่งผลให้ยา มีราคาถูกลงมาก โดยผู้ป่วยจะเสียค่ายาเพียงเดือนละ 1,200 บาท ซึ่งปกติต้องจ่ายค่ายาเดือนละ 20,000 บาท ราคายาที่ถูกลงทำให้ ผู้ป่วยเอดส์ได้รับยาอย่างเท่าเทียมกันและทั่วถึงยิ่งขึ้น

ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ ยังได้ช่วยเหลือ 5 ประเทศในทวีป แอฟริกา ได้แก่ ประเทศอิริคเทอร์เรีย แทนซาเนียน คองโก เบนิน และประเทศไลบีเรีย ซึ่งมีปัญหาผู้ป่วยเอดส์ประมาณ 30 ล้านคน หรือประมาณร้อยละ 90 จากผู้ป่วยเอดส์ 38 ล้านคนทั่วโลก รวมถึงปัญหาโรควัณโรคและโรคมาลาเรีย โดยรับผิดชอบถ่ายทอดเทคนิคการ ผลิตยา ในระหว่างนั้นยังประสบผลสำเร็จในการผลิตยารักษาโรคมาลาเรีย ชื่อ Thai Tan Zumate และผลิตยาเหน็บทวารเด็กสำหรับรักษาโรคมาลาเรีย เนื่องจากเด็กเล็กไม่สามารถกลืนยาได้ การใช้ยาเหน็บจึงมาความจำเป็นมาก นอกจากนี้ ดร.กฤษณา ยังได้นำความรู้ความสามารถที่ได้สั่งสมมาไปปฏิบัติงานร่วมกับองค์กรในต่างประเทศอีกหลายแห่ง

ที่มาและเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกัน :

*ดูจับเข่าคุยสิ สัมภาษณ์ผู้หญิงคนนึงเกี่ยวกับยาต้านเอดส์ วีรกรรมเธอมีคนเอาไปทำละครบรอดเวย์ด้วย *

http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A5402900/A5402900.html

**เมื่อคืน ดู ภญ อ. ดร กฤษณา ไกรสินธ์ ในรายการ สรยุทธ จับเข่าคุย แล้วน้ำตาซึมครับ

http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L5403940/L5403940.html

***ละครบรอดเวย์ สร้างจากชีวิตจริง เภสัชกรยิปซีไทย (แต่คนไทย ไม่รู้จัก)

http://www.roorha.com/main/view_joke.php?id=6875

 



Quote:


ความคิดเห็นที่ 231  

ขอบคุณจากใจจาก ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์


ขอขอบคุณเจ้าของกระทู้ทุกท่าน สำหรับคำติชม ข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และที่สำคัญที่สุด คือ กำลังใจที่ส่งมาให้อย่างต่อเนื่อง สิ่งเหล่านี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้ต่อสู้กับอุปสรรคนานัปการที่กำลังทำอยู่ และที่กำลังจะทำในอนาคตในทวีปแอฟริกา
ไม่มีบริษัทยาไหนจะให้สูตรและวิธีการผลิตยาแก่ประเทศด้อยพัฒนา หรือฝึกอบรมให้เขาทำยาเองได้ การพัฒนาสูตรตำรับยาเป็นสิ่งที่ไม่ยากเย็นอะไร เภสัชกรไทยทุกท่านสามารถทำได้แต่ก็ต้องอาศัยเวลา ตลอดเวลาที่ทำงาน ไม่เคยลอกสูตรยาของใครมา และไม่เคยละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทยาใด ๆ สิ่งที่ถ่ายทอดให้ประเทศในทวีปแอฟริกา แม้จะไม่ยิ่งใหญ่ตามความรู้สึกของบางท่าน ก็มีความภูมิใจ เพราะอย่างน้อยก็ได้ช่วยชีวิตคนแอฟริกันได้นับเป็นล้าน ๆคน
ตลอดเวลาที่ทำงาน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไม่เคยหวังการตอบแทนอะไร ไม่ว่าจะเป็นเกียรติยศ เงินทอง ชื่อเสียง หรือรางวัลต่าง ๆ มีความสุขกับการทำงานและผลงานที่ได้รับ คือ การที่ผู้ป่วยยากจนได้รับยา แม้ว่าจะมีอุปสรรคมากมายก็ตาม
ขณะนี้ กำลังผลิตยาต้านมาลาเรียชนิดเม็ดที่เป็นยาผสมระหว่าง Artesunate และ Amodiaquine ที่ประเทศมาลี ซึ่งเป็นประเทศยากจนหนึ่งในสิบของโลก อากาศที่นี่โดยเฉพาะเดือนนี้ร้อนมาก (อุณหภูมิเฉลี่ย
40 C) แต่ก็มีความสุขกับงาน ได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตยาให้กับคนที่นี่ พนักงานในโรงงานยาก็สามารถผลิตยาเองได้แล้ว นี่ความภูมิใจที่ได้รับ

หากใครต้องการจะติดต่อโดยตรง ก็ส่งอีเมล์มาที่ kraisintu@yahoo.com


จากคุณ : ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ - [ 21 พ.ค. 50 22:57:19 A:216.252.179.145 X: ]

ตอบจากกระทู้
*ดูจับเข่าคุยสิ สัมภาษณ์ผู้หญิงคนนึงเกี่ยวกับยาต้านเอดส์ วีรกรรมเธอมีคนเอาไปทำละครบรอดเวย์ด้วย *

http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A5402900/A5402900.html

 


ประชาสังคม ในฐานะสมาชิก เป็นส่วนหนึ่งของสังคม ควรที่พวกเราจะได้ช่วยกันเป็นกำลังใจ ยกย่อง ส่งเสริม สนับสนุนการทำงานของคนดี คนที่เสียสละ และช่วยกันเผยแพร่เกียรติคุณของท่านเหล่านั้นให้เข้าถึงผู้คนในวงกว้างต่อไป คนทำงานเช่นนี้ต้องการกำลังใจมากคับ

ขอคาราวะจากใจ

bsk(มหาชน)

.
.
.

 
อ้างถึง   

มติชน วันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10672

ภูมิใจที่เกิดเป็นคนไทย

โดย โกวิท วงศ์สุรวัฒน์


จากข้อเขียนในเรื่องเมธีตะวันออกของท่านอาจารย์เสถียร โพธินันทะ ปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ของไทยผู้มีอายุสั้นเหลือเกิน น่าเสียดายที่ท่านจากโลกนี้ไปด้วยอายุเพียง 37 ปีเท่านั้นเอง ท่านอาจารย์เสถียรเขียนถึงอุดมคติการเมืองของขงจื๊อไว้ดังนี้คือ

อุดมคติการเมืองของขงจื๊อเรียกว่า "ไต้ท้ง" แปลตามตัวอักษรว่า ความเสมอภาคอันใหญ่ยิ่ง ลัทธิไต้ท้งของขงจื๊อไม่ยอมให้มีการแบ่งชาตินั้นชาตินี้ แต่ให้ถือว่าทุกคนเป็นเพื่อนร่วมโลกเหมือนกันหมด จึงเป็นสากลนิยม สมมุติถ้ามีใครมาถามคนที่ถือลัทธิสากลนิยมว่า ท่านเป็นคนชาติอะไร? เขาจะตอบว่าข้าพเจ้าเป็นมนุษยชาติเป็นแน่ ขงจื๊อเห็นว่าความเดือดร้อนในโลกเกิดจากการแบ่งเป็นชาติ จากชาติก็แบ่งแยกออกมาเป็นรัฐ เป็นแคว้น เป็นเมือง เป็นคณะ เป็นพวก แก่งแย่งเบียดเบียนกันไม่สิ้นสุด เพราะฉะนั้น ถ้าจะสร้างสันติภาพในโลกก็ต้องเลิกความรู้สึกแบ่งแยกนี้โดยสิ้นเชิง ให้ถือว่าทุกคนเป็นพลโลก มีชาติชาติเดียวกันคือมนุษยชาติเท่านั้น

คราวหนึ่งเจ้าครองนครฌ้อออกไปประพาสป่ากลับมา แต่ลืมทิ้งคันศรไว้ในหนทาง พวกมหาดเล็กจะกลับไปค้นหา เจ้าครองนครฌ้อตรัสว่า "ไม่ต้องค้นหาให้เสียเวลาหรอก เพราะพระราชาฌ้อทำตกหายไป แต่ราษฎรฌ้อเป็นผู้ได้ไป จะเป็นไรมี"

ขงจื๊อทราบเรื่องนี้ก็วิจารณ์ว่า "น่าเสียดายนัก ที่เจ้าครองนครฌ้อยังคับแคบไป ไฉนไม่พูดว่ามนุษย์ทำคันศรตกหาย แต่มนุษย์ด้วยกันเป็นผู้ได้ไปจะเป็นไรมี ทำไมจะต้องเจาะจงเป็นชาวฌ้อเล่า"

ทรรศนะการเมืองของขงจื๊อ คือพลโลกเป็นครอบครัวเดียวกันหมด

ผู้เขียนได้อ่านข้อความนี้มาตั้งแต่เด็กแล้วก็ได้แต่รำพึงในใจว่า "ยังจะมีคนที่คิดและทำอย่างนี้บ้างไหมหนอในโลกนี้ หากมีโอกาสพบเห็นคงเป็นมงคลในชีวิตเป็นที่ยิ่ง!"

พบแล้วละคนไทยเรานี่เอง คือเภสัชกร ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ คนเกาะสมุย ท่านเป็นผู้มีความเมตตาอันไพศาลดังมหาสมุทร เริ่มจากการก่อตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาให้กับองค์การเภสัชกรรมด้วยการเข้าไปทำงานเป็นคนแรกและคนเดียวเท่านั้นใน พ.ศ.2539 ทำได้ 6 ปีก็ลาออกเพื่อไปช่วยผลิตยาสามัญรักษาโรคเอดส์และมาเลเรียให้แก่ชาวแอฟริกาทั้งทวีปเมื่อ พ.ศ.2545 ในขณะที่สถาบันวิจัยและพัฒนาของไทยมีบุคลากรคุณภาพถึง 70 คนและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

ก่อนอื่นท่านผู้อ่านต้องเข้าใจความหมายของยาสามัญ (generic drug) เสียก่อน (ผู้เขียนเองทีแรกก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน)

กล่าวคือ ยาชนิดเดียวกันเมื่อมีการผลิตจากหลายบริษัทอาจมีราคาขายที่แตกต่างกันได้มากเนื่องจากยาเป็นสินค้าชนิดหนึ่ง

คราวนี้ยาใหม่มักจะมีราคาแพงมากกว่ายาเก่าในกลุ่มเดียวกัน เนื่องจากบริษัทยาผู้ผลิตจำเป็นต้องได้รับกำไรชดเชยค่าใช้จ่ายสำหรับการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนายาชนิดนั้นๆ ก่อนที่จะได้รับการขึ้นทะเบียนให้นำมาจำหน่ายในท้องตลาดได้

บริษัทยาเจ้าของสิทธิบัตรของยาใหม่จึงได้รับความคุ้มครองในช่วงเวลาหนึ่ง (ประมาณ 15-20 ปีนับแต่วันจดทะเบียนสิทธิบัตรการค้นพบ)

เมื่อครบกำหนดบริษัทยาอื่นก็สามารถผลิตยาชนิดเดียวกันนั้นออกจำหน่ายด้วยเช่นกัน แต่ต้องใช้ชื่อการค้าอื่นหรือใช้ชื่อทางเคมีของยาโดยตรงจึงนิยมเรียกยาที่ผลิตออกมาจากต่างบริษัทในภายหลังว่าเป็นยาเลียนแบบหรือ ยาสามัญ (generic drugs) ซึ่งส่วนใหญ่มักมีราคาถูกลงมาก เนื่องจากบริษัทที่ผลิตขึ้นตามในภายหลังเหล่านี้ไม่มีต้นทุนด้านการวิจัยและพัฒนามากเหมือนบริษัทต้นแบบ

อีทีนี้ปัญหามันมีอยู่ว่าบรรดาบริษัทยานั้น (ส่วนใหญ่อยู่ในสหรัฐอเมริกา) มีความโลภอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เวลาคิดราคายาที่ตนเองผลิตขึ้นมาก็เอากำไรกันด้วยการคิดราคายาที่ขายสูงกว่าต้นทุนการผลิตไม่ต่ำกว่า 30-40 เท่าตัวแบบว่าไม่คำนึงถึงชีวิตคนโดยไม่มีมนุษยธรรมเลยนั่นแหละก็จะพยายามไม่ให้ใครผลิตยาสามัญขึ้นมา

แต่ ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ ของเรานี่แหละได้พยายามผลิตยารักษาโรคเอดส์ขึ้นเป็นคนแรกและประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่ผลิตยาสามัญรักษาโรคเอดส์ขึ้นใน พ.ศ.2538 ซึ่งยานี้เป็นตัวอย่างการผลิตยาสามัญรักษาโรคเอดส์ที่ไทยเราทำออกมาขายในราคาแคปซูลละ 8 บาท ในขณะที่บริษัทยาของฝรั่งที่มาฟ้องร้องนั้นขายแคปซูลละ 284 บาท

การผลิตยาสามัญรักษาโรคเอดส์นี้ทำให้รัฐบาลไทยแต่เดิมสามารถแจกยารักษาผู้ป่วยโรคเอดส์ได้ประมาณพันคนสามารถช่วยเหลือคนเป็นหมื่นๆ ได้เนื่องจากราคายาถูกลง (ยารักษาโรคเอดส์ต้องกินทุกวัน วันละ 2 เวลาไปตลอดชีวิต ขาดไม่ได้

ใน พ.ศ.2542 ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ เห็นว่าทวีปแอฟริกาเป็นทวีปที่โชคร้ายมีผู้ป่วยเอดส์เป็นสิบล้านคนท่านจึงคิดที่จะไปช่วยสอนให้คนแอฟริกาสามารถผลิตยาสามัญรักษาโรคเอดส์นี้ได้เอง เนื่องจากอย่างที่ว่าแหละยารักษาเอดส์นี้ต้องกินทุกวันขาดไม่ได้

คงมีคนสงสัยว่าทำไมเราไม่ส่งยาสามัญของเราเองไปขายที่แอฟริกาเล่า?

ดร.กฤษณาท่านตอบว่า "ดิฉันต้องการให้พวกเขาทำเองให้พึ่งตนเอง ดิฉันเชื่อว่า ถ้าเขาอยากกินปลา เราก็ควรสอนเขาตกปลาเองไม่ใช่ว่าเอาปลาไปให้เขากิน เพราะไม่อย่างนั้นเขาจะไม่มีวันพึ่งตนเองได้ ถ้าเรามองว่าเราสามารถนำยาจากเมืองไทยไปจำหน่ายได้ มันจะมีประโยชน์อะไร เพราะมันไม่มีความยั่งยืน บุคลากรที่มาผลิตยา ก็เป็นคนที่อยู่ในท้องถิ่นนั้น"

ท่านไปแอฟริกาคนเดียวนะแถมยังต้องควักกระเป๋าตัวเองด้วยเหมือนกันอย่างประเทศแรกที่ท่านไปช่วยคือประเทศคองโก (ซาร์อี) ซึ่งกำลังมีสงครามกลางเมือง ที่คองโกนอกจาก ดร.กฤษณาจะไปช่วยผลิตยารักษาโรคเอดส์แล้วยังต้องไปออกแบบแปลนสร้างโรงงานให้ด้วยเพราะเวลาไปถึงมีแต่ที่ดินว่างๆ เท่านั้น

ช่วยคองโก 3 ปีจนสำเร็จเป็นแห่งแรกต่อจากนั้นก็ไปที่ประเทศแทนซาเนียซึ่งที่นี่นอกจากยารักษาโรคเอดส์แล้ว ดร.กฤษณายังคิดและผลิตยารักษามาเลเรียขึ้นมาเองโดยตั้งชื่อว่า "THAI-TANZUNATE" ซึ่งเป็นยามาเลเรียราคาถูกที่สุดในโลกคือตกราว 36 บาทต่อเม็ด

ในขณะที่ยามาเลเรียของฝรั่งทุกยี่ห้อราคาประมาณเม็ดละ 360 บาท

ดร.กฤษณาได้เดินทางไปตามประเทศต่างๆ ในแอฟริกาทำอย่างนี้จนปัจจุบันยาที่มีคำว่า THAI ขึ้นหน้าเป็นที่รู้จักทั่วแอฟริกา ซึ่งตลอดเวลาที่ท่านอยู่ในแอฟริกานั้นท่านต้องเจออากาศที่ร้อนถึง 50 องศาเซลเซียส ถูกปืนจี้ 5 ครั้ง เจอระเบิดตกลงข้างที่พักและที่สำคัญคือพูดกับคนแอฟริกาไม่รู้เรื่องด้วยซี

ที่น่าสนใจคือสื่อต่างประเทศเขาชื่นชมการทำงานของ ดร.กฤษณาถึงกับเอาไปสร้างภาพยนตร์จนได้รับรางวัลจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ 3 รางวัล นอกจากนี้ทางอเมริกายังนำเรื่องของท่านไปสร้างป็นละครบรอดเวย์เรื่อง "Cocktail" เปิดแสดงในเดือนพฤษภาคมนี้เอง และยังได้รับการเสนอปริญญากิตติมศักดิ์จากอังกฤษและอเมริกาไม่รู้กี่ใบแล้ว

รางวัลโนเบลสำหรับคนไทยคนแรกอยู่ไม่ไกลหรอก แต่ ดร.กฤษณาท่านไม่สนใจหรอกเพราะท่านคือ "มหาตมะ" ของแท้แน่นอน


เป็นเรื่องราวให้กำลังใจสำหรับคนทำงาน ตั้งใจดี ครับ ...   Shocked
บันทึกการเข้า
iamfrommoon
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2535
คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 8,396

เว็บไซต์
« ตอบ #95 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2550, 11:22:48 »

อ้างจาก: "ชาร์ป"
เรื่องของคนไทยที่น่ายกย่อง ครับ

มีคนมา post ไว้ในกระทู้นี้

http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=25083&start=90

 Shocked

 
อ้างถึง   

อีกท่านก็ซู้ดดด..หยอดดดดดด....

Quote:

 

ความยิ่งใหญ่ผู้หญิงไทยคนหนึ่งที่ทะเลทรายซาฮาร่า

เภสัชกรยิปซีไทย ผู้ผลิตยาต้านไวรัสเอดส์(ปัจจุบัน ขณะนี้ ไทยกำลังมีปัญหากับอเมริกา เพราะข้อขัดแย้ง เรื่องราคายา ที่ไทยไม่ยอมอเมริกา เรื่อง สิทธิบัตรยา)

ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ เภสัชกรยิปซีไทย ผู้ผลิตยาต้านไวรัสเอดส์ที่เร่ร่อนไปทั่วเเอฟริกาจนเป็นที่รู้จักจนอเมริกานำชีวิตเธอสร้างเป็นละครบรอดเวย์ แต่คนไทยไม่รู้จักเธอ


เป็นเรื่องราวให้กำลังใจสำหรับคนทำงาน ตั้งใจดี ครับ ...   Shocked



อิอิ....ขอเสริมค่ะว่า หากใครอยากอ่าน ผู้หญิงเก่งแม่พระแห่งประเทศแถบแอฟริกาท่านนี้...ไปอ่านได้ในหนังสือ "คู่สร้างคู่สม" ฉบับ 10-20 พ.ค. 2550 ค่ะ อาจารย์ให้สัมภาษณ์แบบ 4 หน้ากระดาษเลย
บันทึกการเข้า

@@ธรรมชาติสร้างความขัดแย้ง เพื่อให้คนเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ดียิ่งขึ้น@@@

ลูกพิ้ง
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,287

« ตอบ #96 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2550, 11:35:03 »

:shock: กำลังจะพิมพ์บอกเหมือนพี่ปุ๊กกี้เล้ย.....

สงสัยต้องหลีกทางให้แฟนพันธุ์แท้คู่สร้างคู่สมตัวจริงอย่างพี่ปุ๊กกี๊ซะแล้วเจ้าค่ะ :lol:  :lol:
บันทึกการเข้า
iamfrommoon
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2535
คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 8,396

เว็บไซต์
« ตอบ #97 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2550, 12:26:45 »

อ้างจาก: "ลูกพิ้ง"
:shock: กำลังจะพิมพ์บอกเหมือนพี่ปุ๊กกี้เล้ย.....

สงสัยต้องหลีกทางให้แฟนพันธุ์แท้คู่สร้างคู่สมตัวจริงอย่างพี่ปุ๊กกี๊ซะแล้วเจ้าค่ะ :lol:  :lol:


ฮิ ฮิ....เขาเรียกอีกอย่างว่า "ใจตรงกัน"....ฮิ ฮิ


แฟนพันธุ์แท้ ณ "คู่สร้าง-คู่สม" 15 ปีแล้ว
บันทึกการเข้า

@@ธรรมชาติสร้างความขัดแย้ง เพื่อให้คนเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ดียิ่งขึ้น@@@

Mouy (Again)
มือใหม่หัดเมาท์
*

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 150

« ตอบ #98 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2550, 00:05:47 »

เข้ามาช่วยปั่นกระทู้นี้ ดีกว่า.....อิอิ รอบนี้ไม่มีเรื่องมาเล่าอ่ะ แต่มีบอร์ดของอาจารย์มาแนะนำ เผื่อใครสนใจจ้า.....http://www.pasuonline.net/
บันทึกการเข้า
Apirat T.
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,357

« ตอบ #99 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2550, 07:53:12 »

เปิดแล้วเครียดเลยอ่ะพี่หมวย
เพิ่งสอบ compre เสร็จ
ยังฝันร้ายอยู่ ฮ่าๆๆๆๆๆ

ตาแคม  :lol:
บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 29  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><