30 เมษายน 2567, 15:14:22
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 17 18 [19] 20 21 ... 29  ทั้งหมด   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องดี--มาแบ่งปัน  (อ่าน 575650 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Mouy (Again)
มือใหม่หัดเมาท์
*

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 150

« ตอบ #450 เมื่อ: 19 กรกฎาคม 2552, 07:06:12 »

อืมม... พี่เห็นด้วยนะ ไม่ว่าจะอาชีพไหน หากขาดไร้ซึ่งจรรยาบรรณและขาดสำนึกที่ดี... ก็พาลจะเสียกันทั้งสถาบันอาชีพนั้นล่ะ หากการทำงานนึกถึงผลและคนรอบข้างสักนิด...ไม่นึกถึงประโยชน์ส่วนตัวมากเกินไป...โดยภาพรวมก็คงจะดีกว่านี้! ว่าแต่กระทู้นี้มันกระทู้บ่นหรือเปล่าเนี๊ยะ...ieieie...  oO(n_n)Oo
      บันทึกการเข้า
Apirat T.
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,357

« ตอบ #451 เมื่อ: 20 กรกฎาคม 2552, 07:21:03 »

อืมมมมม....

อยากให้กลับไปอ่านข้อความที่ผมไป post เรื่อง วิศวกร อีกรอบนะ

คือคนเขียนบทความนี้ คือ คุณหมอ ท่านหนึ่ง
และการที่เขียนบทความนี้ ขึ้นมาได้ เพราะ คนที่มาปรึกษา ส่วนใหญ่ เป็นอาชีพ วิศวกร

ดังนั้น
เค้าก็ต้องสรุปเนื้อหา มาจาก สิ่งที่เค้า รู้ ใช่ไหม๊?

ดังนั้น ก็เป็นการถูกแล้ว ที่เค้าให้ข้อมูลเฉพาะเรื่องที่เค้าสัมผัสมา
ก็ถูกแล้ว ที่เค้าไม่ได้ไปเขียนเกี่ยวกับ อาชีพ นักการเมือง สถาปัตย์ นักวิทยาศาสตร์ หรือ อาชีพอื่นๆ
ถูกต้องแล้ว ที่ว่า ทุกอาชีพ ต่างมันทั้งข้อดี ข้อเสีย คนดี คนไม่ดี

แต่หมอ ท่านนี้ แกไม่มีข้อมูล
ถ้าแกเอามาเขียน มันก็คงม่ใช่เรื่องถูกต้องประการใด ....
      บันทึกการเข้า
ppornson
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,724

« ตอบ #452 เมื่อ: 20 กรกฎาคม 2552, 16:38:12 »

เห็นด้วยกับพี่หมวยทุกเรื่องคร้าบบบบบ..ไอ้แครมมบ่นอะไรมรึง..

ชมรมคนรักเจ๊หมวย..
      บันทึกการเข้า
Mouy (Again)
มือใหม่หัดเมาท์
*

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 150

« ตอบ #453 เมื่อ: 21 กรกฎาคม 2552, 17:05:30 »

 เตือน......... เหนื่อย....... .... งง งง

เด็กหานาฬิกา

ชาวนาคนหนึ่ง หลังจากไปทำความสะอาดคอกม้า ออกมาก้อพบว่านาฬิกาพกของตนได้หล่นหายไปเสียแล้ว นาฬิกาพกเรือนนี้มีความหมายต่อเขาอย่างมาก ด้วยเป็นของขวัญที่แม่ของเขาทิ้งไว้ให้ เขารีบวิ่งกลับไปที่คอกม้า รื้อหาจนทั่วบริเวณแทบพลิกแผ่นดินหา แต่ก้อหาไม่พบ... เขาเดินออกมาจากคอกม้าด้วยเหงื่อที่ท่วมตัว มองไปเห็นมีเด็กกลุ่มหนึ่งกำลังเล่นกันอยู่แถวนั้น เขาจึงได้คิดว่าอาจเป็นเพราะตัวเองแก่แล้วหูตาฝ้าฟาง ทำให้หาไม่เจอ แต่เด็ก ๆ หูตายังแหลมคม น่าจาหาเจอก็เป็นได้ เขาจึงเรียกเด็ก ๆ มาแล้วบอกว่า "เด็กๆ ถ้าใครหานาฬิกาพกของลุงเจอ ลุงจะให้เงินคนนั้นหนึ่งเหรียญ"

เด็ก ๆ พากันวิ่งกรูเข้าไปในคอกม้า จนเวลาผ่านไปนานโข ตอนที่เด็ก ๆ เดินกลับออกมาจากคอกม้าทีละคน ต่างมีสีหน้าผิดหวังที่หานาฬิกาพกไม่เจอ ขณะที่ชาวนากำลังถอดใจคิดจะเลิกหานั่นเอง ก็มีเด็กคนหนึ่งมากระซิบกระซาบบอกกับเขาว่า "ผมจะลองเข้าไปหาดู! อีกครั้งหนึ่ง แต่คราวนี้ขอให้ผมเข้าไปคนเดียวเท่านั้น" ชาวนามองตามหลังเด็กชายไปอย่างไม่มั่นใจ คิดในใจว่า..พวกเราแทบจะพลิกคอกม้าหายังไม่เจอ...แล้วลำพังเด็กคนเดียว จาหาเจอได้อย่างไร....

เด็กคนนั้นเข้าไปตั้งนาน ก็ยังไม่กลับออกมา ชาวนาเริ่มสิ้นหวัง ในขณะชาวนาคิดจะเลิกรอและจากไปนั่นเอง เด็กชายคนนั้นก็เดินออกมาจากคอกม้า ในมือของเขาถือนาฬิกาพกเรือนหนึ่ง ชาวนาถามด้วยความแปลกใจว่า "เจ้าหาเจอได้อย่างไร"

เด็กชายบอกว่า "พอเข้าไปข้างใน ผมก็ไม่ได้ทำอะไรเลย เพียงแต่นั่งเงียบๆ อยู่ที่พื้นไม่นานผมก็ได้ยินเสียง ติ๊กตอก ติ๊กตอก จากนั้นผมก็เดินตามเสียงไป แล้วผมก็เจอนาฬิกาเรือนนี้"

ข้อคิดจากเรื่องจ้า....."ขณะที่เรากำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับชีวิตหรือหน้าที่การงาน บางครั้งก็จำเป็นอย่างมาก ที่จะต้องสงบจิตใจมาคิดตรึกตรองดูว่า สิ่งที่เรากำลังทำอยู่นั้น ถูกต้องและเหมาะสมดีแล้วหรือเปล่า และนี่ก็อาจเป็นความหมายที่แท้จริงของคำโบราณที่ว่า "บนเส้นทางของชีวิต บางครั้งก็ควรตึงเครียด บางครั้งก็ควรผ่อนคลาย"  sleep (และการนอนนั้น คงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด...แหะๆๆ เกี่ยวได้งัยเนี๊ยะ...คร๊อกกก...)
      บันทึกการเข้า
ppornson
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,724

« ตอบ #454 เมื่อ: 22 กรกฎาคม 2552, 09:45:57 »

เห็นด้วยกับพี่หมวยเป็นที่สุด..

จุ๊บุ จุ๊บุ
      บันทึกการเข้า
iamfrommoon
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2535
คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 8,396

เว็บไซต์
« ตอบ #455 เมื่อ: 22 กรกฎาคม 2552, 12:52:09 »

น้องหมวย..
สบายดีมั้ย คิดถึงๆ...สรุปว่า ของที่ระลึกงานคืนสู่เหย้าเป็น "ถุงผ้า" ลดโลกร้อน แต่ดีไซน์เริ่ดนะคะ เพราะพี่นำเสนอแบบที่ได้มาจากงานครบรอบ 25 ปี บ. A49 น่ะค่ะ ตอนนี้เอาไปแกะแบบ และให้เอสกับเซฟช่วยออกแบบโลโก้...ตามธีม "ลูกทุ่ง" ในปีนี้ให้ค่า...

      บันทึกการเข้า

@@ธรรมชาติสร้างความขัดแย้ง เพื่อให้คนเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ดียิ่งขึ้น@@@

Mouy (Again)
มือใหม่หัดเมาท์
*

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 150

« ตอบ #456 เมื่อ: 26 กรกฎาคม 2552, 12:15:01 »

หวัดดีค่ะ พี่ปุ๊ก...ช่วงนี้ ก็ไปเรื่อยๆ ค่ะพี่ มียุ่งว่าง แว๊ปบ้างเป็นพักๆ เดี๋ยวต้นเดือนหน้านี้ ก็มีรับงานใหม่ รอบนี้อยู่แถวบางนาค่ะ.... ว่าแต่พี่ปุ๊กเป็นอย่างไรบ้างคะ เห็นบอดร์ดงานคืนสู่เหย้า ก็เดาว่าพี่คงยุ่ง และเหนื่อยทีเดียว...( win...พี่สู้ๆ นะ) ส่วนถุงผ้านั้น..หมวยเชื่อพี่...สวยแน่เลย...รอชมผลงานค่ะ... บ่ฮู้บ่หัน

พอดีได้ forward mail มา..เอ้อ อ่านแล้วก็จริงแฮะ...เลยเอามาฝากในบอร์ดไว้ค่ะ...

"จะเลือกเงินหรือชีวิต"

เงินเป็นสื่อกลางสำหรับการแลกเปลี่ยน
ตำราทุกเล่มบอกเราเช่นนั้น
แต่ในปัจจุบัน เงินเป็นมากกว่านั้น .............................................

เงินเป็นสื่อกลางสำหรับการแลกเปลี่ยน
ตำราทุกเล่มบอกเราเช่นนั้น

แต่ในปัจจุบัน เงินเป็นมากกว่านั้น มันได้ยกระดับจน
กลายเป็นสินค้าที่คนทั้งโลกพากันซื้อขายเพื่อหากำไรจากส่วนต่าง

ทุกวันนี้ตลาดเงินตราระหว่างประเทศมีอิทธิพลอย่างมาก
ต่อเศรษฐกิจโลกและสามารถสร้างความวิบัติให้แก่ประเทศใดประเทศหนึ่งก็ได้
ดังประเทศไทยได้ประสบมาแล้ว

เงินถูกสถาปนาให้เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของสรรพสิ่ง
ตั้งแต่บุคคล ครอบครัว ซุมชน องค์กร ไปจนถึงประเทศ
แม้แต่ความสำเร็จของรัฐบาลก็ดูกันที่อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
ของประเทศยิ่งกว่าอัตราการเกิดอาชญากรรมหรือ
ดัชนีวัดคุณภาพชีวิตของประชากร

ในระดับบุคคล เงินได้กลายเป็นเครื่องวัดคุณค่าชีวิตไปแล้ว
คนรวยจึงถือว่ามีคุณค่ามากกว่าคนจน
ใครที่มีเงินเดือนน้อยก็รู้สึกว่า ตัวเองมีคุณค่าด้อยกว่าเศรษฐี

เมื่อเป็นเช่นนี้ เงินจึงกลายมาเป็นจุดหมายของชีวิตไปในที่สุด

ผลก็คือ ชีวิตของเราถูกเงินครอบงำและผลักดันในแทบทุกด้าน
ไม่เว้นแม้กระทั่งความสัมพันธ์ในครอบครัวหรือทัศนะต่อตนเอง

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในนามความเจริญก้าวหน้าของชีวิตและการพัฒนาประเทศ

.............................................

เมื่อเราตั้งคำถามกับอิทธิพลของเงินในชีวิตของเรา...

คำถามพื้นฐานก็คือ... เงินทำให้เรามีความสุขจริงหรือ...
การตั้งหน้าตั้งตาหาเงิน ช่วยให้เราสมหวังกับชีวิตเพียงใด
และสิ่งที่เราสูญเสียไปกับการทำมาหาเงินนั้น
คุ้มค่ากับสิ่งที่เราได้มาหรือไม่

เมื่อเราบวกลบคูณหารด้วยตัวเองแล้ว
เมื่อเราพบว่า สิ่งที่เราได้มานั้นน้อยกว่าที่คิด
และสิ่งที่เราเสียไปนั้นมากเกินกว่าที่นึกเสียอีก
ที่สำคัญก็คือ สิ่งที่เราเสียไปนั้น เราเอาคืนมาไม่ได้
แม้จะมีเงินมากมายเพียงใด
เพราะสิ่งที่เสียไปนั้น คือเวลาที่เรามีอยู่อย่างจำกัดในโลกนี้

หากเงินทำให้เรามีความสุข ผู้คนทุกวันนี้ย่อมมีความสุขกันถ้วนหน้า
เพราะมีเงินมากกว่าแต่ก่อน แต่ก็หาเป็นเช่นนั้นไม่

.............................................

การสำรวจของศูนย์วิจัยทัศนคติแห่งชาติของมหาวิทยาลัยชิคาโกระบุว่า
นับแต่ พ.ศ. 2500 จนถึง พ.ศ.2541
ชาวอเมริกันที่ยอมรับว่าตนมี "ความสุขมาก"
ได้ลดลงจากร้อยละ 35 เหลือร้อยละ 30
ทั้งๆที่รายได้เฉลี่ยของประชาชนได้เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว

รายงานดังกล่าวบอกเราว่า
แม้ผู้คนรวยขึ้นเป็น 2 เท่า แต่กลับเป็นสุขน้อยลง

...................................................

ผู้คนมีความสุขน้อยลง ส่วนหนึ่งก็เพราะมีเวลาว่างน้อยลงที่จะแสวงหาความสุข
นับวันเราจะหมดเวลาไปกับการหาเงินมากขึ้นเรือยๆ จนไม่มีเวลา
แม้แต่จะใช้เงินที่ได้มาด้วยซ้ำ มิพักต้องพูดถึงการมีความสุขโดยไม่ต้องใช้เงิน

เช่น การนอน หรือ การสังสรรค์กับคนในครอบครัว
ซึ่งผู้คนสมัยนี้ให้เวลาน้อยลง ...
เพราะยิ่งมีเงินมากเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกว่า เวลามีค่ามากเท่านั้น

ดั้งนั้นจึงต้องใช้เวลาให้ "คุ้มค่า" มากที่สุด
ซึ่งก็มักจะหมายถึงการมีผลตอบแทนเป็นตัวเงินเยอะๆ
ในขณะที่การพักผ่อนอยู่กับบ้าน หรือกับคนในครอบครัว
ถือเป็นการใช้เวลาที่ไม่คุ้มค่า หรือ "ไม่สมเหตุสมผล"

ด้วยเหตุนี้ เราจึงตั้งหน้าตั้งตา "หาเงิน" กันไม่เลิกราเสียที...

------------------------------------------------------
โดย พระไพศาล วิสาโล. บทนำจากหนังสือ "เงินหรือชีวิต".
โดมิงเกซ, โจ. "จะเลือกเงินหรือชีวิต : เปลี่ยนทัศนคติต่อเงินสู่อิสรภาพของชีวิต".กรุงเทพฯ : มูลนิธิโกมลคีมทอง, 2546.
      บันทึกการเข้า
ppornson
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,724

« ตอบ #457 เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2552, 09:13:00 »

เห็นด้วยกับพี่หมวยเป็นอย่างยิ่งที่สุดครับ
      บันทึกการเข้า
ชาร์ป
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,119

« ตอบ #458 เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2552, 09:39:05 »

ป่ะเราไปหาความสุขกันเถอะ ... อิ อิ
.
.
.
ไปเที่ยวกัน ...
      บันทึกการเข้า
ชาร์ป
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,119

« ตอบ #459 เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2552, 11:05:05 »

http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9520000084060

ฟังประสบการณ์เกาหลี สร้างชาติด้วยวิศวกร 20 คน

นักวิจัยเกาหลี ผู้ร่วมบุกเบิกพัฒนาเกาหลีด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในช่วง 40 ปีก่อน เผยแดนกิมจิก้าวหน้าได้ด้วยกลุ่มวิศวกร 20 คน ชี้กระบวนการพัฒนาไม่ได้ใช้คนนับพัน แต่ใช้แค่ไม่กี่คนที่มีความมุ่งมั่น และผู้นำต้องมีวิสัยทัศน์ ต้องมีนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรที่ทำงานอย่างตั้งใจ
       
       ดร.ยง-อ๊ก อัน (Dr.Young-Ok Ahn) ที่ปรึกษาและนักวิจัยสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนาโน (Institute of Nano Science and Technology) มหาวิทยาลัยฮันยาง (Hanyang University) กรุงโซล เกาหลีใต้ หนึ่งใน 20 วิศวกรเกาหลีที่ร่วมพัฒนาภาคอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีของเกาหลี ได้เดินทางมาปาฐกถาพิเศษเรื่อง "สร้างประเทศเกาหลีด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม" ภายในการประชุมสมัชชาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนา ครั้งที่ 8 ซึ่งจัดขึ้นโดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เมื่อวันที่ 24 ก.ค.52 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค
       
       นักวิจัยอาวุโสจากเกาหลีกล่าวปาฐกถา ซึ่งทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ได้เข้าฟังด้วยว่า เกาหลีมีแผนพัฒนาประเทศเป็นแผน 5 ปี ซึ่งได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2505 ด้วยความพยายามอย่างยิ่งในการริเริ่มของ ปาร์ก ชุงฮี (Park Chunghee) อดีตประธานาธิบดีเกาหลี ซึ่งแผนพัฒนาฯ หลายฉบับร่างขึ้นโดย มร.โอ วอนชุล (O Wonchul) ผู้ช่วยพิเศษของประธานาธิบดี และมี มร.คิม กวางโม (Kim Kwangmo) ซึ่งเป็นวิศวกรเคมีและเพื่อนร่วมชั้นกับ ดร.อันด้วยนั้น เป็นทีมงานสำคัญของอดีตประธานาธิบดี
       
       ในช่วงของแผนพัฒนาฉบับที่ 1 นั้น ขนาดเศรษฐกิจของเกาหลียังไม่สำคัญระดับโลก และการวางแผนเน้นไปที่การทดแทนนำเข้า และส่งเสริมการส่งออกโดยอาศัยนโยบายสนับสนุนของรัฐบาล ช่วงนั้นเกาหลีเริ่มผลิตยางยนต์และส่งออกไม้อัด พร้อมตั้งโรงงานปุ๋ยยูเรีย โรงกลั่นน้ำมัน โรงงานซีเมนส์และโรงงานแก้ว มาถึงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 2 ระหว่างปี 2510-2514 ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มมีการก่อตั้งสถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งเกาหลี (Korea Institute of Science and Technology: KIST) ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาเกาหลี
       
       การก่อตั้งสถาบัน KIST นี้ได้ ดร.ชอย ฮยุนซุป (Dr.Choi Hyunsup) มารับตำแหน่งประธานคนแรก ซึ่ง ดร.ฮยุนซุปได้เชิญผู้เชี่ยวชาญชาวเกาหลีที่จบการศึกษาสูงและมีประสบการณ์ทำ งานอย่างน้อย 5 ปี อยู่ต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวิศวกรและนักเคมีประยุกต์ ให้กลับไปทำงานที่เกาหลี โดยหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญจำนวนนั้นมี ดร.ชุง วอน (Dr.Chung Won) ที่จบปริญญาเอกทางด้านฟิสิกส์ ได้กลับไปบุกเบิกการสร้างผลึกซิลิกอนเดี่ยวในเกาหลี ส่วน ดร.ฮยุนซุปต่อมาได้กลายเป็นรัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของ เกาหลีคนที่ 2 อีกทั้งยังเคยมาช่วยปฏิบัติงานที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของไทย เป็นเวลา 6 เดือนด้วย
       
       ทั้งนี้ บุคคลและวิศวกรของสถาบัน KIST ได้มีส่วนสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมต่างๆ ในเกาหลี อาทิ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมเครื่องจักรกลหนัก ซึ่งรวมถึงอุตสาหกรรมการต่อเรือ การพัฒนาโลหะพิเศษ การผลิตรถยนต์และโรงงานผลิตไฟฟ้า อีกทั้งวิศวกรเคมีของสถาบันยังมีส่วนในการวางแผนสร้างศูนย์อุตสาหกรรมปิโต รเคมีและการจัดตั้งเมืองวิทยาศาสตร์แดดุค (Daeduk) รวมทั้งพัฒนาเทคโนโลยีที่ใช้ในการสังเคระาห์เส้นใยเพื่อผลิตเส้นผมเทียม สำหรับส่งออก และโรงงานผลิตสารเคมีสำหรับการเกษตรและอุตสาหกรรมยา
       
       นอกจากนี้ บริษัท ฮันเด มอเตอร์ หรือที่คนไทยรู้จักว่า "ฮุนได" ได้ถูกจัดตั้งขึ้นแผนพัฒนาฉบับที่ 3 ระหว่างปี 2515-2519 ขณะเดียวกันโรงงานเหล็กที่ก่อตั้งในแผนพัฒนาก่อนหน้านั้นสามารถทำการผลิตได้ ถึงปีละ 10.3 ล้านตัน และฮุนได พร้อมด้วย แดวูและซัมซุง ได้เริ่มอุตสาหกรรมต่อเรือในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 4 ระหว่างปี 2525-2529 เป็นผลให้เกิดการสนับสนุนให้เกิดบริษัทด้านวิศวกรรม และบริษัทเอกชนเริ่มเห็นความสำคัญของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเริ่มจัดตั้งหน่วยงานวิจัยและพัฒนาขึ้นภายในหน่วยงาน ขณะเดียวกันเริ่มมีการผลิตคอมพิวเตอร์ เครื่องเล่นวิดีโอและเซมิคอนดัคเตอร์ในช่วงเวลาดังกล่าว
       
       ตลอด 40 ปีของการพัฒนาเกาหลีด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนัวตกรรมนั้น เงินลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาของเกาหบีได้เพิ่มขึ้นจาก 0.2% ของจีดีพีในปี 2507 มาเป็น 2.99% ของจีดีพีในปี 2548 โดยสัดส่วนการลงทุนระหว่างภาครัฐต่อภาคเอกชนได้เปลี่ยนแปลงช่วง 97:3 มาเป็น 24:76 ในปัจจุบัน ซึ่ง ดร.อัน ได้ย้ำว่ากระบวนการพัฒนาของเกาหลีนั้นไม่ได้เกิดขึ้นจากกลุ่มคนนับพัน หากแต่เกิดขึ้นจากกลุ่มคนเพียง 20-30 คนในภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรม และวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และผู้นำประเทศจำเป็นต้องมีวิสัยทัศน์ พร้อมด้วยทีมงานอุทิศตัวที่คิดนอกกรอบและเชื่อว่าไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้
       
       ทั้งนี้ บางคนยกความสำเร็จให้กับคณะผู้วางแผนภาครัฐซึ่งรวมถึงบุคคลในคณะกรรมการ พัฒนาเศรษฐกิจ กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงอุตสาหกรรม แต่บางคนอาจจะยกความสำเร็จของเกาหลีให้แก่กลุ่มแชร์โบล์ (Chaebol) ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมใหญ่ ได้แก่ แอลจี ซังซุงและฮุนได และผู้ก่อตั้งบริษัทเหล่านี้ แต่สำหรับ ดร.อันแล้ว ควรยกความสำเร็จให้กับบุคคลด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่เข้าไปมีส่วนร่วมอย่างถูกที่ถูกเวลาด้วย แต่องค์ประกอบทั้งสามต้องมาพบกันในแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องและถูกช่วงเวลา
       
       "ความ สำเร็จในวันนี้จะไม่มีเลย หากไม่มีกลุ่มวิศวกรที่ทำงานด้วยความทุ่มเทอย่างหนัก ซึ่งผมกล่าวเช่นนี้เพราะความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากมาจากวิศวกรในหลายๆ สาขา ทั้งกลุ่มวิศวกรผู้ดูแลโรงงาน กลุ่มวิศวกรผู้ผู้ทำหน้าที่ออกแบบและพัฒนา ซึ่งควรได้รับการยกย่องที่พวกเขาได้ทำหน้าที่ในการแยกรายละเอียดของ เทคโนโลยีนำเข้าจากประเทศ" ดร.อันกล่าว และบอกว่าการลอกเลียนเทคโนโลยีในช่วงเริ่มต้นนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการส่ง เสริมการส่งออกของเกาหลี
       
       "เมื่อหันกลับไปมองสิ่งที่ผมได้เน้นย้ำ โปรดระลึกว่าการที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น ต้องประกอบด้วยหลายๆ ปัจจัย อย่างหนึ่งคือความมุ่งมั่นตั้งใจของรัฐบาล ซึ่งผมของแสดงความยินดีที่นายกรัฐมนตรีของท่านทั้งหลายได้ให้สัญญาว่าจะ พยายามผลักดันงบประมาณได้วิทยาศาสตร์ให้ได้ 1% ของจีดีพี อีกปัจจัยคือความทุ่มเทของบุคลากรในภาคธุรกิจซึ่งมีความมุ่งมั่นภายใต้คำว่า "ทำได้" รวมทั้งกลุ่มนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรที่ตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่" ดร.อันกล่าวในช่วงท้ายของการปาฐกถา.
      บันทึกการเข้า
ppornson
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,724

« ตอบ #460 เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2552, 11:24:51 »

เห็นด้วยกับพี่หมวยครับ..
      บันทึกการเข้า
Mouy (Again)
มือใหม่หัดเมาท์
*

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 150

« ตอบ #461 เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2552, 19:39:08 »

อ้างถึง
ข้อความของ ppornson เมื่อ 27 กรกฎาคม 2552, 11:24:51
เห็นด้วยกับพี่หมวยครับ..

นี่มัน spam บนบอร์ด...หรือ เจ้าโต้งตัวจริงหว่า... ดูออกจะเพี้ยนๆ ผิดกะตัวจริงไปนะ...  ++"
      บันทึกการเข้า
ppornson
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,724

« ตอบ #462 เมื่อ: 28 กรกฎาคม 2552, 10:49:38 »

เห็นด้วยกับพี่หมวยอย่างยิ่งครับ..
      บันทึกการเข้า
mmwindoo_79
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 254

« ตอบ #463 เมื่อ: 28 กรกฎาคม 2552, 13:00:40 »

งั้น... เข้ามาช่วยเห็นด้วยกับพี่หมวยอีกคน
      บันทึกการเข้า
Mr.EggMan
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,826

« ตอบ #464 เมื่อ: 29 กรกฎาคม 2552, 17:39:28 »

 smoke

หมั่นไส้ว่ะ

เห็น ควรด้วย ของโต้งเจงเจง

ขอแสดงความคิดเห็น เรื่อง เกาหลีสร้างชาติด้วยวิศวกร 20คน ครับ

-ผมว่าสิ่งสำคัญที่สุด อยู่ในย่อหน้าสุดท้าย คือ ความมุ่งมั่นและตั้งใจจากรัฐบาล ผมเชื่อว่าประเทศชาติเราก็มีคนเก่งๆ มีศักยภาพไม่ด้อยไปกว่าที่อื่นๆหรอก แต่ถามว่าคนเหล่าๆนี้หายไปไหน ทำไมไม่มามีส่วนร่วมในการสร้างชาติ พัฒนาชาติ ไม่ต้องไปหาคำตอบที่ไหนหรอก พวกเราทุกคนรู้คำตอบนี้ดีว่า ทำไม?









      บันทึกการเข้า

jakkreepan@hotmail.com
Love is in the A...I...R......H
ppornson
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,724

« ตอบ #465 เมื่อ: 30 กรกฎาคม 2552, 08:02:46 »

คนดีแพ้สังคมครับ..พวกหน้าด้านเค้าไม่อายครับ มันเลยกล้า บ้านเราเลยถูกปกครอง ถูกนำโดยคนหน้าด้านครับ
      บันทึกการเข้า
Mouy (Again)
มือใหม่หัดเมาท์
*

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 150

« ตอบ #466 เมื่อ: 31 กรกฎาคม 2552, 01:50:41 »

เป็นไปได้ไหมว่าทั้งเกาหลี และญี่ปุ่น เค้าปูพื้นฐานของคนในประเทศของเค้าให้เห็นประโยชน์ส่วนรวมก่อน ...จึงทำให้บ้านเมืองเค้าเจริญก้าวหน้า... ในขณะที่ประเทศเรา ทั้งคุณครู และผู้ปกครองจะใช้วิธีการเปรียบเทียบในการสอน ทำให้เด็กเติบโตในความรู้สึกว่าต้องเอาตัวให้รอด...และต้องแข่งขัน ไม่ได้นึกถึงส่วนรวมเท่าที่ควรหรือเปล่า.....จำได้ว่าตอนเด็กๆ  คุณครูสอนวิชา สปช.(สร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต...หวังว่ามีคนรู้จักวิชานี้และทันเรียนอยู่บ้างนะ..QQ").. ได้ให้คติว่า..."ทำดี แต่อย่าเด่น จะเป็นภัยแก่ตัว"..ประโยคนี้ ยังควรมีหรือเปล่าหนอ.. หากเราต้องการพัฒนาประเทศของเรา??
      บันทึกการเข้า
Apirat T.
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,357

« ตอบ #467 เมื่อ: 31 กรกฎาคม 2552, 11:18:28 »

อ้างถึง
ข้อความของ Mr.EggMan เมื่อ 29 กรกฎาคม 2552, 17:39:28
เห็น ควรด้วย ของโต้งเจงเจง

ทำไมล่ะ ตอนตัดให้เป็ดกินไปแล้วเหรอ
      บันทึกการเข้า
telek78
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2538
กระทู้: 1,924

เว็บไซต์
« ตอบ #468 เมื่อ: 02 สิงหาคม 2552, 00:10:00 »

อ้างถึง
ข้อความของ ppornson เมื่อ 30 กรกฎาคม 2552, 08:02:46
คนดีแพ้สังคมครับ..พวกหน้าด้านเค้าไม่อายครับ มันเลยกล้า บ้านเราเลยถูกปกครอง ถูกนำโดยคนหน้าด้านครับ

หน้าด้านจริงๆ ยอมรับ
น่าเอามาขึงทำหนังกลองสันทนาการ
      บันทึกการเข้า
หลิม 81
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,840

« ตอบ #469 เมื่อ: 03 สิงหาคม 2552, 11:09:27 »

อ้างถึง
ข้อความของ ตี๋เล็ก กฤษดา เมื่อ 02 สิงหาคม 2552, 00:10:00
อ้างถึง
ข้อความของ ppornson เมื่อ 30 กรกฎาคม 2552, 08:02:46
คนดีแพ้สังคมครับ..พวกหน้าด้านเค้าไม่อายครับ มันเลยกล้า บ้านเราเลยถูกปกครอง ถูกนำโดยคนหน้าด้านครับ

หน้าด้านจริงๆ ยอมรับ
น่าเอามาขึงทำหนังกลองสันทนาการ

จะตี (หน้าด้าน) ท่าเดียว..พี่
      บันทึกการเข้า

@ ปีนี้ปีของผม @
Mouy (Again)
มือใหม่หัดเมาท์
*

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 150

« ตอบ #470 เมื่อ: 04 สิงหาคม 2552, 17:18:01 »

เคยอ่านกันยัง - ความรัก กะ รองเท้าที่ไม่พอดี (รับ forward mail มา ว่า เอ้อ นะ เลยเอามาแปะบอร์ด)

วันหนึ่ง .........ฉันอยากได้รองเท้า ฉันเดินเข้าไปในร้านที่มีรองเท้าหลากสี-หลายแบบวางเรียงราย

ร้ า น แ ล้ ว ร้ า น เ ล่ า

แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะได้รองเท้าถูกใจกลับไปด้วยแม้แต่คู่เดียว

เลือกแล้ว__________ เลือกอีกจนในที่สุดก็มาหยุดอยู่หน้ากระจกร้านหรูแห่งหนึ่ง

รองเท้าส้นสูงสีส้มคู่นั้นสะท้อนเงาเฉิดฉายผ่านกระจกออกมาแตะตาฉันตั้งแต่แรกเห็น

มันช่างเป็นรองเท้าที่สวยจนอยากมีไว้ประดับคู่เท้าในทุกย่างก้าว

โดยไม่รอรี......ฉันเดินตรงลิ่วเข้าไปหามัน

แม้ป้ายราคาเล็ก-เล็กที่ติดเอาไว้จะบอกราคาที่ไม่เล็กนัก

แต่ฉันไม่ลังเลสักนิดเดียวที่จะจ่ายเงินจำนวนนั้นออก
ไปเพื่อให้ได้รองเท้าที่ถูกใจที่สุดในวันนี้

'แน่นนิดนึงนะคะ...มีคู่ใหม่ที่ใหญ่กว่านี้มั้ย'

ฉันถามพนักงานขายขณะที่กำลังพยายามสอดเท้าลงไป
ในรองเท้าคู่สวยให้พอดี แล้วพบว่ามันพอดิบ-พอดี

จนขยับเท้าไม่ได้

'ไม่มีหรอกค่ะ....เรามีแบบละคู่เท่านั้น รับรองว่า
ใส่แล้วไม่ซ้ำแบบใคร'

พนักงานขายเสนอข้อได้เปรียบในการซื้อสินค้า

'แต่ดิฉันว่าใส่แล้วก็พอดีนะคะ เผื่อมันยืดออกอีกนิดหน่อย'

เธอยังคงเสนอต่อเมื่อเห็นแววตาที่ฉันชื่นชมสินค้าของเธอ

- - เย็นวันนั้นฉันกลับบ้านด้วยรอยยิ้มกรุ่นพร้อมกับ
รองเท้าคู่สวยที่อยู่ในมือ - -

ฉันจัดแจงโยนรองเท้าผ้าใบคู่เก่าที่ใส่มาแรมปีทิ้งไป
อย่างไม่แยแส

วันรุ่งขึ้น ............ ..ฉันออกเดินด้วยรองเท้า
คู่ใหม่อย่างเฉิดฉาย

ยิ่งมีใครต่อใครชมว่ามันสวยนักหนาฉันก็ยิ่งปลื้มใจ

ทว่าไม่ทันข้ามวันรองเท้าเจ้ากรรมก็แผลงฤทธิ์จนฉัน
เดินโขยกเขยก

และเย็นวันนั้นฉันก็ต้องกลับมาบ้านพร้อมกับเท้าที่ระบม

ห า ก ชี วิ ต ค น เ ร า เ ป็ น เ ห มื อ น
ก า ร เดิ น ท า ง ไ ก ล

ความรัก ____________ _____ก็คงเป็นเหมือน
รองเท้า

แ ท้ ที่ จ ริ ง แ ล้ ว น่ ะ น ะ

............ ..

ฉันว่าคนเราไม่ได้ต้องการ

'รองเท้าสวย'

มากไปกว่า

- - รองเท้าที่ใส่สบาย - -

แต่ก็นั่นแหละ

ใคร-ใครก็ย่อมชอบรองเท้าสวย-สวยด้วยกันทั้งนั้น

ถึงไม่น่าแปลกที่หลายคนมักตัดสินใจซื้อรองเท้าเพราะ
ว่า 'มันสวย ' มากกว่า 'มันพอดีกับเท้า'

และแม้มันจะใส่แล้วคับไปนิด...อึดอัดไปหน่อยก็ยังไม่
วางมือ

เหตุเพราะว่า____________ ___มันสวยถูกใจ

หรือแม้มันจะราคาแพงลิบลิ่วก็ยังอยากเป็นเจ้าของให้ได้



- - - หากว่าเราต้องเดินทางอีกไกล - - -

แม้จะมีรองเท้าสวยหรู ราคาแพง ยี่ห้อแบรนด์เนม
มันก็คงไม่มีประโยชน์

แม้จะสวยแค่ไหนแต่ถ้ามันทำเท้าเราเจ็บ...สุดท้ายก็
คงต้องถอดมันออก

เพราะถ้าขืนเราเดินทั้งเท้าเจ็บ-เจ็บเราคงไปไม่ถึง
ปลายหนทาง

ค ว า ม รั ก ก็ เ ช่ น กั น

เราอาจใฝ่ฝันที่จะมีคนรักสวย รวย เก่ง ฉลาด เลิศ หรู

..... แต่ความจริงแล้ว ....

เราเพียงต้องการคน-คนนั้นเพื่อให้ตัวเราดูดีขึ้นมาเท่า
นั้นเอง

ฉันว่านะ....รองเท้าที่ใส่แล้วสบายไม่จำเป็นต้อง
สวยเด่นอะไร

เพราะฉะนั้น

คนที่จะมาจับจูงมือเราไปตลอดทางของชีวิตก็ไม่จำเป็น
ต้องเป็นคนที่ดีเลิศที่สุดจนใครนึกอิจฉา
แต่คงเป็น...คนที่เค้ารักเรา ดูแลเรา ดีต่อเราเข้าใจเราไม่ทำให้เราเจ็บ
ไม่ทำให้เสียใจ ซะมากกว่า...


บางที...การใส่รองเท้าที่เดินแล้วสบายมันอาจทำให้
เรามีความสุขมากกว่า

เพราะฉันเชื่อว่ามันจะพาเราไปจนถึงจุดหมาย

โดยที่เราไม่ต้องเจ็บเท้าและนึกอยากจะโยนมันทิ้งไป
เสียให้รู้แล้วรู้รอด


ตลอดการเดินทาง...


      บันทึกการเข้า
ppornson
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,724

« ตอบ #471 เมื่อ: 04 สิงหาคม 2552, 20:03:48 »

เห็นด้วยกับพี่หมวยเป็นอย่างยิ่งครับ(นี่ไม่ได้อ่านข้อความที่ผมส่งให้เลยเหรอ ขอชื่อที่อยู่หน่อยจะส่งซีดีงานแต่งไปให้)

ไอ้แครมชอบอะไรๆที่ใส่เข้าไปแล้วสบายครับ..
      บันทึกการเข้า
Mouy (Again)
มือใหม่หัดเมาท์
*

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 150

« ตอบ #472 เมื่อ: 22 สิงหาคม 2552, 00:45:39 »

แหะๆๆ ขออภัย...หายไปนาน เพิ่งจะเข้ามาขอรับ....(งานยุ่งพอสมควร...ถึงหนัก..)

น้องโต้งครับ ...พี่ได้รับ CD พร้อมการ์ดแล้ว...ดีใจจังและขอบคุณครับ ชอบๆ คุ้มกับการรอคอย (CD ที่ส่งมา) .....มานั่งดูแล้วนึกถึงสร้อยคอทองคำที่มันเส้นเล็กไปหน่อยอยู่เลย....อุ๊อุอุ....(เสียดายจัง...)

แต่ที่ชอบกว่า...เจ้าสาวสวยครับ.....!!!
      บันทึกการเข้า
หลิม 81
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,840

« ตอบ #473 เมื่อ: 25 สิงหาคม 2552, 13:58:08 »

ทำไมผมยังไม่ได้ ซีดี
      บันทึกการเข้า

@ ปีนี้ปีของผม @
ppornson
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,724

« ตอบ #474 เมื่อ: 26 สิงหาคม 2552, 12:09:09 »

เฮ้ย..ส่งไปให้ตามที่อยู่ที่ให้มาน่ะ..ลองดูซิส่งไปหลายวันแล้วนะ
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 17 18 [19] 20 21 ... 29  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><