01 พฤศจิกายน 2567, 06:39:27
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 16 17 [18] 19 20 ... 39  ทั้งหมด   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: เอ้า..เรื่องของรถ  (อ่าน 387621 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 10 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Apirat T.
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,357

« ตอบ #425 เมื่อ: 14 สิงหาคม 2551, 08:33:05 »

เอากันเข้าไป มาตรการของพวกหัวหงอกๆ ในกระทรวงพลังงาน

ปั๊ม NGV จากข้อกำหนดเดิมของกรุงเทพ ต้องมีทางเข้ากว้าง 16 เมตร
เปลี่ยนใหม่ครับ ขอแค่ 12 เมตรพอ
ลดไป 4 เมตร ตัวเลขทุกตัวมีความหมาย แต่ตรูไม่สน
ถ้าทางเข้า 16 เมตร มันจะดันหาปั๊มเปิดยาก ลดสเป็คล่ะกัน จะได้เปิดกันง่ายๆ หน่อย

ปั๊ม LPG กำลังจะถูกตัดตอน ไม่ให้เปิดเพิ่มในกรุงเทพ

อ่ะนะ ทำแต่ละอย่าง หวังผลแค่เพียงซึ่งหน้า
อะไรจะเกิดต่อไปในอนาคตตูไม่สน

แถมท้าย ด้วยข่าวอันน่าภาคภูมิใจ ว่ากำลังจะเปิดปั๊มน้ำมัน E85 แห่งแรกแล้วด้วย
กรำ ต้องซื้อรถใหม่ใช่ไหม๊ ถึงจะเติม E85 ได้เนี่ย

เดือนที่แล้ว ขับผ่านไปปั๊ม NGV ของ ปตท.
ที่อยู่ใน ปตท. แถวๆ ท่าเรือ ถ.อาจณรงค์
มันติดป้ายหราเลย "หมด" กรำ

ตาแคม
บันทึกการเข้า
Mr.EggMan
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,826

« ตอบ #426 เมื่อ: 14 สิงหาคม 2551, 20:59:35 »

:-(

สู้ต่อไป พี่น้องชาวไทยทุกท่าน
บันทึกการเข้า

jakkreepan@hotmail.com
Love is in the A...I...R......H
Net 80
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 187

« ตอบ #427 เมื่อ: 15 สิงหาคม 2551, 08:50:53 »

ไม่มีรถ :)
บันทึกการเข้า
Max
Hero Cmadong Member
***

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,435

« ตอบ #428 เมื่อ: 15 สิงหาคม 2551, 19:47:36 »

E 85
บันทึกการเข้า
ppornson
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,724

« ตอบ #429 เมื่อ: 17 สิงหาคม 2551, 21:05:18 »

เค้าจะขึ้นราคา LPG ทีเดียว 20 บาทเลยครับพี่น้อง..ทีเดียวเท่าน้ำมัน โดยที่ให้คูปองกับแท๊กซี่..

มันไม่ได้คิดกันเลย..ว่าคนที่ติด LPG ไปก่อนน่ะ..เป็นพระคุณกับ CNG ด้วยซ้ำ..นึกภาพปริมาณติด CNG เพิ่มอีกซัก 300000 คันเมื่อ 6 เดือนที่แล้วเข้าคิวรอเติม..

ประท้วงกันดีกว่าพรรคพวก..ไปมัฆวานกัน.. :grin:
บันทึกการเข้า
Apirat T.
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,357

« ตอบ #430 เมื่อ: 19 สิงหาคม 2551, 07:50:25 »

ช่วงนี้เค้าเริ่มปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ
เพื่อเอาไปติดตั้ง NGV แล้วนะ
อยากรู้จริงๆ เล้ย ว่าใน กทม. ยังจะเหลือพื้นที่ซอกหลืบไหนเปิดปั๊ม NGV ได้อีก

ตาแคม
บันทึกการเข้า
ชาร์ป
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,119

« ตอบ #431 เมื่อ: 21 สิงหาคม 2551, 18:43:32 »

อดีตทอ.ผนึกอาจารย์ม.ราชภัฏอุดรฯ วิจัยใช้น้ำเปล่าเป็นเชื้อเพลิงสำเร็จ
โดย ผู้จัดการรายวัน 21 สิงหาคม 2551 16:05 น.
 
 
 

พันจ่าอากาศเอกสมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา และผศ. วิเชียร จันทะโชติ แนะนำกลไกทำงานอุปกรณ์แยกน้ำใช้เป็นพลังงานเผาไหม้ในเครื่องยนต์

 
รถยนต์คันนี้ใช้น้ำผสมกับก๊าซLPG เป็นเชื้อเพลิง วิ่งทดทสอบมากว่า 40,000 กิโลเมตรแล้ว

 
อุปกรณ์แยกน้ำเป็นไฮโดรเจน มีราคาต้นทุนแค่ 40,000 บาท

 
 
 
  อุดรธานี-อดีตทหารอากาศผนึกนักวิชาการม.ราชภัฏอุดรธานี วิจัยนำน้ำเปล่าใช้เป็นเชื้อเพลิงได้สำเร็จแล้ว เผยนำหลักการแยกไฮโดรเจนจากน้ำ ผสมกับก๊าซLPG ผ่านกลไกสมองกลควบคุมเป็นเชื้อเพลิงเผาไหม้ในห้องเครื่อง ระบุเติมน้ำแค่ 1 ลิตรรถวิ่งได้ถึง 3,000 กิโลเมตร ระบุทดลองวิ่งมากกว่า 40,000 กิโลเมตรไร้ปัญหา ทั้งทำให้รอบเครื่องยนต์สูงขึ้น สุดทึ่งต้นทุนติดตั้งอุปกรณ์แค่ 40,000 บาท เตรียมจดสิทธิบัตรเป็นผลงานของคนไทย ยันตอบแทนบุญคุณประเทศชาติ หวังให้คนไทยใช้พลังงานประหยัด
       
       
       ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี พันจ่าอากาศเอกสมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตทหารอากาศ ฝ่ายช่างบำรุงเครื่องบิน ปัจจุบันทำงานอยู่องค์การนาซ่า ประเทศสหรัฐอเมริกา นำรถยนต์ฮอนด้าซีวิค สีบรอนซ์ เครื่องยนต์ 1800 ซีซี ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ใช้น้ำเป็นเชื้อเพลิงขับเคลื่อนแทนน้ำมัน ซึ่งเกิดประโยชน์ต่อการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อันเป็นสาเหตุหลักของเกิดภาวะโลกร้อน
       
       พันจ่าอากาศเอกสมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา เปิดเผยว่า ตนและผศ. วิเชียร จันทะโชติ อาจารย์ประจำสาขาวิชาเทคโนโลยีเครื่องกล คณะเทคโนโลยี ของ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ซึ่งเป็นที่ปรึกษาการคิดค้นนำน้ำมาผลิตทดแทนพลังงานเชื้อเพลิงใช้เวลาคิดค้นเรื่องนี้เป็นระยะเวลา 4 ปี โดยรถยนต์คันนี้ใช้เชื้อเพลิงอยู่ 3 ประเภท คือ น้ำมันเบนซิน , ก๊าซLPG และก๊าซไฮโดรเจน โดยติดตั้งอุปกรณ์ผลิตพลังงานทดแทนไว้ในฝากระโปร่งรถด้านท้าย ประกอบด้วย เครื่องรีแอ็กเตอร์เป็นตัวถังเก็บน้ำเปล่า กลไกการทำงานเครื่องนี้จะใช้กระแสไฟฟ้าเป็นตัวแยก ก๊าซไฮโดรเจนออกมาจากน้ำ โดยก๊าซที่ได้จะนำไปผสมกับก๊าซ LPG ในอัตราส่วน ก๊าซไฮโดรเจน 60 ต่อ ก๊าซ LPG 40 จากนั้นจะส่งไปยังห้องเครื่องยนต์
       
       ส่วนภายในเครื่องยนต์ได้ติดตั้งสมองกลเป็นตัวควบคุมและประเมินผลการทำงานสั่งจ่ายพลังงาน พร้อมมีชิปคอยเก็บข้อมูลหาค่าบกพร่องของระบบในการทำงาน ปัจจุบันรถคันนี้ซึ่งเป็นต้นแบบนำไปทดลองใช้วิ่งมาแล้ว 40,000 กิโลเมตร
       
       พันจ่าอากาศเอกสมิตร กล่าวต่อว่า สำหรับอัตราความสิ้นเปลื้องพลังงาน เมื่อเติมน้ำ 1 ลิตร รถยนต์คันนี้จะสามารถวิ่งได้ถึง 3,000 กิโลเมตร โดยจะต้องมีการติดตั้งอุปกรณ์ ราคาต้นทุนอยู่ที่ 40,000 บาท ส่วนกำลังของเครื่องยนต์นั้นปกติ 1,000 รอบต่อนาที ถ้าติดตั้งพลังงานทดแทนดังกล่าว อัตราเร่งรอบเครื่องยนต์จะเพิ่มขึ้นมาเป็น 1,200 รอบต่อนาที และขณะนี้ยังไม่มีปัญหาของเครื่องยนต์บกพร่องเกิดขึ้นแต่อย่างใด
       
       เดิมตนเคยเรียนที่มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี เป็นลูกศิษย์ ผศ. วิเชียร จันทะโชติ จากนั้นตนได้ไปรับใช้ชาติเป็นทหารที่ต่างจังหวัด อยู่ฝ่ายช่างซ่อมเครื่องบิน ทำให้ตนหยุดเรียน และได้ลาออกจากราชการ กระทั่งมีโอกาสเข้าไปทำงานอยู่ที่องค์การนาซ่าที่ประเทศสหรัฐอเมริกา จึงได้ทำการศึกษาเรื่องของน้ำเพื่อแยกไฮโดรเจนออกจากออกซิเจน นับว่าเป็นก้าวสำคัญที่จะนำไปสู่การผลิตพลังงานทดแทนดังกล่าว
       
       การทำงานคิดค้นพลังงานน้ำใช้ในรถยนต์ครั้งนี้ ได้ปรึกษากับผศ.วิเชียร จันทะโชติ ตลอดเวลา เพื่อยืมเครื่องมือและตำรา มาทดลองในการคิดค้นจนเกิดผลสำเร็จขึ้น
       
       พันจ่าอากาศเอกสมิตร กล่าวต่อไปว่า พลังงานทดแทนน้ำที่ใช้เครื่องยนต์รถยนต์ครั้งนี้ จะนำไปจดสิทธิบัตร เป็นผลงานของประเทศไทย เพราะอยากให้เทคโนโลยีนี้เป็นสมบัติของชาติ และของคนไทยสามารถนำไปใช้ ตนถือว่าการทำเช่นนี้เป็นการตอบแทนพระคุณแผ่นดินอีกทางหนึ่งด้วย และตนอยากให้คนไทยได้ใช้พลังงานทดแทนที่ตนเองคิดค้นขึ้นมา ไม่ต้องไปซื้อพลังงานเชื้อเพลิงจากต่างชาติมาใช้ โดยตนจะร่วมกับผศ. วิเชียร จันทะโชติ ในการผลิตตำราการเรียนการสอนในเรื่องนี้ เพื่อให้นำไปทำการสอนให้แก่นักศึกษา ผลิตบุคลากรพัฒนาประเทศชาติต่อไป
บันทึกการเข้า
ppornson
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,724

« ตอบ #432 เมื่อ: 21 สิงหาคม 2551, 18:58:43 »

ไฮโดรเจน..แหม..ถ้ามันปลอดภัย 100% ก็ดี..ถ้าไม่ละก็..ระเบิดนิวเคลียร์เลยครับพี่น้อง
บันทึกการเข้า
หลิม 81
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,840

« ตอบ #433 เมื่อ: 21 สิงหาคม 2551, 21:08:27 »

ินิวเคลียร์เลยรึ...น่ากลัวมาก ๆ บางที่อย่างจังหวัดหาดใหญ่..อาจจะหายไปก็ได้
 :-)
บันทึกการเข้า

@ ปีนี้ปีของผม @
ชาร์ป
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,119

« ตอบ #434 เมื่อ: 22 สิงหาคม 2551, 18:35:28 »

เปิดตัวรถพันธุ์ใหม่ 56 กิโลเมตร/ลิตร สุดประหยัดพลังงานไฮโดรเจน

      จากหนุ่มผู้ถูกเรียกขานนามว่า "พ่อมด" ในหมู่เพื่อน สานฝันตัวเองต่อเนื่อง ยกระดับสู่ "พ่อมดแห่งนาซา" วันนี้ สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา ก้าวพ้นความฝันเฟื่องสู่นวัตกรรมครั้งยิ่งใหญ่ของชีวิต ด้วยสิ่งประดิษฐ์ รถยนต์พลังไฮโดรเจน ประหยัดพลังงาน 56 กิโลเมตรต่อลิตร

      สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา จากช่างเทคนิคลูกทัพฟ้าสู่พ่อมดแห่งนาซา นักประดิษฐ์ผู้ไม่ยอมแพ้ ทุ่มเทแรงกายแรงใจ พัฒนาอุปกรณ์แยกไฮโดรเจนจากน้ำที่สามารถไปติดตั้งไว้ในรถยนต์ได้เลย ทำให้รถยนต์สามารถใช้พลังน้ำแทนน้ำมันในการขับเคลื่อนได้สำเร็จ

      โดยเมื่อเช้าวันที่ 21 สิงหาคม มีการแถลงข่าวถึงความสำเร็จอันน่ายินดีนี้ ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 2 มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี โดยมี ผศ.ดร.จรูญ ถาวรจักร อธิการบดี พร้อมด้วย ผศ.วิเชียร จันทะโชติ อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล นายสุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้พัฒนาอุปกรณ์แยกไฮโดรเจนจากน้ำ "รีแอคเตอร์ 1" และนายสมชาย ไตรสุริยะธรรมา ผู้ร่วมพัฒนาอุปกรณ์ พร้อมกับนำรถยนต์ที่ติดตั้ง "รีแอคเตอร์ 1" ซึ่งเป็นกล่องโลหะสี่เหลี่ยมขนาดกว้าง 12 นิ้ว สูงประมาณ 10 นิ้ว อยู่ด้านท้ายของรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค ขนาด 1,800 ซีซี มาให้ทดลองขับ

      ระยะทาง 100 เมตร ที่มีผู้ทดลองขับสลับเปลี่ยนกันไปหลายคน ต่างบอกว่า "ไม่แตกต่าง" กับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันแต่อย่างใด ทั้งอัตราเร่งและความเร็ว...

"สุมิตร" เล่าถึงที่มาของแนวคิดในการพัฒนาอุปกรณ์เพื่อนำเอาพลังงานน้ำมาใช้ว่า ตั้งใจทำให้คนไทยและโลกรู้ว่าน้ำเป็นพลังงานทดแทนได้ เพราะน้ำมีพลังงานมหาศาล แต่ยังไม่มีใครนำพลังงานของน้ำมาใช้อย่างเต็มที่ ในอดีตที่ผ่านมามีการนำพลังงานจากน้ำมาแปรรูปเพื่อใช้ประโยชน์ เช่น การพัฒนาเรือเหาะ เอดินเบิร์ก แต่ก็เกิดความล้มเหลว จากนั้นความพยายามดังกล่าวก็หายไป ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทาย ทำให้ตลอด 30 ปีของการทำงาน พยายามคิดค้นว่าจะเอาพลังงานที่จะเป็นพลังงานตลอดกาลมาใช้ได้อย่างไร

      ส่วนเทคโนโลยีพลังงานไฮโดรเจน อาศัยหลักการแยกน้ำด้วยไฟฟ้า ทำให้ได้ก๊าซไฮโดรเจน 2 อะตอม และ ออกซิเจน 1 อะตอม โดยใช้อุปกรณ์ที่พัฒนาขึ้นเรียกว่า "รีแอคเตอร์" เป็นตัวแยก เมื่อนำไปติดตั้งกับรถยนต์จะใช้ไฟฟ้ากระแสตรงจากแบตเตอรี่รถ 12 โวลต์ เข้ามาทำการแยกโดยขั้วบวกจะมีปฏิกิริยาของออกซิเจน ขั้วลบจะเป็นปฏิกิริยาของไฮโดรเจนในการแยกโมเลกุลน้ำ และได้ไฮโดรเจนซึ่งเป็นเชื้อเพลิง แล้วส่งเข้าไปสันดาปในเครื่องยนต์

      จุดเด่นของ "รีแอคเตอร์" คือ ปฏิกิริยาการแยกน้ำจะเกิดขึ้นทีละน้อย ตามความต้องการของเครื่องยนต์ โดยไม่ต้องนำไฮโดรเจนที่ได้ไปเก็บไว้ในถังเก็บ เมื่อผลิตไฮโดรเจนออกมาได้แล้วก็ส่งออกไปยังเครื่องยนต์ ทำให้เกิดการจุดระเบิดขึ้น เพราะคุณสมบัติที่ดีของไฮโดรเจนก็คือมีการเผาไหม้ได้สูงและมีการจุดระเบิด ที่ต่ำมาก เหมือนเครื่องยนต์ที่ใช้กันในปัจจุบัน เทคโนโลยีทุกวันนี้ในการผลิตไฮโดรเจนโดยใช้วิธีการคล้ายๆ กัน จะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "อิเล็กโทรไรท์เตอร์" ซึ่งจะเป็นเทคโนโลยีที่คล้ายๆ กันหมด

      "ปฏิกิริยาแยกน้ำจะเกิดความร้อนสูง ยากแก่การควบคุม ซึ่งเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดอันตรายได้ แต่รีแอคเตอร์ที่พัฒนาขึ้น สามารถควบคุมความร้อนให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัย ที่สำคัญใช้น้ำเป็นวัตถุดิบต้นกำเนิดของเชื้อเพลิง ซึ่งหาได้ง่าย ราคาถูก และประการสุดท้าย คือ ไอเสียที่เกิดจากการสันดาปนั้น จะปนออกมารวมตัวกับออกซิเจนกลายเป็นน้ำอีกครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นไอเสียบริสุทธิ์" นายสุมิตรกล่าว

ส่วน เรื่องความปลอดภัยนั้น นายสุมิตรบอกว่า เป็นสิ่งที่ให้ความสำคัญอย่างมาก และยังคงมุ่งพัฒนาอย่างต่อเนื่อง พร้อมๆ กับการพัฒนา "รีแอคเตอร์ 2" ขณะนี้ได้ออกแบบวงจรอิเล็กทรอนิกส์ให้เป็นตัวทำหน้าที่ตรวจสอบความผิดปกติ ของการทำงานในระบบทั้งหมด วงจรนี้จะทำงานร่วมกับ ไมโครคอนโทรลเลอร์ ที่จะเป็นตัวควบคุมการทำงานของรีแอคเตอร์กับเครื่องยนต์ เพื่อให้ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่น้อยลง และได้ผลผลิตคือ ไฮโดรเจนในปริมาณที่เป็นสัดส่วนกับความต้องการของเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด
      ก่อนหน้านี้ สมิตร เคยบอกเอาไว้ว่า รถยนต์ขับเครื่องด้วยพลังงานใหม่นี้ ใช้พลังงานผสมผสาน แบบประหยัดสุดๆ ระยะทางประมาณ 560 กิโลเมตร วิ่งจากกรุงเทพฯถึงอุดรธานี ใช้น้ำมันเสริมเพียง 10 ลิตร เท่ากับว่า รถที่ว่านี้มัอตราประหยัดพลังงานที่ 56 กิโลเมตรต่อลิตรนั่นเอง      "จุดประสงค์ที่คิดค้นเกิดจากอยากให้โลกรู้ว่า น้ำสามารถเป็นพลังงานทดแทนได้ในอนาคต จึงได้พัฒนาอุปกรณ์ตัวนี้ขึ้นมา นอกจากนี้รีแอคเตอร์ยังเป็นตัวแก้ปัญหามลพิษ สภาวะปัญหาของโลกในปัจจุบันที่เกิดสภาวะโลกร้อน เพราะการใช้น้ำมาเป็นพลังงานเป็นเชื้อเพลิง จะทำให้ลดภาวะโลกร้อนและแก้ปัญหามลพิษไปด้วย ผลงานชิ้นนี้จะไม่ใช่ชิ้นแรกและชิ้นสุดท้าย ขอให้คนไทยเป็นกำลังใจให้ผมและทีมงานทำหน้าที่ต่อไปให้สำเร็จ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติต่อไป" นายสุมิตรกล่าว

      ในเบื้องต้นทีมคิดค้นพัฒนา "รีแอคเตอร์" ยังไม่ได้กล่าวถึงต้นทุนการผลิต หรือการพัฒนาในเชิงพาณิชย์แต่อย่างใด

      นายสุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา เดิมเป็นชาว จ.ราชบุรี จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนเบญจมราชูทิศ และเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนจ่าอากาศ เริ่มต้นรับราชการที่กองบิน 23 จ.อุดรธานี เป็นเวลา 6 ปี จากนั้นได้ศึกษาต่อในหลายสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศ กระทั่งจบการศึกษาในระดับปริญญาโท สาขาวิศวกรรม อากาศยาน จากประเทศสหรัฐอเมริกา มีประสบการณ์การทำงานกว่า 30 ปีในบริษัทผู้ผลิตอากาศยานยักษ์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น โบอิ้ง หรือ แอร์บัส ทำงานในองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา มีผลงานการประดิษฐ์ที่ทำให้ประหลาดใจหลายอย่าง จนเพื่อนร่วมงานขนานนามว่า "พ่อมด"
บันทึกการเข้า
ppornson
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,724

« ตอบ #435 เมื่อ: 25 สิงหาคม 2551, 18:57:33 »

BMW ยังงงครับ..ถ้าสำเร็จจริงก็เก่งมากๆ
บันทึกการเข้า
Apirat T.
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,357

« ตอบ #436 เมื่อ: 10 กันยายน 2551, 08:07:11 »

Michelin กับ Bridge Stone เปิดศึกชิงตลาดยางหล่อดอกกับแล้วครับ
ทั้งคู่วางแผนการตลาดไว้เหมือนกันเลย ว่าจะมาช่วงชิง เปิดโรงงงาน
เพื่อชิงพื้นที่ตลาดยางหล่อดอก
โดยทั้งสองรายย้ำว่า ราคาถูกมากๆ แน่นอน

เอาล่ะ หลังจากปล่อยให้ยางหล่อดอกเป็นเรื่องของผู้ต้องการประหยัด
แต่มันไม่ปลอดภัยเอาซะมากมาย
แต่ผู้นำตลาดยางทั้งคู่ลงมาทำเองแบบนี้
ในอนาคตอันใกล้คงจะได้ของดีพอมีคุณภาพพอประมาณสมราคาขึ้นแล้วล่ะ

ตาแคม
บันทึกการเข้า
Mr.EggMan
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,826

« ตอบ #437 เมื่อ: 10 กันยายน 2551, 13:38:22 »

น้ำมันดิบดิ่ง3$จับตาโอเปกลดกำลังผลิต

(Update) ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปิดดิ่งลงกว่า 3 ดอลลาร์ในวันอังคารรับแรงกดดันจากกลุ่มโอเปกจะตรึงการผลิตน้ำมันไว้ที่ระดับเดิม และพายุเฮอริเคนไอค์อาจไม่พัดผ่านแท่นขุดเจาะน้ำมันส่วนใหญ่ในอ่าวเม็กซิโก

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนต.ค.ดิ่งลง 3.08 ดอลลาร์ มาปิดตลาดที่103.26 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 102.20-106.77 ดอลลาร์

ราคาน้ำมัน heating oil ส่งมอบเดือนต.ค.ปิดดิ่งลง 8.84 เซนต์ ปิด 2.9247 ดอลลาร์ต่อแกลลอน ,ราคาน้ำมันเบนซิน RBOB ส่งมอบเดือนต.ค.ปิดดิ่งลง 9.77 เซนต์ ปิด 2.6526 ดอลลาร์ต่อแกลลอน และ        ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนปิดดิ่งลง 3.10 ดอลลาร์ ปิด 100.34 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ทั้งนี้ ล่าสุดมีรายงานว่ากลุ่มโอเปกได้ประกาศลดกำลังการผลิต 5.2 แสนบาร์เรล หลังราคาน้ำมันร่วงลงกว่า 30% เมื่อเทียบกับนิวไฮเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา

...

น้ำมันดิบลงพรวดๆ  Wink
บันทึกการเข้า

jakkreepan@hotmail.com
Love is in the A...I...R......H
ppornson
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,724

« ตอบ #438 เมื่อ: 10 กันยายน 2551, 16:19:41 »

เจ๊เกียวหายheadไปไหนครับ..ตอนขึ้นเห็นหน้าไวๆ..
บันทึกการเข้า
Apirat T.
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,357

« ตอบ #439 เมื่อ: 29 กันยายน 2551, 07:30:19 »

เชี่ยเอ้ย .... มีพวกบ้าแอบถอดที่ปัดน้ำฝนฝั่งด้านข้างคนขับตูไปอันนึง
เมื่อเช้าเปิดที่ปัดน้ำฝน แมร่ง ฟาดดังเปรี้ยงเลย

ไม่รู้พวกสันดานเสียนี่มันคิดอะไรของมันอยู่
เพราะผมเคยได้ยินว่า มีบางคันเคยเป็นแบบนี้ แล้วมันฟาดกระจกแตกเลย

สมมติว่าผมขับอยู่กลางถนนซัก 100 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมง
ผมเปิดที่ปัดน้ำฝน มันฟาดกระจกแตก ผมตายห่าขึ้นมา

สนุกมากใช่ไหม๊ของพวกมรึงๆ ทั้งหลายเนี่ย ฟัก!!

ตาแคม  Angry
บันทึกการเข้า
iamfrommoon
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2535
คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 8,396

เว็บไซต์
« ตอบ #440 เมื่อ: 29 กันยายน 2551, 09:07:29 »

แม่เจ้าเด๋วนี้มันขโมยแม้กระทั่งที่ปัดน้ำฝนแล้วเหรอ...ดีนะที่รู้ซะก่อน พี่จะได้ไปเตือนคนอื่นให้ระวังและควรตรวจดูก่อนออกจากบ้าน...
บันทึกการเข้า

@@ธรรมชาติสร้างความขัดแย้ง เพื่อให้คนเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ดียิ่งขึ้น@@@

ppornson
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,724

« ตอบ #441 เมื่อ: 04 ตุลาคม 2551, 16:35:32 »

น่าคิดว่าทำไมมันถึงเลือกรถไอ้แครมมม..

มันถอดง่าย..หรือเป็นที่ปัดน้ำฝนใหม่..หรืออยากแกล้ง..แล้วมันถอดไปทำอะไร..

เดี๋ยวนี้ประหลาดๆเยอะ..ดีแล้วล่ะ..ที่เจอก่อน
บันทึกการเข้า
Apirat T.
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,357

« ตอบ #442 เมื่อ: 06 ตุลาคม 2551, 07:23:26 »

ไม่รุ
รถก็เก่า ที่ปัดน้ำฝนก็เก่า แถมเอาไปข้างเดียว
คนขับก็เป็นคนดีมีศีลธรรม

ตาแคม
บันทึกการเข้า
ชาร์ป
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,119

« ตอบ #443 เมื่อ: 06 ตุลาคม 2551, 10:53:20 »

เทียบ ‘ดีเซล-เบนซิน’ จิบ-ซดต่างแค่ไหน?
โดย ผู้จัดการออนไลน์    5 ตุลาคม 2551 14:02 น.


http://www.manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9510000115805

ท่ามกลางภาวะวิกฤตน้ำมันราคาแพง แม้ว่าในขณะนี้จะเริ่มมีแนวโน้มคลี่คลายลง สืบเนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดซื้อ-ขายล่วงหน้าของต่างประเทศลดลง ตามแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยทั่วโลก ส่งผลให้บรรดากองทุนเก็งกำไรชะลอการไล่ราคาขึ้นไปอย่างไม่รู้จุดหมาย ซึ่ง เหตุการณ์ดังกล่าว สร้างความวิตกให้กับผู้ใช้น้ำมันทั่วโลก รวมถึงตลาดรถยนต์ซึ่งต้องพึ่งพาน้ำมันในการเป็นพลังงานขับเคลื่อน และเมื่อราคาน้ำมันถีบตัวสูงขึ้นการทำตลาดเริ่มใช้กลยุทธ์ชูความประหยัดกัน เป็นทิวแถว และหนึ่งในปัญหาใหม่ คือเรื่องของการเลือกคบหาระหว่าง เครื่องยนต์เบนซิน กับ ดีเซล
       
       ด้วยปัจจุบันราคาน้ำมัน “ดีเซล” ในบ้านเราสูงกว่า “เบนซิน” เป็นครั้งแรก ทำให้ผู้บริโภคเกิดอาการตกใจหรือ ช็อก! อย่างแรง (เพราะไม่เคยคาดคิดมาก่อน) ทำให้ตลาดรถปิกอัพปั่นป่วนอยู่พักใหญ่ๆ ลามไปถึงตลาดรถหรูด้วย ทว่าดูเหมือนทิศทางกำลังจะเริ่มดีขึ้นหลังราคาเริ่มลดลง อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดีเซลก็ยังแพงกว่าอยู่ดี
       
       ดัง นั้นเพื่อเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า แท้จริงแล้วเครื่องยนต์ดีเซล ยังไงก็ให้ความประหยัดที่มากกว่าเครื่องยนต์เบนซินอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเทียบเป็นหน่วย กม./ลิตร หรือ บาท/กม. “ผู้จัดการมอเตอริ่ง” จึงทำการทดสอบแบบใช้งานจริงมานำเสนอกัน โดยได้รับความร่วมมือจากบริษัท บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จำกัด จัดเตรียมรถ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 จำนวน 2 คันมาให้เราทำการทดสอบ
       
       คัน แรกเป็นรุ่น 320ไอ เครื่องยนต์เบนซิน แบบ 4 สูบ ปริมาตรความจุ 1,995 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 6,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 200 นิวตัน/เมตร ที่ 3,600 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด ขับเคลื่อนล้อหลัง น้ำหนักรวมของตัวรถ 1,435 กิโลกรัม สนนราคา 2.8 ล้านบาท
       
       คัน ที่สองเป็นรุ่น 320ดี เครื่องยนต์ดีเซล แบบ 4 สูบ ปริมาตรความจุ 1,995 ซีซีเท่ากันกับตัวเบนซิน ให้กำลังสูงสุด 177 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน/เมตร ที่รอบกว้าง 1,750- 3,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด ขับเคลื่อนล้อหลัง น้ำหนักรวมของตัวรถ 1,445 กิโลกรัม (หนักว่ารุ่นเบนซินประมาณ 10 กิโลกรัม) สนนราคา 2.849 ล้านบาท.
       
       เรียกว่าข้อมูลทางเทคนิค เท่ากันแทบจะทุกอย่างต่างเพียง พละกำลัง(ดีเซลเหนือกว่า), น้ำหนัก และราคาเท่านั้น ซึ่งในด้านของสมรรถนะการขับขี่เราขอไม่กล่าวถึงเนื่องจากเคยนำเสนอบททดสอบ เป็นที่เรียบร้อยแล้วดังนั้นครั้งนี้จึงเป็นเรื่องของ อัตราการบริโภคน้ำมันเพียงอย่างเดียว
       
       เรา พยายามกำจัดปัจจัยที่จะเป็นตัวแปรทำให้ผลต่างๆ คลาดเคลื่อนโดยกำหนดให้ ผู้ทดสอบรถทั้งสองคันต้องสลับกันขับ แล้วมาหารค่าเฉลี่ย , ทุกเส้นทางจะเป็นการวิ่ง 2 รอบ แล้วนำมาหารค่าเฉลี่ย , การขับจะเป็นลักษณะขับไปพร้อมกันในเส้นทางเดียวกัน สลับกันนำและตามคันละรอบ, ห้ามคิกดาวน์, ปรับอุณหภูมิให้เท่ากันที่ 24 องศา ความแรงลม 3 ขีด และ แรงดันลมยางเท่ากันหมดทั้ง 8 ล้อ(2คัน)ที่ 32 ปอนด์
       
       ซึ่งตัวเลขทั้งหมดเป็นผลที่แสดงตามคอมพิวเตอร์ออนบอร์ดของรถ ทั้งนี้ก็เพื่อตัดปัญหาเรื่องการเติมน้ำมันที่อาจจะไม่เสมอภาคกันในแต่ละ ครั้ง โดยก่อนการวิ่งทดสอบทุกครั้งทีมงานจะเซ็ตค่าตัวเลขเป็นศูนย์พร้อมกันทั้ง 2 คันและออกวิ่งในเวลาไล่เลี่ยกัน
เริ่มต้นด้วยการขับแบบกึ่งในเมืองบนเส้นวิภา วดี เราพยายามจะขับด้วยความเร็วคงที่สูงสุด 80 กม./ชม. มีรถติดขัดบ้างบางช่วงเพียงเล็กน้อย ผลเป็นดังตาราง
       
       เส้นทางที่ 1 ความเร็วสูงสุด 80 กม./ชม.
       
ชนิดเครื่องยนต์   ระยะทาง (กม.)   ความเร็วเฉลี่ย (กม./ชม.)   อัตราสิ้นปลือง(กม./ลิตร)   ค่าใช้จ่าย (บาท/กม.)
ดีเซล   31.8   61.3   21.2   1.56
เบนซิน   31.8   61.3   15.6   1.85

จากนั้นเราหวังจะทดสอบที่ความเร็วสูงประมาณ 120 กม./ชม. โดยใช้ถนนตัดใหม่วงแหวนทิศใต้พระราม2-บางนา แต่ทว่าสภาพการจราจรไม่เอื้ออำนวยเนื่องจากเกิดฝนตกพรำๆ ทำให้ความเร็วสูงสุดในครั้งนี้อยู่ที่ 100 กม./ชม. และได้ผลดังเป็นดังนี้
       
       เส้นทางที่ 2 ความเร็วสูงสุด 100 กม./ชม.
ชนิดเครื่องยนต์   ระยะทาง (กม.)   ความเร็วเฉลี่ย (กม./ชม.)   อัตราสิ้นปลือง(กม./ลิตร)   ค่าใช้จ่าย (บาท/กม.)
ดีเซล   47.3   90.2   20.0   1.65
เบนซิน   47.3   90.1   14.7   1.96

สุดท้ายเราก็สามารถทำได้ตามความต้องการด้วย การวิ่งด้วยความเร็วคงที่สูงสุด 120 กม./ชม. โดยใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ พระราม 9-สุวรรณภูมิ เป็นระยะทางยาวพอสมควร ผลออกมาดังนี้
       
       เส้นทางที่ 3 ความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม.
ชนิดเครื่องยนต์   ระยะทาง (กม.)   ความเร็วเฉลี่ย (กม./ชม.)   อัตราสิ้นปลือง(กม./ลิตร)   ค่าใช้จ่าย (บาท/กม.)
ดีเซล   33.3   104   18.8   1.76
เบนซิน   33.3   104   14.2   2.03

สำหรับค่าใช้จ่าย บาท/กม. เราคำนวณตามราคาน้ำมัน ณ วันที่ 31 ส.ค. ในเวปไซต์ของปตท. ที่น้ำมันเบนซินชนิด แก๊สโซฮอล์ 95 (เติมในรถ 320ไอ)ราคา 28.79 บาท/ลิตร ส่วนดีเซล (เติมในรถ 320ดี) ราคา 33.04 บาท โดยจะพบว่า ตัว 320 ไอ เสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางต่อกม.ที่แพงกว่าตัว 320ดี ในทุกย่านความเร็ว
       
       ส่วนตัวเลขการทดสอบแบบในเมืองรถติดหนัก นั้นเราไม่สามารถควบคุมตัวแปรที่จะทำให้ผลคงที่ เนื่องจากสภาพการจราจรที่ไม่แน่นอน ทำให้รถไม่สามารถวิ่งเกาะติดกันเป็นระยะทางยาวได้เพียงพอจะเป็นการอ้างอิงผล การทดสอบ ดังนั้นเราจึงขอนำเสนอตัวเลขเพียงเท่านี้
       
       สรุป แม้ ว่าน้ำมันดีเซลจะมีราคาต่อลิตรที่แพงกว่า แต่ทว่าเมื่อคิดคำนวณด้วยการวิ่ง ผลออกมากลายเป็นว่า รถที่เป็นเครื่องยนต์ดีเซลยังประหยัดเงินในกระเป๋าของเราได้มากกว่าอยู่ดี ฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมยอดขายของรถยนต์ในทวีปยุโรปกว่า 50% เป็นรถที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลนั่นเอง
       
       สำหรับแฟนๆ รถปิกอัพ หากเรามีโอกาสรับรองว่าจะทำการเปรียบเทียบเครื่องยนต์ดีเซลและเบนซินที่ ประจำกันอยู่ในรถปิกอัพซึ่งจำหน่ายในเมืองไทยอย่างแน่นอน
บันทึกการเข้า
Mr.EggMan
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,826

« ตอบ #444 เมื่อ: 06 ตุลาคม 2551, 16:51:59 »

 Shocked

สำหรับประเด็นของตาแครม

ทางเจ้าพนักงาน มุ่งไปที่ประเด็นชู้สาว เป็นหลัก

บันทึกการเข้า

jakkreepan@hotmail.com
Love is in the A...I...R......H
Apirat T.
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,357

« ตอบ #445 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2551, 07:18:19 »

^
^
เค้าต้องสันนิษฐานไว้หลายๆ อย่างไม่ใช่เหรอ

ที่ปัดน้ำโดนขโมย เธอจะได้ไม่ไปปัดรักใครได้อีก
ฮิ้วววววววววววว  Kiss
บันทึกการเข้า
ppornson
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,724

« ตอบ #446 เมื่อ: 08 ตุลาคม 2551, 17:19:21 »

อ้วกกกก..

ลิเกแบบนี้ล่ะถนัดนัก..
บันทึกการเข้า
หลิม 81
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,840

« ตอบ #447 เมื่อ: 09 ตุลาคม 2551, 17:10:44 »

อ้างถึง
ข้อความของ apirat เมื่อ 07 ตุลาคม 2551, 07:18:19
^
^
เค้าต้องสันนิษฐานไว้หลายๆ อย่างไม่ใช่เหรอ

ที่ปัดน้ำโดนขโมย เธอจะได้ไม่ไปปัดรักใครได้อีก
ฮิ้วววววววววววว  Kiss

หรือว่าปัดเธอทิ้งไป...ซะงั้น
บันทึกการเข้า

@ ปีนี้ปีของผม @
dol (81)
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 540

« ตอบ #448 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2551, 21:07:02 »

วันนี้รถแบตเสื่อม ไปเปลี่ยนมา 2400 บาท (ตัวเบาเลย)  Cry
บันทึกการเข้า

ความรักไม่มีวันหมดอายุ ถ้ามันจะหมดอายุแสดงว่าคุณหมดรัก
Apirat T.
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,357

« ตอบ #449 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2551, 14:43:04 »

^
^
เอาน่า ปกติเค้ากันได้แค่ประมาณ 1 ปี
ใช้มา 3 ปีก็กำไรแล้น

ตาแคม
บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 16 17 [18] 19 20 ... 39  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><