Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์
รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915
|
|
« เมื่อ: 02 พฤษภาคม 2552, 11:25:39 » |
|
"ยกบริการปฐมภูมิออกนอกโรงพยาบาล จุดคานงัด
การพัฒนาบริการปฐมภูมิในประเทศไทย" ผู้เขียน คือ
นายแพทย์ยงยุทธ พงษ์สุภาพ
สำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติ
บริการปฐมภูมิใน ร.พ.คือ บริการอะไร คือ บริการ
1.ตรวจคนไข้นอก (OPD)
2.งานส่งเสริมสุขภาพ
3.งานสุขาภิบาล และ ป้องกันโรค
4.งานฟื้นฟูสุขภาพ
งานแต่ละงาน เป็นดังนี้
1.ตรวจคนไข้นอก (OPD) ได้แก่ คนไข้ป่วยที่เดินเข้ามา
พบแพทย์ ที่ ร.พ.
พบว่า 90% ของคนป่วย หรือ ส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องมา รักษา ที่ ร.พ.เพียงแต่จัดให้มี
แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปหรือ แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว ไปออกตรวจ
ใกล้บ้านที่ สถานีอนามัย หรือ ปัจจุบัน คือ โรงพยาบาลสร้างเสริมสุขภาพตำบล รพสต.
ก็ให้การวินิจฉัย และ ให้การรักษาได้ แพทย์ไปเอง หรือ ไปทางเครือข่ายสาธารณสุข
Virtual Private Network : VPN http://www.vcharkarn.com/varticle/17748
มีส่วนน้อย น้อยกว่า10%ที่ต้องมาตรวจ กับ แพทย์เฉพาะทาง
อ้างอิงมาจาก สถิติการวินิจฉัยโรค พบว่า
เพียงซักประวัติการเจ็บป่วย ที่ถูกวิธี อย่างเดียวเท่านั้น
จะรู้ได้ว่าคนไข้ป่วยเป็นอะไรได้ ถึง 80% และ
เมื่อตรวจร่างกายค้นหาสิ่งที่จะตรวจพบในโรคที่นึกถึง
จากการซักประวัติ จะรู้ว่าเป็นอะไร อีก 10 %
นั่นคือ เพียงซักประวัติ ร่วมกับ ตรวจร่างกาย หรือ
เรียกว่า การวินิจฉัยข้างเตียง (Bedside Diagnosis)
สามารถรู้ว่า คนไข้ป่วยเป็นอะไรถึง 90%
ซึ่งจะรักษาได้ มีส่วนน้อยเท่านั้น ที่ต้องนำสิ่งส่ง
ตรวจมาทำแล็ป ที่ ร.พ.หรือ ให้มานอน ร.พ.อำเภอนั้น
เพื่อดูแลต่อเนื่อง หรือ ส่งต่อพบแพทย์เฉพาะทางที่
ร.พ.ระดับ 2 หรือ 3 ที่ เหมาะสมต่อไป
ผมเสนอวิธีการวินิจฉัย และ ให้การรักษาพยาบาล เพื่อ
ไว้สอนนักเรียนพยาบาลที่มาฝึกพยาบาลเวชปฏิบัติ ที่
ร.พ.อำเภอ ที่ผมทำงานอยู่ เพื่อไม่ต้องแจกเอกสาร ที่ กระทู้ข้างล่าง
ตอบกระทู้ที่ 6 เรืือง แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว เหมาะสมเป็นแพทย์ด่่านแรก
http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,3394.0.html
ปัจจุบัน ระบบสาธารณสุขของประเทศ จัดให้ ร.พ.อำเภอ
มีแพทย์เฉพาะทาง 4 แผนก คือ สูติ ศัลย์ อายุรกรรม และ
กุมารเวชกรรม สาขาละ 1 คน เพื่อให้มีแพทย์เฉพาะทาง
ผลเสียที่เกิดขึ้น คือ ทำให้ ร.พ.อำเภอ มีแพทย์ที่มีความสามารถไม่เท่ากัน มาอยู่รวมกัน
ทำให้แพทย์แต่ละคนรักษาคนไข้ได้ไม่เท่ากัน จะชำนาญเฉพาะสาขาที่เรียนมา
แพทย์จึง เครียด ลาออกปีละ 800-1,000คน
ในเวบบ์
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=samrotri&month=12-2006&date=15&group=9&gblog=1
ดังนั้นขอเสนอ ให้ ร.พ.อำเภอ(ร.พ.ด่านแรก)มีเฉพาะ
แพทย์ทั่วไปเป็นแพทย์ประจำครอบครัวมีความสามารถเท่ากัน
คนไข้ถ้าเกินความสามารถจะได้รับการส่งต่อ ร.พ.ที่เหมาะสม
ทันที ไม่ต้องเสียเวลามานอนที่มีแพทย์รักษาได้คนเดียว
เป็นการวางคนให้ตรงกับงาน
Put Right Man To The Right Job
แพทย์จบใหม่เรียนผ่านมาทุกแผนก ผ่านการสอบ
รับใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม จาก แพทยสภา แล้ว
เป็นแพทย์ทั่วไป สามารถดูแลคนไข้ได้เกือบทั้งหมดได้
ถ้าปรับปรุงระบบสาธารณสุขใหม่ ให้เป็นรูปที่ถูกต้อง
ให้ ร.พ.อำเภอ มีเฉพาะแพทย์ทั่วไป แล้วให้แพทย์
เฉพาะทางที่อยู่ ร.พ.อำเภอ ๆ ละ 1 คนกลับไปอยู่ใน
แผนกที่เรียนมาที่ ร.พ.จังหวัด หรือ ร.พ.ศูนย์
ทำให้ได้แพทย์เฉพาะทาง เพิ่มขึ้นทันที
2.งานส่งเสริมสุขภาพ เช่น ตรวจครรภ์ ตรวจเด็กดี ให้
ความรู้ เรื่องสุขภาพ
3.งานสุขาภิบาล และ ป้องกันโรค เช่น
ทำวัคซีน ให้ความรู้เรื่องสุขาภิบาล และ ป้องกันโรค
4.งานฟื้นฟูสุขภาพ ให้ทำหัตถบำบัด กายภาพบำบัด
ฝึกอาชีพ ให้ความรู้เรื่อง ฟื้นฟูสุขภาพ
งานบริการทั้ง 4 ข้อข้างต้น นี้เรียก งานบริการปฐมภูมิ
ทีมสุขภาพ ของ ร.พ.และ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ที่ศูนย์แพทย์
ใกล้บ้านสามารถให้บริการได้
OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO
ผล ทำให้ ร.พ.จะมีเฉพาะคนไข้ที่จำเป็นต้องมา คือ
คนไข้อุบัติเหตุ , ฉุกเฉิน และ คนไข้ที่ได้รับการส่งต่อ
มาจากศูนย์แพทย์ชุมชนที่แพทย์ออกตรวจ เพื่อตรวจ
แล็ป เอ็กซเรย์ หรือ ให้มานอน รักษาตัว ใน ร.พ.เท่านั้น
หมายเหตุ ถ้า มีแพทย์ออกตรวจที่ใกล้บ้าน แล้ว
ประชาชน มา ร.พ.โดยไม่จำเป็น จะได้รับการรักษาปกติ
และ แจ้งให้ทราบว่า มี แพทย์ จาก ร.พ.ไปบริการตรวจ
ให้ใกล้บ้าน แล้ว 2 ครั้ง
ถ้ามาอีกคราวหน้า ถ้าไม่จำเป็น รอแพทย์ได้
จะต้องเสียค่ารักษาเอง
ทำให้ ร.พ.ได้ทำงานที่จำเป็นต้องมาร.พ.เท่านั้น ทำให้งาน
ลดลง เพียงจัดแพทย์อยู่เวร ร.พ.เพียงคนเดียว ช่วงเช้า
เพื่อรับอุบัติเหตุ และ ฉุกเฉิน ขณะ ที่แพทย์ ท่านอื่นๆ
ออกไปตรวจที่ ศูนย์แพทย์ชุมชน นอก ร.พ.ช่วงเช้า
ช่วงบ่ายกลับมาดูคนไข้ใน ร.พ.ในพื้นที่ ที่มานอนป่วย
และ รับปรึกษาคนไข้ ทางโทรฯมือถือ ที่พยาบาลเวชปฏิบัติ
ที่อยู่ประจำ ศูนย์แพทย์ รักษาไม่ได้
ซึ่งเมื่อประชาชน รับรู้วิธีการทำงานก็จะมาตามเวลา
การยกบริการปฐมภูมิออกนอก ร.พ.ยังมีประโยชน์อีก 3 ด้าน คือ
1.ผลต่อการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ เมื่อรักษา
เมื่อเริ่มป่วย รักษาง่าย ค่ารักษาถูกกว่ารักษาช้า
2.ประสิทธิภาพของการบริการที่ให้ผลลัพธ์
ด้านสุขภาพดีกว่า คือ ลดอัตราตาย และ พิการได้
3.เพิ่มการเข้าถึงบริการให้กับคนยากจน คนด้อยโอกาส
ผู้พิการ ผู้ป่วยโรครื้อรังที่ไม่สามารถไปโรงพยาบาลได้
เป็นการช่วย
สร้างความเป็นธรรมในสังคม
เจ้าของกระทู้ขอเพิ่มเติม อีกว่า มีประโยชน์
1.ให้แพทย์ได้ทำงานตรงกับความสามารถ แพทย์ทั่วไป
อยู่ ด่านแรก แพทย์เฉพาะทางอยู่ในแผนกนั้นในด่าน 2 , 3
2.แพทย์ที่ลาออกจากงานหนัก เพราะไม่จัดเป็นระบบ
จะกลับเข้ามาทำงาน ร.พ.อีก ตามด่านที่ต้องการ
3.แพทย์ด่านแรก สามารถเป็นแพทย์เฉพาะทางได้
ราชวิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว จะให้สอบอนุมัติบัตร
ตามเกณฑ์ อบรมกับราชวิทยาลัยเองตามเกณฑ์ ทุกปี
เมื่อทำงานครบ 5 ปีสามารถสอบอนุมัติบัตรเวชศาสตร์
ครอบครัวได้ มีศักดิ์ และ สิทธิ์ เหมือน แพทย์เฉพาะทาง
ด้านอื่น ๆ เช่นกัน
เป็นการจูงใจ ทำให้มีแพทย์ต้องการมาทำงาน ร.พ.อำเภอ
เพิ่มขึ้นเป็นด่านแรก แพทย์จบใหม่ปีละ 2,500 คน พร้อม
ที่จะทำงานด่านแรก แทนแพทย์เฉพาะทางได้ทันที ถ้า
ขอย้ายเข้าแผนกเฉพาะทาง ที่ด่าน 2 หรือ ด่าน 3
ดังนั้น ถ้าที่เสนอเป็นจริงแพทย์ ร.พ.อำเภอจะทำงาน 2 ที่ คือ
1.ที่ ร.พ.ดูคนไข้ในพื้นที่ ที่ป่วยไม่มาก ให้มานอนรักษา
ได้ ถ้าเกินความสามารถจึงส่งต่อด่านสอง หรือ ด่านสาม
ก่อนออกตรวจนอก ร.พ.
2.ที่ ศูนย์แพทย์ชุมชน เพื่อให้บริการงานปฐมภูมิ ที่ยกออก
นอก ร.พ.ไปให้บริการใกล้บ้าน ให้ประชาชนเข้าถึงบริการ
ปัจจุบัน ทุกสถานีอนามัย หรือ ศูนย์แพทย์ชุมชน
มีคอมพิวเตอร์ใช้ในการบันทึก การรักษา สามารถกดดู
ประวัติเก่า สามารถคัดลอกยาเก่า และ ช่วยงานพิมพ์ใบ
สั่งยา ใบรับรองแพทย์ ฯลฯ ช่วยให้การทำงานตรวจ
ที่ สถานที่นอก ร.พ.ได้รับความสะดวกมาก ผมใช้เวลา
ตรวจคนไข้ประมาณ 1-5 นาทีแล้วแต่ความซับซ้อนของ
โรค รับยาเดิมอาการปรกติ 1 นาที เสร็จ เป็นต้น
OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO
ปัจจุบัน ทางกระทรวงสาธารณสุข ได้อนุมัติเบี้ยเลี้ยง
ให้แพทย์ ที่ทำงานที่ ร.พ.อำเภอ ได้เบี้ยเลี้ยงเพิ่มอีก
ตั้งแต่ ธ.ค. 2551 ผมทำงานมา 28 ปี ได้เงินเบี้ยเลี้ยง
ทำงาน ร.พ.อำเภอมาตลอด ได้เงิน มาจำนวนมากพอ
ชดเชยรายได้คลินิกที่ลดลง จากคนไข้ไม่มาหาคลินิก
แต่เข้าถึงบริการฟรี ที่มีคุณภาพโดยแพทย์ ร.พ.และ
ทีมสุขภาพ ออกตรวจให้ที่ศูนย์แพทย์ ข้างต้น ทำให้
ในอนาคต ก็คงจะปิดคลินิกไปในที่สุด เมื่อประชาชน
ได้เข้าถึงบริการใกล้บ้าน ดูเพิ่มเติม
หนังสือ"ยกบริการปฐมภูมิออกนอกโรงพยาบาล จุดคานงัด
การพัฒนาบริการปฐมภูมิในประเทศไทย"
ที่เวบ
http://www.hcrp.or.th/th/cms/detail.php?id=43
OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO
ทำไมต้องยกบริการปฐมภูมิ ออกนอก ร.พ.
เนื่องจากในรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 นั้นมีมาตราเกี่ยวกับ
สิทธิในการได้รับบริการสาธารณสุขและสวัสดิการจากรัฐ
มาตรา ๕๑ บุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในการรับบริการ
ทางสาธารณสุขที่เหมาะสมและได้มาตรฐาน และ
ผู้ยากไร้มีสิทธิได้รับการรักษาพยาบาลจากสถานบริการ
สาธารณสุขของรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับการบริการสาธารณสุขจากรัฐ
ซึ่งต้องเป็นไปอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ
บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับการป้องกันและขจัดโรคติดต่อ
อันตรายจากรัฐอย่างเหมาะสมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
และทันต่อเหตุการณ์
ตามเวบ รัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550
http://www.ryt9.com/s/lwai/336299/
ooooooooooooooooooooooooooooooooooooooo
ตัวอย่างการยกบริการปฐมภูมินำไปปฏิบัติจริง (นำร่อง)
ผม เจ้าของบล็อก เองได้ทำนำร่อง
ตั้งแต่ 6 พฤษภาคม 2551 สถานีอนามัย ต.เขาหินซ้อน
ได้รับการประเมิน และ รับรองเป็น
ศูนย์แพทย์ชุมชน Tract A
และ วันที่ 1 กรกฏาคม 2552 ได้รับการยกฐานะเป็น
ร.พ.สร้างเสริมสุขภาพตำบล
ผมเป็นแพทย์ทั่วไป หรือ แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว
ออกตรวจวันอังคาร พุธ พฤหัส
ผู้อำนวยการ ร.พ.พนมสารคาม ออกตรวจ จันทร์ และ ศุกร์
เพื่อช่วยพัฒนา ศูนย์แพทย์ชุมชน ให้ก้าวหน้า
เหมือน ร.พ.อำเภอพนมสารคาม ที่พัฒนาจนได้
เป็น ร.พ.คุณภาพ และ ร.พ.ส่งเสริมสุขภาพ
แพทย์ ที่ทำงาน ร.พ.อำเภอ ต้องทำงาน 2 ที่ คือ
1.ที่ ร.พ.อำเภอ ตรวจคนไข้ใน เฉพาะผู้ป่วยในพื้นที่รับผิดชอบ
ที่มาเป็นผู้ป่วยใน ก่อนออกไปตรวจคนไข้นอก นอก ร.พ.อำเภอ
2.ที่ ร.พ.สร้างเสริมสุขภาพตำบล ที่รับผิดชอบ คนไข้นอก
จะเป็นโรคง่าย ๆ เรียนจบแพทย์ 6 ปี ก็สามารถ
ดูแลสุขภาพประชาชนได้เป็นส่วนใหญ่ มีส่วนน้อย
น้อยกว่า 5 - 10% เกินความสามารถก็ส่งต่อไปรักษา
กับแพทย์ที่เหมาะสมได้ เหมือนประเทศอังกฤษ และ
ฟินแลนด์ ที่ทุกคนต้องมีแพทย์ประจำตัว
ถ้าเจ็บป่วยฉุกเฉิน รักษาสถานพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
ได้ฟรี แพทย์ผู้รักษาสามารถสอบถามประวัติ
จากแพทย์ประจำตัวได้
ดังนั้น การทำงานเช้า ผม จึงต้องตรวจคนไข้ในพื้นที่
รับผิดชอบที่มานอนรักษาใน ร.พ.ก่อนออกตรวจที่ ร.พ.ตำบล
ประมาณ 9.15 น.ก็ขับรถ ร.พ. รถเก๋ง Volvoไปออกตรวจที่
ร.พ.สร้างเสริมสุขภาพตำบลเขาหินซ้อน ระยะทาง 20 กม.
ประมาณ 9.30 น ก็เริ่มตรวจคนไข้ได้
ทั้ง ร.พ.และ ศูนย์ฯ ใช้ Computer ในการพิมพ์ประวัติ
สั่งรักษา แต่คนละโปรแกรมกัน แต่สามารถเรียนรู้
ได้ไม่ยาก ในการพิมพ์ ประวัติ , ตรวจร่างกาย , สั่งยา ฯลฯ
สามารถ Copy ยาเก่า ทำให้การทำงานรวดเร็ว ง่ายมาก
ใช้เวลาตรวจคนไข้ลดลง จากที่จะต้องเขียนใบสั่งยา หรือ
อ่านลายมือประวัติเก่ายาก เป็นกดคีย์คอมพ์
ดู วันที่ ที่มาตรวจ ประวัติเก่า ก็จะขึ้นมา สามารถ
Remed หรือ Copy ให้ใช้ยาเดิมได้ สามารถลบ หรือ เพิ่มยา
ได้ทันที ตรวจคนไข้เฉลี่ย ประมาณ 1-3 นาที/คน
ใน 1 ชม.ตรวจ ได้ประมาณ 20-60 คน
แล้วแต่ความซับซ้อนของการป่วยไข้ ทำงานสบายมาก
คุยเป็นกันเองกับคนไข้ไม่เครียดทั้ง 2 ฝ่าย มีเวลาว่าง
พัฒนา ร.พ.ตำบล หรือ เข้าหาความรู้ทางอินเตอร์เนต
ไม่ต้องดูแลคนไข้หนักด้วยตนเอง เกินความสามารถ
ปฐมพยาบาล แล้ว เรียก หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน 1669
จาก ร.พ.มารับได้ไม่เกิน 20-30 นาทีก็มาถึง สบาย ๆ
ยิ่งเวลาผ่านไปคนไข้ใน และ คนไข้นอกที่ต้องมา ร.พ.
ในเขตรับผิดชอบ ต.เขาหินซ้อนเริ่มลดลง เพราะ
ประชาชนเมื่อป่วยเล็กน้อยก็เข้าถึงบริการที่มี
คุณภาพใกล้บ้านมีแพทย์ออกตรวจ
นอกจากนี้ถ้าประชาชน ร่วมปฏิบัติต้ว ให้มีสุขภาพดี ตาม
1. กิจกรรม ส่งเสริมสุขภาพ
2. กิจกรรมสุขาภิบาล ป้องกันโรค
3. กิจกรรมรักษาพยาบาล เมื่อเริ่มป่วยมารักษากับ
แพทย์ประจำครอบครัว ที่ออกตรวจให้ ใกล้บ้าน
4. กิจกรรมฟื้นฟู สุขภาพ
ทั้ง 4 กิจกรรมนี้ จะลดคนไข้ต้องมา ร.พ.ได้
ตามเวบบ์
http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,591.0.html
oooooooooooooooooooooooooooooooooooooo
สรุป ประโยชน์ที่ได้รับจากการยกบริการปฐมภูมิออกนอก ร.พ. คือ
1.แพทย์สามารถเลือกจะเป็นแพทย์สาขาใดได้
อยากเป็นแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวทำงาน 2 ที่
จบแพทย์ 6 ปีผ่านการสอบได้รับใบประกอบวิชาชีพ
เวชกรรม แล้วก็เลือกทำงาน ร.พ.อำเภอ
อยากเป็นแพทย์เฉพาะทาง หลังทำงานใช้ทุนที่ ร.พ.อำเภอ
แล้ว ก็สามารถหาทุนเรียนจาก ร.พ.จังหวัด หรือ ร.พ.ศูนย์
2.ประชาชน ได้ประโยชน์ไม่ต้องเสียเวลา
เสียค่าใช้จ่าย ในการเดินทางมาโรงพยาบาล
กลายเป็น รอแพทย์ และ ทีมสุขภาพจาก
ร.พ.อำเภอ มาให้บริการทุกเช้า ที่ โรงพยาบาลสร้างเสริมสุขภาพตำบล รพสต.ใกล้บ้าน
ถ้าป่วยเกินความสามารถจะได้ ใบส่งตัวไปรักษาในที่ ที่เหมาะสม โดยใช้สิทธิ
รักษาฟรีได้ เมื่ออยู่ในหลักเกณฑ์
ส่วนในกรณีฉุกเฉิน สามารถรักษาพยาบาลสถานพยาบาลที่ใกล้ที่สุดได้ฟรีเช่นกัน
3.ถ้าไม่มีแพทย์เฉพาะทางที่ ร.พ.อำเภอ ประชาชนเมื่อป่วยเกินความสามารถ จะได้รับ
การส่งต่อเร็วขึ้นไม่ต้องรอรักษากับแพทย์เฉพาะทางที่มีเพียงคนเดียว ซึ่งไม่แน่ว่า
จะตามปรึกษาได้ตลอดเวลา
4.ลดความพิการ หรือ เสียชีวิตคนป่วยได้ เนื่องจากเข้าถึงการรักษาใกล้บ้านได้ทันทีเมื่อเริ่มป่วย
5.ค่าใช้จ่ายในการรักษา ต่อ คนไข้ 1 คน จะลดลง เนื่องจากเมื่อเริ่มป่วย สามารถเข้า
รับบริการกับแพทย์ประจำครอบครัวใกล้บ้านได้ทันที
"ยกบริการปฐมภูมิใน ร.พ.ไปให้บริการใกล้บ้าน
ที่ศูนย์แพทย์ชุมชน(สถานีอนามัยเดิม)เพื่อเป็นด่านแรก"
จะเกิดเหมือนประเทศอังกฤษ และ ฟินแลนด์ได้
พวกเราต้องช่วยกันหลาย ๆ คน นำบทความนี้ เสนอ
พณฯ ท่านจุลินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ร.ม.ต.สาธารณสุข และ
ท่านอาจารย์นายแพทย์ ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข
ทราบเพื่อพิจารณา
|
3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
|
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: 02 มิถุนายน 2552, 09:42:15 » |
|
ขอร่วมชื่นชมน้องหมอสำเริง 17 ด้วยอีกคนค่ะ ... ที่หมอขอความช่วยเหลือจากพี่เจี๊ยบผ่านทางพี่เหยง 16 มา พี่เจี๊ยบกำลังดำเนินการให้อย่างเต็มสตรีมอยู่นะคะ ขณะนี้ได้ข้อมูล update ล่าสุดของที่ปรึกษา รมต. สธ. ที่เป็น RCU 16 มาแล้ว กำลังรอให้ท่านติดต่อกลับมา ... โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
|
|
|
|
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์
รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 11 มิถุนายน 2552, 14:27:47 » |
|
|
3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: 21 มิถุนายน 2552, 15:12:42 » |
|
...เข้ามาศึกษาค่ะ... ...ตามความเห็นของพี่...คิดว่าปัญหามันอยู่ที่บ้านเรามันมีแพทย์ไม่พอค่ะ... ...อย่าง ร.พ.แถวบ้านพี่เค้าก็ไม่สามารถจัดแพทย์ออกไปตรวจที่หน่วยปฐมภูมิ(พีซียู)ได้ทุกวัน...จึงจัดไปอาทิตย์ละ 2 วัน... ...ก็ยังดีกว่าไม่จัดไปเลย... ...เดี๋ยววันหลังมาคุยใหม่ค่ะ...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
|
babybell
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: 08 กุมภาพันธ์ 2553, 10:44:21 » |
|
ก็ดีครับ
|
|
|
|
|
donaldjeo12
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: 29 มิถุนายน 2553, 13:24:27 » |
|
โครง สร้างพื้นฐานด้านสุขภาพเสนอตัวเลขหลักสำคัญสำหรับการวางแผนโครงสร้างพื้นฐาน ด้านสุขภาพจากการทบทวนวรรณกรรมในมือข้างหนึ่งและในกระบวนการของการหักภายใน ที่อื่นๆ หลักการกล่าวมีดังนี้ระบบสุขภาพแบบบูรณาการการวางแผนการประหยัด ชั้นในระบบสุขภาพนั้นจำเพาะของชั้น; ความสม่ำเสมอของโครงสร้างชั้น'; แพคเกจต่ำสุดของกิจกรรม; ความรับผิดชอบต่อประเทศและ / หรือชัดเจนและ ความรับผิดชอบต่อ เนื่องสำหรับประชากรทั้งกำหนด; พื้นฐานประชากรจำเป็นและเพียงพอแยกบางส่วนของฐานการบริหารและการสาธารณสุข การวางแผนและในที่สุดกฎสำหรับการแบ่งทางภูมิศาสตร์และบูรณาการขององค์กร nongovernmental นิยามของสองกลยุทธ์หลักด้านสุขภาพและระบบสุขภาพอำเภอเป็น revisited ยัง
|
|
|
|
yuridebura
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 19 สิงหาคม 2553, 18:46:39 » |
|
sounds good to me.......
|
|
|
|
|
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์
รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: 19 ธันวาคม 2553, 21:47:37 » |
|
วันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2553 เวลา 14:03:10 น. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1284275008&grpid=03&catid=00
"มาร์ค"ดัน 3 จีเกิดเร็วที่สุด ปัดให้ กสช.ฟ้องศาลปกครอง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ
"การขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยโอกาสที่เท่าเทียมกันโดย 3.9 จี"
ในงานมหกรรมเทคโนโลยีสื่อสาร 3.9 จี จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทช.) โดยมีใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างโอกาสให้ประชาชนทั่วไป ทั้งด้านอาชีพการงาน การยกระดับคุณภาพชีวิต รวมถึงการพัฒนาภาพรวมของเศรษฐกิจ รัฐบาลจึงส่งเสริมและสนับสนุนเทคโนโลยีความเร็วสูงใน 4 ด้านคือ
1. ด้านเศรษฐกิจ มั่นใจว่าไทยมีศักยภาพในการขยายธุรกิจ โดยนำการพาณิชย์ในเชิงอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ โดยเฉพาะการสร้างความปลอดภัยและการป้องกันการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์
2. ด้านบริการภาครัฐ เทคโนโลยีจะช่วยเชื่อมโยงข้อมูลของหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ และช่วยลดต้นทุน แต่เพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ
3. ด้านสุขภาพและการสาธารณสุข จะเห็นได้ชัดเจนจากการจัดตั้งโรงพยาบาลสร้างเสริมสุขภาพประจำตำบล ซึ่งสามารถใช้การสื่อสารเชื่อมโยงกับโรงพยาบาลอำเภอ หรือจังหวัดได้ และ
4. ด้านการศึกษา เทคโนโลยีจะช่วยให้เกิดการเรียนรู้ทั้งในและนอกระบบ
|
3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
|
|
|
|